Saturday, 10 May 2025
Region

สระบุรี - อบจ.สระบุรี ร่วมกับเทศบาล ตำบลดอนพุด มอบถุงยังชีพ 1,700 ชุด ให้ประชาชนที่ถูกน้ำท่วม อ.ดอนพุด

ที่หอประชุมเฉลิมเกียรติเทศบาลตำบลดอนพุด จ.สระบุรี นายอรรถพล วงษ์ประยูร รองนายกอบจ.จังหวัดสระบุรี นายองอาจ วงษ์ประยูร ส.ส. จ.สระบุรี เขต 3 พรรคเพื่อไทย และนายไพศาล ขำวงษ์ นายกเทศบาลตำบลดอนพุด พร้อมคณะผู้บริหาร

ระยอง - ทัพเรือภาคที่ 1 เช็คความพร้อม!! นำคณะตรวจความพร้อมของกำลังพล และยุทโธปกรณ์ ใช้ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยรับมืออุทกภัย และภัยพิบัติทุกรูปแบบ

ณ สถานีการบิน กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ อ.บ้านฉาง จว.ระยอง พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการ ทัพเรือภาคที่ 1 (ผบ.ทรภ.1) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ทัพเรือภาคที่ 1 (ผอ.ศบภ.ทรภ.1) กองทัพเรือ นำคณะตรวจความพร้อมของกำลังพล และยุทโธปกรณ์ ที่ใช้ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยของ เพื่อเตรียมความพร้อมของกำลังพล อุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ ในการช่วยเหลือประชาชน ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เป็นที่ประจักษ์ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ ประชาชน ได้แก่ กำลังพลจาก กองบัญชาการ ทัพเรือภาคที่ 1 กองเรือยุทธการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ฐานทัพเรือสัตหีบ กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ หน่วยบัญชาการต่อสู้ จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง เมืองพัทยา และอำเภอสัตหีบ เพื่อรับมือต่อสถานการณ์ภัยพิบัติทุกรูปแบบ และพร้อมปฏิบัติงาน ได้อย่างทันท่วงที เมื่อรับคำสั่งจากกองทัพเรือ

พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล กล่าวว่า ตามที่กองทัพเรือ โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ อนุมัติให้ ทัพเรือภาคที่ 1 จัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทัพเรือภาคที่ 1 ขึ้น มีหน้าที่รับผิดชอบในการให้ความช่วยเหลือประชาชน เมื่อเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ ประกอบกับปัจจุบันอยู่ในห้วงฤดูมรสุม คลื่นลมแรง รวมทั้งสภาพภูมิอากาศที่แปรเปลี่ยนไปของภูมิภาค มีแนวโน้มที่อาจเกิดภัยพิบัติขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นเพื่อให้การเตรียมความพร้อม ในการให้ความช่วยเหลือประชาชน เป็นไปอย่างทันท่วงที และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ลดการสูญเสียให้ได้มากที่สุด

จึงได้จัดให้มีพิธีตรวจความพร้อมขึ้นในครั้งนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่า "เรามีความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที" อย่างไรก็ตามขอให้ทุกหน่วยจัดเตรียมกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ให้มีความพร้อมสูงสุด พร้อมที่จะปฏิบัติงานในการช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์

 

ขอนแก่น - รมช.ศธ.เปิดนิทรรศการ "KKC Smart Education 2021" ตอกย้ำมาตรฐานการศึกษาของไทย! ในยุคโควิด-19 ทั้งออนไลน์ - ออนไซค์ต้องได้มาตรฐาน

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 20 ต.ค.2564 ที่ ห้องประชุมแก่นเมือง ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น คุณหญิง กัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดนิทรรศการ "KKC Smart Education 2021: เพราะการศึกษาต้อง Move on" ซึ่งกระทวงศึกษาธิการ และสำนักงานศึกษาธิการ จ.ขอนแก่น ได้กำหนดจัดกิจกรรมขึ้น โดยมี นายสุภัทร จำปากุล ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ,นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผจ.ขอนแก่น ,นายศุภชัย จันปุ่ม ศึกษาธิการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา คณะครู บุคลากรทางการศึกษา นักเรียน ผู้ปกครอง เข้าร่วมงานกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง ท่ามกลางมาตราการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด

คุณหญิง กัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า รัฐบาลโดยกระทรวงศึกษาธิการ ได้กำหนดนโยบายในการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ มีความพร้อม ร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โดยกำหนดจุดเน้นในการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรอบรู้และใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเป็นเครื่องมือในการดำรงชีวิตโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องของการจัดการองค์ความรู้และยกระดับทักษะที่จำเป็นที่เน้นพัฒนาความรู้และสมรรถนะ ด้าน Digital  Literacy และเน้นหนักในเรื่องของการศึกษาแบบยกกำลัง 2 ในการพัฒนาครูให้มีความรู้ สมรรถนะและทักษะ

"ขณะเดียวกันในเรื่องของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล มาใช้ในการจัดการเรียนการสอน สร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา โดยพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้และระบบบริหารจัดการห้องเรียน Smart School และ Smart Classroom ซึ่งจังหวัดขอนแก่นมีแนวโน้มการขยายตัวของเมืองและเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องโดยถูกกำหนดให้เป็น 1 ใน 7 เมือง ของประเทศในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี สู่การพัฒนาเป็นเมืองอัจฉริยะต้นแบบหรือ Smart City ได้อย่างชัดเจนและลงตัวที่สุด"

 

นครราชสีมา - “นิพนธ์” กำชับ! บริหารจัดการน้ำเขื่อนลำตะคองให้เหมาะสม ลดผลกระทบพื้นที่เศรษฐกิจโคราช และเก็บกักน้ำเพื่อใช้อุปโภค-น้ำการเกษตร มั่นใจปีหน้ามีน้ำใช้เพียงพอ!!

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ที่เขื่อนลำตะคอง อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งปัจจุบันยังคง มีปริมาณน้ำในอ่างฯประมาณ 316 ล้าน ลบ.ม. หรือ 103 % ของพื้นที่ความจุยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 50 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งคาดการณ์ในช่วงวันที่ 27-28 ต.ค นี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่กับมีฝนตกหนักถึงหนักมาก จึงจำเป็นต้องบริหารจัดการน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉับพลันเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบพื้นที่ท้ายเขื่อนลำตะคองและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่อำเภอพิมายที่เป็นจุดรับน้ำหลายสาย และไหลต่อไปยังอำเภอชุมพวง อำเภอลำทะเมนชัย

นายนิพนธ์ กล่าวว่า "ได้กำชับให้กรม ปภ. จังหวัดนครราชสีมา ผอ.ชลประทานฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉับพลัน โดยเฉพาะชุมชนเขตเศรษฐกิจตัวเมืองโคราช ร้านค้า ที่อยู่อาศัย โรงพยาบาล ศาสนสถาน โบราณสถานต่างๆของอำเภอพิมาย อำเภอชุมพวง ฯลฯให้เร่งขนย้ายทรัพย์สินขึ้นที่สูง เพื่อลดผลกระทบจากการเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนลำตะคองในวันพรุ่งนี้ 25 ต.ค. ซึ่งได้สั่งการให้ปภ.เป็นผู้ประสานงานบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)ในพื้นที่ และเคลื่อนย้ายเครื่องสูบน้ำระยะไกล เครื่องจักรกลสาธารณภัย เข้าพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมสูงให้มีความพร้อมปฏิบัติงานตามแผนเผชิญเหตุฯ และการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยตลอด 24 ชั่วโมง ขณะเดียวกัน ในการเพิ่มการระบายน้ำในวันพรุ่งนี้ พี่น้องประชาชนจะได้รับผลกระทบมากขึ้น จึงได้สั่งการให้ผู้ว่าฯ ฝ่ายปกครองได้ประสานท้องถิ่นในการแจ้งเตือนประชาชนผ่านทุกช่องทางให้ทุกครัวเรือนทราบถึงสถานการณ์น้ำในขณะนี้ การเฝ้าระวังสถานการณ์พายุลูกใหม่และเตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชนทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตอำเภอพิมาย ที่น้ำแต่ละสาขาจะไหลไปรวมกัน กระทบต่อโรงพยาบาล โบราณสถาน เป็นต้นก็เร่งได้ให้เตรียมการป้องกันแล้ว"

 

นราธิวาส - รองแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานทอดกฐินสามัคคี ณ วัดศรีภิญโญศรัทธาราม บ้านศรีภิญโญ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส

ณ วัดศรีภิญโญศรัทธาราม บ้านศรีภิญโญ หมู่ที่ 6 ตำบลโคกสะตอ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส พลตรี ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางเป็นประธานในพิธีทอดกฐินสามัคคีประจำปี 2564 ซึ่งเป็นการทอดกฐินประจำปีครั้งแรกของวัดศรีภิญโญศรัทธาราม จัดขึ้นเพื่อให้ผู้มีจิตและกำลังศรัทธา ถวายปัจจัยสมทบทุนเพื่อนำไปบูรณะทำนุบำรุงศาสนสถาน พัฒนาวัดให้เป็นจุดศูนย์รวมจิตใจ ของพี่น้องพุทธศาสนิกชนในพื้นที่  โดยมีพระสมุห์นพเดช ฐิตเตโช เจ้าอาวาสวัดศรีภิญโญศรัทธาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์, พร้อมด้วยพลตรี เฉลิมพร  ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่15 / ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ,ส่วนราชการในพื้นที่ ตลอดจนพี่น้องพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมในพิธี  โดยมีพี่น้องชาวไทยมุสลิมในบริเวณรอบวัดร่วมช่วยประกอบอาหาร แจกจ่ายให้ผู้เข้าร่วมงาน เนื่องจากชุมชนแห่งนี้ เป็นชุมชน 2 วีถี มีทั้งไทยพุทธไทยมุสลิมอยู่ร่วมกันฉันท์พี่น้อง เป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ซึ่งกิจกรรมที่จัดขึ้นดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้มาตราการการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

สำหรับประเพณีการทอดกฐินสามัคคีครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อให้พุทธศาสนิกชนในพื้นที่ได้ร่วมกันสืบทอดอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีการทำบุญและปลูกฝัง สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนเกิดความรักความหวงแหนในวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามต่อไป โดยปัจจัยที่ได้จากบริวารกฐิน ซึ่งมียอดรวม 999,999 บาท นั้นทางวัดศรีภิญโญศรัทธาราม จะนำไปใช้บูรณปฏิสังขรณ์วัดต่อไป

 

นครนายก - ‘ต่าย อรทัย’ นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ร่วมกับแฟนเพจ นำปัจจัยร่วมทอดกฐินสามัคคีประจำปี 2564 ที่วัดวังยายฉิม

ที่ศาลาการเปรียญ วัดวังยายฉิม ตำบลหินตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก นางสาวอรทัย ดาบคำ หรือ ต่าย อรทัย นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง พร้อมครอบครัวและคณะ ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคีประจำปี 2564 โดยมี คุณแม่ทองใบ โห่ยุทธการ คุณจารุวรรณ์ จันทร์เจียม คุณแม่ระเบียบ ศิริงาม คุณพ่อสำเนียง โกศลจิตร เป็นเจ้าภาพกฐินใหญ่ โดยต่าย อรทัย ได้รวบรวมปัจจัยส่วนตัวและจากแฟนเพจที่ได้ร่วมทำบุญมา และเป็นตัวแทนนำมามอบถวาย ซึ่ง ต่าย อรทัย ได้เคยมาร่วมทำบุญเททองหล่อพระที่วัดวังยายฉิมแล้วครั้งหนึ่ง และเกิดความศรัทธาเพราะวัดวังยายฉิมเป็นวัดเล็ก ๆ และเป็นวัดเก่าแก่ที่รอการบูรณะซ่อมแซม

ซึ่งงานบุญกฐินปีนี้ทางวัดต้องการนำปัจจัยไปสร้างห้องน้ำหลังใหม่ จำนวน 20 ห้อง เพื่อไว้รองรับผู้ที่มาปฎิบัติธรรมและผู้ที่มาทำบุญที่วัดวังยายฉิม สำหรับยอดกฐินที่ได้จำนวน 922,253 บาท ต่าย อรทัย ได้เข้าถวายแด่ พระมหาพิทักษ์ คุณากโร เจ้าอาวาสวัดวังยายฉิม เพื่อสมทบทุนสร้างห้องน้ำหลังใหม่ จำนวน 20 ห้อง และบูรณะปฏิสังขรณ์ที่ชำรุดทรุดโทรม เพื่อเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและถาวรวัตถุ จรรโลงพระพุทธศาสนา ให้ยั่งยืนต่อไป  โดยผู้เข้าร่วมในพิธี ได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามที่กระทรวงสาธารณะสุขกำหนด อย่างเคร่งครัด

กรุงเทพฯ - โรงพยาบาลทหารเรือกรุงเทพ บางนา บริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) ป้องกัน COVID – 19 ให้กับนักเรียน โดยได้รับการสนับสนุนวัคซีนจากสำนักอนามัย

วันนี้ ( 25 ต.ค.64) กองทัพเรือ โดยโรงพยาบาลทหารเรือกรุงเทพ บางนา กรมแพทย์ทหารเรือ ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID – 19 ไฟเซอร์ (Pfizer) แก่นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและปวช. ณ โรงพยาบาลทหารเรือกรุงเทพ กรมแพทย์ทหารเรือ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร

สำหรับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID – 19 ให้กับนักเรียนในครั้งนี้ โรงพยาบาลทหารเรือกรุงเทพ บางนา กรมแพทย์ทหารเรือ ได้รับการสนับสนุนวัคซีนจากสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร เพื่อฉีดวัคซีนรองรับการเปิดโรงเรียนในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึง ซึ่งในเบื้องต้นจะทำการฉีดวัคซีนระหว่างวันที่ 25 ตุลาคม 2564 ถึง วันที่ 28 ตุลาคม 2564 โดยนักเรียนที่เข้ารับการฉีดวัคซีน ป้องกัน COVID – 19 ไฟเซอร์ (Pfizer) ในครั้งนี้ เป็นนักเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และ ปวช ที่สมัครใจฉีดวัคซีน ทั้งหมด 885 คน

วันที่ 25 ตุลาคม 2564 โรงเรียน วิทยาลัยเทคโนโลยีเกษมสันต์บริหารธุรกิจ  246 ราย

วันที่ 26 ตุลาคม 2564 โรงเรียน วิทยาลัยเทคโนโลยีเกษมสันต์บริหารธุรกิจ  246 ราย

วันที่ 27 ตุลาคม 2564 โรงเรียน ศุภกรณ์วิทยา 174 ราย

วันที่ 28 ตุลาคม 2564 โรงเรียน อ้ามานะห์ศึกษาศาสน์  23 ราย และ โรงเรียน สรรพาวุธวิทยา 196 ราย

 

นครนายก - จัดพิธีบวงสรวงเบิกเนตร องค์ท้าวเวสสุวรรณ ความสูง 4.5 เมตร และพิธีทอดกฐินประจำปี 2564 ที่วัดวังบัว

ที่วัดวังบัว ตำบลพิกุลออก อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก พระสมุห์อำนาจ โฆสธมฺโม เจ้าอาวาสวัดวังบัว ประกอบพิธีบวงสรวงเบิกเนตรและมอบถวายองค์ท้าวเวสสุวรรณ  ซึ่งประดิษฐานหน้าซุ้มประตูวัด และพิธีทอดกฐินสามัคคีประจำปี 2564 โดยมี คุณพ่อสงคราม คุณแม่สำรวย ธารไพฑูรย์ ประธานจัดสร้างองค์ท้าวเวสสุวรรณ พร้อมด้วย นางสาวภริม พูลเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ เขต3 คุณแม่ภรภัทร พูลเจริญ พร้อมคณะผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมพิธี

เริ่มพิธีบวงสรวง คุณพ่อสงคราม คุณแม่สำรวย ธารไพฑูรย์ ประธานจัดสร้าง จุดธูปเทียนบูชาที่โต๊ะเครื่องบวงสรวง พราหมณ์ทำพิธีอันเชิญเทพยดาเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระครูโสภณนาคกิจ เจ้าคณะอำเภอบ้านนา เจ้าอาวาสวัดช้าง ประธานฝ่ายสงฆ์ ขึ้นรถกระเช้าทำพิธีเบิกเนตรองค์ท้าวเวสสุสวรรณ ซึ่งที่มีความสูง 4.5 เมตร และประพรมน้ำพระพุทธมนต์โปรยข้าวตอกดอกไม้ งบประมาณจัดสร้าง 200,000 บาท จากนั้น ศรราม น้ำเพชร พระเอกลิเกชื่อดัง ได้รำถวายองค์ท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งทำให้ผู้ที่มาร่วมในพิธีต่างฮือฮา เข้ามาดูพระเอกลิเกชื่อดังและขอถ่ายภาพ

 

นราธิวาส - ผบ.ฉก.นราธิวาส ลาดตระเวนทางน้ำ ติดตามความคืบหน้าโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมพื้นที่ชายแดน ตามแผนงานโครงการก่อสร้างรั้วชายแดนไทย - มาเลเซีย

ที่ห้องประชุมหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ค่ายกัลยาณิวัฒนา ตำบลกะลุวอเหนือ อำเมือง จังหวัดนราธิวาส พลตรีเฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พร้อมด้วย พันเอก ก่อเกียรติ เข็มแดง รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ให้การต้อนรับ พลโท สิทธิพงษ์ จันทรัตน์  ผู้อำนวยการศูนย์บูรณาการระบบ กล้องโทรทัศน์วงจรปิด CCTV ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักอำนวยการข่าวกรอง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เดินทางมาตรวจเยี่ยมติดตาม การดำเนินตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมพื้นที่ชายแดน พร้อมทั้งประสานการปฏิบัติกับหน่วยโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมพื้นที่ชายแดน ตามแผนงานโครงการก่อสร้างรั้วชายแดนไทย-มาเลเซีย ในรายการจัดหาวัสดุสำหรับก่อสร้างรั้วความมั่นคงอิเล็กทรอนิกส์ตามแนวชายแดน ระยะทาง 6 กิโลเมตร โดยได้รับฟัง การชี้แจงบรรยายสรุปของหน่วยตามแผนงานโครงการก่อสร้างรั้วชายแดนไทย - มาเลเซีย สอบถามปัญกาข้อขัดข้องในการดำเนินงาน

จากนั้น ได้เดินทางต่อไปยัง ด่านศุลกากรตากใบ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เพื่อลงเรือลาดตระเวน ตรวจพื้นที่ในการดำเนินการก่อสร้างรั้วอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 4 ท่าข้าม ได้แก่ 1. ท่าข้ามบันได 2. ท่าข้ามศรีพงัน 3. ท่าข้ามปะลุกา และ 4.ท่าข้ามกัวลอต๊ะ  โดยโครงการก่อสร้างรั้วชายแดน ไทย-มาเลเชีย เริ่มต้นเมื่อปี 2560โดย พลตรี ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งในขณะนั้น ดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส มีเจตนารมณ์ ต้องการให้ สร้างรั้วป้องกันชายแดนขึ้น จึงให้ชุดควบคุม ป้องกันชายแดน เสนอโครงการขึ้นมา เพื่อป้องกันสกัดกั้นยับยั้ง การลักลอบขนย้าย อาวุธ ยาเสพติด แรงงานต่างด้าว สิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ และการคัดกรองบุคคล ตลอดจนการป้องกัน การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด -19 หรือ โรคติดต่อ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เพื่อให้พื้นที่ชายแดน มีความมั่นคงปลอดภัยความต้องการงบประมาณที่เสนอขอ ประกอบด้วย 4 รายการ ได้แก่ 1.การก่อสร้างผนังเขื่อนป้องกันตลิ่ง ระยะทาง 7.528 กิโลเมตร 2. การสร้างรั้วตาข่าย ระยะทาง 15 กิโลเมตร  3. การสร้างฐานปฏิบัติการย่อย จำนวน 3 ฐาน และ 4 รั้วความมั่นคงอิเล็กทรอนิกส์ ระยะทาง 6 กิโลเมตร

โดยเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 คณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ในคณะกรรมาธิการ วิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 สภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาให้ผ่านจำนวน 2 รายการ ได้แก่ การก่อสร้างผนังเขื่อนป้องกันตลิ่งระยะทาง 7.528 กิโลเมตร และรั้วความมั่นคงอิเล็กทรอนิกส์ระยะทาง 6 กิโลเมตร ซึ่งแบ่งจ่ายในปีงบประมาณปี 2565 -2567

โดย หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสได้จัดกำลังพลลงพื้นที่ เพื่อพบปะ สร้างความเข้าใจ ถึงเหตุผลและความจำเป็น ในการก่อสร้างรั้วชายแดน และให้ลงนามในหนังสือยินยอม ให้ก่อสร้างรั้วชายแดนในที่ดินของตนซึ่งมีผู้ที่มีที่ดินติดแนวชายแดน จำนวน 293 ราย ได้ยินยอมให้สร้างรั้วชายแดนเพราะเข้าใจในสภาพปัญหาในพื้นที่ และรับทราบว่าในการสร้างรั้วชายแดน ได้เปิดช่องทางบริเวณจุดผ่อนปรนให้สามารถเดินทางเข้า-ออก ตามวิถีชีวิตของประชาชน ตามแนวชายแดน และเหตุผลอีกประการหนึ่งที่ประชาชนที่มีที่ดิน ติดแนวชายแดนยินยอมให้สร้างรั้วชายแดน คือ การที่แนวชายแดน ด้านประเทศมาเลเซียได้สร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งตลอดแนวชายแดนทำให้ตลิ่งฝั่งไทยถูกกัดเซาะมาอย่างยาวนาน

 

สงขลา - ‘นิพนธ์’ ชู! จชต.ต้องแก้ความยากจน + สร้างความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน สู่เป้าหมาย ปชช.อยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างสันติสุข ในเวทีรับฟังปัญหาของพระสงฆ์พื้นที่ชายแดนใต้

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 ณ ที่ โรงแรมตรังกรุงเทพ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับ นายชนธัญ แสงพุ่ม รองเลขาธิการศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับฟังปัญหาและแลกเปลี่ยนหารือร่วมกับผู้แทนพระภิกษุสงฆ์ในพื้นที่จังหวัดยะลา จังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส และจาก 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา และเครือข่ายพุทธศาสนิกชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

นายนิพนธ์ กล่าวว่า “ได้ติดตามการทำงานของ ศอ.บต.มาโดยตลอดในฐานะรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย และในฐานะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) และขอให้ทุกฝ่ายได้คลายกังวล และขอยืนยันให้มั่นใจได้ว่าผมพร้อมรับฟังและประสานการแก้ไขทุกปัญหาของพี่น้องประชาชน ทั้งประเด็นการตั้งคณะทำงานใน 2 ระดับ เพื่อบูรณาการงานเชิงนโยบายและงานระดับพื้นที่ ที่มีกระทรวงมหาดไทย สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ศอ.บต. ฯลฯเป็นแกนกลางเพื่อประสานบูรณาการทำงานร่วมกัน พร้อมทั้งการส่งเสริม สนับสนุนกิจของสงฆ์ในประเด็นเร่งด่วน 3 ด้านได้แก่ การศึกษาเคราะห์ การเผยแผ่ และสาธารณสงเคราะห์ (ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมพระพุทธศาสนาจังหวัดชายแดนภาคใต้) เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงพระพุทธศาสนาในพื้นที่จชต."

"นอกจากนี้ สิ่งที่ผลักดันขับเคลื่อนมาโดยตลอดและเกิดรูปธรรมแล้วก็คือเรื่องการศึกษา ที่ขณะนี้ 3 จังหวัดมีสถานศึกษาในระดับอุดมศึกษาครบทุกจังหวัดแล้ว อย่างที่จ.ปัตตานีก็มีม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ที่จ.ยะลา ก็มีม.ราชภัฏยะลา และที่จ.นราธิวาสก็มีม.นราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักในการต่อยอดและเสริมสร้างความมั่นคงด้านการศึกษาในพื้นที่ การขับเคลื่อนต่อจากนี้ก็คือเรื่องของการแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่เนื่องจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นจังหวัดที่มีรายได้ประชากรต่อหัวต่ำที่สุดในประเทศ ซึ่งต้องมีการยกระดับปัจจัยต่าง ๆ เพื่อสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเรื่องการยกระดับการผลิตสินค้าภาคการเกษตร การกรรมสิทธิ์ในที่ดิน การเสริมสร้างช่องทางจำหน่ายตลาดออนไลน์ ตลอดจนการพัฒนาแห่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและวัฒนธรรม เป็นต้น

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top