Saturday, 7 June 2025
Politics

ด่วน! ผู้ว่าฯสมุทรสาคร ‘วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี’ติดโควิด เร่งตรวจสอบคนใกล้ชิด-กลุ่มเสี่ยงสูงขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ ผลตรวจเป็นลบ แต่ต้องกักตัว 14 วัน หลังร่วมกิจกรรมกับผู้ว่าฯสมุทรสาคร

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ยอมรับว่า มีข้าราชการระดับสูงของจังหวัดสมุทรสาครติดเชื้อโควิด หลังจากมีกระแสข่าวระบุว่านายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครติดเชื้อโควิด-19

โฆษก ศบค.ระบุอีกว่า ขณะนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยการทำ swap test และกักตัว เนื่องจากได้เข้าร่วมทำกิจกรรมและประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร

ด้านคนใกล้ชิดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า ได้ทราบข่าวดังกล่าวแล้ว และยืนยันผลการตรวจดังกล่าวว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งนายอนุทินเองก็ได้รับการตรวจ ทั้งการ ตรวจหาเชื้อจากโพรงจมูกและคอหรือ SWAP (สวอป) แล้วและผล ออกมาเมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 ธันวาคมนี้พบว่า เป็นลบ แต่อย่างไรก็ตาม นายอนุทินจะเข้ากักตัวเป็นเวลา 14 วันตามมาตรการของด้านสาธารณสุข ดังนั้นในวันอังคารที่ 29 ธันวาคมนี้นายอนุทินจะไม่ได้เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่อย่างใด

 

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (28 ธันวาคม พ.ศ.2563)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 144 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 6,285 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 60 ราย รักษาหายเพิ่ม 19 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 4,180 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2,045 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 144 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จาก สวิตเซอร์แลนด์ 1 ราย ,เนเธอร์แลนด์ 1 ราย ,เนปาล 1 ราย ,สหรัฐอเมริกา 2 ราย ,อินเดีย 1 ราย ,เยอรมนี 1 ราย ,ญี่ปุ่น 3 ราย ,สหราชอาณาจักร 3 ราย ,เดนมาร์ก 1 ราย ,ตุรกี 1 ราย

ผู้ติดเชื้อในประเทศ (มีประวัติเชื่อมโยงกับ Cluster จ.สมุทรสาคร และ จ.ระยอง) จำนวน 115 ราย

ผู้ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าว (คัดกรองเชิงรุกในชุมชน) 14 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 152 ราย รักษาหายแล้ว 149 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 364 ราย รักษาหายแล้ว 360 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 7.13 แสน ราย รักษาหายแล้ว 5.84 แสน เสียชีวิต 21,237 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 37 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.05 แสน ราย รักษาหายแล้ว 84,411 ราย เสียชีวิต 452 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.22 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.03 แสน ราย เสียชีวิต 2,601 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.7 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.39 แสน ราย เสียชีวิต 9,109 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,524 ราย รักษาหายแล้ว 58,370 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,441 ราย รักษาหายแล้ว1,303 ราย เสียชีวิต 35 ราย

“ผู้บัญชาการทหารบก” สั่งหน่วยทหารดูแลประชาชนรับมือ COVID-19 พร้อมจัดทหารชุด Army delivery ลงช่วยชุมชนที่เดือดร้อน กำชับให้หน่วยจัดอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อให้ทหารตามแนวชายแดนอย่างเหมาะสม

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ประชุมหน่วยขึ้นตรงทั่วประเทศด้วยระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ รับทราบความคืบหน้าสถานการณ์ COVID-19 ในแต่ละพื้นที่

โดยได้สั่งการให้หน่วยทหารในทุกจังหวัดให้การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ตามมาตรการของแต่ละจังหวัด ควบคู่ไปกับการดูแลช่วยเหลือประชาชน

ทั้งนี้กองทัพบก มอบให้หน่วยทหารเข้าช่วยเหลือประชาชนตามมาตรการที่เคยปฏิบัติตั้งแต่เริ่มมีสถานการณ์ COVID-19 อาทิ การช่วยเหลือ ผู้มีรายได้น้อย ผู้ด้อยโอกาส หรือผู้พิการทุพพลภาพตามศักยภาพของหน่วย การช่วยรับซื้อพืชผลทางการเกษตรจากเกษตรกรโดยตรง การกระจายรายได้ให้กับชุมชนในรูปการซื้อเครื่องอุปโภค - บริโภค จากร้านค้าขนาดเล็กเพื่อมาประกอบเลี้ยง

รวมถึงการจัดชุด Army delivery มอบเครื่องยังชีพ ลดรายจ่าย ครัวพระราชทานประกอบเลี้ยง จำหน่ายผลผลิตราคาถูกจากโครงการทหารพันธุ์ดี โดยเฉพาะการช่วยรับซื้อสินค้าเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากความไม่มั่นใจในเรื่องการปนเปื้อนในขณะนี้ เช่น อาหารทะเล เป็นต้น เพื่อช่วยสร้างความมั่นใจและเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรง

ให้ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากในขณะนี้

ทั้งนี้ ในส่วนของสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ที่ได้เปิดช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าสนับสนุนเกษตรกรและ SME ในชื่อ “OHLALA-SHOPPING” ก็จะสามารถช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบได้อีกช่องทางหนึ่ง

ในเรื่องของสุขอนามัยส่วนรวม กองทัพบกได้มอบให้หน่วยทหารให้การสนับสนุนภาคส่วนต่าง ๆ ในการทำความสะอาดลดการปนเปื้อนของเชื้อโรค โดยเฉพาะสถานที่สาธารณะที่มีประชาชนไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก อาทิ สถานีขนส่ง ตลาด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการไปใช้บริการ

รวมทั้งได้มอบให้กรมวิทยาศาสตร์ทหารบกจัดเตรียมน้ำยาเคมี สารฆ่าเชื้อและชุดปฏิบัติการวิทยาศาสตร์เพื่อสนับสนุนทุกภาคส่วนในการลดล้างสิ่งปนเปื้อนตามการร้องขอ รวมไปถึงในช่วงเทศกาลปีใหม่ให้พิจารณาแจกจ่ายหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์กระจายให้กับประชาชนอย่างกว้างขวาง

สำหรับการดูแลหน่วยทหารและกำลังพล โดยเฉพาะผู้ที่ออกปฏิบัติงานในพื้นที่ต่าง ๆ รวมถึงกำลังพลที่ปฏิบัติงานเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศไทยตามแนวชายแดนนั้น ผู้บัญชาการทหารบก ได้ให้ความสำคัญพร้อมแสดงความห่วงใย

โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ควบคุมสูงสุด กำชับให้หน่วยได้จัดอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อให้เหมาะสม เพียงพอ และมีความปลอดภัย รวมทั้ง กำชับให้ ศบค.19 ทบ. กำกับดูแลให้หน่วยทหารเคร่งครัดตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในระดับหน่วย กำลังพล ครอบครัว และทหารกองประจำการ

ทั้งนี้ ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร กองทัพบกโดยกองทัพภาคที่ 1 ยังคงให้การสนับสนุนทางจังหวัด ณ กองอำนวยการร่วม (ส่วนหน้า) ที่ตลาดกลางกุ้ง ได้มีการจัดวางแนวรั้วด้วยเครื่องกีดขวางรอบพื้นที่ควบคุมดังกล่าว จัดชุดลาดตระเวนเดินเท้าและรถยนต์ ชุดเฝ้าตรวจตลอด 24 ชั่วโมง

ล่าสุด ได้จัดตั้งกองอำนวยการร่วมอีกหนึ่งพื้นที่ ณ สนามกีฬากลางจังหวัด ซึ่งเตรียมจัดตั้งเป็น “ศูนย์ห่วงใยคนสาคร” เพื่อใช้เป็นพื้นที่ควบคุมและเฝ้าระวังโรค

รมว.แรงงาน ‘สุชาติ ชมกลิ่น’ กำชับสำนักงานประกันสังคม ดูแล ลูกจ้าง ผู้ประกันตน เดินทางช่วงเทศกาลหยุดยาวปีใหม่ ย้ำเจ็บป่วยฉุกเฉินเข้ารักษารพ. ทุกแห่งไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมเตือนการ์ดอย่าตกช่วงวิกฤตโควิด 19

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยลูกจ้าง ผู้ประกันตน และประชาชน ในการเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ กำชับ นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เร่งหน่วยงานในกำกับสำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ ให้บริการรวมถึงอำนวยความสะดวก พร้อมประชาสัมพันธ์ เรื่องกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินแก่ ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ในการเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลปีใหม่

พร้อมกำชับ ลูกจ้าง ผู้ประกันตน การ์ดอย่าตกในช่วงวิกฤตโควิด-19 หลีกเลี่ยงกิจกรรมการรวมตัวของคนจำนวนมา ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค พร้อมดูแลสุขภาพตัวเอง สวมหน้ากากอนามัยขณะเดินทาง ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยเจลแอลกอฮอล์ เพื่อความปลอดภัย ปลอดโรค

ด้านนายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใย ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ที่จะเดินทาง กลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวปีใหม่ 2564

ซึ่งมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน พร้อมกำชับสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ ให้บริการรวมถึงอำนวยความสะดวก พร้อมเร่งประชาสัมพันธ์ เรื่องกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน แก่ ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ในขณะเดินทางด้วยความระมัดระวัง ในการขับขี่ยานพาหนะ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะเดินทาง

พร้อมแนะนำให้พกบัตรประจำตัวประชาชน ติดตัวไว้ หากเกิดเจ็บป่วยฉุกเฉินหรือได้รับอุบัติเหตุ หรือมีอาการเจ็บป่วยกะทันหัน ลูกจ้าง ผู้ประกันตน สามารถเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดได้ทันที ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมจะพิจารณา จ่ายประโยชน์ทดแทนค่าบริการทางการแพทย์ให้ภายใน 72 ชั่วโมง ตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กำหนด

ทั้งนี้ขอให้ผู้ประกันตน หรือโรงพยาบาลที่ให้การรักษา และผู้ที่เกี่ยวข้อง แจ้งโรงพยาบาลที่ผู้ประกันตนเลือกไว้ทราบโดยเร็ว ตั้งแต่เข้ารับการรักษา เพื่อให้โรงพยาบาลรับผิดชอบให้บริการทางการแพทย์ให้กับผู้ประกันตนต่อไป

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยังได้ย้ำในเรื่อง การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้วิธีป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่นี้ ให้กับ ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ที่จะเดินทางออกนอกบ้านในช่วงนี้ หรือเดินทางกลับภูมิลำเนา ให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว

โดยไม่จำเป็น และรวมตัวของคนจำนวนมาก และง่ายต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค พร้อมดูแลสุขภาพตัวเองอย่าประมาท สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า ตลอดเวลา หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยเจลแอลกอฮอล์ เพื่อคนไทยปลอดภัย ปราศจากโรคแน่นอน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 12 แห่ง สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขา/ที่ท่านสะดวก หรือโทร 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง

กระทรวงคมนาคมแถลงผลงานรอบ 1 ปี เร่งรัดพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และบริการด้านคมนาคม เชื่อมโยงเส้นทางสู่ทุกภูมิภาคทุกมิติ ทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ เดินหน้าสู่การคมนาคมขนส่งที่ยั่งยืน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมผู้บริหารกระทรวง แถลงผลการดำเนินงาน “การขับเคลื่อนนโยบายคมนาคมสู่การปฏิบัติ” ประจำปี 2563 ของกระทรวงคมนาคม โดยระบุว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ได้เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโยบายเร่งรัดพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และบริการด้านคมนาคม เชื่อมโยงเส้นทางสู่ทุกภูมิภาค โดยเฉพาะ นโยบายเร่งด่วน จำนวน 4 เรื่อง

1.) เร่งรัดแก้ไขปัญหาโครงการก่อสร้างล่าช้าที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น โครงการก่อสร้างบนถนนพระราม 2

2.) แก้ไขปัญหา PM 2.5 ที่เกิดจากรถบรรทุก รถโดยสารสาธารณะ เรือโดยสาร พร้อมตรวจสอบสภาพและดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

3.) ปรับเวลาเดินรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป เข้าเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ในช่วงเวลาหลัง 24.00 น. ถึง 04.00 น. เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการจราจร และการใช้รถใช้ถนนของประชาชนในปัจจุบัน

4.) กำหนดอัตราความเร็วรถบนถนน 4 ช่องทางจราจรขึ้นไปให้ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อระบายการจราจรให้คล่องตัวยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลา 1 ปี ยังได้ติดตามเร่งรัดการดำเนินการโครงการขนาดใหญ่ ให้คืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งริเริ่มโครงการใหม่ ๆ ทั้งทางบก ราง น้ำ และอากาศ เพื่อให้โครงข่ายคมนาคมขนส่งทั่วประเทศมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทั้งมิติคมนาคมทางบก ทางราง ทางน้ำและทางอากาศ โดยมีกำหนดเปิดให้บริการท่าอากาศยานเบตง ในปี 2564 เปิดประตูเศรษฐกิจและการค้าชายแดนใต้ รองรับผู้โดยสาร 869,000 คนต่อปี

“ต่อจากนี้ไปกระทรวงคมนาคม จะเดินหน้าพัฒนาโครงข่ายและบริการด้านคมนาคมขนส่งของไทยต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ” นายศักดิ์สยาม กล่าว

วิษณุ เผยไม่ง่อนหลังสื่อมอบ ‘ไฮเตอร์ เซฮร์วิส’ มองหยอกล้อสนุกปีละหน - คนกันเอง พร้อมเคลียร์ปมล็อคดาวน์ชัด ‘ไม่ล็อค’ แต่มาตรการแต่ละจังหวัดคุมเข้มไม่ต่างจากล็อค

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีฉายาประจำปีที่ได้รับ ‘ไฮเตอร์ เซฮร์วิส’ ว่า ไม่รู้สึกงอนที่ได้รับฉายานี้ เพราะตนอยู่ที่นี่มา 30 ปี เจอฉายาทุกปี อีกทั้งเป็นการหยอกล้อเล่นกันสนุกปีละหนคนกันเอง

แค่อยากถามว่าเคยอ่านเรื่องอิเหนาหรือไม่ ช่วยตอนที่กระเซ้าเหย้าแหย่ อิเหนาบอกว่าพี่รักดอกจึงหยอกเล่น เพื่อให้เป็นประเวณีเสนหา ไม่รู้เลยว่าเจ้าจะโกรธา กระนี้พี่ยาจะหยอกไย ดังนั้น ผู้สื่อข่าวก็อยากจะพูดหยอกอย่างเดียวกันกับอิเหนา ฉะนั้น ปีหน้าตั้งใหม่

ทั้งนี้ได้มีการถาม วิษณุ อีกเกี่ยวกับการพิจารณาล็อกดาวน์ในช่วงปีใหม่ วิษณุ กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น โดยนายกฯ ได้เกริ่นมาก่อนหน้านี้แล้วว่า 7 วัน จนถึงปีใหม่ เป็นช่วงเวลาที่เราจะประเมิน เพราะความรุนแรงจะยังไม่มาก

แม้ความกระจายจะเกินขึ้นในหลายพื้นที่ เขาจึงไม่ให้จังหวัดไหนเป็นแดงทั้งหมด หรือส้มทั้งหมด ถ้าแดงก็แดงเป็นอำเภอไป แต่พอหลังปีใหม่การประเมินจะต้องเข้มข้นขึ้น เพราะจะมีการเข้ามาของชาวต่างประเทศมากขึ้น วันนี้เป็นเรื่องของการหนีเข้ามา ลักลอบเข้ามา จากนี้จะต้องดูที่จะเข้ามาอย่างเป็นทางการเป็นร้อย ๆ

ดังนั้น จะประเมินกันอีกครั้งหนึ่ง แต่ในช่วง 30 ธันวาคม - 1 มกราคม จะประเมินกันอีกครั้งหนึ่ง ถ้าตัวเลขน่ากลัวก็จะคิดกันอีกทีว่าจะทำอย่างไร เพราะคงจะไปเจอในช่วงวันเด็ก วันครู หรือวันตรุษจีน

อย่างไรก็ตามแม้ทุกวันนี้จะไม่ถึงขั้นล็อดดาวน์ แต่ วิษณุ ก็มองว่า คล้ายๆ อยู่แล้ว โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดมีอำนาจ ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งความจริงไม่ต้องมีหรอกข้อกำหนดนี้ เพราะผู้ว่าฯ มีอำนาจตามกฎหมายโรคติดต่อทำได้เลย แต่ผู้ว่าฯ จะสั่งการโดยไม่มีความมั่นใจ

ฉะนั้น พ.ร.ก.จะไปคุ้มครองให้ผู้ว่าฯ มีความมั่นใจมากขึ้น จะปิดบ้าน ปิดเมือง หรืออะไรก็ตาม ผู้ว่าฯ สามารถประเมิน และสั่งการได้เลย นอกจากนี้ ยังมีการฟื้นศูนย์โควิดของกระทรวงมหาดไทยขึ้นมาใหม่ เพื่อที่จะให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยสามารถควบคุมผู้ว่าฯ ทั้ง 76 ได้ ดังนั้น วันนี้ ประชาชนที่จะเดินทางไป - กลับ ภูมิลำเนาสามารถทำได้

นอกจากนี้ วิษณุ ยังได้กล่าวถึงกรณีการพิจารณาวันหยุดพิเศษเพิ่มเติมว่า อาจจะหยุดช่วงไหน หรือเดือนไหนก็ได้ที่ไม่มีวันหยุด หรืออาจจะใส่เข้าไป 1 วัน ที่ติดกับวันเสาร์ - อาทิตย์ ซึ่งอาจจะต้องหารือกับ ครม. อีกครั้งหนึ่ง

เรียกว่าย้ำกันรายวัน กับการออกมาสร้างความมั่นใจในการกินกุ้งของทั้งภาครัฐและประชาชน โดยล่าสุดครม.กินกุ้งกระตุ้นความเชื่อมั่น ไม่ติดโควิดและช่วยผู้ค้าอาหารทะเลได้อีกทาง

เที่ยงนี้ ครม. กินกุ้ง ! “รมต.อนุชา” ตรวจสอบคุณภาพอาหารทะเล ก่อนจะนำมาปรุงสุกเสิร์ฟครม. เน้นย้ำ เรื่องความสะอาด ถูกสุขอนามัย พร้อมให้ความเชื่อมั่น ปชช. โควิดไม่ติดต่อ จากอาหารทะเล


ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีตรวจสอบคุณภาพอาหารทะเลก่อนจะนำมาปรุงสุกเสิร์ฟคณะรัฐมนตรี และผู้เข้าร่วมประชุมรับประทานกลางวันนี้ เน้นย้ำเรื่องความสะอาด ถูกสุขอนามัย พร้อมให้ความเชื่อมั่นกับพี่น้องประชาชนว่าโควิดไม่ติดต่อจากอาหารทะเล ขอให้ช่วยกันบริโภคอาหารทะเลมากขึ้น นอกจากจะได้รับประโยชน์ทางโภชนาการแล้ว ยังช่วยผู้ค้าขายอาหารทะเลด้วย

ภายหลังการติดเชื้อโควิด-19 ของ วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ทำให้มีการตรวจสอบผู้ที่เข้าใกล้ชิด โดยเฉพาะคณะทำงานร่วม ที่ประกอบด้วยคณะนายทหารหลายรายไม่พบการติดเชื้อโควิด-19 แต่ต้องเฝ้าระวังกักตัว 14 วัน

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าตามที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ติดเชื้อโควิด-19 โดยจากการสอบสวนโรค พบว่า ในส่วนของกองทัพบก ซึ่งมีคณะนายทหาร นำโดยรองเสนาธิการทหารบก 

ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก (ผอ.ศบค.19 ทบ.) และ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความมั่นคงภายใน กอ.รมน (ผอ.ศรมน. กอ.รมน) และส่วนคณะของ กอ.รมน รวม จำนวน 6 นาย ได้เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด โดยร่วมประชุมกับ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 63 ระหว่างการลงพื้นที่ปฎิบัติภารกิจในนามกองทัพบก และกอ.รมน เพื่อประสานงานและให้การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อกับทางจังหวัดนั้น

ต่อมาคณะนายทหารได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อ 28 ธ.ค. 63 ‘ผลการตรวจเป็นลบ ไม่พบการติดเชื้อทุกราย’ อย่างไรก็ตามขณะนี้ ทุกคนได้เข้าสู่การเฝ้าระวังโรค โดยกักตัวเอง 14 วัน เพื่อสังเกตอาการให้ปลอดภัยตามมาตรการของสาธารณสุข

โดยในระหว่างนี้ทางกรมแพทย์ทหารบก จะเป็นผู้ให้คำแนะนำ ดูแลอาการตามมาตรฐานของ ศบค.อย่างไรก็ตาม ทุกคนยังคงสามารถปฎิบัติงานต่อเนื่องได้ด้วยระบบ Work From Home จนครบกำหนดเวลา

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในรายของ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา

โดยนายอเนก และ แพทย์หญิงจิรพร เหล่าธรรมทัศน์ คู่สมรส แจ้งว่า มีทรัพย์สินทั้งหมด 203,074,468 บาท หนี้สิน 3,095,998 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 199,978,470 บาท โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่คือที่ดิน 64 รายการทั้งที่ดินในพื้นที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย, อ.เมืองลำปาง อ.เกาะคา อ.เถิน จ.ลำปาง, อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์, อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร, อ.เมืองน่า จ.น่าน, อ.ธาตุพนม จ.นครพนม

ขณะเดียวกันยังมี น.ส.3 ก. ในพื้นที่ อ.มุกดาหาร จ.นครพนม และ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ มูลค่ารวม 99,150,500 บาท เงินฝาก มูลค่ารวม 23,807,575 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง รวม 5 รายการในพื้นที่ พระโขนง ราชเทวี กทม.และ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มูลค่ารวม 22,590,000 บาท เงินลงทุน 29 รายหารส่วนใหญ่ลงทุนในกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ กองทุนเปิดบัวหลวง มูลค่ารวม สิทธิและสัมปทาน 13 รายการ โดยส่วนใหญ่เป็นประกันชีวิต และยังมีสิทธิสมาชิก Pacific City Clup แบบตลอดชีพ 2 รายการ มูลค่ารวม 12,049,815 บาท ยานพาหนะ 5 รายการ มูลค่ารวม 2,970,000 บาท

ทรัพย์สินอื่น มูลค่ารวม 24,645,600 บาท โดยทรัพย์สินที่น่าสนใจอาทิ ปากกา 11 รายการ นาฬิกา 73 รายการ พระเครื่องกรองทอง และสร้อยคอทองคำ 110 รายการ แหวนประดับอัญมณี 90 รายการ เครื่องประดับ 44 รายการ พระเครื่องและพระพุทธรูป 41 รายการ และเหรียญที่ระลึก ทองคำ โลหะมีค่า 19 รายการ ส่วนหนี้สิน ส่วนใหญ่เป็นเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น ซึ่งระบุว่าเป็นการจำนองห้องในคอนโดภูมิมานวิว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 2 ห้อง และเงินเบิกเกินบัญชีบัตรเครดิต 2 รายการ

นอกจากนี้นายเอนกและคู่สมรสยังแจ้งว่า มีรายได้รวมต่อปี 6,928,880 บาท โดยส่วนใหญ่เป็นรายได้จากเงินเดือนของแพทย์หญิงจิรพร ซึ่งดำรงตำแหน่งคณบดี คณะเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และผู้ทรงตุณวุฒิด้านการแพทย์ ในคณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ รวมกว่า 5,300,000 บาท นอกจากนั้นยังมีรายได้จากค่าเช่าห้องชุดประมาณ 240,000 บาท โดยมีรายจ่ายรวม 6,376,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว เบี้ยประกันชีวิต ผ่อนจ่ายเงินกู้ ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว เป็นต้น

หลังมีผู้ติดเชื้อเข้าร่วมการประชุมคณะอนุกรรมาธิการศึกษาผลกระทบกาสิโนออนไลน์ โดยมีผู้เกี่ยวข้องในวันดังกล่าว 29 คน เบื้องต้นมีการตรวจพบ 28 คนไม่ติดเชื้อโควิด-19 แต่ยังมีอีก 1 รายที่ผลตรวจคลุมเครือ

ที่รัฐสภา นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมเจ้าหน้าที่จากสำนักการแพทย์ประจำรัฐสภา แถลงถึงสถานการณ์โควิด-19 หลังมีผู้ติดเชื้อเข้าร่วมประชุมคณะอนุกรรมาธิการศึกษาผลกระทบกาสิโนออนไลน์ที่มาจากต่างประเทศที่รัฐสภา เมื่อ 21 ธ.ค. ว่า

“หลังจากที่ได้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการประชุมวันดังกล่าว 29 คน ทั้งข้าราชการ เจ้าหน้าที่ พนักงานเสิร์ฟ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่คาดว่ามีความเสี่ยงสูง ไปตรวจที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล 24 คน

ซึ่งผลออกมาไม่พบเชื้อ ส่วนอีก5 คนไปตรวจที่โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล ผลปรากฏว่า 4 คนไม่พบเชื้อ แต่อีก1 คน ผลออกก่ำกึ่ง ยังสรุปผลไม่ได้ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าติดเชื้อ แต่ต้องส่งตรวจเพิ่มเติมโดยให้ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจอีกครั้ง ซึ่งจะทราบผลภายใน1 วัน

นพ.สุกิจ กล่าวยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นบทเรียนที่รัฐสภา ต้องแก้ไข เพราะแม้จะวางมาตรการเข้ม ทั้งวัดอุณหภูมิ ให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา แต่ไม่สามารถคัดกรองได้ 100% ซึ่งต้องทบทวนโดยเฉพาะเรื่องการเว้นระยะห่าง ในห้องประชุมกรรมาธิการ ที่มีพื้นที่จำกัด

“สำหรับผู้ที่เข้าร่วมประชุมอนุกรรมาธิการฯในวันดังกล่าว มีทั้งสิ้น 22 คน แยกตรวจหาเชื้อเอง ซึ่งทางสภาไม่ทราบผล โดยทั้ง 22 คน มีอนุกรรมาธิการ 7 คน เป็น ส.ส. 3 คน และคนนอก4 คน ที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการฯ12 คน ที่ปรึกษาประธานอนุกรรมาธิการ 1 คน และผู้ติดตามประธานอนุกรรมาธิการฯ 2 คน

ซึ่ง 1 ใน 2 คนติดเชื้อตามที่ปรากฎเป็นข่าว นอกจากนี้ยังมีตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทย 4 คน และกรมสรรพากร 5 คน แต่ไม่ได้เข้าชี้แจงพร้อมกัน และมีเจ้าหน้าที่อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งได้ประสานไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนเจ้าหน้าที่ที่เข้ารับการตรวจหาเชื้อให้ Work from home ทั้งหมด”

ส่วนการทำความสะอาดรัฐสภาหลังจากนี้นั้น นพ.สุกิจ กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกับ ผอ.รักษาความปลอดภัยแล้ว ยืนยันว่าก่อนเปิดประชุมหลังปีใหม่ จะมีการทำความสะอาด แต่ยังไม่กำหนดบิ๊กคลีนนิ่งใหญ่ โดยจะพยายามทำให้มากที่สุด

พร้อมทั้งได้สั่งการเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดในจุดเสี่ยงแล้ว โดยเฉพาะห้องประชุมใหญ่ และห้องกรรมาธิการ พร้อมขอความร่วมมือผู้ที่เข้ามาภายในรัฐสภาให้ลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชันไทยชนะด้วย เพื่อให้ง่ายต่อการสอบสวนโรค


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top