Monday, 19 May 2025
PoliticsQUIZ

ก้าวไกล เปิดอบรม ว่าที่ผู้สมัคร สก. เตรียมพร้อมลงสนามเลือกตั้ง กทม. เป้าหมายทำนโยบายเพื่อชาวกรุงเทพฯ พร้อมเผย ผู้ท้าชิงผู้ว่ากรุงเทพฯพรรคก้าวไกล "ใหม่ ชัด โดน” แน่นอน!

ณ สำนักงานพรรคก้าวไกล เขตบางเเค กรุงเทพมหานคร พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต25 บางขุนเทียน ในฐานะกรรมการยุทธศาสตร์ กรุงเทพมหานคร ฝ่ายอบรมพรรคก้าวไกล อมรมเเละพบปะว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร สังกัดในนามพรรคก้าวไกลที่จะร่วมผลักดันเเละดูเเลนโยบายยุทธศาสตร์โครงสร้างของกรุงเทพมหานครเพื่อยกระดับเเลคุณภาพชีวิต เเละแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนคนกรุงเทพมหานคร

พิธา กล่าวถึงความพร้อมของพรรคก้าวไกลในการส่งผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เพื่อเเข่งขันพัฒนาศักยภาพ เเละกำหนดนโยบายเพื่อชาวกรุงเทพมหานคร ซึ่งกรุงเทพมหานครมีปัญหาสำคัญที่เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการไร้รอยต่อของการคมนาคม เเละนโยบายในการเอางบประมาณ 5% มาให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการออกเเบบกรุงเทพมหานคร

พิธา กล่าวต่อไปว่า "ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาผมลงพื้นที่กว่า 8 จังหวัดในการรับฟังปัญหาประชาชน เพื่อสะท้อนเเละนำไปผลักดันในสภาผู้แทนราษฎร เเละตั้งเเต่วันนี้เป็นต้นไป จะลงพื้นที่กรุงเทพมหานครด้วยเพื่อทำงานเชิงโครงสร้างเเละนโยบายอย่างเข้มข้น เเละขอให้ผู้สมัครทุกคนมีความมุ่งมั่น ตั้งใจไม่ย่อท้อ ให้นึกถึงวันเเรกที่ได้เข้ามาทำงานการเมือง

สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้ถึงจุดประสงค์ที่ตั้งเป้าหมาย ว่าเข้ามาทำการเมืองในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติที่ช่วยผลักดันนโยบายต่าง ๆ เพื่อคุณภาพชีวิตของชาวกรุงเทพมหานคร โดยเป้าหมายที่สำคัญ คือต้องมาจากใจของผู้สมัคร ในการตั้งเป้าหมายเพื่อพัฒนาศักยภาพกรุงเทพมหานคร เเละในประเด็นต่อมาคือให้ตั้งเป้าหมายเป็นตัวเลข จากสถิติเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา อดีตพรรคอนาคตใหม่มีฐานเสียงกว่า 800,000 คะเเนนสำหรับกรุงเทพมหานคร เป็นป๊อบปูลาร์โหวตในกรุงเทพที่เยอะที่สุดในบรรดาทุกพรรคการเมือง"

"ผมในฐานะหัวหน้าพรรค เห็นว่ากรุงเทพมหานครมีความสำคัญต่อพรรคก้าวไกลมาก 800,000 เสียง ของชาวกทม.ที่ไว้วางใจพรรคอนาคตใม่คือ คะเเนนที่สำคัญ ที่เราจำเป็นต้องสานต่อความหวังของพี่น้องประชาชน ทำนโยบายเพื่อชาวกรุงเทพมหานครให้มีประสิทธิภาพที่สุด"

"ผมในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลและส.ส. จะไปร่วมลงพื้นที่เพื่อรับทราบปัญหาของพี่น้องประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาได้จริงอย่างตรงจุด มีการพูดกันเเบบปากต่อปากถึงศักยภาพ เเละจุดเเข็งของว่าที่ผู้สมัครของเรา เราต้องมีหัวคะเเนนทางอุดมคติ ทางอุดมการณ์ ทางนโยบาย ที่เราจะช่วยกันพัฒนาศักยภาพของกรุงเทพมหานครเเละผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน เพื่อร่วมทำกรุงเทพในฝันของเราอย่างมีประสิทธิภาพ ยกระดับคุณภาพชีวิตชาวกรุงเทพมหานคร" พิธา กล่าว

"การทำงานของผมจะเป็นการทำงานแบบไร้รอยต่อ เราจะทำงานตั้งเเต่สภาผู้เเทนราษฎร จนถึงระดับท้องถิ่น เพื่อรับทราบปัญหา นำไปสู่การผลักดันให้เกิดการเเก้ไขอย่างตรงจุด"

ขณะที่ ณัฐชา กล่าวว่า ในวันนี้สนามการเเข่งขันสมาชิกสภากรุงเทพมหานครเริ่มเข้มข้น ซึ่งจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร สก. ในช่วงเดือนตุลาคม ดังนั้นพรรคก้าวไกล เรามีเวลาในการเตรียมความพร้อมกว่า 7 เดือน ที่สำคัญคือขอให้ผู้สมัครทุกท่านมั่นใจว่าพรรคก้าวไกล พร้อมผลักดันเเละร่วมสร้าง ร่วมนโยบายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนเมือง ให้กับชาวกรุงเทพมหานคร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อถามถึงผู้ท้าชิงผู้ว่ากรุงเทพมหานครในนามพรรคก้าวไกลเป็นใคร ด้าน พิธาระบุว่ายังไม่ขอเปิดเผยรายชื่อในขณะนี้แต่ขอรับประกันว่าเขาคือความหวังและโอกาสของชาวกรุงเทพมหานครอย่างแน่นอน อย่างที่ตนเคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่า “ผู้ท้าชิงผู้ว่าฯกรุงเทพในนามพรรคก้าวไกล “ใหม่ ชัด โดน” อย่างแน่นอน”

ส่วน บรรยากาศในการพบปะระหว่างหัวหน้าพรรคก้าวไกล เเละว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร บรรยากาศเป็นไปอย่างเป็นกันเอง มีการเปิดโอกาสให้ผู้ว่าสมัคร สก. ได้ซักถามข้อสงสัย เกี่ยวกับปัญหาในการลงพื้นที่ในแต่ละพื้นที่ เพื่อที่จะตอบข้อสงสัยจากพี่น้องประชาชน เพื่อนำไปปรับปรุง เเละสร้างนโยบายเพื่อไปพัฒนาคุณภาพชีวิตกรุงเทพมหานครเพื่อให้ได้กรุงเทพในฝัน ยกระดับคุณภาพชีวิตคนเมืองในอนาคตต่อไป

“สุดารัตน์” ชวนประชาชน จับตาการแก้รัฐธรรมนูญ ลั่นอย่าปล่อยให้การเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจ

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ได้กล่าวผ่านเฟซบุ๊ก ‘คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan’ เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 64 ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า

อย่าปล่อยให้การเขียน “รัฐธรรมนูญฉบับใหม่” เป็นเพียงหนึ่งในกระบวนการสืบทอดอำนาจที่สมคบคิดกันโดยพรรคพลังประชารัฐ พวก ส.ว. และองค์กรอิสระ

วานนี้ดิฉันได้ร่วมวงถกแถลง “ก้าวต่อไปของการจัดทำรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย” ได้รับฟังความเห็นอย่างหลากหลายจากหลายแวดวง ดิฉันถือโอกาสนี้ชี้ชวนให้เห็นอันตรายในกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญที่รอเราอยู่ข้างหน้า ซึ่งมีแนวโน้มจะทำให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ถูกขนานนามว่าเป็น “รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน” ได้ยากยิ่งขึ้น

ขอเรียนว่า เป้าหมายของทุกภาคส่วนคือการใช้ รธน. ฉบับใหม่นี้ เป็นทางออกให้กับวิกฤตการเมืองของประเทศที่เรากำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้ ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นที่ทุกขั้นตอนต้องให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ไม่เช่นนั้น รธน. ที่เราได้มา จะเป็นชนวนก่อความขัดแย้งต่อไปข้างหน้า

การมี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จำนวน 200 คน เพื่อจัดทำ รธน. ฉบับใหม่ จึงเป็นสิ่งจำเป็น ทว่าขณะนี้ กลไกที่จะช่วยสร้างการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนมากที่สุด มีแนวโน้มถูกทำลาย และแทนที่ด้วยการเขียน รธน. เพื่อการสืบทอดอำนาจ

กลุ่มสร้างไทย ได้เสนอไว้ว่า การที่รัฐสภาดึงศาลรัฐธรรมนูญเข้ามาเกี่ยวข้องกับกระบวนการร่าง รธน.ฉบับใหม่ เรื่องแปลกประหลาดและส่อให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการสมคบคิดเพื่อทำให้การจัดทำ รธน. ฉบับใหม่โดย สสร. เป็นไปไม่ได้

“ต้องระวังว่า ท้ายที่สุด การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะไม่ให้มี สสร. แต่ให้อำนาจรัฐสภาในการแก้ รธน. แปลว่า เสียงข้างมากในรัฐสภาคือ พวก ส.ว. 250 คน กับ พรรคพลังประชารัฐ จะเป็นผู้กำหนดเกมส์แก้ รธน. ได้ทั้งหมด”

เมื่อพิจารณาไปยังที่มาของ ตุลาการศาล รธน. ยิ่งน่าวิตก เพราะแม่น้ำ 8 สาย ล้วนไหลมาจากต้นกำเนิดเดียวกัน 3 คน มาจาก สนช.ที่แต่งตั้งโดย คสช. อีก 5 คนมาจาก ส.ว. ชุดปัจจุบัน ที่แต่งตั้งโดย คสช. อีกเช่นเดียวกัน

ดิฉันขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนให้ร่วมกันจับตากระบวนการแก้ไข รธน. อย่างใกล้ชิดและส่งเสียงเมื่อเห็นความบิดพริ้ว อย่าปล่อยให้การเขียน “รัฐธรรมนูญฉบับใหม่” เป็นเพียงหนึ่งในกระบวนการสืบทอดอำนาจที่สมคบคิดกันโดยแต่เพียงพรรคพลังประชารัฐ พวก ส.ว.และองค์กรอิสระ โดยที่ “ประชาชน” ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมแต่อย่างใด

กลุ่ม #สร้างไทย


ที่มา : https://www.facebook.com/241115389300595/posts/3777462282332537/

รมว.ยุติธรรม ยอมรับ มีแนวคิด ขยายเรือนจำ ขังเฉพาะนักโทษการเมือง เหตุ ลดแออัด คนเยี่ยม - ม็อบหน้าคุก แต่สถานที่ยังไม่ชัด

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกระทรวงยุมมีแนวความคิดจะขยายเรือนจำเป็นการเฉพาะสำหรับผู้ต้องขังคดีการเมืองว่า เป็นเรื่องที่มีเหตุมีผลอยู่ เดี๋ยวขอดูในรายละเอียดก่อน ยังไม่มีคำตอบเรื่องนี้ ยังไม่มีคำตอบที่เบ็ดเสร็จ

ซึ่งบางทีพื้นที่เดิมมีความแออัดจึงต้องการให้ขยายออกไปอยู่กันสบาย ๆปลอดโปร่ง อีกทั้งในช่วงนี้มีม็อบไปอยู่ที่หน้าเรือนจำก็จะได้มีที่มีทางไม่แออัด ส่วนเรื่องสถานที่ยังไม่แน่นอนว่าจะย้ายไปที่ไหน แต่ขอให้มีความสะดวก ไม่ต้องการให้ประชาชนมาแออัด เพราะไหนจะม็อบ ไหนจะคนเยี่ยม จะได้ไม่แออัดกันและจะได้มีที่ทางโล่ง ๆ ให้สำหรับคนไปอยู่ เรื่องนี้ต้องมองหลายมุมแต่ได้ประโยชน์กันทุกคน

‘อนุทิน’ เผย ‘บิ๊กตู่’ สั่งเฉียบครม.ทุกคนต้องฉีดวัคซีนโควิด ดีเดย์ ปักเข็ม 12 มี.ค.นี้ ระบุ อายุเกิน 60 ปี ฉีดของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า แต่ถ้าอายุต่ำกว่า 60 ปี ให้ฉีดของบริษัทซิโนแวค

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ถึงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในส่วนของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เรื่องดังกล่าวต้องหารือกับนายกรัฐมนตรีก่อนว่าจะฉีดวันไหน แต่คาดว่าน่าจะเป็นวันที่ 12 มี.ค. เนื่องจากครม.ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง

และตามนโยบายของนายกฯ ให้ครม.ฉีดวัคซีนทุกคน คนที่อายุเกิน 60 ปี ก็ให้ฉีดของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า แต่ถ้าอายุต่ำกว่า 60 ปี ให้ฉีดของบริษัทซิโนแวค

เมื่อถามว่าต้องฉีดให้รัฐมนตรีครบทุกคนหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า "ครั้งที่แล้วนายกฯ ยังไม่ได้ฉีด ถ้ารอบนี้ฉีดได้ครบทั้งครม.ก็ดี แต่ต้องไปฉีดที่โรงพยาบาลในช่วงเช้า เพราะจะต้องมีการสังเกตอาการ 30 นาที"

เมื่อถามว่าขณะนี้มีรัฐมนตรีที่มีอายุเกิน 60 ปี นอกจากนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ และคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ ที่สมัครใจไปฉีดวัคซีน นายอนุทิน กล่าวว่า "นายกฯ แจ้งมาว่าให้ครม.ไปฉีดด้วย ฉะนั้นถือว่าเป็นคำสั่ง"

อย่าปล่อยให้ ‘ม็อบ’ ไร้ ‘แกน’ (นำ) โดย 'พิชิต ไชยมงคล' | Contributor EP.10

แม้การชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง จะสะท้อนให้เห็นถึงความงดงามอย่างหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย เหตุเพราะทุกคนที่ออกมา สามารถส่งเสียงและแสดงพลัง ผ่านแนวร่วมที่มีใจเดียวกัน เพื่อบรรลุเป้าหมายบางอย่างที่ถูกจุดขึ้นมาจนติด

อย่างไรก็ตาม โลกของการเคลื่อนไหวต่อสู้ ก็ต้องการผู้ที่สามารถ ‘รวมใจ’ คนทั่วสารทิศให้มีจิตใจเป็นหนึ่งเดียว และทำให้เป้าหมายเดินหน้าได้ตามที่วางไว้ ไม่สะเปะสะปะ แบบต่างคนต่างลุย . แกนนำ สำคัญไฉน? หากการเคลื่อนไหว ‘ไร้แกนนำ’ ตัวจริง มาลงสนามรบบัญชาทัพด้วยตนเองแล้ว จะทำให้การเคลื่อนทัพและเป้าหมายที่ตั้งไว้ ‘ย่อยยับ’ หรือไม่? เรื่องนี้น่าสนใจ!!

พิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย อดีตโฆษกเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) แกนนำมวลชนรุ่นพี่ ผู้ที่เชื่อว่าพลังของประชาชนจะใช้อย่างถูกทิศ หากมี ‘แกนนำ’ ที่ปักธงให้ร่วมสู้ได้แบบไม่สะเปะสะปะ มีคำตอบเรื่องนี้ให้กับเรา!!

.

.

 

ชาวเชียงใหม่สำลักควัน ดัชนีคุณภาพอากาศย่ำแย่ ค่าฝุ่นละออง PM2.5 พุ่งสูงติดอันดับ 1 ของโลกต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 พบจุดฮอตสปอตใน 17 จังหวัดภาคเหนือ สูงกว่า 926 จุด

วันนี้ (9 มี.ค.64) สถานการณ์มลพิษจากหมอกควันในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเข้าสู่วันที่ 4 แล้วที่คุณภาพอากาศ และฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 สูงเกินค่ามาตรฐาน ทำให้ช่วงเช้าวันนี้สภาพอากาศในตัวเมืองเชียงใหม่ ยังถูกปกคลุมด้วยหมอกควันสีเทาหนาทึบจนมองไม่เห็นดอยสุเทพ ภูเขาที่อยู่ใกล้ตัวเมืองมากที่สุด

ถือเป็นดัชนีชี้วัดทางสายตาที่เห็นได้ชัดเจนว่าคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ย่ำแย่ เช่นเดียวกับที่จุดชมวิวดอยสุเทพที่มองเห็นทัศนียภาพของตัวเมืองเชียงใหม่ได้เลื่อนลาง เพราะมีหมอกควันพิษปกคลุม

โดยเมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้แอปพลิเชัน AirVisual ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันตรวจวัดคุณภาพอากาศ หรือ AQI ใน 50 เมืองสำคัญทั่วโลก พบว่าจังหวัดเชียงใหม่มีดัชนีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก AQI สูงกว่า 242

ส่วนแอปพลิเคชัน AirCMI ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันตรวจวัดค่า PM2.5 พบว่าช่วงเช้าวันนี้ ค่า PM2.5 ในพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่สูงถึง 108 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินมาตรฐานที่กำหนดไว้ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่ามีผลกระต่อสุขภาพมาก

ปัจจัยที่ทำให้มลพิษหมอกควันในจังหวัดเชียงใหม่ และภาคเหนือยังทวีความรุนแรง เนื่องจากยังมีการลักลอบเผาในเขตป่าอย่างต่อเนื่อง โดยกองบัญชการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 รายงานข้อมูลจุดความร้อน หรือ ฮอตสปอต ที่ตรวจพบโดยดาวเทียมระบบ VIRS ในห้วงเวลา 02.22 น. ของวันที่ 9 มีนาคม พบจุดความร้อนสูงกว่า 926 จุด จากเมื่อวานนี้ที่มีจำนวนเพียง 609 จุด จังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด คือ แม่ฮ่องสอน 617 จุด รองลงมา คือ เชียงใหม่ 211 จุด และ ตาก จำนวน 108 จุด ส่วนพื้นที่ที่ตรวจพบจุดความร้อนมากที่สุด คือ พื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 617 จุด และป่าสงวนฯ จำนวน 283 จุด

แม้จังหวัดเชียงใหม่จะตรวจพบจุดความร้อนเพียง 211 จุด แต่เนื่องจากพื้นที่รอบข้างยังมีการเผาที่รุนแรง ประกอบกับสภาพอากาศมีลมตะวันตกเฉียงเหนือ พัดพาเอามลพิษหมอกควันจากการเผาลอยในพื้นที่ตังเมืองเชียงใหม่ซึ่งเป็นแอ่งกระทะ และยังมีลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดเข้ามาสมทบ จึงทำให้อากาศหมุนวนในพื้นที่แอ่งกระทะ และในช่วงเช้าที่สภาพอากาศยังหนาวเย็น มลพิษหมอกควันจึงถูกกดลงต่ำ


ที่มา : https://www.tnnthailand.com/news/local/73575/

“เสรีพิศุทธ์” เสียใจกับ ปชป.ที่เสียแชมป์ให้กับกลุ่มคนที่ตัวเองยอมเป็นนั่งร้านให้ เปรียบนโยบายแจกเงินของรัฐเหมือนกับการเสพฝิ่น ลดการเจ็บปวดชั่วขณะแต่รักษาโรคร้ายไม่ได้

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ขอกราบขอบพระคุณพี่น้องเขต 3 นครศรีธรรมราชทุกท่านที่ได้ลงคะแนนให้กับผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค แม้คะแนนเสียงที่ได้รับจะยังไม่มาก แต่ก็ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับการจุดประกายความคิดเรื่องการสร้างประชาธิปไตยในภาคใต้

โดยทางพรรคพร้อมที่จะคิดค้นนโยบายส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับพี่น้องชาวภาคใต้ต่อไป แม้จะเป็นเพียงพรรคเล็กๆ แต่ด้วยอุดมการณ์ที่มุ่งมั่นก็เชื่อว่าพี่น้องชาวใต้จะให้การยอมรับในวันข้างหน้า

"ขอแสดงความเสียใจกับพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องเสียแชมป์หมดสภาพทางการเมือง เพราะกลุ่มคนที่พวกท่านยอมเป็นนั่งร้านให้เพื่อแลกกับการได้ร่วมรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์บางคนอุตส่าห์ไปเป่านกหวีด ล้มรัฐบาลเลือกตั้งจนได้ พล.อ.ประยุทธ์และพรรคพวกเข้ามา แต่วันนี้คนที่พวกท่านมีส่วนสร้างขึ้นมาได้ล้มท่านเองโดยไม่ให้ค่าและไม่เห็นประชาธิปัตย์อยู่ในสายตา ไม่รู้ว่าพวกท่านทนอยู่ร่วมกันได้อย่างไร"

ส่วนพรรคที่ชนะก็อย่าได้ลำพองจนเกินไป เพราะแม้กระทั่งคนของประชาธิปัตย์เองยังออกมาเแฉว่ามีการเคลมมาตรการแจกเงินว่าเป็นโครงการของพรรคเขาพรรคเดียวเท่านั้นไม่ใช่ของพรรคร่วมรัฐบาล จนถึงขนาดไปปล่อยข่าวว่าถ้าได้ ส.ส.ประชาธิปัตย์เข้ามาจะมีการล้มโครงการคนละครึ่ง

นอกจากนี้ยังมีการใช้อำนาจผ่านกลไกรัฐทุกรูปแบบ มีการแจกเอกสารสิทธิ์ที่ดินใกล้พื้นที่เลือกตั้ง มีการใช้รถตำรวจนำขบวน มีข่าวการซื้อเสียงอย่างหนัก จนชาวบ้านเองต้องออกมาโวยว่าถูกอ้างชื่อ แต่ กกต.กลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย เป็นไปได้อย่างไร

"สรุปว่างานนี้ โครงการคนละครึ่งชนะประกันราคา เพราะคนละครึ่งแจกเงินได้ครอบคลุมกว่า วันนี้สังคมกำลังเคลิบเคลิ้มกับการแจกเงินผ่านโครงการต่าง ๆ เพราะมันได้ง่าย ได้ตรง ยิ่งกว่าประชานิยมในอดีต แต่เชื่อว่าพอประเทศหมดเงินเมื่อไรก็จะมีการรีดภาษีจากพวกเรานี่แหละ เพราะรู้กันอยู่ว่าพวกทหารหาเงินไม่เป็นถนัดแต่ยึดอำนาจ

ตอนนี้ยังใช้โควิดบังหน้าได้แต่ต่อไปจะเห็นได้ชัด การแจกเงินก็เหมือนกับการเสพฝิ่น ทำให้เคลิบเคลิ้มลดความเจ็บปวด แต่รักษาโรคร้ายไม่ได้จริง พรรคเสรีรวมไทยเป็นพรรคเล็กที่คอยเตือนสติผู้คนว่ามีแต่แนวทางประชาธิปไตย เท่านั้นที่จะทำให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว

'อ.ปริญญา' ยกข้อกฎหมายยันให้ขังแกนนำม็อบที่ไม่ใช่เรือนจำ

จากกรณีศาลอาญามีคำสั่ง ไม่อนุญาตให้ประกันตัวแกนนำม็อบราษฎร ประกอบด้วย

1.) น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง

2.) นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์

3.) นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน

จากกรณีอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องในคดีชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ในความผิดฐานยุยงปลุกปั่นฯ ตาม ป.อาญา ม.116, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ ป.อาญา ม.215, ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ, ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, กีดขวางทางสาธารณะฯ, ร่วมกันกีดขวางการจราจรฯ, ตั้งวางวัตถุบนถนนอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายฯ, ทำลายโบราณสถานฯ, ทำให้เสียทรัพย์ฯ และร่วมกันโฆษณาเครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ และความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ป.อาญา ม.112 ที่ผ่านมา

ล่าสุด ผศ. ดร. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว Prinya Thaewanarumitkul เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า…

การได้รับการประกันตัวในคดีอาญาหรือที่กฎหมายใช้คำว่า ‘ปล่อยชั่วคราว’ นั้นเป็นสิทธิตามกฎหมายของผู้ต้องหาและจำเลยทุกคน ดังที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาบัญญัติไว้ในมาตรา 107 ว่า #ผู้ต้องหาหรือจำเลยทุกคนพึงได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว

แม้ว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1 ศาลจะมีดุลพินิจสั่งไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราวได้ แต่สิ่งที่บุคลากรในกระบวนการยุติธรรมอาจจะลืมไปคือ ตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์นั้น หากศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว #ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะถูกเอาไปขังไว้ในเรือนจำกับนักโทษที่ถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้ว และจะถูกปฏิบัติเหมือนกับนักโทษแทบจะทุกประการ

และนี่คือปัญหาใหญ่มาก!!

เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 29 วรรคสอง บัญญัติว่า #ก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุด แสดงว่าบุคคลใดกระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้น #เสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้ การเอาบุคคลซึ่งยังเป็นแค่ผู้ต้องหาหรือจำเลยไปขังไว้ในเรือนจำรวมกับนักโทษ ก็คือการปฏิบัติกับเขาเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดแล้ว ซึ่งย่อมไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 29 วรรคสอง

ดังนั้น หากศาลท่านจะไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ก็ต้องสั่งให้ไป #กักขังในที่อื่นที่ไม่ใช่เรือนจำ และให้ปฏิบัติต่อเขาแบบคนที่ยังไม่ถูกศาลพิพากษาด้วยครับ หรือไม่งั้นก็ต้อง #อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวให้เขาสู้คดีนอกคุก อย่างหนึ่งอย่างใด หาไม่แล้วจะเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 29 วรรคสอง ที่คุ้มครองประชาชนทุกคนไม่ให้ถูกปฏิบัติเยี่ยงนักโทษก่อนศาลพิพากษา ด้วยความเคารพครับ


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=3980182318692343&id=100001018415956

นายกรัฐมนตรี ลั่นไม่ขอก้าวล่วง ชี้ ! เป็นอำนาจศาลพิจารณาปล่อยตัวแกนนำชุมนุมผิด ม.112

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมที่กระทำผิดตามมาตรา 112 ว่า ต้องไปดูข้อกฎหมาย ซึ่งเมื่อกระทำความผิดก็ต้องต่อสู้คดี และรัฐบาลจะดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน

ทั้งนี้ ต้องนึกถึงว่าหากเป็นรัฐบาล เป็นศาล หรือเป็นเจ้าหน้าที่เอง คิดว่าจะทำได้หรือไม่ และต้องนึกถึงคดีอื่นๆ ด้วยว่าทำได้หรือไม่ เพราะจะเป็นการทำให้ข้อกฎหมายเสียหายไปทั้งหมด เมื่อกระทำความผิด ก็ต้องต่อสู้คดี รัฐบาลจะดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งเมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วจะทำอย่างไรได้ สิ่งที่สำคัญที่สุด คืออย่าทำผิดกฎหมายเท่านั้น

พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ห้ามการชุมนุม แต่ถ้าชุมนุมแล้วเกิดความรุนแรงเกิดขึ้น และเมื่อศาลพิจารณาแล้วว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายก็เป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณา ส่วนจะให้ประกันตัวหรือไม่นั้น ก็เป็นดุลยพินิจของศาลจะพิจารณาเช่นกัน ตนคงไม่สามารถก้าวล่วงได้

พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า ไม่ได้ต้องการใช้กฎหมายไปทำร้ายใคร เพราะกฎหมายเป็นของประชาชนทุกคน ไม่ใช่ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่จะสามารถละเว้นกฎหมายได้

อย่างไรก็ดี เป็นเรื่องน่ายินดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมมือวางระเบิดไปป์บอมได้ แต่ไม่ควรตั้งคำถามว่าเป็นการจัดฉากของรัฐบาลหรือไม่ โดยยืนยันว่าไม่มีนโยบายให้ทำเช่นนั้น และเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ และไม่กล้าทำอยู่แล้ว ทุกอย่างอยู่ที่หลักฐานว่าเป็นใคร ซึ่งคนที่ถูกจับได้ก็ให้การรับสารภาพแล้วว่าเป็นคนทำเอง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top