Monday, 23 June 2025
Politics

‘อนุทิน’ ยก ‘แก้จน’ เป็นวาระแห่งชาติ ขจัดปัญหาปากท้องคนไทย ชี้!! ไม่ใช่ทำให้ทุกคนรวย แต่ ปชช.ต้องพ้นทุกข์-คุณภาพชีวิตดีขึ้น

(20 พ.ย. 66) ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่องวาระแห่งชาติ ‘นโยบายแก้จนของประเทศ’ ในงานสัมมนาเรื่องการแก้ปัญหาความยากจน วิถีความสำเร็จและความเป็นอยู่ที่ดี จัดโดยคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำวุฒิสภา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตอนหนึ่งว่า นโยบายแก้จน ต้องเป็นวาระแห่งชาติ ทั้งชาตินี้และชาติหน้า ที่ผ่านมาในการหาเสียงไม่มีรัฐบาลใดไม่คิดแก้ปัญหาความยากจน ดังนั้น เมื่อประกาศเป็นวาระแห่งชาติแล้วต้องแก้ไขให้ได้ ไม่ใช่ให้เป็นวาระที่ต้องทำแบบถาวร เมื่อตนมีโอกาสทำงานที่กระทรวงมหาดไทย ต้องทำทุกอย่างเพื่อกำจัดความยากจน และเป็นภารกิจและวาระแรกของตนที่ตั้งใจจะทำ

“ถ้าตั้งใจแก้ปัญหา โดยให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทำปัญหาปากท้องให้ดีขึ้นเยอะๆ เมื่อมีคนพูดว่ามาแก้ความจน ผมก็ท้อ เพราะต้องแก้ทุกอย่างจะแก้ได้อย่างไร มีแค่พูดกันไป โยนกันมา แต่ผมมองว่าการแก้ปัญหาความยากจน ไม่ใช่ให้ทุกคนรวย เพราะความรวยมีหลายระดับ แต่ต้องทำให้ประชาชนพ้นทุกข์ขั้นพื้นฐาน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พ้นความลำบาก ซึ่งนโยบายแก้จนของประเทศไทยต้องเป็นวาระแห่งชาติ โดยสนับสนุนสวัสดิการด้านต่างๆ ยกระดับการศึกษา เพิ่มรายได้ด้วยนวัตกรรมที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย ผมเชื่อว่าจะสามารถลดความเหลื่อมล้ำ ความยากจน และพัฒนาให้เติบโตที่ยั่งยืนได้” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า กระทรวงมหาดไทยพร้อมสนับสนุนภารกิจต่างๆ รวมถึงนโยบายที่จะแก้ปัญหาตามอำนาจและหน้าที่ โดยตนขอให้สัญญาประชาคม และยืนยันความพร้อมทำเรื่องดังกล่าวให้สำเร็จ ทั้งนี้ แผนการทำงานนอกจากต้องสนับสนุนเรื่องปัจจัย 4 ให้ประชาชนแล้ว ยังต้องเติมเต็มปัจจัยที่ 5 คือการศึกษาของเยาวชนที่มีคุณภาพ ขณะเดียวกันต้องหาทางลดรายจ่ายของประชาชน เช่น สนับสนุนให้น้ำประปาดื่มได้ เพื่อประชาชนไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อน้ำบริโภค นอกจากนั้นแล้วตนยังมองในประเด็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการอพยพย้ายถิ่นที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเปิดกว้างให้ประชากรคุณภาพจากต่างชาติเข้ามาในประเทศ

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า สำนักสถิติระบุว่า ประชาชนที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมมีมากที่สุดและเป็นผู้ที่มีรายได้น้อยที่สุด ดังนั้น การแก้ปัญหา คือ การหาที่ดินทำกินและพัฒนาแหล่งน้ำให้ครอบคลุมพื้นที่เกษตรกรรม โดยตนฐานรองนายกฯ ที่ดูแลกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมจะใช้นวัตกรรมเพื่อใช้การบริหารจัดการน้ำ อีกทั้งต้องทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย

“ผมกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ ถือเป็นเพื่อร่วมรุ่นกันที่มีสายสัมพันธ์ ได้พูดคุยกันและมีแนวคิดแนวทางเดียวกัน ซึ่งจะใช้เวลาเท่ากับอายุของรัฐบาลนี้ ทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์มากที่สุด ผมอาจจะขอเยอะ อาจจำเป็นต้องแลกกัน ทั้งงบประมาณที่ใช้ หรือโครงการที่ใช้ ผมจะใช้ความสัมพันธ์เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและบ้านเมือง” นายอนุทิน กล่าว

'มือเศรษฐกิจจุลภาค' ห่วง!! 'การบ้านการเมือง' ไม่ใช่ของเล่น ปล่อยคนขาดประสบการณ์ แต่เรียนเก่งมาทำงาน อาจเสียหาย

(20 ต.ค. 66) นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ มือเศรษฐกิจจุลภาค อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Ta Plus Sirikulpisut' ระบุว่า...

คุณไหม ศิริกัญญา หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล ปะทะกับ 2 คุณหมอ ที่ผมเคารพท่านเป็น อาจารย์ 

ปะทะ หมอเลี้ยบ, คุณไหม มองว่าประเทศไทยมีศักยภาพต่ำ การกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐไม่ส่งผลมาต่อ GDP คุณหมอเลี้ยบบอกว่า เราไม่ได้เป็นลา แต่เป็นแค่ม้าป่วย ที่รักษาแล้วก็เป็นม้าที่แข็งแรง

หากเทียบกับ (สิงค์โปร์ที่ไม่มีทรัพยากร เขาก็พัฒนาจนก้าวหน้าได้ ไทยดีกว่านั้นเยอะ พัฒนาได้ อันนี้ผมเสริม)

ปะทะหมอมิ้ง, คุณไหม บอกว่าเงิน Digital สร้างภาระการคลัง ดอกเบี้ยจ่ายอย่างน้อย 50,000 ล้านบาท คุณหมอมิ้งสอนมวยว่า 30,000 ล้านเท่านั้นเพราะแผนการจะนำเงินงบประมาณมาชำระต้นและดอกเบี้ยทุกปี จะต้องมีการลดเงินต้นดอกเบี้ยก็ลดลง แถมโดนว่าเก่งบัญชีนิ

แต่มีผู้อ้างว่าตนเก่งการเงินไปย้อนคุณหมอว่า Bond fixed ดอกเบี้ย คุณไหมถูกแล้ว

ผมก็ขอเรียนว่า คนตอบแบบนี้ส่วนใหญ่เก่งแต่ในตำราเรียน ไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานชั้นสูง คุณไหมเอง เป็นนักวิชาการเป็นแค่ที่ปรึกษา ไม่เคยทำงานจริง

การออก Bond นั้นเราสามารถกำหนดอายุ Bond และหากเรามีรายได้เพื่อชำระหนี้ก็สามารถกำหนดอายุชำระเงินต้นก่อน และดอกเบี้ยจ่ายก็ลดลง

หรือ หากไม่แน่ใจ เราก็ตั้งเงื่อนไขใน Bond ให้ผู้ออก Bond สามารถ Call ได้เพื่อลดภาระ

ถ้าหากมาถกเถียงเพื่อเกิดปัญญาก็ดี แต่หากมาบริหารราชการแล้วมีความรู้แค่ระดับนักวิชาการหรือ ที่ปรึกษามันจะทำให้ประเทศเราเสียหายมากนะครับ

ลองกลับไปทำงานประจำ แล้วค่อย ๆ ฝึกหัดเลื่อนตำแหน่งเป็น CFO บริษัทใหญ่ ๆ มียอดขายสัก แสนล้านก่อนค่อยมาอาสาเป็น ว่าที่ รมว.คลัง

การทำงานการเมืองไม่ได้เป็นของเล่นให้คนขาดประสบการณ์แต่เรียนเก่งมาทำงานครับ 

ต๊ะ พลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์

ความต่างระหว่าง 'คนมิรู้คุณคน' กับ 'คนรู้คุณคน'  ในวันที่ผู้ให้แผ่นดิน 'อาศัย-ทำกิน' ถูกเนรคุณ

ผมเชื่อว่าคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นลูกเจ๊ก ลูกฝรั่ง ลูกมอญ ลูกแขก หากได้เกิดบนผืนแผ่นดินไทย มีสัญชาติไทย และมีสามัญสำนึกของความเป็นคน ย่อมจะมีความกตัญญูต่อชาติ ต่อสถาบันกษัตริย์ ต้องรู้สึกหวงแหน ปกปักรักษา และมักจะคิดเสมอว่า "ตนเองนั้นเกิดจนเติบโตมาได้ ก็ล้วนเป็นหนี้บุญคุณของสถาบันกษัตริย์อย่างหนีไม่พ้น"

ด้วยสถาบันกษัตริย์ก็เปรียบเสมือน 'ต้นไม้ใหญ่' ของคนไทยทุกคน คอยให้ร่มเงา มอบความร่มรื่น ป้องแดดฝนพายุร้าย ให้ผู้อาศัยเย็นกายสบายใจ ปลอดอันตรายจากภัยรอบตัวทั้งปวง นี่คือความพิเศษที่หาไม่ได้จากประเทศอื่นใดในโลก

แล้วคนไทยแท้ ๆ ที่เกิดและเติบโตมาได้บนผืนแผ่นดินไทย คอยเดินหน้ากัดเซาะ จาบจ้วง ทำร้าย ทำลาย หรือพูดจาเหยียดหยามดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ถามว่าคนเช่นนี้เป็นคนไทยแบบไหนกัน? 

นักร้องบางคน ได้แสดงพฤติกรรมไม่ต่างจาก 'วัวลืมตีน' เล่นดึงฟ้าลงมาต่ำ เผยให้เห็น 'ธาตุแท้' ที่ซ่อนหลบอยู่ในหัวจิตหัวใจ ตอกย้ำอีกครั้งว่าการเป็นคนมีเงินและโด่งดัง ไม่ได้หมายความว่าจะมีสามัญสำนึกของความเป็นคนเสมอไป 

สำหรับนักร้องพฤติกรรมหยาบคนดังกล่าว คำว่าต่ำก็ยังดูสูงกว่ามาก!!

ผม หรือผู้คนอีกจำนวนไม่น้อย วันนี้มีอายุแตะเลขห้ากันแล้ว ก็ใช่ว่าจะตอบแทนบุญคุณของ 'บูรพกษัตริย์ไทย' ได้หมด ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้ผมไปเลือกพรรคการเมืองที่เดินหน้า 'ล้มล้างสถาบัน' ถ้าจะทำเช่นนั้นได้ก็ต้องเหตุผลเดียวคือผม 'ไม่ใช่คน'

คนอื่นคิดอย่างไรผมไม่ทราบ สำหรับผมขอคิดเช่นนี้ เพราะผม ครอบครัวผม ต้นตระกูลของผม มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ เป็นเพียงคนตัวเล็ก ๆ ยากไร้ หนีร้อนมาพึ่งพาอาศัยแผ่นดินของ 'พระเจ้าแผ่นดินไทย' ผมจึงถูกปลูกฝังว่าทั้งโคตรเหง้าของผมล้วนเป็นหนี้บุญคุณสถาบันฯ

ผมเป็นคนเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ กลัวกฎแห่งกรรม กลัวผลแห่งการเป็นคนเนรคุณ กลัวจะทำมาหากินไม่เจริญ กลัวชีวิตต้องพานพบกับความวิบัติฉิบหาย ที่สำคัญผมกลัวจะได้ชื่อว่าเป็นคนที่เนรคุณต่อชาติแผ่นดินของตัวเอง การแสดงความเคารพ รัก ศรัทธา และกตัญญูต่อสถาบันฯ จึงไม่เคยเลือนหายไปจากชีวิตจิตใจของผมเลย 

คุณลองคิดดูสิ ถ้าขนาดคนที่ให้แผ่นดินอาศัยและทำกิน เรายังเนรคุณ แล้วจะมีใครคนไหนกล้ามอบความจริงใจให้กับเรา  

‘ดร.อานนท์’ ชวนจับโป๊ะ ‘พิธา’ เคยอ้างได้ ‘ป.ตรี 2 ใบ’ แท้จริง!! แลกเปลี่ยนที่ ‘UT at Austin’ และโอนหน่วยกิตมา มธ.

เมื่อวานนี้ (20 พ.ย. 66) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘Arnond Sakworawich’ ระบุว่า…

เมื่อวานอาจารย์อาวุโสแห่งคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ส่งข้อความมาบอกว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ได้ปริญญาตรีสองใบจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจาก University of Texas at Austin อย่างที่ให้สัมภาษณ์ในหลายสื่อ

ผมเช็กแล้วใน Dek-D.com นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้ให้สัมภาษณ์จริงว่า ได้รับปริญญาตรีสองใบจากทั้งธรรมศาสตร์ และ UT at Austin

แต่ท่านอาจารย์ท่านยืนยันว่า โปรแกรม BBA ภาคภาษาอังกฤษของธรรมศาสตร์ได้ปริญญาตรีใบเดียวของธรรมศาสตร์ ไม่ใช่ Dual degree แต่อย่างใด นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นแค่นักเรียนแลกเปลี่ยนที่ UT at Austin แล้วโอนผลการเรียนกลับมาเทียบหน่วยกิตที่ธรรมศาสตร์

เรื่องนี้น่าจะตรวจสอบได้ไม่ยาก ขอเชิญชาวโซเชียลฯ ลองตรวจสอบดูนะครับว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พูดจริงหรือว่าโกหก

นอกจากนี้ ผศ.ดร.อานนท์ โพสต์เฟซบุ๊กอีกด้วยว่า เวลาเราพูดอะไร ถ้าเป็นคนตรงไปตรงมาไม่โกหก อะไรที่เป็นข้อเท็จจริง เปลี่ยนแปลงไม่ได้ อะไรที่เป็นความคิดเห็น เปลี่ยนแปลงได้

จะจับคนไหนว่า โกหกหรือไม่โกหก ให้ดูว่าเขาพูดข้อเท็จจริงหลาย ๆ ครั้งเรื่องเดียวกันตรงกันหรือไม่ อยู่กับร่องกับรอยหรือไม่

พ่อลิเกนี่เป็นตัวอย่างให้จับโป๊ะแตกง่ายที่สุด เพราะพูดข้อเท็จจริงไม่เคยตรงกันสักที

‘เศรษฐา’ จี้!! ‘ก.ยุติธรรม’ เร่งปราบ ‘หมูเถื่อน-หุ้นสตาร์ค-หุ้นมอร์’ กำชับ ต้องสาวถึงตัวการใหญ่ ขีดเส้น!! อาทิตย์หน้าเรื่องต้องคืบ

(21 พ.ย. 66) ที่สถานีรถไฟฟ้าวัดพระศรีมหาธาตุ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการประชุม ครม.ว่า ได้สั่งการไปยังรัฐมนตรีว่ากระทรวงยุติธรรม ซึ่งกำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีอีเอส) ในเรื่องของการปราบปรามการค้าหมูเถื่อน ต้องสาวถึงตัวการใหญ่

นายกฯ กล่าวว่า ส่วนคดีของบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และเรื่องหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) ได้มีการขยายผลแล้วซึ่งเราให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

นายกฯ เศรษฐา เผยว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ตนได้มีโอกาสหารือกับผู้ประกอบการค้าข้าวรายใหญ่ของประเทศไทย จึงมีการพูดคุยปัญหาเรื่องของข้าว วันนี้ปัญหาข้าวไทยผลผลิตต่อไร่ของเราต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านอยู่เยอะมาก หนึ่งในเหตุผลคือ เรื่องของปัญหาข้าวไทยที่มีการพัฒนาช้า ได้รับการรับรองพันธุ์ข้าวจากกรมการข้าวที่ล่าช้า ทำให้เรานำข้าวมาปลูกได้ช้า ซึ่งตนได้มีการสั่งการไปยังรมว.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งทาง รมว.เกษตรและสหกรณ์ ขานรับอย่างดีว่าจะไปดูแลในเรื่องขั้นตอนในการขอพันธุ์ข้าว เพื่อให้เรามีประสิทธิภาพและประสิทธิผลข้าวที่ดีและสูงขึ้น เพื่อให้เท่าเทียมกับเพื่อนบ้านเราได้

นายกฯ กล่าวว่า ขณะที่การประชุม ครม.มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อใช้ในการรับรองสมรสเท่าเทียม ซึ่งจะนำเข้าสู่การพิจารณาในการเปิดประชุมสภาวันที่ 12 ธ.ค.

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เรื่องของวันสต๊อปเซอร์วิส ซิงเกอร์วินโดว์ ซิงเกอร์ฟอร์ม โดยเป็นการรวบรวมหน่วยงาน เพื่อให้สะดวกสบายกับการค้าขายและการส่งออกสินค้าในต่างประเทศ ซึ่งมีปัญหาสินค้าติดอยู่ที่ชายแดน จึงต้องทำวันสต๊อปเซอร์วิส ซิงเกอร์วินโดว์ ซิงเกอร์ฟอร์ม จึงได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และกระทรวงสาธารณสุข ทำวันสต๊อปเซอร์วิส ซิงเกอร์วินโดว์ ซิงเกอร์ฟอร์ม เพื่ออำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชน

‘สันติ’ ลั่น!! ‘พปชร.’ ไม่มีแพแตก ยัน ‘ลุงป้อม’ ยังไม่ทิ้งการเมือง พร้อมหนุนแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่น หากไม่ขัดข้อกฎหมาย

(21 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. จะยังอยู่ในสนามการเมืองต่อหรือไม่ว่า “ลุงป้อมหัวหน้าผมเนี่ย มั่นใจได้ ไว้ใจมาก ท่านเองก็มีความตั้งใจในเรื่องที่จะดูแลบ้านเมือง เพราะงั้นท่านไม่ทิ้งการเมืองหรอกครับ”

เมื่อถามว่า เลือกตั้งครั้งหน้าจะเห็นพรรค พปชร.ส่งคนลงรับสมัครเลือกตั้งแน่นอนใช่หรือไม่ นายสันติกล่าวว่า “แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ และทุกคนในพรรคก็มีความรักใคร่กลมเกลียวกัน มีความเป็นปึกแผ่นแน่นอน”

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรได้กำชับเรื่องอะไรเป็นพิเศษกับพรรคบ้างหรือไม่ นายสันติกล่าวว่า พล.อ.ประวิตรประชุมกับผู้บริหารพรรคทุกวันจันทร์อยู่แล้ว อย่างเมื่อวาน (20 พ.ย.) มีการประชุมกัน ก็ได้หารือประเด็นที่เป็นพิเศษในปัจจุบัน เช่น โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่าเราจะทำอย่างไร ประชาชนจะเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรเห็นด้วยในโครงการนี้หรือไม่ นายสันติกล่าวว่า หัวหน้าของเราก็บอกว่าพี่น้องประชาชนตอนนี้เศรษฐกิจก็ฝืดนิดหน่อย ถ้าประชาชนได้เงิน 1 หมื่นบาท ประชาชนก็ดีใจ ก็อยากได้ แต่ต้องดูกฎหมาย รัฐธรรมนูญก็ดี กฎหมายการเงิน การธนาคาร อะไรต่างๆ ถ้าไม่ติดขัด ท่านบอกว่าก็ดี ประชาชนได้จับจ่ายใช้สอยในช่วงนี้ แต่หากติดรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย ติด พ.ร.บ.ต่างๆ คงจะต้องหาช่องทางอื่นๆ ด้วย

เมื่อถามว่า มื้อเที่ยงได้พูดคุยอะไรกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. และ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เกี่ยวกับประเด็นการเมืองหรือไม่ นายสันติกล่าวว่า ก็คุยกันเรื่องทั่วไป ว่าจะต้องร่วมกันทำงานเพื่อประชาชนอย่างไรบ้าง ไม่ได้คุยเรื่องอื่น

‘ครม.’ ไฟเขียว ‘สมรสเท่าเทียม’ เตรียมส่งสภาฯ พิจารณา 12 ธ.ค.นี้ ยกระดับความเท่าเทียมทางเพศแก่คู่รักเพศเดียวกัน ตามสิทธิขั้นพื้นฐาน

(21 พ.ย. 66) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ว่า กระทรวงยุติธรรม ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อให้มีกฎหมายรับรองสิทธิการก่อสร้างครอบครัวของคู่รักเพศเดียวกัน

โดยมีหลักการสำคัญคือ “แก้ไขคำว่า ‘ชาย-หญิง-สามี-ภรรยา’ เป็น ‘บุคคล-คู่หมั้น-คู่รับหมั้น และคู่สมรส’ เพื่อให้มีความหมายครอบคลุมว่า การสมรสต่อไป ‘ชายหญิง’, ‘ชายชาย’ หรือ ‘หญิงหญิง’ สามารถสมรสกันได้ โดยไม่ตัดสิทธิการสมรสเหมือนชายหญิง”

นายคารม ยังชี้แจงขั้นตอนระหว่างนี้ว่า จะต้องมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกัน อาทิ เรื่องบำเหน็จ บำนาญ โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา จะไปแก้ไขให้สอดคล้องกับการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งดังกล่าว ซึ่งกระทรวงยุติธรรม ได้ดำเนินการรับฟังความเห็นเรียบร้อยแล้ว โดยหลังการตรวจสอบของกฤษฎีแล้ว ก็สามารถเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาในสมัยประชุมหน้า ที่จะเปิดในวันที่ 12 ธันวาคมนี้

'อ.แพท' เตือน!! 'พิธา' โกหกทางคณิตศาสตร์ ตัวเลขมักจะไม่ลงตัว ชี้!! เป็นตัวจริง ม.Top 10 ของโลก ไม่ต้องไปแต่งเติมอะไรเพิ่ม

(22 พ.ย. 66) แพท แสงธรรม นักวิชาการอิสระ ด้าน Communication Facilitator และอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในอีกหลายแขนง ได้โพสต์เกี่ยวกับเรื่องการศึกษาของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โดยระบุว่า…

SELF SLANDER ป้ายสีตัวเอง

วันนี้ทั้งโซเชียล มีแต่เรื่องพิทาคิโอ และการเล่าเรื่องราวที่ไม่ตรงกัน สะท้อนบุคลิกและสภาพจิตไปถึงไหนต่อไหน

ใครจะแต่งเรื่องอะไรต้องไม่โกหกทางคณิตศาสตร์เพราะตัวเลขมันจะไม่ลงตัว

การไปเรียนที่ University of Texas at Austin ก็เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ เพราะ ranking ของ UT at Austin ก็ดีงามตามสถิติ ใน World Ranking อยู่ที่ช่วงอันดับ 50-70 ของมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก เฉพาะในอเมริกา มีมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยที่ให้วุฒิปริญญาเกือบ 4,000 แห่ง Top 10% คือ อยู่ใน 400 อันดับแรก Top 1% คือใน 40 อันดับแรก UT at Austin จึงถือว่าอยู่ใน Top 2% ทำให้ UT at Austin เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐที่มีความเป็นเลิศและมีศักดิ์ศรีสูงที่สุดแห่งหนึ่ง

Harvard และ MIT มีแคมพัสอยู่ใกล้กัน ห่างกันไม่ถึง 3 กม. ขับรถ 5 นาที เดิน ครึ่งชั่วโมง และมีโปรแกรมที่ช่วยให้ นศ. คว้าปริญญาได้จากทั้งสองแห่ง เรียกว่า joint degree program วิชา course work ที่ซ้ำกัน ก็เก็บหน่วยกิตมาจากที่ใดที่หนึ่ง ดังนั้น แทนที่จะต้องใช้เวลา 5 ปีเพื่อให้ได้ปริญญาบัตร 2 ใบ ก็อาจใช้เวลาเพียง 3 ปี

อย่างไร ก็ต้องเรียนหนัก เพราะมหาวิทยาลัยมีอันดับ สอนกันหนัก ต้องรักษาอันดับและมาตรฐานกันอย่างเหนียวแน่น ทั้งอาจารย์และนักศึกษาจริงจังกันอย่างเขี้ยวฝังร่าง ใครที่เรียนในสถาบันที่อยู่ใน อันดับ Top 100 ก็ถือว่าคุณภาพสูงอยู่แล้ว

ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแต่งแต้มเรื่องราวให้กับประวัติการศึกษาอะไร ให้ผิดไปจากความจริง

ในกลุ่มวิชาการ นอกจากมองดูการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดยมาตรฐานรวม อย่างของ QS ที่นิยมอ้างถึงกันเป็นเกณฑ์แล้ว ผู้รู้จริง ยังเจาะลึก เลือกมหาวิทยาลัย ที่มีความเป็นเลิศ เฉพาะทางอีก ตัวอย่างเช่น นอกเหนือจาก กลุ่ม Ivy League แล้ว มหาวิทยาลัยที่เด่นด้านสื่อสารมวลชน ยังมี University of Florida, University of North Carolina at Chapel Hill และ University of Michigan Ann Arbor เป็นต้น 

ส่วนทางด้านประวัติศาสตร์ นอกเหนือจากไอวี่ ลีก ก็ยังมี Duke, Vandebilt, Panoma College, Rice, Northwestern, Davidson College และอีกมากมาย

ทางด้านรัฐศาสตร์ นอกจากกลุ่มไอวี่ ก็ยังมี University of Wisconsin, Ohio State University, UT at Austin, New York University, Emory University etc.

ใครที่มุ่งมั่นในแต่ละสาขา จะพิจารณาความเป็นเลิศทางวิชาการเฉพาะสาขา ของแต่ละมหาวิทยาลัยด้วย ไม่ได้สมัครเรียนโดยดูจาก Ranking รวมๆ เป็นสำคัญ ไม่เน้นแบรนด์ใหญ่หรือความโด่งดังเป็นหลัก

มหาวิทยาลัยหลายแห่งในอเมริกา คนไทยไม่คุ้นเคย ดูแต่ Ranking รวม ๆ ที่มีตัวแปรหลายอย่าง ทั้งจำนวนนักศึกษานานาชาติ ความสมบูรณ์ทางด้านเทคโนโลยี ประมาณงานวิชาการที่ตีพิมพ์ของคณาจารย์ ฯลฯ ส่วนวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยที่เป็นเลิศ เฉพาะทาง ว่าด้วยความเจนชัดทางวิชาการไปเลย

ผู้ที่เรียนจบจากสถาบันที่มีชื่อเสียง รู้อยู่แก่ใจ เพื่อนคนไทยจะรู้จักหรือไม่ ไม่สำคัญ คนที่จบมาย่อมเป็นจอมยุทธ ที่ไม่ต้องประกาศหรือดัดแปลงข้อมูลใด ๆ

ภาพประกอบเหมือนไม่เกี่ยวกับเนื้อหา เพราะเป็นเรื่องของมหาวิทยาลัยไทย แต่ก็เกี่ยวแหละ จำนวนมหาวิทยาลัยทั่วโลกมีกว่า 25,000 แห่ง การจัดอันดับของ QS คัดไว้เฉพาะ 1,500 แห่ง 

ผู้ที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยที่อยู่ใน Top 10% ของโลกก็โอเคแล้ว ไม่ต้องไปแต่งเติม Storytelling ให้เสียเวลา ไม่เกิดประโยชน์

‘ธนกร’ หนุนรัฐฯ แก้หนี้ ‘ใน-นอก’ ระบบครบวงจร  กวาดล้างมาเฟียเงินกู้ ทวงหนี้โหด ฟอกเงินบาป

(22 พ.ย. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ตนขอสนับสนุนที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเตรียมแถลงประกาศแก้หนี้สินให้กับประชาชน ทั้งหนี้ในระบบและหนี้นอกระบบในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ เพราะเรื่องหนี้สิน เป็นเรื่องสำคัญมากกับชีวิตความเป็นอยู่โดยตรงของพี่น้องประชาชน ขอให้นายกฯ และรัฐบาลทำอย่างจริงจังแบบครบวงจร พร้อมยกให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุดและต่อเนื่องจนเห็นผลเป็นรูปธรรม

การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ที่ส่วนใหญ่มาจากเงินที่อยู่นอกระบบสถาบันการเงิน ต้องมีกฎหมายควบคุมการคิดดอกเบี้ยให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด หากการให้กู้ยืมเงินนอกระบบต้องไม่คิดดอกเบี้ยเกินกว่าร้อยละ 15 ต่อปี หากคิดดอกเบี้ยโหดสูงกว่านั้นถือว่าผิดกฎหมาย 

นอกจากนั้น รัฐบาล โดยฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ควรลงไปตรวจสอบผู้ที่เป็นเจ้าหนี้ที่มักจะปล่อยเงินกู้จำนวนมาก ว่ามีแหล่งเงินมาจากไหนมาจากเงินสีเทา ธุรกิจผิดกฎหมาย การพนัน และยาเสพติดด้วยหรือไม่ เป็นการฟอกเงินผ่านการให้กู้ยืมอีกทอดหนึ่งหรือไม่

“ผมจึงขอให้รัฐบาลใช้โอกาสนี้ ดำเนินการกวาดล้างมาเฟียผู้มีอิทธิพลในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ที่อาจใช้ช่องทางนี้นำเงินสีเทาผิดกฎหมาย มาฟอกผ่านการปล่อยกู้ให้แก่ประชาชน และมีทีมทวงหนี้โหดไปทำร้ายร่างกายลูกหนี้ที่ผิดนัด จนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตตามที่เป็นข่าวมาจำนวนมากแล้ว” นายธนกร กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การแก้ปัญหาหนี้สินจะช่วยประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในระยะยาวได้อย่างไร นายธนกร กล่าวว่า คนเป็นหนี้ก็ต้องใช้ แต่จะทำอย่างไรหากไม่มีรายได้ที่เพียงพอใช้หนี้ สุดท้ายแล้วก็อาจจะกลับมาเป็นหนี้ใหม่อีก ตนจึงมองว่ารัฐบาลควรส่งเสริมให้มีการฝึกทักษะอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ให้ประชาชน ต้องทำควบคู่ไปกับการช่วยปลดลดหนี้สิน จะเป็นทางออกช่วยให้พี่น้องประชาชนสามารถยืนด้วยตัวเองอย่างมั่นคง และจะเป็นการแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชนแบบยั่งยืน

“พรรครวมไทยสร้างชาติผ่าน 4 กระทรวง ก็เดินหน้าโครงการฝึกทักษะอาชีพ เพิ่มรายได้สร้างเศรษฐกิจในชุมชนต่อเนื่อง พร้อมทั้งให้ความรู้ ความเข้าใจวินัยการใช้เงิน เพื่อลดปัญหาหนี้ครัวเรือน หากรัฐบาลมีนโยบายแก้หนี้ทั้งในและนอกระบบออกมาช่วยประชาชนเพิ่มเติมด้วย ก็เชื่อว่า จะเป็นการทั้งสร้างรายได้ให้ประชาชนมีเพียงพอ ควบคู่ การแก้หนี้สิน จะทำให้มีความมั่นคงในชีวิต เกิดความเข้มแข็งยั่งยืนได้ในอนาคต” นายธนกร กล่าว

‘มท.’ จ่อห้ามออกใบอนุญาตพกปืนแบบ ป.12 เป็นเวลา 1 ปี หวังลดปัญหาอาชญากรรม พิทักษ์ความสงบของบ้านเมือง

เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 66 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ปัจจุบันได้ปรากฎปัญหาเด็ก เยาวชน และบุคคลที่ประสงค์ร้ายต่อสังคม สามารถเข้าถึงอาวุธปืนหรือสิ่งเทียมอาวุธปืนที่ดัดแปลงเป็นอาวุธ เช่น แบลงค์กัน (Blank Gun) ได้โดยง่าย รวมถึงมีการพกอาวุธปืนทั้งที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย อาวุธปืนที่ผิดกฎหมาย ตลอดจนสิ่งเทียมอาวุธปืนดังกล่าว ไปในที่สาธารณะและใช้ก่ออาชญากรรม ส่งผลอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ส่งผลกระทบด้านความสงบเรียบร้อยของสังคม เศรษฐกิจ การท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศตามที่ปรากฏตามสื่อสารมวลชนในหลายกรณี เพื่อเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน และความปลอดภัยสาธารณะ ลดอาชญากรรม และควบคุมสถานการณ์บ้านเมืองให้เป็นปกติ

กระทรวงมหาดไทยจึงอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้ไฟ และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ยกร่างคำสั่งนายกฯ และ รมว.มหาดไทย เรื่องห้ามออกใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว (แบบ ป.12) เป็นการชั่วคราว โดยมีสาระสำคัญเป็นการห้ามออกใบอนุญาตแบบ ป.12 เป็นเวลา 1 ปี

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ได้ลงนามในคำสั่งฯ แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างนำเสนอให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลังลงนาม ก่อนเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับในวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

อย่างไรก็ตาม คำสั่งฯ จะไม่มีผลบังคับกับเจ้าหน้าที่ หรือบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้พกอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ ซึ่งอยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ อาทิ เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน เช่น ทหารตำรวจ ข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ประชาชนซึ่งอยู่ระหว่างการช่วยเหลือราชการ และมีเหตุจำเป็นต้องมีและใช้อาวุธตามกฎหมาย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top