Thursday, 26 June 2025
Politics

'เศรษฐา' จะไม่ปล่อยมาเฟียครอบงำการทำงานของตำรวจ ขู่!! ถ้าเจอทุจริตฟันไม่เลี้ยงตั้งแต่ข้างบนถึงข้างล่าง 

(12 ก.ย. 66) ที่รัฐสภา นายเศรษฐาทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าหลัง พ.ต.อ.วชิรา ยาวไธสงค์ ผกก.2 บก.ทล. ยิงตัวเองเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งเกี่ยวเนื่องคดีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงตำรวจ 2 นาย กลางงานเลี้ยงในบ้านพักของนายประวีณ หรือ กำนันนก ที่ จ.นครปฐม ว่า หลังจากที่เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (11 ก.ย.) ได้มีการพบกันกับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ทางผบ.ตร.ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรม แล้วบอกว่าวันเดียวกันนี้ กองพิสูจน์หลักฐาน จะมีผลที่สรุปค่อนข้างได้แน่นอนว่าเกิดจากอะไรในคดีการยิงตัวตายของ พ.ต.อ.วชิรา ตรงนี้ต้องให้ความสนใจ และเมื่อช่วงค่ำวานนี้ ตนได้พูดคุยกับผบ. ตร.อีกครั้ง ซึ่งผบ. ตร.ได้ยืนยันว่าในช่วงก่อนเที่ยงของวันนี้จะมีการแถลงข่าวเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าผลเป็นอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะที่กำกับดูแลคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) จะให้ความมั่นใจกับข้าราชการตำรวจได้อย่างไร ว่าจะไม่มีอิทธิพลเข้ามาครอบงำ หรือทำให้การทำงานมีปัญหา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนได้พูดย้ำในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไปแล้วด้วย ทั้งเรื่องอิทธิพลของกลุ่มทุน มาเฟีย หรือกลุ่มอิทธิพลต่างๆ เราไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว และเป็นเรื่องที่ประชาชนมีความกังวลอย่างมาก และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมาย รับเป็นสิ่งที่เรายอมรับไม่ได้

"และเป็นสิ่งที่เราจะต้องไม่ยอมรับต่อไป และผมขอให้คำมั่นว่าจะจัดการอย่างเต็มที่ จะทำทุกอย่างเท่าที่มีอำนาจ จะไม่ปล่อยให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นอีก และจะบริหารจัดการอย่างถูกต้องเด็ดขาด และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย"นายเศรษฐา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะดูแลข้าราชการตำรวจอย่างไร ตั้งแต่ระดับบนถึงระดับล่าง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เพราะเรื่องแบบนี้ ถ้าหัวไม่ใส่หางจะไม่กระดิก นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนเข้าใจในความเป็นห่วง แต่ขอนิดนึง เพราะตนก็เพิ่งจะสั่งการได้เมื่อวานนี้เป็นวันแรกหลังการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ก็ทำงานทันที และเข้าใจว่าตั้งแต่ข้างบนลงมาข้างล่าง ส่วนไหนมีปัญหาก็ต้องบริหารจัดการกันไป รับรองได้ว่าถ้าหากเจอเรื่องทุจริต ประพฤติมิชอบ จะจัดการทันที

‘ประชัย’ แนะรัฐบาล ออก ‘พรก.กู้เงินสาธารณะ’ ใช้แจกเงินดิจิทัล เงินหมุน 8 รอบ GDP อาจโตถึง 5% ยัน!! วิธีนี้เป็นประโยชน์ต่อชาติ 

(12 ก.ย. 66) ในช่วงรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กำลังอยู่ระหว่างแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งประเดิมที่มีการพูดถึงกันมากที่สุด ก็คือนโยบายการแจกเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท

คำถามก็คือ รัฐบาลจะเอาเงินมาจากไหน สถานะการเงินการคลังของประเทศจะเป็นอย่างไร เพราะการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยนั้น จะต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 500,000 ล้านบาท

มีความเห็นจากกกูรูเศรษฐกิจ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่าง ‘คุณประชัย เลี่ยวไพรัตน์’ บอสใหญ่แห่งทีพีไอ ให้ข้อคิดเห็นและเสนอแนะถึงนโยบายนี้เอาไว้อย่างเฉียบคม ว่า…

“รัฐบาลต้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ‘แบงก์ชาติ’ ออกบัตร 500,000 ล้าน โดยรัฐบาลต้องออกเป็นพระราชกำหนดให้สามารถกู้เงินสาธารณะ เป็นหนี้สาธารณะได้มากกว่า 60% จากนั้นรัฐบาลก็สามารถกู้เงินจากแบงก์ชาติ โดยดอกเบี้ยอาจจะอยู่ที่ 0% หรือ จุด 1% เพื่อนำเงินไปชำระหนี้ในการนี้โดยตรง”

คุณประชัย ยืนยันว่า ถ้ารัฐบาลเลือกตั้งใช้วิธีนี้ ก็จะถือเป็นประโยชน์กับประเทศไทยอย่างมหาศาล

“เงิน 500,000 ล้านบาท จะหมุนไป 8 รอบ มูลค่าจะเพิ่มเป็น 4 ล้านล้านบาท ทำให้รัฐบาลเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้ 280,000 ล้านบาท บวกภาษีเงินได้ของประชาชน บริษัท ห้างร้าน โรงงาน รวมแล้วได้มากกว่า 500,000 ล้านบาท รัฐบาลจึงไม่เสียหาย หนี้สาธารณะอาจไม่ถึง 60% ก็ได้ เพราะ GDP อาจเพิ่มจาก 3% เป็น 4%-5% ทำให้ไม่เสียวินัยการเงินการคลังเลยแม้แต่น้อย”

นอกจากนี้ คุณประชัย ยังย้ำเตือนว่า “ถ้ารัฐบาลยังยึกยักคิดหาช่องทางอื่น ก็อาจจะเป็นช่องทางที่ทำให้เกิดขบวนการคอร์รัปชันโกงกินได้ เงินดิจิทัล 10,000 บาท เมื่อนำไปแลกค่าเงินอาจไม่ถึง 5,000 บาท… ระวังกันไว้”

'ศาสตรา' ชี้!! ท่องเที่ยวไทย 8 เดือนแรก โกย นทท.18 ล้านแล้ว แนะ!! จากนี้รัฐต้องเกาให้ถูกที่คัน อย่าเดินผิดทาง เป้าหมายไม่หลุด

(12 ก.ย. 66) นายศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา เขต 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘นายศาสตรา ศรีปาน - Sarttra Sripan’ ถึงสภาพการท่องเที่ยวไทย 8 เดือนแรกของปี 2566 ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาทะลุ 18 ล้านคนแล้ว โดยระบุว่า…

#ท่องเที่ยวไทยลุงตู่ทำไว้8เดือนแรก18ล้านคนจะทะลุเป้าแล้ว เมื่อวานผมได้ฟังนายกฯ ได้แถลงนโยบายเรื่องการท่องเที่ยว เนื่องจากมีเวลาที่จำกัดผมจึงไม่ได้อภิปราย 

ผมจึงขอเพิ่มเติมดังนี้

ด่านยังมีปัญหาเรื่องการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว และประชาชนคนไทย ยังมีการเรียกเก็บส่วยเข้าออก ? 

ค่าเหยียบแผ่นดินที่สามารถ นำเม็ดเงินมหาศาลเข้าประเทศได้ เป็นค่าประกันรักษา บำรุงธรรมชาติ รวมถึงนำมาใช้เพื่อซ่อมแซ่ม สร้างสถานที่ท่องเที่ยวใน จ.สงขลา และทั่วประเทศ (ดูแลการท่องเที่ยวไทยด้วยตัวเอง) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งตัดสินใจ

Soft power ผมรู้สึกว่ารัฐให้ความสนใจมากแต่ยังเดินผิดทาง การทำงานยังไม่มีกึ๋นเท่าไหร่ โฆษณาแบบ direct sale ไม่ใช่การสอดแทรก ซึมซับ แทรกซึม ซึ่งถ้านำเอาไอเดียความสามารถในคนของเราที่เก่งด้านนี้จริง ๆ ที่เป็นสายครีเอทีฟ ทำหนัง ละคร ทำเพลง บวกงบประมาณจากรัฐลงไปมากกว่านี้ สามารถทำให้การท่องเที่ยวไทยไปไกล

Visa ฟรี ในประเทศที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย เห็นด้วย แต่ต้องระวังผลกระทบที่ตามมา ด้านความมั่นคง คุณเศรษฐาต้องป้องกัน ทุนจีน ที่มาทำการท่องเที่ยวในไทยที่เราเรียก ‘ทัวว์ศูนย์เหรียญ’ รอยรั่วของการท่องเที่ยวไทย เงินไม่ตกถึงมือชาวบ้าน

ควรมี Visa ตามเทรนด์ เช่น workation visa 2 ปี คนมาทำงานด้วยพักผ่อนด้วย กรุงเทพคือเป้าหมายอันดับ 1 ของโลก แต่ visa ไม่อำนวยให้นักท่องเที่ยวอยากมา

ควรมี T visa (อันนี้ผมไปดูของเกาหลีมา ใช้ชื่อ K visa) เป็นวีซ่าที่ ให้คนสนใจมาเรียนรู้วัฒนธรรม เกาหลี 2 ปี เช่นเต้น k pop เรียนร้องเพลง เพิ่มยอดนักท่องเที่ยว ของเราก็มวยไทยไง production เราก็สุดเบอร์ แต่ราคาถูกมาก ถ้าดึงทั้งฝั่ง Southeast Asia เข้ามาที่นี่ประเทศไทย จะเกิดเงินหมุนเวียนมหาศาล

‘Sharing economy’ เช่น grab ผู้มีอำนาจควรฟันธงได้แล้ว

Home stay หรือ โรงแรมขนาดเล็ก ควรให้โอกาส Airbnb ควรผลักดัน หรือไม่? เพราะเงินเข้ากระเป๋าชาวบ้านโดยตรง

สร้างสนามบินอย่างเดียวไม่ได้ช่วยให้การท่องเที่ยวดีขึ้น อย่างเต็มประสิทธิภาพ ต้องทำทั้งระบบร้อยเรียงกัน หันมาดูคนตัวเล็ก ผับ บาร์ สถานบันเทิง ความปลอดภัย

ให้ความสำคัญจริง ทำให้จริง เกาให้ถูกที่คันครับ ตั้งเป้าหมายให้ไกลกว่านี้เพื่อเอาเงินเข้าประเทศปากท้องเศรษฐกิจไทยดีขึ้น ที่ตั้งเป้าไว้ 20-25 ล้านคนยังไงก็เกินเป้า #เพราะที่ลุงตู่ทำไว้8เดือนแรกปีนี้ก็18ล้านคนเข้าไปแล้ว

‘บิ๊กทิน’ เข้า ‘กลาโหม’ วันที่ 13 เวลา 13.13.13 น. พร้อมสักการะศาลหลักเมือง-สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในกระทรวงฯ

(12 ก.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 13 ก.ย.66 นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหมจะเข้ากระทรวงเป็นวันแรก โดยเดินทางมายังศาลหลักเมืองในเวลา 12.45 น. เพื่อทำพิธีสักการะศาลหลักเมือง จากนั้นเดินทางเข้าไปภายในกระทรวงกลาโหม เพื่อถวายสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาลาว่าการกลาโหม

จากนั้นขบวนรถ รมว.กลาโหม จะเคลื่อนขบวนจากศาลหลักเมือง เข้าประตูหน้ากระทรวงกลาโหม โดยมีทหารกองรักษาการ ยืนแถวจากนั้นให้พลแตรเป่าเคารพ ขณะที่รถของรมว.กลาโหม เคลื่อนเข้าประตูกระทรวงกลาโหม ในเวลา 13 นาฬิกา 13 นาที 13 วินาที (13.13.13. น.) 

เวลา 13.45 น. พิธีถวายราชสักการะและถวายสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในศาลาว่าการกลาโหม

เวลา 14.00 น. พิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสม 3 เหล่าทัพ ณ ลานอเนกประสงค์ ในศาลาว่าการกลาโหม

เวลา 14.30 น. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับฟังการบรรยายสรุปภารกิจของกระทรวงกลาโหม ณ ห้องภาณุรังษี

จากนั้นจะเดินทางไปยังกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน) ปากเกร็ด เพื่อไปถวายสักการะ พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่5 

สำหรับนายสุทิน คลังแสง เป็นรมว.กลาโหม ตั้งแต่ พ.ศ. 2475 ที่เรียกว่า รมว.กลาโหม เป็นคน 42 เพราะก่อนหน้าเป็นเสนาบดีกลาโหม เป็น รมว.กลาโหมพลเรือนคนที่ 6 ต่อจากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตรมว.กลาโหม

'รมช.คลัง' รับ!! เงินไม่พอทำ 'สวัสดิการถ้วนหน้า' ชี้!! 'ภาษีที่จัดเก็บได้ยังห่างไกล-รัฐต้องคุมวินัยคลัง'

(12 ก.ย.66) ที่รัฐสภา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ลุกขึ้นชี้แจงถึงนโยบายพักหนี้เกษตรกร ในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า เรื่องการเกษตรเป็นเรื่องสำคัญ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งแรก จะมีเรื่องการพักหนี้เข้าสู่ที่ประชุมเป็นเรื่องเร่งด่วนจะทำให้ได้ในไตรมาสสี่ปีนี้ โดยเป็นการพักหนี้ทั้งต้นและดอก พร้อมแผนสร้างรายได้ การปรับเปลี่ยนโครงสร้างปลูกและผลิตตามที่ตลาดโลกต้องการ และการพักหนี้ทั้งต้นทั้งดอกนี้จะทำให้เกษตรกรมีแรงทำมาหากินสร้างรายได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และไม่เสียวินัยการเงินการคลัง เช่น การใช้ปุ๋ยตามการวิเคราะห์ดิน ลดจำนวนปุ๋ยเคมีและเพิ่มผลผลิตเพื่อเพิ่มรายได้ ส่วนเรื่องการใช้ดาต้าเข้ามาสนับสนุนการเพาะปลูกนั้น เราจำเป็นต้องถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เกษตรกรปรับใช้ให้มีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการให้ความรู้เกษตรกรทั่วไป

นายกฯ กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นเรื่องหมูเถื่อนที่เข้ามานั้น ตนได้รับฟังปัญหานี้มาก่อนแล้วเป็นปัญหาใหญ่ที่ลามไปทั่วประเทศจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือเพื่อหาแผนสั่งการต่อไป ขณะที่เรื่องของรายได้ครูและข้าราชการนั้นถือเป็นภาคส่วนสำคัญในการดูแลประชาชน ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญ และรับปากว่าจะไปดูแลเรื่องรายได้ให้เหมาะสมกับงบประมาณโดยรักษาไว้ซึ่งวินัยการเงินการคลัง

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงว่า การแก้ปัญหาการพักหนี้เกษตรกร สมาชิกหลายท่านอภิปรายให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ตนในฐานะรมช.คลัง รวมถึงนายกฯ เน้นย้ำการเดินหน้าเรื่องการพักหนี้ เราเตรียมการล่วงหน้าไปมากแล้ว โดยเชื่อมั่นว่าภายในไตรมาสนี้จะเดินหน้าแก้ปัญหาเรื่องการพักหนี้เกษตรได้ การพักหนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะต่อชีวิตให้พี่น้องภาคการเกษตร หลังจากนั้นรัฐบาลจะมีโครงการอีกจำนวนมาก พร้อมกับวางเป้าเพิ่มมูลค่าทางเกษตรภายใน 4 ปี เพื่อให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้อย่างแท้จริง รวมถึงจะมีการเจรจาการค้าเอฟทีเอกับหลายๆประเทศเพื่อเปิดประตูการค้า เพราะรัฐบาลมองสถานการณ์เอญนีโญที่จะเกิดขึ้นเป็นโอกาส เพราะจะเกิดภาวะขาดแคลนด้านอาหารจำนวนมากในโลก ถ้าประเทศไทยสร้างความแข็งแกร่งด้านการเกษตรได้ เราจะกลับมาเป็นครัวโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ เกษตรกรจะลืมตาอ้าปากได้

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการพูดถึงสวัสดิการถ้วนหน้า เราต้องตื่นจากความฝันและอยู่กับความเป็นจริง เนื่องจากจีดีพีของไทยต่ำกว่าประเทศที่ทำสวัสดิการถ้วนหน้ามาก ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในสภาวะที่การจัดเก็บภาษี ยังไม่สามารถอยู่ในจุดที่เราจะทำสวัสดิการถ้วนหน้าได้จริงๆ เราเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลกันมาช่วงหนึ่ง ทราบดีว่าข้อจำกัดคืออะไร ตนอยากถามกลับว่าหากท่านต้องการให้ทำสวัสดิการถ้วนหน้า ท่านคาดว่าจะเอางบประมาณมาจากไหน หรือท่านจะเอาเงินมาจากการขายทรัพย์สินของรัฐมาทำสวัสดิการถ้วนหน้า หรือจะขายกองทุน กู้แบงก์ แต่สำหรับรัฐบาลนี้เราตระหนักเรื่องวินัยการเงิน การคลัง ฉะนั้น เราคงจะทำแบบนั้นไม่ได้

“ด้วยภาระของรัฐบาลปัจจุบันหากทำสวัสดิการถ้วนหน้าจะเกิดปัญหาขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้ ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีงบประมาณมากเพียงพอ ที่จะรองรับการจัดสวัสดิการถ้วนหน้า สิ่งสำคัญที่ทุกท่านทราบคือรัฐจะต้องจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น ยืนยันว่ารัฐบาลมีความตั้งใจเดินหน้าสวัสดิการโดยรัฐให้กับประชาชนในระดับที่เหมาะสม และจะทำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน” รมช.คลัง กล่าว

‘สุริยะ’ เร่งผลักดันนโยบาย 'รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย’ ทุกเส้นทาง ภายใน 3 เดือน ขอนำร่อง ‘สายสีม่วง-แดง’ ก่อน ส่วนที่เหลือขอเวลา 2 ปี

(12 ก.ย.66) ที่รัฐสภา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ชี้แจงกรณีรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภา วันที่ 2 ว่า นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นนโยบายที่จะทำให้เกิดเป็นรูปธรรมได้แน่นอน ส่วนระยะเวลาที่เห็นผลเป็นรูปธรรมนั้น เนื่องจากแต่ละเส้นทางมีระบบแตกต่างกัน ทั้งเรื่องการให้สัมปทานเอกชน บางเส้นทางรัฐดำเนินการเอง หรือบางเส้นทางให้ กทม.ทำ ดังนั้น การให้เก็บ 20 บาทตลอดสาย เท่ากันทุกเส้นทาง ต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะต้องใช้เวลาเจรจาและวางระบบเทคนิคการทำตั๋วร่วมเป็นระบบเดียวกัน ต้องวางระบบคอมพิวเตอร์ให้เทคนิคเหมือนกัน ทั้งนี้ เส้นทางที่รัฐจะดำเนินการได้เองคือ สายสีแดงกับสายสีม่วง จะดำเนินการทันที เพราะกระทรวงคมนาคมทำเอง ภายใน 3 เดือน ประชาชนจะได้ใช้รถไฟฟ้า 2 เส้นทางนี้ 20 บาทตลอดสาย

"ภายใน 2 ปี ประชาชนจะได้ใช้รถไฟฟ้าทุกเส้นทาง 20 บาทตลอดสาย การที่ไม่สามารถเห็นผลได้ทันที เพราะต้องใช้ระยะเวลาในการเจรจา และวางระบบตั๋วร่วม นโยบายนี้จะทำเพื่อคนทุกกลุ่ม นอกจากช่วยคนรายได้น้อย ยังช่วยให้คนใช้รถยนต์มาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น ลดปัญหามลพิษ" นายสุริยะ กล่าว

รมว.คมนาคม กล่าวต่อว่า ส่วนการคำนวณราคาค่าโดยสารนั้น ขอยกตัวอย่าง หากอยู่รังสิตจะมากรุงเทพฯ ชั้นใน ที่สยาม ก็สามารถนั่งรถไฟฟ้าสายสีแดงมาลงที่สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ มาต่อสายสีน้ำเงินที่จตุจักร และต่อสายสีเขียวไปที่สยาม จากปัจจุบันค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 108 บาท แต่ถ้านโยบายสำเร็จ จะจ่ายค่าโดยสารแค่ 20 บาทตลอดสาย

'สรรเพชญ' สับรัฐบาลไม่จริงใจ 'กระจายอำนาจ' ไม่เห็นหัวท้องถิ่น  ชี้!! แค่ปล่อยวาทกรรมประชาธิปไตยอำพราง หวังคะแนนเสียง

เมื่อวันที่ 12 ก.ย.66 ที่อาคารรัฐสภา นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้ร่วมอภิปรายวาระเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2562 โดยระบุว่า...

“ต้องขอเรียนกับทุกท่านด้วยความเคารพอย่างตรงไปตรงมาว่า จากที่ได้อ่าน ได้ฟังนโยบาย เหมือนจะดูดี เหมือนจะเคลิบเคลิ้มตาม ว่านี่คือทิศทาง แนวทางการบริหารงานของท่าน ที่จะมาแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน แต่ภายใต้คำที่สวยหรู กลับเห็นอนาคตที่มืดมน ไร้ทิศทาง ในหลายๆ นโยบายที่ท่านได้หาเสียงไว้ เมื่อขมวดมาแล้ว กลับเห็นแต่นามธรรมกว้าง ๆ จับต้องไม่ได้”

สรรเพชญ ระบุต่อว่า “เท่าที่ทราบมา หลักการของการ กระจายอำนาจ คือ การลดบทบาท อำนาจภารกิจ หน้าที่ของรัฐส่วนกลาง รวมทั้งรัฐส่วนภูมิภาคลง และเอาอำนาจนั้นไปเพิ่มศักยภาพให้กับท้องถิ่น ทั้งในเรื่องงบประมาณ และทรัพยากรให้เขาสามารถดูแลตนเอง แต่เมื่อฟังท่าน แถลงนโยบายเรื่องผู้ว่า CEO  แล้ว เหมือนเป็นการสนับสนุนต่อยอดการกระจายอำนาจของไทยให้พัฒนาขึ้น แต่ผมคิดว่าตรงนี้ท่านอาจเข้าใจผิด สับสน หรืออาจแกล้งสับสน ที่กระผมพูดเช่นนี้ เพราะว่า แนวคิดเรื่องผู้ว่า CEO มันคือโลกคู่ขนานที่ไม่มีทางมาบรรจบกัน ไม่เชื่อท่านลองขีดเส้น 2 เส้นดู อย่างที่ผมนำเรียนครับ มันเป็นคนละเรื่อง คนละหลักการกัน เนื่องจากแนวคิดเรื่องผู้ว่า CEO คือ การบริหารงานแบบเอกชน แบบบริษัท ที่รวมศูนย์อำนาจการตัดสินใจไว้ที่เบอร์หนึ่งของจังหวัด อำนาจรัฐที่มันกระจุกตัวไปที่ผู้ว่า CEO เช่นนี้ มันไม่ใช่การกระจายอำนาจ หากแต่มันเป็นการขยายอำนาจรัฐส่วนกลาง ไปสู่ส่วนภูมิภาคให้กว้างขึ้น”

นายสรรเพชญ ได้กล่าวต่อว่า “มาถึงตอนนี้เราสามารถสรุปได้ไหมครับ ว่านโยบายหาเสียงของท่านมันเป็นเพียงวาทกรรมประชาธิปไตยอำพราง เพื่อคะแนนเสียง เพราะท่านบอกว่าจะท่านจะเลือกตั้งผู้ว่าในจังหวัดที่มีความพร้อม ท่านบอกว่าท่านจะยกระดับพื้นที่เพื่อเป็นเขตเศรษฐกิจใหม่ ๆ แต่ภายหลังที่ท่านได้รับโอกาส ให้จัดตั้งรัฐบาล กลับไม่ปรากฏนโยบายเหล่านี้ ในการแถลงของท่านแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำท่านยังจะทำเรื่องที่ตรงกันข้าม ไม่ต่อยอดการกระจายอำนาจไม่ว่า แต่ท่านกลับกระจุกอำนาจ และรวมศูนย์อำนาจ ให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดอีกครั้ง กระผมชักไม่แน่ใจ หากจะใช้คำว่า ‘โกหกประชาชน’ ได้หรือไม่ หรือคำว่า ‘โกหก’ มันอาจน้อยไปสำหรับท่าน”

นายสรรเพชญได้ยกตัวอย่างสถิติงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้เห็นความพยายามผลักดัน การกระจายอำนาจในประเทศไทย ผ่านการจัดสรรงบประมาณสู่ท้องถิ่น โดยกล่าวว่า “ผมอยากให้ดูสถิติที่น่าสังเวชใจครับท่านประธาน เกือบ 30 ปี ที่เรามุ่งผลักดันการกระจายอำนาจมา เราสามารถจัดสรรงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ไม่ถึง 30% ของรายได้สุทธิของรัฐบาล ซึ่งแท้ที่จริงแล้วความมุ่งหมายของกฎหมายกระจายอำนาจต้องการให้ทะลุเพดาน คือ 35% สิ่งที่ท่านกลัว คือ ท่านกลัวว่าถ้ากระจายอำนาจให้ท้องถิ่น คือความสุ่มเสี่ยงที่จะเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นมีการทุจริตคอรัปชั่นมากขึ้น แต่จากฐานข้อมูลงานวิจัยในปี 2564 พบว่าการทุจริตของ อปท. นั้นสร้างความเสียหายน้อยกว่าส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และรัฐวิสาหกิจ ขณะที่งบการเงินของท้องถิ่นได้รับการรับรองจาก สตง. ในสัดส่วนที่สูงกว่าภาครัฐ / รัฐวิสาหกิจ ด้วยซ้ำไป” 

อย่างไรก็ตาม นายสรรเพชญกล่าวในตอนท้ายโดยสรุปว่า "ตนยังมีความหวังอยู่ริบหรี่ ว่าสภาร่างรัฐธรรมนูญ ที่อาจจะเกิดขึ้นในไม่ช้าไม่นานนี้ จะนำเอาวาระเรื่องการกระจายอำนาจ เข้าไปเป็นวาระหลักวาระหนึ่ง ในการจัดทำรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นหลักประกันว่าท้องถิ่นในยุคต่อไปจะได้รับการเอาใจใส่ และมีการพัฒนาแบบก้าวกระโดด”

วัดใจ 'ครม.เศรษฐา 1' มุ่งแก้ 'ปากท้อง-ค่าครองชีพ' ทำได้ไว ไม่ติด แต่พันธกิจล้าง 'ผู้มีอิทธิพล-นักการเมืองตัวดี' ห้ามปล่อยไหล

สำหรับ นายหัวไทร ในนาทีนี้ นโยบายที่อยากให้รัฐบาลทำให้เข้มข้นจริงจัง และ ด่วนที่สุด คือ การปราบปรามยาเสพติด การลักลอบค้าของเถื่อน-หนีภาษี ปราบการทุจริตคอร์รัปชันในทุกระดับ (ทั้งระดับนโยบาย-ปฏิบัติการ) ทำอย่างไรการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐตั้งแต่หน่วยงานเล็ก ๆ ระดับจังหวัด กรม กอง / อบต.เทศบาล อบจ.จะปราศจากการล็อกสเปก เล่นพรรคเล่นพวก / ฮั้วประมูล / เงินทอน ฯลฯ

ยิ่งปัญหาการพนันออนไลน์ ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย นี่แหละที่เป็นที่มาของการสร้างผู้มีอิทธิพล

ไม่ต้องพูดถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน เพราะถือเป็นเรื่องเร่งด่วนอยู่แล้ว ส่วนน้ำมันแพงก็เป็นปัญหาพื้นฐานที่รัฐจะต้องเข้าไปรื้อโครงสร้างโน้นนี้นั้น เชื่อว่าไม่ยากที่จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงมาได้ เช่น โครงสร้างภาษี ค่าการคลั่น การนำเข้า-ส่งออก

เรื่องรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นเรื่องที่นักการเมืองไปหาเสียงรับปากกับประชาชนไว้เอง จะตั๋วใบเดียวขึ้นได้ทุกสายหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของฝ่ายการเมืองที่จะต้องคิดแก้อยู่แล้ว แต่งานนี้ไม่อยากให้รัฐบาลควักเงินภาษีของคนทั้งประเทศ มาชดเชยการเดินทางของของคนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ใครกินใครใช้ก็คนนั้นจ่าย แต่ต้องในอัตราที่เป็นธรรม ส่วนจะทำอย่างไร จะคุยกับเอกชนแบบไหน เป็นหน้าที่ของรัฐบาล เพียงแต่ไม่อยากให้เอาเงินภาษีของคนทั้งประเทศมาจ่ายแทนชดเชยให้เอกชน และรัฐบาลหยิบเอาไปอ้างเป็นผลงาน มันไม่ใช่ฝีมือครับ

เรื่องราคาสินค้าเกษตร ที่นายกรัฐมนตรี 'เศรษฐา ทวีสิน' พูดเองว่าจะไม่ใช้ประกันรายได้ตามนโยบายประชาธิปัตย์ และจะไม่รับจำนำ เหมือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่ไม่ได้บอกว่าจะใช้มาตรการอะไร นอกจากพักหนี้พักดอก 'นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้' มันดูหลักลอยไปหน่อยกับการเล่นคำ สินค้าเกษตร 5 ตัวหลัก ข้าว, ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์, มันสัมปะหลัง, ยางพารา, ปาล์มน้ำมัน คือพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศ รัฐบาลจะใช้นวัตกรรมอะไร มาสร้างเสริม เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ไม่มีการบอกกล่าว

ปัญหาบางปัญหาเกี่ยวโยงกับนักการเมือง หรือพูดง่าย ๆ ว่า นักการเมืองนั่นแหละคือตัวดี ทำเสียเอง จึงเป็นปัญหาที่ยากต่อการแก้ไข

เอาแค่นี้ก่อน จริง ๆ มีปัญหาอีกมากมายที่คาราคาซังมายาวนาน แต่ขาดการเอาใจใส่ดูแลและแก้ไข เพราะบางปัญหามัน 'หยิกเล็กก็เจ็บเนื้อ'

‘ดร.อนันต์’ ชื่นชม ‘ณัฐพล ก้าวไกล’ อภิปรายดี จบด้วยประโยคกินใจ ไม่ผิดหวังที่นั่งฟังจนจบ

(13 ก.ย. 66) ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักวิจัยด้านไวรัสวิทยา ไบโอเทค โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

"เนื้อหามีเหตุมีผล มีตรรกะให้คนฟังตามได้แบบไม่หลุด มีการให้ตัวอย่างประกอบชัดเจน มีการเสนอวิธีการแก้ไข วิพากษ์วิจารณ์ได้ตรงประเด็นแต่ไม่ก้าวร้าว จบการอภิปรายด้วยคำที่กินใจ...วันนี้ผมให้คะแนน สส. ท่านนี้สูงสุด ไม่ผิดหวังที่นั่งฟังจนจบ"

'ปิยบุตร' ติง 'ก้าวไกล' มุ่ง 'ประดิษฐ์โวหาร-อ่านโพย' มากไป แต่ยังดีมี 5 สส.โดดเด่น รอติดตามอภิปรายงบฯ ต่อ

(13 ก.ย. 66) นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แสดงความคิดเห็นภายหลังการประชุมร่วมรัฐสภา ที่เปิดให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 วันที่ 11-12 กันยายน โดยเฉพาะการทำหน้าที่ของ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในการจัดเตรียมข้อมูลอภิปรายการแถลงนโยบายของ ครม.

นายปิยบุตรระบุว่า ขอตรวจการบ้านพรรคก้าวไกลในการอภิปรายการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี

3 ข้อชม

1.การแบ่งธีมประเด็นการอภิปรายเป็นหมวดหมู่ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ทำกันมาตั้งแต่สมัยที่แล้ว
2.การสร้าง สส. ให้เป็นตัวแทนของแต่ละประเด็น ในอนาคตคงจะเห็น สส. อีกหลายคนขึ้นมาเติมในแต่ละประเด็นอีก
3.การเตรียมเนื้อหาและการจัดทำข้อเสนอต่อรัฐบาลอย่างเป็นระบบ

2 ข้อติ

1.รอบนี้ติดใช้สำนวนโวหาร ตอด แซะ มากจนเกินไป การประดิษฐ์โวหารเพื่อดึงความน่าสนใจต้องมีอยู่บ้าง แต่ไม่ควรยึดเป็นเรื่องนำจนมากลบเนื้อหาหมด ต้องคิดจากเนื้อหาก่อน อย่าไปหลงคิดแต่ว่าต้องมีคำโวหารอะไรที่ฟาด ที่ปัง ที่สื่อจะเอาไปพาดหัวขยายผล

2.อ่านบทอภิปรายที่เตรียมมามากจนเกินไป จนไม่เป็นธรรมชาติ มี สส.ประมาณ 3 คนเท่านั้น ที่อภิปรายไหลลื่นโดยไม่ต้องจดจ่ออยู่กับกระดาษ หรือคอมพิวเตอร์

ส่วน สส.ที่อภิปรายได้ดี ถ้าจัดได้ 5 คน (โดยตัด 3 สส.มืออภิปรายประจำของพรรคออกไปก่อนคือ ศิริกัญญา รังสิมันต์ วิโรจน์)

ก็ได้แก่

พริษฐ์ วัชรสินธุ
ชัยธวัช ตุลาธน
ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์

รอติดตามการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ต่อไปครับ คาดว่าจะมี สส. หน้าใหม่แจ้งเกิดได้อีก อยากฝาก สส.ก้าวไกล ให้ลดเลิกความคิด ต้องหามุขหาคำให้ฟาดให้ปังลงไปบ้าง ถ้าเนื้อหาดีเสียอย่าง อย่างไรก็ปังโดยตัวมันเอง

แล้วก็พยายามลดเลิกการอ่านโพย ถ้าเราอินกับประเด็นนั้น ๆ ทำความเข้าใจมาอย่างดี ตระเตรียมมาเอง อย่างไรก็พูดได้จำได้ครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top