Friday, 27 June 2025
Politics

‘บิ๊กป้อม’ ต้อนรับ ‘สวี่ กานลู่’ รมช.ความมั่นคงฯ จีน หารือแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์-ยาเสพติด-ค้ามนุษย์

(8 ส.ค. 66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้การต้อนรับ นาย สวี่ กานลู่ รมช.กระทรวงความมั่นคงสาธารณะและผู้บังคับการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมคณะฯ ณ ห้องรับรอง รอง นรม. ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

พล.อ.ประวิตร ได้แสดงความยินดีและให้การต้อนรับ นายสวี่ กานลู่ (H.E. Mr. Xu Ganlu) ที่ได้เดินทางมาเข้าพบและเป็นการเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งไทย-จีน มีความสัมพันธ์อันดี และมีพัฒนาการที่ดีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงกลับมาเป็นปกติ ภายหลังสถานการณ์ โควิด-19 คลี่คลาย

ในขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร ยังได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์อุทกภัยในประเทศจีน เนื่องจากพายุฝนที่กรุงปักกิ่งและมณฑลเหอเป่ย เชื่อมันว่าภายใต้การบริหารงานที่มีประสิทธิภาพของรัฐบาลจีน จะสามารถช่วยเหลือประชาชนและฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับคืนสู่ภาวะปกติได้โดยเร็ว

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้ยินดีที่ทั้งสองประเทศ มีความร่วมมือด้านความมั่นคงและการบังคับใช้กฎหมายที่ใกล้ชิด ซึ่งไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจผิดกฎหมาย ทั้งปัญหาคอลเซ็นเตอร์, การพนันออนไลน์, ยาเสพติดและการค้ามนุษย์ โดยไทยยินดีให้ความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและความมั่นคง เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ต่อไป

ทางด้านนาย สวี่ กานลู่ ได้กล่าวขอบคุณ พล.อ.ประวิตรที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และขอบคุณรัฐบาลไทยที่สนับสนุนการทำงานร่วมกันกับเจ้าหน้าที่จีนที่ผ่านมาด้วยดี และยินดีที่จะสนับสนุนส่งเสริมการแก้ไขปัญหาร่วมกันเกี่ยวกับปัญหาคอลเซ็นเตอร์, การพนันออนไลน์, ยาเสพติด และการค้ามนุษย์ ซึ่งจีนให้ความสำคัญมาโดยตลอด รวมถึงความร่วมมือกับไทยในการป้องกันด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ด้วย ซึ่งจะเป็นการส่งสริมความสัมพันธ์อันดี ‘ไทย-จีน’ ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น ต่อไป

‘รองโฆษก ปชป.’ เตือนสติ ‘แก๊งทะลุวัง’ งดหยาบคาบ-รุนแรง ชี้!! ‘ภาพ-เสียง’ ว่อนออนไลน์ อาจย้อนกลับมาทำร้ายในอนาคต

(8 ส.ค. 66) นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ให้ความเห็นต่อกรณีพฤติกรรมการแสดงออกทางการเมืองกับผู้เห็นต่างของกลุ่มเยาวชนที่เรียกตนเองว่า ‘กลุ่มทะลุวัง’ โดยเฉพาะภาพที่ปรากฏต่อสาธารณะในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ที่ทำให้สังคมส่วนใหญ่รับไม่ได้กับพฤติกรรมความหยาบคาย และมีการคุกคามผู้เห็นต่างในรูปแบบต่าง ๆ กัน รวมถึงมีการใช้ความรุนแรงในรูปแบบการปาข้าวของ กีดขวางการเดินทาง และทำลายสถานที่ราชการ

นางดรุณวรรณ กล่าวต่อด้วยว่า ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิคิดต่าง แต่ต้องมีการแสดงออกอย่างเคารพสิทธิ เสรีภาพ ของผู้อื่นด้วยจึงจะได้ชื่อว่าเป็นนักประชาธิปไตยโดยแท้จริง พฤติกรรมของกลุ่มทะลุวังเมื่อวานนี้ (7 ส.ค.66) ทำให้มีผู้ได้รับผลกระทบจากการคุกคาม รวมถึงสื่อมวลชนบางส่วนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่รายงานสถานการณ์ไปยังสาธารณะชน

ทั้งนี้จึงอยากฝากไปถึงเยาวชนกลุ่มทะลุวังว่า พฤติกรรมการแสดงออกที่แสดงถึงความหยาบคาย คุกคาม ใช้ความรุนแรง ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ เมื่อกระทำแล้วต้องยอมรับให้ได้ว่าไม่ว่าในโลกความจริงหรือโลกดิจิทัล การกระทำมีผลของมันเสมอ สิ่งต่าง ๆ ที่เยาวชนกลุ่มนี้ตัดสินใจทำลงไป ไม่ว่าจะมาจากแรงจูงใจใด หรือมีใครอยู่เบื้องหลังก็ตาม ท้ายที่สุดจะกลายเป็น Digital Footprint คือ รอยเท้าบนโลกดิจิทัลทิ้งร่องรอยไว้บนโลกโซเชียลแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่ทั้งตนองและผู้อื่นเอาไปนำเสนอไว้ ตามมาหลอกหลอน ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของตนเองในอนาคตได้

“นอกเหนือจาก Digital Footprint ที่เยาวชนกลุ่มนี้ต้องเผชิญแล้ว การกระทำบางอย่างที่ทำเกินขอบเขตของกฎหมายก็ต้องถูกเอาผิด รับโทษทัณฑ์ เสียโอกาส หมดอนาคตได้ด้วยเช่นกัน จึงอยากแนะนำว่าพฤติกรรมการใช้ความรุนแรง อาจสร้างความสนใจได้แค่เพียงช่วงสั้น ๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของตนเองได้ในระยะยาว” นางดรุณวรรณ กล่าวย้ำ

เปิดแรงบันดาลใจ ‘บุ้ง เนติพร’ แห่งกลุ่มทะลุวัง ‘ช่อ พรรณิการ์ วานิช’ คือคนที่ทำให้ตาสว่าง

(8 ส.ค. 66) จากเพจ ‘เชเนเวอร์ดาย สบ๊ายสบาย’ ได้โพสต์เรื่องราวของ ‘บุ้ง เนติพร’ นักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง สมาชิกกลุ่มทะลุวัง ถึงจุดเริ่มต้นในการต่อสู้ทางการเมืองผ่านการสัมภาษณ์ของบุ้งในรายการ ‘Friends Talk’ ว่าคนที่ทำให้เธอตาสว่างคือ ‘ช่อ พรรณิการ์ วานิช’ ไว้ว่า…

บุ้งทะลุวัง มีพี่น้อง 3 คน เธอเป็นคนกลาง

พี่สาวเป็นทนายความ ส่วนบิดาเป็นผู้พิพากษา เคยถูกทหารยิง กระสุนเข้าท้องและทะลุออกหลังในเดือนพฤษภาคม 35

บุ้งเคยเป็นหนึ่งในคณะกรรมการนักเรียนในระหว่างศึกษาที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า

โบพี่สาวบุ้งเคยให้สัมภาษณ์ว่า “บุ้งเรียนก็เก่ง กิจกรรมก็ไม่แพ้ใคร” พร้อมกับบอกว่า สิ่งหนึ่งที่พ่อกับแม่เห็นตรงกันเกี่ยวกับบุ้งคือ การเลี้ยงดูให้น้องเป็นคนมีความมั่นใจและกล้าแสดงออก

บุ้งสอบเข้าโรงเรียนเตรียมน้อมฯ ได้เอง และผลการเรียนก็อยู่ในเกณฑ์ดีมาก 3.8, 3.9 และ 4.0 สลับกันไป กิจกรรมในโรงเรียนก็ไม่ขาด ถ้าเธอตัดสินใจทำอะไรก็จะต้องทำให้สำเร็จไม่ยอมละทิ้งความพยายามไว้กลางทาง

ทั้งนี้ นัยของ ‘ตาสว่าง’ ที่บุ้งกล่าวถึงนั้น มาจากแรงทวิตเตอร์กับการอภิปรายของ ‘ช่อ พรรณิการ์’ โดยอ้างอิงได้จากคลิปเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2022 >> เริ่มนาทีที่ 12:30 >> คลิปสัมภาษณ์เต็ม : https://www.youtube.com/live/1M3LFDKbxZc?feature=share

'สุหฤท' โพสต์คอมเมนต์ถึง 4 ฝ่าย "เรามาถึงจุดตกต่ำอะไรได้ขนาดนี้"

(8 ส.ค. 66) นายสุหฤท สยามวาลา นักธุรกิจและนักจัดรายการชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘DJ Suharit Siamwalla’ ระบุว่า...

ความเห็นสามสี่ข้อดังนี้ (มีหลายข้อนะอ่านเพลิน)

แด่กลุ่มทะลุวัง

จะโกรธอะไรแค่ไหนก็ประท้วงแบบคนที่เจริญแล้วก็ได้ มีคนโกรธร่วมด้วยมากมาย ความหยาบคายจะกลบทุกอย่างลงสิ้น ตอนนี้หยาบเกินบรรยายจร้า ไม่มีประโยชน์นะ ลองหาครีเอทีฟสร้างสรรค์เก่ง ๆ ในกลุ่มดู

แด่เพื่อไทย

ไม่รู้ว่ามาถึงจุดนี้ได้อย่างไรเลย คืองงมาก ๆ งงแบบที่สุด ผมไม่ติดด้วยถ้าจะได้นายกจากเพื่อไทย จริง ๆ นะ ถ้ามันสง่างามมีคลาสกว่านี้ แต่ถ้าทำเพื่อให้ทักษิณกลับบ้านให้ได้ คุณทักษิณก็โหดเหี้ยมเกินเบอร์มากๆ มีอีกกี่ชีวิตในเพื่อไทยหรือคนที่รักที่แบกคุณเขาจะโกรธแค้นอ่ะ งง มากจริง ๆ มึนสุด มันไม่ใช่การพูดหลอกการหาเสียงนะ มันคือคำสัตย์ที่สัญญาไว้

แด่ผู้รักลุง

มีแต่คนด่าเพื่อไทย แต่ถ้าพรรคของลุงมาร่วมกับเพื่อไทยจริง ๆ ผมก็ว่าน่าละอายมาก ๆ มากที่สุด มันไม่มีชัยชนะอะไรเลยนะ เราอยู่บนรัฐบาลที่ตั้งขึ้นด้วยกลอุบายตั้งแต่แรก จะรักกันร่วมกันบริหารเพื่อประเทศอย่างไรอ่ะ งงมาก ๆ อึนสุด ๆ นอกจากจะสะใจที่หลอกเพื่อไทยสำเร็จ การบริหารงานราชการช่างแม่ง

แด่ก้าวไกล

คุณไม่ใช่เทวดามาจากไหนนะ มันไม่มีเทวดาที่จะอยู่ในนรกได้ อยู่ในการเมืองไทยเป็นเทวดาไม่ได้เพราะมันคือนรกที่แฝงอำนาจที่หอมหวน จงเป็นมนุษย์ที่เข้าใจมนุษย์ที่กำลังอยู่ในนรก แบบประชาชน มนุษย์แบบก้าวไกลต้องมีจุดยืนที่น่ายกย่อง สัญญาไว้สามร้อยอย่างถ้าทำสำเร็จ 299 อย่าง พลาดข้อเดียวก็ยังดี น่าจะรู้ว่าข้อไหน และโปรดรังเกียจพรรคที่บอกว่ายังไงกูก็ไม่เอาก้าวไกลแบบเหมารวม มันไร้เหตุเกินไป

ใครไม่งง กูงงครับ ว่าเรามาถึงจุดตกต่ำอะไรได้ขนาดนี้

จากผมที่เป็นมนุษย์ที่อยู่ในนรกการเมืองไทย ทุกคนอยู่กลุ่มความเชื่อไหนก็ตามจะรู้สึกแย่หมด

สุหฤท สยามการเมืองไทยหมดศักดิ์ศรีสิ้นแล้ว

'อ.ไชยันต์' เปรียบการเมืองเนเธอร์แลนด์ แล้วย้อนดูการเมืองไทย พรรคคะแนนสูง แต่ไม่เกินครึ่งสภา อกหักเป็นเรื่องธรรมดา

(8 ส.ค.66) ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความในหัวข้อ 'ในเนเธอร์แลนด์ พรรคการเมืองอะไรที่พรรคอื่น ๆ ไม่อยากยุ่งด้วย' ว่า...

"ดูการเมืองเนเธอร์แลนด์ แล้วย้อนดูการเมืองเรา"

โดย Luket Chusorn นักศึกษาชาวเนเธอร์แลนด์ เชื้อสายไทย เผยว่า...

หากการทำนายผลเลือกตั้งถูกต้อง พรรค PVV (พรรคเพื่อเสรีภาพ : Partij voor de Vrijheid) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัด จะกลายเป็นพรรคที่ได้ สส. มากที่สุด แต่ไม่เกินครึ่งในสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งที่จะมาถึง 

และนั่นไม่ได้หมายความว่า พรรค PVV จะได้จัดตั้งรัฐบาลโดยอัตโนมัติ 

ตรงกันข้าม โอกาสที่ PPV จะได้จัดตั้งรัฐบาลหรือร่วมรัฐบาลมีน้อยมาก เพราะไม่มีพรรคใหญ่ไหนอยากร่วมงานกับ PVV 

ถึงแม้ ดูเหมือนว่า พรรค VVD (พรรคประชาชนเพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตย : Volkspartij voor Vrijheid en Democratie) จะเปิดทางไว้บ้าง เพราะเนื่องจากหลักของพรรค VVD เห็นว่า 'ไม่ควรประกาศล่วงหน้าว่าจะไม่ร่วมมือกับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง' ก็ตาม

แต่จริง ๆ แล้ว VVD และพรรคการเมืองแนวเสรีนิยมอื่น ๆ ต่างพยายามหาทางกำจัด PVV ให้เร็วที่สุด 

ไม่น่าเป็นไปได้ที่ PVV และ VVD จะได้เสียงข้างมากในรัฐสภาร่วมกัน 

เพราะทันทีที่พรรคของ Geert Wilders หรือ PVV ถูกเขี่ยออกไป การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีที่แท้จริงก็จะเริ่มขึ้น

ปรากฏการณ์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกในประเทศเนเธอร์แลนด์ 

เพราะในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ผลการเลือกตั้ง พรรค PvdA (พรรคแรงงาน : Partij van de Arbeid) ก็ได้เป็นพรรคที่มี สส. มากที่สุดสองครั้ง แต่ก็ยังต้องลงเอยเป็น 'ฝ่ายค้าน'

แต่กระนั้น พรรค PVV ก็ไม่ได้กังวลอะไรกับการที่ไม่ได้เป็นรัฐบาล

เพราะ Geert Wilders หัวหน้าพรรค PVV เชื่อว่า การที่พรรคของเขาถูกขัดขวางทางการเมือง ก็ยิ่งจะทำให้พรรค PVV ของเขาได้รับความนิยมมากขึ้น

‘บิ๊กป้อม’ ชื่นใจ!! คนพปชร. อวยพรวันเกิดครบ 78 ปี ขอคนในพรรครักกัน ผลักดันพรรคเป็นสถาบันการเมือง

(8 ส.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พรรคพปชร. จัดประชุมคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) กรรมการยุทธศาสตร์ และ สส.พรรค พปชร.เพื่อรับทราบรายงานการประชุมพรรค ครั้งที่ 2/2566 เรื่องการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 9-10 ส.ค. รวมถึงกำหนดแนวทางการทำกิจกรรมของพรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ ที่พรรคพปชร.ว่าก่อนเริ่มการประชุม พล.อ.ประวิตร ได้เป่าเค้ก ที่สมาชิกพรรคเตรียมไว้อวยพรวันเกิดคล้ายวันเกิดล่วงหน้า อายุครบ 78 ปี วันที่ 11 ส.ค. โดยมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา เลขาธิการพรรค และอดีตผู้สมัครสส.กทม.ร่วมร้องเพลงอวยพรวันเกิด โดยพล.อ.ประวิตร ยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี และกล่าวว่า “ขอให้พรรครักกันทุกคนเป็นหนึ่งเดียว เพื่อทำให้พรรคเป็นสถาบันการเมืองต่อไป” 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการตั้งรัฐบาล พล.อ.ประวิตร กล่าวตัดบทว่า “ไม่ต้องถามแล้วครับ” ก่อนเดินเลี่ยงขึ้นห้องประชุมสส.

ขณะที่บริเวณโถงด้านล่างของอาคารที่ประชุม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน มาสังเกตการณ์ดูแลความเรียบร้อย หลังมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มต่าง ๆ ในช่วงเวลานี้

‘วิษณุ’ ชี้!! หาก ‘ก้าวไกล’ จะเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ‘หมออ๋อง’ ต้องไขก๊อกรองประธานสภา

(8 ส.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน เนื่องจากรัฐธรรมนูญระบุห้ามไม่ให้ สส.ในพรรคการเมืองที่มีสมาชิกเป็นรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรดำรงตำแหน่งดังกล่าว ว่า แม้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลจะถูกหยุดปฎิบัติหน้าที่ แต่ยังไม่ถือว่าพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน จึงยังแต่งตั้งไม่ได้ ตอนนี้ต้องรอให้รู้ก่อนว่า พรรคไหนเป็นพรรคร่วมรัฐบาลบ้าง เนื่องจากผู้นำฝ่ายค้านต้องมาจากพรรคที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาล และต้องเป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุดในฝ่ายค้าน

เมื่อถามถึงกรณีของนายปฏิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ที่เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ทำให้พรรคก้าวไกลเป็นผู้นำฝ่ายค้านไม่ได้ เนื่องจากแย้งกับรัฐธรรมนูญ นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้าจะต้องเป็นผู้นำฝ่ายค้านก็ต้องลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ

เมื่อถามว่า หากนายพิธาต้องหลุดจาก สส. พรรคก้าวไกลต้องเปลี่ยนหัวหน้าพรรคใช่หรือไม่ นายวิษณุ ยอมรับว่าใช่

เมื่อถามว่า การที่ยังไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ทำให้หลายฝ่ายกังวลเรื่องปีงบประมาณที่จะล่าช้าออกไป นายวิษณุ กล่าวว่า ก็น่ากังวล เพราะปกติในช่วงนี้งบประมาณปี 67 จะเข้าสภาฯ จนกระทั่งจวนจะพิจารณาเสร็จอยู่แล้ว แต่การที่ยังไม่มีรัฐบาลใหม่ ทำให้ไม่มีคนมาทำงบประมาณ และกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามา สมมุติได้รัฐบาลใน ก.ย. กว่าจะทำงบประมาณได้ต้องแถลงนโยบายให้เสร็จก่อน อาจจะอยู่ในช่วงปลายก.ย.หรือต้น ต.ค. แล้วต้องใช้เวลาอีก 1 เดือนในการทำงบประมาณ ทำให้งบประมาณ ปี 67 เข้าสภาประมาณ พ.ย. - ธ.ค. แล้วต้องใช้เวลาอยู่ในสภาอีก 3 เดือน จังหวะนั้นจะพอดีกับการทำงบประมาณในปี 68 ทำให้งบประมาณสองปีซ้อนกัน เมื่อถามว่า มีการประเมินหรือไม่ว่าจะทำให้เกิดความเสียหายมากน้อยเพียงใด นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะไม่ได้ประเมิน ต้องให้ภาคเอกชนเขาประเมินแล้วกัน

‘สมศักดิ์’ ร่วมถก ‘ป.ป.ส.-ตร.’ หาแนวทางขจัดยาเสพติด เล็งใช้มาตรการยึด-อายัดทรัพย์ควบคู่แผนปราบปราม

(8 ส.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และอดีตรมว.ยุติธรรม พร้อมด้วยนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานยุทธศาสตร์การเกษตร พรรคเพื่อไทย นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และ พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 ได้หารือกับ สส.พรรคเพื่อไทย เพื่อรับฟังความคิดเห็นถึงแนวทางการปราบปรามยาเสพติดภายใน 1 ปีของพรรคเพื่อไทย

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จากที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงนโยบายการปราบปรามยาเสพติดให้หมดไปภายใน 1 ปีนั้น วันนี้ตนจึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามยาเสพติด มาอธิบายถึงแนวทางการปราบปรามยาเสพติดที่ผ่านมา เพื่อให้สส.พรรคเพื่อไทยได้ช่วยกันแสดงความคิดเห็น ก่อนจะนำไปปรับเป็นนโยบายที่จะใช้ปราบปรามยาเสพติดภายใน 1 ปี 

ทั้งนี้ สส.พรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่ได้สะท้อนว่าอยากให้พรรคเพื่อไทยมีมาตรการที่เด็ดขาดแบบในสมัยรัฐบาลอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่สามารถปราบปรามยาเสพติดได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงอยากให้ช่วยแก้ปัญหาที่ต้นตอ อย่างผู้มีอิทธิพลในแต่ละพื้นที่ด้วย ขณะเดียวกันก็เห็นด้วยที่จะเดินหน้ามาตรการยึด อายัดทรัพย์เครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด แต่อยากให้ทำควบคู่กับมาตรการปราบปรามด้วย 

ด้านนายปิยะศิริ กล่าวว่า การยึดอายัดทรัพย์เครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด ถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยแก้ปัญหายาเสพติดได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยไม่ต้องใช้ความรุนแรง แต่เราใช้มาตรการยึดทรัพย์ไปกดดันเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด อย่างปี 2562 ยึดอายัดทรัพย์ได้เพียง 956 ล้านบาท แต่หลังมีกฎหมายยาเสพติดใหม่ เพิ่มมาตรการยึดทรัพย์ ทำให้ปี 2564 ยึดอายัดได้ 7,346 ล้าน ปี 2565 ยึดอายัดได้ 11,003 ล้านบาท และปี 2566 ยึดอายัดได้มากกว่า 20,000 ล้านบาทแล้ว จะเห็นได้ว่าแนวทางการยึดอายัดทรัพย์ เห็นผลอย่างชัดเจน จึงควรส่งเสริมแนวทางนี้ ในการปราบปรามยาเสพติดต่อไป 

พล.ต.ต.ธนรัชน์ กล่าวว่า ปัจจุบันขบวนการค้ายาเสพติด ได้หันมาใช้ระบบขนส่งเป็นจำนวนมากขึ้นแล้ว เพราะมีความสะดวก และมีหลากหลายวิธี แต่หลังมีกฎหมายยาเสพติดใหม่ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการจับกุมพร้อมขยายผลไปสู่การยึดทรัพย์ได้เป็นจำนวนมาก โดยจะไม่ใช่ยึดทรัพย์ซึ่งหน้าเท่านั้น แต่จะคำนวณมูลค่าของยาเสพติด ที่ขนส่งในอดีตมาคำนวณยึดทรัพย์ย้อนหลังด้วย ทำให้มาตรการยึดทรัพย์น่ากลัวสำหรับผู้ค้ายาเสพติดเป็นอย่างมาก 

อุทาหรณ์ 'นักเลงคีย์บอร์ด' หมิ่น 112 'ในหลวง ร.๙-ร.๑๐' ยังรอด!! หลังพ่อแม่ให้ 'ยอมรับผิด' เพราะหวั่น!! ทนายนำ 'ภา' ไปหาคุก

เห็นสภาพการเดินเกมรุกของบรรดาด้อมส้มสามกีบในช่วงนี้ ที่แบ่งระดับตามสายตาเป็น 3 ระดับ ตั้งแต่ ระดับรุกไล่เชิงการภายก่อภัยคุกคามสถานที่สาธารณสุข และที่ส่วนบุคคล (พรรคเพื่อไทย) โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตึงใส่เรียบร้อย

ระดับอินฟลูเอ็นเซอร์ผู้ดำเนินรายการ ก็เริ่มโนประชาชี หรือคนมีบารมีทางสังคมเริ่มไม่อ่อนข้อ (วันก่อนโดนลุงสนธิประกาศฟ้องรายการแฮชแตก!!) 

และมาถึงลำดับของประชาชน หรือพวกเยาวชนนักเลงคีย์บอร์ดที่ชอบป้ายสีข้อมูลเท็จลงออนไลน์ โดยเฉพาะการบิดเบือนเรื่องของสถาบันฯ ก็ต้องบอกว่า กระบวนการยุติธรรมที่เห็นเงียบ ๆ แต่ฟาดที ฟาดเรียบ...

โดยทั้งหมดทั้งมวล ต้องขอบอกว่า ถ้าเข้าหมวดหมิ่น ให้ร้ายป้ายสี อย่างมีเจตนา ก็ไม่มีหัวเรือด้อมส้มสามกีบคนไหนช่วยได้ แม้แต่สัมมาชีพที่ขึ้นชื่อเป็น 'ทนาย' ก็ตาม

ล่าสุดมีเรื่องสั้นเสียงจากแฟนคลับ ได้ส่งกรณีศึกษาหนึ่งมายังทีมข่าวการเมือง THE STATES TIMES ให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับพวกหมิ่น ม.112 แบบไร้สติและไร้ข้อมูล ฟังเขาเล่ามาแล้วก็มาถ่มถุยหลังคีย์บอร์ด ให้อ่านไปสยองไปสักเรื่อง

เรื่องนี้มาจากคุณญ่า ซึ่งมาทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในฐานะประชาชนไทย #สืบพยานในคดี ม.112

ตัวละครเคสนี้...

ฝั่งโจทก์ มี 'คุณญ่า' เป็นผู้อยู่ในบัญชีพยานฝั่งโจทก์ลำดับที่ 3 ตามมาด้วย คุณลุงเจ้าของบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง (ขอสงวนนาม) เป็นพยานลำดับที่ 1 ในฐานะผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ และมีคุณน้า ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่อีกแห่ง (ขอสงวนนาม) เป็นพยานที่ 2

ส่วนผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลย คือ ผู้สาวอายุเพียง 26 ปี ได้โพสต์และแชร์ข้อความกล่าวหาด้วยความเท็จใส่ร้ายเรื่องการใช้ภาษีของในหลวง ร.9 ว่าด้วยเรื่องโครงการพระราชดำริ และกล่าวหาใส่ร้ายด้วยความเท็จว่า ร.10 ว่าทรงเอาเครื่องบินไปของการบินไทยไปใช้ส่วนพระองค์และเอาไปจอที่วังสวนจิตร 

แน่นอนแหละว่าจำเลย 'ปฏิเสธ' ทุกข้อกล่าวหาในชั้นพนักงานสอบสวน

และเมื่อวาน (8 ส.ค.66) ณ ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ก็ได้มีการสืบพยานฝั่งโจทก์นัดแรก ซึ่งฝั่งโจทก์ก็ได้ทนายจำเลยของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน อย่าง 'อานนท์ นำภา' เป็นทนายความให้

ทว่า ตัวจำเลย (สาววัย 26) พ่อแม่จำเลย ทนายจำเลย อัยการ และพยานโจทก์ ได้บังเอิญเจอกันก่อนศาลจะออกพิจารณา

พีก!! ตรงพ่อแม่จำเลย ดันจำพยาน คือ คุณลุงและคุณน้าได้ว่าเป็นเจ้าของตึกอาคารสำนักงาน ที่บริษัทตัวเองได้ทำงานอยู่สิบกว่าปี (สยอง!!)

ว่าแล้วพ่อแม่จำเลย ก็รีบตรงปรี่เข้ามาไหว้สวัสดี และสอบถาม พยานฝั่งโจทก์...

เรียบ ๆ เคียง ๆ แล้ว ก็พอได้ใจความว่า "อยากจะขอคุยกับอัยการและศาล เพื่อเปลี่ยนใจให้ลูกสาวรับสารภาพ เพราะดูจากสำนวนและพยานที่มาให้การแล้ว 'ไม่น่าจะรอด' ถ้าสู้ตามทนายสามกีบแนะนำ"

สรุป!! ยังไม่ทันได้สืบพยาน พ่อแม่จำเลยเห็นพยานแล้วถอดใจไม่เชื่อทนาย ขอปรึกษาอัยการและศาลให้ลูกสาวให้การเป็นขอสารภาพ

เฮ้อ!! ทนายนำภาไปหาคุกเอ๊ย คุณญ่าในฐานะพยานที่ 3 เลยไม่มีโอกาสได้ปล่อยพลังฝีปากกับอานนท์ นำภาเลยอ่ะ ซึ่งเธอบอกมาว่า "เสียดายจัง" 

สุดท้ายศาลให้เบิกค่าพยาน 500 แต่คุณลุงกับคุณน้าใจดี บอก “เอ้า!! ไอ้ญ่าอุตส่าห์มาเป็นพยานปากเอก เอาทริปค่าน้ำมันค่าขนมไป 10,000 บาท” ขุ่นญ่าก็อารมณ์ดีหายเคือง

ขณะที่พ่อแม่จำเลย ก็ถือว่าเป็นบุญไปที่เจอคนคุ้นเคย และถือเป็นผู้ใหญ่ใจดี (สังคมไทยผู้ใหญ่ใจดีเยอะ) โดยบอกให้น้อง 26 กลับไปปรับปรุงตัว (รอดคุก) แต่ยังไงซะ กลับไปแล้ว ก็หมั่นหาความจริง ไม่เฮเอามันส์ตามกีบ แล้วต้องมายืนตัวลีบหน้าศาลแบบนี้อีก

ส่วนทนายนี่!! #กากฉิบหายเลยว่ะ

ใครมั่นใจในสิ่งที่ถูกปลุกปั่นให้เชื่อ และยอมเป็นเครื่องมือด้วยความคะนองใจ โปรดระวังไว้!!

เพราะไม่ใช่คุณที่จะโชคดีแบบกรณีน้อง 26 รายนี้

'พลอย' แฉยับอดีตชีวิตเหมือน 'หยก' ถูก 'บุ้ง' ลากตัวใช้หาผลประโยชน์  ยอมคาย!! 'โดนบังคับบุกวัง-กระทำรุนแรงให้กลัว-ฮุบเงินทุนไว้กับตัว'

กลายเป็นประเด็นร้อนที่สังคมกำลังวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มทะลุวังในช่วงเวลานี้ เพื่อต่อต้านการจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย สังคมวิพากษ์วิจารณ์หนัก หลังล่าสุดบุกไปป่วนพรรคเพื่อไทย ที่แถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคภูมิใจไทย แม้กระทั่งฝ่ายที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของม็อบ 3 นิ้ว ยังรับพฤติกรรมของกลุ่มทะลุวังไม่ได้

การเคลื่อนไหวของกลุ่มทะลุวังในเวลานี้ จะประกอบไปด้วยตัวละครหลัก ๆ ได้แก่ เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง, ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน, นภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือ สายน้ำ, ธนลภย์ ผลัญชัย หรือ หยก, บังเอิญ ศุทธวีร์ สร้อยคำ มือพ่นกำแพงวัดพระแก้ว โดยผู้ที่เป็นหัวโจกคือ 'บุ้ง เนติพร'

ต่อมาในโลกออนไลน์ได้มีการแฉข้อมูลจากกลุ่มทะลุวังด้วยว่า สมาชิกในกลุ่มไม่ค่อยมีความลงรอยเช่นกัน และชี้เป้าไปที่ 'บุ้ง เนติพร' ว่ามีพฤติกรรมไม่ต่างจากพวกเผด็จการนั้น

ล่าสุด 'พลอย' บุคคลที่เคยอยู่กับกลุ่มทะลุวัง ออกมาทวีตแฉข้อมูลเกี่ยวกับ 'บุ้ง เนติพร' หรือ 'บุ้ง ทะลุวัง' ระบุว่า...

เราเคยเป็นหนึ่งในเด็กที่บุ้งเอามาดูแลเหมือนหยก รู้จักกันตั้งแต่สมัยอยู่นักเรียนเลว ตอนนั้นที่บ้านเรามีปัญหาทำให้ไม่มีบ้านอยู่+โดนคดีมันต้องมีผู้ปกครอง บุ้งมาเป็นผู้ปกครองแทนพ่อแม่ที่ดูแลเราไม่ได้ บุ้งก็รับปากเรากับแม่เราว่าจะดูแลเราอย่างดี

บุ้งดูแลเราอย่างดีในช่วงแรกที่อยู่ด้วยกัน เรายังคงอยู่กับบุ้งเพราะไม่รู้จะไปอยู่ไหน บ้านก็ไม่มีให้กลับ ตอนนั้นเราเริ่มสัมผัสได้ถึงความรุนแรงในบ้านที่อยู่กับบุ้ง การถูก Child Grooming การโดนมินิพูเลท และการขูดรีดผลประโยชน์จากการเคลื่อนไหวในฐานะเยาวชนเพราะเราอายุแค่ 16

ตัวบุ้งมักจะชอบดูแลเด็กที่มีปัญหากับที่บ้านหรือมีปัญหาในชีวิตและมีแสง บุ้งจะรับเด็กมาดูแล อาสาเป็นผู้ปกครอง และค่อยๆ ใช้ประโยชน์จากเด็กคนนั้น เรากับเพื่อนโดนเอาผลงานการเคลื่อนไหวไปขอทุนเคลื่อนไหว แต่เงินทุนกลับส่งไม่ถึงเรา เพื่อนหลายคน และไม่สามารถตรวจสอบบัญชีของบุ้งได้

เรื่องการใช้ความรุนแรงของบุ้งกับเราและเพื่อนๆ เขาทำเหมือนที่ทำกับยามหน้าเพื่อไทย ตอนโมโห เขาจะใช้อารมณ์ทำให้เรารู้สึกหวาดกลัว ด้อยค่า ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา ตามสไตล์มินิพูเลท ซึ่งตอนนั้นเรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ เราโดนมินิพูเลทจนทุกวันนี้ยังกลับมาใช้ชีวิตยาก

บุ้งชอบให้เด็กออกมาเคลื่อนไหว เทคแอคชั่นแรงๆ โดยบุ้งบอกกับเราว่า เรายังเด็ก ต่อให้โดนคดีก็ยังไม่โดนหนักเพราะยังมีศาลเยาวชน และเด็กถ้าเจอความรุนแรงเช่น ตำรวจจับ บลาๆ จะเป็นข่าวง่าย ขอทุนง่าย ไวรัลง่ายกว่า แล้วบุ้งอ้างว่าจะซัพพอร์ตน้องๆ อยู่ข้างหลังแทน

จนเริ่มทำ #ทะลุวัง เราโดนหนักมากขึ้น บังคับให้เราออกไปทำไรเเรงๆ แรงสุดคือ เคยโดนให้ไปบุกคุกวังทวี แต่ตอนนั้นเราบอบช้ำจากการเคลื่อนไหวมามากแล้ว เหนื่อยโดนคดี เราบอกว่าสภาพจิตใจเราไม่ไหว ไม่อยากทำ ก็โดนปิดประตูใส่หน้า อยากจะหนีก็ไม่ได้ เพราะพอรู้ตัวอีกทีก็ไม่เหลืออะไรในชีวิตแล้ว

เราลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาเคลื่อนไหว เงินก็ไม่มี ครอบครัวก็ทิ้ง ตอนนั้นเราคิดว่าเราต้องพึ่งพาแค่บุ้งเท่านั้น สุดท้ายหลุดออกมาได้ เพราะเพื่อนรอบตัวให้ความช่วยเหลือ เป็นผู้ปกครองให้แทน จนปัจจุบันเราเป็นผู้ลี้ภัย 112 อยู่ ตปท. เราก็ยังโดนเขาโจมตีในขบวนเสียๆ หายๆ อยู่เรื่อยๆ

ทั้งกล่าวหาว่าเรายักยอกเงิน หนีคดี ขโมยของ ตอแหล โดนแช่งให้ตายระหว่างลี้ภัย บางคนก็เกลียดเราจริงๆ ไปแล้วก็มี เรารู้มาเสมอว่าเรามีปัญหากับหลายฝ่ายในขบวน เรื่องหลายๆ เรื่องที่เราอยากคุยเพื่อคลี่คลาย ขอโทษ ก็ไม่มีโอกาสได้ทำเพราะเรายังโดนโจมตีอยู่ตลอดเวลา

ควรมีการถกกันเรื่องนี้สักที เด็กกับการออกมาเคลื่อนไหวเนี่ย เด็กไม่ได้เจอแค่การคุกคามจากรัฐ ครอบครัว สังคม แต่อาจจะโดนขบวน เห้ๆ ทำร้าย โดนขูดรีด ความเป็นเด็กโดนมินิพูเลท คนที่ได้รับผลกระทบก็คือตัวเด็กเอง มันส่งผลกับการใช้ชีวิตของเด็กระยะยาวมาก นี่ยังเป็นซึมเศร้าอยู่เลย

เลิกด่าหยก เด็กเป็นเหยื่อของเรื่องนี้ คนโดนมินิพูเลทมันไม่รู้ตัวหรอก หยกเจอความรุนแรงมามากตั้งแต่ติดคุก ทั้ง Cyber Bullying โดนคดี สังคมเฮงซวย ต้องมาเจอกลุ่ม #ทะลุวัง หยกเหมือนกระจกสะท้อนตัวบุ้ง หยุดโจมตีเด็กได้ หันมาสนใจ Abuser กันเยอะๆ ว่าพวกมันกำลังทำอะไรกันอยู่

ช่วยเหลือและรับฟังความต้องการของหยก หยุดให้แสงหรือโทษคนที่กำลังโดนมินิพูเลทก่อน มันละเอียดอ่อนทั้งตัวของเหยื่อและคนมินิพูเลทเอง เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าแต่ละวันเหยื่อเจอคำพูด ถูกปฏิบัติแบบไหนมาบ้าง อะไรคือความรู้สึกที่แท้จริง หัวมันปั่นป่วนไปหมดเพราะการมินิพูเลท ใช้ความรุนแรงและแก๊สไล้

เราพยายามสรุปเรื่องราวตลอด 2 ปีที่อยู่กับบุ้ง จริงๆมันมีมากกว่านั้น แต่กลัวทวิตยาวเกิน แต่อย่างนึงที่เพื่อนเราเคยถูกมินิพูเลทบอก การที่ผู้ถูกกระทำหรือตัวเด็กยังอยู่ในวังวนความรุนแรง โดนมินิพูเลท แปลว่า Abuser ประสบความสำเร็จ #ทะลุวัง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top