Tuesday, 1 July 2025
TheStatesTimes

หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ พระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงกรุณาเสด็จบำเพ็ญกุศลส่วนพระองค์ ณ วัดจำปาสะเอิง  ตำบลโพนครก อำเภอท่าตูม

วันนี้ (8 พฤษภาคม 2565) เวลา 10.00 น. หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ พระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงกรุณาเสด็จบำเพ็ญกุศลส่วนพระองค์ ณ วัดจำปาสะเอิง  ตำบลโพนครก อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ โดยมีนายอำเภอท่าตูม ผู้กำกับ สภ.อ.ท่าตูม หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่สำนักงาน ข้าราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชน เฝ้ารับเสด็จ ร่วมสมทบทำบุญถวายจตุปัจจัยสร้างวิหารหลวงพระพุทธจักพรรดิ์ ทรงกล่าวถวายผ้าป่าบังสุกุล แล้วทรงกรุณาประทานให้ นายอำเภอท่าตูมเชิญพาดยังต้นผ้าป่า โดยมี พระครูปลัดสุธิเมธี ปิยสีโล เจ้าอาวาสวัดจำปาสะเอิง พิจารณาผ้าป่าบังสุกุล เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุนทร์ ขอประทานอนุญาตเบิกผู้ร่วมทำบุญถวายเงินในการนี้ เมื่อเบิกผู้ร่วมทำบุญถวายเงินครบแล้ว ทรงกรุณาให้นายอำเภอท่าตูม เชิญเงินทั้งหมดประเคนถวายแด่ พระครูปลัดสุธิเมธี ปิยสีโล เจ้าอาวาสวัดจำปาสะเอิง จากนั้นเจ้าหน้าที่ฯ ขอประทานอนุญาต เบิกผู้ทำคุณประโยชน์แด่วัดจำปาสะเอิง เข้ารับมอบประทานเหรียญพระประจำองค์ จำนวน 50 คน และชาวบ้านผู้นำของพื้นเมืองเข้าถวายของที่ระลึก ตามลำดับ ทรงทอดเนตรชมนางรำถวายต่อหน้าพระพักตร์ในชุดนาคบารมี ตรีชาติพันธุ์ ทรงกรุณาให้ร่วมฉายพระรูป เสร็จแล้วเสด็จกลับโดยรถยนต์ที่นั่ง
นายยุทธพงษ์ เอี้ยงอ้าย เลขานุการในองค์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ กล่าวประวัติวัดจำปาสะเอิง ตั้งอยู่เลขที่ ๑ หมู่ ๕ ตำบลโพนครก อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ สืบเนื่องเมื่อประมาณ ๑๕๐ ปีก่อน ดินแดนแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้พืชพันธุ์ และเป็นพื้นที่ราบลุ่มเหมาะสมสำหรับการทำการเกษตร ประกอบกับมีบึงน้ำกุดมะโนเป็นแหล่งน้ำสาขาใหญ่ที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำมูล ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญของอีสานใต้ ความสมบูรณ์ของผืนดินและแหล่งน้ำเหมาะแก่การบริโภคอุปโภค ทำให้มีคนสามกลุ่มเข้ามาจับจองพื้นที่อยู่อาศัย สร้างบ้านเรือน และทำมาหากิน ประกอบด้วย

กลุ่มแรก นำโดยหลวงอุดม ไตรโสม อพยพจากอำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ผู้สืบเชื้อสายเขมร

กลุ่มที่สอง นำโดยพระอธิการสุภา อพยพจากอำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด สืบเชื้อสายจากลาว

กลุ่มที่สาม นำโดยพ่อพัด หมื่นฤทธิ์ อพยพมาจาก อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ ผู้สืบเชื้อสายลาว

ต่อมาปี พ.ศ. ๒๔๓๓ พระอธิการสุภา หลวงอุดม ไตรโสม และพ่อพัด หมื่นฤทธิ์ ได้ร่วมกันสร้างวัดจำปาสะเอิง และได้ร่วมกันก่อสร้างอุโบสถขึ้น โดยนำเอาดินแถบทุ่งกุลา อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เรียกว่า ขี้นกอินทรีย์ ซึ่งเป็นวัสดุที่มีส่วนผสมของเปลือกหอยทะเลด้วย นำมาตำผสมกับดินในพื้นที่บ้านสะเอิง ทำเป็นอิฐดินเผา เพื่อเป็นเครื่องก่ออุโบสถ

เมื่อครั้งที่เริ่มสร้างวัด มีเนื้อที่ ๑๒ ไร่ และปัจจุบันได้ขยายเนื้อที่เพิ่มอีก ๑๓ ไร่ รวมเป็นเนื้อที่ ๒๕ ไร่ โดยการดำเนินการของ พระครูปลัดสุธิเมธี ปิยสีโล (เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน) และด้วยศรัทธาของชาวบ้านในหมู่บ้านและประชาชนทั่วไปได้ร่วมกันสร้างเสนาสนะภายในวัดเพิ่มเติมจากเดิมดังที่เห็นได้ในปัจจุบัน

‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ เตือนรัฐบาลระวังอิทธิฤทธิ์พรรคเล็ก ชี้ หากคุมเสียงไม่ดี มีสิทธิ์พัง

8 พ.ค.2565-นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง ‘อิทธิฤทธิ์พรรคเล็ก’ โดยระบุว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้สนับสนุนให้เกิดพรรคเล็กขึ้นมามากมาย บางพรรคมีคนเดียว บางพรรคมี 3-4 คน ถึงแม้จะเป็นพรรคการเมือง แต่การบริหารจัดการตกอยู่กับคนที่เป็น ส.ส. ในสภาเท่านั้น คุณค่าของพรรคเล็กขึ้นอยู่กับ ‘คะแนนของรัฐบาล’ ว่า หากมีเสียงมากเกินครึ่ง จะต้องไปพึ่งเสียงนกเสียงกา เล็กๆ น้อยๆ ทำไม? เพราะไม่มีผลสั่นสะเทือนใดๆ ต่อสถานะรัฐบาล

ในยุคสมัยก่อน คะแนนของ ส.ส. ซีกรัฐบาลมีเสียงเกินครึ่งไปมาก พรรคเล็กจึงไม่มีความหมาย แต่เมื่อคะแนนฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านไม่ได้ห่างกันมากในยุคนี้ พรรคเล็กพรรคจิ๋วจึงรวบรวมกำลัง ผนึกจับมือกัน ทำให้มีพลังต่อรองขึ้นมามากทันที

ความปวดเศียรเวียนเกล้ากับการบริหารจัดการพรรคเล็ก จึงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ 1. ต่างคนต่างมา พรรคละ 1-4 คน ทุกคนจึงใหญ่หมด คุมกันไม่ได้ 2. ทิศทางการเมืองไม่แน่นอน อุดมการณ์ไม่มี แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยมากน้อย 3. ส.ส. แต่ละคนในพรรคเล็ก บางคนคิดว่าไหนๆ ก็ได้เป็น ส.ส. แค่สมัยเดียวแล้ว ต้องได้คุ้มก่อนจาก  4. การตัดสินใจไม่ได้ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรค หรือนโยบายพรรค แต่ขึ้นอยู่กับความพอใจของตนเองเป็นหลัก ยิ่งเป็น ส.ส. สมัยแรกยิ่งหนัก 5. ไม่สนใจการเลือกตั้งครั้งหน้า จึงไม่พะวงกับคะแนน จะทำอะไรก็ไม่แคร์สายตาประชาชน เพราะเป็น ส.ส. ครั้งนี้ครั้งเดียว

ทั้งผสมโรงจาก ส.ส. ที่ฟลุ๊คได้มาในบางพรรคใหญ่ แล้วแปรสภาพกลายเป็น ‘งูเห่า’ ย้ายพรรคจนจำไม่ได้ หรือการโหวตสวนกับมติพรรคตลอด ชื่ออยู่พรรคหนึ่ง แต่ใจไปอยู่อีกพรรค เป็น ‘ชู้’ กันให้เห็นไม่เกรงใจ ‘รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ’ หากคุมไม่ดี หรือพรรคเล็กทำท่าทีเข้าข้างฝ่ายค้าน มีโอกาสล้มรัฐบาลได้ รัฐบาลจึงต้องโอ๋สุดๆ ได้โก่งราคากันสุดโต่ง ยิ่งใกล้หมดเวลา ยิ่งได้เห็นอิทธิฤทธิ์ของพรรคเล็กชัดเจนขึ้น ใครว่าใกล้หมดเวลาไม่มีราคาให้ ผมกลับเห็นว่ายิ่งต้องจ่ายไม่อั้น เพราะมีผลถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่าจะมีโอกาสกลับมาหรือไม่ ?

‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร’ หัวหน้าครอบครับเพื่อไทย ลงพื้นที่ตลาดคลองลัดมะยม หาเสียงช่วยส.ก.พรรคเพื่อไทยเป็นครั้งแรก อ้อนคนกรุงขอโอกาสส.ก.ของพรรคเข้าไปผลักดันนโยบาย ปลื้มคนทัก “ไม่เจอพ่อ เจอลูกก็ยังดี”

เมื่อเวลา 14.05น. วันที่ 8 พ.ค. ที่ตลาดคลองลัดมะยม เขตตลิ่งชัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลงพื้นที่เพื่อพบปะประชาชน และช่วยผู้สมัครหาเสียง สนามเลือกตั้ง กทม. โดยมีพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนมาขอถ่ายรูปกับน.ส.แพทองธาร เป็นจำนวนมาก ขณะที่แม่ค้าพ่อค้าแม่ค้าบางคน ทักทายว่า “ไม่เจอพ่อ เจอลูกก็ยังดี” ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นมาก ได้รับการต้อนรับอย่างดี ในการเลือกตั้งครั้งนี้ทุกคนของพรรคเพื่อไทยตั้งใจทำงาน เราพยายามที่จะถามทุกข์สุขของประชาชนให้มากที่สุด แต่สุดท้ายแล้วอยู่ที่ประชาชนจะให้โอกาสมากน้อยแค่ไหน ที่ตนมาพบประชาชนวันนี้ก็อยากขอโอกาสชาวกรุงเทพฯ ให้เลือกส.ก.ของพรรคเพื่อไทย เข้ามารับใช้พี่น้องประชาชน เราจะได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เเละยืนยัน ส.ก.ของพรรคเพื่อไทย ทำงานได้กับทุกคนที่จะมาเป็นผู้ว่าฯ กทม. เพื่อไทยก็เคารพอยู่แล้ว ไม่ว่าใครจะมาเป็น แต่เราอยากได้ส.ก.จำนวนมาก เพราะจะได้ผลักดันนโยบายต่างๆของพรรคเพื่อไทยให้เป็นจริงตามที่จะเสนอออกมา

เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะได้เห็นน.ส.แพทองธาร ลงพื้นที่หาเสียงอีกหรือไม่ น.ส.แพรทองธาร กล่าวว่า ตนอยากลงพื้นที่ให้ได้เยอะที่สุด เพราะเมื่อไปแต่ละที่ก็มีความอบอุ่นจากพี่น้องประชาชนที่ให้กำลังใจ และถ้ามีโอกาสก็อยากจะลงพื้นที่อีก

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้เดินตาม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯหาเสียง วันนี้ต้องมาเดินหาเสียงเองรู้สึกอย่างไร น.ส.แพรทองธาร กล่าวว่า เป็นความคุ้นเคย คุ้นชิน ตนเคยทำมาบ่อยมากๆช่วงหนึ่งในพื้นที่ต่างจังหวัดโดยคุณพ่อพาไป ตนจำบรรยากาศเดิมๆได้ แต่รอบนี้เราคนเป็นเดินเอง

เมื่อถามถึงกรณีเดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯช่วงเทศกาลสงกรานต์ ได้รับคำแนะนำอะไรบ้าง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “คุณพ่อให้คำปรึกษามาตลอด ตอนแรกก็แนะนำเรื่องเรียน แต่ตอนนี้แนะนำให้เรามั่นใจกับสิ่งที่เราทำไม่ว่าจะทำอะไร ถ้าเราคิดดีทำดีก็ขอให้เราประสบความสำเร็จ โดยคุณพ่อจะให้กำลังใจและบอกแนวทางว่าให้เราเข้มแข็งในจุดยืนของเรา ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรเราก็จะไม่เสียหลักของเรา”

เมื่อถามว่าช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง ผู้สมัคร ส.ก.พรรคเพื่อไทยจะมีไม้เด็ดอะไรออกมา น.ส.แพทองธาร ตอบว่า มีมุขอีกเยอะที่เก็บไว้โชว์ แต่สิ่งที่แน่นอนและจริงจังที่เราตั้งใจคิดและทำเป็นนโยบายขึ้นมาก็เพื่อพี่น้องประชาชน เป็นสิ่งที่แน่นอนและมั่นคง

ผู้ว่าฯหนองคาย เซ็นหนังสือยกเลิกคำสั่งห้ามเดินรถยนต์ข้ามประเทศลาว หลังต้องปิดช่วงโควิดระบาดหนัก 3 ปี เริ่ม 8 พ.ค.นี้  ขณะที่รัฐบาลลาวอนุญาตให้คนไทยและคนต่างชาติเข้าประเทศได้ 9 พ.ค.

8 พ.ค.2565 – นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้ลงนามในประกาศจังหวัดหนองคาย เรื่องเปิดจุดผ่านแดนถาวร ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศทางบกจังหวัดหนองคายและยกเลิกประกาศการระงับการเดินทางเข้าออกของบุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ ณ จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 1 จุดผ่านแดนถาวรท่าเรือหนองคาย และด่านตรวจคนเข้าเมืองสถานีรถไฟหนองคาย

ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.2563 จ.หนองคายได้ประกาศการระงับการเดินทางเข้าออกประเทศทั้งบุคคลและยานพาหนะเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19 จนกว่าสถานการณ์จะกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่ จ.หนองคาย แม้ว่าจะมีการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทุกวัน แต่ประชาชนมากกว่าร้อยละ 90 ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ประกอบกับมีความต้องการให้เปิดด่านพรมแดนถาวรเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในจังหวัดหนองคาย โดยก่อนหน้านี้มีการอนุญาตให้เฉพาะรถบรรทุกสินค้าเข้าออกประเทศเท่านั้น ดังนั้นเมื่อทุกฝ่ายมีความพร้อม ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายจึงได้ยกเลิกคำสั่งห้ามเดินทางเข้าออก อนุญาตให้บุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ เข้าออกประเทศทางบกที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย – ลาว 1 อ.เมืองหนองคาย, จุดผ่านแดนถาวรท่าเรือหนองคาย และด่านตรวจคนเข้าเมืองสถานีรถไฟหนองคาย เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค.65 เป็นต้นไป

โพลชี้ 'ลูกชายเผด็จการมาร์กอส' อาจชนะแบบเด็ดขาด เชื่อ!! อาจหยุดค้นหาทรัพย์สินที่ปล้นออกไปต่างแดนลูกชายเผด็จการ

รอยเตอร์/เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - ฝ่ายตำรวจและทหารฟิลิปปินส์แถลงวันนี้ (8 พ.ค.) ว่า สถานการณ์ทั่วไปก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์อยู่ในความสงบในระหว่างเตรียมความพร้อมนาทีสุดท้ายก่อนที่คูหาเลือกตั้งจะเปิดขึ้นวันพรุ่งนี้ (9 พ.ค.) ผลโพลล่าสุดชี้ อดีต ส.ว.เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ บุตรชายอดีตเผด็จการฟิลิปปินส์ผู้อื้อฉาวจะชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย ท่ามกลางความวิตกจะกลับมาขวางการค้นหาทรัพย์สินที่ซุกไว้ในต่างแดนของตระกูลมาร์กอส

รอยเตอร์รายงานวันนี้ (8 พ.ค.) ว่า ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งฟิลิปปินส์จะออกไปคูหาในวันพรุ่งนี้ (9 พ.ค.) เพื่อเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ตำแหน่งสมัย 6 ปี ที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทนประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต และการเลือกตั้งระดับรัฐสภาคองเกรสฟิลิปปินส์และระดับท้องถิ่นในวันเดียวกัน

การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นการพบกันอีกครั้งระหว่างอดีต ส.ว.เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ วัย 64 ปี บุตรชายอดีตเผด็จการฟิลิปปินส์ผู้อื้อฉาว เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส และรองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ นักกฎหมายสิทธิมนุษยชนชื่อดังและเป็นผู้หญิง เลนี โรเบรโด (Leni Robredo) วัย 57 ปีที่เคยเอาชนะเขามาได้อย่างเฉียดฉิวในการเลือกตั้งรองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ปี 2016 ในฐานะคู่ชิงของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ โรดริโก ดูเตอร์เต

ดูเตอร์เตไม่ได้ออกมาให้การสนับสนุนผู้สมัครคนใดอย่างเป็นทางการในการเลือกตั้งครั้งนี้แต่ทว่าได้ส่งให้บุตรสาว ซารา ดูเตอร์เต-คาร์ปิโอ (Sara Duterte-Carpio) ขึ้นในฐานะคู่ชิงร่วมรองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ของมาร์กอส และพรรคของดูเตอร์เตให้การสนับสนุน บองบอง มาร์กอส (Bongbong Marcos) ซึ่งเป็นชื่อเรียกของ ส.ว.มาร์กอส จูเนียร์ภายในฟิลิปปินส์

ผู้บัญชากองทัพบกฟิลิปปินส์ พล.ท.อันเดรส เซนติโน (Andres Centino) กล่าววันอาทิตย์ (8 พ.ค.) ในงานแถลงข่าวร่วมกับผู้บัญชาการตำรวจฟิลิปปินส์ พล.ต.ท.วินเซนเต ดาเนา (Vicente Danao) และเจ้าหน้าที่คณะกรรมการเลือกตั้งแห่งชาติฟิลิปปินส์มีใจความว่า “พวกเรามีความพร้อมสำหรับสิ่งที่อาจมีความเปลี่ยนแปลง”

และกล่าวต่อว่า “พวกเรามีพันธะ...ที่ต้องทำให้มั่นใจว่าพวกเรามีการเลือกตั้งที่มีความมั่นคง ถูกต้อง เสรี และยุติธรรมในวันพรุ่งนี้”

ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจฟิลิปปินส์แถลงว่า “หวังว่าพวกเราจะยังคงมีความสงบไปจนถึงวันสุดท้ายตามระบบการเลือกตั้งของพวกเรา”

ทั้งนี้ โฆษกคณะกรรมการเลือกตั้งฟิลิปปินส์กล่าวถึงสถานการณ์ก่อนวันเลือกตั้งว่ามีความสงบโดยทั่วไป และมีการกระทำผิดเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งราว 16 คดี รวมถึงคดียิงที่จังหวัดนูเวบาเอซีฮา (Nueva Ecija) และจังหวัดอีโลกอสซูร์ (Ilocos Sur)

รอยเตอร์กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะยาวนานกว่าปกติเนื่องมาจากมาตรการความปลอดภัยทางโควิด-19 ซึ่งคูหาเลือกตั้งจะเปิดในเวลา 06.00 น. และจะปิดลงในเวลา 19.00 น.ของวันจันทร์ (8 พ.ค.)

โพลสำรวจก่อนการเลือกตั้งพบว่า บุตรชายอดีตผู้นำฟิลิปปินส์ บองบอง มาร์กอส ขึ้นนำในทุกโพลของปีนี้ รอยเตอร์ชี้ว่าในรายงานผลโพลเลือกตั้งของพัลซ์ เอเชีย (Pulse Asia) ที่ออกมาเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ชี้ไปว่า มาร์กอส จูเนียร์ ได้รับคะแนนเสียงมาเป็นอันดับ 1 ที่ 56% ส่วนโรเบรโดได้ไป 23% และอดีตนักชกแชมเปี้ยนโลกชื่อดัง แมนนี ปาเกียว 7% ส่วนนายกเทศมนตรีกรุงมะนิลา ฟรานซิสโก โดมาโกโซ (Francisco Domagoso) 4% สำหรับผู้ที่ตอบแบบสอบถาม 2,400 คนในโพลการสำรวจจัดทำเมื่อกลางเดือนเมษายน

เอเอฟพีรายงานวันเสาร์ (7 พ.ค.) ว่า บุตรชายเของเผด็จการอดีตประธานาธิบดี เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ได้ยุติการหาเสียงในวันเสาร์ (7 พ.ค.) ท่ามกลางผู้ให้การสนับสนุนที่เข้าร่วมการปราศรัยจำนวนมหาศาลจากผลโพลต่างๆ ชี้ไปว่าเขาจะชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลาย โดยโพลครั้งสุดท้ายของ พัลซ์ เอเชีย ได้ไป 56% เหนือกว่าคู่แข่งโรเบรโดที่ได้ไป 33% 

เอเอฟพีรายงานว่า หากว่าบองบอง มาร์กอสได้รับการเลือกตั้งกลับเข้าทำเนียบมาลากันยังอีกครั้ง นักวิจารณ์ต่างพากันวิตกว่าเขาจะยุติการค้นหาสมบัติฟิลิปปินส์ที่เคยถูกปล้นออกไปและซุกในต่างแดนในสมัยของอดีตประธานาธิบดีมาร์กอสผู้พ่อ

ทั้งอดีตประธานาธิบดีมาร์กอส และอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ฟิลิปปินส์ อีเมลดา มาร์กอส และคนใกล้ชิดเชื่อว่ายักยอกทรัพย์สินออกไปมากถึง 10 พันล้านดอลลาร์จากคลังหลวงในระหว่างการดำรงตำแหน่ง 20 ปี

เร่งส่งออกผลไม้ปั๊มเงินเข้าไทย 2.8 แสนล้าน “เกษตร-พาณิชย์” ผนึกทีมไทยแลนด์โปรโมตผลไม้ไทยทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่รัสเซีย เผยตลาดทุเรียนในออสเตรเลียสดใสเติบโตกว่า 181%

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ. และประธานคณะทำงานแก้ไขปัญหาผลไม้ล่วงหน้าในคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เปิดเผยวันนี้ (8.พ.ค) ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงต่างประเทศและกระทรวงการท่องเที่ยวฯ. เดินหน้าโปรโมตผลไม้ไทยในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มฤดูกาลผลไม้ปีนี้เพื่อเพิ่มการส่งออกในตลาดหลักและขยายตลาดใหม่ เช่น จีน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย อียู อิตาลี เบลเยี่ยม สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย ตามนโยบายของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board)

ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกผลไม้ไทยทั้งผลไม้สด ผลไม้แช่แข็ง ผลไม้แห้งและผลไม้แปรรูปในปี 2565 เป็นมูลค่า 280,000 ล้านบาท เพิ่มจากการส่งออกในปี 2564 ซึ่งมีมูลค่า 250,000 ล้านบาท

นายอลงกรณ์กล่าวว่า สำนักงานที่ปรึกษาฝ่ายเกษตร ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจวร่วมกับสถานกงสุลใหญ่ และหน่วยงานทีมประเทศไทย ณ เมืองเซี่ยเหมิน โปรโมทผลไม้ไทยในงานเทศกาลอาหารไทย ณ เมืองเซี่ยเหมิน ระหว่างวันที่ 29 เมษายน - 4 พฤษภาคม 2565 ได้รับความสนใจอย่างมากและจะ
จัดงานเทศกาลผลไม้ไทย นครหนานหนิง ระหว่างวันที่ 12 - 18 พ.ค. 65 โดยดำเนินการร่วมกับ สคต. หนานหนิง และบริษัท Shenzhen Pagoda Orchard Industrial (Group) จำกัด ในรูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์ ผ่านร้านพาโกดาในพื้นที่เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ประมาณ 80 สาขา และจะจัดงานเทศกาลผลไม้ไทย ณ เมืองเซินเจิ้น ระหว่าง 8-15 มิ.ย. 65 ร่วมกับ สคต. กวางโจว และ ซุปเปอร์มาร์เก็ต Hema (บริษัท Shenzhen HEMA Network Technology Co.,Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Alibaba) ในรูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์ 

ก่อนหน้านี้สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงปักกิ่ง ร่วมกับ ซีพีเซ็นเตอร์ สำนักงานใหญ่เครือเจริญโภคภัณฑ์ เขตประเทศจีน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง และสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงปักกิ่ง จัดงานเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี ๒๕๖๕  ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๙ เมษายน ๒๕๖๕ ณ ตึกซีพีเซ็นเตอร์ กรุงปักกิ่ง โดยสปษ.ปักกิ่ง ร่วมกับกรมหม่อนไหม มีการประชาสัมพันธ์ผ้าไหมของไทย โดยการเดินแฟชั่นโชว์ ร่วมกับการประชาสัมพันธ์ทุเรียนของไทยเพื่อเป็นการผสมผสานกิจกรรมและขยายตลาดสินค้าเกษตรของไทยในตลาดจีน

ในขณะที่ฝ่ายเกษตรประจำกรุงจาการ์ตา มีแผนส่งเสริมการตลาดผลไม้และสินค้าเกษตรอื่นๆ ร่วมกับทีมประเทศไทย ในงานต่างๆ อาทิ งาน Mini Thailand Week 2022 ระหว่างวันที่ 9-12 มิถุนายน 2565 ณ จังหวัดสุรายายาและงาน Thai Festival ช่วงเดือนสิงหาคม 2565 ณ กรุงจาการ์ตา 

ส่วนสำนักงานเกษตร ณ กรุงโตเกียว กำลังเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมงานเทศกาลไทยที่เมืองนาโกย่า เมืองเซนได เมืองชิสึโอกะระหว่างเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว (สอท.) และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) กรุงโตเกียว

นอกจากนี้สำนักงานที่ปรึกษาฝ่ายเกษตร ณ นครแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย รายงานว่าระหว่าง
วันที่ 14-15 พ.ค. 2565 จะนำมะม่วงและผลไม้ไทยโปรโมตในงาน Thailand Grand  Festival ที่นครซิดนีย์ โดยเปิดให้มีการลิ้มลองรสชาติมะม่วงไทย และข้าวเหนียวมะม่วง และกำลังวางแผนที่จะจัดงานเทศกาลอาหารและทุเรียนนานาชาติ (International Durian and Food Festival) ที่นครซิดนีย์ เป็นปีที่สอง โดยปีที่แล้วเปิดตัวที่นครเมลเบิร์น ได้รับการตอบรับท่วมท้น คนมาเข้าคิวชิมและซื้อทุเรียนแกะพูแช่เย็น เครื่องดื่มกะทิผสมทุเรียนและมะม่วง ตลอดจนสินค้าอาหารไทยกันไม่ขาดสายแม้ต้องเข้าคิวนานเป็นชั่วโมง

คาดว่าจะจัดประมาณปลายเดือนมิถุนายน หรือต้นกรกฎาคม โดยทุเรียนไทยในตลาดออสเตรเลียยังคงมีอนาคตที่สดใส ทั้งนี้ในปี 2564 ออสเตรเลียนำเข้าทุเรียนแช่แข็ง 451 ตัน มูลค่า 5.38 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตขึ้นร้อยละ 181.59 เมื่อเทียบกับปี 2563 และออสเตรเลียนำเข้าทุเรียนแกะเนื้อแช่เย็นเป็นพูบรรจุมาในกล่อง 71 ตัน มูลค่า 1.52 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตขึ้นร้อยละ 54.78 เมื่อเทียบกับปีก่อน

อ.เจษฎ์ เตือน ‘นักดื่ม’ อย่าเสี่ยง ชี้ เรื่องจริง ‘กินทุเรียนกับเหล้า’ ผลร้ายถึงตาย

ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ถึงกรณี ทหารหนุ่มวัย 24 ปี กินทุเรียนตามด้วยเบียร์ผ่านไปไม่ถึงสองชั่วโมงหน้ามืดหายใจไม่ออกเสียชีวิต โดยระบุว่า กรณี ห้ามกินทุเรียนกับเหล้าเบียร์นั้น เป็นเรื่องจริง

ก่อนอื่น ต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติพี่น้องเพื่อนฝูง ของทหารท่านที่เสียชีวิตไป ภายหลังจากกินทุเรียนและเบียร์ ตามข่าวด้านล่างนะครับ

แม้ว่าคำเตือนเรื่อง "ห้ามกินอาหารคู่กัน" หลายๆ อย่าง จะเป็นเรื่องมั่วเรื่องหลอก เป็นส่วนใหญ่ (เช่น ห้ามกินทุเรียนร่วมกับโคล่า เพราะจะมีพิษอันตราย ระดับเดียวกับพิษงูเห่า....ก็เป็นเรื่องหลอกนะครับ)  

แต่เรื่อง "ห้ามกินทุเรียน กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ" เป็นเรื่องจริงนะครับ ! แล้วก็เตือนกันมานานแล้ว ผมเคยทำเป็นคลิปวีดีโออธิบายไว้แล้วตามนี้ (ดูคลิปรายการ SciFind ตอน ห้ามกินอาหารคู่กัน จริงหรือ? https://youtu.be/5kHa9A4iQS0)

ส่วนการกินทุเรียนกับการดื่มเหล้าเบียร์แล้วอันตรายนั้น คาดกันว่ามาจากเหตุผลดังนี้

- ปรกติ เมื่อดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแล้ว ร่างกายของเรา จะมีกลไกในการทําลาย เพื่อลดความเป็นพิษของแอลกอฮอล์

- เริ่มจากการเปลี่ยนแอลกฮอล์ ให้เป็นสาร อะเซตาดีไฮด์ (acetaldehyde) โดยใช้เอนไซม์ชื่อ แอลกอฮอล์ดีไฮโดรจีเนส (alcohol  dehydrogenase, ADH)

- แล้วเปลี่ยนต่อเป็นสาร อะซีเตท (acetate) ด้วยเอนไซม์ แอลดีไฮน์ดีไฮโดรจีเนส (aldehyde dehydrogenase, ALDH)

- จากนั้น อะซีเตทจะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และขับออกจากร่างกายในที่สุด 

- แต่ในทุเรียนมีสารบางตัวค่อนข้างมาก คือ พวกสารประกอบซัลเฟอร์ (ธาตุกำมะถัน) ที่สามารถยับยั้งการทํางานของเอนไซม์ ALDH 

- ดังนั้น การกินทุเรียนร่วมกับการดื่มเหล้า อาจจะทําให้การทําลายแอลกอฮอล์ไม่สมบูรณ์ เกิดการคั่งของสาร acetaldehyde (ที่เป็นสารตัวกลางของปฏิกิริยา) ทําให้มีอาการไม่พึงประสงค์ เช่น หน้าแดง เหงื่อออก คลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ หายใจเร็ว 

- อาการดังกล่าว จะคล้ายกับอาการของผู้ที่ได้รับยาเลิกเหล้าชื่อ ไดซัลฟูแรม (Disulfuram หรือ tetraethylthiuram disulfide) ส่วนใหญ่ อาการดังกล่าวไม่ค่อยจะรุนแรง 

- อย่างไรก็ตาม ใน "บางราย" ที่มีปฏิกิริยารุนแรง อาจจะทําให้เกิดภาวะหายใจลําบาก หัวใจล้มเหลว และอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

- นอกจากนี้ ทุเรียนยังเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูง โดยมีคาร์โบไฮเดรตและไขมันสูง  (เนื้อทุเรียน 100 กรัมให้พลังงาน 150-160 แคลอรี่) 

- ขณะที่ แอลกอฮอล์ ก็ให้พลังงานสูง และดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว (แอลกอฮอล์ 1 กรัม ให้พลังงาน 7 แคลอรี่เทียบกับคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน ที่ให้พลังงาน 4 แคลอรี่ต่อกรัม และไขมันให้พลังงาน 9 แคลอรี่ต่อกรัม)

- การกินทุเรียนร่วมกับการดื่มเหล้า จึงทำให้ร่างกายได้รับพลังงานสูงอย่างรวดเร็ว เมื่อร่างกายย่อยอาหารพวกนี้ ทําให้เกิดความร้อนเพิ่มขึ้น น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น 

- นอกจากนี้ การดื่มแอลกอฮอล์ มีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ ส่งเสริมให้ร่างกายมีภาวะขาดน้ำได้  

- ยิ่งถ้าเป็นคนที่มีโรคประจําตัวเบาหวาน กินยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ อาจจะกระตุ้นให้เกิดภาวะขาดน้ำ น้ำตาลในเลือดสูง และเกลือแร่ผิดปกติได้

#สรุปว่า การกินทุเรียนร่วมกับเหล้าเบียร์ อาจจะมีผลเสียต่อสุขภาพได้ โดยอาการอาจจะมากน้อยขึ้นกับปัจจัยแต่ละคน คือ ปริมาณที่กิน และ ความสามารถของร่างกายในการทําลายแอลกอฮอล์

ข้อมูลจากบทความเรื่อง "กินทุเรียนตอนเมาอาจเสียชีวิตจริงหรือไม่ ?" ในนิตยสารวาไรตี้เพื่อสุขภาพ Volume: 

ฉบับที่ 6 เดือน มกราคม 2556 โดย

พญ.ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล https://www.rama.mahidol.ac.th/atrama/issue006/believe-it-or-not

‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ งง! คนแซะ ‘ลุงตู่’ ชักศึกเข้าบ้าน เหตุไปร่วมประชุมกับผู้นำมะกัน ยันไม่กระทบสัมพันธ์จีน

(9 พ.ค. 65) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart เรื่อง “นาโต 2 (2)” ระบุว่า ขอเพิ่มเติมเรื่องนาโต 2 เอาให้ชัดเจน จะได้ไม่คาใจ แรกสุดอยากจะเล่าว่า ไทยไม่ใช่ประเทศเดียวที่จะไปร่วมประชุมกับผู้นำอเมริกัน แต่ไทยและกลุ่มอาเซียนได้รับเชิญจากไบเดนให้ไปร่วมประชุม ลุงตู่ไม่ได้วิ่งไปขอให้เค้าเชิญ มีเพียงพม่าประเทศเดียวที่ไม่ได้รับเชิญ และผู้นำฟิลิปปินส์ที่จะไม่ไปเพราะติดเลือกตั้งในประเทศ

เรื่องที่สอง งงๆ กับวิธีคิดว่า การไปอเมริกาจะเป็นการชักศึกเข้าบ้าน วิธีคิดอย่างนี้ถูกต้องหรือไม่ ไทยไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกับประเทศใด เราดำเนินนโยบายเป็นมิตรกับทุกประเทศ ไทยพยายามถ่วงดุลอำนาจ ไม่ได้เป็นศัตรูกับประเทศใด ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับประเทศใด เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศจีน ที่หลายคนเป็นห่วง

‘เจนภพ’ สุดทน! รับไม่ได้กรณีโฆษณาลาซาด้า ชี้ ถ้าเป็นสมัยเก่า โดนกุดหัว 7 ชั่วโคตรไปแล้ว

‘เจนภพ จบกระบวนวรรณ’ รับไม่ได้กรณีโฆษณาลาซาด้า เผย ทำน้ำตาตกใน ไม่เคยพบไม่เคยเห็นแบบนี้ ถ้าเป็นสมัยเก่า โดนกุดหัวไปแล้วพร้อมระบุเขียนเพลงตั้งไว้สองชื่อ "ช้อปปี้ขยี้ใจ" กับ "เสร็จลาซาด้า" แต่สุดท้ายยอมทิ้ง แต่งเพลงใหม่

วันนี้ (9 พ.ค.) จากกรณี นายอนิวัต ประทุมถิ่น หรือ นารา เครปกะเทย เน็ตไอดอล ได้ทำแคมเปญโฆษณา Lazada 5.5 ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ที่พบว่ามีการแต่งกายล้อเลียนบุคคลสำคัญที่คนไทยเคารพ และล้อเลียนบุคคลทุพพลภาพหรือผู้พิการนั้น 

ล่าสุด เจนภพ จบกระบวนวรรณ นักแต่งเพลงและนักวิชาการเพลงไทยลูกทุ่ง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ปรากฎการณ์ ลาซาด้า ทำให้น้ำตาฅนสูงอายุอย่างผมต้องไหลพรากโดยไม่รู้ตัว เพราะตั้งแต่เกิดมาจนอายุใกล้ ๗๐ แล้ว ผมเผ้าหงอกเกือบหมดทั้งหัวแล้ว ไม่เคยพบไม่เคยเจอไม่เคยเห็นอย่างนี้มาก่อน

การกระทำเยี่ยงนี้ ไม่น่าจะเป็นการกระทำของ " ฅน " เลย ถ้าเป็นเพียง ไส้เดือน กิ้งกือ ก็แล้วไป แต่นี่เป็นความคิดและการกระทำของ " ฅน " ซ้ำยังเป็น " ฅนไทย " ด้วย ซึ่งปกติธรรมเนียมนิยมและวัฒนธรรมของ " ฅนไทย " เรื่องการล้อเลียนเหยียดหยามอย่างนี้เขาจะไม่ทำกัน เพิ่งจะมียุคนี้สมัยนี้นี่แหละ สมัยที่วัฒนธรรมตะวันตกไหลบ่าเข้ามาท่วมท้นสังคมไทยจนสำลักอิสระเสรีสิทธิมนุษยชนประชาธิปไตยโดยไม่รับผิดชอบต่อผู้อื่น กระทบกระเทือนผู้อื่น ซึ่งผมก็งงว่ามันเป็น สิทธิมนุษยชน - ประชาธิปไตย ตรงไหน?

การกระทำอย่างนี้ มิได้สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองเท่านั้น แต่ยังสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจกินไม่ได้นอนไม่หลับให้โคตรเหง้าสักหลาดของตัวเองด้วย เพราะญาติโกโหติกาท่านอื่นๆ เขาไม่ได้รู้เห็นดีด้วย เป็นสมัยเก่า โดนกุดหัว ๗ ชั่วโคตรไปแล้ว เป็นพระมหากรุณาธิคุณแค่ไหนที่เบื้องพระยุคลบาทไม่คิดเอาความ

กระนั้นก็เถอะ " ฅนไทย " ผู้จงรักภักดีที่มีท่วมแผ่นดิน ใฅรเขาจะยอม 

แรงกระเพื่อมของ ลาซาด้า ครั้งนี้ ไม่ได้เกิดกับ ไส้เดือน กิ้งกือ ไม่กี่ตัว แต่มันส่งผลกระเทือนมากมายไปยัง ทุกฅนที่หวังพึ่งพาแอพนี้ในการขายของซื้อของฝากของทำธุรกิจกับแอพนี้ ฅนซื้อน่ะไม่เท่าไหร่ ซื้อที่อื่นก็ได้ แต่ ฅนขาย นี่สิ ใฅรหน้าไหนจะรับผิดชอบความเสียหายที่เขาได้รับไปด้วย จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้กับใฅร? กับ ลาซาด้า กับ เอเจนซี่ต้นเรื่อง หรือกับ ไส้เดือน กิ้งกือ ตัวนั้น 

เรื่องหยามหยาบจาบจ้วงอย่างนี้ ถึงเวลาที่ " ฅนไทย " ทั้งมวล สำคัญที่สุดคือ รัฐบาล จะเพิกเฉยทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ได้แล้วครับ ที่จริงมันควรมีปฏิกิริยาอย่างจริงจังมานานแล้ว แต่ก็ทำตัวอยู่เหนือปัญหามาตลอด ไม่คิดจะแก้ไขสักที อย่าลืมนะครับว่าไม่มียุคใดสมัยใดที่ สถาบันพระมหากษัตริย์ จะถูกกระทำย่ำยีอย่างหนักหน่วงมากมายเท่ายุคนี้ !!!!!

มีหลายฅนแสดงอาการโกรธเคืองอย่างรุนแรง และ บอกว่า พวกไส้เดือนกิ้งกือ เหล่านี้ แค่ด่าทอมัน มันไม่รู้สึกรู้สาหรอก ต้องไปลากมันออกมากระทืบให้ตายคาตีน ซึ่งผมก็ไม่เห็นด้วยการใช้ความรุนแรงขนาดนั้น แต่ ฅนประเภทนี้ ถ้าไม่มีกฎบทกฎหมายอะไรจัดการได้ มันก็จะเป็นไฟสุมขอนสร้างความเดือดดาลสร้างความแตกแยกรุนแรงมากขึ้นๆ จนที่สุดก็ปะทุ ได้ 

บางท่านบอกกับผมว่า เห็นเป็น ไส้เดือน กิ้งกือ ก็ยังสูงเกินไป เพราะ ไส้เดือน กิ้งกือ จริงๆ ก็มีประโยชน์ มีคุณค่า ควรจะเห็นว่าเป็นเพียง เห็บ เหา เท่านั้น ซึ่งไร้ค่าไร้ประโยชน์ควรกำจัดเสียให้สิ้นซากสถานเดียว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top