Monday, 30 June 2025
TheStatesTimes

‘สายลับ KGB’ สู่ ‘ประธานาธิบดีรัสเซีย’ | THE STATES TIMES STORY เรื่องจริง ฟังเพลิน โดย เจต ณ นคร EP.66

ย้อนอดีตเส้นทาง ‘ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน’ ผู้ยิ่งใหญ่แห่งรัสเซีย กับเบื้องหลังประวัติที่ไม่ธรรมดาจากจุดเริ่มต้นของการเป็น ‘สายลับ KGB’ สู่ ‘ผู้นำคนปัจจุบันของรัสเซีย’ 

.

.

‘ดร.สมเกียรติ’ ดึงสติคนไทย ใครคือ ‘มิตรแท้’ ย้อนวิกฤตปี 40 ‘มะกัน - ยุโรป’ ไม่ช่วยไทยแม้สลึงเดียว

ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า ยามเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ 40 อเมริกาเทไทย จำไว้ครับ

เมื่อประเทศไทยเกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ประเทศไทยต้องการเงินกู้มาดำรงเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อ

หนึ่ง สร้างความเชื่อมั่นในค่าเงินบาท

สอง สร้างความเชื่อถือแก่ประเทศ ธุรกิจที่เราต้องนำเข้า ส่งออก เพื่อจะเชื่อมั่นว่าเราสามารถชำระหนี้ได้

สาม เพื่อสร้างความมั่นใจแก่เจ้าหนี้ต่างประเทศ ซึ่งไทยมีหนี้ต่างประเทศสูงถึง 109 พันล้านเหรียญ เป็นหนี้ภาคเอกชน 80 พันล้านเหรียญ แบงก์ชาติลืมนับของเอกชน เป็นหนี้ระยะสั้น 65% คือเรียกคืนได้ทันที

สี่ เพื่อลดความตื่นตระหนกมิให้คนไทย ต่างชาติหอบเงินออกนอกประเทศ จนหมดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทย

ถ้าหยุดไม่อยู่จะเกิดปัญหาสี่ข้อพันกันเป็นงูกินหาง

ที่จริงประเทศไทยตั้งเป้าว่าหากกู้ยืมมาได้สัก 35 พันล้านเหรียญ จึงเอาอยู่ แต่หามาได้เพียง 17.2 พันล้านเหรียญ 

สองปีก็คืนหนี้ 17 พันล้านเหรียญได้ เพราะส่งออก ท่องเที่ยวทำรายได้เยอะ

ใช้เพียง 13 พันล้านเหรียญก็เอาอยู่ 

รายได้จากการท่องเที่ยว ส่งออก ลงทุนเพิ่มมาก สองปีก็มีสำรองพอ คืนไปได้เลย

แหล่งเงินกู้ 17.2 พันล้านเหรียญ ได้มาจาก

IMF 4 พันล้านเหรียญ

ญี่ปุ่น 4 พันล้านเหรียญ

จีน 1 พันล้านเหรียญ

ฮ่องกง 1 พันล้านเหรียญ

อินโดนีเซีย 500 ล้านเหรียญ

เกาหลี 500 ล้านเหรียญ

มาเลเซีย 1 พันล้านเหรียญ

สิงคโปร์ 1 พันล้านเหรียญ

บรูไน 500 ล้านเหรียญ

ธนาคารโลก 1500 ล้านเหรียญ

ธนาคารพัฒนาเอเซีย 1200 ล้านเหรียญ

การกู้จาก IMF ธนาคารโลก ธนาคารพัฒนาเอเซียเป็นไปตามสิทธิของประเทศสมาชิก

อเมริกา ยุโรปไม่ช่วยแม้แต่สลึงเดียว รีบตั้งกองทุนมาซื้อทรัพย์สิน หุ้นบริษัท

ราคาถูกได้กำไรมากมาย

ก็ได้พวกเอเชียตัวขาว ตัวดำนี่แหละที่กระตือรือร้นมาช่วยกัน จนตอนหลังมีการตั้งกองทุนการเงินเอเชียขึ้น เรียกว่า chiang mai initiative

กรุงเทพมิติใหม่!! ส่องวิสัยทัศน์ 'ผู้สมัคร สก.’ ! | Click on Clear THE TOPIC EP.189

📌สัมผัสกรุงเทพฯ จากมุม ‘ผู้สมัคร ส.ก.’ ไปกับ! ‘นที ศิริธรรมวัฒน์’ ผู้สมัคร ส.ก. เขตพญาไท และ ‘อรไพลิน อัครเลิศวรปรีชา’ ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางกอกใหญ่ พรรคกล้า!

📌 ใน Topic : กรุงเทพมิติใหม่!! ส่องวิสัยทัศน์ 'ผู้สมัคร สก.’ !

ในรายการ Click on Clear THE TOPIC จับประเด็น เน้นความรู้

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา PROGRAM DIRECTOR THE STATES TIMES

.

.

‘บิ๊กตู่’ มอง พล.อ.ประวิตร ขึ้นป้ายยักษ์สวัสดีปีใหม่เป็นเรื่องปกติ มั่นใจไม่ถูกแย่งเก้าอี้ ลั่นไม่มีอะไรทำให้แตกคอกันได้

เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 65 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีสังคมวิพากษ์วิจารณ์ภาพ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ขึ้นป้ายสวัสดีปีใหม่ตามถนนเส้นต่างๆ ว่า จากการสอบถามก็มีพรรคอื่นทุกพรรคด้วย ซึ่งแต่ละพรรคก็ทำได้เพราะหากไม่มีอะไรที่ผิดกฎหมายก็ว่ากันไป

เมื่อถามว่ามีการมอง พล.อ.ประวิตร จะมาเป็นนายกฯ เอง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ยืนยันร้อยครั้งแล้วว่าท่านไม่เป็น

เมื่อถามย้ำว่าคนรอบข้างอาจสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร จะมาเป็นนายกฯ นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ตนไม่ทราบว่าใครพูด แต่พล.อ.ประวิตร พูดกับผมทุกครั้ง และเราไม่เคยพูดหรือสงสัยในเรื่องนี้

"ไม่มีอะไรที่จะทำให้ผมแตกคอกันได้ทั้งสิ้น ไม่มีอะไรทั้งสิ้น"

"พี่เอ้" ชู นโยบายขายได้ขายดี ส่งเสริมตลาดนัดดึงดูดนักท่องเที่ยว หนุนค้าขายออนไลน์ บริการอินเทอร์เน็ตฟรี 150,000 จุด หวังสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน

เมื่อวันที่ 12 เม.ย. นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 4 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเสนอนโยบาย “ขายได้ขายดี” เพราะหลังจากได้ลงพื้นที่มาแล้วทั้ง 50 เขต หลากหลายชุมชนพบว่า อาชีพของคนในชุมชนคือการค้าขาย รวมทั้งวิถีชีวิตของคนในชุมชนผูกพันกับตลาดมาโดยตลอด และเสน่ห์ตลาดของกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นตลาดราชวัตร ตลาดเทเวศน์ ตลาดบางลำภู ตลาดโกสุม ตลาดโอโซน ก็ล้วนมีเอกลักษณ์ไม่แพ้ใคร 

นายสุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น ตนจึงต้องการสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะเมื่อเกิดการจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ ย่อมนำมาสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน ทำให้คนตัวเล็กมีรายได้อย่างแท้จริง ด้วยการออกนโยบาย “ขายได้ขายดี” คือ 1.ส่งเสริมตลาดนัด เพิ่มพื้นที่ทำมาค้าขาย และเพิ่มตลาดถาวร ให้ประชาชนมีพื้นที่ทำกิน 2.ดึงเอกลักษณ์ของตลาดที่มีอยู่ นำมาเป็นจุดขายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และสร้างแลนมาร์กตลาดใหม่ เพิ่มพื้นที่ เพิ่มโอกาสในการค้าขาย

 “นายกฯ” ย้ำ ทุกหน่วยงาน เตรียมพร้อม ช่วงสงกรานต์

เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า หลังจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 หรือ ศบค. ได้ผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าราชอาณาจักรเพิ่มเติมโดยการยกเลิกการใช้ผลตรวจ RT-PCR 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. เป็นต้นมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ติดตามสถานการณ์การเดินทางเข้าประเทศไทยของนักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการปรับปรุงมาตรการต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ศบค. เพื่อประกาศและดำเนินการในระยะต่อไป   

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การโดยสารทางอากาศยานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ได้ประเมินว่าระหว่างวันที่ 11 – 17 เม.ย. 2565 ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท. ประกอบด้วย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, เชียงใหม่, แม่ฟ้าหลวง เชียงราย, ภูเก็ต และหาดใหญ่ จะมีเที่ยวบินประมาณ 9,310 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 14.48% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 2,490 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายใน ประเทศช 6,820 เที่ยวบิน จำนวนผู้โดยสารที่เดินทางประมาณ 1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 103.07% แบ่งเป็นเป็นผู้โดยสารที่เดินทางเข้า-ออกระหว่างประเทศ 238,800 คน และผู้โดยสารภายในประเทศ 843,220 คน  

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายกฯมอบหมายกระทรวงคมนาคมให้ติดตามแนวโน้มจำนวนผู้เดินทางเข้า-ออกประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับประสาน ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน ณ ท่าอากาศยาน (EOC)

สำนักงานการบินพลเรือน แห่งประเทศไทย ท่าอากาศยานที่ได้รับอนุญาตให้ทำการบินเข้า-ออกระหว่างประเทศบิน ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ตลอดจนหน่วยงานเกี่ยวข้องในการวางแผนรองรับ

โดยทุกระบบของทุกหน่วยบริการ ณ ท่าอากาศยานต้องมีความพร้อม  และสามารถปรับแผนการให้บริการให้สอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสาร ด้านกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประสานผู้ประกอบการโรงแรมให้เตรียมการทั้งกำลังคนและรถรับผู้โดยสารจากท่าอากาศยานให้เพียงพอโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะมีการเดินทางหนาแน่น ทั้งของผู้โดยสารในและระหว่างประเทศกว่า 1ล้านคน ให้สามารถอำนวยความสะดวกให้ผู้เดินทางเป็นไปอย่างคล่องตัว และยังเป็นไปตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด19 ที่เข้มงวด 

ดับเซ่นสงกรานต์วันแรก 26 ราย เจ็บ 238 คน ศปถ.คุมเข้มเส้นทางสายหลัก จุดเสี่ยงอุบัติเหตุ และเส้นทางเลี่ยงเพิ่มคงามปลอดภัย ปชช.

ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง ฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี (ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์) เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2565 โดยปภ.และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 11 เม.ย. ซึ่งเป็นวันแรกของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 237 ครั้งผู้เสียชีวิต 26 ราย ผู้บาดเจ็บ 238 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ  32.91 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 21.94

ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 83.90 ส่วนใหญ่เกิดบนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 44.73 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 30.38 บริเวณจุดเกิดเหตุเป็นทางตรง ร้อยละ 83.97 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 11.01 – 12.00 น. ร้อยละ 8.44 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอยู่ในช่วงอายุ 20 – 29 ปี ร้อยละ 23.86 โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (12 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (14 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ สุพรรณบุรี (3 ราย) ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,902 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 56,343 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 350,748 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 64,343 ราย มีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ 18,275 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 17,748 ราย 

นายนิรัตน์ กล่าวต่อว่า ศปถ.ได้ประสานจังหวัดดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนควบคู่กับการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด - 19 เน้นการเรียกตรวจและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะเส้นทางเลี่ยง ทางลัด และทางเชื่อมต่อสู่ถนนสายหลักในจังหวัดต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นถนนทางตรงวิ่งสวนเลน และไม่มีเกาะกลาง จึงสามารถใช้ความเร็วได้สูง ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ โดยใช้กลไกของจุดตรวจร่วมและด่านชุมชน เพื่อคุมเข้มพฤติกรรมเสี่ยงและลดการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ ทั้งขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ ง่วงแล้วขับ รวมถึงเพิ่มการเรียกตรวจรถโดยสารสาธารณะทั้งประจำทางและไม่ประจำทาง รถตู้ รถกระบะที่บรรทุกผู้โดยสารท้ายกระบะในลักษณะที่เป็นอันตราย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุรุนแรง นอกจากนี้ ให้สนธิกำลังหน่วยทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลการจราจร เปิดช่องทางพิเศษ เพิ่มจุดบริการประชาชน จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกบริเวณจุดตัดเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่น เพื่ออำนวยความสะดวกการจราจรแก่ประชาชน

“วิโรจน์” ลุยย่านพระนคร ชูแนวคิด “คืนเมืองที่เท่าเทียมกัน” ไม่หวั่น โพลอื่นคะแนนตก เหตุทำโพลเองเหมือนกัน ชี้ ผลคะแนนทำยิ้มกว้างได้

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 12 เม.ย. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 1 พรรคก้าวไกล เดินหาเสียงบริเวณตลาดมหานาค และตลาดนางเลิ้ง พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับการตอบรับที่ดี ประชาชนเข้าใจว่าปัญหาของกทม.อยู่ที่โครงสร้าง ที่ลำพังเพียงแค่การบริหารอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องเข้าไปจัดสรรงบประมาณให้เป็นธรรม และเข้าไปแก้ข้อบัญญัติที่นายทุนหรือผู้รับเหมารายใหญ่เอารัดเอาเปรียบ โดยเฉพาะนายทุนเจ้าของห้าง นายทุนอสังหาริมทรัพย์ นายทุนพลังงาน นายทุนสุรา ที่เอารัดเอาเปรียบเรา ทั้งจากค่าธรรมเนียมขยะ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หรือแม้แต่การขอสร้างอาคารสูงในพื้นที่ย่านธุรกิจต่างๆ ประชาชนเข้าใจว่าต้องจัดสรรการบริหารใหม่ เพื่อเดินไปข้างหน้า 

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนจะลงพื้นที่ให้ทั่วครบทุกเขต เพราะพรรคก้าวไกลส่งผู้สมัครส.ก.ด้วย โดยแต่ละพื้นที่มีปัญหาแตกต่างกัน ทั้งปัญหาร่วมและปัญหาเฉพาะ สำหรับปัญหาที่ประชาชนสะท้อนอยากให้เร่งแก้ไขโดยเร็ว คือ 1.เรื่องระบบการระบายน้ำ 2.เรื่องการเดินทางสาธารณะ และ 3.ปัญหาทั่วไปที่มีจำนวนมาก ที่เมื่อชาวบ้านไปร้องสำนักงานเขตก็บอกว่างบประมาณหมด แต่กลับยังทำโครงการต่างๆ ได้ ชาวบ้านเจอแต่คำตอบบอกปัด ตนจึงมีนโยบายกระจายงบประมาณที่ดึงจากส่วนกลางมา 4 พันล้านบาท เพื่อกระจายลงชุมชนทุกเขต 50 เขตได้รับการแก้ไขปัญหาพร้อมกัน

“เราจะคืนเมืองที่เท่าเทียมกัน เอาใส่ใจคนเหมือนกัน เป็นเมืองที่คนเท่ากัน เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน และยกเว้นอภิสิทธิ์ชน เครือข่ายทหาร และนายทุนต่างๆ ทั้งนี้ ผมจะลุยพื้นที่ต่อเนื่องทุกวัน ส่วนวันนี้ที่มาลงพื้นที่ตลาดนางเลิ้งพบปัญหาเรื่องการระบายน้ำ ทางเท้าและการจัดสรรพื้นที่ค้าขายที่ต้องเป็นธรรม ต้องยอมรับว่าคนกทม.ถูกใช้คำว่าจัดระเบียบจนชิน จนเราคิดว่าเราเป็นผู้ถูกปกครองไปแล้ว ต้องรอให้ผู้มีอำนาจมาชี้ขาด ซึ่งกลไกของเมืองที่พัฒนาแล้วจะเปิดโอกาสให้มีผู้มีส่วนได้เสียได้มีโอกาสมาพูดคุยกัน เพื่อหากติการ่วมกัน โดยผู้ว่าฯที่มาจากประชาชนก็มาธำรงกติกานั้น แต่เมืองนี้ยังไม่เคยสร้างกติกา สร้างพื้นที่ตลาดหรือพื้นที่ให้คนไปค้าขาย ถ้ามีพื้นที่เพียงพอคงไม่มีใครอยากมาค้าขายบนทางเท้า” นายวิโรจน์ กล่าว

เมื่อถามถึงนโยบายการแก้ไขปัญหาทางเท้าในกทม. นายวิโรจน์ กล่าวว่า การออกแบบกฎหมายดีพอสมควร แต่ปัญหาอยู่ที่การตรวจรับ เราควรใช้หน่วยงานอิสระที่เชื่อถือได้มาตรวจรับงานโยธาต่างๆ เพื่อให้ถูกต้องมากขึ้น 

“บิ๊กตู่” มอบของขวัญสงกรานต์จากรัฐบาลแบ่งเบาค่าใช้จ่ายประชาชนเดินทางกลับบ้าน เปิดให้ขึ้นทางด่วนฟรี 5 เส้นทาง พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ต้องปฏิบัติงานในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2565

เมื่อวันที่ 22 เม.ย.นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยประชาชนที่ต้องกลับบ้านในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2565 นี้ โดยกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกประชาชนในการเดินทางกลับบ้าน พร้อมมอบของขวัญวันสงกรานต์และช่วยแบ่งเบาลดภาระประชาชนที่ต้องใช้บริการทางด่วนกลับบ้านช่วงสงกรานต์ด้วยการเปิดให้ขึ้นทางด่วนฟรี 5 เส้นทาง รัฐบาล

โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม ร่วมกับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM และบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกและช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน โดยยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ ดังนี้ 1. ทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางพิเศษสายบางนา-ชลบุรี) 2. ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี–สุขสวัสดิ์) โดยทั้งสองเส้นทางเริ่มตั้งแต่วันอังคารที่ 12 เมษายน 2565 เวลา 00.01 น. ถึงวันจันทร์ที่ 18 เมษายน 2565 เวลา 24.00 น. 3. ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) 4. ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) และ 5. ทางพิเศษอุดรรัถยา (ทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ด) โดยทั้งสามเส้นทางเริ่มตั้งแต่วันพุธที่ 13 เมษายน 2565 เวลา 00.01 น. ถึงวันศุกร์ที่ 15 เมษายน 2565 เวลา 24.00 น. 

นายธนกร กล่าวว่า นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมยังได้จัดตั้งหน่วยบริการประชาชน โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางด่วน บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เพื่อบริการประชาชนที่ใช้ทางพิเศษในช่วงเดินทางขาออกจากกรุงเทพฯ (ระหว่างวันที่ 11-13 เมษายน 2565 ) จัดตั้งหน่วยบริการที่ด่านเก็บเงินค่าผ่านทางพิเศษบางแก้ว 1 ด่านเก็บเงินค่าผ่านทางพิเศษฉิมพลี ด่านเก็บเงินค่าผ่านทางพิเศษบางปะอิน (ขาออก) เวลา 07.00 – 21.00 น. สำหรับช่วงขาเข้ากรุงเทพฯ (ระหว่างวันที่ 14-17 เมษายน 2565) จัดตั้งหน่วยบริการที่ด่านเก็บเงินค่าผ่านทางพิเศษดาวคะนอง ด่านเก็บเงินค่าผ่านทางพิเศษจตุโชติ และด่านเก็บเงินค่าผ่านทางพิเศษบางปะอิน (ขาเข้า) เวลา 07.00 – 21.00 น.

ผู้สมัคร ‘ส.ก.ก้าวไกล’ โวย กกต. ตีความเป็น ‘เจ้าของสื่อ’ อาจเสียโอกาสลงเลือกตั้ง ทั้งที่ยุติบทบาทไปนานแล้ว

ต่อกรณีที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีประกาศตัดสิทธิ์ผู้สมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานคร 1 ราย และผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพ (ส.ก.) 3 ราย หนึ่งในนั้นปรากฏชื่อ พีรพล กนกวลัย ผู้สมัคร ส.ก. หมายเลข 7 พรรคก้าวไกล โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากตรวจสอบพบว่าเป็นผู้มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 50 (3) แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 “เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ”

พีรพล หรือ ‘เฮียเล้า’ ให้ความเห็นว่า กรณีที่เกิดขึ้นเสมือนว่ากำลังมีการใช้ข้อหาความเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นสื่อ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาเดิมๆ มาเล่นงานผู้สมัครจากพรรคก้าวไกลอีกครั้ง ยอมรับว่า เคยยื่นจดแจ้งการพิมพ์หนังสือพิมพ์ หรือเป็นเจ้าของกิจการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา และบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ ‘ท่องธรรมชาติ’ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 จริง แต่ได้พิมพ์ออกมาเพียง 6-7 ฉบับ และยุติกิจการในปีเดียวกัน พูดง่ายๆ คือ เคยทำสื่อเมื่อ 28 ปีก่อนและได้หยุดดำเนินการไปนานแล้วโดยไม่พิมพ์ต่ออีกเลย กรณีนี้ถึงไม่มีการแจ้งยกเลิก แต่ตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 45 ระบุว่า หนังสือพิมพ์รายวัน ถ้ามิได้ออกโฆษณาต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาสามสิบวัน หรือหนังสือพิมพ์รายคาบ ถ้ามิได้ออกโฆษณาต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาสี่คราวหรือเกินกว่าสองปี การเป็นผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา บรรณาธิการ และเจ้าของหนังสือพิมพ์นั้นเป็นอันสิ้นสุดลง

พีรพล ย้ำว่า ความเป็นเจ้าของสื่อของตน ได้สิ้นสุดลงไปแล้วตั้งแต่ปี 2539 เป็นอย่างน้อย ต่อมา เมื่อมี พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ 2550 เปลี่ยนจากการที่เคยต้องจดแจ้งต่อสันติบาล เป็นหอสมุดแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ก็ไม่เคยมีการไปขอจดแจ้งใหม่ เมื่อความเป็นเจ้าของสิ้นสุดเด็ดขาดลงตามข้อกฎหมายไปนานแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงยังมีชื่อความเป็นเจ้าของปรากฏอยู่ตามกฎหมายใหม่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top