Wednesday, 14 May 2025
PoliticsQUIZ

'ญาศิณี (สุขศรี) ธงสิบเจ็ด' สตรีผู้ตั้งธงพิทักษ์สถาบัน 'พระมหากษัตริย์' | Contributor EP.1

ญาศิณี (สุขศรี) ธงสิบเจ็ด สตรีผู้ถูกนิยามว่า 'โง่' และ 'บ้า' เพียงเพราะตั้งธงพิทักษ์สถาบัน 'พระมหากษัตริย์ จนสื่อออสเตรเลีย เอาไปตีข่าวครึกโครม

.

'ปกป้องสถาบัน’ และ ‘ดำรงไว้ซึ่งแก่นแท้ของวัฒนธรรมไทย' กับ 'นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม' | Contributor EP.2

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานกลุ่มไทยภักดี ถอดรหัส ‘อุดมการณ์’ การเมืองไทยแบบ ‘ชัดสุดขั้ว’ ‘ปกป้องสถาบัน’ และ ‘ดำรงไว้ซึ่งแก่นแท้ของวัฒนธรรมไทย

.

.

ซากุระล่มสลาย!! ญี่ปุ่น เจอพิษโควิด-19 ถล่มหนัก ประกาศปิดประเทศ 100% ไม่เปิดรับต่างชาติทุกกรณีแล้ว!

ช่วงฤดูกาลเช่นนี้ และอากาศแบบนี้ หากนับก่อนช่วงโควิด-19 ระบาด คนไทยมักจะฝันถึงแผนการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นกันเป็นจำนวนมาก โดยจากสถิติขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (เจเอ็นทีโอ) รายงานว่ามีคนไทยเดินทางไปญี่ปุ่นเดือนเมษายนมากที่สุดถึง 1.48 แสนคน

ทว่าฝันนี้คงล่าช้าไปอีกยาวนาน หลังล่าสุด นายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ สุงะ ของญี่ปุ่นประกาศปิดประเทศ ห้ามชาวต่างชาติที่ไม่ได้มีถิ่นพำนักในญี่ปุ่นทุกคนเดินทางเข้าประเทศ ไม่เว้นแม้แต่นักธุรกิจหรือนักเรียนจากไต้หวันและประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศรวมทั้งไทย ที่ได้รับการยกเว้นก่อนหน้านี้

สำหรับมาตรการนี้จะบังคับใช้จนถึงวันที่ 7 ก.พ.นี้ ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดของประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงโตเกียวและพื้นที่อื่นๆ ที่พบ Covid-19 ระบาดหนัก

ประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทย ‘สุดารัตน์ เกยุราพันธ์’ โพสต์เฟซบุ๊กโต้โลกโซเซี่ยล ยันไม่คิดร่วมตั้ง ‘พรรคทหาร’ ย้ำไม่มีวันก้มหัวให้เผด็จการ และเป็นบันไดสืบทอดอำนาจอย่างเด็ดขาด

ประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทย ‘สุดารัตน์ เกยุราพันธ์’ โพสต์เฟซบุ๊กโต้โลกโซเซี่ยล ยันไม่คิดร่วมตั้ง ‘พรรคทหาร’ ย้ำไม่มีวันก้มหัวให้เผด็จการ และเป็นบันไดสืบทอดอำนาจอย่างเด็ดขาด

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทย อดีตแกนนำคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ยืนยัน ไม่ได้ไปร่วมตั้งพรรคทหารตามที่มีโซเชี่ยลเผยแพร่ข้อมูล ว่า “ตามที่มีความพยายามในการปล่อยข่าวโดยผู้ไม่ปรารถนาดีว่า ดิฉันจะไปร่วมตั้งพรรคกับทหาร

ขอเรียนยืนยันว่า จากพฤษภาทมิฬ 35 ผ่านมาถึงวันนี้ 29 ปี ตลอดชีวิตทางการเมือง ดิฉันยืนตรงข้ามเผด็จการมาโดยตลอด

ดิฉันยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

"ไม่มีวันก้มหัวให้เผด็จการ และไม่มีวันที่จะยอมเป็นบันไดให้เผด็จการเหยียบยืนขึ้นไปเพื่อสืบอำนาจอย่างเด็ดขาด"

ใครที่ปล่อยข่าวว่าดิฉันจะร่วมมือกับเผด็จการ หันมาร่วมมือกัน #ขับไล่เผด็จการฯ ดีกว่ามั๊ยคะ? “

คอกระท่อม เตรียมปลูก-กินเสรี หลังพิจารณาปลดล็อคพืชกระท่อมจากบัญชียาเสพติดให้โทษเสร็จสิ้นในชั้นกรรมาธิการแล้ว จะเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม คาดเสร็จสิ้นในสมัยประชุมนี้อย่างแน่นอน

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฉบับที่...พ.ศ. ....ได้แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฉบับที่...พ.ศ. ...เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยมีสาระสำคัญของการยกเลิกพืช กระท่อมออกจาก พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษดังนี้

1.) ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ มีหลักการเพื่อยกเลิกพืชกระท่อมจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5 และยกเลิกบทกำหนดโทษ และอัตราโทษสำหรับความผิดที่เกี่ยวกับพืชกระท่อม ตลอดจนยกเลิกบทบัญญัติเกี่ยวกับการประกาศให้ท้องที่ใด เป็นท้องที่ทำการเสพพืชกระท่อมได้โดยไม่ผิดกฎหมาย โดยมีเจตนารมณ์เพื่อให้เปิดกระท่อมไม่ใช่ยาเสพติดให้โทษต่อไป และประชาชนผู้บริโภคพืชกระท่อมได้โดยไม่มีความผิด และไม่ต้องรับโทษตามกฎหมาย เว้นแต่จะนำไปผสมเป็นสารเสพติดชนิดอื่น เช่น นำไปต้มเป็นน้ำกระท่อม 4 × 100

2.) ที่ประชุมได้กำหนดระยะเวลาการประกาศใช้กฎหมายหลังจากประกาศในราชกิจจานุเษกษา จากร่างเดิมที่คณะรัฐมนตรีกำหนดให้ 180 วันลดเหลือ 90 วัน เพื่อให้ประชาชนได้ใช้พืชกระท่อมได้อย่างเสรีและรวดเร็วที่สุดและในระหว่างที่กฎหมายฉบับนี้รอการบังคับใช้ ก็จะประสานงานขอความอนุเคราะห์ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย ได้พิจารณาใช้ดุลพินิจในการจับกุมโดยอนุโลม

3.) การกำหนดเงื่อนไขระยะเวลา 90 อวัน ที่มีผลบังคับใช้ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ก็เพื่อรอการจัดทำร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม พ.ศ. ...ขึ้นมาอีกฉบับหนึ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา และในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ตนในฐานะที่เป็นผู้ผลักดันการยกเลิกพืชกระท่อมออกจากการเป็นยาเสพติดมาโดยตลอด จะเสนอร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อมขึ้นมาด้วย เพื่อประกบกับร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม ฉบับของรัฐบาลด้วย

สำหรับผลของการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่....พ.ศ....ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้แก้ไขมีผลบังคับใช้ จะก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนใน 3 ประการ คือ

1.) เป็นการลดภาระการใช้จ่ายภาครัฐ จากจำนวนคดีเกี่ยวกับพืชกระท่อมทั้งหมด ที่มีจำนวนประมาณ 76,000 คดี และมีคดีพืชกระท่อม 15,925 คดีต่อปี ถ้ากฎหมายบังคับใช้เร็วขึ้น90วัน จะลดคดีพืชกระท่อมลงได้ 3981 คดี

2.) เป็นการช่วยเหลือประชาชนไม่ต้องถูกจับกุมดำเนินคดี เสียค่าปรับ จำคุก เสียประวัติเกี่ยวกับยาเสพติด

3.) เป็นการส่งเสริมให้พืชกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต

ขอเรียนให้ทราบว่าร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฉบับที่...พ.ศ. ได้พิจารณาเสร็จสิ้นในชั้นกรรมาธิการแล้ว จะเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม ซึ่งจากการประสานงานภายในทราบว่าร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ จะบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมในสัปดาห์หน้า จึงคาดหมายว่าจะ เสร็จสิ้นในสมัยประชุมนี้อย่างแน่นอน

สมาคมคราฟท์เบียร์ ยื่นหนังสือถึงนายกฯ เสนอมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการร้านอาหารที่จำหน่ายคราฟท์เบียร์ เนื่องจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ หลังกทม.ห้ามจําหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อการบริโภคภายในร้าน

ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล ตัวแทนกลุ่มสมาคมคราฟท์เบียร์ประเทศไทยโดย นายอาชิระวัสส์ วรรณศรีสวัวดิ์ ( นายกสมาคม Craft Beer ประเทศไทย) ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรื่องขอเสนอมาตรการการบรรเทาและเยียวยาผู้ประกอบการร้านอาหารที่จำหน่ายคราฟท์เบียร์ เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 ระลอกใหม่

นายอาชิระวัสส์ กล่าวว่า เนื่องด้วยคำสั่งของกรุงเทพในการห้ามจําหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อการบริโภคภายในร้านอาหารส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการร้านอาหารทั้งประเทศทางสมาคมฯมีความเข้าใจถึงความปรารถนาดีและกังวลในการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ผู้ประกอบการและพนักงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งทางตรงและทางอ้อม

โดยปัญหาที่ผู้ประกอบการกำลังเผชิญมีดังต่อไปนี้

1.) ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายและผู้นำเข้าไม่สามารถระบายสินค้าเบียร์สดซึ่งเป็นสินค้าที่มีต้นทุนสูงและมีอายุสินค้าสั้นได้

2.) ร้านค้าไม่สามารถจำหน่ายเบียร์สดในบรรจุภัณฑ์อื่นๆเพื่อให้ลูกค้านำกลับไปบริโภคที่บ้านได้เนื่องจากผิด พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตมาตรา 157 ทำให้ต้องสูญเสียสินค้าไปโดยใช่เหตุ

3.) ร้านค้าไม่สามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้เนื่องจากผิดกฎหมายห้ามซื้อขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทางออนไลน์แม้แต่กฎหมายนี้จะยังคงมีปัญหามีความคลุมเครือและไม่ชัดเจนเช่นไม่สามารถให้คำนิยามคำว่าอิเล็กทรอนิกส์ได้อีกทั้งยังไม่มีคู่มือให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง

4.) ปัญหามาตรา 32 พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่เพียงห้ามให้ร้านค้าโพสต์ประชาสัมพันธ์หรือขายสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทาง Social Media แต่ยังรวมไปถึงการเขียนถึงสินค้าแม้จะไม่มีรูปประกอบซึ่งอาจจะเข้าข่ายความผิดตามวิจารณญาณของเจ้าหน้าที่

ทั้งนี้มีผู้ประกอบการร้านค้าไม่น้อยกว่า 600 ร้าน และผู้ได้รับผลกระทบไม่ต่ำกว่า 6,000 ราย มูลค่าความเสียหายขั้นต่ำที่เกิดขึ้นเป็นมูลค่าประมาณ 150 ล้านบาท ต่อเดือน

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (15 มกราคม พ.ศ. 2564)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 271 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 11,262 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 รวมยอดผู้เสียชีวิต 69 ราย รักษาหายเพิ่ม 717 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 7,660 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 3,533 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 271 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จากฟิลิปปินส์ 1 ราย ,ปากีสถาน 1 ราย ,ฮังการี 1 ราย ,สหรัฐอเมริกา 1 ราย ,เยอรมนี 6 ราย ,อียิปต์ 1 ราย ,เช็ก 1 ราย ,เบลเยี่ยม 1 ราย ,ซูดาน 1 ราย ,รัสเซีย 1 ราย ,สวิตเซอร์แลนด์ 1 ราย ,สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย ,คูเวต 1 ราย , ตุรกี 3 ราย

เป็นคนไทย 13 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ จากเมียนมา

ผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 81 ราย

ติดเชื้อจากการตรวจคัดกรองเชิงรุก 73 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 174 ราย รักษาหายแล้ว 168 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 426 ราย รักษาหายแล้ว 381 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 8.7 แสน ราย รักษาหายแล้ว 7.11 แสน เสียชีวิต 25,246 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 41 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.48 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.13 แสน ราย เสียชีวิต 578 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.33 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.16 แสน ราย เสียชีวิต 2,912 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.95 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.59 แสน ราย เสียชีวิต 9,739 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 59,029 ราย รักษาหายแล้ว 58,757 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมติดเชื้อ 1,531 ราย รักษาหายแล้ว 1,369 ราย เสียชีวิต 35 ราย

มีข่าวสะพัดในโลกออนไลน์จากแหล่งข่าวกระทรวงการคลังถึง 'เราชนะ' ที่อาจจะเข้ามาเยียวยา ผู้ถือ 'บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ' หรือ 'บัตรคนจน' 14 ล้านคน ให้เฮแบบรับ 2 เด้ง ไม่ต้องลงทะเบียน ก็ได้เงินเข้าอัตโนมัติเดือนละ 4,000 บาท 2 เดือน แต่ดูเหมือนเรื่องนี้ อาจมีพลิก!

เพราะดูเหมือนทางกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดของโครงการ 'เราชนะ' เพื่อเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันที่ 19 มกราคมนี้ ซึ่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (12 ม.ค.) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า จะเปิดให้ลงทะเบียนเร็วที่สุดภายในสิ้นเดือนมกราคม และผู้ผ่านการตรวจสอบสิทธิจะได้เงินอย่างช้าสุดน่าจะไม่เกินสัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ ครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มอาชีพอิสระ พ่อค้าแม่ค้า คนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง โชเฟอร์แท็กซี่ มัคคุเทศก์ คนขายลอตเตอรี่ และเกษตรกร ได้เงินคนละ 3,500 บาท เป็นเวลา 2 เดือน

สรุปแล้วคือต้องรอถึงการประชุมครม.รอบหน้า จึงน่าจะตอบได้ชัดว่าใครได้ ใครอด แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีข่าวสะพัดเล็ดรอดออกมาอีกอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีข่าวสะพัดอีกระลอกในโลกออนไลน์ให้คนไทย 'คอตก' กันเป็นแถบ หลังคาดว่าโครงการนี้จะจ่ายจาก 'ฐานอาชีพ' หรือ 'พื้นที่' โดยแนวคิดที่มีการพูดคุยกัน คือ อาจยึดเกณฑ์จากการประกาศพื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัด ซึ่งใน 28 จังหวัดนี้ ถือว่าครอบคลุมพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญส่วนใหญ่ของประเทศ ทำให้เศรษฐกิจในภาพรวมได้รับผลกระทบ จึงยังมีการดีเบตกันอยู่ ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่จัดเตรียมงบประมาณไว้ 200,000 ล้านบาท

ยิ่งไปกว่านั้นเบื้องต้น เงินที่ให้นี้ อาจเป็นรูปแบบการให้สิทธิผ่านแอปพลิเคชัน แล้วไปทยอยใช้ตามร้านค้าตามจุดต่างๆ เหมือนกับโครงการคนละครึ่ง โดยไม่ต้องจับเงินสด

อย่างไรเสีย ทั้งหมดก็ยังไม่มีการยืนยันใดๆ ออกมาจากปากเจ้ากระทรวงการคลังทั้งสิ้น แต่ถ้าหากอนุมัติเพียงแค่ 28 จังหวัดจริง คงทำให้ผิดหวังกันทั้งประเทศแน่นอน

จัดหนัก แรมโบ้-สุภรณ์ อัตถาวงศ์ อัด ปิยบุตร แสงกนกกุล เล่นการเมืองไม่เลิก หลังจุดชนวนยกเลิก ม.112 ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊ก เรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 เพราะมีปัญหาในทุกมิติว่า

“ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายปิยบุตร ในสมองถึงยังคงวนเวียนกับการเรียกร้องให้แก้ไขมาตรา112 เพราะขณะนี้เป็นช่วงที่ประเทศต้องการความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ จากสถานการณ์โควิด-19 แทนที่ควรให้หยุดพูดในเรื่องนี้ก่อนและหันมาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน แต่ในสมองกลับคิดแต่จะวางแผนในเรื่องก้าวล่วงสถาบัน

นายสุภรณ์ กล่าวว่า "การที่นายปิยบุตร ระบุว่าขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว เสียงสนับสนุนให้ยกเลิกมาตรา 112 มีมากกว่าเดิมเยอะ ประชาชนจำนวนมากพร้อมสนับสนุน นั้นก็อยากถามกลับว่า แล้วประชาชนที่ไม่สนับสนุนให้มีการยกเลิกมาตรา112 มีจำนวนมากมากมายมหาศาลเต็มแผ่นดินเช่นเดียวกันนายปิยบุตรก็รู้แก่ใจ ซึ่งตนเองมั่นใจว่ามีมากกว่าหลายเท่า อย่ามาเดาเข้าข้างตัวเองแบบมั่วๆ เอาเอง คนไทยเกือบทั้งแผ่นดินต้องการมีมาตรา112 ให้คงอยู่และต้องการบังคับใช้อย่างเคร่งครัดกับคนที่ฝ่าฝืนกระทำผิดมาตรา112 เอามาลงโทษตามกฎหมายให้ได้เด็ดขาด"

นายสุภรณ์ กล่าวว่า "สถาบันที่เป็นที่เคารพและศูนย์รวมยึดเหนี่ยวจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ แต่นายปิยบุตรคิดแต่จะเข้าข้างตัวเองว่ามีคนสนับสนุนจำนวนมาก แต่ไม่สนใจความคิดหรือจิตใจของคนทั้งประเทศ สิ่งที่นายปิยบุตร พูดคือความคิดที่คนไทยอ่านออกว่า เป้าหมายคือการจวบจ้วงก้าวล่วงคิดล้มล้างสถาบัน คนไทยไม่ได้โง่อย่ามาวางแผนคิดทำลายสถาบันเลย คนไทยไม่ยอมแน่นอน"

“และที่นายปิยบุตรบอกว่าไม่ควรมีใครถูกจำคุกเพียงเพราะการใช้เสรีภาพในการแสดงออก และจะปล่อยให้ “อนาคตของชาติ” โดนตั้งข้อหา ดำเนินคดีแบบนี้ต่อไปไม่ได้ นั้น ขอให้นายปิยบุตรกลับไปดูพฤติกรรมของแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยว่าเป็นอย่างไร และการดูหมิ่นกล่าวให้ร้ายคนอื่นนั้นนายปิยะบุตรถือเป็นเรื่องที่ดีใช่หรือไม่ ทั้งนี้การชุมนุมก็ไม่ได้เป็นไปตามกฎหมายที่มีอยู่

นายสุภรณ์ กล่าวอีกว่า นายปิยบุตรเป็นถึงอาจารย์ แต่กลับทำตัวไม่มีเหตุผล เห็นแก่ตัว เอาแต่ตัวเอง โดยไม่สนใจที่จะฟังเสียงคนอื่น ไม่สนใจในสิทธิและเสรีภาพของคนอื่น คนแบบนี้ตนเองมองว่าไม่เหมาะที่จะเป็นอาจารย์ หรือแม้แต่จะเป็นนักการเมืองที่ถือเป็นผู้แทนของประชาชน "จำไว้ ถ้าอยู่อย่างปกติเหมือนคนทั่วไปมาตรา112 ไม่เคยเดินไปเล่นงานใครก่อน มีแต่นายปิยบุตรและพวกที่เดินมาหามาตรา112 เองต่างหาก กฎหมายจึงต้องบังคับใช้ เป็นเพราะนายปิยบุตรและพวกในหัวสมองในจิตใจ ไม่เคยจงรักภักดีและไม่เคยหวังดีต่อสถาบันกษัตริย์ จึงต้องการยกเลิกมาตรา112 อย่าคิดว่าคนไทยที่รักสถาบันจะโง่ ตามความคิดนายปิยบุตรไม่ทัน และคนไทยที่รักสถาบันปกป้องสถาบันจะไม่มีวันยอมให้ยกเลิกมาตรา112 เด็ดขาด"

วิษณุ ปัดตอบทุกกรณี หลังรถไฟฟ้าฟรีสถานีส่วนต่อขยายสถานีหมอชิต-คูคต และ แบริ่ง-สมุทรปราการ จะสิ้นสุดในวันที่15 ม.ค.และราคาจะกำหนดไปแตะเพดานที่ 158 บาท

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีข่าวว่ารถไฟฟ้าจะให้บริการฟรีในสถานีส่วนต่อขยายสถานีหมอชิต-คูคต และ แบริ่ง-สมุทรปราการ วันที่15 ม.ค.เป็นวันสุดท้าย และราคาจะกำหนดที่ 158 บาท ว่า

เรื่องนี้ไม่รู้และเพิ่งได้ยิน และในวันนี้ที่เชิญตัวแทนฝ่ายต่างๆ ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม กทม. สำนักเลขาธิการรัฐมนตรี มาอัพเดตข้อมูลเรื่องรถไฟฟ้า ยังไม่เห็นมีใครพูดเรื่องนี้และเมื่อหารือก็ทราบว่าติดขัดที่ตรงไหน และได้สอบถามแล้วว่ารออะไรในเวลานี้ โดยเรื่องนี้ยังไม่สามารถเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ทันภายในสัปดาห์หน้า เพราะมีข้อติดขัดอยู่ แต่ติดขัดเรื่องอะไรไม่บอกและบอกไม่ได้ ห้ามบอก

ผู้สื่อข่าวถามว่าข้อติดเกี่ยวกับเรื่องราคาค่าโดยสารที่ยังสรุปไม่ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า อันนี้ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ติดขัดและจะต้องมีการชี้แจง เมื่อถามย้ำว่าต้องให้กระทรวงมหาดไทย พิจารณาหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ใช่ และหน่วยงานที่จะต้องพิจารณาเยอะ แต่ละหน่อยก็ยังไม่ได้ตอบมา โดยสรุปสุดท้ายครม.จะเป็นผู้พิจารณา และคาดว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้ความชัดเจนภายในเดือนม.ค.นี้

เมื่อถามว่าราคาค่าโดยสารจะมีการปรับลดหรือเพิ่มอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า ตอบไม่ถูกในเรื่องนี้ เพราะหน่วยงานยังไม่ได้ตอบอะไรกันมา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top