Friday, 6 June 2025
TheStatesTimes

กระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศมาตรฐาน มอก. เอส “การบริการดัดแปลงรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า” รับกระแสความนิยมยานยนต์ไฟฟ้าของผู้บริโภค พร้อมเปิดโผ มอก.เอสที่จะประกาศปีหน้าอีก 80 มาตรฐาน 

นายสุริยะ  จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เร่งรัดให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จัดทำมาตรฐานยานยนต์ไฟฟ้าและที่เกี่ยวข้องออกมาอย่างต่อเนื่อง  โดยล่าสุดได้ออกประกาศมาตรฐานอุตสาหกรรมเอส หรือ มอก.เอส ซึ่งเป็นมาตรฐานที่กำหนดขึ้นเพื่อให้การรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการของผู้ประกอบการ SMEs หรือวิสาหกิจชุมชนที่ต้องการเครื่องหมายการันตีสินค้าหรือบริการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค จำนวน 2 มาตรฐาน ได้แก่ การบริการดัดแปลงรถยนต์ไฟฟ้าและการบริการดัดแปลงรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า หลังผู้บริโภคให้ความสนใจเปลี่ยนมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

ในขณะเดียวกันผู้บริโภคบางส่วนเลือกที่จะนำรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่มีอยู่ไปดัดแปลงให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อรถไฟฟ้าคันใหม่ จึงนับว่าเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการ SMEs ที่อยู่ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ หรือ อู่ซ่อมรถต่าง ๆ จำนวนหลายร้อยรายในประเทศ จะได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพการให้บริการ และมีเวลาปรับตัวเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต และหากพัฒนาจนได้รับการรับรองมาตรฐานการบริการดัดแปลงรถไฟฟ้า ก็สามารถสร้างโอกาสเติบโตทางธุรกิจดัดแปลงรถยนต์สันดาปเป็นรถยนต์ไฟฟ้า  (EV Conversion) ได้ 

'แคนาดา' อ้าแขนรับต่างชาติ 1.5 ล้านคน ภายใน 3 ปีข้างหน้า เสริมตลาดแรงงาน หลังเด็กเกิดใหม่ต่ำ สังคมกำลังเข้าสู่ยุคสูงวัย

รัฐบาลแคนาดาตัดสินใจฝากอนาคตเศรษฐกิจ ไว้กับแรงงานต่างชาติ เมื่อประเทศกำลังเกิดปัญหาแรงงานขาดแคลน และกลุ่มชาว Baby Boomer ถึงเวลาต้องเกษียณ ด้วยการประกาศรับชาวต่างชาติย้ายถิ่นฐานถึง 5 แสนคนต่อปีต่อเนื่องไปจนถึงปี 2025 เท่ากับว่า แคนาดาตั้งเป้าที่จะรับชาวต่างชาติเข้าประเทศถึง 1.5 ล้านคนภายใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งมากกว่าอัตราการให้สิทธิ์วีซ่าพำนักถาวรของอังกฤษต่อปีถึง 8 เท่า และยังมากกว่าของสหรัฐอเมริกาถึง 4 เท่า

แม้จะเป็นการเปิดโอกาสในการรับแรงงานต่างชาติที่ขาดแคลนเข้าประเทศ แต่จะผลสำรวจความเห็นของชาวแคนาดา ก็ยังมีความกังวลอยู่ไม่น้อยในนโยบายนี้ของรัฐบาล

แคนาดา เป็นอีกหนึ่งประเทศที่พยายามจูงใจชาวต่างชาติที่มีทักษะ เข้ามาพำนักถาวรในประเทศมานานหลายปี จนล่าสุดในปีที่ผ่านมาได้รับชาวต่างด้าวสูงกว่า 4 แสนคน มากที่สุดเท่าที่เปิดรับมา และวันนี้รัฐบาลแคนาดาตั้งเป้าหมายใหม่ในการรับแรงงานต่างชาติให้สูงกว่านั้นอีก

สาเหตุที่แคนาดาเร่งรับชาวต่างชาติเข้ามาตั้งถิ่นฐานใหม่ เข้าใจได้ไม่ยาก เนื่องจากแคนาดามีอัตราเด็กเกิดใหม่น้อย และ ย่างเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ปัญหาขาดแคลนแรงงานจึงมีสูงมาก อีกทั้งแคนาดามีประชากรเพียง 38 ล้านคน น้อยกว่าประชากรของอังกฤษเป็นเท่าตัว แต่มีพื้นที่กว้างขวางกว่ามาก จึงทำให้แคนาดามีข้อได้เปรียบในการรับชาวต่างชาติย้ายถิ่น 

และทำให้วันนี้แคนาดากลายเป็นประเทศที่รับชาวต่างชาติมากที่สุดในกลุ่มประเทศ G7 25% ของประชากรแคนาดาเป็นชาวต่างชาติ เป็นอัตราที่สูงกว่าประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนที่หล่อรวมคนหลากหลายเชื้อชาติมากที่สุด ยังมีอัตราส่วนชาวต่างชาติต่อประชากรในประเทศเพียง 14% 

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ แมดเดอไลน์ ซัมพ์ตัน ผู้อำนวยการสำนักสังเกตการณ์การย้ายถิ่นแห่งมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด มองว่า แม้ประเทศแคนาดาจะมีศักยภาพรองรับประชากรเข้าใหม่มากแค่ไหนก็ตาม แต่อัตราการรับคนต่างด้าวเข้าประเทศในตอนนี้ถือว่ามากเกินไปจนผิดปกติ 

ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของ เจฟฟรีย์ คาเมรอน นักรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยแมคมาสเตอร์ มองว่า ถึงแคนาดาจะประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงาน แต่การรับชาวต่างชาติเข้าเมืองในจำนวนขนาดนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนด้วย  

และต้องยอมรับว่าในแต่ละรัฐของแคนาดามีความพร้อมที่จะรับชาวต่างด้าวไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น ในรัฐควิเบก ต้องการรับชาวต่างด้าวได้ไม่เกิน 10% ด้วยเหตุผลว่ารัฐนี้ อนุรักษ์การใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการ และเกรงว่าการรับชาวต่างชาติมากเกินไป อาจส่งผลเสียต่ออัตตาลักษณ์การใช้ภาษาของรัฐนี้ได้ 

นอกจากนี้ เมืองใหญ่อย่างแวนคูเวอร์ และ โตรอนโต ก็ต้องการรับชาวต่างชาติเข้าเมืองไม่เกินปีละ 10% เช่นกัน เพราะปัญหาราคาที่พักอาศัยที่พุ่งขึ้นสูง จนแม้แต่ชาวเมืองในพื้นที่หลายคนยังไม่สามารถหาซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้

รัฐบาลเดินหน้าพัฒนาฝีมือแรงงาน เชิญชวนทดสอบวัดระดับทักษะฝีมือแรงงาน หากผ่านเกณฑ์ รับค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือสูงสุด 900 บาทต่อวัน

รัฐบาลมีนโยบายยกระดับรายได้หรือค่าแรงขั้นต่ำให้สอดคล้องกับการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน รวมถึงสนับสนุนการปรับเปลี่ยนทักษะและเปลี่ยนสายอาชีพให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานอุตสาหกรรมเป้าหมายและความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เช่น โครงการฝึกอบรมความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีชั้นสูง มีผู้ได้รับการฝึกอบรม จำนวน 5,671 คน โครงการยกระดับเพื่อเพิ่มศักยภาพฝีมือและสมรรถนะแรงงานฯ มีผู้ได้รับการฝึกอบรม จำนวน 28,304 คน โครงการเพิ่มประสิทธิภาพ/ผลิตภาพฯ ได้จัดฝึกอบรม จำนวน 17,407 คน

รัฐบาล โดยกระทรวงแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ขับเคลื่อนนโยบายดำเนินการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ณ สถาบันและสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานในแต่ละจังหวัด เมื่อพัฒนาทักษะฝีมือของตนเองจนผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งมี 3 ระดับแล้ว จะได้รับใบรับรองที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานออกให้ เพื่อใช้แนบยื่นเป็นหลักฐานในการขอรับอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือได้ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติแล้วทั้งสิ้น 88,675 คน จากการเข้าทดสอบ 272 สาขา

สำหรับอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานที่มีผลบังคับใช้แล้วรวม 112 สาขาอาชีพ โดยในแต่ละสาขาที่ มีอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ ต่ำสุดวันละ 350 บาท ในกลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ พนักงานเตรียมวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไม้จริง ระดับ 1 ส่วนอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือสูงสุดในสาขานักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวมสปาตะวันตก (โภชนบำบัด)ระดับ 2 อัตราค่างจ้างวันละไม่ต่ำกว่า 900 บาท

13 ธันวาคม พ.ศ. 2541 คุณทองแดง ได้เข้าเฝ้าฯ ถวายตัว เป็นสุนัขทรงเลี้ยงในรัชกาลที่ 9

13 ธันวาคม พ.ศ. 2541 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงรับคุณทองแดง เป็นสุนัขทรงเลี้ยง

คุณทองแดง เป็นลูกของ ‘แดง’ สุนัขจรจัดบริเวณซอยศูนย์แพทย์พัฒนา ถนนพระราม 9 เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ 9 ทรงนำมาเลี้ยงหลังจากเสด็จพระราชดำเนินไปเปิดศูนย์การแพทย์พระราม 9 และนายแพทย์คนหนึ่งนำคุณทองแดงมาทูลเกล้าฯ ถวายให้ทอดพระเนตร คุณทองแดงเกิดหลังลูก ๆ ของคุณมะลิไม่กี่วัน และทรงยกให้คุณมะลิเลี้ยงดู ทองแดง มีพี่น้องรวม 7 ตัว ซึ่งชาวบ้านตั้งชื่อให้ว่าทองแดง เพศเมีย, คาลัว เพศเมีย, หนุน เพศเมีย, ทองเหลือง เพศผู้ ได้ไปอยู่บ้านของข้าราชบริพารคนหนึ่ง, ละมุน เพศเมีย, โกโร เพศเมีย, โกโส เพศเมีย

คุณทองแดงมีลักษณะพิเศษต่างจากลูกสุนัขตัวอื่น คือ มีสายสร้อยรอบคอครึ่งเส้น มีถุงเท้าขาวทั้ง 4 ขา มีหางม้วนขดเป็นวง ปลายหางดอกสีขาว และมีจมูกแด่น ได้เข้าเฝ้าฯ ถวายตัวเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ขณะมีอายุได้ 5 สัปดาห์ ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน

หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เผยคำพูดจากใจ ที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย

“ประเทศไทยอยู่ได้ เพราะกษัตริย์ นับตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ทรงสร้างกรุงเทพมหานคร จนมาถึงรัชกาลที่ 10 ซึ่งเป็นลูกหลานท่าน เพราะฉะนั้นสถาบันกษัตริย์จึงมีบุญคุณกับประเทศไทยอย่างมาก และจะเป็นสถาบันที่สำคัญตลอดไป”

3 สิ่งที่ 'อดีตทูตนริศโรจน์' ไม่เคยเห็นด้วยมาตลอด ร้องรำทำเพลง ตั้งวงเฮฮา ทำลายความสงบผืนป่า

(13 ธ.ค. 65) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ว่า...

สิ่งที่ไม่เคยเห็นด้วยมาตลอด คือ...

1. เรือดิสโก้ที่ล่องไปพักในเขื่อนหรือแม่น้ำท่ามกลางผืนป่าที่เงียบสงบ เคยไปเที่ยวพักผ่อนนอนค้างบนเรือที่ล่องแคว/เขื่อนกาญจนบุรี เราหวังที่จะได้ดื่มด่ำกับความเงียบสงบของผืนป่าสองข้างลำน้ำ ดูดาวบนท้องฟ้ากระจ่างใส กลับไปเจอเรือที่ติดไฟดิสโก้ เปิดเพลงดังลั่น เต้นกันสนั่นบนเรือท่ามกลางผืนป่าที่มืดมิด! คนไทยเรานี่ก็แปลกแยกแยะไม่ออกว่าการพักผ่อนแบบไหนเหมาะกับสถานที่อย่างไร ดันไปเอาความสนุกในเมืองเข้ามาทำลายความสงบในผืนป่า

2. การจัดคอนเสิร์ตที่เขาใหญ่ เคยฟังนักสัตววิทยาบอกว่า สัตว์ป่าสามารถรับรู้ได้ถึงคลื่นเสียงและความดังได้ดีกว่าคน ถึงแม้จะอยู่ห่างออกไปหลายสิบกิโลก็ตาม และเป็นเหตุให้สัตว์เกิดการย้ายถิ่นหนีได้ แถมทุกปียังทิ้งขยะ สร้างความแออัดจอแจของพื้นที่ที่ควรเป็นพื้นที่สงบโดยไม่สมควร

รูดม่าน Motor Expo โกยยอดจองกว่า 4 หมื่นคัน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในงานราว 5.1 หมื่นลบ.

ปิดฉากมอเตอร์เอ็กซ์โป 2022 ไปเป็นที่เรียบร้อย โดยยอดจองรถในงานของปีนี้รวมทั้งหมด 42,768 คัน แบ่งเป็นรถยนต์ 36,679 คัน จักรยานยนต์ 6,089 คัน มากกว่าปี 2021 ที่มียอดจองรวมอยู่ที่ 31,583 คัน

ทั้งนี้ยอดจองท็อป 3 ได้แก่ โตโยต้า อันดับ 1 จำนวน 6,064 คัน, อันดับ 2 ฮอนด้า 3,252 คัน และ อันดับ 3 BYD 2,714 คัน

ส่วนรถยนต์หรูที่มียอดจองสูงสุด ได้แก่ อันดับ 1 MERCEDES-BENZ 1,597 คัน, อันดับ 2 BMW 1,234 คัน และ อันดับ 3 VOLVO 330 คัน

'สุริยะ' เอื้อ!! 'คนตัวเล็ก-เอสเอ็มอี-วิสาหกิจชุมชน' คลอด 'มอก.เอส' อนุมัติอู่รถแปลงเครื่องยนต์เป็นอีวี

(13 ธ.ค.65) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เร่งรัดให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จัดทำมาตรฐานยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และที่เกี่ยวข้องออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ออกประกาศมาตรฐานอุตสาหกรรมเอส (มอก.เอส) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่กำหนดขึ้นเพื่อให้การรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หรือวิสาหกิจชุมชนที่ต้องการเครื่องหมายการันตีสินค้าหรือบริการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค จำนวน 2 มาตรฐาน

ได้แก่ 1. การบริการดัดแปลงรถยนต์ไฟฟ้าและ 2. การบริการดัดแปลงรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า หลังผู้บริโภคให้ความสนใจเปลี่ยนมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันผู้บริโภคบางส่วนเลือกที่จะนำรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่มีอยู่ไปดัดแปลงให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อรถไฟฟ้าคันใหม่ จึงนับว่าเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่อยู่ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ หรือ อู่ซ่อมรถต่าง ๆ จำนวนหลายร้อยรายในประเทศ จะได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพการให้บริการจนสามารถสร้างโอกาสเติบโตทางธุรกิจดัดแปลงรถยนต์สันดาปเป็นรถยนต์ไฟฟ้าได้

‘อียู’ สั่ง ‘แอปเปิล’ เปลี่ยนที่ชาร์จไอโฟนเป็น USB-C ‘ลดความยุ่งยาก-ขยะอิเล็กทรอนิกส์’ เส้นตาย 2024

‘แอปเปิล’ บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยี จำเป็นต้องเปลี่ยนช่องเสียบชาร์จไฟฟ้าของอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือที่วางจำหน่ายตามมติของสหภาพยุโรป หรือ EU ซึ่งเพิ่งประกาศออกมาเมื่อไม่กี่วันก่อน

มติของสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งเพิ่งประกาศออกมาเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา ระบุว่า โทรศัพท์ไอโฟนทุกรุ่นจะต้องเปลี่ยนจากการใช้พอร์ตชาร์จแบบ Lighting เป็นพอร์ตแบบ USB-C นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า EU ไม่เพียงต้องการให้แอปเปิลเปลี่ยนพอร์ตชาร์จของผลิตภัณฑ์ไอโฟนเท่านั้น แต่ยังต้องการให้เปลี่ยนพอร์ตของอุปกรณ์ทุกชนิดของบริษัทที่จำหน่ายในยุโรป ตั้งแต่แท็บเล็ตไปจนถึงคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป ให้เป็นแบบ USB-C ทั้งหมด แต่เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านั้น มีพอร์ตแบบ USB-C ติดตั้งมากับตัวเครื่องอยู่แล้ว จึงมีเพียงไอโฟนเท่านั้น ที่ต้องเปลี่ยนพอร์ตใหม่

ขณะที่แม้ว่าแอปเปิลจะมีท่าทีไม่เต็มใจนัก แต่ก็จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายใหม่นี้ ซึ่งทางอียูระบุว่า ได้ออกกฎหมายนี้มาเพื่อลดความยุ่งยากของผู้บริโภคและลดการเกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากพอร์ต USB-C สามารถใช้งานร่วมกันได้ ระหว่างสายชาร์จรุ่นเก่ากับอุปกรณ์รุ่นใหม่ 

สาวจีนน้ำตาตก!! ผ่าตัดเพิ่มความสูงล้มเหลว สุดท้ายติดเชื้อจนเดินไม่ได้ แถมเสี่ยงติดคุก

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2565 เว็บไซต์ Saostar รายงานกรณีเด็กสาววัย 19 ปี จากเมืองหนานชาง มณฑลเจียงซี ประเทศจีน ไม่สามารถเดินได้หลังจากเข้ารับการผ่าตัดเพิ่มความสูง

ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น หญิงสาววัย 19 ปี เดิมทีมีส่วนสูงอยู่ที่ 154 ซม. ซึ่งเธอไม่พอใจกับความสูงของตัวเอง จึงตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมเพิ่มความสูง โดยใช้วิธียืดกระดูก (distraction osteogenesis) บริเวณกระดูกหน้าแข้งและกระดูกน่อง ที่โรงพยาบาลเอกชนในมณฑลหูหนาน เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ทำให้เธอมีความสูงเพิ่มขึ้น 6 ซม. ก่อนที่ขาท่อนล่างซ้ายของเธอจะเกิดการติดเชื้อซ้ำ ๆ จนไม่สามารถยกเท้าได้ ทำให้ปัจจุบันเธอไม่สามารถเดินได้ตามปกติ และแพทย์วินิจฉัยว่า 'การฟื้นตัวค่อนข้างยาก'


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top