Friday, 20 June 2025
Politics

‘อุ๊งอิ๊ง’ รับ!! จะไปตักเตือน ‘สส.เพื่อไทย’ หลังดูบอลเว็บเถื่อนช่วงอภิปรายงบในสภาฯ

(22 มี.ค.67) ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ถ.วิภาวดีฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง สส.พรรคเพื่อไทย เปิดชมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ระหว่างทีมชาติไทย และทีมชาติเกาหลีใต้ ในช่วงที่สภาผู้แทนราษฎรมีการอภิปรายงบประมาณปี 2567 โดยชมผ่านเว็บเถื่อน ซึ่งเว็บดังกล่าวมีโฆษณาของเว็บพนันด้วยว่า ต้องตักเตือนกันเรื่องที่ดูบอลระหว่างประชุมงบประมาณ ซึ่งเป็นเวลาไม่เหมาะสม

พร้อมย้อนถามสื่อมวลชนว่า “ตรงนี้มีใครดูเว็บเถื่อนบ้างมั้ย อิ๊งค์ว่าจริง ๆ ต้องดูแลเรื่องนี้อีกทีด้วย อิ๊งค์คิดว่าเว็บเถื่อนทุกคนเข้าถึง เราก็ต้องดูเว็บที่ไม่เถื่อน หรือช่องทางที่ไม่เถื่อน เราสามารถให้ประชาชนได้ดูยังไงได้บ้าง อันนี้คงต้องดูแลกันต่อไป แต่ใช่ ไม่ควรดูในเวลานั้น อิ๊งค์ก็จะตักเตือน”

‘สรรเพชญ’ ชี้ งบ มท. ส่วนของกรมส่งเสริมฯ 2.3 แสนล้าน เป็นแค่ภาพลวงตา ท้องถิ่นไร้อิสระ

เมื่อวานนี้ (21 มี.ค. 67) ณ อาคารรัฐสภา ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว (วาระ 2) เป็นวันที่สอง นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา ได้อภิปรายในมาตรา 20 ส่วนของกระทรวงมหาดไทย โดยเริ่มต้นด้วยการตั้งข้อสังเกตว่ากระทรวงฯ มีความสับสนในพันธกิจของตนเอง เพราะเมื่อครั้งแถลงนโยบายฯ รัฐบาลตั้งใจขับเคลื่อนนโยบายผู้ว่าฯ CEO แต่ตามพันธกิจ ข้อ 4 ที่กระทรวงระบุไว้ในเอกสารงบประมาณ ว่าจะส่งเสริม และสนับสนุนการบริหารราชการแผ่นดินในระดับพื้นที่

นายสรรเพชญ ชี้ต่อไปว่า การจัดสรรงบฯ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดูเสมือนรัฐบาลส่งเสริมการกระจายอำนาจ โดยในปี 2567 ท้องถิ่นได้รับการจัดสรรมากถึง 236,000 ล้านบาท จากงบฯ ของกระทรวงมหาดไทยกว่า 291,000 ล้านบาท หากแต่ไปดูในรายละเอียดโครงสร้างงบท้องถิ่น กลับพบว่าเป็นการอำพรางงบฯ เพื่อสร้างภาพว่ารัฐบาลส่งเสริมกระบวนการกระจายอำนาจ และความเป็นอิสระของท้องถิ่น 

ในโครงสร้างงบท้องถิ่น นายสรรเพชญ ได้ชี้ให้เห็นว่า งบฯ ที่เพิ่มขึ้นของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นกว่า 236,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นเงินอุดหนุนทั่วไป 198,000 ล้านบาท งบอุดหนุนเฉพาะกิจ 38,000 ล้านบาท แต่เมื่อพิจารณากันในรายละเอียดกลับพบว่า ท้องถิ่นมีอิสระในการใช้งบประมาณจริง ๆ เพียง 42,000 ล้านบาท เพราะงบส่วนที่เหลือที่ได้รับการจัดสรรนั้นพ่วงไปด้วยเงื่อนไขบังคับที่มาจากส่วนกลาง

นายสรรเพชญ กล่าวทิ้งท้ายว่า การจัดสรรงบประมาณแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยผ่านกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นเพียงการสร้างภาพของรัฐบาล แต่สุดท้ายมันคือการกดทับไม่ให้ท้องถิ่นโตตามศักยภาพของตนตามที่ควรจะเป็น 

'อัครเดช' ยัน!! 'รทสช.' พร้อมใจหนุนร่างกฎหมายงบประมาณฯ ซัดผู้ไม่หวังดี ปล่อยข่าวคว่ำงบฯ เพียงเพื่อหวังผลทางการเมือง

(22 มี.ค. 67) ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีมีข่าวจะมีการคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ว่า เป็นการปล่อยข่าวจากผู้ไม่หวังดี ต้องการสร้างความปั่นป่วนและหวังผลทางการเมือง หวังให้เกิดผลกระทบต่อรัฐบาล ในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ขอยืนยันว่าจะลงมติผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ อย่างพร้อมเพรียงกัน เนื่องจากเป็นมติพรรคออกมาแล้ว เพราะเห็นว่างบประมาณมีความจำเป็นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและขับเคลื่อนประเทศ

นายอัครเดช กล่าวว่า อยากให้คนที่ปล่อยข่าวออกมาหยุดพฤติกรรมลักษณะนี้ได้แล้ว เพราะไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติโดยรวม การเมืองควรจะพักเอาไว้ก่อนเวลานี้ประเทศชาติต้องเดินไปข้างหน้า ที่ผ่านมาประเทศและประชาชนรอคอยงบประมาณเพื่อนำงบประมาณออกมาใช้มาพัฒนาประเทศ และขับเคลื่อนภาคส่วนต่าง ๆ แต่กลับมีการปล่อยข่าวในวันที่จะลงมติ จึงขอย้ำว่าให้หยุดการกระทำเพราะไม่มีประโยชน์อะไร

“พรรครวมไทยสร้างชาติขอยืนยันอีกครั้งจะสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ อย่างเต็มที่ และพรรคร่วมรัฐบาลพร้อมสนับสนุน คนที่ปล่อยข่าวคงจะหวังผลทางการเมืองหวังสร้างความปั่นป่วนและสร้างความแตกแยกในรัฐบาล แต่จะไม่เป็นผล เพราะถึงอย่างไรงบประมาณก็จะผ่านสภาฯ อยู่แล้ว ขอให้ประชาชนมั่นใจได้” โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าว

‘บิ๊กต่อ’ ขาดทุนยับ แต่ยูเทิร์นกลับไม่ยาก ฟาก ‘บิ๊กโจ๊ก’ โกยกำไร หลุดบ่วงผู้ต้องหา

บันทึกเอาไว้เป็นประวัติศาสตร์...วันเดียว 3 คำสั่ง...จากปลายปากกาของนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย…นายเศรษฐา ทวีสิน ท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องเห็นด้วยจำนวนมาก แต่ก็มีบางส่วนตะโกนสวนว่า…ตลก ทำไปได้ไง...

เป็นคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 20 มี.ค. 2567

คำสั่งแรก ที่ 106 /2567 ให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ‘บิ๊กต่อ’ ผบ.ตร. และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ‘บิ๊กโจ๊ก’ รองผบ.ตร. ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี

คำสั่งที่สอง ที่ 108/ 2567 ให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ‘บิ๊กต่าย’ รองผบ.ตร. รักษาราชการ ผบ.ตร.

คำสั่งที่สาม ที่ 109/2567 ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ โดยนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดมหาดไทย เป็นประธาน

การเด้ง ผบ.ตร. เข้ากรุในอดีตมีมากมายหลายคน...แต่หนนี้เป็นประวัติศาสตร์ก็ตรงที่เป็นการ ‘เด้งคู่’ หรือ ‘แพ็คคู่’ ซึ่งเมื่ออ่านระหว่างบรรทัดของคำสั่งดูแล้ว วิญญูชนย่อมสดับตรับฟังได้ข้อสรุปเหมือนกันว่า…

‘บิ๊กต่อ’ เละเป็นโจ๊ก ขาดทุนย่อยยับ ขาเชียร์ออกอาการหงุดหงิดในลีลาภาวะผู้นำที่เนิบนาบของท่านไปตาม ๆ กัน

ส่วน ‘บิ๊กโจ๊ก’ ที่เป็นผู้ต้องหาโดยแท้โกยกำไรอื้อซ่า...จากผู้ต้องหายกชั้นเป็น ‘คู่ขัดแย้ง’ ถึงขั้นประกาศสละอดีตลืมความขัดแย้ง…เซทซีโร่...

งานนี้กรรมการนอกสนามบอกว่า...บิ๊กโจ๊กชนะ

แต่ก็นั่นแหละ ศึกครั้งนี้ต้องดูกันยาว ๆ อย่างน้อยก็อีก 3-4 เดือน ว่าใครจะเด๊ดสะมอเร่ย์…บิ๊กโจ๊กเองก็ยังถูกหมายเรียกคดีสมคบฟอกเงินไล่ล่า… วันนี้ (22 มี.ค.) เป็นหมายใบที่สอง บอกให้ไปรายงานตัววันที่ 26 มี.ค. แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าช่วงนั้นบิ๊กโจ๊กอยู่ระหว่างลาไปอังกฤษ

ส่วน ‘บิ๊กต่อ’ มองมุมไหนก็พูดได้ว่าไม่เกิน 3 เดือนได้กลับปทุมวัน ทำหน้าที่ ผบ.ตร. จนเกษียณ 30 ก.ย. 2567

แต่สายข่าวที่น่าเชื่อระบุว่า...คนที่ชนะที่แท้จริงคือคนที่ชี้แนะชี้นำนายกฯ ให้ตัดสินใจ ซึ่งสายข่าวไม่ลังเลที่จะระบุว่าเขาคือคน…จันทร์ส่องหล้า..คนนั้น ซึ่งบัดนี้น่าจะมีโผอยู่ในใจแล้วว่า ต.ค. ปีนี้จะให้ใครขึ้น ผบ.ตร.

ในมุมวิเคราะห์...เต็งจ๋า ผบ.ตร. ตามหน้าไพ่ต้องบอกว่า…

ปีนี้ตัดบิ๊กโจ๊กออกจากคู่ชิงไปได้ เหลืออีก 3 บิ๊ก บิ๊กต่ายเต็งหาม ถ้าสองเดือนที่รักษาการโชว์ฟอร์มเข้าตากรรมการ จันทร์ส่องหล้าก็ต้องส่องต่ายให้ได้ดี

มีประเด็นที่ยังกระพริบตาไม่ได้อยู่นิดเดียวก็ตรงที่ เดือน เม.ย.นี้ สีกากีที่ชื่อ พล.ต.ท.ประจวบ วงษ์สุข ผช.ผบ.ตร. คนเมืองเหนือที่มีกระแสข่าวว่า ‘เจ๊แดง’ คนเดิมสนับสนุนอยู่นั้น จะได้ขึ้นรองผบ.ตร. หรือไม่...ถ้าได้ขึ้นก็แทบจะฟันธงได้ว่างานนี้โผพลิก…บิ๊กจวบมาแน่...

แต่ถ้า เม.ย. ไม่มีอะไร...บิ๊กต่ายก็คงเข้าป้าย แต่มีข้อแม้ว่าสองเดือนนี้ห้ามเหยียบเปลือกกล้วยลื่นล้มเด็ดขาด…!!

‘สรวุฒิ’ อัด!! ‘สส.ก้าวไกล’ หลังเสนอตัดงบสร้างบ้านพักศาล ซัด!! โจมตีผิดๆ ถูกๆ แถมไม่เข้าใจโลกความเป็นจริง

(22 มี.ค. 67) นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะกมธ. ชี้แจงว่าบางทีการไปโจมตีการครองตนของข้าราชการตุลาการต้องระวัง เพราะเขาไม่เหมือนคนอื่น เขาใช้ชีวิตอิสระแบบคนอื่นไม่ได้ บ้านพักต้องอยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ บางคนไม่เข้าใจวิธีการเป็นไปของโลกก็จะโจมตีผิด ๆ ถูก ๆ ข้าราชการตุลาการ ผู้พิพากษาต้องผดุงความยุติธรรมสูงสุด เราเองคงหาความยุติธรรมเหนือกว่านี้ไม่ได้ 

นายสรวุฒิ กล่าวต่อว่า ในระบบทั่วโลกก็เป็นเช่นกัน ถ้าหากไม่ให้เขาสันโดษ ให้มีเพื่อนจำนวนมาก จะทำให้ไม่มีความอิสระเพราะต้องเกรงใจไปทั่ว เพราะฉะนั้นต้องพิจารณาสิทธิที่เขาพึงมี มีอะไรบ้าง เช่นเดียวกับ สส. ถ้าไม่มีผู้ช่วย สส. 7-8 คน ถามว่าจะดูแลประชาชนอย่างไร ถ้าจะแก้ต้องแก้หลักใหญ่ อย่าโจมตีจุดเล็ก จะได้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ดังนั้น ยืนยันขอให้ตั้งงบตามที่คณะกมธ.แก้ไข

ด้านน.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กทม. พรรคก้าวไกล โต้กลับว่าเห็นด้วยที่อาชีพผู้พิพากษามีเกียรติศักดิ์ศรี แต่สส.ก็มีความอันตราย มีศัตรูทางการเมืองไม่แพ้กัน แต่ไม่มีบ้านพักอาศัยที่ภาษีประชาชน และยืนยันงบประมาณสร้างบ้านพักศาลควรตัดออก เพราะไม่จำเป็น

มติสภาฯ 298 ต่อ 166 เสียง 'เห็นชอบ' วาระ 3 จับตา สว.ถก 26 มี.ค. ต่อ คาด!! พ.ค. บังคับใช้

(22 มี.ค.67) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ในวาระ 2-3 จำนวน 41 มาตรา

หลังที่ประชุมมีการลงมติรายมาตราในวาระ 2 เสร็จสิ้น ที่สุดที่ประชุมได้เข้าสู่ขั้นตอนการลงมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ฯ ในวาระ 3

ผลปรากฏว่ามติที่ประชุม 298 ต่อ166 เสียง ลงมติ ‘เห็นชอบ’ ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ 2567 เพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมาย โดยมีผู้งดออกเสียง 1 เสียงไม่ลงคะแนน 1 เสียง

สำหรับขั้นตอนหลังสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบ จากนี้จะเป็นการพิจารณาในส่วนของ วุฒิสภา (สว.) พิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นด่านสุดท้าย ในวันที่ 26 มี.ค.67

จากนั้นสภาฯ จะนำร่าง พ.ร.บ.ไปยังรัฐบาลเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป ซึ่งคาดว่างบประมาณปี 2567 จะมีผลบังคับใช้ในเดือน พ.ค.67

‘เศรษฐา’ ไม่ขอถาม ‘ชาดา’ หลังถูกโยง บ่อนพนันบางใหญ่ เชื่อ สตช.รู้หน้าที่ดี สาวถึงใครต้องมีความผิด ย้ำ ยึดกฎหมายเป็นหลัก

(23 มี.ค.67) ที่กองบิน 6 ดอนเมือง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.การคลัง กล่าวถึงการจับบ่อน บางใหญ่ ที่มีกระแสข่าวว่ามีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง ว่า เรื่องบ่อนเป็นเรื่องใหญ่ วันนี้เดินทางไปที่ สน.ลุมพินี ก็ได้กำชับแล้ว เรื่องนี้เรารับไม่ได้และผิดกฎหมาย แต่ตนไม่ได้ก้าวก่าย ว่า จะเป็นของนักการเมืองคนใด เพราะยึดตามหลักกฎหมายมากกว่า จะเป็นของใครเมื่อทำผิดก็ต้องถูกจับ 

ส่วนที่มีการกล่าวหาว่า นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีความสนิทสนมกับเจ้าของบ่อนที่ถูกจับ นายกรัฐมนตรี ส่วนกลับทันที ว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับคุณชาดาด้วย และตรงนี้ไม่ต้องกำชับอะไร เชื่อว่าทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง ฝ่ายความมั่นคงและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเองก็รู้ ว่าหากสาวถึงใครก็ต้องมีความผิด แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับนายชาดาด้วย เพราะคนเรารู้จักกับคนเยอะเหมือนกัน พอเราไปรู้จักกันแล้ว พอคนนึงทำผิด และจะบอกมีส่วนเกี่ยวข้อง มองว่าไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่อันนี้ตนก็ไม่ได้ไปก้าวก่าย และจะไม่สอบถามนายชาดาด้วย เพราะเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องสืบสาวเอาเอง 

“เรื่องของอาชญากรรมไม่หมดไป แต่เราพยายามทำให้มันน้อยลง ยึดหลักกฎหมายเป็นหลัก คนมีหน้าที่ที่ต้องทำ เมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหน้าที่ก็ต้องจัดการกันไป”นายเศรษฐา กล่าว

‘ผู้ว่าฯนนทบุรี’ แจ้งจับ ดำเนินคดี สส.ก้าวไกล เหตุ สร้างความเข้าใจผิด ใส่ร้ายให้เสียหาย หมิ่นประมาท ด้วยการโฆษณา

(23 มี.ค.67) นายเสฎฐวุฒิ คีรีพอน ตำแหน่ง นิติกรชำนาญการ ที่ทำการปกครองจังหวัดนนทบุรี ได้รับมอบอำนาจจากนายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท. คชสิทธิ์ โคตะโน รอง สว.(สอบสวน) สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ให้ดำเนินคดีความผิดอาญาฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 แก่นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สส.นนทบุรี เขต 8 พรรคก้าวไกล

กรณีแถลงข่าวการจับบ่อนการพนันในพื้นที่อำเภอบางใหญ่ จ.นนทบุรี ที่อาคารรัฐสภา เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง และจังหวัดนนทบุรี ต.บางกระสอ อ.เมืองจังหวัด จ.นนทบุรี ที่พูดว่าผู้ว่าฯสั่งให้ปลัดจังหวัดหิ้ว สส.ออกจากที่เกิดเหตุ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 เวลา 11.00 น.ที่อาคารรัฐสภา

โดยรายละเอียดในบันทึกประจำวันระบุว่า นายเสฏฐวุฒิ คีรีพอน ผู้รับมอบอำนาจช่วงจากนายสุธี ทองแย้ม แจ้งว่า ด้วยจังหวัดนนทบุรี ได้ทราบข้อเท็จจริงจากสื่อสังคมออนไลน์ กรณีเฟซบุ๊ก (Facebook) พรรคก้าวไกล นนทบุรี ได้มีการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 เวลา 11.00 น. ณ อาคารรัฐสภาเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง และจังหวัดนนทบุรี โดยสรุปได้ว่า

1. นายคุณากร มั่นนทีรัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนนทบุรี เขต 5 พรรคก้าวไกล กล่าวว่า "เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 ได้มีการบูรณาการของเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าไปจับกุมบ่อนการพนันคาสิโนผิดกฎหมาย โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวง มหาดไทย เข้าร่วมสังเกตการณ์ พบว่าบ่อนมีขนาดใหญ่และคาดว่าเป็นบ่อนที่มีการบุกจับใหญ่ที่สุด ที่ทางราชการร่วมกันจับกุม ผมได้เข้าไปร่วมสังเกตการณ์ตั้งแต่ซอยหมู่บ้านพระปิ่น 3 และได้แสดงตนว่าเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอเข้ามาสังเกตการณ์ว่ามีการจับกุมอย่างไร เหตุใดถึงเปิดให้นักพนันเข้ามาเล่นได้เป็นจำนวนมาก โดยที่ทางส่วนราชการไม่รับทราบได้อย่างไร

เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐ โดยกรมการปกครองกับสถานีภูธรจังหวัดนนทบุรี และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางใหญ่ได้มีการตกลงกัน หลังการจับกุม และย้ายผู้ต้องหาทั้งหมดไปที่ศาลาประชาคม อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรีเพื่อทำบันทึกจับกุม ผมจึงได้ขอตามไปที่ศาลาประชาคม ในฐานะผู้แทนราษฎรเพื่อสังเกตการทำงาน แต่เมื่อผมเดินทางไปถึง ทางปลัดจังหวัดนนทบุรีได้เชิญผมออกมาจากห้องประชุม โดยให้เหตุผลว่ากังวลว่าจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้น อยากเรียนว่าในฐานะของผู้แทนราษฎรที่อยากมา สังเกตการณ์แทนประชาชน รวมถึงอยู่ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กฎหมายการยุติธรรมสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร อยากที่จะเป็นตัวแทนผู้แทนราษฎรที่เข้าร่วม สังเกตการณ์ว่ากระบวน การลงบันทึกการจับกุมเป็นไปอย่างถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่ หรือขัดต่อพระราชบัญญัติ การอุ้มหายหรือซ้อมทรมานหรือไม่

ภายหลังทางปลัดจังหวัดได้ขอโทษผมแล้ว ถึงการกระทำที่เกิดขึ้นส่วนตัวไม่ได้ติดใจอะไรแต่ ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนนทบุรี คิดว่าการบูรณาการ และการทำงานส่วนราชการ รวมถึงการลงพื้นที่สังเกตการณ์ต่าง ๆ ควรที่จะมีการถ้อยทีถ้อยอาศัยต่อกัน ไม่ต้องถึงขั้นหิ้วปีกก็ได้ และฝากถึงประชาชนที่มีการตั้งข้อกังขา ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงเพราะปลัดจังหวัดและลูกน้องได้จับแขนทั้งสองข้างของผมและพยามเชิญลงมาจากศาลาประชาคม ไม่มีราษฎรคนไหนที่จะยินยอม ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติกับผมเช่นนี้แม้กระทั่งตัวผู้ต้องหาเองก็ตาม และขอตั้งข้อสังเกตว่าบ่อนใหญ่ขนาดนี้ จังหวัดนนทบุรีปล่อยทิ้งไว้ได้อย่างไร"

2.นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนนทบุรี เขต 8 พรรคก้าวไกลกล่าวว่า "จากเหตุการณ์การจับกุมเมื่อคืนนี้ 19 มีนาคม 2567 ทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดนนทบุรี เกิดความขุ่นมัวในใจเป็นอย่างมาก ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ส่วนงานราชการจังหวัด ที่นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี (นายสุรี ทองแย้ม) ที่มีการสั่งให้ปลัดจังหวัดนนทบุรี หิ้วสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่เข้าไปสังเกตการทำงานออกมา โดยใช้การกระทำที่รุนแรง อยากถามถึงรัฐมนตรีหรือผู้เกี่ยวข้องว่า การกระทำลักษณะนี้เห็นสมควร หรือไม่ในการกระทำต่อสมาชิกผู้แทนราษฎรที่เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ ไม่เหมาะสมและไม่สมควรอย่างยิ่ง

ในฐานะตัวแทนของพี่น้องประชาชนและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนนทบุรี อยากรับฟังคำขอโทษอย่างเป็นทางการและงานราชการจังหวัด ตั้งแต่ระดับผู้ว่าราชการจังหวัด ลงมาว่าการกระทำในลักษณะนี้ใช้อำนาจใด และเหมาะสมหรือไม่ในฐานะกรรมาธิการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติดจะนำเรื่องการจับกุมบ่อนในครั้งนี้เข้าคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันปราบปรามการฟอกเงินฯ และติดต่อไปที่เจ้าหน้าที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อรอรับรายงานมาสืบหาความเกี่ยวพันกับข้าราชการหรือไม่ และการจับกุมเมื่อวานนี้ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์ด้วย” รายละเอียดปรากฏตาม QR Code ท้ายหนังสือนี้

จังหวัดนนทบุรี พิจารณาแล้วพบว่า การแถลงข่าวของนายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนนทบุรี เขต 8 พรรคก้าวไกล ที่ให้ข่าวว่า “ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีสั่งให้ปลัดจังหวัดนนทบุรีหิ้วสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร” นั้น อาจทำให้ประชาชนผู้รับข้อมูลข่าวสารดังกล่าวเกิดความเข้าใจผิดว่าผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ใช้อำนาจโดยมิชอบตามกฎหมาย ใช้ความรุนแรง ต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งในข้อเท็จจริงผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี มิได้มีการสั่งการเกี่ยวกับเรื่องนี้

อีกทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ให้ข่าวดังกล่าว ก็มิได้อยู่ในพื้นที่ขณะเกิดเหตุแต่อย่างใด จึงเป็นการกล่าวหาที่ปราศจากข้อเท็จจริง เมื่อมีการเผยแพร่ข่าวดังกล่าวออกสู่สาธารณะ ประชาชนทั่วไปรับทราบ อาจส่งผลให้ผู้ที่ได้รับ ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงเข้าใจผิดทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีได้รับความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายต่อชื่อเสียง เกียรติยศ หรือทำให้ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ซึ่งอาจเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดอาญาฐาน “หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ดังนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี จึงได้มอบหมายให้ นายเสฎฐวุฒิ คีรีพอน ตำแหน่ง นิติกรชำนาญการ ที่ทำการปกครองจังหวัดนนทบุรี แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีต่อไป

ร.ต.ท. คชสิทธิ์ โคตะโน รอง สว.(สอบสวน) สภ.รัตนาธิเบศร์ ได้รับคำร้องทุกข์ คดีอาญาไว้แล้ว จึงให้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สส.ก้าวไกล อภิปราย งบส่วนราชการในพระองค์ เน้นย้ำ ให้เปิดเผย อย่างโปร่งใส เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ

(23 มี.ค.67) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ด้วยคะแนนเสียง 298 ต่อ 166 งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 1 ภายหลังอภิปรายกันมา 3 วัน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวขอบคุณสภาที่ได้ร่วมกันพิจารณาและให้ความเห็นร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการพัฒนาต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนมีความสุข สร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ ขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ตอบสนองความต้องการของประชาชนในทุกมิติ พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะใช้งบอย่างคุ้มค่าตามวัตถุประสงค์ กำกับดูแลให้มีความโปร่งใส และบรรลุผลสัมฤทธิ์

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ขอรับข้อคิดเห็น คำแนะนำ และข้อสังเกตไว้ด้วยความขอบคุณ และจะนำไปปรับปรุงการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณต่อไป ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ สภาจะส่งร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ให้วุฒิสภาพิจารณาในวาระ 2-3 ในวันที่ 26 มี.ค. นี้ หากได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกสภาสูง นายกรัฐมนตรีก็จะนำร่างขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อประกาศใช้ต่อไป

ก่อน สส. จะลงมติผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 วงเงิน 3,480,000 ล้านบาท ในวาระ 2 และ 3 ในวันสุดท้ายของการอภิปราย เหลือเนื้อหาพิจารณาทั้งสิ้น 15 มาตรา จากทั้งหมด 41 มาตรา

หนึ่งในประเด็นที่กรรมาธิการ (กมธ.) เสียงข้างน้อยขอสงวนความเห็น และมีสมาชิกผู้แปรญัตติขอสงวนคำแปรญัตติคือ การขอปรับลดงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการในพระองค์ (มาตรา 36) ลงตั้งแต่ 0.5-50% หลังจาก กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ไม่มีการปรับปรุงเนื้อหาที่ผ่านความเห็นชอบในวาระ 1 ขั้นรับหลักการ

อย่างไรก็ตามมี น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ลุกขึ้นอภิปรายเพียงคนเดียวเท่านั้น ก่อนบอกว่า “ในฐานะกรรมาธิการ ดิฉันไม่ติดใจ” ทำให้ที่ประชุมสภาไม่ต้องลงมติในมาตรานี้ ในปีงบประมาณ 2567 ส่วนราชการในพระองค์ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 8,478.3 ล้านบาท โดยระบุแผนงานไว้รายการเดียวเช่นทุกปีคือ “แผนงานยุทธศาสตร์เสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ”

บีบีซีไทยตรวจสอบรายงานผลการพิจารณาของ กมธ. (เอกสารเล่มที่ 1 ปกสีขาวคาดเขียว) พบว่า มาตรา 36 มี กมธ. ขอสงวนความเห็นทั้งสิ้น 11 คน และมี สส. ขอสงวนคำแปรญัตติทั้งสิ้น 70 คน โดย สส. กลุ่มใหญ่ถึง 39 คน เสนอให้ปรับลดงบของส่วนราชการในพระองค์ลง 5% เกือบทั้งหมดเป็น สส.ก้าวไกล รวมถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ด้วย

ส่วน สส. ที่เสนอให้ตัดงบส่วนราชการในพระองค์ลงกึ่งหนึ่ง หรือ 50% มาจากพรรค ก.ก. เช่นกัน โดยมี 2 คนคือ ว่าที่ ร.ต.สมชาติ เตชถาวรเจริญ สส.ภูเก็ต และนายกฤษฐ์หิรัญ เลิศอุฤทธิ์ภักดี สส.นครสวรรค์

ด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ เสนอให้ปรับลดงบลง 31.4% ส่วน น.ส.รัชนก ศรีนอก หรือ 'ไอซ์' สส.กทม. เสนอให้ปรับลดงบลง 10% แต่ทั้งหมดไม่มีใครใช้สิทธิอภิปรายแต่อย่างใด

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะ กมธ. ที่ขอสงวนความเห็นไว้ โดยให้ปรับลดงบประมาณของส่วนราชการในพระองค์เหลือ 8,224 ล้านบาทเศษ หรือลดลง 254.3 ล้านบาท บอกว่า “สังเกตเห็นพัฒนาการของหน่วยงานนี้” โดยปีนี้ หน่วยงานได้มอบหมายให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) มาชี้แจงให้ กมธ. รับทราบรายละเอียดที่มาที่ไปของงบประมาณ และที่พิเศษกว่านั้นคือมีการส่งเอกสารชี้แจงในรูปแบบที่ตกลงกับสำนักงบประมาณและค่อนข้างครบถ้วนรวม 21 หน้า และส่งแผนการเบิกจ่ายงบไปพลางก่อนปี 2566 ด้วย ในฐานะที่เป็น กมธ.งบประมาณ มาเป็นปีที่ 5 เธอไล่เลียงพัฒนาแต่ละปีงบประมาณเอาไว้ ดังนี้
• ปี 2563 ไม่มีการส่งเอกสารชี้แจง มีเพียงผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเป็นผู้มาชี้แจงแล้วก็จบ ไม่มีการซักถามต่อเนื่อง
• ปี 2564 มีการพูดรายละเอียดเล็กน้อย โดยผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเป็นผู้ชี้แจงเหมือนเดิม
• ปี 2566 เป็นปีแรกที่ส่วนราชการในพระองค์มอบหมายให้เลขาธิการ ครม. มาชี้แจงแทน โดยมีการฉายคลิปวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับพันธกิจ/ภารกิจ และส่งเอกสารชี้แจงจำนวน 8 หน้า
• ปี 2567 เลขาธิการ ครม. เป็นผู้ชี้แจงและตอบข้อสงสัยต่าง ๆ และส่งเอกสารชี้แจงในรูปแบบที่ตกลงกับสำนักงบประมาณจำนวน 21 หน้า อีกทั้งยังส่งแผนการเบิกจ่ายงบไปพลางก่อนปี 2566 ด้วย

น.ส.ศิริกัญญากล่าวต่อว่า งบที่ลดลง 133 ล้านบาทเศษจากปีงบประมาณก่อน มาจากการที่บุคลาการของหน่วยรับงบประมาณลดลง โดยมีบุคลาการรวมทั้งสิ้น 14,704 ราย อยู่ในสำนักองคมนตรี เป็นข้าราชการ 83 ราย, ข้าราชการในสำนักพระราชวัง 6,658 ราย, หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ 7,943 ราย และลูกจ้างประจำในสำนักพระราชวังราว 20 ราย
กมธ.จากก้าวไกลกล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา ได้ตั้งข้อสังเกตเรื่องความซ้ำซ้อนโครงสร้างหน่วยงานที่อาจยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้ แต่เชื่อมั่นว่าในอนาคตเราจะมีวิธีพูดคุย หรือสร้างความเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้ได้

“ดิฉันคิดว่าการยิ่งเปิดเผย ยิ่งโปร่งใส จะยิ่งนำไปสู่ความสง่างาม และเป็นการเทิดพระเกียรติของพระองค์ท่าน” น.ส.ศิริกัญญากล่าว

ในตอนท้าย ก็ยังได้กล่าวด้วยว่า “ในมาตรานี้ ดิฉันในฐานะกรรมาธิการ ไม่ติดใจ” ทำให้ที่ประชุมสภาไม่ต้องลงมติในมาตรา 36 และยึดเนื้อหาและวงเงินตามที่ปรากฏในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ดังเดิม

‘รัดเกล้า’ เผยรัฐบาลให้ความสำคัญ ผลักดันความสงบให้ชายแดนใต้ ย้ำ ทำตามหลักการ สร้างความปลอดภัย ให้น่าท่องเที่ยว 

(24 มี.ค.67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เน้นย้ำ รัฐบาล ที่นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ความสำคัญกับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกระดับ ทุกศาสนา โดยเมื่อครั้งที่เดินทางมาตรวจราชการในกิจกรรม “เที่ยวใต้ สุดใจ” (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) เมื่อวันที่ 27-29 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมาสะท้อนความมุ่งมั่นตั้งใจของรัฐบาลอย่างจริงใจที่สุด ที่จะสร้างภาพจำใหม่ให้คนไทยและชาวต่างชาติเห็นว่า ”พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ปลอดภัย น่าท่องเที่ยว”

ทั้งนี้เหตุการณ์การก่อกวนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และจังหวัดสงขลาบางจุด เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ว่า เป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในเดือนรอมฎอนที่เป็นเดือนอันประเสริฐของพี่น้องประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลาม โดยมุ่งเน้นไปที่การก่อเหตุกับสถานประกอบการภาคธุรกิจที่หวังทำลายระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนการสร้างงาน สร้างอาชีพ และรายได้ของประชาชนในพื้นที่ของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้ไม่ได้ให้ความสำคัญหรือมีความห่วงใยในชีวิตและสวัสดิภาพของประชาชนในพื้นที่แต่อย่างใด เพราะเมื่อเกิดเหตุกับสถานประกอบการ ผู้ที่ได้รับผลกระทบทันทีคือ ผู้ประกอบการที่ธุรกิจได้รับความเสียหาย และลูกจ้างที่ต้องหยุดงานขาดรายได้ทันทีที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบกับสถานประกอบการที่ตนทำงานอยู่ อีกทั้งประชาชนต้องรู้สึกหวาดกลัว หรือหวาดระแวงเมื่อต้องเดินทางออกมาจับจ่ายซื้ออาหารเพื่อละศีลอด รวมทั้งการเดินทางไปประกอบศาสนกิจเพื่อเก็บเกี่ยวผลบุญในช่วงค่ำคืน ดังนั้นการก่อกวนเช่นนี้ จึงทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบ 

นางรัดเกล้า ยังเปิดเผยว่า นายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการก่อกวน ของบางกลุ่ม ที่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างสันติสุขในพื้นที่ ซึ่งกลุ่มนี้ต้องการแสดงออกบางอย่างเพื่อแสดงตัวตนและให้เห็นถึงความสำคัญ แต่ทั้งนี้การพูดคุยเพื่อสันติสุข ยังเดินหน้า โดยที่มีประเทศมาเลเซีย เป็นผู้อำนวยความสะดวก และคณะพูดคุยก็เปิดกว้างในการรับฟังความเห็นต่างๆ แต่ทั้งนี้ถ้าทุกฝ่ายสร้างบรรยากาศไม่มีความรุนแรง ก็จะเป็นเรื่องที่ดีในการที่จะเปิดช่องรับฟัง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ขั้นตอนการพูดคุยหลักการใหญ่เห็นชอบแผนสันติสุขร่วมกันแล้วรวมถึงเห็นชอบหลักการรายละเอียดของแผน โดยจะมีคณะเทคนิคไปพูดคุยเพื่อทำตามกิจกรรมของแผน โดยช่วงนี้คณะเทคนิคอยู่ระหว่างการประชุมและในครั้งที่ผ่านมา คณะเทคนิคได้มีการประชุมแล้วสองครั้ง โดยรวมอยู่ในขั้นตอนที่คุยกันได้ เพื่อที่จะให้เดินไปข้างหน้า แม้ว่าจะมีข้อจำกัดหลายเรื่องแต่ก็จะใช้ความพยายาม ในฐานะที่ตนเองเป็นหัวหน้าพูดคุย ต้องขอขอบคุณ อย่างน้อยได้มีการพูดคุยก็เป็นเรื่องที่ดีจึงต้องรักษาไว้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top