Sunday, 15 June 2025
Politics

‘ก้าวไกล’ ยื่นชุดร่างกฎหมาย 5 ชุด แก้ไข ม.112 ด้าน ‘พิธา’ ยกวลีเด็ด ‘ปกเกล้าแต่ไม่ปกครอง’ หวังสถาบันพ้นการเมือง - ลดโทษรุนแรงเกินจริง ย้ำเพื่อไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ยืนยัน ยึดมั่นธำรงรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ เพียงปรับให้เข้ากับยุคสมัย

วันที่ 10 ก.พ. ที่รัฐสภา ส.ส.พรรคก้าวไกล นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงว่าพรรคเตรียมเสนอชุดร่างกฎหมายคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออก และสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของประชาชน จำนวน 5 ฉบับ ประกอบด้วย 1.ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่…) พ.ศ. … โดยสาระสำคัญส่วนแรกจะเป็นการยกเลิกโทษจำคุกให้คงเหลือแต่โทษปรับ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นบุคคลทั่วไป

รวมถึงดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ศาล หรือผู้พิพากษา และส่วนที่สองคือย้ายความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ไปกำหนดเป็นลักษณะความผิดใหม่ คือ ลักษณะความผิดที่เกี่ยวกับพระเกียรติของพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท

และเกียรติยศของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพื่อใหมีความเหมาะสม ทั้งในแง่โครงสร้างของบทบัญญัติ อัตราโทษ การยกเว้นความผิด การยกเว้นโทษ และผู้ร้องทุกข์ จึงกำหนดให้ยังมีโทษจำคุก แต่ลดอัตราโทษลงมาไม่ให้รุนแรงเกินไป ไม่กำหนดโทษขั้นต่ำไว้ รวมทั้งสามารถพิจารณาลงโทษปรับหรือทั้งจำทั้งปรับ เพื่อให้ได้สัดส่วนกับสภาพความผิด 2.ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่…) พ.ศ. … 3.ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่…) พ.ศ. … 4.ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่…) พ.ศ. … และ5.ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา

นายพิธา กล่าวว่า "พรรคก้าวไกลมีจุดยืนในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยให้สถาบันปลอดจากคำติฉินนินทา ปลอดจากคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆของสาธารณชน ซึ่งต้องดึงสถาบันให้พ้นการเมือง เรามีหน้าที่ป้องกันไม่ให้กลุ่มบุคคลเข้ามาฉกฉวยแอบอ้างความจงรักภักดีเพื่อใช้โจมตีอีกฝ่าย โดยเฉพาะการใช้กฎหมายมาตรา 112 เป็นเครื่องมือฟ้องร้องกลั่นแกล้ง ปิดปากผู้อื่น"

"เมื่อวานนี้ (9 ก.พ.) ศาลไม่ให้ประกัน นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นายอานนท์ นำภา นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข หมายความว่าจำเลยทั้ง 4 อาจถูกจองจำไม่มีกำหนดจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ทั้งที่เป็นการแสดงออกทางการเมืองโดยสันติ ไม่ใช่การก่ออาชญากรรมร้ายแรง วันนี้ไม่ว่าเราจะเห็นด้วยหรือไม่ต่อการชุมนุม แต่จำเลยในคดีมาตรา 112 ควรมีสิทธิ์ในการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม ภายใต้หลักการจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะพิพากษาถึงที่สุด กรณีนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งของการใช้มาตรา 112 ซึ่งกระทบเสรีภาพสิทธิประชาชนในยุคสมัยใหม่" นายพิธา กล่าว

หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติ แสดงความกังวลการใช้มาตรา 112 ในประเทศไทย ที่มีการจับกุมมากขึ้น มีการลงโทษที่รุนแรง เขาย้ำว่า ตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ บุคคลสาธารณะย่อมถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ แม้จะมีการดูหมิ่นแต่ไม่มีเหตุที่จะลงโทษอย่างรุนแรง โดยขอให้ไทยทบทวนยกเลิกการดำเนินคดี และให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขังในผู้ที่ใช้เสรีภาพแสดงออกอย่างสงบ

ทั้งนี้ ในส่วนของพรรคก้าวไกล ขอย้ำว่าการธำรงไว้ซึ่งสถาบันให้อยู่คู่กับระบอบประชาธิปไตย จะไม่สามารถบรรลุได้ด้วยการใช้กฎหมายบังคับ และการปราบปราม แต่ดำรงอยู่ด้วยความชอบธรรม และความยินยอมพร้อมใจจากประชาชน ดังนั้น ก่อนจะสายไปกว่านี้เราต้องแสวงหากุศโลบายที่สอดคล้องกับยุคสมัย ทำให้สถาบันพ้นจากการเมือง ปกเกล้าแต่ไม่ปกครอง เพราะนอกจากปัญหามาตรา 112 แล้ว ปีที่ผ่านมายังมีการใช้กฎหมายอื่นๆเป็นเครื่องมือทางการเมืองอีกด้วย

เมื่อถามว่า ทุกครั้งที่หยิบยกเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ขึ้นมา จะมีผู้ออกมาคัดค้าน และกังวลหรือไม่ว่าจะเป็นประเด็นที่นำไปสู่การยุบพรรคการเมือง นายพิธา กล่าวว่า "ในระบอบประชาธิปไตยเป็นเรื่องปกติที่มีความเห็นต่างกัน แต่เราต้องคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ ส่วนจะเป็นไปถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ เราก็ต้องแก้กันไป แต่คงไม่พูดไม่ได้ซึ่งคิดว่าคุ้มค่า

กรณียังมีคนจำนวนมากเข้าใจว่าพรรคก้าวไกลมีจุดประสงค์อื่นในการแก้มาตรา 112 นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตลอดชีวิตของตนเห็นการล้มล้างการปกครองแบบเดียวคือการทำรัฐประหาร ตนยังไม่เคยเห็นการแก้ไขกฎหมายเป็นการล้มล้างการปกครอง

ซึ่งการเสนอลดโทษมาตรา 112 ยังไม่ได้เป็นการยกเลิกกลไกการคุ้มครองเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ แต่ปรับปรุงให้เข้ากับยุคสมัย ซึ่งเป็นการปรับลดเพื่อให้ได้สัดส่วนไม่ใช่โทษรุนแรงเกินกว่าความเป็นจริง และแน่นอนว่าสิ่งที่เราเสนอคงไม่ถูกใจคนที่เห็นว่าควรยกเลิกไปเลย แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันเราพยายามเสนอข้อเสนอที่จะรับกันได้มากที่สุด"

"ส่วนกรณีกลุ่มไทยภักดีได้ยื่นคัดค้านการแก้ไขมาตรา 112 แล้ว นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งทุกเรื่องในสังคมไม่มีทางเห็นร่วมกันหมดอยู่แล้ว ส่วนกลัวถูกยุบพรรคหรือไม่ เราในฐานะพรรคการเมืองจะหลับตาไม่มองปัญหาความเป็นจริงในสังคมไม่ได้ ซึ่งปัญหาเรื่องอื่นๆเราก็ทำด้วย

และในฐานะผู้แทนไม่ใช่เวลาที่เราจะกลัว แต่เป็นช่วงที่เราต้องแสดงความกล้าเรียกร้องมโนสำนึกโดยเอาความกลัวไว้ข้างหลัง ต้องทำหน้าที่ผู้แทนดีที่สุด เพื่อปกป้องสิทธิของประชาชน ซึ่งเวทีก็รัฐสภาน่าจะเป็นทางออก"

เมื่อถามว่า หากไม่กระทำผิดก็ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนกับบทลงโทษที่กำหนดไว้ในกฎหมาย นายชัยธวัช กล่าวว่า "เป็นการมองด้านเดียว เพราะความจริงตัวกฎหมาย และการบังคับใช้มีปัญหา ดังนั้นพวกเราจึงมีความจำเป็นต้องแก้ไขให้เข้ากับยุคสมัย"

‘กรณ์’ นำทัพพรรคกล้า ลงพื้นที่นครฯ ก่อนพา ‘สราวุฒิ’ ลงสมัครรับเลือกตั้งวันพรุ่งนี้ ชี้ในพื้นที่ยังมีปัญหาระบบประปา - สาธารณูปโภคพื้นฐาน หวังปักธงเขต 3 นครฯ เป็นจุดเริ่มต้นพรรคกล้า ย่างก้าวเป็นพรรคใหญ่

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วยนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรค และคณะผู้บริหารพรรค ลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อพบปะประชาชนและให้กำลังใจนายสราวุฒิ สุวรรณรัตน์ ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมเขต 3 นครศรีธรรมราช ที่จะสมัครรับเลือกตั้งวันพรุ่งนี้

นายกรณ์ กล่าวว่า มาเที่ยวนี้ได้พบประชาชนจำนวนมาก 4 อำเภอ เขต 3 นครศรีธรรมราช เรามีทีมงานลงพื้นที่ล่วงหน้า และมาที่นครศรีธรรมราชหลายทริป พบว่ายังมีเรื่องที่ประชาชนมีปัญหา ดังนั้นการเลือกตั้งซ่อมถือเป็นโอกาสของประชาชน

ทำให้ปัญหาคาราคาซังมานานได้รับการดูแล เช่น ระบบน้ำประปาไม่สมบูรณ์ อ.พระพรหม อ.จุฬาภรณ์ แหล่งน้ำมีมากมายหาศาล แต่ขาดการบริหารจัดการ ประชาชนยังขาดน้ำประปา ต้องเสียเงินซื้อน้ำดื่มน้ำใช้ แบกภาระค่าใช้จ่าย จึงเป็นเรื่องที่ต้องตั้งคำถามผู้มีอำนาจ ส.ส. และรัฐบาล

นายกรณ์ กล่าวว่า หน้าที่ของ ส.ส. คือการสะท้อนปัญหาให้ถึงหูผู้มีอำนาจ นำไปสู่ลงมือทำ พรรคกล้าขอเป็นกระบอกเสียง เป็นตัวแทนพี่น้องประชาชน ที่พร้อมลงมือทำทันที เช่นการสร้างโอกาส หาตลาดให้เกษตรกร ไม่ต้องผ่านคนกลาง ทำให้ชาวบ้านลงมือทำ สร้างโอกาสให้ประชาชน แม้จะเป็นพรรคใหม่ แต่พร้อมสู้อย่างสร้างสรรค์ เน้นการสร้างโอกาส ปากท้อง ช่องทางทำมาหากิน ซึ่งพรรคกล้าเชี่ยวชาญด้านนี้

หัวหน้าพรรคกล้า ย้ำว่า สิ่งที่พบคือความอึดอัดของชาวบ้านต่อประเด็นที่ขาดการดูแล ยังไม่นับรวมความอึดอัดกับสภาพบ้านเมืองโดยทั่วไป เพราะฉะนั้นเราก็พร้อมเป็นพรรคใหม่ เสนอตัวเป็นแนวทางสร้างสรรค์ ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ

ซึ่งผู้สมัครของเราลงพื้นที่ตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว ก็ได้รับการตอบรับอบอุ่นมาก และพรรคภาคภูมิใจที่ได้ส่งผู้สมัครคนแรกที่นครศรีธรรมราช สะท้อนความผูกพันกับชาวนครฯ และในอนาคตพรรคกล้าต้องการเป็นพรรคใหญ่ เป็นทางเลือกหลัก ซึ่งพี่น้อง 4 อำเภอ เขต 3 จะเป็นกลุ่มแรกได้พิจารณาผู้สมัครของพรรคกล้า

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวว่า แม้พรรคกล้าจะอายุไม่ถึง 1 ปี แต่ก็พร้อมชนทั้ง ส.ส.เก่าในพื้นที่ หรือจะรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐ เราพร้อมสู้นครศรีธรรมราชมีของดี แต่ที่จะเสียไปคือโอกาส ซึ่งพรรคกล้าจะนำเสนอของดีที่นครศรีธรรมราชมี และโอกาสที่เสียไปจากการเมืองเก่า

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่จริง ที่น่าเหลือเชื่อมากที่สุดคือมีพื้นที่ห่างจากตัวเมือง 10 กิโลกว่าๆ แต่น้ำประปายังไม่มี เรื่องเหล่านี้ถูกทอดทิ้งในนครศรีธรรมราช จึงต้องสร้างโอกาส ให้การเมืองใหม่ การเมืองที่ดี เริ่มที่นครศรีธรรมราช

กลุ่มราษฎรมาตามนัด จัดกิจกรรมตีหม้อต้านเผด็จการ ขณะที่ผู้ชุมนุมรายหนึ่งพ่นสีบนรั้วสกายวอล์ค จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมตัว

บรรยากาศบริเวณสกายวอล์ค แยกปทุมวัน ได้มีกลุ่มมวลชนทยอยมารวมตัวกัน หลัง น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำกลุ่มธรรมศาสตร์ และการชุมนุม แนวร่วมราษฎร ได้ประกาศนัดชุมนุมในเวลา 15.00 น. เป็นต้นไป

ทั้งนี้ได้มีผู้ชุมนุมหญิงรายหนึ่งได้ พ่นสีสเปรย์บริเวณรั้วบนสกายวอล์ค ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลความสงบในพื้นที่ ได้เข้าควบคุมตัวผู้ชุมนุมรายนี้

ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กล่าวว่า การจัดกิจกรรมขอให้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุมจะมีการเจรจากันอยู่แล้ว ถ้าขัดกฎหมายก็ต้องดำเนินคดีเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ฝากประชาชนที่จะมาชุมนุม ขอให้ระลึกถึงความสงบเรียบร้อย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกำลัง 5 กองร้อยเพื่อดูแลการชุมนุมในครั้งนี้


ที่มา: https://www.posttoday.com/politic/news/645040

ป.ป.ช. แจงยิบ เหตุส่งศาลฎีกาวินิจฉัยถอดถอน ‘ปารีณา’ จากตำแหน่ง ส.ส. ผิดจริยธรรมร้ายแรง กรณีรุกป่ากว่า 700 ไร่ ชี้ประพฤติตัวไม่เหมาะเป็นตัวแทนประชาชน

นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษก ป.ป.ช. แถลงว่า ตามที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวน เพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงกับ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ หลังจากยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเมื่อเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.ปรากฎรายการที่ดิน 29 แปลง พื้นที่รวม 853-0-73 ไร่ ใน อ.จอมบึง จ.ราชบุรี

ทั้งนี้ พยานหลักฐานจากข้อเท็จจริงปรากฏว่าที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตป่าและเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2548 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 1069 (พ.ศ.2527) ออกตามความใน พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 โดยในปี 36 และปี 37 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติให้กรมป่าไม้ส่งมอบพื้นที่ให้สำนักงานปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) ให้ไปดำเนินการปฏิรูปที่ดิน ต่อมาปี 54 มี พ.ร.ฎ.กำหนดให้พื้นที่ อ.รางบัว อ.จอมบึง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน และ ส.ป.ก.ให้เกษตรกรยื่นคำร้องขอเข้าทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว

จากการไต่สวนปรากฏว่า น.ส.ปารีณา ร่วมกับนายทวี ไกรคุปต์ บิดา เข้ายึดถือ ครอบครอง และทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐ พื้นที่จำนวน 711-2-93 ไร่ โดยเบื้องต้นได้กระจายการถือครองที่ดินดังกล่าวโดยอาศัยชื่อบุคคลอื่นมาถือครอง แต่ในปี 55 ได้มีการโอนกลับมาเป็นชื่อของน.ส.ปารีณา ทั้งหมด ต่อมา อบต.รางบัว ได้ยกเลิกการเก็บภาษีบำรุงท้องที่ดังกล่าว

เนื่องจากกรมการปกครองได้แจ้งให้ยกเลิกแบบแสดงรายการที่ดิน (ภ.บ.ท.5) เพราะเป็นที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติหรือที่สาธารณประโยชน์ที่ราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกัน แต่ น.ส.ปารีณา ก็ยังคงยึดถือ ครอบครอง และใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว โดยไม่มีสิทธิครอบครองและมิได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ และ ส.ป.ก.แต่อย่างใด

ในปี 55 - 62 น.ส.ปารีณา ได้ขออนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพต่อ อบต.รางบัว และใบรับรองมาตรฐานฟาร์ม “เขาสนฟาร์ม” และ “เขาสนฟาร์ม 2” บนที่ดินดังกล่าวต่อกรมปศุสัตว์ และในปี 61 ได้ยื่นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ปารีณา ไกรคุปต์ จำกัด เพื่อประกอบกิจการดังกล่าว

ต่อมาเมื่อวันที่ 25 พ.ค.62 น.ส.ปารีณา ได้เข้าปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. โดยยังคงยึดถือ ครอบครอง และทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐดังกล่าวโดยอ้างเอกสารแบบแสดงรายการที่ดินฯ (ภ.บ.ท.5) ทั้ง 29 แปลงที่ถูกยกเลิกไปแล้ว และมิได้รับอนุญาต

จนกระทั่งถูกตรวจสอบการครอบครองที่ดินจาก ส.ป.ก.และกรมป่าไม้ โดย ส.ป.ก.ได้แจ้งให้ น.ส.ปารีณา ส่งคืนที่ดินที่ครอบครอง และทำประโยชน์ดังกล่าวทั้งหมด อีกทั้งกรมป่าไม้ได้ร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ให้ดำเนินคดีอาญากับ น.ส.ปารีณา ในข้อหาบุกรุกที่ดินของรัฐ เป็นพื้นที่ 711-2-93 ไร่ และคำนวณค่าเสียหายเป็นตัวเงิน จำนวน 36,224,791 บาท

ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนแล้วเห็นว่า น.ส.ปารีณา เป็น ส.ส. ในฐานะผู้แทนของประชาชน ไม่ยึดถือระเบียบ หลักเกณฑ์ กฎหมาย และไม่ประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวกับเรื่องการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม

ซึ่งเป็นประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ หรือเกี่ยวกับการปฏิรูปที่ดินที่มีเจตนารมณ์เพื่อต้องการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบความเดือดร้อน และลดความเหลื่อมล้ำในฐานะของบุคคลในทางเศรษฐกิจและสังคม

ดังนั้น จึงมีมติว่า น.ส.ปารีณา ยึดถือ ครอบครอง และใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยมิชอบดังกล่าว เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีเป็น ส.ส.กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม อันถือว่ามีลักษณะร้ายแรง

และก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง อันถือว่ามีลักษณะร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ.2561 ข้อ 11 ข้อ 17 ประกอบ ข้อ 27 วรรคสอง ให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยต่อไป

โลกการศึกษาเริ่มผสมผสานระหว่างการเรียนในห้องเรียนและการเรียนทางไกลผ่านเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น

ปัจจุบันโลกการศึกษาเริ่มผสมผสานระหว่างการเรียนในห้องเรียนและการเรียนทางไกลผ่านเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น หลังจากที่อินเทอร์เน็ตกลายเป็นปัจจัยพื้นฐานของการเชื่อมต่อชีวิตผู้คน เช่นเดียวกันกับอุปกรณ์สื่อสารที่ทันสมัยไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ที่น้อยคนจะไม่มีติดตัว

การเรียนการสอนแบบออนไลน์ จึงกลายเป็นเรื่องที่หลายคนเริ่มจะคุ้นเคยมากยิ่งขึ้น แต่จะมีก็แค่เรื่องของการสอบเท่านั้น ที่ยังเป็นปัญหาอยู่ เพราะการจะจัดสอบออนไลน์ จำเป็นต้องพัฒนาระบบเครือข่าย อินเตอร์เน็ต-อุปกรณ์การสื่อสารของนักศึกษา และความสามารถในการตรวจสอบความโปร่งใส ที่ต้องซักซ้อมกันหนักพอดู

ทว่าเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้มีการจัดสอบออนไลน์ขึ้น โดยทางมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เป็นสถาบันแนวรุกที่พัฒนาการสอบออนไลน์อย่างจริงจังมาเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอนของตน

รองศาสตราจารย์ ดร.ปราณี สังขะตะวรรธน์ กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ รักษาการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้เล่าให้ฟังถึงแนวคิดในการเปิดสอบออนไลน์ว่า การเปิดสอบออนไลน์เป็นประโยชน์ในอนาคตต่อระบบการศึกษาไทย หากเริ่มตั้งแต่เนิ่นๆ โดยพบว่านักศึกษามากกว่า 80% ที่เข้าร่วมสอบให้การตอบรับเป็นอย่างดี...

"มหาวิทยาลัยสุโขทัยฯ ได้มีการจัดสอบออนไลน์มาแล้วถึง 7 ครั้ง ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2563 และล่าสุดในช่วงระหว่างวันที่ 30 - 31 ม.ค.2564 ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 7 ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี และพิเศษอย่างมากต่อทางมหาวิทยาลัย เพราะรอบนี้มีจำนวนนักศึกษาที่ลงทะเบียนสอบออนไลน์มากถึง 41,716 คน จนเรียกว่าเป็นการจัดสอบออนไลน์ที่มีจำนวนนักศึกษามากที่สุดในประเทศเลยก็ว่าได้"

"แน่นอนว่าการสอบออนไลน์เป็นเรื่องใหม่ ทำให้ทุก ๆ ครั้งที่มีการจัดสอบ จะต้องมีการจัดฝึกอบรมและซักซ้อมบุคลากรในการปฏิบัติงานคณะกรรมการคุมสอบให้มีศักยภาพและเป็นมาตรฐาน รวมถึงมีการเพิ่มช่องทางการติดต่อสื่อสารพิเศษในช่วงเวลาที่มีการสอบออนไลน์ ผ่านระบบคอลเซ็นเตอร์, ไลน์แอด และสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อช่วยเหลือนักศึกษาที่ประสบปัญหาในการสอบออนไลน์"

"ขณะเดียวกัน เรายังได้มีการจัดซ้อมการสอบเสมือนจริงให้กับนักศึกษาเพื่อทดลองใช้งานกับอุปกรณ์ และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับระบบการสอบออนไลน์ด้วย"

ทั้งนี้ จากการประเมินนักศึกษาที่ได้เข้าร่วมสอบออนไลน์ในแต่ละครั้ง มีจำนวนมากกว่า 80% ที่สามารถส่งคำตอบให้แก่คณาจารย์ได้แบบไม่ติดขัด ส่วนที่เหลือจะพบปัญหาด้านเทคนิค เช่น ระบบการลงทะเบียน นักศึกษายืนยันตัวตนไม่ผ่าน การหยุดชะงักของระบบระหว่างที่ทำข้อสอบ

รวมถึงปัญหาส่วนบุคคลที่เกิดจากคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กที่ใช้ในการสอบ ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต กล้อง ไมค์ ของนักศึกษา รวมไปถึงการจัดสภาพแวดล้อมในการสอบไม่เหมาะสม จนส่งผลต่อการก่อเสียงรบกวนให้ผู้สอบขาดสมาธิเอง

ทว่าทางมหาวิทยาลัย ก็ได้ติดตาม ช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นทันที อาทิ ได้ขยายเวลาในการสอบเพิ่มขึ้นให้เหมาะสมกับเวลาที่สูญเสียไป และอื่น ๆ

"ทุกๆ ครั้งของการสอบออนไลน์ ทางมหาวิทยาลัยจะติดตามช่วยเหลือนักศึกษาที่ประสบกับปัญหา อุปสรรคหรือเหตุขัดข้องในการสอบออนไลน์ อย่างกรณีรอบ 30 - 31 ม.ค.2564 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการสอบที่มีจำนวนผู้เข้าสอบมากที่สุด และเกิดปัญหาทางเทคนิคต่างๆ ทางฝ่ายบริหารมหาวิทยาลัย ก็ได้เร่งจัดประชุมปรึกษาหารือเพื่อหาทางชดเชยและเยียวยาโดยเร็วที่สุด"

"โดยขอความร่วมมือให้นักศึกษาที่ไม่สามารถเข้าสอบได้หรือมีปัญหาที่ไม่สามารถดำเนินการสอบได้สำเร็จแจ้งปัญหาที่พบระหว่างการสอบออนไลน์ พร้อมทั้งส่งหลักฐานภาพบันทึกหน้าจอผ่านทางแบบฟอร์มรายงานปัญหาของการสอบออนไลน์ของนักศึกษาที่หน้าเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย

ซึ่งในเบื้องต้นทางมหาวิทยาลัยได้เตรียมมาตรการจัดสอบทดแทนที่สนามสอบให้กับนักศึกษาที่เข้าระบบการสอบออนไลน์ไม่ได้หรือเข้าสอบได้แต่ไม่สามารถดำเนินการทำข้อสอบได้สำเร็จด้วยสาเหตุของระบบขัดข้อง ส่วนกำหนดการสอบที่สนามสอบมหาวิทยาลัยประกาศแจ้งให้นักศึกษาทราบผ่านทางเว็บไซต์มหาวิทยาลัยภายหลังจากนี้"

ทั้งนี้แนวคิดในการริเริ่มรูปแบบการสอบออนไลน์มาจากนโยบายของสภามหาวิทยาลัยและฝ่ายบริหารที่มีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาระบบการศึกษาทางไกลให้ก้าวทันโลกยุคดิจิทัล ยิ่งมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ความต้องการที่จะเข้าสอบออนไลน์มีมากขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจถึงความปลอดภัยและความสะดวกที่ไม่ต้องเดินทางไปในสถานที่สอบ

และประหยัดค่าใช้จ่าย เช่น กลุ่มนักศึกษาที่อยู่ต่างประเทศและกลุ่มที่ไม่สะดวกเดินทางไปยังสนามสอบ ทำให้ทางมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เดินหน้าจัดสอบออนไลน์และเชื่อมั่นว่าจะสามารถดูแลนักศึกษาได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งมีความโปร่งใสควบคู่กันไป

ปัจจุบันมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มีนักศึกษาปริญญาตรีราว 7 หมื่นคน ปริญญาโท 4 พันคน และปริญญาเอก 3 ร้อยกว่าคน ซึ่งในส่วนของการสอบออนไลน์ของชั้นปริญญาโทและปริญญาเอกในช่วงที่ผ่านมา ประสบปัญหาเพียงเล็กน้อย เช่น การส่งกระดาษคำตอบที่ต้องใช้เวลาในบางราย

รัฐบาล อุ้มประกันรายได้ข้าว ปรับเพิ่มวงเงินปี 63/64 รอบที่ 1 เพิ่มอีก 3,838 ล้านบาท รวมเป็น 50,646 ล้าน พร้อมเร่งหาตลาดส่งออกข้าวเพิ่ม แก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาด

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบการปรับเพิ่มวงเงินงบประมาณโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 รอบที่ 1 จาก 46,807.35 ล้านบาท

โดยเห็นชอบปรับเพิ่มอีก 3,838.92 ล้านบาท รวมเป็น 50,646.27 ล้านบาท และมอบหมาย ธ.ก.ส. และกระทรวงพาณิชย์ จัดทำรายละเอียด และงบประมาณตาม พรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 และให้กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ นบข. นำเสนอครม.ต่อไป

"นายกฯ ย้ำในที่ประชุมว่า สำหรับภาระงบประมาณที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี มอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หารือแนวทางปฏิรูป ขับเคลื่อนภาคการเกษตรเน้นสร้างความเข้มแข็งให้ภาคเกษตรกรโดยตรง แทนตัวสินค้าเกษตร มีแนวทางการพัฒนาอาชีพ โดยต้องมี Roadmap และ Action Plan ที่ชัดเจน"

อีกทั้งยังสั่งให้หารือถึงแนวทางการส่งออกข้าวไทยที่ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศผู้ส่งออกที่สำคัญว่า ให้ดูปัจจัยที่ทำให้ราคาข้าวผกผันเพื่อแก้ปัญหาให้ถูกวิธี กำหนดกรอบข้าวแต่ละประเภทเพื่อไม่ให้ผลผลิตล้นตลาด ทั้งประเภทพันธุ์ ราคา สัดส่วนชนิดข้าวที่ผลิต

ขณะที่ตลาดส่งออกข้าวไทยทั้งทวิภาคีและการขายตรงไปแต่ละประเทศ ให้พิจารณาเพิ่มตลาดกลางในกลุ่มประเทศต่าง ๆ เพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้าในภูมิภาคอื่น ๆ เรื่องการปัญหาการขาดแคลนตู้ขนส่งสินค้า ได้สั่งการทั้งกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง ให้แก้ปัญหาเรื่องตู้ขนส่งสินค้า ขณะนี้ปลดล็อกหลายอย่างแล้ว จึงขอให้ติดตามด้วยว่ามีจำนวนเพียงพอหรือไม่ โดยในส่วนของข้าวตลาดหลัก ข้าวตลาดเฉพาะในประเทศ ข้าวเพื่อสุขภาพ ข้าวอินทรีย์ ข้าวพื้นนุ่ม ต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจน

‘หมอยง ภู่วรวรรณ’ เผยสัญญาณสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มดีขึ้น ชี้ทั่วโลกได้ผ่านพ้นจากหุบเหว และกำลังวิ่งขึ้น หลังพบตัวเลขการติดเชื้อลดลงต่อเนื่อง จากวันละ 7 แสนราย เหลือ 3 แสนราย

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ (หมอยง) หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสเฟซบุ๊ก (Yong Poovorawan) ถึงสถานการณ์โควิดล่าสุด โดยระบุว่า

โควิด-19 ทั่วโลกกำลังโผล่จากหุบเหว

จากการฟันผ่ากับโควิด-19 มาเป็นเวลา 1 ปี ได้ผ่านพ้นจากหุบเหว และกำลังจะวิ่งขึ้นแล้ว หลังจากที่มาตรการในการควบคุมโรคด้วยวิถีชีวิตใหม่ และมีวัคซีนมาเสริม ตัวเลขของผู้ป่วยทั่วโลกได้สูงสุดในเดือนธันวาคม ก่อนปีใหม่ มีการป่วยสูงสุดวันละ 7 แสนราย ขณะนี้ผู้ป่วยต่อวันได้ลดลงมาก ตัวเลขผู้ป่วยต่อวันเหลือเพียง 3 แสนกว่าแล้ว แต่ของประเทศไทยอย่าให้เป็นขาขึ้นก็แล้วกัน

มีการพัฒนาวัคซีนมาใช้มากกว่า 10 ตำรับ และมีอัตราการให้วัคซีนพุ่งเป็นก้าวกระโดด ตัวเลขผู้ป่วยในประเทศตะวันตก เริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด

อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะต้องสู้กับไวรัส ก็คือไวรัสพยายามหลีกหนี ภูมิต้านทานของวัคซีน จะเห็นได้ว่ามีสายพันธ์ใหม่เกิดขึ้น สายพันธุ์อังกฤษ แอฟริกาใต้ และบราซิล สายพันธุ์แอฟริกาใต้และบราซิลเก่งในการหลบหลีกวัคซีนได้ดี

ล่าสุดมีการศึกษาขนาดเล็กในแอฟริกาใต้ ออกมาว่าประสิทธิผลของวัคซีน AstraZeneca ลดลงเหลือต่ำมาก อย่าบอกตัวเลขเลยนะ เป็นเหตุให้แอฟริกาใต้ได้รับวัคซีนไปแล้ว ระงับการฉีดวัคซีนไปก่อน รอข้อมูลเพิ่มวัคซีนที่ผลิตจำนวนมาก ตอนนี้ถ้าไม่รีบขาย ต่อไปก็จะต้องรีบวิ่งมาหาเราเองแน่นอน


#หมอยง

https://www.facebook.com/108692177438990/posts/248447860130087/?sfnsn=mo

พรรคเพื่อไทย ชี้ ไทยเข้าสู่ 'ภาวะกบต้ม' เพราะ 'ประยุทธ์' ไม่ฟังคำเตือน แถมดำเนินคดีคนเตือน ห่วง SMEs เจ๊งเพิ่ม ว่างงานพุ่ง ทำคดีอาชญากรรมสูงขึ้น แนะดูเมียนมาเป็นตัวอย่าง เข็ดกับเผด็จการจึงต้องต่อสู้

ตรีชฎา ศรีธาดา คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เผย กังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจไทย หลังรัฐบาลจ่ายเงินเยียวยาผ่านบัตรคนจนวันแรกแต่ระบบแอปพลิเคชันเป๋าตังกลับใช้งานไม่ได้ชั่วคราว เคยเตือนให้รัฐบาลเปลี่ยนวิธีมาจ่ายเงินสดก่อนระบบล่มแต่รัฐบาลยืนยันไม่เปลี่ยน หนี้สาธารณะทะลุ 8.13 ล้านล้านบาท ลางบอกเหตุ เชื่อเหตุการณ์นำพาประชาชนคนไทยสู่ 'สภาพกบต้ม' คนตกงานล้น - อาชญากรรมเกลื่อนเมือง แนะรัฐบาล - ปรับแผนรับมือ ก่อนคนจะออกมาไล่รัฐบาลแบบประชาชนพม่าบ้าง

ตามที่อัยการไม่ฟ้อง พิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจในคดี 'กบต้ม' ตามที่ คสช.ส่งคนมาฟ้อง เพราะทฤษฎีกบต้มนี้ เป็นทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ที่มีอยู่จริง โดยทฤษฎีอธิบายว่า ถ้าเอากบใส่เข้าไปในน้ำร้อน กบจะกระโดดออกทันที แต่ถ้านำกบใส่ในน้ำธรรมดาแล้วค่อย ๆ เร่งไฟ กบจะค่อย ๆ ปรับตัวตามความร้อนและเมื่อน้ำเดือดกบก็ตายโดยไม่ได้ทันกระโดดออก

จุดนี้เปรียบเหมือนกับ ‘ประเทศ’ หรือ ‘บริษัท’ ที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป แต่ทนอยู่ไปเรื่อย ๆ สุดท้าย ประเทศนั้นก็ต้องย่ำแย่หรือบริษัทนั้นก็ต้องแย่ไป

นี่เป็นคำเตือนที่พิชัย ได้เตือนไว้แล้วตั้งแต่ปี 2560 แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ หัวหน้า คสช. ในขณะนั้นไม่ยอมฟัง แถมยังส่งคนมาดำเนินคดีกับพิชัยเพราะกลัวความจริง

แต่วันนี้สถานการณ์ประเทศในปัจจุบันยิ่งกว่าสภาวะกบต้มเสียอีก เพราะเศรษฐกิจไทยทรุดหนักมาก ปีนี้บอกว่าฟื้น ก็ปรากฏว่าจะไม่ฟื้นได้มากอย่างที่คาดกัน โดยอาจจะฟื้นได้บ้างหรือไม่ฟื้นเลย คนจะลำบากกันอย่างมาก

บริษัทห้างร้านจะปิดตัวเพิ่มขึ้นอีกมาก หลังจากที่ปิดไปแล้ว ซึ่งหาก พล.อ.ประยุทธ์จะรับฟังคำเตือนของพิชัยและนำมาแก้ไขได้ทัน ประชาชนคงไม่เผชิญกับสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างที่เป็นอยู่นี้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจถ้าเก่งจริงป่านนี้ก็คงไม่ตกสภาพเจ๊งขนาดนี้

"สภาวะกบต้มที่เกิดกับประเทศที่ชัดเจนที่สุดคือ เมียนมา เพราะหลังจากถูกทหารยึดอำนาจมานานเป็นสิบๆ ปี จากที่เคยมีศักยภาพกลับต้องถอยหลังสู่สภาพแย่ที่สุดในอาเซียน แต่พอเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยประเทศพม่าก็พัฒนาขึ้นมาเร็วได้ หนนี้เมื่อทหารปฏิวัติอีก ประชาชนเมียนมา จึงต้องออกมาประท้วงต้านเผด็จการทหารเพราะไม่อยากกลับไปอยู่อย่างเดิม

ขณะที่ประชาชนไทยตอนนี้ ก็คงได้รู้ซึ้งถึงความล้มเหลวของการบริหารประเทศของรัฐบาลทหารที่อยู่ยาว 6 - 7 ปีผ่านมาเป็นอย่างไรการพลาดจากเสือตัวที่ 5 มาเป็นแมวที่ 6 อาจถึงขีดสุดที่คนไทยต้องออกมาเรียกร้องไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ทั้งประเทศบ้างจะได้ไม่อายเมียนมา" ตรีชฎา กล่าว.


ที่มา: https://www.voicetv.co.th/read/RdaRWAycn?fbclid=IwAR2O8QxSRxhkPhtnpzqEJsld-_1OjUGD_1Utfzt0kbkCtjsbyzm8_JVcnF4

‘พรรคก้าวไกล’ ส่งทีมงานยื่นฟ้อง ‘วรงค์ เดชกิจวิกรม’ และ ‘ณฐพร โตประยูร’ ฐานหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหายคนละ 24 ล้านบาท พร้อมเรียกร้องให้ หยุดพฤติการณ์อันเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายอีก

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล, นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก และ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคก้าวไกล เดินทางมาเป็นตัวแทนในนาม “พรรคก้าวไกล” เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดี 2 สำนวน สำนวนแรกฟ้องต่อ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ผู้ก่อตั้งพรรคไทยภักดี เป็นจำเลย

ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กับอีกสำนวนฟ้องต่อ นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นจำเลย ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และแจ้งหรือกล่าวหาอันเป็นความเท็จว่าพรรคการเมืองกระทำความผิดกฎหมายพรรคการเมือง ตามมาตรา 101 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า "คดีฟ้อง นพ.วรงค์ ฟ้องการกระทำเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2564 และเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2564 คือการแถลงข่าวและการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว มีลักษณะก่อให้เกิดความเสียหายต่อพรรค พรรคจำเป็นต้องปกป้องสิทธิ เกียรติยศชื่อเสียงของพรรค และสมาชิกพรรคที่ได้รับผลกระทบจากการให้ข้อมูลดังกล่าว เราจะฟ้องเป็นคดีอาญา เรียกค่าเสียหายในทางแพ่ง จำนวนเงิน 24,062,475 บาท และเรียกร้องให้ นพ.วรงค์ หยุดพฤติการณ์อันเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายอีก"

ส่วนคดีที่สอง ฟ้องนายณฐพรที่อ้างเคยเป็นที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวหาพรรคก้าวไกลละเมิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายที่เกี่ยวข้องกับความผิดฐานหมิ่นประมาท ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน

และข้อหาตามมาตรา 101 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง คือกล่าวหาพรรคการเมืองโดยรู้อยู่แล้วว่าข้อความดังกล่าวเป็นเท็จ เราเรียกร้องให้หยุดการกระทำดังกล่าว และเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง จำนวนเงิน 24,062,475 เช่นเดียวกัน พรรคก้าวไกลฟ้องเป็นการปกป้องสิทธิของพรรค ไม่ให้บุคคลทั้งสองทำแบบนี้อีกกับบุคคลอื่นหรือพรรคการเมืองอื่น อันเป็นการทำลายสถาบันทางการเมือง ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยที่มีการติชมด้วยความเหมาะสม

ผู้สื่อข่าวถามว่าคำฟ้องเรียกร้องเฉพาะค่าเสียหายหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เป็นเรื่องของคดีอาญา ข้อหาทั้งหมดมีโทษจำคุกด้วย อย่างไรก็ตามเป็นขั้นตอนกระบวนการของศาล เรามีหน้าที่พิสูจน์ความเป็นจริงให้ศาลเห็นว่าเราได้รับผลกระทบเป็นผู้เสียหายอย่างไร ความผิดฐานหมิ่นประมาท เมื่อวานนี้ (10 ก.พ.) พรรคก้าวไกลยื่นแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพราะเรามองว่าการแสดงความคิดเห็นที่ถูกต้องเหมาะสมสามารถกระทำได้ แต่ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่น เมื่อมีกระบวนการของศาลแล้วในอนาคตเป็นเรื่องของศาล เราหวังเพียงว่าจะได้รับการคืนความเป็นธรรม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top