Monday, 23 June 2025
Politics

พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง 'วิษณุ-อาคม' เป็นกรรมการกฤษฎีกา

เมื่อวานนี้ (7 พ.ย.66) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งกรรมการกฤษฎีกา โดยมีรายละเอียดว่า

ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งกรรมการกฤษฎีกา จำนวน 136 ราย ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. 2565 ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 6 ก.ย. 2565 นั้น เนื่องจากนายนพนิธิ สุริยะ กรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 14 ถึงแก่อนิจกรรม และนายอุดม รัฐอมฤต กรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 6 ขอลาออกจากตำแหน่ง ประกอบกับตำแหน่งประธานกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 2 ได้ว่างลง

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จึงได้ดำเนินการคัดเลือกบุคคลที่สมควรเป็นกรรมการกฤษฎีกาเสนอต่อคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วยประธานกรรมการกฤษฎีกาแต่ละคณะ พิจารณาและมีมติเห็นชอบผู้ที่สมควรเป็นกรรมการกฤษฎีกาตามมาตรา 13/1 แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะกรรมการกฤษฎีกา (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2551 จำนวน 2 ราย ดังนี้

1.นายวิษณุ เครืองาม
2.นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ

โดยให้ผู้ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการกฤษฎีกาซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งต่อไปแล้ว

บัดนี้ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งบุคคลทั้ง 2 ราย ดังกล่าว ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการกฤษฎีกา ตั้งแต่วันที่ 30 ต.ค.2566

ประกาศ ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

‘นักเขียนซีไรต์’ ปลอบใจ!! ‘ลิเกคณะก้าวไกล’ “จะทำดี ทำชั่ว กองเชียร์ยังอุ่นหนาฝาคั่งอย่างเดิม”

เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 66 นายวิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ ‘รักฝังใจ!!’ พร้อมระบุว่า…

“พระเอกป้อไปป้อมาหน้าเวที​ เรียกเสียงกรี๊ด​ แต่ข้างหลังเวทีล่อกันเละ​ หลายเรื่องพันกันอีรุงตุงนัง​

พระเอกที่เคยจ้อได้ทุกเรื่องจนลิ่วล้อปลื้มว่​า​ “เก่งกว่านายกฯ ทุกคนที่เคยมีมา!!” แต่เรื่องล่อกันเละในคณะลิเกกลับเงียบ!!

พูดแก้ต่างให้คณะก็โดนฝ่ายตรงข้ามโห่​ พูดหล่อๆ ยึดหลักการก็เจ็บทั้งคณะ!! อาจโดนคนในคณะปาหัวเอาได้​ เงียบอย่างหล่อๆ นั้นดีแล้ว

หลายคนพูดกันว่าการล่อกันเละครั้งนี้ ทำให้คณะลิเกตกต่ำ​ จะส่งผลถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า​ จะไม่ส้มทั้งแผ่นดิน!!

แต่ผมขอให้กำลังใจและความหวังว่า​ ถึงช่วงรณรงค์เลือกตั้งก็จะมีคนเลือกอีก​ คนส่วนมากไม่ได้เลือกนักการเมืองเพื่อทำงานแก่ประเทศชาติ​ แต่เลือกเหมือนเลือกดารากับเลือกเพราะ ‘เงิน’​ ซึ่งก็เป็นเหยื่อล่อทั้งคู่

ตัวอย่างมีให้เห็นมาทุกการเลือกตั้ง​ ก็ ‘พรรคเพื่อไทย’ ไง​ เพราะฉะนั้น อย่าไปสนใจว่า “ถ้าเลือกตั้งครั้งนี้ได้นักการเมืองไม่ดี​ เลือกตั้งครั้งต่อไปประชาชนก็จะไม่เลือกเอง”... ประชาชนรู้ดี​ รู้ทันนักการเมือง​ และตาสว่างแล้ว​นั้น ไม่จริง

‘ลิเกคณะก้าวไกล’ สบายใจได้​ จะทำดี ทำชั่ว ก็ทำไปเถอะ​ กองเชียร์ยังอุ่นหนาฝาคั่งอย่างเดิม​ พร่องบ้างก็นิดหน่อย​ ไม่นานก็กลับมา​ ก็รักมันฝังใจเสียแล้ว ที่ออกมาส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ คือ ฝ่ายตรงข้ามทั้งนั้น!!

‘เศรษฐา’ คิวแน่นเอี้ยด บินปฏิบัติภารกิจทั่วไทย-ครม.สัญจรต่อเนื่อง พร้อมจับตา!! ศุกร์นี้ เตรียมแถลง ‘เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท’

(8 พ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ภายหลังเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 12-19 พ.ย.ว่า จากนั้นระหว่างวันที่  23-24 พ.ย.นี้ นายกฯ มีกำหนดการเดินทางไปประชุม ที่ประเทศสิงคโปร์

ต่อมาในวันที่  27 พ.ย. นายกฯ เป็นประธานและร่วมงานประเพณีลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟ ที่ จ.สุโขทัย จากนั้น ช่วงเช้าวันที่ 28 พ.ย. นายกฯ จะเดินทางกลับมาเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนที่ช่วงบ่ายจะบินกลับไปปฏิบัติภารกิจที่ จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 28-29 พ.ย. เพื่อลงพื้นที่ตรวจราชการ และร่วมงานประเพณีเดือนยี่เป็งเชียงใหม่ ประจําปี พ.ศ. 2566 วันสุดท้าย ในวันที่ 28 พ.ย.ด้วย โดยจะพักค้างคืนที่ จ.เชียงใหม่ 2 คืน ก่อนที่วันที่ 30 พ.ย. นายกฯ จะเดินทางโดยรถยนต์จาก จ.เชียงใหม่ ไปยัง จ.อุตรดิตถ์ เพื่อปฏิบัติภารกิจและพักค้าง 1 คืน

จากนั้น เช้าวันที่ 1 ธ.ค. จะเดินทางไปยัง จ.พิษณุโลก เพื่อขึ้นเครื่องบินไปยัง จ.ภูเก็ต นอกจากนี้ นายกฯ ยังมีกำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่ จ.หนองบัวลำภู ระหว่างวันที่ 3-4 ธ.ค.นี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของรัฐบาลชุดนี้ ก่อนที่ในวันที่ 6-7 ธ.ค. นายกฯ จะลาราชการ เพื่อเข้าร่วมประชุมสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 10 พ.ย.เวลา 10.00 น. นายกรัฐมนตรีมีกำหนดเป็นประธานแถลงข่าวในพิธีเปิดโครงการ ‘Thailand, Winter Festival’ โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ร่วมด้วย จากนั้น เวลา 11.00 น. นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล

‘ศุภชัย’ ข้องใจ!! ขับ ‘รองอ๋อง-2 สส.คุกคาม’ 2 มาตรฐาน เตรียมยื่น กกต. สอบ หากพบผิดมีโทษถึง ‘ยุบพรรค’

(8 พ.ย. 66) นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกล ดำเนินการขับ 2 สส.พรรคก้าวไกล นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. และนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี กรณีการคุกคามทางเพศ ออกจากพรรค ซึ่งมีการดำเนินการเป็นขั้นตอนตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล และกฎหมาย การดำเนินการเปิดเผยทุกกระบวนการ แตกต่างจากกรณีการขับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกจากพรรคก้าวไกล เพราะไม่มีการดำเนินการในลักษณะเดียวกัน

“ผมจึงได้ยื่นเรื่องถึงนายทะเบียนพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบการพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ของนายปดิพัทธ์ โดยขอให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบว่าพรรคก้าวไกลได้ดำเนินกระบวนการทางวินัยกับนายปดิพัทธ์ ตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล และตามกฎหมายถูกต้อง ครบถ้วนหรือไม่ โดยส่งแถลงการณ์พรรคก้าวไกล ลงวันที่ 28 ก.ย. 2566 เป็นเอกสารประกอบ” นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวอีกว่า หากพิจารณาจากคำแถลงการณ์พรรคก้าวไกล คณะกรรมการบริหารชุดใหม่และผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกลได้ประชุมร่วมกัน โดยให้นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคคนใหม่ รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และมีข้อความในแถลงการณ์ว่าให้นายปดิพัทธ์ ออกจากการเป็นสมาชิกของพรรคก้าวไกลโดยมิได้มีการแถลงว่ามีการกระทำความผิดวินัยร้ายแรง ตามข้อบังคับพรรคก้าวไกลข้อ 119 วงเล็บใด มีการดำเนินการทางวินัยสมาชิกตามข้อบังคับพรรค ก้าวไกลอย่างไร

นายศุภชัย กล่าวว่า ได้มีการริเริ่มกระบวนพิจารณาทางวินัยสมาชิกพรรค ตามข้อ 122 และมีการแสวงหา ข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานประกอบขึ้นเป็นสํานวนคํากล่าวโทษ ตามข้อ 123 หรือไม่ และได้ เรียก นายปดิพัทธ์ มาให้ถ้อยคําหรือโต้ยังคํากล่าวโทษตามข้อ 124 หรือไม่ มีการสรุปข้อเท็จจริง การพิจารณาและเหตุผลในการวินิจฉัยประกอบการทําคําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินัยสมาชิกพรรค ตามข้อ 129 ถึงข้อ 131 หรือไม่ อีกทั้งยังไม่ปรากฏมติของพรรคก้าวไกลด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ ของที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารของพรรคก้าวไกลและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 101 (9)

“หากยังมิได้ดำเนินการดังกล่าวตามข้อบังคับ การดำเนินการของพรรคก้าวไกล ยังไม่ถูกต้องครบถ้วน นายปดิพัทธ์ ยังคงสภาพเป็นสมาชิกพรรค ก้าวไกล ไม่อาจไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่นได้และจากแถลงการณ์ของพรรคก้าวไกล ชี้แจงในทำนองว่า นายปดิพัทธ์ ลาออก โดยที่พรรคไม่ได้มีมติขับออกจากพรรคเพราะทำผิดวินัยร้ายแรง จะส่งผลให้สมาชิกภาพความเป็น สส.ของนายปดิพัทธ์ สิ้นสุดลงในทันที” นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวว่า หากพรรคก้าวไกล มิได้มีการดําเนินการตามข้อบังคับพรรคก้าวไกลและกฎหมาย การกระทําดังกล่าวเป็นการสมคบคิดหรือ แสดงเจตนาลวง ระหว่างพรรคก้าวไกลกับนายปดิพัทธ์ อันเข้าข่ายกระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การกระทําอันอาจเป็นปฏิปักษ์ หรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวินิจฉัย ว่าเพียงแค่อาจเป็นปฏิปักษ์ ก็ต้องห้ามแล้วหาจําต้องมีเจตนา ประสงค์ต่อผล หรือต้องรอให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงขึ้นจริงเสียก่อนไม่

“หากนายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบแล้ว พรรคก้าวไกลมิได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล และกฎหมาย และเป็นการสมคบคิดหรือแสดงเจตนาลวง โดยหวังผลเพื่อให้หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้รับตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และ นายปดิพัทธ์ ยังคงดํารงตําแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อไป อันเป็นการสมประโยชน์ทั้งสองฝ่ายซึ่งเป็นการกระทําอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และกรณีเป็นความปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้ว ขอท่านได้โปรดยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อ สั่งยุบพรรคก้าวไกลต่อไป” นายศุภชัย กล่าว

ไพ่เด็ด!! ‘ซอฟต์พาวเวอร์-ดิจิทัล วอลเล็ต’ สมการอำนาจละมุน ในกำมือ ‘อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา’

เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่เอี่ยมอ่อง ‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร’ นั่งเป็นประธานการประชุมพรรควันแรก นอกจากบอกกล่าวลูกพรรคเรื่องการได้พบทูตหลายประเทศแล้ว ยังได้เลี้ยวมาพูดถึงงานถนัดที่รับผิดชอบอย่าง ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ที่เกิดอาการดรามามาจากผู้กำกับหนัง ‘สัปเหร่อ’ ที่พึมพำออกมาว่า “ซอฟต์พาวเวอร์หมายถึงอะไรกันแน่…??”

คุณหนูอุ๊งอิ๊งบอกกับที่ประชุมพรรค สรุปสั้น ๆ ว่า…

“ซอฟต์พาวเวอร์ อธิบายอย่างง่ายว่า เป็นอำนาจละมุน ไม่ต้องใช้อาวุธหรือความรุนแรง แต่เป็นอำนาจในการชนะใจผ่านวัฒนธรรม อาทิ ช็อกมิ้นต์ พอได้ความนิยมในช็อกมิ้นต์ขึ้น ช็อกมิ้นต์ขายดีขึ้น อันนี้คือวัฒนธรรมที่ถูกโอบรับโดยคนในประเทศ แต่นี่เป็นเพียงภาพเล็ก...สำหรับซอฟต์พาวเวอร์ที่กำลังเกิดขึ้นเราต้องการผลักดันให้ Global มากขึ้น โดยเรามี 11 สาขาที่ได้แถลงไปแล้ว…”

ก็ไม่มีอะไรผิดหรอก...กับคำว่า ‘อำนาจละมุน’ อะไรที่ว่า เพราะคำว่า ‘ซอฟต์แวร์’ ราชบัณฑิตยังแปลว่า ‘ละมุนภัณฑ์’ เลย แต่ถ้าไปถาม สว.กวีซีไรท์ อย่างเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ แกจะบอกว่า ซอฟต์พาวเวอร์ หากจะแปลตรง ๆ คือ ‘ไม้นวม’ แต่ความหมายจริง ๆ ของมันน่าจะเป็นว่า…

‘ภูมิพลังวัฒนธรรม’

อันนี้ เล็ก เลียบด่วน ค่อนข้างเห็นด้วยกับคำของอาจารย์เนาวรัตน์นะ แต่ที่สุดของที่สุด ตอนนี้ไม่มีใครยอมเรียกขานด้วยภาษาไทยหรอก…

คงจะใช้ ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ทับคำทับศัพท์กันสถานเดียว…

ก็ต้องรอ ‘อุ๊งอิ๊งค์’ เธอโชว์ผลงานชิ้นโบแดง หนึ่งในนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย ปีหน้าก็คงมีการเสนอกฎหมายรองรับองค์กรของซอฟต์พาวเวอร์ ที่จะแข็งแกร่งกว่าองค์การมหาชน…

แต่นโยบายเรือธงที่ร้อนฉ่ากว่า ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ คือ นโยบายเติมเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ที่ทั้งนายกฯเศรษฐา และคุณอุ๊งอิ๊ง เรียกร้องให้ สส. ของพรรคช่วยกันตีปี๊ป...แต่จะตีปี๊ปว่าอย่างไรต้องรอการแถลงของนายกฯ ในวันที่ 10 พ.ย. เพียงคนเดียว…

‘เล็ก เลียบด่วน’ พยายามเลียบ ๆ เคียง ๆ กระซิบถาม สส.พรรคเพื่อไทย 2-3 คนว่า เค้าโครงรูปร่างของดิจิทัล วอลเล็ต เป็นอย่างไร ได้รับคำตอบเหมือนกันว่า.. “ตอบไม่ได้จริง ๆ เพราะนายกฯ ยังไม่บอก…” ก็ว่ากันไป...รอลุ้นระทึก ว่าจะ ‘เปรี้ยงปร้าง’ หรือ ‘โป้งจอด’ 

แต่ก่อนถึงวันที่ 10 พ.ย. ก็คือ วันที่ 9 พ.ย. นายกฯ มีออร์เดิร์ฟร้อน ตอน 19.00 น. ทางช่อง 11 หอยม่วง รายการพิเศษ ‘Chance of Posibility จากนโยบายสู่การลงมือทำจริง 60 วันภายใต้รัฐบาลนายกเศรษฐา ทวีสิน’ ให้ดูชม…

แถลงผลงานวันที่ 9 และ 10 พ.ย. เสร็จ วันที่ 12 พ.ย. นายกฯ ของเราก็จะเหาะเหินไปประชุมเอเปกในวันที่ 12 พ.ย. ให้ ‘บิ๊กอ้วน’ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ รักษาราชการแทน…

ไป ๆ มา ๆ นายกฯ เศรษฐา ‘นายกฯ สูงยาวถุงเท้าแดงของเรา’ ที่ดูเก้ ๆ กัง ๆ และพลาดพลั้งบ่อยในการพูดจา…ทำท่าจะตีตั๋วยาว เพราะสายข่าวแจ้งว่า คุณหนูอุ๊งอิ๊งต้องใช้เวลาบ่มเพาะบารมีอีกพักใหญ่ ๆ ด้วยความละมุน ในขณะที่เศรษฐาก็ปรับตัวเข้าที่เข้าทางมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความละมุนกว่าเดิม

ถ้าไม่สะดุดขาตัวเอง หรือก้าวพลาดจริง ๆ รัฐบาลเพื่อไทยก็ลากยาวต่อไปเรื่อย ๆ...ทั้งหัวหน้าพรรคและนายกฯ อยู่ในช่วงอำนาจละมุน…

ใครเสี้ยมให้ระแวงให้ทะเลาะกันช่วงนี้เสียเวลา…ไม่เชื่อไปถามคนป่วยชั้น 14 รพ.ตำรวจ!!

‘รศ.ดร.ดนุวัศ’ แนะ!! 6 หนทาง พลิกไทยโตยั่งยืน ยัน!! แนวคิดแจกเงินหมดคลัง ไม่ช่วยคนไทยรวย

จากรายการ CONTRIBUTOR EP.29 ออนแอร์ผ่านช่องทาง THE STATES TIMES เมื่อวันที่ 6 พ.ย.66 ได้เปิดเผยถึงแนวทางปฏิรูปประเทศไทยต่อจากนี้ ซึ่งจะมีผลลัพธ์อันดีต่อการเติมเงินลงไปในกระเป๋าคนไทยได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังส่งผลไปถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่เติบโตได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ผ่านมุมมองของ รศ.ดร.ดนุวัศ สาคริก รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิต พัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA ที่กล่าวไว้ว่า…

จากนี้ไป คือ ช่วงเวลา ‘วัดกึ๋น’ ผู้บริหารของประเทศไทย!!

หากต้องการสร้างเศรษฐไทยยุคใหม่ ที่มีทั้งความปลอดภัยให้แก่ระบบเศรษฐกิจ, การคลัง และสร้างรายได้แก่ประชาชนได้อย่างยั่งยืน ผู้นำของประเทศ จำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ที่จะขับเคลื่อนแนวทางเหล่านี้ให้เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว ดังนี้...

>> เรื่องแรก ‘ปฏิรูป’
สถานการณ์ของประเทศไทยในวันนี้ แค่ ‘เปลี่ยน’ หรือปรับ ไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะปัญหาต่าง ๆ บางทีต้องรื้อใหม่ตั้งแต่โครงสร้าง ซึ่งผมมองว่า ต่อจากนี้ประเทศไทยต้องใช้คำว่า ‘ปฏิรูป’ โดยการปฏิรูปนี้ต้องเข้าไปสะเทือนหลายโครงสร้างของประเทศ ทั้งการเมือง, เศรษฐกิจ, การศึกษา องค์กรด้านความมั่นคง และกฎระเบียบที่ย่อหย่อน ต้องเขย่ากันใหม่ตั้งแต่รากฐาน ไม่ได้บอกว่าสิ่งที่เป็นอยู่ไม่ดี แต่ไม่พอ อย่างเรื่องการศึกษา พูดมานาน ทั้งแนวทางการเรียนการสอนแบบใหม่ การพัฒนาบุคลากรครูผู้สอน และรวมถึงการเท่าทันกับเทรนด์อาชีพที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เหล่านี้พูดกันมานาน แต่ก็ยังไม่เกิดอะไรขึ้น นั่นก็เพราะมันไม่ง่าย เนื่องจากมีผู้เกี่ยวข้องเยอะ กระทบคนเยอะ นี่จึงเป็นตัววัดฝีมือผู้บริหารประเทศที่ต้องทรงวิสัยทัศน์

>> เรื่องที่ 2 ‘ตระหนักใน 3 ทักษะเปลี่ยนโลก’
ในโลกยุคการศึกษา 4.0 มี 3 เรื่องใหญ่ ๆ ที่ภาคการศึกษาต้องทำ นั่นก็คือ 

1. ทักษะด้านดิจิทัล ทั้งเรื่องวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และโค้ดดิ้ง ซึ่งเรื่องนี้ก็เห็นว่าระบบการศึกษาไทยกำลังให้ความสำคัญอยู่ 

2. ทักษะในการเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลก ต้องเข้าใจว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก ต้องเท่าทันโลก 

3. ทักษะด้านซอฟต์สกิล ซึ่งเป็นเรื่องของภาวะส่วนบุคคล ที่ต้องมีไหวพริบ ควบคุมอารมณ์ได้ดี มีทักษะในการอยู่ร่วมกันในสังคม เพื่อนำมาสู่การทำงานและสื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือทำงานกันเป็นทีมได้ ซึ่ง 3 สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ World Economic Forum ให้ความสำคัญกับการอยู่ในโลกดิจิทัลอย่างมาก แต่โลกการศึกษาไทยอาจจะยังไม่ได้เน้น และเราต้องเร่งขับเคลื่อนเรื่องนี้ เพราะผมมองว่ามันสำคัญมากกับการใช้ชีวิตในโลกยุคหลังจากนี้

>> เรื่องที่ 3 ‘โลกนอกกะลา’
การเปิดรับต่อองค์ความรู้นอกประเทศ เป็นสิ่งที่ยังเป็นปัญหาในสังคมไทย ซึ่งเรื่องนี้ก็คงต้องฝากความหวังไว้ที่สื่อบ้านเรา ช่วยเปิดโลกให้คนไทยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวในต่างประเทศ ทั้งการเมือง, เศรษฐกิจ, สังคม, การศึกษา และเรื่องอื่น ๆ ต้องเติมเข้ามาให้คนไทยได้รับรู้กันมากขึ้น เพราะในวันนี้คนไทยจำนวนไม่น้อย เริ่มคิดว่า พวกเขาคือ ศูนย์กลางของจักรวาล สิ่งที่เขารู้คือสิ่งที่เป็นบรรทัดฐาน และคิดว่าเรื่องราวแคบ ๆ ในประเทศ คือ คำตอบที่ถูกต้อง …ผมเคยถามคำถามหนึ่งกับนักศึกษาว่า รู้ไหมนายกฯ คนก่อนของเยอรมนี (อังเกลา แมร์เคิล) อยู่ในตำแหน่งกี่ปี ไม่มีใครตอบได้ …เขาอยู่ในตำแหน่ง 16 ปีครับ แต่บ้านเราพอมีนายกฯ ที่อยู่ในตำแหน่ง 8 ปีก็โวยวายกันแล้ว เป็นต้น

>> เรื่องที่ 4 ‘หยุดสร้างผลงานเพื่อเรียกคะแนนเสียง’
ด้วยหนทางในการต่อสู้ทางการเลือกตั้ง เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการบริหารประเทศ พรรคการเมืองโดยมากก็มักจะสร้างผลงานระยะสั้นออกมา เพราะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการเข้าไปปฏิรูปโครงสร้างบางอย่างที่แม้จะเป็นเรื่องที่ควรทำ แต่ก็มักจะใช้เวลานาน แต่ผมอยากให้เห็นภาพแบบนี้ว่า เรื่องโครงสร้างพื้นฐานบ้านเรา ที่กว่าจะเป็นรูปเป็นร่างทุกวันนี้ ถ้าไม่ได้รัฐบาลที่อยู่ต่อเนื่องนาน ๆ อาจจะไม่ได้เห็นก็ได้ เฉกเช่นเดียวกันกับระบบคมนาคมขนส่งในยุโรป, อังกฤษ, อเมริกา กว่าจะทำได้ก็เป็น 100 ปี หรือ ชินคันเซ็น ในญี่ปุ่นก็สร้างมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผลลัพธ์ของมันคือ เมื่อระบบโครงสร้างที่ดีเกิดขึ้น การพัฒนาทางเศรษฐกิจไหลตามมาโดยอัตโนมัติ เหมือนที่ญี่ปุ่น สถานีรถไฟใหญ่ ๆ อยู่ตรงไหน ความเจริญจะอยู่ตรงนั้น เกิดห้าง, โรงเรียน, มหาวิทยาลัย, ร้านขายของ และอีกมากมายที่มีเม็ดเงินมหาศาลเกิดการหมุนเวียนในพื้นที่ ฉะนั้นนโยบายที่มาจากแรงผลักดันทางการเมือง เพียงเพื่อล่าคะแนนเสียงจากประชาชนในช่วงเลือกตั้ง ไม่ยั่งยืน!! 

>> เรื่องที่ 5 ‘สร้างคนต้นน้ำ-ปลายน้ำ’
ประเทศไทยต้องยกระดับขึ้นไปทั้งแผง ต้องผสานพลังขนานใหญ่จากทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชน โดยเฉพาะกับบุคลากร ที่ต้องสร้างกันตั้งแต่ ‘ต้นน้ำ’ แบบเข้มแข็ง เริ่มที่ระบบการศึกษาที่ต้องสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของยุคดิจิทัลโลก ตลาดงาน รวมถึงสถาบันครอบครัวก็ต้องเข้มแข็งด้วย ขณะเดียวกันในส่วนของ ‘ปลายน้ำ’ ก็ต้องส่งเสริมให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชน ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ หรือ SMEs เหล่านี้ต้องสอดคล้องไปด้วยกัน ตลาดงานได้คนเก่ง สร้างการเติบโตทางธุรกิจ แล้วภาษีก็จะไหลวนคืนสู่ประเทศ แต่วันนี้ทุกภาคที่ว่ามายังแยกเป็นส่วน ๆ ไม่ทำงานประสานพลังกัน เราต้องยกระดับหลากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทำงานร่วมมือกัน ก้าวขึ้นไปพร้อมกันแบบยกแผง

>> เรื่องที่ 6 ‘แจกเท่าไร คนไทยก็ไม่รวย’
วิธีง่าย ๆ ในการทำให้คนที่เงินในกระเป๋ามากขึ้น ก็คือ แจกเงิน เพิ่มรายได้ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ทำได้ทันที ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ แต่โจทย์นี้มันไม่ง่าย หากต้องการให้เงินในบัญชีคนไทยงอกเงยได้อย่างยั่งยืน ซึ่งก็ต้องบอกตรง ๆ ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องชี้วัดเชิงนโยบายว่าผู้บริหารประเทศมีความแหลมคมแค่ไหน กลับกันคนไทยจะมีเงินในกระเป๋าได้มากขึ้นจริง ๆ ต้องมาจากความสามารถในการทำงานที่มากขึ้น แล้วรายได้ที่ความมั่นคงอย่างยั่งยืนจะมากตาม ฉะนั้นแจกเงินหมดคลังไป คนไทยก็ไม่รวย

เหล่านี้เป็นโจทย์สำคัญ ที่ผู้นำของประเทศ, รัฐบาล และทุกหน่วยงานที่จะมีบทบาทต่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไทย คงจะรอช้าไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่า แนวคิด ‘ปฏิรูป’ นี้มันไม่ง่าย แต่ถ้าไม่ทำตอนนี้ โอกาสที่จะเติมเงินใส่กระเป๋าคนไทย และสร้างสรรค์เศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้กว่าที่เป็นอยู่อย่างยั่งยืน ก็คงจะไม่ง่ายด้วยเช่นกัน และการสร้างแค่นโยบายเชิงประชานิยม จนทำให้คนในประเทศเสพติดจนเป็นนิสัย ก็ไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้นมาอีกด้วย

‘รมต.พวงเพ็ชร’ เผย ‘นายกฯ’ กำชับ ใช้สื่อรัฐเผยผลงานรัฐบาลให้มากที่สุด

(8 พ.ย.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเข้าพบนายกรัฐมนตรีที่ตึกไทยคู่ฟ้าว่า ตนได้เข้าพบนายกฯ คนละวงประชุมกับรัฐมนตรีท่านอื่น โดยนายกฯ เรียกตนไปหารือเพื่อเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับการจัดงานที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 พ.ย. คืองานแถลงนโยบายครบรอบ 2 เดือนของรัฐบาล และในวันที่ 10 พ.ย. จะมี 2 งานคือแถลงเรื่องนโยบายเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท และงาน Thailand Winter Festival ซึ่งตนต้องมีหน้าที่ดูแลการถ่ายทอดสด ในฐานะกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ โดยนายกฯ กำชับว่าอะไรที่เป็นผลงานของรัฐบาลให้เผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบให้มากที่สุดและถึงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด

‘สธ.’ คิกออฟ!! ฉีดวัคซีน HPV สกัดมะเร็งปากมดลูกทั่วประเทศ ตั้งเป้า 1 ล้านโดส ใน 100 วัน ‘หญิงไทย’ ต้องปลอดภัยจากมะเร็ง

(8 พ.ย. 66) ที่โรงเรียนไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายแทพย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นาย Jos Vandelaer ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย, นายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.), นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.), นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค, แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการแพทย์ และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ร่วมเปิดกิจกรรมความร่วมมือขับเคลื่อนนโยบายมะเร็งครบวงจร ‘Kick Off’ การรณรงค์สร้างภูมิ HPV นักเรียนไทยสุขภาพดี ปลอดมะเร็ง ‘Save Our Children by 1 Million HPV Vaccines’ โดยจัดฉีดวัคซีน HPV ให้นักเรียนหญิงประมาณ 700 คน เพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูกด้วย

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ปีงบประมาณ 2567 สธ.ได้กำหนดนโยบาย ‘มะเร็งครบวงจร’ ที่ครอบคลุมทั้งด้านการส่งเสริม ป้องกัน คัดกรอง วินิจฉัย รักษา และดูแลฟื้นฟูกายใจ โดยเฉพาะมะเร็งที่เป็นปัญหาสำคัญ 5 ชนิด ได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง มะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นมะเร็งที่สามารถป้องกันและตรวจคัดกรองความเสี่ยงได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เช่น การฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส HPV ในอายุ 11-20 ปี, การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยตัวเอง อายุ 30 ปีขึ้นไป ส่วนในกลุ่มผู้อายุ 40 ปีขึ้นไป สามารถเข้ารับการอัลตราซาวนด์คัดกรองมะเร็งท่อน้ำดี และการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซี ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของมะเร็งตับ เป็นต้น

“โดยการขับเคลื่อนควิกวิน (Quick Win) 100 วันแรก จะมีการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV ที่ก่อมะเร็งปากมดลูก ในหญิงไทยอายุ 11-20 ปี จำนวน 1 ล้านโดส เริ่มคิกออฟสำหรับนักเรียนหญิงในสถานศึกษาพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงวัคซีนในกลุ่มนักเรียน ให้มีภูมิคุ้มกัน ลดอาการป่วย และการเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกในอนาคต สำหรับนักศึกษาและบุคคลทั่วไปที่อายุไม่เกิน 20 ปี สามารถรับวัคซีน HPV ได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 เป็นต้นไป เพื่อป้องกันมะเร็งในสตรีไทย ตามสโลแกน ‘สวย เริด เชิด สู้มะเร็ง’ หรือ ‘Women Power No Cancer’ ซึ่งหากพบว่าป่วยจะได้รับการรักษาทันท่วงที ช่วยลดการเสียชีวิต รวมถึงเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนทุกคน และปกป้องระบบสาธารณสุขของประเทศ” นพ.ชลน่าน กล่าว

ด้าน นพ.โอภาส กล่าวว่า โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ทำให้ประชากรสูญเสียการมีคุณภาพชีวิตที่ดี และยังส่งผลต่อระบบสาธารณสุข รวมถึงระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ การลดอัตราป่วยและเสียชีวิตจากโรคมะเร็งต้องทำในทุกมิติ ตั้งแต่การป้องกันโรค ตรวจคัดกรอง พัฒนาวิธีการรักษา และการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง

“สำหรับการจัดกิจกรรมคิกออฟวันนี้ ได้ร่วมกับ สพฐ. ให้บริการฉีดวัคซีน HPV สำหรับนักเรียน พร้อมให้ความรู้เรื่องมะเร็งปากมดลูกสำหรับประชาชนทั่วไป การคัดกรองโรคมะเร็งต่างๆ สำหรับประชาชนตามช่วงวัย จะใช้รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน รวมถึงมีบริการเอกซเรย์ตรวจคัดกรองมะเร็งปอด และบริการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซี ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้าถึงบริการฉีดวัคซีนและตรวจคัดกรองมะเร็งได้สะดวกยิ่งขึ้น ถือเป็นตัวอย่างการดำเนินงานและการนำร่องให้บริการในชุมชน” นพ.โอภาส กล่าว

ขณะที่ พญ.ปรียาพร คงจรรักษ์ นายแพทย์ชำนาญการ โรงพยาบาล (รพ.) ไทรน้อย จ.นนทบุรี กล่าวว่า วันนี้ รพ.ไทรน้อยได้จัดฉีดวัคซีน HPV ชนิด 2 สายพันธุ์ คือ 16 และ 18 ให้กับนักเรียนกว่า 700 คน โดยมีการจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับการฉีดวัคซีนของเด็กนักเรียนกว่า 50 คน เป็นทั้งเจ้าหน้าที่การแพทย์ฉุกเฉิน แพทย์ รพ.ไทรน้อย อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งจะมีขั้นตอนตั้งแต่การลงทะเบียนฉีดวัคซีน การคัดกรองสุขภาพก่อนฉีด จุดฉีดวัคซีนและจุดพักสังเกตอาการ 15-30 นาที

ทั้งนี้ จากการติดตามผลหลังฉีด ยังไม่มีนักเรียนที่เกิดอาการแพ้วัคซีน จะมีเพียงอาการปวดบริเวณจุดที่ฉีด โดยการฉีดวัคซีน HPV จะต้องฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 6 เดือน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการป้องกันโรคสูงสุดควรมารับวัคซีนเข็มที่ 2 ตามกำหนดเวลา

“สำหรับ รพ.ไทรน้อย จะมีการประกาศให้ผู้หญิงไทยอายุ 11 – 20 ปี เข้ารับการฉีดวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลประมาณเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะรวมทั้งนักเรียนที่อยู่ในระบบและนอกระบบการศึกษา สามารถไปลงทะเบียนฉีดที่โรงพยาบาลได้เลย” พญ.ปรียาพร กล่าว

ด้าน น.ส.พิมพ์ณดา เลิศโกสิตรุจ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เข้ารับการฉีดวัคซีน HPV กล่าวว่า ในวันนี้เป็นการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV เพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูกเป็นครั้งแรกของตน โดยที่ผ่านมาตนยังไม่เคยเข้ารับการตรวจคัดกรองหาเชื้อ HPV มาก่อน แต่เมื่อทางโรงเรียนเปิดให้สมัครใจฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ให้กับเด็กนักเรียนหญิงอายุ 11 ปี จนถึงนักเรียนหญิงชั้น ม.6 โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตนเลยตัดสินใจมาฉีดเพื่อความปลอดภัยในอนาคต ซึ่งส่วนตัวคิดว่าการได้ฉีดวัคซีนฟรีเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะครอบคลุมไปถึงคนที่ไม่มีทุนทรัพย์ในการไปเสียเงินฉีดเอง ส่วนอาการหลังฉีดก็มีรู้สึกปวดที่แขนเล็กน้อยเหมือนกับการฉีดวัคซีนโควิด-19

‘นายกฯ’ ลั่น!! สางปมปั๊มขึ้นป้ายน้ำมันหมด กำชับ ‘ก.พลังงาน’ ปล่อยน้ำมันขาดไม่ได้

(9 พ.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีบางสถานีบริการน้ำมันหลายแห่งขึ้นป้ายว่าน้ำมันหมด ภายหลังมีมาตรการลดราคาน้ำมันเบนซิน ว่า…

“ได้ยินเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กำชับให้ตรวจสอบแล้วว่าขาดไม่ได้ โดยกระทรวงพลังงานจะเร่งกำกับดูแลเรื่องนี้ให้เหมาะสมต่อไป”

เมื่อถามว่าการกักตุนเพื่อเก็งกำไรสินค้าหรือไม่? นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “คงเป็นเรื่องของการอยากมีกำไรมากขึ้น แต่เรายอมรับไม่ได้ ต้องบริหารจัดการไป”

‘แทนคุณ-เค สามถุยส์’ บุกสภาพา ‘อดีต ผอ.รร.’ ร้องขอความเป็นธรรม หลังถูก ‘ผู้ช่วย สส.ก้าวไกล’ บีบให้เซ็นใบอนุโมทนาทิพย์ เฉียด 1.2 ลบ.

(9 พ.ย.66) ที่รัฐสภา นายแทนคุณ จิตต์อิสระ รักษาการประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และนายนิยม นพรัตน์ หรือ ‘เค สามถุยส์’ นำผู้อำนวยการ (ผอ.) โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.จันทบุรี มายื่นหนังสือผ่านตัวแทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง เพื่อร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม สืบเนื่องจากโดนผู้ช่วย สส.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) คนหนึ่งของ จ.จันทบุรี โดยผู้ช่วยคนดังกล่าวมีอักษรย่อ จ. คุกคาม

นายแทนคุณกล่าวว่า วันนี้พา ผอ.โรงเรียนมาร้องเรียน เพราะถูกผู้ช่วย สส.ของพรรค ก.ก. โดยขอให้ ผอ.คนนี้ช่วยออกใบอนุโมทนา 2 ใบ โดยใบแรกจำนวน 8 แสนบาท และใบสองจำนวน 3.7 แสนบาท แต่ผอ.ไม่ยอมออกให้ เนื่องจากไม่มีอำนาจและไม่มีจำนวนเงินดังกล่าวเข้าโรงเรียนแต่อย่างใด ภายหลังเหตุการณ์นี้ ผอ.ได้รับความเดือดร้อนโดนใส่ร้ายป้ายสีกระทบเรื่องส่วนตัว อีกทั้งผู้ช่วย สส.รายนี้ยังบุกเข้ามาโวยวาย ผอ. ว่าทุจริตคดโกง

นายแทนคุณ กล่าวต่อว่า เรื่องของผู้ช่วย สส. คนนี้จะเชื่อมโยงไปถึง สส.จันทบุรี คนนั้นหรือไม่ เพราะเห็นเขาโพสต์เฟซบุ๊ก เรื่องต่างๆ และพวกเราไม่ใช่มุ่งอาฆาตมาดร้าย ไม่ใช่คนที่คิดจองเวร หรือมีความแค้นส่วนตัว แต่เมื่อได้รับเรื่องนี้มาเราก็ดำเนินการ ซึ่งยังมีอีกหลายเรื่องที่คล้ายๆแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ช่วย สส. ผู้ชำนาญการ หลายพื้นที่ รวมทั้งตัว สส. เองด้วยที่มีอีกหลายเรื่อง แต่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เรียกว่าเป็น 10 เคสไม่ใช่ธรรมดา ถ้าพูดทุกวันถึงสิ้นปีคงไม่หมด

“ตอนนี้บอกได้เลยว่าตั้งแต่มีพรรคก้าวไกลมาประเทศไทยไม่เหมือนเดิมจริงๆ ไม่เคยมีการเมืองครั้งไหนที่จะเรียกว่าเมาเสรี ฟรีกาม คุกคามประชาชน รุนแรงและเลวร้ายเท่ากับการมีอยู่ของพรรคก้าวไกล” นายแทนคุณกล่าว

ขณะที่ เค สามถุยส์ กล่าวว่า ผู้ช่วย สส. คนดังกล่าวเป็นเพศหญิง และเป็นหลานเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจันทบุรี แต่มีพฤติกรรมเข้าไปอยู่ในกุฏิวัด ซึ่งกุฏิดังกล่าวสร้างจากเงินผู้มีจิตศรัทธาในศาสนา เพื่อใช้รับรองพระสงฆ์ แต่ผู้ช่วย สส. กลับยึดครองไว้เอง ซึ่งเรื่องนี้อาจทำให้เจ้าอาวาสวัดเสียหายไปด้วย หากไม่รู้เรื่องด้วย

ด้าน ผอ. กล่าวทั้งน้ำตาว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา ตนไม่ยอมเซ็นใบอนุโมทนาให้ ต่อมาในวันที่ 28-29 มีนาคม ผู้ช่วย สส. ไปหว่านล้อมชุมชนเพื่อให้มากดดัน ทำให้ตนได้รับความเดือดร้อน ชีวิตวุ่นวาย ลามไปถึงลูกสาวด้วย สุดท้ายทนไม่ได้จึงลาออกจากการเป็นผอ. แต่ก็เปลี่ยนใจขอทบทวนไม่ลาออก เนื่องจากมีเวลา 30 วัน ในการทบทวน แต่ก็ถูกคำสั่งให้ออก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ทบทวนการเซ็นคำสั่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นนายแทนคุณ ได้เผยแพร่ภาพที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว โดยเป็นภาพ สส.จันทบุรี เขต 2 พรรค ก.ก. คือ น.ส.ปรัชญาวรรณ ไชยสืบ พร้อมทีมผู้ช่วยดำเนินงานของผู้แทนราษฎร 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top