Tuesday, 24 June 2025
TheStatesTimes

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ หวังมาตรการช่วยเหลือของรัฐ ‘เราชนะ’ / ‘คนละครึ่ง’ และ ‘ม.33 เรารักกัน’ ช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยปี 64 รอด!! คาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวกว่า 2.8%

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังพิจารณามาตรการและโครงการต่างๆ ของรัฐบาลที่นำมาเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ทั้ง ‘เราชนะ’ / ‘คนละครึ่ง’ และ ‘ม.33 เรารักกัน’ โดยจะประเมินว่า โครงการทั้งหมดจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยปีนี้อย่างไรบ้าง

ทั้งนี้ เบื้องต้นมีการประเมินถึงมาตรการทั้งหมดว่าจะมีส่วนช่วยเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจประมาณ 303,000 ล้านบาท หรือกระตุ้นจีดีพีเพิ่มขึ้นประมาณ 1.7% ซึ่งหากแยกเป็นโครงการต่าง ๆ จะพบว่า โครงการเราชนะ ที่ใช้วงเงินกว่า 2.1 แสนล้านบาท คาดช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 1.2% โครงการคนละครึ่ง วงเงิน 53,000 ล้านบาท คาดช่วย กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 0.3% และโครงการเรารักกัน วงเงิน 40,000 ล้านบาท คาดกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 0.2%

ฉะนั้น หากรวมมาตรการทั้งหมดแล้วเชื่อว่า จะช่วยประคับประคองเศรษฐกิจ และพยุงการจ้างงานในระบบไว้ได้กว่า 6 - 9 แสนคน ทั้งยังช่วยให้มีแรงงานกลับเข้ามาในกลุ่มธุรกิจค้าขาย ขนส่ง และกลุ่มอาหาร ซึ่งจะส่งผลให้อัตราการว่างงานไม่ทะลุเกิน 2% และมีโอกาสกลับลงมาอยู่ที่ระดับ 1 - 1.5% ได้ ขณะเดียวกันยังช่วยลดหนี้สาธารณะลงได้ โดยคาดว่าปีนี้หนี้สาธารณะจะไม่ขึ้นไปแตะระดับ 90% ต่อจีดีพี และอาจจะอยู่ที่ระดับ 84 - 85% ต่อจีดีพี

จากภาพรวมดังกล่าว ทำให้หอการค้าฯ คงประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยสำหรับปีนี้ไว้ที่ 2.8%

'ทัพบก' ขึงขังปฏิรูป เลิก - ลด ซื้ออาวุธต่างประเทศ พร้อมปรับเปลี่ยนโครงการซื้อเครื่องบิน 'วีไอพี' เป็น C-295 เครื่องบินลำเลียงทางทหาร ใช้ในภารกิจหลากหลาย - ช่วยเหลือประชาชน

พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก แถลงข่าวถึงแนวทางการปฏิรูปกองทัพ ว่า คือการยกเลิกหรือลดจำนวนโครงการจัดหายุทโธปกรณ์ราคาสูงจากต่างประเทศให้มากที่สุด และสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์ภายในประเทศมาใช้มากขึ้น ลดการใช้งบประมาณสำหรับกองทัพบก

เพื่อนำไปใช้บรรเทาความเดือนร้อนประชาชนด้านอื่น ๆ รวมไปถึงการปรับปรุงโครงสร้างกำลังกองทัพบก ไปสู่การจัดหน่วยแบบ เบา ประหยัด มีความคล่องตัวสูง และมีประสิทธิภาพ บริหารจัดการตนเองภายใต้ข้อจำกัดของงบประมาณ แต่ในปัจจุบันการพัฒนาเทคโนโลยีด้านอาวุธก้าวหน้าไปมาก สิ่งใดที่เราดำเนินการเองไม่ได้ ก็ต้องจัดหาสำหรับการที่ฝ่ายค้านต้องการให้ตัดงบประมาณปี 2565 ของกองทัพบกวงเงิน 6 พันล้าน

ในหมวดการจัดหายุทโธปกรณ์นั้น อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 โดยภาพรวมถูกปรับลดลงไป 5- 6%

พล.ท.สันติพงษ์ กล่าวยกตัวอย่างว่า แนวทางการจัดทำโครงการจัดหาอาวุธของกองทัพบกปีนี้ ได้มีการปรับเปลี่ยนโครงการจัดหาอากาศยานเดินทางของผู้บัญชา หรือ บุคคลสำคัญ มาเป็น เครื่องบินลำเลียงขนาดกลาง C -295 มีขีดความสามารถ ในการบรรทุกกำลังพลถึง 71 นาย สามารถทำการบินได้สูงถึง 1.3 - 3 หมื่นฟุต ทำการฝึกโดดร่มได้ทั้งแบบ ฮาโล และ Static และในกรณีที่ใช้ในภารกิจโดดร่มสามารถบรรทุกเครื่องอุปกรณ์และกำลังพลได้ประมาณ 54 นาย

ถือว่าเป็นประโยชน์มากกว่าเครื่องบินวีไอพีที่สามารถบรรทุกคนได้เพียง 10 ที่นั่ง ซึ่งงบประมาณที่ใช้ในโครงการนี้ใกล้เคียงกับเครื่องบินสำหรับผู้บังคับบัญชา แต่คุ้มค่า และสามารถใช้ในภารกิจบรรเทาสาธารณภัย ช่วยเหลือประชาชน

คิกออฟ!! อาคารบังคับน้ำในแม่น้ำปิงท้ายเขื่อนภูมิพล เพิ่มรอยยิ้มเกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน

ปัจจุบันประเทศไทยในหลายพื้นที่ ต้องพบกับปัญหา ขาดแคลนน้ำ ภัยแล้ง และน้ำท่วม ในบางช่วงเวลา โดยมีหนึ่งในสายน้ำที่เป็น ‘คอขวด’ ของปัญหาหนักแทบทุกปี บนช่วงพิกัดของ ‘แม่น้ำปิง’

ปัจจุบัน แม่น้ำปิง มีสภาพตื้นเขิน มีปัญหาตะกอนทรายเกาะแก่งอยู่ในลำน้ำ ทำให้ร่องน้ำเปลี่ยนทิศทาง ส่งผลให้เกษตรกรสูบน้ำไปใช้เพื่อการเกษตรไม่ได้ตามระยะเวลาที่ต้องการ รวมถึงโรงสูบน้ำของการประปาส่วนภูมิภาค การประปาของเทศบาลและท้องถิ่น ต้องเจอปัญหาการสูบน้ำเพื่อผลิตน้ำประปาสำหรับชุมชนเมือง

เหตุผลหลักๆ มาจากระดับน้ำในแม่น้ำปิง ณ ปัจจุบันต่ำมาก เนื่องจากการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล อยู่ในเกณฑ์น้อยในแต่ละวัน ซึ่งปัจจัยหลักๆ ก็มาจากปริมาณน้ำในอ่างฯ ที่อยู่ในเกณฑ์น้อยลงนั่นเอง

ปัญหาดังกล่าว ทางกรมชลประทาน ได้นำมาพิจารณาอย่างต่อเนื่อง จนเกิดแนวคิดแก้ไขผ่านโครงการหนึ่ง ภายใต้ชื่อ ‘อาคารบังคับน้ำในแม่น้ำปิงท้ายเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดกำแพงเพชร’

โครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการที่ได้รับเสียงตอบรับดีหลังร่างแผนโครงการขึ้นมา ทั้งจากภาคประชาชน ภาครัฐ ภาคการเกษตร ภาคประชาสังคม ภาคอุตสาหกรรม หอการค้า คณะกรรมการภาครัฐและเอกชน โดยแต่ละภาคส่วนต่างต้องการให้มีการศึกษาและก่อสร้างอาคารบังคับน้ำในลำน้ำปิง ในบริเวณที่เหมาะสม เพื่อยกระดับน้ำให้สูงขึ้นเล็กน้อย สามารถชะลอน้ำไว้ เพื่อยืดระยะเวลาการสูบน้ำส่งให้กับพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างทั่วถึง ช่วยเรื่องของการอุปโภคบริโภค การเกษตร การประมง และส่งเสริมการท่องเที่ยว หากโครงการก่อสร้างอาคารบังคับน้ำดังกล่าวดำเนินการได้จนแล้วเสร็จ

สำหรับแผนการดำเนินการคัดเลือกโครงการฯ เบื้องต้นมีการเลือกพิกัดจำนวน 3 แห่ง เพื่อนำไปดำเนินการศึกษาความเหมาะสม และประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม

• โครงการอาคารบังคับน้ำบ้านแม่ยะ อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก พื้นที่รับประโยชน์ 32,500 ไร่

• โครงการอาคารบังคับน้ำวังยางหนองขวัญ อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร พื้นที่รับประโยชน์ 601,585 ไร่

• และโครงการอาคารบังคับน้ำคลองกระถินอำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ พื้นที่รับประโยชน์ 112,500 ไร่ โดยทั้ง 3 โครงมีลักษณะเป็นฝายคอนกรีตพร้อมบานระบาย

ทั้งนี้ โครงการอาคารบังคับน้ำในแม่น้ำปิงท้ายเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดกำแพงเพชร คาดว่า จะต้องดูรายละเอียดทั้งหมด พอทุกอย่างผ่านจะออกแบบให้แล้วเสร็จในปี 2565 จากนั้นก็จะเสนอไปกระทรวงการเกษตร เพื่อส่งเรื่องให้ ครม.พิจารณาต่ออีกที โดยคาดว่าหากโครงการดังกล่าวผ่านการพิจารณาของ ครม. ก็จะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2566 คาดสร้างเสร็จก็จะปี 2568

นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า "ปัจจุบันทางกรมฯ มีการลงพื้นที่ติดตามโครงการศึกษาความเหมาะสมและวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม อาคารบังคับน้ำในแม่น้ำปิงท้ายเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดกำแพงเพชร โดยเดินทางไปยังบริเวณพื้นที่ศึกษาโครงการอาคารบังคับน้ำคลองกระถิน อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ และบริเวณพื้นที่ศึกษาโครงการอาคารบังคับน้ำหนองขวัญ อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร พร้อมพบปะพูดคุยรับฟังข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากผู้แทนประชาชนในพื้นที่ ซึ่งโครงการดังกล่าวหากสามารถเดินหน้าก่อสร้างได้จนแล้วเสร็จ จะช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในการทำการเกษตร การอุปโภคบริโภค และควบคุมการส่งน้ำไปยังพื้นที่ชลประทานได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

"สำหรับ ‘โครงการอาคารบังคับน้ำในแม่น้ำปิงท้ายเขื่อนภูมิพล’ จังหวัดตาก กำแพงเพชร และนครสวรรค์ นั้น ทางกรมชลประทาน ได้เดินหน้าโครงการศึกษาความเหมาะสมและวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้แทนองค์กรผู้ใช้น้ำประชา กลุ่มเกษตรกร กลุ่มผู้เลี้ยงปลากระชัง และประชาชน บริเวณพื้นที่ศึกษาโครงการอาคารบังคับในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงผลกระทบจากฝุ่นต่าง ๆ หากเริ่มก่อสร้างเป็นที่เรียบร้อย ส่วนบ้านเรือนใดที่มีส่วนติดกับพิกัดที่จะไปก่อสร้างอาคาร ก็จะมีการดูแล จ่ายค่าทดแทน ค่าผลอาสิน อย่างเป็นธรรม รวมถึงงบประมาณที่ดิน ค่าชดเชย ตอบแทน จะมาควบคู่ก่อนการก่อสร้างแก่ผู้ที่ต้องได้รับผลกระทบอย่างเป็นธรรมเช่นกัน โดยชาวบ้านในพื้นที่รอบเขตก่อสร้างที่ีทางกรมชลประทานได้เข้าไปประชาสัมพันธ์ ต่างเข้าใจ เพราะมองว่านี่คือแผนระยะยาว เพื่อแก้แล้ง - อุทกภัย ช่วยเกษตรกรไทยได้อย่างยั่งยืน"


ชำนาญ จันทร์เรือง คณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊ก หนุนคนพม่าต่อต้านรัฐประหาร โดยระบุว่า

ไม่ได้โลกสวย แต่การที่คนพม่าออกมาต่อต้านรัฐประหารในทุกรูปแบบครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อคณะราษฎร 63 และจะประสบชัยชนะไปด้วยกันในที่สุด

#nocoup #คณะราษฎร63

แห่ร่วมอาลัย ‘ดารารัตน์ เกียรติเกิดสุข’ นักร้องต้นฉบับเพลง ‘จับปูดำขยำปูนา’ เสียชีวิตแล้ว ด้วยโรคโควิด-19 ขณะมีอายุ 91 ปี ที่โรงพยาบาลในสหราชอาณาจักร

เพจเฟซบุ๊ก Amthaipaper (หนังสือพิมพ์ไทยในอังกฤษ) รายงานว่า ‘ดารารัตน์ เกียรติเกิดสุข’ นักร้องในตำนาน เจ้าของบทเพลง จับปู (จับปูดำขยำปูนา) ได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยโรคโควิด-19 ด้วยวัย 91 ปี ที่ West middlesex Hospital ในสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2021 เวลา 18.10 น. โดยมี คนไทยในสหราชอาณาจักร รวมถึง แฟน ๆ เข้าไปแสดงความเสียใจจำนวนมาก


ที่มา : Amthaipaper (หนังสือพิมพ์ไทยในอังกฤษ)

https://www.facebook.com/amthaipaper/photos/a.628322723873409/3793499370689046/

Cr : https://www.youtube.com/watch?v=llVx_SkhA3o&feature=embtitle

‘แรมโบ้’ ทำจดหมายเปิดผนึกด่วน ถึง ผู้นำฝ่ายค้าน จี้ถาม 7 ข้อ ขอให้ตอบปมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ‘บิ๊กตู่’ ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึง นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเรียน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

ตามข้อเรียกร้องที่ผม นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ และนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐ ได้เสนอแนวทางและเรียกร้องให้ท่าน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ขอให้มีการถอน ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือแก้ไขญัตติใหม่ ในประเด็นข้อกล่าวหานายกรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเป็นความไม่เหมาะสมและอาจจะเกิดความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง

และจะสร้างปรากฏการณ์ความเสื่อมเสียอันก่อให้เกิดความแตกแยกในหมู่พี่น้องประชาชนคนไทย จะเป็นการเปิดโอกาสให้มีการอภิปรายก้าวล่วง จาบจ้วง บิดเบือน ใส่ร้ายให้สถาบันกษัตริย์เกิดความเสียหายได้ อาจส่งผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจคนไทยทั้งประเทศ เพราะเจตนาของพรรคการเมืองบางพรรคที่มีพฤติกรรมในการที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขที่ได้ปกครองประเทศอย่างสงบสุขร่มเย็นมาเป็นระยะเวลาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน

กระผมจึงขอตั้งคำถามถึงนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ดังนี้

1.) ท่าน และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ตั้งใจวางแผนร่วมมือกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในการเสนอญัตติที่อัปยศอดสูที่สุดตั้งแต่เคยมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจมา เพราะเป็นความต้องการให้มีการอภิปรายถึงสถาบันเบื้องสูง มีเจตนาให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันใช่หรือไม่

2.) หากมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอภิปรายพาดพิง ก้าวร้าว ป้ายสี จาบจ้วง ก้าวล่วง บิดเบือนข้อมูลอันเป็นเท็จต่อสถาบันเบื้องสูง ท่านในฐานะผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่ได้ร่วมยื่นญัตติร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านในครั้งนี้ จะรับผิดชอบอย่างไร

3.) ท่าน และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย มีความจงรักภักดีและปกป้องสถาบันกษัตริย์หรือไม่ เพราะผู้นำฝ่ายค้านได้รับโปรดเกล้าฯ จากในหลวง รัชกาลที่ 10 ควรที่จะช่วยกันปกป้องสถาบันใช่หรือไม่

4.) ถ้ามีการอภิปรายพาดพิงสถาบันให้เกิดความเสียหายและเกิดผลกระทบต่อจิตใจของพี่น้องประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ จนเกิดความแตกแยกมากขึ้นในบ้านเมือง พรรคเพื่อไทยจะรับผิดชอบอย่างไร

5.) ท่าน และพรรคเพื่อไทย ไม่กลัวประชาชนเข้าใจว่ามีส่วนร่วมในการวางแผนล้มล้างสถาบันกษัตริย์เหมือนกับกลุ่มก้าวหน้า โดยการนำของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล ท่านจะอธิบายประชาชนที่จงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์อย่างไรว่า ท่าน และพรรคเพื่อไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

6.) ท่าน และพรรคเพื่อไทย ไม่กลัวว่าในการเลือกตั้งหาเสียงในสมัยหน้าจะไปลงพื้นที่ในจังหวัดใดก็ตาม จะถูกประชาชนออกมาประท้วงต่อต้านและเปิดเพลงหนักแผ่นดินขับไล่ดังเช่นกลุ่มก้าวหน้า จนส่งผลไม่ได้รับการเลือกตั้ง นายก อบจ. แม้แต่เขตเลือกตั้งเดียว ซึ่งพรรคเพื่อไทยอาจไม่ได้ ส.ส. แม้แต่เขตเลือกตั้งเดียวในการเลือกตั้งสมัยหน้า เพราะถูกต่อต้านจากประชาชนดังเช่นกลุ่มก้าวหน้า ท่านไม่กลัวเช่นนั้นใช่หรือไม่

7.) ท่านจะตอบคำถามให้กับสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่มีจำนวนมากทั่วประเทศให้เข้าใจและหายสงสัยอย่างไรว่า ท่านและพรรคเพื่อไทยไม่เป็นเครื่องมือให้กับพรรคและกลุ่มที่คิดล้มล้างสถาบันเบื้องสูง เพราะพฤติกรรมของท่าน และพรรคเพื่อไทยเจตนาจงใจกล้าร่วมมือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจให้เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ในครั้งนี้

กระผมจึงเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงท่านสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยขอให้ท่านได้ชี้แจงและอธิบายคำตอบให้พี่น้องประชาชนที่จงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ และสมาชิกพรรคเพื่อไทยทั่วประเทศได้ทราบข้อเท็จจริง เพื่อที่จะได้หายเคลือบแคลงสงสัยให้เกิดความกระจ่างและสบายใจมาในครั้งนี้

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คงได้รับคำตอบที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ต่อสถาบันและความทุกข์ใจของพี่น้องประชาชนผู้จงรักภักดีและปกป้องสถาบันต่อไป

ขอแสดงความนับถือ

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์

(แรมโบ้ อีสาน)

5 กุมภาพันธ์ 2564

'ณวัฒน์' สื่อถึงใคร ผู้หญิงข้ามเพศ ออกทีวีโอ้อวด-บูลลี่คนอื่น ชี้ศัลยกรรมเปลี่ยนได้ทุกอย่างยกเว้นนิสัยและความคิด ลั่นแบนในทุกรายการที่ทำ ไม่ยอมให้ใช้พื้นที่สื่อเหยียดคนอื่น

ณวัฒน์ อิสรไกรศีล พิธีกรดัง โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ณวัฒน์ อิสรไกรศีล - Mr.Nawat Itsaragrisil ระบุว่า ผมสนับสนุนสิทธิและความเท่าเทียมกันไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม แต่เห็นผู้หญิงข้ามเพศที่พยายามปั้นตัวเองว่าทั้งสวยและรวยมากมานั่งให้สัมภาษณ์นั่งแฉเรื่องส่วนตัวและบูลลี่คนอื่นโดยใช้คำหยาบคายโอ้อวดพฤติกรรมในเรื่องแฟนบลา ๆ ๆ โดยที่บุคคลที่ถูกพาดพิงไม่มีสิทธิ์โต้แย้งเข้าข่ายหมิ่นประมาทได้เต็มๆ

คนนี้พยายามรณรงค์เปลี่ยนคำนำหน้าให้เป็นนางสาวผมว่าผู้หญิงทั้งประเทศเค้าคงไม่อยากให้ใช้เพราะผู้หญิงทั่วไปเค้าไม่ทำนิสัยแบบนี้ ศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่างครับยกเว้นนิสัยและความคิด

ผมขอแบนคนนี้ทุกรายการทีวีที่ผมทำ ไม่ยอมให้ใช้พื้นที่สื่อในการเหยียดคนอื่น และโฆษณาตัวเองเกินจริงครับ และหลายรายการที่ผมรู้จักก็แบนเหมือนกัน

กระทรวงแรงงาน เชื่อมสัญญาณหัวเว่ย ผลิตบุคลากรติดตั้งระบบ 4G และ 5G เทรนคนละครึ่งทั้งออนไลน์และภาคสนาม ตามแนวทางประชารัฐร่วมมือกับภาคเอกชน

นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันอินเตอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันทั้งการติดต่อสื่อสาร การทำงาน การเรียน และการพักผ่อน โดยระบบส่งสัญญาณโทรคมนาคมในระบบ 4G และ 5G เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้การใช้อินเตอร์เน็ตมีความสะดวกรวดเร็ว ลื่นไหล ไม่ติดขัด .

แต่อย่างไรก็ตามช่างฝีมือในการติดตั้งระบบส่งสัญญาณยังคงขาดแคลนอยู่มาก นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน จึงมอบหมายให้กพร. ใช้แนวทางประชารัฐร่วมมือกับบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ในการพัฒนากำลังคนผลิตช่างฝีมือรองรับการเข้าสู่ยุคสังคมดิจิทัล

นายธวัช กล่าวต่อไปว่า ทั้งสองหน่วยงานได้ร่วมกันจัดฝึกอบรมหลักสูตร การติดตั้งระบบส่งสัญญาณโทรคมนาคมในระบบ 4G และ 5G ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติภายใต้หัวข้อการใช้เครื่องมือติดตั้งตามข้อกำหนดการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยนอกสถานที่ การติดตั้งสถานีฐานไร้สายและการตรวจสอบหลังการติดตั้งตามข้อกำหนดความปลอดภัยทางไซเบอร์ และปฏิบัติการภาคสนาม ใช้ระยะเวลาการฝึกอบรม 18 ชั่วโมง

ซึ่งได้เริ่มจัดการฝึกอบรมไปแล้วจำนวน 1 รุ่น แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ จึงชะลอการฝึกอบรม และจะกลับมาเริ่มฝึกอีกครั้งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม 2564 กำหนดฝึกอบรมจำนวน 4 รุ่น รุ่นละ 20 คน โดยสั่งการให้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 13 กรุงเทพมหานคร ประสานความร่วมมือกับหัวเว่ยดำเนินการฝึกอบรมในกรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่แรก และตั้งเป้าหมายขยายการฝึกอบรมทั่วประเทศในปี 2564 นี้

"เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 กพร.และหัวเว่ย จึงพัฒนารูปแบบการฝึกอบรให้เหมาะสม โดยภาคทฤษฎีจะใช้การฝึกอบรมผ่านระบบออนไลน์แบบถ่ายทอดสด ส่วนภาคปฏิบัติจะเน้นการฝึกปฏิบัติงานภาคสนาม การฝึกอบรมทั้งแบบออนไลน์ภาคทฤษฎีและฝึกปฏิบัติภาคสนามแบบคนละครึ่งนี้ผู้เข้าฝึกอบรมจะได้รับทั้งความรู้และทักษะที่สำคัญและจำเป็นต่อการปฏิบัติงานดูแลระบบส่งสัญญาณ 4G และ 5G ที่มีกระจายอยู่ทั่วประเทศ

เป็นอีกหนึ่งหลักสูตรดี ๆ ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่ต้องการพัฒนากำลังคนให้มีความพร้อมสู่สังคมดิจิทัลที่ต้องการการสื่อสารที่สะดวกรวดเร็ว โดยคุณสมบัตของผู้เข้ารับการฝึกอบรมต้องมีอายุตั้งแต่ 18-54 ปี มีทักษะด้านการใช้งานคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ช่างพื้นฐาน ผู้สนใจสามารถสอบรายละเอียดเพิ่มได้ที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 13 กรุงเทพมหานคร เบอร์โทรติดต่อ 0 2390 0265 หรือ www.facebook.com/dsdbangkok" อธิบดีกพร กล่าว

‘กรอ.พาณิชย์’ ไฟเขียว เรือใหญ่ ขนาด 400 เมตร เทียบท่าแหลมฉบัง รับสินค้าไทยส่งออกได้ สู่ประเทศปลายทาง ไม่ต้องถ่ายสินค้าลงเรือใหญ่ที่สิงคโปร์ โดยใช้เวลาขออนุญาต 1 วัน และมีอายุ 2 ปี คาดส่งออกไทยปีนี้ขยายตัวได้ถึง 4%

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและะเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ครั้งที่ 1/2564 ว่า ที่ประชุมได้มีการติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาอุปสรรคการส่งออก โดยในเรื่องการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่เป็นปัญหากระทบไปทั่วโลก สามารถแก้ไขปัญหาได้แล้ว โดยเรื่องที่ภาคเอกชนเรียกร้องให้เปิดโอกาสเรือขนาด 400 เมตร

ซึ่งเป็นเรือขนาดใหญ่ และมีสายการเดินเรืออยู่ประมาณ 6 สายการเดินเรือ เข้ามาเทียบท่าที่แหลมฉบังได้โดยไม่ต้องขออนุญาต หรือไม่ต้องอนุญาตโดยใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ ซึ่งหลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ ภาคเอกชน ได้หารือร่วมกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้ข้อสรุปร่วมกันว่าจะอนุญาตให้เรือที่มีขนาดใหญ่ 400 เมตร สามารถเข้ามาเทียบท่าและรับสินค้าไทยเพื่อการส่งออกได้ โดยการขออนุญาตใช้เวลาแค่ 1 วัน และใบอนุญาตจะมีอายุ 2 ปี จะช่วยให้การส่งออกสินค้าสามารถขึ้นเรือใหญ่และไปสู่ประเทศปลายทางได้เลย จากที่จะต้องไปถ่ายลงเรือใหญ่ที่สิงคโปร์หรือท่าอื่นๆ ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่จากนี้จะเป็นการลดต้นทุนไปในตัว

ส่วนการแก้ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ สำหรับสินค้าที่ไม่จำเป็นต้องส่งออกโดยการใช้ตู้ จะหลีกเลี่ยงการใช้ตู้ โดยจะใช้เรือที่ขนสินค้าส่งออกแทน เช่น ผลไม้ มะพร้าว พืชเกษตรชนิดอื่น และไม้ยางพารา เป็นต้น โดยมีการเตรียมเรือไว้จำนวนหนึ่ง จะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ก.พ.2564

เพื่อลดการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ และจะส่งเสริมให้มีการนำให้เรือบรรทุกสินค้านำตู้เปล่าเข้ามา โดยมีมาตรการจูงใจ เช่น ลดค่าธรรมเนียมนำเข้าตู้เปล่า ซึ่งการท่าเรือฯ จะเป็นผู้ดำเนินการต่อไป โดยจะเป็นผู้เสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบ คาดว่าจากเร็วที่สุดอาจเป็นวันที่ 9 ก.พ.2564

สำหรับสินค้าที่ส่งออกไปยังจีน จะเน้นการขนส่งทางรถหรือทางบกให้มากขึ้น โดยเร่งเจรจาการขนส่งผ่านด่านของไทยไปสปป.ลาว เวียดนาม และจีน ให้ได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความจำเป็นในการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ลงได้

นอกจากนี้ จะเร่งรัดการเปิดด่านชายแดนเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีด่านชายแดนทั้งหมด 97 ด่าน เปิดแล้ว 39 ด่าน ล่าสุดจากการเจรจาของกระทรวงพาณิชย์สามารถเปิดได้อีก 1 ด่าน คือ ด่านถาวรที่บึงกาฬ รวมเป็น 40 ด่าน และตั้งเป้าจะเร่งรัดเปิดอีก 3 ด่าน คือ 1.) ด่านป่าแซง จ.อุบลราชธานี 2.) ด่านเชียงคาน จ.เลย 3.) ด่านท่าเรือหายโศก จ.หนองคาย โดยจะนำเข้าหารือในที่ประชุม ครม. เพื่อให้ท่านนายกรัฐมนตรีสั่งการเป็นนโยบาย เพื่อเร่งรัดการส่งออกสินค้าได้สะดวกยิ่งขึ้นต่อไป

ส่วนปัญหาการส่งออกรถยนต์ไปเวียดนาม ซึ่งเดิมเคยติดขัดในเรื่องกฎระเบียบในการนำรถตัวอย่างไปตรวจสอบแทบทุกล็อต ต่อไปนี้ปัญหายุติแล้ว หลังจากที่อาเซียนได้ลงนามความตกลงยอมรับร่วมสินค้ายานยนต์ (MRA) โดยได้ลงนามครบทั้ง 10 ประเทศแล้ว เหลือขั้นตอนการให้สัตยาบัน โดยไทยจะเร่งนำเข้าสภาผู้แทนราษฎรให้เร็วที่สุด คาดว่าจะทันในสมัยประชุมนี้ หากบังคับใช้ จะส่งผลต่อการส่งออกรถยนต์ไปเวียดนามได้ง่ายขึ้น และปัญหาการขนส่งรถยนต์จากโรงงานไปท่าเรือเพื่อส่งออก ที่เดิมติดปัญหารถไม่มีป้ายทะเบียน ทำให้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุม ล่าสุดหลังหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อยุติว่าจะไม่มีการจับกุม เพราะเป็นข้อยกเว้นตามกฎหมายที่สามารถทำได้

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้ติดตามสถานการณ์ในเมียนมา พบว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบที่มีนัยสำคัญต่อภาคการค้าและภาคธุรกิจของไทย ยังดำเนินธุรกรรมได้ตามปกติ การค้าขายระหว่างกันยังสามารถดำเนินการได้ การค้าชายแดนก็ไม่ได้รับผลกระทบ โดยด่านสำคัญ 3 ด่าน ที่เป็นด่านถาวรในการส่งออกสินค้าของไทยทั้งด่านแม่สาย แม่สอด หรือระนอง สามารถส่งออกสินค้าได้ตามปกติ

และด่านสังขลาบุรี ที่กาญจนบุรี ที่ปิดไป คาดว่าจะสามารถเปิดด่านได้ในเร็ววันนี้ และกระทรวงพาณิชย์ยังได้สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ที่เมียนมา ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และรายงานกลับมาทุกวัน และจะอัพเดตสถานการณ์ในเมียนมาที่เกี่ยวข้องกับการค้า การลงทุน การทำธุรกิจ ให้ทราบผ่านเว็บไซต์ของกระทรวงพาณิชย์ทุกวัน

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังได้มีการประเมินสถานการณ์ส่งออกในปี 2564 โดยภาคเอกประเมินว่าการส่งออกในปี 2564 คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.5-4% ส่วนกระทรวงพาณิชย์ประเมินว่ามีโอกาสที่การส่งออกจะขยายตัวได้ถึง 4% เพราะการส่งออกของไทยได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดมาแล้วในปี 2563 กำลงจะฟื้นตัวดีขึ้นในปี 2564

การบินไทย จะบิน หรือ จะจอด ? | สนามนักสู้ EP.23

จากข่าว 'การบินไทยขอยื่นส่งแผนฟื้นฟูอีกรอบศาลล้มละลายกลางให้เวลาถึง 2 มีนาคมปี 64' ทางการบินไทยจะมีวิธีการรับมือกับสถานการณ์นี้ต่อไปอย่างไร เพื่อให้พ้นสถานะล้มละลาย การบินไทยจะสู้อย่างไร พบคำตอบได้ที่สนามนักสู้ กับ คุณปอ ณัฐภูมิ รัฐชยากร . สนามนักสู้ เพราะทำธุรกิจ ต้องสู้! ติดตามรายการได้ทุกวันพุธ และวันศุกร์

.

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top