Tuesday, 1 July 2025
TheStatesTimes

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) จากแท่นประดิษฐาน เพื่อบูรณะซ่อมแซม ณ กรมศิลปากร

(9 พ.ค. 65) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดพิธีบวงสรวงเพื่ออัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฎวิทยมหาราช (รัชกาลที่ 4) จากแท่นประดิษฐานด้านหน้าอาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อไปบูรณะซ่อมแซม ณ สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร โดยมี พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีฯ พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และข้าราชการตำรวจในสังกัดเข้าร่วมพิธีฯ โดยพร้อมเพรียง 

พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฎวิทยมหาราช (รัชกาลที่ 4) จัดสร้างขึ้นจากดำริของ พล.ต.อ.เภา สารสิน อดีตอธิบดีกรมตำรวจ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่านและราชวงศ์จักรี ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ และเพื่อเป็นการระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ อีกทั้งเพื่อให้ประชาชนได้ทราบถึงประวัติความเป็นมาของตำรวจ และเป็นที่สักการบูชาของข้าราชการตำรวจและประชาชนทั่วไป 

ทั้งนี้ พระบรมราชานุสาวรีย์ฯ เป็นพระบรมรูปหล่อสัมฤทธิ์ ขนาดเท่าพระองค์จริง สูง 175 ซม. ในพระอิริยาบถทรงประทับยืน คาดพระแสงกระบี่นารายณ์  พระหัตถ์ขวาทรงธารพระกร (ไม้เท้า) ผู้ปั้น คือ อาจารย์สุภร ศิระสงเคราะห์ นายช่างประติมากร กองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร และผู้ดำเนินการหล่อ คือ นายแหลมสิงห์ ดิษฐพันธุ์ โรงหล่อแหลมสิงห์ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี 

โดยเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 31 พล.ต.อ.เภา สารสิน อธิบดีตำรวจ ในขณะนั้น ได้กราบบังคมทูล เชิญพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเททองหล่อพระบรมรูปฯ ณ บริเวณปะรำพิธี หน้ากรมตำรวจ และในวันที่ 16 ม.ค. 35 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ 

'ผู้ช่วยฯ ต่อศักดิ์' เปิดติวเข้ม พงส.และทีมสหวิชาชีพ รุ่นที่ 5 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ปัญหาคดีค้ามนุษย์ฯ

(9 พ.ค. 65) ที่โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค กรุงเทพฯ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร. และในฐานะ รอง ผอ.ศพดส.ตร. เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอบรมสัมมนาพนักงานสอบสวนและทีมงานสหวิชาชีพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการคุ้มครองแรงงานแก่คนต่างด้าวและการป้องกันการละเมิดสิทธิตามกฎหมายแรงงานอันจะนำไปสู่ปัญหาการค้ามนุษย์ รุ่นที่ 5 ระหว่างวันที่ 8 – 13 พ.ค. 2565 พร้อมด้วย นายวรรณรัตน์  ศรีสุกใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน และ พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา รอง ผบช.ก. เข้าร่วมพิธีเปิด

โครงการดังกล่าวจัดขึ้นโดย ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ร่วมกับกระทรวงแรงงาน มีการจัดอบรมทั้งหมด 5 รุ่น ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยพบปัญหาเกี่ยวกับการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว อันเนื่องมาจากมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว ขาดการบูรณาการดำเนินงานร่วมกันระหว่างหน่วยงาน ตลอดจนการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ มีการปรับเปลี่ยนวิธีการและรูปแบบการกระทำความผิด มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาเป็นเครื่องมือ ทำให้ยากต่อการสืบสวนสอบสวน จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาศักยภาพพนักงานสอบสวนและทีมสหวิชาชีพเพื่อให้มีความรู้เท่าทัน การเปลี่ยนแปลง และเข้าใจตัวบทกฎหมาย รวมถึงระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไป 

จึงจัดให้มีการอบรมสัมมนาขึ้น โดยมีทีมวิทยากรจากสำนักงานคดีค้ามนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และมูลนิธิพิทักษ์สิทธิเด็ก แก่ผู้เข้าร่วมสัมมนา ซึ่งประกอบด้วยพนักงานสอบสวนระดับสารวัตรขึ้นไป และทีมงานสหวิชาชีพจากกระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย จำนวน 120 คน วัตถุประสงค์ของโครงการอบรมในครั้งนี้ เพื่อให้พนักงานสอบสวนและทีมงานสหวิชาชีพผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ความเข้าใจกฎหมาย ระเบียบ และคำสั่งที่เกี่ยวข้องในเรื่องการคุ้มครองด้านแรงงาน แก่คนต่างด้าว และการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ที่เป็นปัจจุบัน(UPDATE)  และยังมีการถอดบทเรียนที่จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์และเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้งยังเป็นโอกาสแลกเปลี่ยนองค์ความรู้แลัประสบการณ์ในการทำงานด้านการคุ้มครองด้านแรงงานแก่คนต่างด้าวและการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ที่เป็นปัจจุบัน ระหว่างพนักงานสอบสวนและทีมเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ รวมถึงการเพิ่มช่องทางในการประสานความร่วมมือระหว่างกันในอนาคต และก่อให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือในการทำงานอย่างยั่งยืน

พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ เปิดเผยว่า ปัญหาการค้ามนุษย์ถือเป็นวาระแห่งชาติ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข จึงสนองนโยบายดังกล่าว จัดตั้งศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ขึ้น

'มาดามแป้ง' ปรี่ไหว้สวยห้ามห้าวโค้ชไทยปะทะเชิ้ตดำ ช็อตปัง แมตช์ช้างศึกอัดลอดช่อง 5-0 ซีเกมส์ 2021

ดี้ - นิติพงษ์ ห่อนาค นักแต่งเพลงชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊ก 'Nitipong Honark' ระบุว่า...

บอลซีเกมส์…ไทยชนะสิงคโปร์ 5-0 
ขอบคุณนักเตะและทีมงานที่ปลดล็อกหัวใจกองเชียร์ได้…

แต่ช็อตที่ฉันประทับใจที่สุด…ไม่ใช่การยิงทั้งห้าเม็ดนั้น..

กลายเป็นช็อตในต้นๆ ครึ่งแรก ที่กรรมการหยุดเกม…ปรี่เข้ามาหา…มาโนช โพกลิ้ง หัวหน้าโค้ช..
แล้วเถียงกันอะไรไม่รู้ …

คนดูทั้งสนามก็ไม่รู้…คนดูทีวีก็ไม่รู้…แล้วก็นานมาก…

แล้วขุ่นแม่ก็เข้ามา…ยกมือไหว้กรรมการผู้ตัดสิน ผู้ช่วยฯ…

แล้วก็ทั้งตีทั้งดึงแขน…ทั้งมาโนช ทั้งผู้ช่วยโค้ช
ประมาณว่า….อย่าไปเถียงเค้า…ยู้ดดดดด

ดูอยู่สดๆ….อดยิ้มเอ็นดูไม่ได้….

เหมือนไอ้หนุ่มสองคนขี่มอไซค์ไม่ใส่หมวกกันน็อก…แล้วตำรวจเรียก…

ไอ้สองหนุ่มนั่นแทนที่จะยอมกลับเถียง…เถียงไม่หยุด

‘ไบเดน’ ลงนามฟื้นกฎหมายยุคสงครามโลก เปิดทางสหรัฐฯ ส่งมอบอาวุธให้ยูเครนเร็วขึ้น

เมื่อวันจันทร์ (9พ.ค.) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ คืนชีพมาตรการหนึ่งสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เคยใช้สนับสนุนพันธมิตรของอเมริกาสู้รบกับนาซีเยอรมนี เปิดทางให้รัฐบาลเร่งการส่งมอบอาวุธไปยังยูเครนรับมือการรุกรานของรัสเซีย

ไบเดน ลงนามในร่างกฎหมายให้ยืม-เช่า (Lend-Lease Act of 2022) พร้อมระบุว่า สหรัฐฯ สนับสนุนชาวยูเครน "ต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศของพวกเขาและประชาธิปไตยของพวกเขา จากสงครามอันโหดร้ายป่าเถื่อนของปูติน"

นอกจากนี้แล้ว ไบเดน ยังส่งสัญญาณว่าเขาพร้อมอ่อนข้อทางการเมืองในสภาคองเกรส เพื่อที่จะได้รับการเห็นชอบอย่างรวดเร็ว สำหรับคำร้องของบประมาณช่วยเหลือยูเครนเพิ่มเติมอีก 33,000 ล้านดอลลาร์

ก่อนหน้านี้ ไบเดน ต้องการให้สภาคองเกรสอนุมัติเงินช่วยเหลือดังกล่าว ควบคู่ไปกับการสนับสนุนงบประมาณโครงการต่อต้านโควิด-19 ของรัฐบาลที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แต่ด้วยบรรดาสมาชิกรีพับลิกันเตะถ่วงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับโควิด ไบเดนจึงบอกว่าเขาพร้อมถอนข้อเรียกร้องงบประมาณโควิดในเวลานี้ และขอแค่เห็นชอบเงินสนับสนุนยูเครนก็พอ

"เราไม่อาจปล่อยให้ความพยายามเกี่ยวกับสงครามอันสำคัญนี้ต้องล่าช้าออกไป" ไบเดนระบุในถ้อยแถลง พร้อมเรียกร้องให้สภาคองเกรสยกมือเห็นชอบและส่งร่างกฎหมายงบประมาณมายังโต๊ะทำงานของเขาในทันที

ความคืบหน้าล่าสุดของร่างกฎหมายให้ยืม-เช่า มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เป็นประธานพิธีสวนสนามบริเวณจัตุรัสแดงในกรุงมอสโก รำลึกเป็นประจำทุกปีชัยชนะของสหภาพโซเวียตที่มีเหนือนาซีเยอรมนี ทั้งนี้ ปูติน ใช้กิจกรรมดังกล่าวอ้างความชอบธรรมแก่สงครามของเขาในยูเครน ชาติฝักใฝ่ตะวันตก เขาอ้างว่าประเทศแห่งนี้ถูกยึดครองโดยพวกนาซี

'คนใกล้ชิดธนาธร' อัดกองทัพทำเรื่องบ้าบอกรณีลาซาด้า เพียงเพื่อความมั่นคงในตำแหน่งของตัวเอง

(10 พ.ค. 65) ธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน คนใกล้ชิดนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thanapol Eawsakul ว่าเห็นกองทัพทำอะไรบ้าๆ บอๆ เกี่ยวกับลาซาด้าแล้ว ชี้ชัดว่าสิ่งที่กองทัพทำนั้นไม่ได้เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศชาติและประชาชนแต่อย่างใด

แต่ทั้งหมดทั้งสิ้นเป็นการแสดงเพื่อความมั่นคงในตำแหน่งของตัวเองเท่านั้น

'มาครง' ชี้!! อีกหลายสิบปียูเครนถึงจะได้เข้าสหภาพยุโรป แนะตั้ง 'ประชาคมการเมืองยุโรป' รับรองแทนอียู

เมื่อวันจันทร์ (9 พ.ค.) ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ระบุว่า คงต้องใช้เวลา "นานหลายทศวรรษ" สำหรับผู้สมัครหนึ่งๆ อย่างเช่นยูเครน จะได้เข้าร่วมสหภาพยุโรป ดังนั้นแนะนำให้จัดตั้งประชาคมทางการเมืองที่ครอบคลุมและมีขอบเขตนอกเหนือจากกลุ่มอียูขึ้นมา ในนั้นอาจรวมถึงสหราชอาณาจักร

แนวคิดนี้ได้รับการขานรับในแง่บวกทันทีจาก โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ซึ่งระบุว่ามันเป็น "คำแนะนำที่น่าสนใจ" และบอกว่าเขา "มีความยินดียิ่ง" ที่จะหารือในเรื่องนี้กับผู้นำฝรั่งเศส

ยูเครน ซึ่งกำลังต่อสู้ต้านทานการรุกรานกับรัสเซีย กำลังหาทางเป็นสมาชิกอียู และทางคณะกรรมาธิการยุโรปบอกว่าจะตอบกลับคำร้องขอในเดือนหน้า ก้าวย่างสำคัญก่อนนำประเด็นนี้สู่การพิจารณาของบรรดารัฐสมาชิกต่อไป

อย่างไรก็ตาม มาครง กลบฝังความหวังของยูเครนในการรับเป็นสมาชิกอียูอย่างรวดเร็ว และแนะนำว่าการพิจารณาสร้างชมรมทางการเมืองนอกเหนืออียูอาจมีประสิทธิผลมากกว่า

"ผมขอพูดเรื่องนี้ด้วยความจริงใจ ด้วยความสัตย์จริงที่เรามีต่อชาวยูเครน" มาครงกล่าว "เราสามารถมีกระบวนการที่รวดเร็ว ในการตอบรับสถานะรัฐผู้สมัครของยูเครน แต่เรารู้ว่าด้วยมาตรฐานและบรรทัดฐานของเรา บางทีมันอาจใช้เวลาหลายทศวรรษสำหรับยูเครน ในการได้เข้าร่วมสหภาพยุโรปจริงๆ"

อย่างไรก็ตาม มาครง เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ยุโรปต้องความสำคัญกับยูเครนและผู้หวังเป็นสมาชิกอียูรายอื่นๆ อย่างเช่นมอลโดวาและจอร์เจีย โดยเขาเรียกร้องให้จัดตั้ง "ประชาคมการเมืองยุโรป" ขึ้นมา

มาครงกล่าวระหว่างต้อนรับการมาเยือนของโชลซ์ ว่าสหราชอาณาจักรก็อาจเข้าร่วมในประชาคมนี้เช่นกัน "สหราชอาณาจักรตัดสินใจออกจากสหภาพยุโรป แต่พวกเขาอาจมีที่ว่างในประชาคมทางการเมืองนี้"

‘ตระกูลมาร์กอส’ หวนกลับครองอำนาจอีกครั้ง หลัง ‘บองบอง’ คว้าชัยเลือกตั้งผู้นำฟิลิปปินส์ถล่มทลาย

เป็นไปตามคาด นายมาร์กอส จูเนียร์ หรือ บองบอง บุตรชายของอดีตผู้นำเผด็จการเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์อย่างถล่มทลาย พาตระกูลมาร์กอส กลับขึ้นมาครองอำนาจอีกครั้ง

เจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้งฟิลิปปินส์ แถลงว่า ฟิลิปปินส์เริ่มนับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีทันที หลังหน่วยเลือกตั้งปิด โดยผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการหลังนับคะแนนได้แล้ว 2 ใน 3 พบว่า นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ บุตรชายของอดีตผู้นำเผด็จการเฟอร์ดินานด์ มากอส ผู้ล่วงลับ มีคะแนนทิ้งห่างคู่แข่งคนสำคัญเกินครึ่ง 

หน่วยเลือกตั้งปิดอย่างเป็นทางการในเวลา 19.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น แต่ก็ยังเปิดโอกาสให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งที่ยังต่อแถวรอหย่อนบัตรลงคะแนนได้จนหมด โดยชาวฟิลิปปินส์หลายล้านคนแห่หย่อนบัตรแน่นหน่วยเลือกตั้งเมื่อวันจันทร์ ซึ่งมีแนวโน้มความเป็นไปได้สูงมากที่ตระกูลมาร์กอสจะกลับคืนสู่อำนาจ หลังเฟอร์ดินาน มาร์กอส ผู้พ่อ ถูกพลังประชาชนโค่นอำนาจเมื่อ 36 ปีก่อน 

ตั้งแต่ก่อนเช้ามืด ประชาชนที่ส่วนใหญ่สวมหน้ากากอนามัย พากันมาต่อแถวยาวเพื่อรอหย่อนบัตรเลือกตั้งตามหน่วยเลือกตั้งที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ 70,000 แห่ง โดยมีผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีถึง 10 คน ที่จะเข้ามารับตำแหน่งต่อจากประธานาธิบดีโรดรโก ดูแตร์เต แต่มีเพียงมาร์กอส จูเนียร์ และเลนี โรเบรโด รองประธานาธิบดี คู่แข่งของเขาเท่านั้น ที่มีโอกาสเป็นผู้ชนะมากที่สุด

นอกจากเลือกตั้งประธานาธิบดีแล้ว ฟิลิปปินส์ยังจัดการเลือกตั้งอีกประมาณ 18,000 ตำแหน่งในคราวเดียวกันนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นรองประธานาธิบดี, สมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร, นายกเทศมนตรี, ผู้ว่าการจังหวัด และสมาชิกสภาท้องถิ่น

ผลการสำรวจความคิดเห็น ปรากฏว่า มาร์กอส จูเนียร์ หรือ “บงบง” วัย 64 ปี มีคะแนนนิยมนำคู่แข่งคนอื่น ๆ มากกว่า 30 จุด ถือว่าสูงที่สุดในปีนี้ ซึ่งนั่นหมายความว่า หากโรเบรโดจะเป็นผู้ชนะ เธอต้องได้คะแนนเสียงเพิ่มขึ้นในช่วงสุดท้าย หรือไม่ก็มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์น้อย 

‘บิ๊กตู่’ เตรียมพบ ‘โจ ไบเดน’ ถกความร่วมมือในภูมิภาค ระหว่างร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม มีกำหนดพบ โจ ไบเดนและผู้แทนระดับสูงของสหรัฐฯ เตรียมผลักดันความร่วมมือการขับเคลื่อนการฟื้นฟู และการเติบโตอย่างยั่งยืนของภูมิภาค ระหว่างเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 12-13 พ.ค.นี้

เมื่อวันที่ 10 พ.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีกำหนดการเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 12-13 พฤษภาคม 2565 ตามคำเชิญของ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 โดยการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ ครั้งที่ 2 นี้ สหรัฐฯ เป็นฝ่ายเสนอจัดขึ้น โดยเสนอทาบทามมาตั้งแต่ปลายปี 2564 มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และเพื่อหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน

วันนี้เมื่อ 211 ปีก่อน คือ วันถือกำเนิดของแฝดสยามคู่แรกของโลก

ย้อนไปเมื่อ 211 ปีก่อน ในวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2354 ซึ่งตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ฝาแฝดอิน-จัน ได้ถือกำเนิดในครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีน ที่จังหวัดสมุทรสงคราม โดยมีบิดาเป็นชาวจีนอพยพแต่ครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ชื่อ นายที มารดาเป็นคนไทยชื่อ นางนาก (บันทึกของชาวตะวันตกเรียกว่า นก (Nok)) ซึ่งฝาแฝดคู่นี้สามารถเติบโตและใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ แตกต่างไปจากแฝดติดกันคู่อื่น ๆ ที่มักเสียชีวิตหลังคลอดได้ไม่นาน 

เนื่องด้วยเกิดที่ประเทศสยาม แฝดอิน-จัน จึงได้รับการขนานนามว่า “แฝดสยาม (Siamese Twins)” ซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลก และยังเป็นคำเรียกฝาแฝดที่เกิดมามีตัวติดกันอีกด้วย 

โดยในปี พ.ศ. 2367 นายโรเบิร์ต ฮันเตอร์ พ่อค้าชาวอังกฤษ หรือที่คนไทยสมัยนั้นเรียกว่า "นายหันแตร" ได้พบแฝดคู่นี้กำลังว่ายน้ำเล่นอยู่ ด้วยความประหลาดและน่าสนใจ นายฮันเตอร์จึงคิดที่จะนำฝาแฝดคู่นี้ไปแสดงโชว์ตัวที่สหรัฐอเมริกา จึงเข้าทำความสนิทสนมกับครอบครัวของฝาแฝดอยู่นานนับปี จนพ่อแม่ของทั้งคู่ไว้วางใจ ในที่สุดนายอาเบล คอฟฟิน กัปตันเรือสินค้า เดอะ ชาเคม (The Sachem) ซึ่งขณะนั้นได้เข้ามาทำการค้าในประเทศไทย ได้เป็นผู้นำตัวคู่แฝดออกเดินทางจากประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2372 ขณะนั้นอิน-จัน อายุได้ 18 ปี จากนั้นเมื่อถึงอเมริกา คู่แฝดได้ออกเดินทางแสดงทั่วอเมริกาและยุโรปนานนับ 10 ปี 

กระทั่ง เมื่ออายุได้ 28 ปี ใน พ.ศ. 2382 (ค.ศ. 1839) ทั้งคู่ก็ได้ลงหลักปักฐานที่หมู่บ้านแทรปฮิลล์ (Traphill) เขตชานเมืองวิลส์โบโร (Wilkesboro) เคาน์ตีวิลส์ ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา โดยลงทุนซื้อที่ดิน 11 เอเคอร์ พร้อมกับได้เปลี่ยนชื่อและเปลี่ยนสัญชาติเป็นอเมริกัน โดยใช้ชื่อว่า เอ็ง-ชาง บังเกอร์ (Eng and Chang Bunker) พร้อมกับได้แต่งงานกับหญิงชาวอเมริกัน อินสมรสกับ Sarah Ann Yates (1822 - 1905) และจันสมรสกับ Adelaide Yates Bunker (1823 - 1917) และมีลูกด้วยกันหลายคน จัน 10 คน อิน 11 คน ซึ่งระหว่างที่ทั้งคู่ใช้ชีวิตในต่างประเทศนั้น มีความพยายามหลายครั้งจากหลายบุคคลที่จะทำการผ่าตัดแยกร่างทั้งคู่ออกจากกัน แต่ท้ายที่สุดก็มิได้มีการดำเนินการจริง ๆ

'ย้ง ทรงยศ' ประกาศยุติทุกบทบาท ‘นาดาว’ ชี้ ถึงเวลาแยกย้าย ปล่อยทุกคนเป็นอิสระ

หลังมีข่าวลือมาพักหนึ่งแล้วว่า บริษัท นาดาว บางกอก จำกัด กำลังจะปิดค่าย ล่าสุด ‘ย้ง ทรงยศ’ ร่อนหนังสือประกาศยุติบทบาทของบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยทางด้านของ "ย้ง ทรงยศ สุขมากอนันต์" ผู้กำกับดังหนึ่งในผู้บริหารได้ออกหนังสือเผยว่า เรื่องนี้มีการพูดคุยนานแล้วและการยุติบทบาทครั้งนี้ก็เพื่อให้แต่ละคนได้เติบโตในสิ่งที่แต่ละคนต้องการ โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่า

“นาดาว บางกอก ขอแจ้งให้ทราบว่าทางบริษัทจะยุติบทบาทการเป็นบริษัทพัฒนาและดูแลศิลปิน รวมถึงการเป็นผู้ผลิตซีรีส์ ละคร หรือผลงานเพลงต่าง ๆ ตั้งแต่ วันที่ 1 มิถุนายน 2565 นี้

"ตลอดระยะเวลา 12 ปีของ นาดาว บางกอก หน้าที่หลักของพวกเราคือ การพัฒนาและดูแลศิลปิน โดยมีความตั้งใจในการค้นหา พัฒนา และดูแลให้เกิด นักแสดง หรือศิลปิน ที่มีความสามารถ มีคุณภาพในทุกด้านเพื่อที่จะเป็นทางเลือกใหม่ ๆ และสร้างความหลากหลายให้อุตสาหกรรมบันเทิงไทย"

"โดยมีงานเสริมที่ตามมา คือ การผลิตซีรีส์ ละคร และผลงานเพลง ซึ่งเกิดขึ้นเพื่อสร้างงาน และสร้างโอกาสให้นักแสดง หรือศิลปินในสังกัดได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และเป็นพื้นที่ฝึกฝนฝีมือ และประสบการณ์ ในส่วนนี้ทำให้เราได้มีโอกาสสร้างคนทำงานเบื้องหลังรุ่นใหม่ ๆ ตามมาด้วย"

"พวกเราชาว นาดาว บางกอก รู้สึกขอบคุณ พี่ ๆ น้อง ๆ ในอุตสาหกรรมบันเทิง ผู้ใหญ่ที่เคารพทุกท่าน พาร์ตเนอร์ที่คอยสนับสนุน และอยู่เคียงข้างเรามาตลอด พี่ ๆ น้อง ๆ สื่อมวลชนที่ให้โอกาสศิลปิน นักแสดง และผลงาน นาดาว บางกอก ได้มีพื้นที่แนะนำตัว และประชาสัมพันธ์ รวมถึงแฟน ๆ ทุกคนที่ติดตาม และให้การสนับสนุนศิลปิน และผลงานนาดาวเสมอมา เราคงไม่สามารถดำเนินการมาจนถึงปีที่ 12 โดยขาดการสนับสนุนจากทุกคน"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top