Monday, 7 July 2025
TheStatesTimes

"นายกฯ" ปฏิบัติตามมาตรการป้องโควิด ขั้นสูงสุด ชมหน่วยงานรัฐ-เอกชน จับมือ ฉีดวัคซีนฟรี ให้ปชช.

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมกล่าวย้ำว่าภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ระดับอาการไม่รุนแรงแต่ขอทุกคนให้ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข ส่วนบุคคลขั้นสูงสุดและเร่งเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ครบตามเกณฑ์และวัคซีนเข้มกระตุ้นโดยเร็ว เพื่อลดอาการความรุนแรงจากการติดเชื้อและลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิต พร้อมขอบคุณและชื่นชมขณะนี้หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันสนับสนุนและสร้างภูมิคุ้มกัน ด้วยบริการฉีดวัคซีนฟรี ให้แก่ประชาชนทั่วไปด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีในการที่จะร่วมกันสร้างภูมิคุ้มหมู่ของประเทศให้มากขึ้น เช่น บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) ร่วมกับ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) (CK) ร่วมกันบริการฉีดวัคซีน “Moderna” ฟรี ให้แก่ประชาชนทั่วไป จำนวน 3,000 คน ภายใต้โครงการ “BEM ห่วงใย สู้ภัยโควิด-19”  

'ศาลโลก' ตัดสิน!! ให้รัสเซียหยุดโจมตียูเครนทันที แต่จะหยุดหรือไม่ 'ศาล' ก็ไม่มีอำนาจในการบังคับ

วานนี้ (16 มี.ค.65) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลก ซึ่งเป็นองค์กรด้านตุลาการของสหประชาชาติ หรือ UN ได้มีคำตัดสินให้รัสเซียหยุดการโจมตียูเครนโดยทันที

สำหรับคณะผู้พิพากษาชุดปัจจุบัน มีจำนวน 15 คน ประกอบด้วยผู้พิพากษาจากสหรัฐฯ รัสเซีย สโลวาเกีย ฝรั่งเศส โมร็อกโก บราซิล โซมาเลีย จีน ยูกันดา อินเดีย จาเมกา เลบานอน ญี่ปุ่น เยอรมนี และออสเตรเลีย โดย 2 เสียงที่โหวตไม่เห็นด้วยก็คือผู้พากษาจากรัสเซียและจีน

คำตัดสินดังกล่าว กำหนดให้มีมาตรการชั่วคราว คือ สั่งให้รัสเซียระงับปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ไม่ให้กองกำลังของรัสเซียดำเนินการทางทหารต่อไป และห้ามไม่ให้รัสเซียดำเนินการใดๆ ที่จะทำให้ความขัดแย้งรุนแรงยิ่งขึ้น

12 หน่วยงานลงนามความเชื่อมโยงบริการสุขภาพคนไทย “บิ๊กตู่” ย้ำ คนไทยทุกคนต้องได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพทั่วถึงและเที่ยงธรรม “ลั่น” เจ็บป่วยที่ไหนแพทย์สามารถตรวจสอบประวัติและทำการรักษาได้ทันท่วงที

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 มี.ค. ที่ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการพัฒนาเพิ่มคุณภาพการบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล ผ่านระบบ Video Conference โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตัวแทนจากกรุงเทพมหานคร ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือ"โครงการพัฒนาเพิ่มคุณภาพการบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล" กับ 12 หน่วยงานภาคีเครือข่าย ไปยังศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีต่อการพัฒนาด้านสาธารณสุขไทย ขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ซึ่งจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคไวรัส โควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบด้านสุขภาพของประชาชน แต่ยังส่งผลกระทบและสังคมของประเทศ ซึ่งเป็นเหตุผลและแรงขับเคลื่อนที่สำคัญที่เราต้องเร่งพัฒนาระบบบริการและการบริหารจัดการของประเทศในทุกด้านให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะระบบการบริการสุขภาพประชาชนซึ่งถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของประเทศ สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบบบริการ จัดการ ระบบสาธารณสุขของประเทศคือเทคโนโลยีในการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ หรือบิ๊กเดต้า โดยการนำข้อมูลขนาดใหญ่ มาช่วยในการบริหารจัดการและการวิเคราะห์เพื่อพัฒนางานบริการจะต้องอาศัยการเชื่อมโยงกับข้อมูลและการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ 

“ ขอขอบคุณกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษาฯ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงกลาโหมกระทรวงการคลังกระทรวงแรงงานและในทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้นำร่องการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพผ่านระบบ เฮลท์ลิ้งค์ (HealthLink)ซึ่งปัจจุบันมีโรงพยาบาลกว่า 100 แห่ง ที่เข้าร่วมและสามารถเชื่อมต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลได้สำเร็จ ทำให้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการมีความสะดวกสบายเพิ่มมากขึ้น เพราะไม่ว่าจะเจ็บป่วยไปรักษาที่ได้ แพทย์สามารถตรวจสอบประวัติการรักษาและให้การรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ ได้เพิ่มมากขึ้น ขอขอบคุณคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข ที่มีส่วนร่วมสำคัญในการผลักดันการปฏิรูประบบบริหารจัดการฐานข้อมูลและการสื่อสารของประเทศให้มีประสิทธิภาพสามารถรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาด ทั้งในปัจจุบันและอนาคต สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริการและความมั่นคงด้านสุขภาพของประชาชน ซึ่งหวังว่าระยะต่อไปทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันผลักดันให้เกิด แพลตฟอร์มกลางการเชื่อมโยงฐานข้อมูลสุขภาพของประเทศขึ้น ซึ่งจะสามารถสร้างรากฐานระบบสาธารณสุขของประเทศให้ก้าวหน้าต่อไป”นายกรัฐมนตรีกล่าว

“ประวิตร” ตรวจสถานการณ์น้ำ เมืองแปดริ้ว สั่ง ปรับปรุงเขื่อนทดน้ำบางปะกง ป้องน้ำเค็มรุก 

ที่ศาลากลาง จ.ฉะเชิงเทรา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กนช.)พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามและประเมินผล มาตรการรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำฤดูฝนปี2564/2565ในพื้นที่จ.ฉะเชิงเทรา และพื้นที่ภาคตะวันออก รวมถึงภาพรวมการบริหารจัดการน้ำของภาคตะวันออก และแนวทางการควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำบางปะกง 

โดยลุ่มน้ำบางปะกง มีปริมาณน้ำเก็บกัก 1,571 ล้านลบ.ม. ปริมาณน้ำปัจจุบัน 699 ล้าน ลบ.ม.ยังเพียงพอต่อการใช้ในพื้นที่ สำหรับปัญหาน้ำที่ผ่านมา มีทั้งน้ำท่วม และน้ำแล้ง  ซึ่งกำลังได้รับการแก้ไขแล้วตามแผนงาน อย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันมีปัญหาการรุกตัวของน้ำเค็ม ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำเพื่อการดำรงชีวิตของประชาชน และภาคการเกษตร ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไข ต่อไป

พล.อ.ประวิตร กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่ง ว่า เร่งรัดการดำเนินงาน บริหารจัดการน้ำในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา จากปัญหาการรุกตัวของน้ำเค็มในแม่น้ำบางปะกง ส่งผลกระทบต่อประชาชนในการใช้น้ำอุปโภคบริโภค และผลกระทบจากความต้องการใช้น้ำจืดมากขึ้น ทั้งภาคการเกษตร อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว รวมทั้งเตรียมความพร้อมสำหรับภาคการลงทุนอีอีซี โดยบูรณาการร่วมกับทุกส่วนราชการ เพื่อขับเคลื่อนแผนหลักการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก ทั้งในระยะเร่งด่วน และระยะยาว อย่างเป็นระบบให้เกิดเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งเร่งรัดซ่อมแซมเขื่อนทดน้ำบางประกง ให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อใช้เป็นกลไกหลักควบคุม การป้องกันน้ำเค็มรุกให้เต็มประสิทธิภาพ และพร้อมช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำและจากวิกฤตโควิด-19 ด้วย และพร้อมให้ความช่วยเหลือเยียวยาอย่างเต็มที่ 

'บิ๊กตู่' ห่วง เครือข่ายวิทยุชุมชน สั่ง อนุชา ประสาน กสทช. ขยายเวลาคงคลื่นความถี่ออกอากาศ 500 วัตต์ ถึงสิ้นปี 67 

วันที่ 17 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนนายกรัฐมนตรี รับมอบหนังสือแสดงความขอบคุณจากเครือข่ายวิทยุชุมชน ประกอบด้วย องค์กรภาคีเครือข่ายผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงภาคประชาชนแห่งประเทศไทย สมาคมสื่อช่อสะอาด สมาคมสภาวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ สำนักงานสมาคมผู้ประกอบการวิชาชีพวิทยุท้องถิ่นไทย โดยมี นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี นายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทนจากคณะทำงานนายกรัฐมนตรี ผู้แทนจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้แทนจากกรมประชาสัมพันธ์ ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ผู้แทนจากบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และกลุ่มเครือข่ายวิทยุชุมชน เข้าร่วม

นายอนุชา กล่าวว่า จากกรณีที่เครือข่ายวิทยุชุมชน เคยมีหนังสือถึงศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เพื่อขอให้พิจารณาระงับ หรือชะลอการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกา ตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2562 มาบังคับใช้ ซึ่งเครือข่ายวิทยุชุมชนจำนวน 3,884 สถานี ทั่วประเทศ เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงให้ออกอากาศที่กำลังส่ง 500 วัตต์ ถึงวันที่ 3 เมษายน 2565 

นายอนุชา กล่าวว่า และจากนั้นให้ออกอากาศด้วยกำลังส่งต่ำเหลือเพียง 50 วัตต์ ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2565 จนถึงปี พ.ศ.2567 จากการลดกำลังส่งดังกล่าว ส่งผลต่อการนำข้อมูลข่าวสารภาคประชาชนออกอากาศในชุมชนต่างๆ ทำให้การสร้างการรับรู้ แก่ประชาชนไม่ทั่วถึง กลุ่มเครือข่ายจึงรวมตัวกัน และส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 

นายอนุชา กล่าวว่า จึงดำเนินการหารือ และประสานงานกับ กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อย ภายหลังทาง กสทช. ได้พิจารณาทบทวนเรื่องดังกล่าว จึงได้ออกประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เรื่อง หลักเกณฑ์ว่าด้วยการทดลองออกอากาศวิทยุกระจายเสียงในระบบเอฟเอ็ม โดยให้วิทยุชุมชนผู้ได้รับใบอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง ยังคงออกอากาศที่กำลังส่ง 500 วัตต์ ได้ต่อไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567  

‘ไพร พัฒโน’ ลาออกสมาชิกพรรคปชป.อีกราย เผยแจ้ง 'อภิสิทธิ์' รู้เป็นคนแรกในการตัดสินใจ

นายไพร พัฒโน อดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ และอดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก ลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมแนบหนังสือลาออก ลงวันที่ 11 มีนาคม 2565 มีรายละเอียดดังนี้... 

“กราบเรียนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกท่าน ผมได้ใช้เวลาในการตัดสินใจเรื่องนี้อยู่นานมาก ด้วยความรัก ความผูกพันที่มีต่อพรรคประชาธิปัตย์รวมตลอดถึงผู้ใหญ่ในพรรคหลายๆท่านที่ผมทั้งรัก ทั้งเคารพ และสุดแสนจะเกรงใจครอบครัวของผมอยู่กับประชาธิปัตย์มากว่า 53 ปี ตั้งแต่สมัยคุณพ่อคือนายไสว พัฒโน และผมเองก็เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรในนามพรรคประชาธิปัตย์มาแล้ว 2 สมัย คือปีพ.ศ.2539 ถึง พ.ศ.2546 จึงเป็นเรื่องยากและยิ่งใหญ่มากในชีวิตของผมต่อการตัดสินใจครั้งนี้….. พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ผมรัก และยังรักอยู่จนถึงตอนนี้ แต่เส้นทางทางการเมืองบางครั้งมันไม่มีทางเลือกให้แก่เรามากนัก”

เคลื่อนสรีระ ‘สมเด็จพระวันรัต’ กลับวัดบวรฯ คณะสงฆ์-ศิษยานุศิษย์ ร่วมจัดพิธีบำเพ็ญกุศล

อัญเชิญสรีระร่างสมเด็จพระวันรัต จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เคลื่อนกลับวัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อจัดพิธีบำเพ็ญกุศล คณะสงฆ์-ศิษยานุศิษย์ ถวายน้ำสรงศพร่วมอาลัย

ตามที่ สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร อาพาธด้วยโรคมะเร็งถุงน้ำดี ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 จนถึงวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ.2565 เวลา 14.22 น. สมเด็จพระวันรัต ได้มรณภาพด้วยอาการสงบนั้น

วันนี้ (17 มี.ค.) เวลา 8.30 น. ที่วัดบวรนิเวศวิหาร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนทยอยเข้ามาถวายความอาลัย โดยทางวัดได้จัดถวายน้ำสรงสรีระสมเด็จพระวันรัต สำหรับประชาชนที่ ชั้น 1 อาคารสภาการศึกษามหามกุฎราชวิทยาลัย โดยก่อนเข้าภายในอาคาร มีการจัดจุดคัดกรอง ตามมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 อย่างเคร่งครัด

ต่อมาเวลา 08.55 น. ขบวนอัญเชิญสรีระร่างสมเด็จพระวันรัต จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เคลื่อนมาถึงวัดบวรนิเวศวิหาร ก่อนจะอัญเชิญขึ้นไปยังชั้น 2 อาคาร 100 ปี สมเด็จพระญาณสังวร ซึ่งเป็นสถานที่จัดบำเพ็ญกุศล ตลอด 2 ข้างทาง มีพระเถระ , พระลูกวัดบวรนิเวศวิหาร และศิษยานุศิษย์ ประชาชนที่ศรัทธายืนเรียงแถวพนมมือ เมื่อขบวนพระสรีระร่างสมเด็จพระวันรัตเคลื่อนผ่าน ต่างพร้อมกันพนมมือก้มกราบลงกับพื้นบางคนน้ำตาไหล ด้วยความอาลัยต่อการสูญเสียครั้งนี้

‘ไบเดน’ ตราหน้า ‘ปูติน’ เป็น 'อาชญากรสงคราม' ส่งอาวุธช่วยยูเครนเพิ่ม แม้คู่ขัดแย้งมีท่าทีรอมชอม

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เรียกประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียว่าเป็น "อาชญากรสงคราม" ต่อการโจมตียูเครน พร้อมแถลงมอบเงินช่วยเหลือด้านความมั่นคงแก่เคียฟเพิ่มเติมอีก 800 ล้านดอลลาร์ ในนั้นรวมถึงอาวุธที่ใช้สอยเครื่องบินและรถถังของรัสเซีย แม้การเจรจาสันติภาพของสองฝ่ายคู่ขัดแย้งมีสัญญาณความคืบหน้าและมีท่าทีประนีประนอม

ระหว่างพูดโต้ตอบกับผู้สื่อข่าวรายหนึ่งที่ทำเนียบขาว ไบเดน กล่าวว่า "โอ้ ผมคิดว่าเขาเป็นอาชญากรสงคราม" หลังจากตอนแรก ตอบกลับว่า "ไม่" เมื่อถูกถามว่าเขาพร้อมเรียก ปูติน ด้วยถ้อยคำดังกล่าวหรือเปล่า

ถือเป็นครั้งแรกที่ ไบเดน ตราหน้า ปูติน ต่อหน้าสาธารณะด้วยถ้อยคำดังกล่าว หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ พูดระหว่างเยือนโปแลนด์ ว่า รัสเซียควรถูกสืบสวนอย่างที่สุดในความเป็นไปได้ของการก่ออาชญากรรมสงคราม

โฆษกของวังเครมลิน รุดออกมาตอบโต้ โดยบอกว่าความเห็นของ ไบเดน ซึ่งกล่าวหาประธานาธิบดีรัสเซียก่ออาชญากรรมสงครามนั้น "เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้" และ "เป็นถ้อยคำที่ไม่สามารถอภัยได้"

อย่างไรก็ตาม เจน ซากิ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาวระบุในเวลาต่อมา ว่า ไบเดน พูดออกมาจากใจ พร้อมเน้นย้ำว่ากำลังมีกระบวนการทางกฎหมายแยกกันเพื่อสรุปว่า ปูติน ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและก่ออาชญากรรมสงครามหรือไม่ ซึ่งกระบวนการนี้อยู่ระหว่างดำเนินการโดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ

ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ไบเดนเผยว่า สหรัฐฯ เสนอมอบความช่วยเหลือด้านความมั่นคงแก่ยูเครนเพิ่มอีก 800 ล้านดอลลาร์ หลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวปราศรัยต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ผ่านวิดีโอลิงก์ ร้องขอความสนับสนุนด้านทหารอย่างเร่งด่วน เพื่อปัดเป่าการรุกรานของรัสเซีย

"สหรัฐฯ จะเดินหน้ามอบอาวุธแก่ยูเครน เพื่อต่อสู้และป้องกันตนเอง มอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและสนับสนุนเศรษฐกิจยูเครน ด้วยความช่วยเหลือทางการเงินเพิ่มเติม" ไบเดนกล่าว "แพกเกจใหม่นี้จะเป็นการมอบความช่วยเหลือยูเครนแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน และในนั้นรวมถึงขีปนาวุธต่อต้านรถถังและอากาศยาน" ที่ช่วยชะลอการบุกของรัสเซียตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ตามคำขอของเซเลนสกี วอชิงตันจะมอบระบบต่อต้านอากาศยานขีปนาวุธพิสัยไกลแก่ยูเครนเพิ่มเติม ไบเดนระบุ นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังจะมอบระบบต่อต้านยานเกราะ 9,000 กระบอก โดรนและอาวุธขนาดเล็ก เช่น ปืนกล ปืนสั้น และเครื่องยิงระเบิดอีก 7,000 กระบอก ซึ่งจะช่วยพลเรือนต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศของตนเอง

เงินช่วยเหลือก้อนใหม่จะมาจากร่างงบประมาณฉบับหนึ่งซึ่ง ไบเดน ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายแล้ว ซึ่งในนั้นรวมไปถึงจัดสรรเงินช่วยเหลือรอบใหม่แก่ยูเครน 13,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ระหว่างการปราศรัยต่อสภาคองเกรส เซเลนสกีเปรียบเทียบการโจมตียูเครน กับเหตุการณ์ที่ญี่ปุ่นโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ ซึ่งลากสหรัฐฯ เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 พร้อมอ้อนวอนสมาชิกสภาคองเกรสและไบเดนโดยตรง ยกระดับความช่วยเหลือมากกว่าที่เป็นอยู่

'พท.' ซัด 'ลุง' แก้ปัญหาตามเสียงด่า ปล่อยประชาสู้ตามยถากรรม แนะ 6 แนวมาตรการเก่า พปช.ไปใช้ ไม่คิดค่าลิขสิทธิ์

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ขณะนี้คนไทยต้องเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจที่ซ้ำซ้อน ต่อเนื่องและยาวนาน จากความผิดพลาด บกพร่องและไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้คนไทยต้องตกอยู่ในภาวะวิกฤติโควิด-19 แบบโงหัวไม่ขึ้นเข้าปีที่ 3 ต่อเนื่อง วันนี้เมื่อเกิดความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันและสินค้าวัตถุดิบต่างๆ ที่ราคาพุ่งสูงขึ้น เศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่อยู่แล้วจากโรคระบาด ยิ่งวิกฤติหนักกว่าเดิมซ้ำเติมความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กลับนิ่งเฉยต่อปัญหาความล่าช้า ไร้มาตรการที่ชัดเจน 7 ปีที่บริหารประเทศ ทำงานไล่ตามปัญหา แก้ปัญหาตามเสียงก่นด่าของประชาชน 

น.ส.อรุณี กล่าวต่อว่า ในช่วงปี 2551 ได้เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในสหรัฐฯ สร้างผลกระทบไปทั้งโลก ราคาน้ำมันในตลาดโลกยกระดับสูงขึ้น ก่อให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อ สร้างผลกระทบกับค่าครองชีพพี่น้องประชาชน รัฐบาลพรรคพลังประชาชนได้เร่งรัดหาทางแก้ไขปัญหาในทันทีและรวดเร็ว โดยได้ประกาศ 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยทุกคน ที่ครอบคลุมและชัดเจนในการแก้ไขสถานการณ์บรรเทาปัญหาค่าครองชีพพี่น้องประชาชนเมื่อวันที่ 15 ก.ค.51 ประกอบด้วย... 

>> ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันทุกประเภท โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลเหลืออัตราการจัดเก็บเพียง 0.005 สตางค์ 
>> ชะลอการปรับราคาก๊าซหุ้งต้ม (แอลพีจี) ในภาคครัวเรือน 
>> ฟรีค่าน้ำประปาสำหรับผู้ใช้น้ำในประเภทที่อยู่อาศัยที่มีปริมาณการใช้น้ำตั้งแต่ 0-50 ลูกบาศก์เมตร (คิว) ต่อเดือน 
>> ไฟฟ้าฟรีสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 80 หน่วยต่อเดือน และจ่ายค่าไฟฟ้า 50% สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วย 
>> รถเมล์ฟรีในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 
>> รถไฟฟรีทุกขบวนเป็นเวลา 6 เดือน 

'อี้ เจี่ยฟาง' คุณแม่ผู้สานต่อโลกสีเขียวจากลูกชายผู้ล่วงลับ ปลูกต้นไม้ 10 ล้านต้น แม้ต้องบาดเจ็บจนผ่าตัดร่วม 10 ครั้ง 

"ขอปลูกต้นไม้ จนกระทั่งเดินไม่ไหว" นี่คือคำกล่าวจาก 'อี้ เจี่ยฟ่าง' คุณแม่ผู้สูญเสียลูกชายที่มีความปรารถนาอยากปลูกต้นไม้พลิกฟื้นทะเลทรายให้กลายเป็นพื้นที่สีเขียวในเขตปกครองตนเองมองโกเลีย ภาคตะวันตกของจีน

ปีค.ศ. 2000 ลูกประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต นางอี้ เจี่ยฟ่างผู้เป็นแม่เศร้าเสียใจเป็นที่สุดจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ แต่ด้วยเหตุที่ลูกเคยมีความปรารถนาที่จะ “ปลูกต้นไม้พลิกฟื้นทะเลทรายให้กลายเป็นพื้นที่สีเขียว” นี่จึงเป็นพันธกรณีสำคัญที่ทำให้เธอต้องอยู่ต่อ   

ปี 2003 นางอี้ เจี่ยฟ่างกับสามีขายบ้านในเมือง นำเงินที่ได้พร้อมเงินประกันที่ได้จากการเสียชีวิตของลูกชายไปฝากไว้ที่ธนาคาร หลังจากนั้นพากันนั่งเครื่องบินแล้วต่อรถบัส รถม้าและเดินทางอีก 2 วัน จึงไปถึงเขตปกครองตนเองมองโกเลียในภาคตะวันตกของจีน เพื่อปลูกต้นไม้ที่ทะเลทราย 

เพื่อนบางคนบอกกับเธอว่า “คุณอายุมากแล้ว จ้างคนไปช่วยดีกว่า” แต่นางอี้ ตอบว่า “ฉันต้องทำเองจึงจะรู้สึกสบายใจ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top