Monday, 16 June 2025
TheStatesTimes

[LIVE] สัมภาษณ์พิเศษ! ส.ส. รักษ์ผืนป่า และรองหัวหน้ารวมไทยสร้างชาติ | ELECTION TIME EP.11

[LIVE] สัมภาษณ์พิเศษ! คุณดำรงค์ พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย และคุณวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ

. ในประเด็น Hot!

📌 พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย กั๊ก!! ยังไม่เลือกข้าง

เน้นนโยบายแก้ปัญหาผืนป่าเรื้อรังเป็นตัวชูก่อน

📌 ไม่พลิก!! ‘พล.อ.ประยุทธ์’ เข้าก๊วน ‘รวมใจไทยสร้างชาติ’

.

🎥 ช่องทางรับชม

•Facebook : THE STATES TIMES/THE STATES TIMES PODCAST

•YouTube : THE STATES TIMES/THE STATES TIMES PODCAST

.

🎤ดำเนินรายการโดย... 'ปรเมษฐ์ ภู่โต'

Chief Content Officer THE STATES TIMES

.

🎤แขกรับเชิญสุดพิเศษ . คุณดำรงค์ พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย และ คุณวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ

‘อนุทิน’ ยัน ความพร้อมมาตรการป้องกันโควิดเตรียมรับนักท่องเที่ยวหลังจีนไหลเข้าประเทศ

‘อนุทิน’ แจงมาตรการป้องกันโควิดรับนักท่องเที่ยวยึดหลักเท่าเทียมทุกชาติ เน้นรับวัคซีน มีประกันสุขภาพ ตรวจสายพันธุ์ไวรัสในน้ำเสียจากเครื่องบินเพื่อการเฝ้าระวัง

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แจงมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19

ในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน เตรียมเสนอวันที่ 5 มกราคมนี้ ยึดหลักปฏิบัติเท่าเทียมกันทุกชาติและเป็นไปตามมาตรฐานทางวิชาการ ตรวจเฝ้าระวังเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ในน้ำเสียจากเครื่องบิน ผู้เดินทางต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม มีประกันสุขภาพครอบคลุมการรักษาโควิด-19 พร้อมสื่อสารมาตรการป้องกันตนเอง คาดนักท่องเที่ยวจีนจะทยอยเดินทางมาไตรมาสแรก 3 แสนคน สามารถวางแผนรับมือได้อย่างเป็นระบบ

จีน ปรับมาตรการสู้โควิด เน้นสกัดอาการรุนแรง หันพึ่งพา ‘ยาแผนจีน’ ช่วยบรรเทาอาการเบื้องต้น

ปักกิ่ง, 4 ม.ค. (ซินหัว) — ปัจจุบันจีนได้ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เป็น 'คุ้มครองสุขภาพ สกัดอาการรุนแรง' โดยยุทธศาสตร์ส่วนหนึ่งอาศัยจุดแข็งอันมีลักษณะเฉพาะของการแพทย์แผนจีน (TCM)

กลไกร่วมป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 แห่งคณะรัฐมนตรีจีน ได้จัดงานแถลงข่าวเมื่อวันอังคาร (3 ม.ค.) โดยมีคณะเจ้าหน้าที่จากสำนักบริหารการแพทย์แผนจีนแห่งชาติจีน และทีมผู้เชี่ยวชาญการแพทย์แผนจีน ร่วมตอบประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้อง

หมี่เฟิง โฆษกคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน กล่าวว่า จีนส่งเสริมการบูรณาการแพทย์แผนจีนและแพทย์แผนตะวันตกในการรับมือโรคโควิด-19 เพื่อเพิ่มอัตราการรักษา ลดอัตราการป่วยหนักและการเสียชีวิต รวมถึงกระตุ้นการหายดีโดยเร็วของผู้ติดเชื้อ

จางจงเต๋อ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีน เผยว่ายาแพทย์แผนจีนสามารถช่วยบรรเทาอาการที่เด่นชัด เช่น มีไข้สูง ท้องอืด และท้องผูก ในผู้ติดเชื้ออาการหนัก

หลิวชิงเฉวียน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนปักกิ่ง สังกัดมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์นครหลวง ระบุว่าปกติผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรักษาด้วยยาแพทย์แผนจีนตั้งแต่เนิ่น ๆ จะมีไข้ลดลงจนอุณหภูมิร่างกายกลับสู่ระดับปกติภายในระยะเวลา 2-3 วันหากมีอาการเจ็บคอ ไอ เสียงแหบ และอื่นๆ สามารถรับประทานยาแพทย์แผนจีนตำรับบำรุงทางเดินหายใจ (ซวนเฟ่ยจื่อเขอ) หากมีอาการเจ็บคอหนักมากสามารถรับประทานยาตำรับขับพิษและบรรเทาการเจ็บปวด (ลี่เยี่ยนเจี่ยตู๋จื่อท้ง) หากมีอาการอ่อนเพลีย อาเจียน และท้องเสีย สามารถรับประทานยาตำรับขจัดความชื้นและพิษ (ฮว่าซือเจี่ยเปี่ยวเล่ย)

ดึงสติโซเชียล!! หลังคนจีนแห่เที่ยวไทย จงเป็นเจ้าภาพที่ดี ที่อยู่กับโควิดให้เป็น

จากกรณีจีนเปิดประเทศ และมีการประมาณการนักท่องเที่ยวจีนในไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม 2566) จะมีจำนวนประมาณ 3 แสนคน คิดเป็น 5% ของนักท่องเที่ยวทุกชาติรวมกัน โดยคาดว่ามกราคมจะเข้ามา 60,000 คน กุมภาพันธ์ 90,000 คน และมีนาคม 150,000 คนนั้น ทำให้มีคนจาก 2 ฟากฝ่ายที่ทั้งยินดีต้อนรับ และอคติว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวจีนจะนำพาเชื้อโควิดเข้ามาระบาดสู่ไทยครั้งใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้ 2 แพทย์ชั้นนำของไทยได้ให้ความกระจ่างแบบไม่ต้องตื่นตระหนก เพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี และมีความปลอดภัยไว้ ดังนี้...

ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา ที่ปรึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวไว้ว่า “คนจีนนำรายได้เข้าประเทศเราไม่น้อย ดังนั้นสิ่งที่เราควรระวัง ไม่ใช่ระวัง ‘เขา’ แต่เราต้องลดความเสี่ยง ใส่หน้ากาก เว้นระยะ ล้างมือบ่อยๆ ยังทำได้ไม่ว่ากับโควิด-19 สายพันธุ์ไหนๆ และวัคซีนยังมีอยู่ให้รีบไปฉีดเลย ไม่ต้องรอ”

'อลงกรณ์' กร้าว!! ปี 66 จะเป็นปีแห่งเทคโนโลยีเกษตรไทย หลังเดินหน้าจัดตั้งศูนย์ AIC 'อำเภอ-ตำบล' ทุกจังหวัด

'อลงกรณ์' เดินหน้าจัดตั้งศูนย์ AIC อำเภอและตำบลทุกจังหวัดเร่งถ่ายทอดเทคโนโลยีเกษตรเป็นคานงัดปฏิรูปภาคเกษตรครั้งใหญ่

(4 ม.ค. 66) นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0 และ ประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC) เป็นประธานการประชุมผ่านระบบทางไกลออนไลน์ ZOOM Cloud Meeting ครั้งที่ 1/2566

โดยนายอลงกรณ์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีศักยภาพสูงมากในฐานะประเทศผู้ผลิตและส่งออกอาหารชั้นนำของโลกหรือครัวของโลก (Kitchen of the World) ดังนั้นการพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมเมดอินไทยแลนด์ (Made in Thailand) จึงเป็นคาดงัดที่สำคัญ ในการสร้างจุดเปลี่ยนให้กับภาคเกษตรและเศรษฐกิจของประเทศจึงขอให้ปี 2566 เป็นปีแห่งเทคโนโลยีเกษตรไทยเพื่อยกระดับการพัฒนาภาคเกษตรและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศภายใต้ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีเกษตร 4.0 ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สู่เป้าหมาย 3 สูง คือ ประสิทธิภาพสูง / มาตรฐานสูง และรายได้สูง สอดคล้องกับหมุดหมายเกษตรมูลค่าสูง (Value Shifted) ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 

โดยจะมีการพัฒนาโครงสร้างและระบบใหม่ในปีนี้ได้แก่...

1. ในระดับประเทศ 
คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเทคโนโลยีเกษตร4.0และคณะกรรมการบริหารAICในระดับประเทศจะเป็นแกนหลักในการจัดตั้งสร้างองค์กรเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรวิจัยและพัฒนา วิทยาลัยและมหาวิทยาลัย ภาควิชาการและสถาบันเกษตรกรต่างๆทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายความร่วมมือด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมและข้อมูลข่าวสารตลอดจนการส่งเสริมการค้าการลงทุนการอบรมบ่มเพาะและถ่ายทอดองค์ความรู้

2. ในระดับจังหวัด
เพิ่มความร่วมมือระหว่างศูนย์ความเป็นเลิศ(AICประเภทCenter of Excellence :CoE) 23 ศูนย์ กับศูนย์ AICระดับพื้นที่(AIC area based)ทั้ง 77 จังหวัด เนื่องจากศูนย์ความเป็นเลิศจะมีความรู้เฉพาะด้าน เป็นองค์ความรู้ความสามารถระดับไทยระดับโลก จำเป็นที่จะต้องให้มีการแลกเปลี่ยน ร่วมมือ และถ่ายทอดองค์ความรู้เฉพาะด้านลงสู่ระดับพื้นที่ เพื่อให้สามารถนำองค์ความรู้ลงไปใช้ใน77จังหวัดจึงให้มีการจัดประชุมร่วมในเดือนหน้า เพื่อวางแนวทางความร่วมมืออย่างเป็นระบบ

3. ในระดับอำเภอ
จัดตั้งศูนย์AICอำเภอขึ้นในสำนักงานเกษตรอำเภอ เพื่อสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมจากศูนย์ระดับจังหวัดมาสู่ระดับอำเภอ รวมถึงศูนย์ความเป็นเลิศทั้ง 23 ศูนย์ด้วย เพื่อให้องค์ความรู้สามารถลงสู่พื้นที่ได้ทุกระดับ

4. ในระดับตำบล
ให้ดำเนินการจัดตั้ง ศูนย์ AIC ในระดับตำบลที่อบต.หรือเทศบาลตำบลขับเคลื่อนโดยคณะกรรมการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบล 7,255 ตำบล โดยให้ศพก.ที่มีอยู่ 882 แห่ง รวมทั้งเครือข่าย ศพก.และแปลงใหญ่ เป็น AIC Station สนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับหมู่บ้านตำบลชุมชนใน 76 จังหวัดและ 50 เขตในกทม.

5. จัดตั้ง 'อาสาAIC' ตำบล
ดำเนินการเปิดรับสมัคร หรือคัดสรร อาสา AIC ตำบลละ อย่างน้อย 1 คน โดยสรรหาจาก Young Smart Farmer  Smart Farmer และเปิดรับสมัครผู้ที่มีความสนใจและมีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมในการเดินหน้าร่วมการสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสมในพื้นที่ของตนเอง

6. การจัดทำระเบียบกระทรวงว่าด้วยการบริหาร AIC เพื่อให้สามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องต่อไป

ทั้งนี้ที่ประชุมได้รับทราบรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการฯ ภายใต้คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0
ดังนี้...

1. คณะอนุกรรมการขับเคลื่อน Big Data และ Gov Tech ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีความก้าวหน้าการดำเนินงานการจัดทำ Big Data ด้านเกษตร ระดับจังหวัด โดยมีการต้ังคณะทํางานภายในสศก.เพื่อขับเคลื่อนการจัดทํา Big Data ด้านการเกษตร ซึ่งขณะนี้ (ม.ค. - ก.พ. 66) อยู่ในช่วงของการวิเคราะห์ผลการสํารวจและจัดลําดับความสําคัญ คาดว่าหน่วยงานในพื้นที่จะสามารถใช้ประโยชน์จาก Dashboard ที่สมบูรณ์แล้ว ภายในเดือน ก.ย. 66  และผลการดำเนินงานแนวทางการบูรณาการ Application (Super App) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในปัจจุบันที่ให้บริการอยู่ในรูปแบบของ Web Application Mobile Application และระบบการบริการภาครัฐ ท่ีได้ถูกแปลงให้เป็นดิจิทัลแล้ว มีจํานวน 175 บริการ โดยวางแนวทางดังนี้...

1) พัฒนา Application ที่มีความสามารถเฉพาะอย่าง ตามภารกิจ ของหน่วยงาน 

2) พัฒนา Application ที่มีเป็นศูนย์รวมการให้บริการ ที่เกษตรกร สามารถติดตั้งใช้งาน โดยไม่ใช้ทรัพยากรมาก โดยการเรียกใช้บริการ จะดําเนินการผ่าน API ที่แต่ละหน่วยงานจัดเตรียมไว้และมีระบบการยืนยันตัวตนที่เป็นมาตรฐานร่วมกัน 

3) ระบบการบริการเชื่อมโยงข้อมูล National Single Window (NSW) หน่วยงานใน กษ.จำนวน 5 หน่วยงาน  57 บริการ คือ  e-Payment และ e-Signature

2. คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเกษตรอัจฉริยะ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รายงานความก้าวหน้าของการวิจัยและพัฒนาเครื่องเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังโดยมีการพัฒนาและวิจัยเครื่องขุดมันสำปะหลังแบบไถหัวหมู เครื่องขุดและเก็บมันสำปะหลัง เครื่องตัดต้นมันสำปะหลังแบบติดตั้งหน้ารถแทรกเตอร์ ซึ่งร่วมกับ บริษัท บีทีโอโตพาร์ท เป็นภาคเอกชนที่นำผลงานวิจัย ไปทำการผลิตและจำหน่าย เป็นการพัฒนาและต่อยอดผลการวิจัยข้างต้นให้เป็นต้นแบบ 'เครื่องเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังแบบกึ่งอัตโนมัติ'

การจัดทำเสนอโครงการการพัฒนาและวิจัยที่จะดำเนินการเสนอ สวก. ในการของงบประมาณการวิจัย 3 โครงการ ได้แก่ โครงการการพัฒนา IoTs Platfrom สำหรับการผลิตทุเรียนแปลงใหญ่อัจฉริยะ โครงการการพัฒนาแอปพลิเคชันทำนายและตรวจวิเคราะห์ศัตรูพืช (โรคพืช แมลงศัตรูพืชและวัชพืช) ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการพัฒนาเครื่องจักรกลการเกษตรอัจฉริยะ (เครื่องสาง + ม้วนใบอ้อย) เพื่อแก้ปัญหาการเผาอ้อย และรายงานความก้าวหน้าการขับเคลื่อนการดำเนินงานร่วมกับบริษัท ล็อกซ์เลย์ จำกัด  (มหาชน) เพื่อขับเคลื่อนแปลงใหญ่เกษตรอัจฉริยะข้าว ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการหารือประเด็นสนับสนุนการลดภาษีการนำเข้าเครื่องดังกล่าว และการติดตั้งซิมการ์ด การเชื่อมโยงและการเข้าถึงข้อมูลสภาพอากาศของเกษตรกร เพื่อสนับสนุนการทำเกษตรอัจฉริยะ

ตร.ภ.7 โชว์ผลกวาดล้างอาชญกรรมช่วงปีใหม่ จับกุมผู้ต้องหา - ยึดของกลางได้จำนวนมาก

ตำรวจภูธรภาค 7 แถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ‘พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี’ และ กวดขันจับกุมมาตรการ 10 ข้อหาหลัก เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ 2566 ภายใต้แผนยุทธการ ‘พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี’ ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 ทั้ง 8 จังหวัด 104 สถานี พร้อมของกลางจำนวนมาก

(4 ม.ค. 66) ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรภาค 7 ชั้น 2 ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมด้วย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม สมุทรสาคร ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงคราม กาญจนบุรี เพชรบุรี และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี ตลอดจนผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 7 ร่วมแถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมให้ห้วงเทศกาลปีใหม่ 2566 ภายใต้แผนยุทธการ ‘พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี’ ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 ทั้ง 8 จังหวัด 104 สถานี ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 65 - 30 ธ.ค.65 (ระยะเวลา 10 วัน) พร้อมของกลางจำนวนมาก

ตามนโยบายของรัฐบาล ที่มีความห่วงใยประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวและประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาของตน อาจมีผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาสก่ออาชญากรรม ก่อให้ปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อการเดินทางสัญจรของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน จึงบัญชาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดปราบปรามอาชญากรรม และกวดขันจับกุม 10 มาตรการหลักเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน ให้บังเกิดผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ

ตำรวจภูธรภาค 7 ร่วมสนองรับนโยบาย ควบคุมการปฏิบัติ และสั่งการให้ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดในสังกัด 8 จังหวัด และผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 บูรณาการการทำงานกับหน่วยงานในพื้นที่ ระดม กวาดล้างอาชญากรรมในห้วงดังกล่าว และกวดขันจับกุม 10 มาตรการหลักเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนในห้วงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ ที่พี่น้องประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา (ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.65 - 2 ม.ค.66) โดยมีผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมภายใต้แผนยุทธการ ‘พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี’ (ระหว่างวันที่ 20 - 29 ธ.ค.65) เน้นเป้าหมายความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน ยาเสพติด พรบ.คนเข้าเมือง และบุคคลหมายจับ เพื่อป้องกันเพื่อลดโอกาสมิให้ผู้ไม่หวังดีก่ออาชญากรรมในช่วงที่ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ดังนี้

1. ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน จับกุม 584 ราย ผู้ต้องหา 584 คน
2. ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จับกุม 1,977 ราย ผู้ต้องหา 1,993 คน
3. จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ จับกุม 789 หมาย ผู้ต้องหา 786 คน  
4. ความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ จับกุม 2,312 ราย ผู้ต้องหา 2,326 คน
5. ความผิดเกี่ยวกับการพนัน จับกุม 474 ราย ผู้ต้องหา 552 คน
6. ความผิดเกี่ยวกับสถานบริการ จับกุม 8 ราย ผู้ต้องหา 8 คน

พร้อมด้วยของกลาง ดังนี้
1. อาวุธปืน รวม 503 กระบอก แบ่งเป็น
1.1 อาวุธปืน ไม่มีทะเบียน 420 กระบอก   
1.2 อาวุธปืน มีทะเบียน 83 กระบอก 

2. วัตถุระเบิด 48 ลูก

3. เครื่องกระสุนปืน 954 นัด

4. ยาเสพติด จำนวนมาก แบ่งเป็น
- ยาบ้า 46,020 เม็ด
- ยาไอซ์ 2,515 กรัม
- เฮโรอีน 7.22 กรัม  
- ยาอี 11 เม็ด
- ยาเค 5.98 กรัม

2022 TIME TO RECORD เหตุการณ์ต้องจำแห่งปี 2022 โดย THE STATES TIMES | THE STATES TIMES Y WORLD EP.47

2022 เหตุการณ์ต้องจำแห่งปี ที่คนไทยจะไม่มีวันลืม

จะมีเหตุการณ์ใดกันบ้าง กับ 2022 TIME TO RECORD เหตุการณ์ต้องจำแห่งปี

โดย THE STATES TIMES

.

ติดตามได้ใน THE STATES TIMES Y World

5 มกราคม พ.ศ. 2452 วันพิราลัย ‘เจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์’ เจ้านครเชียงใหม่ องค์ที่ 8

วันนี้เมื่อ 113 ปีก่อน คือวันพิราลัย ‘เจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์’ เจ้านครเชียงใหม่ องค์ที่ 8 หลังประชวรด้วยโรคปอด

เจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์ มีพระนามเดิมว่า เจ้าน้อยสุริยะ ประสูติเมื่อวันศุกร์ เดือน 6 ขึ้น 5 ค่ำ ปีมะแม จ.ศ. 1221 (6 พฤษภาคม พ.ศ. 2402) เป็นโอรสในพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้านครเชียงใหม่ องค์ที่ 7 กับแม่เจ้ารินคำ ณ ลำพูน และเป็นนัดดา (หลานปู่) ในพระยาราชวงศ์ (มหาพรหมคำคง) นครเชียงใหม่ และราชนัดดา (หลานตา) ในเจ้าไชยลังกาพิศาลโสภาคย์คุณ เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 6

เมื่อถึง พ.ศ. 2432 ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตรเป็น “เจ้าราชบุตร” และได้ช่วยราชการพระเจ้าเชียงใหม่ซึ่งเป็นพระบิดา ในช่วงเวลาที่รับราชการอยู่ได้ทำหน้าที่ด้านการบ้านการเมือง

ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2444 ได้รับรับโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตรแต่งตั้งเป็น “เจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์ ดำรงนพีสีนคร สุนทรทศลักษ์เกษตร วรฤทธิเดชดำรง จำนงยุติธรรมสุจริต วิศิษฐ์สัตยธาดา มหาโยนางคราชวงศาธิบดี” เจ้านครเชียงใหม่

อาลัย!! 'มามาฮัจยะฮฺซอฟียะฮฺ พิศสุวรรณ' มารดา ดร.สุรินทร์ ผู้สร้างคุณูปการแก่สังคม 'ไทย-มุสลิม' บนแผ่นดินสยาม

(5 ม.ค. 66) ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ผอ.ศวฮ.) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Dr.Winai Dahlan’ ความว่า...

วานนี้พุธที่ 4 มกราคม 2566 มามาฮัจยะฮฺซอฟียะฮฺ พิศสุวรรณ อายุ 97 ปี มารดา ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ได้คืนกลับสู่อัลลอฮฺตะอาลาแล้วอย่างสงบ ณ บ้านที่ปอเนาะบ้านตาล รร.ประทีปศาสน์ จ.นครศรีธรรมราช ในนามของศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และครอบครัวดะห์ลัน ขอแสดงความเสียใจมายังครอบครัวพิศสุวรรณทุกคน สิ่งที่มามาทิ้งไว้คือคุณความดีมากมาย ความเสียใจและเสียดายของลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก เป็นการจากไปอย่างยิ่งใหญ่ดั่งขุนเขา

ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ บุตรชายของมามาจากโลกนี้ไปเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 ก่อนมามากว่าห้าปี ภารกิจที่ท่านทิ้งค้างไว้ในวันเดียวกันนั้นคือ การเป็นประธานเปิดงาน Thailand Halal Assembly 2017 ซึ่งท่านแต่งตัวเตรียมเดินทางไปเปิดงานแทนท่านนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตามแม้ท่านพลาดภารกิจนี้ทว่าท่านกลับปฏิบัติภารกิจสุดท้ายในชีวิตที่สำคัญกว่าได้ลุล่วงนั่นคือการเดินทางกลับจากญี่ปุ่นและตรงไปกอดมารดาของท่านด้วยความรักอย่างที่สุดที่ปอเนาะบ้านตาล อันเป็นภารกิจที่ท่านปฏิบัติเป็นประจำจากนั้นจึงบินกลับกรุงเทพฯวันรุ่งขึ้นเพื่อเปิดงานให้กับศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล ทว่าท่านกลับคืนสู่อัลลอฮฺตะอาลาในวันนั้นอย่างที่บอก ทราบจากครอบครัวท่านว่าทุกคนพยายามปิดข่าวการจากไปของ ดร.สุรินทร์มิให้มามาทราบเนื่องจากเวลานั้นมามาสุขภาพไม่ดีนัก

‘ไฮโซพก’ แจง เลิกรา ‘อั้ม พัชราภา’ จริง ยัน!! ไม่มีมือที่สามตามที่เป็นข่าวแน่นอน

(5 ม.ค. 66) หลังมีข่าวออกมาว่าความสัมพันธ์ของ อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ กับ ไฮโซพก-ประธานวงศ์ พรประภา ได้ปิดฉากลงแล้ว โดยมีนางเอกชื่อดัง อักษรย่อ ม. เป็นมือที่สาม ล่าสุด ไฮโซพก ประธานวงศ์ ได้ออกมาโพสต์ชี้แจง ยอมรับว่าเลิกกันจริงกับสาวอั้ม แต่ยืนยันงานนี้ไม่มีมือที่สามแน่นอน

โดยไฮโซพกได้โพสต์ข้อความลงในสตอรี่ อินสตาแกรมส่วนตัว ระบุว่า "ผมเห็นข่าวแล้วไม่ค่อยสบายใจจึงตัดสินใจเสริมเรื่องราวให้นิดนึงนะครับ ตอนนี้ผมเห็นหลายบุคคลได้โดนโยงเข้ามาก็เห็นควรที่จะต้องออกมาอธิบายนิดนึงในเรื่องที่คิดว่าควรเป็นเรื่องส่วนตัว ผมรู้สึกไม่ดีที่ต้องทำให้คนที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย ต้องมาเดือดร้อนเพราะเรื่องของผม ตั้งแต่เราคบกันมาผมไม่เคยมีแม้แต่คิดว่าจะมีหรือ อยากมีมือที่สาม ด้วยความที่คุณอั้มเป็นผู้หญิงที่ดีที่ผมรักและให้เกียรติมาโดยตลอด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top