Monday, 23 June 2025
TheStatesTimes

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานสุชาติ มอบที่ปรึกษา ลุยพัฒนาศักยภาพ อสร.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้นำบริการแรงงานสู่ประชาชน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานแรงงาน มอบหมายให้ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่เพชรบุรี เปิดกิจกรรมอาสาสมัครแรงงานของ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผู้นำบริการถึงมือประชาชน ส่งเสริมศักยภาพเครือข่าย ป้องกันยาเสพติดในสถานประกอบการ และจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

 

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมในภารกิจของอาสาสมัครแรงงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ปีงบประมาณ พ.ศ.2564  ณ นาน่า รีสอร์ท แก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โดยมี นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย 

 

โดยนางธิวัลรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนนโยบายด้านแรงงานไปสู่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ 

 

ในวันนี้ ท่านสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงมอบหมายให้ดิฉันลงพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีเพื่อมาเปิดกิจกรรมในภารกิจของอาสาสมัครแรงงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปี 2564 ซึ่งการขับเคลื่อนนโยบายด้านแรงงานนั้นจะต้องอาศัยกลไกของอาสาสมัครเป็นผู้ใกล้ชิดประชาชนในชุมชนท้องถิ่น อาสาสมัคร หมายถึง ผู้ที่สมัครใจทำงานเพื่อประโยชน์ให้แก่ประชาชนและสังคม โดยไม่หวังผลตอบแทนเป็นเงิน หรือสิ่งอื่นใด ด้วยความสมัครใจ เสียสละ 


คุณสมบัติที่สำคัญของอาสาสมัครมี 3 ประการ คือ ทำงานด้วยความสมัครใจไม่ใช่ด้วยการถูกบังคับหรือเป็นเพราะหน้าที่ เป็นงานเพื่อประโยชน์แก่ประชาชนและสังคมหรือสาธารณประโยชน์ และทำโดยไม่หวังผลตอบแทนเป็นเงิน หรือสิ่งของมีมูลค่าแทนเงิน

 

นางธิวัลรัตน์ กล่าวต่อว่า ต้องขอชื่นชมในความเสียสละของอาสาสมัครแรงงาน (อสร.) ที่มุ่งมั่นตั้งใจทำงานให้กับกระทรวงแรงงาน เนื่องจากเครือข่ายอาสาสมัครแรงงานเป็นกลไกสำคัญในระดับพื้นที่ในการเชื่อมประสานและนำบริการด้านแรงงานไปสู่ประชาชนในพื้นที่ทำงานทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพให้แก่อาสาสมัครแรงงานในด้านการประชาสัมพันธ์ การสื่อสาร รวมถึงเทคนิคการนำเสนออย่างมืออาชีพ ซึ่งเป็นภารกิจที่สำคัญในการปฏิบัติงานในพื้นที่ 

 

จึงขอให้ทุกท่านตั้งใจรับความรู้และประสบการณ์จากการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ นำไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน รวมถึงได้ร่วมกันทำความดีเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสาธารณะ อันจะเป็นการแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อีกด้วย

“บิ๊กป๊อก” ปัด ไม่รู้มีตั้งพรรคการเมือง ยัน ขรก.ทำงาน อยู่ ไปตั้งพรรคไม่ได้

วันที่23 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล .อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวหลังประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกระแสข่าวตั้งพรรคการเมืองใหม่ที่มีพล.อ.อนุพงษ์ เป็นคนกำกับดูแล ว่า “ ไม่มีหรอก ผมไม่รู้เรื่อง”

 

เมื่อถามย้ำว่ามีกระแสข่าวบิ๊กข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ดำเนินการในเรื่องนี้ รับทราบแล้วหรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เห็นมีแต่คนเขาพูดกัน  จะทำได้อย่างไร ในเมื่อเป็นข้าราชการและยังทำงานอยู่ ไม่ได้ข่าว

 

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อสังเกตการตั้งพรรคการเมือง หลังมีกระแสข่าวลือยุบสภา พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “ ไม่ได้ข่าวเลย ”

นายกฯ สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งฉีดวัคซีนให้ปชช. พร้อมสั่ง เร่งสร้างถนนสายใหม่ เลี่ยงผ่านพื้นที่ชุมชนแออัด หวังเพิ่มขีดความสามารถประเทศ

วันที่ 23 มี.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุม ครม.ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่าประเทศไทยเริ่มมีการฉีดวัคซีนให้ประชาชน ซึ่งนายกฯได้ให้นโยบายเรื่องการให้วัคซีนในแต่ละกลุ่ม 

 

เพื่อให้ประชาชนได้ทราบว่ามีความโปร่งใส และสั่งการให้เร่งรัดฉีดวัคซีนเมื่อได้รับวัคซีนมาจากต่างประเทศ และในอนาคตเมื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับวัคซีนที่กระจายจากส่วนกลางแล้ว โดยให้ดูเรื่องของประสิทธิภาพของวัคซีนที่ได้ฉีดให้คนไทยด้วย

 

นอกจากนี้นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังแถลงถึงผลประชุมครม.ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวในที่ประชุมถึงเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะการก่อสร้างถนนสายใหม่ ในเส้นทางหลัก 

 

ซึ่งมีความจำเป็นในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และถือว่าเป็นการลดความแออัด และลดปัญหาการจราจรของเมืองหลักด้วย แต่การก่อสร้างถนนสายหลักจะต้องไม่ผ่านพื้นที่ที่มีชุมชนแออัด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาของพี่น้องประชาชน 

วันนี้เป็นวันคล้ายวันประสูติของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ หรือที่คนไทยรู้จักกันในพระนาม ‘พระองค์จุล’ เจ้านายชั้นสูงที่ทรงมีเชื้อสายชาวต่างชาติ เป็นพระองค์แรกในพระบรมราชวงศ์จักรี

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ เป็นพระโอรสในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ พระราชโอรสในรัชกาลที่ 5 กับ หม่อมคัทริน ณ พิศณุโลก ชายาชาวรัสเซีย

เมื่อยังทรงพระเยาว์ ทรงเข้าศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (ระดับประถม) จนพระชันษาครบ 13 ปี ได้เสด็จไปทรงศึกษาที่โรงเรียนแฮร์โรว์ ประเทศอังกฤษ จากนั้นทรงศึกษาระดับอุดมศึกษา ที่วิทยาลัยตรินิตี้ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ด้านประวัติศาสตร์ และทรงได้รับปริญญาตรี เมื่อปี พ.ศ. 2473 และปริญญาโท ในปี พ.ศ. 2477

เมื่อสำเร็จการศึกษา พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ทรงเข้ารับราชการเป็นนายทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ปฏิบัติหน้าที่ ณ สถานเอกอัครราชทูตไทย ในกรุงลอนดอน ต่อมา ทรงค้นพบว่า มีความสนพระทัยในงานประพันธ์และประวัติศาสตร์ จึงทรงพระนิพนธ์หนังสือ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 13 เล่ม โดยเล่มที่ยังถูกกล่าวถึงมาจนปัจจุบัน ได้แก่ เกิดวังปารุสก์, เจ้าชีวิต, ดาราทอง และไทยชนะ

ตลอดพระชนม์ชีพ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ทรงประกอบกิจต่าง ๆ มากมาย โดยทรงเป็นผู้แทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหลายพระองค์ ในงานพระราชพิธีต่าง ๆ อาทิ ทรงเป็นผู้แทนพระองค์พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ในงานพระบรมศพสมเด็จพระเจ้าอัลแบร์ที่ 1 พระเจ้าแผ่นดินเบลเยี่ยม ในปี พ.ศ. 2477 ทรงเป็นผู้แทนพระองค์พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 8 ในงานพระบรมศพพระเจ้าจอร์จที่ 5 และงานพระบรมราชาภิเษก พระเจ้าจอร์จที่ 6 รวมถึงทรงเป็นผู้แทนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ในงานพระบรมราชาภิเษก สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร

นอกจากนี้ ยังทรงมีกิจด้านการศุลมากมาย ตลอดจนบริจาคทรัพย์เพื่อการกุศล โดยเฉพาะในโรงพยาบาลต่าง ๆ เนื่องจากทรงเล็งเห็นในความสำคัญของงานสาธารณสุข กระทั่งช่วงท้ายพระชนมชีพ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ทรงประชวรเป็นเนื้องอกที่หลอดอาหารส่วนบน โดยพำนักรักษาพระองค์อยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก่อนที่ในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2506 จะทรงสิ้นพระชนม์อย่างสงบ

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ทรงเป็นเจ้านายชั้นสูงที่ทรงประกอบกิจเพื่อแผ่นดิน ตลอดจนมีผลงานทรงพระนิพนธ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษามากมาย ควรค่าแก่การยกย่องเป็นอย่างสูง


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/พระเจ้าวรวงศ์เธอ_พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์

หลังจากที่เราสังเกตการรัฐประหารตั้งแต่ Day 1 จนถึงวันนี้นั้น ฉันว่าการต่อสู้ในเมียนมามีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจอยู่และทำให้เหตุการณ์ไม่สงบยืดเยื้อ ซึ่งนั่นเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก Fake News ที่มากมายในเมียนมา

ขณะนี้ หลาย ๆ ข่าวหลายเรื่องราวที่ปรากฎออกมาบนเฟซบุ๊กก็ดี หรือข่าวออกสื่อหลักในไทยหรือพม่าก็ดี บางข่าวเป็นข่าวที่พูดออกมาจากคนโดยปราศจากหลักฐานภาพกล้องวงจรปิด ซึ่งฉันขอเรียกสิ่งที่นำเสนอออกมาว่ามันคือ Fake News ประเภทหนึ่งที่เรียกว่า โฆษณาชวนเชื่อ หรือ Propaganda นั่นเอง

ในเมียนมานับจากที่ทางทหารทำการรัฐประหารสิ่งที่ฉันเห็นมา คือ ข่าวทั้งจากฝั่งไทยก็ดี ฝั่งพม่าก็ดี ฝั่งชนกลุ่มน้อยก็ดี หลายข่าวหากไม่สืบหาข้อมูลดี ๆ ย่อมคล้อยตามได้ง่าย

แรก ๆ โฆษณาชวนเชื่อที่ออกมาเป็นการปลุกระดมให้ประชาชนออกมาต่อต้าน พอได้จำนวนคนมาก็เริ่มดำเนินการหรือจะเรียกได้ว่า ม็อบสูตรประเทศไทย คือ การพยายามสร้างภาพว่าม็อบที่เรียกร้องให้ปล่อยตัวนางอองซานซูจีนั้นเป็นสิ่งสวยงาม

ตามต่อมาด้วยภาพที่ทำให้เราต้องคิดว่า เฮ้ย…ผู้กำกับเดียวกันนี่หว่า…

แต่หลังจากทางกองทัพไม่ได้ให้ราคากับคนพวกนี้ ก็มีกลุ่มที่พยายามจะบิดเบือนด้วยประกาศปลอม แต่สุดท้ายก็มีคนจับโป๊ะได้ว่าประกาศนั้นเป็นประกาศปลอม

หลังจากที่มีคนชุมนุมมากพอจนทำให้ฝ่ายตำรวจต้องจับอาวุธมาสลายผู้ชุมนุม จนทำให้มะแจซินถึงแก่ความตาย แต่ความตายของมะแจซินเต็มไปด้วยเงื่อนงำ ไม่ว่าจะเป็นรูปที่โพสต์ไว้มากมายก่อนตายทั้งภาพและคลิปในเหตุการณ์ที่มะแจซินเป็นทั้งผู้บริจาคให้ผู้ชุมนุมและมะแจซินเป็นผู้นำในกลุ่มผู้ชุมนุมก็ดี

หลายคนที่พยายามมองทั้งสองด้านคงมองแบบผมว่า มะแจซิน คือ ศพที่ถูกสั่งให้ตายด้วยมือที่สาม เพราะเห็นได้ว่าหลังจากการตายของมะแจซิน มีฝ่ายหนึ่งการนำการตายของมะแจซินออกมาโหนอย่างชัดเจน จนฝั่งทหารพม่าต้องเข้ามาตรวจสอบหัวกระสุนที่ยิงใส่มะแจซิน

แม้ทางฝ่ายทหารจะแถลงมาว่ากระสุนสังหารของมะแจซินไม่ใช่กระสุนสไนเปอร์เพราะลักษณะของแผลเป็นกระสุน .22 แต่อย่างไรก็ดีก็อย่างที่ทราบกันในประเทศที่ไม่มีมุมมองเป็นกลาง ย่อมไม่มีใครเชื่อว่าการตายของมะแจซินเกิดจากมือที่สาม

ต่อมาแม้จะมีเฟคนิวส์มากมาย แต่ทางทหารก็ไม่ได้ตอบโต้อันใดทางโซเชียล แม้บางเฟคนิวส์ที่ฉันทราบจะทำให้ฉันขำจนถึงขั้นตกเก้าอี้อย่างเช่น การที่ทหารนำศพผู้เสียชีวิตที่ถูกสังหารไปผ่าพิสูจน์แล้วมีคนบอกว่าทหารนำเครื่องในคนตายไปขาย คือ เอิ่ม…เครื่องในคนนะ เอาไปต่อชีวิตนะ ไม่ใช่เอาไปต้มตือฮวน มันมีเวลาในการเก็บอวัยวะ ไม่ใช่ตายกันมาครึ่งวันหรือรอข้ามวันแล้วมาเอาเครื่องในตอนผ่าพิสูจน์

และล่าสุดที่ฉันทราบข่าวคือ การจับตัวหลวงพ่อ บะมอสะยาดอว์ก็ดี หรือ การที่ทหารไปลอกทองชเวดากองก็ดี คือเฮ้ย...พวกคุณรู้ไหม 'มิน อ่อง ลาย' เขาทำบุญเยอะมากนะ ถ้ามีใครตามข่าว 'มิน อ่อง ลาย' ในช่วงที่เกิดรัฐประหาร เหมือนรู้ว่าตัวเองทำบาป เลยพยายามทำบุญเยอะมากเพื่อลบล้างบาป

สุดท้ายที่ฉันเจอคือข่าวหญิงสาวตกตึกตายก็ดี หรือ ข่าวตำรวจแบกกล้วยก็ดี ก็มีการตีข่าวว่า ตำรวจผลักคนตกตึก ตำรวจ ทหาร ปล้นกล้วยเพราะไม่มีอะไรจะกิน นี่คือเฮ้ยแค่รูปเดียวรู้ดีกันขนาดนี้เลยเหรอ ฉันว่าภาพๆเดียวมันสื่ออะไรไม่ได้มั้ง

สุดท้ายเราแค่อยากจะสื่อว่าในสถานการณ์ที่ยังไม่มีอะไรชัดเจน การเสพข่าวอะไรก็ตามไม่ควรจะอินตามกระแส แต่ควรหาข้อมูลมาสนับสนุนหรือหักล้างว่าสิ่งที่เราได้ทราบมานั้นจริงหรือไม่จริง เหมือนกับการมองภาพๆ หนึ่ง สื่อบางรายอาจจะเลือกมุมที่จะนำเสนอ แต่หากคุณเป็นคนที่มีเหตุมีผล คุณควรจะมองภาพทั้งภาพไม่ใช่ภาพในมุมใดมุมหนึ่งเท่านั้น


ที่มา: AYA IRRAWADEE

"ติ้ก ชีโร่" กับชื่อเสียงในวัย 60 ปี งานเพลงคืองานศิลปะ | Click on Clear Exclusive EP.7

บทสัมภาษณ์ สุด Exclusive 35 ปี กับการเป็นติ๊ก ชิโร่ ในวันที่ก้าวสู่วัย 60 ปี งานเพลง ที่ถือเป็นงานศิลปะ ที่ชิ้นต่อไปต้องดีกว่าชิ้นแรกเสมอ และชื่อเสียงคือสิ่งมีค่าที่มีเพื่อทำประโยชน์เพื่อสังคม

.

 

รายการ :  "ติ้ก ชีโร่" กับชื่อเสียงในวัย 60 ปี งานเพลงคืองานศิลปะ | Click on Clear Exclusive EP.7

 

.

 

.

บทบาทที่เด่นชัดที่สุดของ ติ๊ก ชิโร่

เพราะบทบาทที่หลากหลายของ ติ๊ก ชิโร่ จึงเปิดประเด็นแรกมาด้วยคำถามว่า แท้จริงบทบาทไหนคือบทบาทที่เด่นชัดที่สุด  โดยพี่ติ๊กเล่าว่า ส่วนตัวที่รู้สึกมีความสุขในการทำ คือเรื่องของ CSR ในการให้ความช่วยเหลือคนอื่น เมื่อช่วงน้ำท่วมปี 54 ตนได้ออกปฏิบัติการณ์ช่วยเหลือเป็นครั้งแรก ในตอนที่พนังกั้นน้ำที่แม่น้ำเจ้าพระยาพังทลาย ทำให้น้ำทะลักเข้าสู่โรงเรียนอนุบาล ตนได้ไปอุ้มเด็กอนุบาลทีละคน เป็นความสุขที่ได้ช่วยเหลือคนอื่น และในตอนที่แผ่นดินสไลด์ในจังหวัดอุบลราชธานี ได้ตัดสินใจทำโครงการชื่อว่า ปั่นเดี่ยวเยียวยา เพราะไม่อยากทำให้คนอื่นเดือดร้อน เลยนั่งคุยกับทีมงานว่าจะปั่นจักรยานไปช่วยพวกเขา ก่อนจะควักเงินสองหมื่นบาทของตัวเองฝากธนาคารไว้ และหากใครอยากช่วยบริจาคก็ให้นำมาฝาก

ปั่นจักรยานกว่า 700 กิโลเมตร 7 วัน 7 คืน

จากโครงการปั่นเดี่ยวเยียวยา กลับกลายเป็นว่าปั่นหมู่ เพราะทุกคนมาช่วยกัน ไม่ว่าจะเป็นทีมของจักรยานล้อเดียว นักปั่นจักรยานทั่วไปในกทม. จากสระบุรีมารับไปส่งถึงโคราช ขี่ต่อไปที่บุรีรัมย์ ไปสุรินทร์ จนกระทั่งเข้าสู่อุบลราชธานี พบบ้านเรือนที่เสียหายจากภัยธรรมชาติ จากเงินสองหมื่นบาทในวันนั้น สามารถนำไปช่วยเหลือคนอื่นได้ประมาณ 1,006,213 บาท 38 สตางค์ เป็นสิ่งที่ตนรู้สึกอิ่มใจมาก

ข้าพเจ้าจะช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ ข้าพเจ้าจะเห็นการช่วยเหลือเป็นเรื่องที่เราจะต้องทำ”

ประโยคด้านบนเป็นแนวคิดของศิลปินที่ชื่อว่า ติ๊ก ชิโร่  วิธีคิดแบบนี้พี่ติ๊กได้มาจากมุมมองว่า ตัวเราเองก็มีศิลปินที่ชื่นชอบ เพราะฉะนั้นคนอื่น ๆ ที่ชื่นชอบเราในฐานะศิลปิน เราก็น่าจะให้โอกาสเขา ในแนวทางเดียวกัน ต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา เพราะเขารัก เขาชื่นชมเรา เราก็น่าจะต้องมอบบางสิ่งบางอย่างตอบแทนกลับไปให้เขา สิ่งนี้เป็นพื้นฐานในหัวใจว่า เราจะช่วยเหลือผู้อื่นเท่าที่เราจะทำได้

พี่ติ๊กมองว่า ความมีชื่อเสียงสามารถสร้างประโยชน์ให้ได้มากกว่าแค่ตัวเองกับครอบครัว ความสุขของแฟนคลับ เช่น การเข้ามาขอถ่ายรูป ทักทาย หรือพูดคุย ถือเป็นความสุขของเขาที่เราสามารถตอบแทนให้ได้ โดยที่ไม่ต้องมากังวลอะไร เป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับว่า เราเป็นคนของสาธารณะ

แต่ถึงอย่างไรระหว่างศิลปินและแฟนคลับต้องมีการเคารพกันทั้งสองฝั่ง กฎ กติกา มารยาท เป็นสิ่งที่ต้องมี สำหรับศิลปินบางคนที่มีความเป็นปัจเจกจริง ๆ พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่อาจจะบอกว่า “คุณไปดูผมบนเวทีนะ แต่ถ้าหมดจากเวทีขอไม่ถ่ายรูป”  แบบนี้ถือว่าทำงานบนเวที ความรับผิดชอบในส่วนนั้นหมดลงแล้ว พอลงมาขอเป็นตัวของตัวเอง นั่นก็เป็นสิทธิ์ที่เขาจะทำได้ พี่ติ๊กกล่าว

มุมมองต่อยุคสมัยที่เปลี่ยนไปในยุคของโซเชียลมีเดีย

พี่ติ๊กเล่าว่า คนเราบางครั้งที่ประสบความสำเร็จแล้ว จะมีความหลงลืม เพ้อฝัน สิ่งเหล่านี้เป็นสิทธิ์ที่ทุกคนสามารถเป็นได้ ในยุคปัจจุบันความเร็วของโซเชียลมีเดีย โลกออนไลน์ สามารถที่เอ่ยจะชื่นชม ทำลาย ดราม่า บางทีเราจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้เพื่อจะอยู่กับมัน อีกมุมหนึ่งจะเห็นได้ว่าในยุคนี้ที่มีโซเชียล ศิลปินและแฟนคลับมีความใกล้ชิดผูกพันกันมากกว่าสมัยก่อน สามารถเจอกันได้แทบจะทุกเวลา อัปเดตชีวิตได้ตลอด

เพจเฟซบุ๊ก ‘Tik Shiro’

หากใครติดตามเพจเฟซบุ๊กของ ติ๊ก ชิโร่ จะพบกับกิจกรรมไลฟ์ทำอาหาร ไลฟ์สไตล์ และกิจกรรมอื่น ๆ มากมาย พี่ติ๊กเล่าว่าความหมายที่เป็นเหตุผลเดียวในการเปิดเพจ เกิดจากการที่อยากจะทำกับข้าวให้ลูกสาวทาน ทุกเมนูเป็นเมนูแรกในชีวิต โดยเมนูที่ลูกทั้งสองชอบมากคือ ข้าวผัด ส่วนเมนูที่ฮือฮามากที่สุดคือ ไข่ตุ๋นเด้งดึ๋ง  พร้อมทั้งเผยสูตรลับ ไข่ 1 ส่วน น้ำ 2 ส่วน พี่ติ๊กรับประกันว่าออกมาเด้งดึ๋ง ๆ แน่นอน

ฉันไม่ผิด’ เพลงทันสมัย ลายเส้นเดิม

เพลง ฉันไม่ผิด กับยอดวิวที่พุ่งไปถึงล้านสอง ผลงานของติ๊ก ชิโร่ ที่มีความแปลกใหม่ เอ็มวีมีเนื้อหาภาพ รวมถึงตัวละครพระเอกนางเอกที่ทันสมัยเข้ากับยุคปัจจุบัน แต่รูปแบบการร้องยังคงเป็นลายเส้นเดิมของพี่ติ๊ก  

พี่ติ๊ก กล่าวว่า เพราะเรายังมีพลังในการทำงานอยู่  ในฐานะที่เป็นนักแต่งเพลง ก็สามารถแต่งเพลงได้ตลอด อย่างเมื่อคืนแม้ว่าจะนั่งสังสรรค์ก็แต่งเพลงออกมาได้อีก 1 เพลง รับรองว่าต้องร้อยล้านวิวแน่นอน ให้คอยติดตามทางโซเชียลมีเดีย

ตายทั้งเป็น’ ติ๊ก ชิโร่ Cover -แจ้ ดนุพล

เมื่อเดือนที่แล้ว ติ๊ก ชิโร่ ได้ปล่อยเพลง Cover ตายทั้งเป็นของ พี่แจ้ ดนุพล ออกมาให้แฟน ๆ ได้รับฟังกัน โดยที่มานั้น พี่ติ๊กเล่าว่า ในยุคสมัยนี้คนที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนสังคม คือ Influencer Youtuber อย่างเช่น พิมรี่พาย ที่ตนเพิ่งมาทราบว่าร้องเพลงเพราะมาก พิมรี่พายได้ให้ฟักกลิ้ง ฮีโร่ โทรมาให้พี่ติ๊กเป็นสะพานเชื่อมโยงกับพี่แจ้ให้ เพื่อจะซื้อลิขสิทธิ์เอามาทำโคฟเวอร์  เช่นเดียวกับตนที่ซื้อลิขสิทธิ์มาทำเหมือนกัน ตายทั้งเป็น คำดูเหมือนว่าอย่างไรก็จะต้องเป็นเพลงช้า พี่ติ๊กเลยได้มีการลด Tempo และ Beat ลงมา จนกลายเป็นเพลงช้าที่รู้สึกว่าสามารถนอนฟังทั้งคืนได้

พี่ติ๊กนิยามรูปแบบเพลงโคฟเวอร์ครั้งนี้ไว้ว่า เป็นการย้อนเวลากลับไปสู่ยุค 90 หากสังเกตดี ๆ จะพบว่าเพลงนี้เป็นเพลงช้าที่มีท่อนที่แต่งขึ้นมาใหม่ อย่างเช่น ‘ตายทั้งที่ยังมีลมหายใจ’

เพลงที่ชอบมากที่สุด

เพลงที่ชอบมาก เรียกได้ว่าสามารถฟังได้ทั้งวันทั้งคืน ติ๊ก ชิโร่ ยกให้เพลง ชัดเจน เพราะมีความตั้งใจไว้ว่าเพลงนี้จะถ่ายทอดความรักที่สมบูรณ์แบบ ความรักที่อยู่ในมุมบวก คาดหวังว่าเพลงนี้จะกลายเป็นเพลงสำหรับการแต่งงาน

พร้อมทั้งเล่าว่า เวลาที่จะแต่งเพลงอะไรที่เคยประสบความสำเร็จมา อย่างเช่น ออกมาเต้น เพลงต่อไปต้องทำให้เทียบเท่าหรือดีกว่า จากออกมาเต้น จึงเกิดเป็นเพลง มาจอยกัน

บทบาทนักแต่งเพลงและนักดนตรีของ ติ๊ก ชิโร่

จากคำบอกเล่าของเจ้าตัวพบว่า การแต่งเพลงส่วนใหญ่ของติ๊ก ชิโร่ เกิดมาจากการสังเกตเห็นปรากฏการณ์ต่าง ๆ แล้วจึงนำมาแต่งเป็นบทเพลง การแต่งเพลงในยุคใหม่นี้ พี่ติ๊กเผยว่า ในทางศิลปกรรม เรียกว่าเป็น ลัทธิ หากจะให้นิยามการแต่งเพลงของตัวเองว่าเป็นรูปแบบไหนนั้น จากเพลง รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง พี่ติ๊กให้เป็นรูปแบบของ contemporary หรือ ร่วมสมัย อย่างคำว่า สลากยังมีกินแบ่ง หลายคนก็ถามว่ามาแต่งเป็นเพลงได้ยังไง สิ่งนี้เองที่จะทำให้นักแต่งเพลงรุ่นใหม่กล้าคิด กล้าทำ กล้านำเสนอ โดย 2 สิ่งสำคัญสำหรับนักแต่งเพลงที่จะสร้างผลงาน คือ 1. หลักของความเป็นจริงในชีวิต และ 2. จินตนาการ

หากติดขัดในการแต่งเพลง เทคนิคที่ติ๊ก ชิโร่ไม่เคยบอกใคร คือ ให้หยิบหนังสืออะไรก็ได้ขึ้นมา หรือดูแป้นคีย์บอร์ดของคอมพิวเตอร์ ไล่ดูตัวอักษรที่ลอยขึ้นมา สักพักจะทำให้เราสามารถแต่งเพลงต่อได้

วิกฤตโควิด—19 ต่อวงการดนตรี

จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง รวมถึงในแวดวงคนดนตรี พี่ติ๊กเล่าว่า การเข้าไปทำงานตามร้านอาหาร ผับ บาร์ไม่ได้ของศิลปิน นักร้อง นักดนตรี ทำให้ตนมีความห่วงใยในฐานะ CSR และนักดนตรีรุ่นพี่ จึงได้นำเงินของตัวเองจำนวน 2 แสนบาทมาตั้งเป็นโครงการเพื่อนช่วยเพื่อน ปล่อยข่าวไปในกลุ่มนักดนตรี จากนั้นจะมีนักดนตรีเดินทางมาเล่นดนตรี จบแล้วจะมีการมอบเงินให้ วงละ 5,000 บาท สิ่งสำคัญคืออยากให้นักดนตรีของไทยมีเพลงที่เป็นของตัวเอง ใครที่เดินทางมาก็จะขอให้เล่นเพลงของตัวเองก่อน  โครงการครั้งนี้ช่วยได้ถึง 300 วง

ชีวิตจริงเป็นคนโรแมนติกไหม?

จากเพลงรักหวานซึ้งมากมายที่ถูกถ่ายทอด ทำให้มีคำถามว่าในชีวิตจริงนั้น ติ๊ก ชิโร่เป็นคนโรแมนติกไหม โดยพี่ติ๊กได้ตอบว่า ตัวเองถือว่าเป็นคนโรแมนติก อิงจากเนื้อเพลงชัดเจนในท่อนที่ร้องว่า ที่ไม่ใช่เป็นความรักที่แปลกๆ
เหินๆ ห่างๆ อยากใกล้กัน อยากชิดกัน อยากพูดทุกวัน ฉันรักเธอ นี่แหละคือคำว่าชัดเจน รักในแบบฉบับติ๊ก ชิโร่

พี่ติ๊กให้ข้อคิดที่น่าสนใจในเรื่องของความรักไว้ว่า ถึงแม้จะครบรอบการแต่งงานมา 30 ปีแล้ว แต่บางครั้งความรักไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบอย่างเดียว มันมีบางสิ่งบางอย่างที่เป็นตัวแปร เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพความเป็นจริง ที่เราต้องยอมรับให้ได้

แผนในวัย 60 ปีของ ติ๊ก ชิโร่

พี่ติ๊กเล่าว่าในวัย 60 ขึ้นไปก็จะยังคงร้องเพลง แต่งเพลง และทำงานศิลปะอยู่ ถ้าถามว่าสนใจอะไรบ้างในอายุ  60 ไปแล้วนั้น เจ้าตัวตอบว่าอยากจะ Cool down ลงมา ทำใจสบาย ๆ อยู่กับธรรมชาติ วาดรูป ทำงานศิลปะไปเรื่อย ๆ  แถมยังเผยอีกว่าจะมีคอนเสิร์ตของติ๊ก ชิโร่ มาในชื่อ คอนเสิร์ตแซยิด และจะมีผลงานเพลงออกมาเรื่อย ๆ ทั้ง 300 เพลงที่ถือลิขสิทธิ์อยู่ อาจจะมีศิลปินต่าง ๆ มาร่วมร้อง ละยังอาจจะมีโปรเจคที่สร้างเพื่อคนรุ่นใหม่อีกด้วย

ติ๊ก ชิโร่ ทิ้งท้ายไว้ว่า การที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จได้นั้น มีอยู่ไม่กี่อย่าง อย่างหนึ่งคือใจรัก มุ่งมั่น อย่างที่สองคือ ต้องมีวินัย และวันนึงโอกาสจะเป็นของเรา

รัฐบาล เตือนผู้กระทำผิดโครงการเยียวยาผลกระทบโควิด ทั้ง ‘เราชนะ’ ‘คนละครึ่ง’ และมาตรการอื่น ๆ ด้าน ‘บิ๊กตู่’ สั่งฟันคนทุจริตแลกเงินสิทธิโครงการรัฐอย่างจริงจัง ลั่นให้หยุดพฤติกรรมโกง ก่อนถูกระงับสิทธิ และถูกดำเนินคดี

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมายังมีประชาชนและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจที่กระทำการทุจริต ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงได้มีการจัดตั้งคณะทำงานพิจารณาตรวจสอบข้อมูลเรื่องอุทธรณ์สำหรับโครงการคนละครึ่ง และคณะทำงานพิจารณาตรวจสอบข้อมูลเรื่องร้องเรียนสำหรับโครงการเราชนะอย่างจริงจัง

ในกรณีที่มีพฤติกรรมการใช้จ่ายวงเงินตามสิทธิ์ที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ เช่น การแลกวงเงินสิทธิ์เป็นเงินสด เป็นต้น โดยเปิดช่องทางให้ประชาชนสามารถร้องเรียนผ่าน e-mail หรือไปรษณีย์ เพื่อตรวจสอบ รวมทั้งร่วมมือกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากพบว่ากระทำความผิดจริงจะดำเนินการระงับสิทธิแอปพลิเคชันถุงเงิน เครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังเปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการและกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ติดตาม ตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าวอย่างจริงจัง

เนื่องจากการกระทำผิดดังกล่าวขัดต่อวัตถุประสงค์ของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือเยียวยา ลดภาระค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ที่ผู้ค้ารายย่อยและผู้บริการทั่ว ๆ ไปจะได้ดำเนินกิจกรรมต่อไปได้

ครม.ไฟเขียว! ถอดเงินสนับสนุนค่าใช้จ่าย อสม. ออกจาก อบจ. โยกกลับมาให้ สธ.

วันที่ 23 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวไตรศุลี  ไตรสรณกุล  รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เห็นชอบถอดรายการเงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนการดำเนินงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านออกจากรายการเงินอุดหนุนขององค์การบริหารส่วนจังหวัด

 

โดยให้นำเงินงบประมาณเงินอุดหนุนสำหรับจ่ายค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านไว้ที่กระทรวงสาธารณสุข และให้กระทรวงสาธารณสุขเสนอตั้งงบประมาณรายการดังกล่าว ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2565 เป็นต้นไป เนื่องจากภารกิจการจ่ายเงินค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ไม่ใช่ภารกิจถ่ายโอนตามแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

 

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า ทั้งนี้ ครม. ได้มีมติเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2561 เห็นชอบให้เพิ่มค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านจากเดิมเดือนละ 600 บาทต่อคน เพิ่มขึ้นเป็น 1,000 บาทต่อคน ทำให้ในปีงบประมาณ 2563 รายการเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านคิดเป็นร้อยละ 44.64 ของเงินอุดหนุนที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดได้รับจัดสรร และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น องค์การบริหารส่วนจังหวัดจึงมีงบประมาณเงินอุดหนุนสำหรับจัดการบริการสาธารณะที่มีความสำคัญและจำเป็นด้านอื่นๆในสัดส่วนที่ลดลง

ครม.ไฟเขียว ข้อเสนอ ป.ป.ช. สกัดทุจริต กรณีศึกษาโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ชี้! ให้ศึกษาอีไอเอ-สร้างอาคารฝั่งตะวันออก และตะวันตกก่อน

วันที่ 23 มี.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุม

ครม.ว่า ครม.เห็นชอบข้อเสนอแนะในการป้องกันการทุจริตกรณีศึกษาโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

 

ซึ่งเรื่องนี้นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญแสดงความเห็นเบื้องต้น คัดค้านการต่อขยาย โดยมีข้อสังเกตว่า ส่วนต่อขยายดังกล่าว ยังไม่ได้รับการออกแบบและจัดทำอีไอเอ ที่มีงบประมาณค่อนข้างสูง และผู้โดยสารต้องนั่งรถไฟภายในอาคาร 3-4 ต่อ และอาจทำให้การสัญจรหรือการเดินรถบนมอเตอร์เวย์ติดขัดได้ เพราะอาคารผู้โดยสารตั้งรวมกันอยู่ด้านเดียว 

 

เรื่องนี้คณะกรรมการป.ป.ช.ได้มีการศึกษาข้อมูลต่างๆ และได้มีข้อสรุปว่า การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ควรเร่งก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก ตามมติครม. เมื่อเดือนส.ค.2553 โดยเร็ว และควรดำเนินการโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันตกในคราวเดียวกัน เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 75 ล้านคนต่อปี 

 

นอกจากนี้การท่าอาอาศยานควรพัฒนาให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทำตามแนะนำของสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารทิศตะวันออก ตะวันตก และทิศใต้ด้วย เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 120 ล้านคนต่อปีเป็นลำดับแรกก่อน แล้วจึงนำโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือมาพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง

วันนี้เมื่อ 71 ปีก่อน เป็นวันถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2468 ณ เมืองไฮเดลเบิร์ก ประเทศเยอรมัน เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

เมื่อทรงพระเยาว์ได้ตามเสด็จสมเด็จพระราชชนกและสมเด็จพระราชชนนีไปยังประเทศต่าง ๆ ทั้งประเทศฝรั่งเศส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งสมเด็จพระราชชนกทรงเข้าทรงศึกษาวิชาแพทยศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด สหรัฐฯ ในระหว่างปี พ.ศ. 2469 - 2471 แล้วจึงเสด็จกลับประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อพระชนมายุได้ 3 พรรษา ในระหว่างนั้นสมเด็จพระราชชนกทรงพระประชวรและสิ้นพระชนม์ พระองค์จึงอยู่ในความดูแลของสมเด็จพระราชชนนีเพียงพระองค์เดียว

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เสด็จขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2478 ขณะที่มีพระชนมพรรษา 9 พรรษา และยังทรงประทับอยู่ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จึงได้มีการแต่งตั้งคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพื่อทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินจนกว่าพระองค์จะทรงบรรลุนิติภาวะ

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เสด็จนิวัตพระนครครั้งแรกภายหลังทรงราชย์เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481 และครั้งที่สองเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2488 โดยระหว่างเวลานั้น ทรงตั้งพระทัยจะทรงศึกษาปริญญาเอก สาขานิติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จนเรียบร้อยแล้ว จึงจะเสด็จนิวัตพระนครเป็นการถาวร และจะทรงรับการบรมราชาภิเษกในภายหลัง แต่ก่อนกำหนดการเสด็จพระราชดำเนินกลับไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพียง 4 วัน พระองค์ได้เสด็จสวรรคตด้วยทรงต้องพระแสงปืน เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489

หลังจากเสด็จสวรรคต ได้อัญเชิญพระบรมศพมาประดิษฐาน ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง และจัดให้มีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในระหว่างวันที่ 28 - 29 มีนาคม พ.ศ. 2493 ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง รวมระยะเวลาที่ทรงครองสิริราชสมบัติทั้งสิ้น 12 ปี


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล_พระอัฐมรามาธิบดินทร


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top