Monday, 7 July 2025
Politics

'คณะก้าวหน้า' มั่นใจ สนามเลือกตั้ง อบต. เชื่อ 'ภาคตะวันออก-อีสาน' ไม่หลุดมือ

เมื่อวานนี้ น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เปิดเผยถึงความพร้อมในการส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล หรือ อบต. ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายนนี้ โดยระบุว่าคณะก้าวหน้าส่งผู้สมัครลงครบทุกภาค กว่า 200 ทีม ตั้งแต่ภาคเหนือ อีสาน กลาง ใต้ และจังหวัดชายแดนภาคใต้

นางสาวพรรณิการ์ กล่าวต่อว่า เมื่อเราประกาศรับผู้สมัครลงเลือกตั้ง อบต. ในนามคณะก้าวหน้า มีผู้สมัครมากว่า 500 ทีม แต่เราคัดเลือกเฉพาะผู้ที่มีอุดมการณ์ และแนวทางการทำงานการเมืองตรงกับเรา 3 ข้อหลักที่เป็นกฎเหล็กคือไม่ซื้อเสียง ไม่ฝักใฝ่ระบอบเผด็จการ และไม่แสวงหาผลประโยชน์ให้ตัวเองหรือพวกพ้อง หากยอมรับ 3 ข้อนี้จึงจะร่วมงานกับเราได้ และในตอนนี้ได้ผู้สมัครแล้วกว่า 210 ทีม โดยจังหวัดที่คึกคักที่สุดคือ ร้อยเอ็ด และอุดรธานี มีผู้ลงสมัครในนามก้าวหน้าเกือบ 20 ทีม ทั้งสองจังหวัด

น.ส.พรรณิการ์ ยืนยันว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ เครื่องมือสำคัญที่จะทำให้ผู้สมัครของคณะก้าวหน้าชนะใจประชาชน คือผลงานที่สำเร็จเป็นรูปธรรมแล้วของนายกเทศมนตรีที่ร่วมงานกับคณะก้าวหน้า หลังจบการเลือกตั้งในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายก และทีมได้เข้าไปทำงานเพียง 5 เดือนก็มีผลงานเป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชน เช่น 

ที่อาจสามารถ แก้ปัญหาน้ำประปาที่ขุ่น ไหลอ่อน มีกลิ่น จนกลายเป็นน้ำประปาใสสะอาดได้มาตรฐาน ลงทุนเพียงหลักแสน กับเวลาเพียง 5 เดือน ก็สามารถปลดล็อกปัญหาที่เรื้อรังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตประชาชนมาหลายสิบปีได้

‘วิโรจน์’ แนะ 6 ข้อ เปิดประเทศแบบมีหวัง หลัง 14 ตุลา ครบ 120 วัน สัญญานายกฯ

(11 ต.ค. 64) วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมพร้อมที่จะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้

วิโรจน์ กล่าวว่า หากนับจากวันที่ 16 มิ.ย. 64 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้คำมั่นกับประชาชนเอาไว้ว่าจะเปิดประเทศใน 120 วัน ซึ่งจะครบกำหนด 120 วัน ในวันที่ 14 ต.ค. 64 ที่จะถึงนี้ ตนและ ฐณฐ จินดานนท์ ในฐานะกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามตรวจสอบเงินกู้ 5 แสนล้าน ในสัดส่วนพรรคก้าวไกล ได้ให้ความเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า…

สำหรับการเปิดประเทศ เพื่อให้การค้าการขาย การหารายได้ และการทำมาหากินของประชาชน สามารถดำเนินไปได้ตามปกติ เพื่อให้เศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลจะเปิดประเทศได้ หรือทำ Travel Bubble กับประเทศต่างๆ เพื่อเปิดให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รัฐบาลจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ และมีดัชนีในการพิจารณา และตรวจติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ชัดเจน โปร่งใส 

โดยที่ประชาชนสามารถร่วมติดตามสถานการณ์ไปด้วยได้ หากรัฐบาลมีแต่แผนการเปิดประเทศ เพียงแค่แบ่งเป็นกลุ่มจังหวัด และมีประมาณการคร่าวๆ ประชาชน ตลอดจนผู้ประกอบการต่างๆ จะไม่สามารถวางแผน และเตรียมการล่วงหน้าอย่างเหมาะสมได้เลย และไม่มีความมั่นใจว่า แผนการเปิดประเทศดังกล่าว จะเปิดได้จริงหรือไม่ เปิดแล้วจะปิดอีกเมื่อไหร่ 

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ปัจจุบันมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละประมาณ 10,000 รายเศษ และมีผู้เสียชีวิตประมาณวันละ 60-80 ราย ที่สำคัญหากพิจารณาจากผลตรวจจากชุดตรวจ ATK ก็ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่ และการระบาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เป็นการระบาดที่แพร่กระจายไปยังส่วนภูมิภาค หลายจังหวัดยังมีแนวโน้มการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น

วิโรจน์ กล่าวต่อไปว่า การที่จะเปิดประเทศ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรมได้ รัฐบาลจำเป็นต้องทำให้การระบาดของโรคโควิด-19 เป็น “การเจ็บป่วยในภาวะปกติวิสัย (Normality)” ที่ระบบสาธารณสุขปกติ สามารถควบคุมการระบาด และดูแลรักษาผู้ป่วยได้ โดยต้องมั่นใจว่า ไม่เกินขีดความสามารถของระบบสาธารณสุข หรือมีแผนสำรองในการเพิ่มขีดความสามารถของระบบสาธารณสุขได้โดยทันที อย่างไม่ตระหนกตกตื่น ในกรณีจำเป็น

“ถ้า Normality ไม่เกิดขึ้น การเปิดประเทศ และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ก็จะเป็นเครื่องยนต์ที่กระตุก ติดๆ ดับๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นจากทั้งนักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ และประชาชนได้”

วิโรจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเปิดประเทศไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ คิดจะเปิดก็เปิด คิดจะปิดก็ปิด พอไม่กล้าปิด ก็ฝืนเปิด แล้วก็มาปิดแบบกะทันหัน จนสร้างความสูญเสียให้กับประชาชน พรรคก้าวไกล จึงเสนอแนวทางในการเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ นำไปดำเนินการ 6 ข้อ ดังต่อไปนี้

"สุชาติ" เชื่อแรงต้าน "พีระพันธุ์" เรื่องเล็ก แค่ความเห็นส่วนตัว ไม่เชื่อจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว มั่นใจทุกคนเชื่อมั่นในแนวทาง+ นโยบายบิ๊กป้อม

ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประขุม ครม.นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน  กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงแรงกระเพื่อมต่อต้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี มารับตำแหน่งที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ โดยเปรียบเป็นพระบวชใหม่ ถ้าจะรับตำแหน่งสำคัญจะต้องนั่งเรียงตามลำดับพรรษาก่อน ว่า พรรค พปชร. มีคน 100 กว่าคนซึ่งทุกคนก็รับนโยบายและแนวทางจาก พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.อยู่แล้ว ในส่วนดังกล่าวส่วนตัวเชื่อว่าเป็นเรื่องปกติของพรรคการเมืองทุกพรรคพี่มีคนหลากหลายอยู่ภายในพรรคซึ่งก็อาจจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่การที่จะเป็นพรรคการเมืองหรือสถาบันการเมืองก็ต้องฟังหัวหน้าพรรคและนโยบายพรรคอยู่แล้ว

“ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะออกความคิดเห็นได้อยู่แล้วแต่สุดท้ายก็ต้องจบที่แนวทางของหัวหน้าพรรค และเชื่อว่าจะไม่กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นของบางคนทุกวันนี้ทุกคนอยู่ในระบบประชาธิปไตยก็ต้องให้ในสิทธิการแสดงออกแต่ สุดท้ายก็ต้องยอมรับกฎเกณฑ์และกติการวมทั้งแนวคิดนโยบายของหัวหน้าพรรค ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นไม่เป็นปัญหา ถือว่าเป็นเรื่องเล็ก”
นายสุชาติกล่าว

“อนุทิน” ขานรับ เปิดประเทศ 1 พ.ย.ลั่น ถูกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ชี้ เปิดได้ปิดได้ หากไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องโรค 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้จะดูแลเรื่องความปลอดภัยอย่างไร ว่า เราเตรียมความพร้อมไว้ระดับหนึ่งและ
หารือในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสนองนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่แจ้งไว้ต่อประชาชน ส่วนการจะเปิดให้ 10 ประเทศเดินทางเข้ามาโดยไม่ต้องกักตัวนั้น ยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องของประเทศ รอให้ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศปก.ศบค.)หารือก่อนที่จะนำเสนอศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 14 ต.ค.นี้ ก่อน 

ผู้สื่อข่าวถามว่ากระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้มีปัญหากับการเปิดประเทศ และยังสามารถรองรับเรื่องการรักษาได้ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า นายกฯให้เหตุผลความสำคัญต่างๆไปแล้ว กระทรวงสาธารณสุข ต้องปฏิบัติตามนโยบายด้วยความระมัดระวังและเตรียมการให้มากที่สุด 

เมื่อถามว่านายกฯระบุว่าเมื่อเปิดไปแล้ว อาจมีความเสี่ยงแพร่ระบาด และอาจมีโควิด-19สายพันธุ์ใหม่ ต้องมีมาตรการเข้ามารองรับหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า นายกฯพูดเผื่อ ถ้าหากมีสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาและสถานการณ์ไม่ดีก็ค่อยว่ากัน พูดง่ายๆว่าเปิดได้ แต่ถ้าดูแล้วไม่ดีก็พร้อมจะมีมาตรการแก้ไขปัญหาต่อไป เราต้องยืดหยุ่นถ้าไปกำหนดไว้หมดว่าพูดอย่างนี้ต้องทำอย่างนั้นเท่านั้น ถอยหลังไม่ได้ เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็รออย่างนี้ไปดีกว่าซึ่งก็ไม่ดี เพราะรัฐบาลต้องการจะแก้ปัญหาในทุกมิติ 

เมื่อถามว่าหากเปิดสถานบันเทิงและร้านเหล้าคนจะเข้าไปใช้บริการได้เหมือนเดิมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า กรมควบคุมโรคคงต้องหามาตรการ แต่เราต้องดูว่าเปิดแล้วมีความเสี่ยงหรือไม่ ถ้าเสี่ยงก็ต้องหามาตรการมาดูแล เช่น covid free settingคือทุกคนต้องฉีดวัคซีนทั้งผู้ให้บริการ ลูกค้า และสถานที่นั้นต้องปฏิบัติตามมาตรการของกรมควบคุมโรค แต่เวลานี้ยังไม่ได้หารือในส่วนการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่วนสถานบันเทิงก็ต้องปฏิบัติในแนวเดียวกัน

รัฐบาล คืบ คก.ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา อว. ยัน ช่วยนร. นศ. กว่า 1.5 ล้านราย โอนให้แล้ว กว่า 91.46%  รัฐบาล คืบ คก.ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา อว. ยัน ช่วยนร. นศ. กว่า 1.5 ล้านราย โอนให้แล้ว กว่า 91.46%

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานความคืบหน้าแผนโครงการลดค่าเทอมและลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของนิสิต นักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม อนุมัติงบประมาณเพื่อให้สถาบันอุดมศึกษานำไปใช้ลดค่าเทอมและค่าธรรมเนียมการศึกษาภาคเรียนที่ 1/2564 ให้แก่นิสิต นักศึกษา

ในส่วนเงินสนับสนุนจากรัฐบาลตามหลักเกณฑ์และวิธีการตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. 2564 จนถึงวันที่ 8 ต.ค. 2564 ได้อนุมัติงบประมาณให้กับสถาบันอุดมศึกษาทั้งในและนอกสังกัดไปแล้ว จำนวน 150 แห่ง คิดเป็น 91.46% เป็นเงิน 7,831,638,424 บาท สำหรับช่วยเหลือนักศึกษา จำนวน 1,582,665 คน คิดเป็น 88.49% ขณะเดียวกันโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของนักเรียนโรงเรียนสาธิตในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา ฯ ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. 2564 จนถึงวันที่ 8 ต.ค. 2564 ได้อนุมัติงบประมาณให้กับสถาบันการศึกษาต้นสังกัดโรงเรียนสาธิตไปแล้ว จำนวน 62 แห่ง มากกว่า 95.% เป็นเงิน 154,326,000 บาท คิดเป็น 97.04% สำหรับช่วยเหลือนักเรียน จำนวน 77,163 คน ทั้งนี้ ส่วนที่เหลือคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้เสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ 

“ประวิตร” สั่ง หน่วยงานมั่นคงดูแลความปลอดภัย รับ “เปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ 

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี กรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ประกาศเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ ว่า  ถือว่าดี เราจะได้ทำงานโดยตนสั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงดูแลหมดแล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของประชาชน และนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา 

 

‘อนุทิน’ ขานรับ เปิดประเทศ 1 พ.ย.ลั่น ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ชี้ เปิดได้ก็ปิดได้ หากไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องโรค 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้จะดูแลเรื่องความปลอดภัยอย่างไร ว่า เราเตรียมความพร้อมไว้ระดับหนึ่งและหารือในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสนองนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่แจ้งไว้ต่อประชาชน ส่วนการจะเปิดให้ 10 ประเทศเดินทางเข้ามาโดยไม่ต้องกักตัวนั้น ยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องของประเทศ รอให้ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) หารือก่อนที่จะนำเสนอศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 14 ต.ค.นี้ ก่อน 

ผู้สื่อข่าวถามว่ากระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้มีปัญหากับการเปิดประเทศ และยังสามารถรองรับเรื่องการรักษาได้ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า นายกฯ ให้เหตุผลความสำคัญต่างๆ ไปแล้ว กระทรวงสาธารณสุขต้องปฏิบัติตามนโยบายด้วยความระมัดระวังและเตรียมการให้มากที่สุด 

‘อนุชา’ เชื่อ ‘มหาสมปอง’ เข้าใจคลาดเคลื่อนถูกกดดันให้สึก วอนอย่าเอาพุทธศาสนาไปอยู่ในวังวน ระบุ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติไม่มีอำนาจ ชี้ เป็นเรื่องของมหาเถรสมาคมดำเนินการ

เมื่อเวลา 08.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ออกมาระบุว่าถูกกดดันให้สึก ว่า ทางพศ.ไม่ได้ทราบเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในอำนาจของพศ. แต่เป็นเรื่องของคณะสงฆ์ตามพ.ร.บ.สงฆ์ ซึ่งหากจะมีเหตุใดเกิดขึ้นก็ต้องเกิดจากการกระทำผิด โดยพระผู้ปกครองจะเป็นผู้พิจารณาเพียงหนทางเดียว 

ดังนั้น ในครั้งนี้อาจจะเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ไม่อยากให้สังคมแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย ในฐานะฆราวาส ที่กำกับดูแลพศ. ไม่อยากพูดถึงเรื่องดังกล่าวเลย เนื่องจากพระพุทธศาสนาเป็นเสาหลักของชาติ คนไทยจึงต้องช่วยกันปกป้องพระพุทธศาสนา ดูแลด้วยข้อเท็จจริง ไม่ใช่ว่าสังคมแบ่งฝ่ายเพื่อให้เกิดกระแสของพระสงฆ์เกิดขึ้น เราไม่ต้องการให้เรื่องพระพุทธศาสนาเลยเกิดไป จึงขอวิงวอนให้ทุกคนเล็งเห็นว่า เสาหลักของชาติบ้านเมืองที่เราอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจึงต้องปกป้อง ถอดจิตวิญญาณมาช่วยกันปกป้องดูแล อย่าให้เกิดความแตกแยกในพระพุทธศาสนา

โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ แถลงเปิดประเทศ ถือเป็นการส่งสัญญาณ Welcome to Thailand พร้อมขอความร่วมมือคนไทย การ์ดอย่าตก เตือนทุกภาคส่วน ยังต้องปฏิบัติมาตรการ COVID-Free Setting อย่างเคร่งครัด 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากการแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ ของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2564 วางเป้าหมาย ประเทศไทยจะเริ่มเปิดรับการเดินทางเข้าประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป โดยไม่ต้องกักตัว  ภายใต้ข้อกำหนดเงื่อนไขที่คำนึงถึงความปลอดภัยสาธารณสุขคนไทยและชาวต่างชาติ อาทิ ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และเดินทางเข้าประเทศไทยโดยทางอากาศจากประเทศที่กำหนดว่า เป็นประเทศความเสี่ยงต่ำ เป็นต้น  การเปิดประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นการสร้างบรรยากาศและส่งสัญญาณให้นานาชาติตลอดจนนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้เห็นถึงความพร้อมและศักยภาพของประเทศไทย อย่างไรก็ตามขอเน้นย้ำกับประชาชนคนไทยทุกคนซึ่งแม้ว่ารัฐบาลจะมีการเตรียมเปิดประเทศ แต่ก็ขอให้ยังคงระมัดระวังและป้องกันตนเอง "การ์ดอย่าตก" ยังต้องยึดหลักอนามัยส่วนบุคคล ดูแลตัวเองแบบครอบจักรวาล  รวมทั้งผู้ประกอบการ  ชุมชน ตลาด  ต้องปฏิบัติตามมาตรการ COVID-Free Setting  อย่างเคร่งครัด 

ครม.เคาะเยียวยาแท็กซี่-วินมอเตอร์ไซค์ ได้สูงสุด 1 หมื่นบาท จ่ายงวดแรก 8 พ.ย.นี้

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบโครงการช่วยเหลือกลุ่มอาชีพผู้ขับรถแท็กซี่ และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่มีอายุเกิน 65 ปี ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่อยู่ในกลุ่มแรงงานนอกระบบและไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33, มาตรา 39 และมาตรา 40 โดยใช้เงินจากพ.ร.ก.เงินกู้ กรอบวงเงิน 166.94 ล้านบาท ครอบคลุมผู้ที่มีสิทธิทั้งหมด 16,694 คน ใน 29 จังหวัด ซึ่งจะได้รับเงินช่วยเหลือรายละ 5,000 บาทต่อเดือน โดยแยกเป็นกลุ่มแรก คือผู้ที่อยู่ใน 13 จังหวัดแรก ตามประกาศฉบับที่ 25 และ 28 จะได้รับการเยียวยา 2 เดือน หรือคนละ 10,000 บาท ส่วนที่เหลือ 16 จังหวัดตามประกาศ ฉบับที่ 30 ได้เยียวยา 1 เดือน 

สำหรับการดำเนินการจากนี้ กรมการขนส่งทางบกจะเปิดให้มีการลงทะเบียนตามหลักเกณฑ์ของโครงการฯ และตรวจสอบข้อมูลผู้ขับรถแท็กซี่ และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่มีอายุเกิน 65 ปี จากฐานข้อมูลใบอนุญาตขับรถยนต์ทั้ง 2 ประเภท สำหรับกลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่เช่าที่ไม่สามารถตรวจสอบพื้นที่ให้บริการได้ จะต้องทำการตรวจสอบยืนยันตัวตนก่อน เช่น ให้นิติบุคคลรถเช่า/สหกรณ์แท็กซี่เป็นผู้รับรอง เป็นต้น ซึ่งกรมการขนส่งทางบกจะจ่ายเงินด้วยวิธีการโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์ เฉพาะการผูกบัญชีกับเลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือตามวิธีการอื่นที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด คาดว่าจะจ่ายเงินรอบแรกระหว่างวันที่ 8 - 12 พ.ย.นี้ และจ่ายเงินรอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 22 - 26 พ.ย.นี้ต่อไป 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top