Thursday, 26 June 2025
Politics

“บิ๊กตู่” ขอโทษ ทำหลายคนไม่สบายใจ ยอมรับทำงานคนหมู่มากย่อมมีปัญหา ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ พร้อมแสดงความเสียใจฉีดวัคซีนมีปัญหา ยืนยันรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ ปฎิเสธตอบทุกคำถามหวั่นถูกตีความ

ที่สถานีกลางบางซื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ บุคลากรทางการแพทย์ ที่จุดบริการฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ โดยระบุว่า การฉีดวัคซีนในวันนี้เป็นการฉีดวัคซีนพร้อมกันทั่วประเทศ ที่ผ่านมามีการฉีดวัคซีนไปแล้วตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา 3.5 ล้านโดส ทั้งวัคซีน astrazeneca และซิโนแวค และเข้ามาเพิ่มในเดือนมิถุนายน ซึ่งจะต้องบริหารสถานการณ์ให้สอดคล้องกับปัจจุบัน โดยปัจจุบันมีการจัดสรรวัคซีนเตรียมพื้นที่ต่างๆเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และวันนี้อยู่ในขั้นตอนการฉีดเพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกัน โดยจะบริหารวัคซีนรายสัปดาห์และนำมาแจกจ่ายตามสถานการณ์ ทุกกลุ่มเป้าหมาย 

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี แสดงความเสียใจกับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วมีปัญหาทุกคน ยืนยันว่า ทุกคนทำงานกันอย่างเสียสละ ยืนยันรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ขอให้ทุกคนเข้าใจด้วยว่ารัฐบาลพยายามทำเต็มที่ คำว่าเต็มที่ก็คือเต็มที่ตามสถานการณ์ที่มีอยู่ปัจจุบันทั้งในประเทศและสถานการณ์วัคซีนโลก  เราจำเป็นต้องบริหารให้สอดคล้องกับความเสี่ยง อะไรที่ทุกคนไม่สบายใจจนต้องขอโทษ และจะทำให้ดีที่สุด พร้อมระบุว่าทุกคนทำอะไรเพื่อคนไทยทุกคน แน่นอนว่าต้องมีปัญหาเพราะคนจำนวนมาก แต่ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้อยู่แล้ว 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องให้กำลังใจกับสาธารณสุข ทุกคนก็เหนื่อยพอสมควรแรงกดดันสูงในเมื่อทุกคนอยากฉีด เราก็มีหน้าที่ในการหาวัคซีน ในได้ช่องทางที่เป็นไปได้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็พูดได้หมด ขอให้สงบเรียบร้อย พร้อมกับระบุว่า การใช้สถานีกลางบางซื่อ ให้บริการรับคนได้จำนวนมากก็ดี เพราะถือว่าให้ทุกคนได้รู้จากสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งใหญ่และทันสมัยที่สุดในอาเซียน นี่แหละคืออนาคตที่รัฐบาลแล้วทำไว้ให้หลายอย่าง เพราะฉะนั้นขอให้คิดถึงสิ่งดีๆหาสิ่งดีๆให้เจอบางทีก็อาจจะมองไม่เห็น จริงๆตอนไม่ได้ไปตรวจแต่ไปเยี่ยมให้กำลังใจเพราะเขาทำกันดีอยู่แล้ว

ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธการตอบคำถามสื่อมวลชน พร้อมกับระบุว่า ขออย่าซักถามเพราะจะนำให้เกิดการตีความ ก่อนที่จะเดินทางไปยังสนามกีฬาไทยญี่ปุ่นดินแดง เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่เข้ารับการฉีดวัคซีน

“สงคราม” ชี้ช่วยธุรกิจต้องจริงใจอย่าลอยแพรายย่อย หวั่น “บิ๊กตู่” กู้ 5 แสนล้านแจกพรรคการเมืองสร้างฐานเสียงในพื้นที่

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ส่งผลกระทบกับคนไทยทุกคน ประกอบกับการที่รัฐบาลบริหารจัดการวัคซีน ล้มเหลว ไม่ให้ความสำคัญเรื่องวัคซีนมากที่ควร และจำกัดให้ประชาชนฉีดวัคซีนที่รับจัดหาให้ หลายรายพบว่าเกิดอาการไม่พึงประสงค์หนักบ้าง เบาบ้างต่างกันไป ที่หนักสุดคือเสียชีวิต รัฐควรเร่งสร้างความเชื่อมั่นในวัคซีนมากกว่านี้ เพราะวัคซีนคือทางออกของประเทศ อย่างแท้จริง เพราะประชาชนต้องการวัคซีน ทุกวันนี้มีคนติดเชื้อ มากกว่า 1 แสนคน เสียชีวิตมากกว่า 30 คน ต่อวัน รัฐบาลใจดำมากที่มองคนที่เสียชีวิตเป็นเรื่องธรรมดา นิ่งเฉยต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้รัฐบาลกู้เงินมหาศาลเพื่อมาใช้จ่าย โดยที่ผ่านมารัฐบาลมาขอให้อนุญาตจากสภาเพื่อออกพระราชกำหนดเงินกู้ 1 ล้านล้าน ที่โดยอ้างว่าจะนำไปช่วยผู้ประกอบการธุรกิจ เอสเอ็มอี แต่เงินที่กู้มารัฐนำไปใช้ในการสร้างฐานการเมืองมากกว่า นำไปทำถนน หรือ ขุดลอกคูคลองในพื้นที่ของนักการเมืองพรรครัฐบาล หวังสร้างฐานการเมือง เป็นการใช้เงินซ้ำซ้อนกับงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งรัฐบาลไม่แสดงความจริงใจ ที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการ รัฐปล่อยลอยแพผู้ประกอบการรายย่อย

นายสงคราม กล่าวด้วยว่า พ.ร.ก.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท แต่ว่าที่ผ่านมามันเต็มไปด้วยการปกปิดหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ ถ้ารัฐบาลเคารพประชาชน ก็ต้องสื่อสาร และให้ข้อมูลมากกว่านี้ นอกจากนี้ยังไม่มีอะไรการันตีว่าเงิน 5 แสนล้านบาทที่จะกู้จะถูกนำไปใช้ถูกทิศถูกทาง เพราะคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินก็ยังใช้ชุดเดิม ไม่มีหน่วยงานหรือกลไกที่จะมาช่วยเร่งรัดการเบิกจ่ายที่เป็นปัญหาในพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท หากรัฐบาลไม่สามารถชี้แจงได้คงให้ผ่านไม่ได้

“การจะช่วยเหลือผู้ประกอบการ พลเอกประยุท์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องไม่ตั้งเงื่อนไขที่เป็นกำแพงหนาทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถเข้าถึงเงินกู้ และต้องไม่เลือกปฎิบัติช่วยเฉพาะผู้ประกอบการชั้นดี เพราะหากทำเช่นนั้นเงินกู้จำนวน 500,000 ล้านบาท จะล้มแหลวรอบ 2 เพราะไม่สามารถที่จะกู้ชีวิตผู้ประกอบการที่กำลังโคม่าได้ แต่รัฐบาลจะเป็นคนดึงสายอ็อกซิเจนของผู้ประกอบการอก สุดท้ายผู้ประกอบการเอสเอ็มอีก็ไม่สามารถรอดจากวิกฤติที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน” นายสงคราม กล่าว

“บิ๊กตู่” เยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง “บิ๊กป้อม” ไม่น้อยหน้านำ รมต.พปชร.รุดต้อนรับ

ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ อาทิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร หลังจากที่ได้ตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ที่สถานีกลางบางซื่อ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม พร้อมรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทยให้การต้อนรับ และที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น เขตดินแดง ก็ไม่น้อยหน้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อาทิ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.ให้การต้อนรับ นอกจากนี้ยังมีนายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ร่วมให้การต้อนรับด้วย

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กล่าวว่า ในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนผู้ประกันตนมาตรา 33 ตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติ กระทรวงแรงงาน ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ห่วงใยผู้ใช้แรงงาน ตนจึงมอบหมายสำนักงานประกันสังคม บูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงการคลัง โดยธนาคารกรุงไทย และสถานพยาบาลเครือข่ายประกันสังคม ทั้งภาครัฐและเอกชน บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับผู้ประกันตน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไม่ให้กระจายออกสู่วงกว้างทั้งในโรงงาน และสถานประกอบการ ในเบื้องต้นได้กำหนดจัดการฉีดวัคซีนให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 7 - 26 มิ.ย.64 ซึ่งวัคซีนล็อตแรกจำนวน 1 ล้านโดส จะฉีดให้กับผู้ประกันตนที่แจ้งความประสงค์ต้องการรับวัคซีนโควิด-19 กับนายจ้าง และบันทึกลงระบบ e-service ตามที่สำนักงานประกันสังคมได้ทำการสำรวจตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมได้จัดลำดับคิวการฉีดวัคซีนไว้เรียบร้อยตามลำดับที่นายจ้างได้แจ้งความประสงค์ผ่านระบบ และได้ประสานนายจ้างจัดให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 เข้ารับการฉีดวัคซีนตามจุดที่สำนักงานประกันสังคมได้กำหนดไว้ทั้งสิ้น 45 จุดทั่วกรุงเทพมหานคร เช่น สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อาคารซันทาวเวอร์ ศูนย์กีฬาบางขุนเทียน และตามที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของสถานประกอบการที่ลูกจ้าง/ผู้ประกันตนทำงานอยู่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-12 ได้จัดเตรียมสถานที่ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร อุปกรณ์ทางการแพทย์จากโรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคม 23 แห่ง โดยมีศักยภาพในการฉีดได้วันละ 50,000 คน ซึ่งทุกศูนย์ให้บริการระหว่างเวลา 08.00 - 17.00 น. 

“ขอให้ผู้ประกันตนทุกคนมั่นใจ กระทรวงแรงงานพร้อมดำเนินงานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกันตนเข้าถึงบริการวัคซีนโควิด-19 อย่างแน่นอน สำหรับผู้ประกันตนที่ลงทะเบียนไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้รับการนัดหมายให้เข้ารับการฉีดวัคซีนในล็อตแรก หากสำนักงานประกันสังคมได้รับการจัดสรรวัคซีน จะนัดหมายให้เข้ารับการฉีดในล็อตถัดไป เรียงตามลำดับการลงทะเบียน ทั้งนี้ หากท่านไม่มาตามกำหนดเวลา จะถือว่าสละสิทธิ์ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 รวมถึงการเข้ารับการรักษา ติดต่อสายด่วน 1506 กด 6 และ   หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ติดต่อสายด่วน 1506 กด 7 เจ้าหน้าที่พร้อมให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ” นายสุชาติ กล่าว

จากนั้นนายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมศูนย์ฉีดวัคซีนผู้ประกันตนมาตรา 33 พร้อมให้กำลังใจผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีน

"แรมโบ้" จวก "เลขาฯ พท." ยุพรรคร่วมแตกแยก หวังเตรียมการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย ล้างมลทินตระกูลชินวัตร

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่าพรรคร่วมรัฐบาลกำลังจะแพแตก ว่ารัฐบาลยังมีเสถียรภาพมั่นคง และทำงานยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน โดยนายกรัฐมนตรี เน้นให้ทุกคนเสียสละ อย่าหวังผลประโยชน์ส่วนตัว ที่พรรคเพื่อไทยออกมาพูด เพราะอยากมีอำนาจรัฐ และน่าสังเกตว่าช่วงนี้นายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาเคลื่อนไหววิจารณ์รัฐบาลบ่อยครั้ง มีเป้าหมายคือล้มรัฐบาล อยากกลับขึ้นมามีอำนาจ และหากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล ได้สำเร็จเป้าหมายต่อไปคือออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยล้างมลทินให้กับตระกูลชินวัตร นำสองคนพี่น้องกลับบ้านให้ได้ 

นายเสกสกล กล่าวว่า นายทักษิณ บอกว่าถ้ากลับมาเป็นผู้นำจะแก้ปัญหาประเทศให้จบภายใน 6 เดือน ขี้โม้มากกว่า แค่งานที่เคยรับปากประชาชนตอนเป็นผู้นำรัฐบาล คือ แก้ปัญหาจราจรในกทม.ภายใน 6เดือน อยู่นานกว่า 5 ปี และมีรัฐบาลที่นายทักษิณ สั่งการได้อีกสามนายกฯ ยังแก้ไขไม่ได้ ไม่สมราคาคุย ส่วนพรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงรับปากว่าจะให้ชาวนาหมดหนี้สินทุกครัวเรือน แต่กลับทิ้งหนี้สินให้ชาวนา จนต้องผูกคอตายไปหลายราย และทำรัฐบาลนี้ต้องตามใช้หนี้ จึงเชื่อถือในคำพูดนายทักษิณไม่ได้ แค่ปั่นกระแสดราม่าให้ตนเองให้สมุนหรือเครือข่ายฮึกเหิม  โดยไม่สนใจว่าบ้านเมืองจะแตกแยก โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน

"พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีเวลามาเล่นการเมือง เหมือนนายทักษิณ แต่พูดจริงทำจริง ประกาศฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ มีแนวทางเปิดให้นักท่องเที่ยวจากประเทศปลอดภัยจากโควิดและฉีดวัคซีนครบแล้วเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย มีโครงการเครือข่ายคมนาคม การลงทุนก่อสร้าง นี่คือนายกฯตัวอย่างที่ใจซื่อมือสะอาด นายกฯคนที่ไม่ต้องคุยขี้โม้โอ้อวด แต่ลงมือทำจริง ไม่เสียเวลาคิดหาเงินทอนใส่กระเป๋าตนเอง หรือแสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง นายกฯมีความตั้งใจเดินหน้าทุ่มเททำงาน และรักษาผลประโยชน์ของประชาชนอย่างเต็มที่ สุดความสามารถ”

‘อนุทิน’ ยืนยัน มิ.ย.นี้ ไม่มีโรคเลื่อน ประชาชนได้ฉีดวัคซีนตามนัด พร้อมจัดสรรเมื่อได้รับอนุมัติครอบคลุมช่วงอายุ 3 ขวบ ย้ำ ให้รับข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขที่เดียว ไม่ต้องฟังโรงพยาบาล กันสับสน

เมื่อเวลา 08.10 น. ที่สถานีกลางบางซื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการคิกออฟวันฉีดวัคซีนพร้อมกันทั่วประเทศวันเดียวกันนี้ว่า วันนี้เป็นวันสัญลักษณ์จะมีการจัดการวัคซีนให้กับประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งที่สถานีกลางบางซื่อเป็นการฉีดให้กับบุคลากรทางด้านขนส่งสาธารณะ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงมาก ต้องสัมผัสกับคนเยอะ ซึ่งก็ฉีดไปได้เยอะแล้ว และสัปดาห์นี้เราจะเน้นการฉีดครูทั่วกรุงเทพฯ เพื่อรองรับการเปิดเทอมของนักเรียน เพื่อให้ผู้ปกครองสบายใจและมั่นใจได้ว่าครูมีความปลอดภัย ได้รับวัคซีนถ้วนหน้า และเมื่อได้ข่าวมาว่าวัคซีนซิโนแวค ซึ่งเราใช้อยู่ กำลังขอครอบคลุมอายุไปจนถึง 3 ขวบ ซึ่งเราก็อยากให้การอนุมัติได้เร็วที่สุด รัฐบาลให้ความมั่นใจ ให้คำยืนยันว่า เมื่อมีการอนุมัติไปถึงช่วงอายุใด เราก็จะจัดวัคซีนไปให้บริการกับคนทุกช่วงอายุ เพื่อให้วัคซีนอย่างทั่วถึง

เมื่อถามว่า สำหรับประชาชนทั่วไปตั้งเป้าจะฉีดให้ได้ประมาณเท่าไหร่ เพราะก่อนหน้านี้หลายโรงพยาบาลบอกว่าจะเลื่อนในวันที่ 8 มิ.ย.ออกไปก่อน นายอนุทิน กล่าวว่า ฟังกระทรวงสาธารณสุข ไม่ต้องไปฟังโรงพยาบาล เมื่อถามอีกว่าแต่ตอนนี้ประชาชนสับสน นายอนุทิน ตอบว่า สับสน เพราะฟังหลายทาง ฟังทางไลน์ ทางโซเชียลมีเดีย แต่ไม่ได้ฟังผู้ที่รับผิดชอบ คือรมช.สาธารณสุข ปลัดสาธารณสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค อธิบดีกรมการแพทย์ เราก็ให้การสื่อสารมากที่สุดเท่าที่จะมากได้แล้ว แต่ละโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขต้องออกมาแก้ข่าวว่าไม่มีการเลื่อน และไม่ได้เคยเลื่อน ฉะนั้นต้องฟังจากคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ไม่ต้องสั่งเยอะ ให้ฟังที่เดียว เมื่อถามว่ายืนยันเดือนมิ.ย.วัคซีนเข้ามา 6 ล้านโดสใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยืนยันว่ามีวัคซีนฉีดตามนัด ใครนัดได้วันไหนก็มีวัคซีนฉีดวันนั้น


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘บิ๊กตู่’ ขอโทษ ทำหลายคนไม่สบายใจ ยอมรับทำงานคนหมู่มากย่อมมีปัญหา ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ พร้อมแสดงความเสียใจคนฉีดวัคซีนมีปัญหา ยืนยันรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ

ที่สถานีกลางบางซื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ บุคลากรทางการแพทย์ ที่จุดบริการฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ โดยระบุว่า การฉีดวัคซีนในวันนี้เป็นการฉีดวัคซีนพร้อมกันทั่วประเทศ ที่ผ่านมามีการฉีดวัคซีนไปแล้วตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา 3.5 ล้านโดส ทั้งวัคซีน AstraZeneca และซิโนแวค และเข้ามาเพิ่มในเดือนมิถุนายน ซึ่งจะต้องบริหารสถานการณ์ให้สอดคล้องกับปัจจุบัน โดยปัจจุบันมีการจัดสรรวัคซีนเตรียมพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และวันนี้อยู่ในขั้นตอนการฉีดเพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกัน โดยจะบริหารวัคซีนรายสัปดาห์และนำมาแจกจ่ายตามสถานการณ์ ทุกกลุ่มเป้าหมาย

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี แสดงความเสียใจกับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วมีปัญหาทุกคน ยืนยันว่า ทุกคนทำงานกันอย่างเสียสละ ยืนยันรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ขอให้ทุกคนเข้าใจด้วยว่ารัฐบาลพยายามทำเต็มที่ คำว่าเต็มที่ก็คือเต็มที่ตามสถานการณ์ที่มีอยู่ปัจจุบันทั้งในประเทศและสถานการณ์วัคซีนโลก เราจำเป็นต้องบริหารให้สอดคล้องกับความเสี่ยง อะไรที่ทุกคนไม่สบายใจตนต้องขอโทษ และจะทำให้ดีที่สุด พร้อมระบุว่าทุกคนทำเพื่อคนไทย แน่นอนว่าต้องมีปัญหาเพราะคนจำนวนมาก แต่ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้อยู่แล้ว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องให้กำลังใจกับสาธารณสุข ทุกคนก็เหนื่อยพอสมควร แรงกดดันสูง ในเมื่อทุกคนอยากฉีด เราก็มีหน้าที่ในการหาวัคซีน ในช่องทางที่เป็นไปได้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็พูดได้หมด ขอให้สงบเรียบร้อย พร้อมกับระบุว่า การใช้สถานีกลางบางซื่อ ให้บริการรับคนได้จำนวนมากก็ดี เพราะถือว่าให้ทุกคนได้รู้จากสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งใหญ่และทันสมัยที่สุดในอาเซียน นี่แหละคืออนาคตที่รัฐบาลที่แล้วทำไว้ให้หลายอย่าง เพราะฉะนั้นขอให้คิดถึงสิ่งดีๆ หาสิ่งดีๆ ให้เจอบางทีก็อาจจะมองไม่เห็น จริงๆ ตอนไม่ได้ไปตรวจแต่ไปเยี่ยมให้กำลังใจเพราะเขาทำกันดีอยู่แล้ว

ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธการตอบคำถามสื่อมวลชน พร้อมกับระบุว่า ขออย่าซักถามเพราะจะนำให้เกิดการตีความ ก่อนที่จะเดินทางไปยังสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่เข้ารับการฉีดวัคซีน


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ทอ. แจง! กรณีใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุวัดพระศรีมหาธาตุ ยัน ค่าใช้จ่ายการณาปนกิจศพเป็นราคาสวัสดิการ หลังศาลปกครองชี้การใช้ประโยชน์ไม่ชอบด้วย กม.

พล.อ.ท.ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า จากกรณีสำนักข่าวอิศราได้นำเสนอข่าว ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ 321/2558 คดีหมายเลขแดงที่ 1037/2558 ลงวันที่ 29 มี.ค.2564 พิพากษาให้เพิกถอนหมายเหตุในทะเบียนที่ราชพัสดุ แปลงเลขทะเบียนที่ กท.1436 ที่ให้กองทัพอากาศใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุบริเวณสุสานและฌาปนกิจสถาน บริเวณวัดพระศรีมหาธาตุ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย นั้น ผมขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้

1.) ที่ดินพิพาทจำนวน 7 แปลง (บริเวณฌาปนสถาน กองทัพอากาศ) เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามมาตรา 1304 (3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และเป็นที่ราชพัสดุ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ.2518 โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ตามความเห็นของ คณะกรรมการกฤษฎีกา และมีกองทัพอากาศเป็นผู้ใช้ประโยชน์มาโดยตลอด 

2.) ค่าใช้จ่ายการในการณาปนกิจผู้ที่เสียชีวิตมีความเป็นธรรมและมีการแสดงราคาค่าใช้อย่างชัดเจน รวมทั้งเป็นไปตามระเบียบของทางราชการ ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถเลือกบริการหรือจัดหาสิ่งของบางอย่างมาเองได้ตามอัธยาศัย มิได้มีการบังคับแต่อย่างใด รวมทั้งเน้นการบริหารจัดการด้วยความโปร่งใส โดยมีกองการฌาปนกิจสงเคราะห์ กรมสวัสดิการทหารอากาศ เป็นหน่วยงานดูแลรับผิดชอบ มีวัตถุประสงค์เพื่อไว้เป็นสถานที่ในการฌาปนกิจศพทหารผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งเป็นสถานที่ให้กำลังพลกองทัพอากาศ ทั้งในและนอกประจำการ ตลอดจนสมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์กองทัพอากาศได้ใช้เป็นที่ฌาปนกิจศพ รวมทั้งบริการด้านสุสานในการเก็บศพและเก็บอัฐิในราคาสวัสดิการ  

สำหรับรายได้จะนำเข้ากองทุนฌาปนสถานกองทัพอากาศ เพื่อไว้ใช้จ่ายในกิจการฌาปนสถาน อาทิเช่น ค่าบุคลากร ค่าสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายในการสร้าง รักษา ซ่อมแซม และบูรณะอาคารสถานที่ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมา กองทัพอากาศได้มีการพัฒนาการปรับปรุงและก่อสร้างเมรุเผาศพขึ้นใหม่เพื่อให้ได้มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและถูกต้องตามกฎหมาย โดยผ่านเกณฑ์การตรวจจากกรุงเทพมหานคร เพื่อการให้บริการที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น

3.) คดีพิพาทดังกล่าว อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นอุทธรณ์ของศาลปกครองสูงสุด หากศาลมีคำพิพากษาเป็นประการใด กองทัพอากาศยินดีปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลทุกประการ

ทั้งนี้ โฆษกกองทัพอากาศยืนยันว่า “กองทัพอากาศมีความพร้อมปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและให้ความสำคัญต่อความรับผิดชอบต่อสังคม โดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ”

สคบ. จ่อ คุมห้ามขายหัวเข็มขัดนิรภัยรถยนต์ปลอม

นายพิฆเนศ ต๊ะปวง ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ ได้หารือถึงแนวทางการควบคุมสินค้าที่มีลักษณะเป็นหัวเสียบเข็มขัดนิรภัยสำหรับรถยนต์ ซึ่งใช้เสียบลงไปเพื่อป้องกันไม่ให้เสียงเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยดังขึ้น และสามารถขับรถโดยที่ไม่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย โดยเรื่องนี้ที่ประชุมเห็นว่า ควรออกมาแจ้งเตือนให้ประชาชนไม่ให้ซื้อสินค้าประเภทนี้มาใช้เพราะนอกจากผิดกฎหมายทางด้านจราจรแล้วยังมีความเสี่ยงหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น อาจทำให้ร่างกายได้รับการบาดเจ็บที่รุนแรง  

สำหรับสินค้าในลักษณะนี้ จากการตรวจสอบพบว่ามีการนำมาขายอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะการขายผ่านออนไลน์ตามแพล็ตฟอร์มชื่อดังต่าง ๆ โดยผู้ขายจะโฆษณาว่า สินค้าชนิดนี้ใช้ได้กับรถยนต์ทุกยี่ห้อ มีลักษณะเป็นหัวเข็มขัดนิรภัยที่ทำออกมาเลียนแบบหัวเข็มขัดนิรภัยที่ใช้จริงในรถยนต์ มีราคาหลักร้อยต้น ๆ วิธีใช้เพียงแค่เสียบหัวเข็มขัดนิรภัยปลอมนี้เข้ากับที่เสียบเข็มขัดนิรภัยรถยนต์ก็ทำให้สัญญาณเตือนให้คาดเข็มขัดดับลง และผู้ขับก็ไม่ต้องคาดเข็มขัดในเวลาขับรถ เพราะจะทำให้เกิดความอึดอัด และสามารถขับรถได้สะดวกมากขึ้น 

ทั้งนี้คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาถึงสินค้าประเภทนี้ โดยมีความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน เช่น เรื่องของมาตรฐานความปลอดภัยของสินค้า ซึ่งทางผู้แทนของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม รายงานว่า ในปัจจุบันเข็มขัดนิรภัยมีมาตรฐานอุตสาหกรรมกำกับอยู่แล้ว แต่จะครอบคลุมเข้มขัดนิรภัยทั้งชุด ไม่ได้แยกแค่หัวเสียบออกมาเหมือนที่มีผู้ผลิตแยกออกมาขาย เป็นหัวเข็มขัดปลอมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเสียงเตือน ดังนั้นสินค้าที่นำมาวางขายจึงไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแล

“ธนาธร” เทียบชัด! เปิดข้อมูลโควิดรัฐไทย-ตปท.ต่างกันฟ้ากับเหว มีไฟล์ก็โหลดไม่ได้-วอนรัฐเปิดเผยโปร่งใส สร้างความเชื่อมั่นประชาชน

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะะก้าวหน้า จัดเฟซบุ๊กไลฟ์รายการ “คิดไปข้างหน้ากับธนาธร” ทางเพจ Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใสในการบริหารจัดการสถานการณ์โควิดและการจัดการวัคซีน โดยยกตัวอย่างการจัดการที่น่าสนใจจากต่างประเทศ มานำเสนอให้เห็นทิศทางการจัดการที่เหมาะสม

โดยนายธนาธร ระบุว่าเดือนมิถุนายนนี้เป็นเดือนที่สำคัญ ที่รัฐบาลไทย มีแผนที่จะฉีดวัคซีนในปริมาณมากให้แก่ประชาชน โดยมีเป้าหมายที่จะฉีดในให้ได้ภายในเดือนมิถุนายน 5-6 ล้านโดส หมายความว่าในหนึ่งวันจะต้องฉีดถึง 2 แสนโดสต่อวัน และเดือนต่อๆ ไปอาจจะต้องเพิ่มศักยภาพในการฉีดไปถึง 5 แสนโดสต่อวัน 

ซึ่งหากรัฐบาลทำไม่ได้ตามแผนนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ประเทศไทยจะกลับสู่สภาวะปกติได้ช้าลงไป แต่ละวันที่ผ่านไปคือความเสียหายที่จะเกิดกับประชาชน

***ยกเคส “ดีทรอยท์” เปิดข้อมูลสารพัด เข้าถึงง่าย โหลดได้ทันที มีทุกอย่าง ตั้งแต่จำนวนวัคซีนไปถึงการใช้จ่ายของรัฐ***

โดยนายธนาธรได้ยกตัวอย่างที่น่าสนใจ คือกรณีของเมืองดีทรอยท์ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่มีประชากร 6 แสนคน พื้นที่ 300 กว่าตารางกิโลเมตร หากเข้าไปดูที่หน้าเว็บไซต์ของเมืองดีทรอยท์ จะเห็นได้ว่าเมื่อเข้ามาถึงจะพบกับกำหนดการฉีดวัคซีนทันที เมื่อเลื่อนลงมาดูก็จะเห็นข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด และข้อมูลข่าวสารที่ประชาชนควรรับรู้เป็นลำดับถัดมา

จากนั้น นายธนาธรได้นำเสนอหน้าเว็บไซต์ของเมืองดีทรอยท์ พร้อมแสดงให้เห็นว่าในเว็บไซต์เพียงเว็ปเดียวนี้ มีข้อมูลทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด ไม่ว่าจะเป็นไทม์ไลน์ ซึ่งสามารถดูย้อนหลังได้, จำนวนเตียงที่มีอยู่และใช้ไปแล้ว ทั้งในโรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนาม ฮอสปิเทล และห้องไอซียู, ผลการตรวจหาเชื้อในประชากร แสดงจำนวนและสัดส่วนระหว่างผลบวกและผลลบ รวมถึงแยกเป็นตามพื้นที่และประเภทการตรวจ

จำนวนผู้ป่วยแยกย่อยถึงระดับรายอำเภอและตำบล, จำนวนผู้ได้รับวัคซีนแล้ว, จำนวนวัคซีนที่ได้รับมาจากรัฐบาลกลาง ลงรายละเอียดไปถึงว่ามีวัคซีนยี่ห้ออะไรในจำนวนเท่าไหร่บ้าง, สถานที่ฉีดวัคซีนทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน มีในจุดใดบ้าง และมีวัคซีนยี่ห้ออะไรให้เลือกบ้าง, และข้อมูลนโยบายที่จูงใจให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน

นอกจากนี้ ในหน้าเว็บไซต์ยังมีการแสดงข้อมูลการใช้จ่ายงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสถานการณ์โควิด ทั้งข้อมูลกิจกรรมที่มีการเบิกจ่าย จำนวนเงินที่มีการเบิกจ่าย ฯลฯ ที่ทำให้เห็นว่ารัฐบาลใช้งบประมาณไปกับอะไรบ้าง เบิกจ่ายให้กับใครไปบ้าง

ซึ่งทั้งหมด ล้วนแต่เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับประชาชนและสามารถเข้าดูได้ทันทีผ่านออนไลน์ โดยไม่มีการปกปิดหรือขั้นตอนที่ยุ่งยากในการเข้าดู

***เปิดเว็ปรัฐบาลไทยเทียบจะๆ ไร้ฐานข้อมูลเปิดให้ประชาชน ถึงมีปุ่มให้กดแต่ก็โหลดไม่ได้*** 

จากนั้น นายธนาธรได้ลองเข้าเว็บไซต์ของฝั่งไทยเพื่อเปรียบเทียบกัน โดยยกตัวอย่างหน้าเว็บไซต์ของกรุงเทพมหานครฯ ซึ่งแม้จะมีอินโฟกราฟฟิก แต่ก็ไม่มีฐานข้อมูลที่ลึกและตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ ไม่ว่าจะเรื่องการบริหารจัดการวัคซีน ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนวัคซีนที่ได้รับมา และมีวัคซีนอะไรบ้าง รวมถึงข้อมูลประชากรที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์โควิด ซึ่งบนหน้าเว็บไซต์ของกรุงเทพมหานครฯ ล้วนแต่ไม่มีข้อมูลเหล่านี้อยู่เลย

ส่วนบนหน้าเว็บไซต์ data.go.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ฐานข้อมูลกลางของรัฐบาล จะพบว่ามีข้อมูลที่เกี่ยวกับสถานการณ์โควิดจำนวนหนึ่ง เช่นจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน ซึ่งสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ แต่ต้องกรอกอีเมล วัตถุประสงค์การใช้งาน และรายละเอียดของการใช้ข้อมูล

ซึ่งทำให้เห็นว่าการจะเข้าไปหาข้อมูลที่มีความสำคัญเช่นนี้ ไม่สะดวกสบายและไม่ง่ายเลยสำหรับประชาชน เมื่อเทียบกับตัวอย่างของเมืองดีทรอยท์ ที่ประชาชนสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ทุกข้อมูลในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งพาวเวอร์พอยท์และเอ็กเซล พร้อมให้ประชาชนเข้าถึงได้ในทันที

ส่วนรายงานข้อมูลด้านอื่นๆ เช่น รายงานข้อมูลโควิดในแต่ละเคส มีการแสดงผลให้ดาวน์โหลดได้ในรูปแบบ API แต่เมื่อกดเข้าไปแล้ว กลับไม่สามารถเข้าถึงหรือดาวน์โหลดได้ ขึ้นแสดงผลบนหน้าจอเป็นเพียงข้อความว่า “ไม่สามารถเปิดหน้าเว็ปนี้ได้ เนื่องจากเซิฟเวอร์หยุดการโต้ตอบ”

***ธนาธรโทรเอง! ต่อ DGA ขอทางเข้าถึงข้อมูลวัคซีน สุดท้ายได้คำตอบ “โหลดไม่ได้เหมือนกัน” ***

จากนั้น นายธนาธร ได้กดโทรศัพท์ไปสอบถามวิธีการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว กับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ซึ่งเป็นผู้ดูแลเว็บไซต์ ซึ่งต้องพบกับข้อความอัตโนมัติให้กดเบอร์ภายในหรือกดเลือกติดต่อกับโอเปอเรเตอร์ โดยนายธนาธรเลือกกดติดต่อโอเปอเรเตอร์เพื่อสอบถามการเข้าถึงข้อมูล เจ้าหน้าที่ได้โยนให้นายธนาธรติดต่อไปที่อีกเบอร์หนึ่งแทน

ซึ่งนายธนาธรได้ติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ได้รับมา ซึ่งเป็นส่วนของ DGA Contact Center ก็ต้องพบกับระบบข้อความอัตโนมัติเหมือนเดิม และเมื่อติดต่อกับโอเปอเรเตอร์ได้แล้ว นายธนาธรได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่เพื่อสอบถามถึงการเข้าถึงข้อมูลเป็นระยะหนึ่ง ก่อนที่จะได้รับคำตอบว่าข้อมูล API ดังกล่าวไม่สามารถดาวน์โหลดได้ และทางสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ก็ไม่สามารถช่วยให้นายธนาธรเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ด้วยเช่นกัน นายธนาธรจะสามารถดาวน์โหลดได้เฉพาะข้อมูลที่มีหน้าแสดงผลขึ้นมาให้ดาวน์โหลดได้เท่านั้น พร้อมแนะนำให้นายธนาธรติดต่อไปขอข้อมูลจากกรมควบคุมโรคโดยตรงแทน

นายธนาธร จึงได้สอบถามกลับไปว่าถ้าไม่ให้ดาวน์โหลดแล้วเหตุใดจึงมีแท็บให้กดดาวน์โหลด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ตอบกลับว่าข้อมูลในส่วนนี้ ตนทราบเพียงว่าทางกรมควบคุมโรคเป็นผู้นำมาลงในเว็บไซต์ แต่ก็ไม่ทราบรายละเอียดว่าเหตุใดจึงไม่อนุญาตให้ดาวน์โหลดได้ และทางสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัลก็ไม่สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้เช่นเดียวกัน

***วอนรัฐบาลปรับปรุงการทำงาน เปิดข้อมูลทุกด้าน สร้างความเชื่อมั่นประชาชน จูงใจประชาชนรับวัคซีน***

หลังจากวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว นายธนาธรได้กล่าวต่อไป ว่าจากการค้นหาเพิ่มเติม ตนก็พบว่าความจริงภาครัฐก็มีการเปิดเผยข้อมูลบางส่วนอยู่บ้าง ในเรื่องของการเก็บรักษา การกระจาย และจำนวนสต็อกวัคซีนเช่นกัน เช่น บนเว็บไซต์ของกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม

แต่เมื่อลงไปดูในรายละเอียด ก็จะพบได้ว่าฐานข้อมูลที่นำมาแสดงยังน้อยเกินไป ไม่มีการอัพเดทให้เท่าทันสถานการณ์ ไม่มีการเปิดเผยอย่างกว้างขวางให้ประชาชนได้รับรู้ว่ามีฐานข้อมูลนี้ หนำซ้ำข้อมูลบางอย่างก็ไม่ตรงกันเอง บ้างก็ขัดแย้งกันเองด้วย

นายธนาธรกล่าวต่อไป ว่าเรื่องของการเปิดเผยข้อมูลมีความสำคัญอย่างมาก เพราะรัฐบาลที่มีความใส่ใจในประชาชนอย่างแท้จริง ย่อมต้องให้ความสำคัญและมีความพยายามอย่างมากในการเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนเข้าถึงได้ โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวกับวัคซีน ไม่ว่าจะเรื่องของจำนวนที่มีอยู่ ยี่ห้ออะไรบ้าง ฉีดไปแล้วเท่าไหร่ในแต่ละพื้นที่ เหลือวัคซีนอยู่เท่าไหร่ รวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อแยกย่อยเป็นรายพื้นที่

การเปิดเผยข้อมูลเช่นนี้จะทำให้คนมีความเชื่อมั่นในรัฐบาล และยังทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบาย เข้าถึงข้อมูลได้หมด ซึ่งจะนำไปสู่การชักจูงให้ประชาชนไปฉีดวัคซีนมากขึ้น เพราะมีความเชื่อมั่นในรัฐบาล

วัตถุประสงค์ของการฉีดวัคซีน คือการฉีดให้เยอะที่สุดและเร็วที่สุด ที่จะทำให้เกิดการป้องกันการแพร่ระบาดและการเสียชีวิตของประชาชน ซึ่งจะทำอย่างนี้ได้รัฐบาลต้องให้ข้อมูลกับประชาชนให้มากที่สุด ทำให้ประชาชนไว้ใจรัฐบาลและได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น

“อยากฝากถึงรัฐบาล ว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้ที่ผมนำเสนอไม่ได้เกินความสามารถ ใช้แล้วในหลายเมืองทั่วโลก ประเทศไทยก็มีศักยภาพที่จะทำได้ ถ้ารัฐบาลมีความจริงใจในการเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดให้กับประชาชน ประชาชนจะได้ไม่ต้องมาสับสนกันว่าตกลงตอนนี้วัคซีนรับมาเท่าไหร่แล้ว มีอยู่ในมือเท่าไหร่ จะต้องไปลงทะเบียนที่ไหน ก็หวังว่ารัฐบาลจะมีการปรับปรุงกระบวนการตรงนี้ เพื่อให้ประเทศไทยมีภูมิคุ้มกันหมู่ได้เร็วที่สุด ประชาชนจะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานต่อการยืดเยื้อของสถานการณ์โควิดเช่นนี้” นายธนาธรกล่าวทิ้งท้าย

“วิษณุ” ปัดตอบ ข้อข้องใจฝ่ายค้านกรณีตั้งงบลับ ชี้ ให้สำนักงบฯ แจง ส่วนพ.ร.ก.กู้ 5 แสนล้าน ให้ “รมว. คลัง” แจง

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีฝ่ายค้านออกมาตั้งข้อสังเกตว่าแต่ละหน่วยงานของรัฐบาลตั้งงบลับจำนวนมาก ว่า ไม่รู้เรื่อง ไม่ทราบเรื่อง ให้ถามสำนักงบประมาณจะดีกว่า และไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่ละหน่วยงานสามารถตั้งงบประมาณลับของตัวเองได้ ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ขอตอบ เพราะไม่รู้เรื่อง และไม่ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดทำงบประมาณ เมื่อถามย้ำว่านายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีความสงสัยในเรื่องนี้ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็อ่านอยู่เหมือนกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 8 มิ.ย.นี้ ต้องซักซ้อมความพร้อมให้รรม.ก่อนที่จะชี้แจงพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท ที่จะเข้าอภิปรายสภาฯ วันที่ 9 มิ.ย.นี้ อย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี เพราะเป็นเรื่องของนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ชี้แจง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top