Saturday, 21 June 2025
Politics

‘บิ๊กตู่’ กังวลโควิด แพร่ไม่หยุด เรียกถก ศบค.ขุดใหญ่พรุ่งนี้ เตรียมออกมาตรการชั้นสูงสุดป้องกัน หวั่น หลังสงกรานต์คนกลับจากภูมิลำเนาขยายวงกว้างอีก

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระรอกเดือนเมษายน ทำให้มีผู้ติดเชื้อในประเทศไทยขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งขณะนี้ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับจากภูมิลำเนาหลังเทศกาลสงกรานต์ ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความกังวล จะเกิดการแพร่ระบาดต่อเนื่อง ได้มีการพูดคุยและหารือกับกระทรวงสาธารณสุขและ ศบค. เตรียมกำหนดมาตรการเข้มงวดและประกาศใช้โดยเร่งด่วน ทั้งนี้ในเวลา 13.30 น. วันที่ 16 เมษายน 2564 นี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เรียกประชุม คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ครั้งที่ 5/2564 ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล

สำหรับการประชุม วาระแรกเป็นการรับรองรายงานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ครั้งที่ 4/2564 จากนั้นศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด - 19 กระทรวงสาธารณสุขรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ และที่น่าจับตาคือศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เสนอการยกระดับมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อโควิด - 19 ในการระบาดระลอกเมษายน 2564 และแผนการให้บริการวัคซีนโควิด - 19 ของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด - 19 ของกระทรวงสาธารณสุข

ทั้งนี้ ในที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ เตรียมออกประกาศและคำสั่งที่เกี่ยวข้อง อาทิ การประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 11), ประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ , การประกาศ เรื่อง การให้ข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ

นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 ที่ 4/2564   เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548

ในช่วงท้าย การประชุม กองบัญชาการกองทัพไทย จะเสนอแนะแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด - 19 ตามแนวชายแดน

รองโฆษก ประชาธิปัตย์ เตือนสติ "ดร.อานนท์" ไม่กล่าวหาใครแบบไม่มีที่มา ก่อนถูกด้อยค่าเป็นนักวิชาเกิน

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ นิด้า โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวพาดพิงพรรคในหลายประเด็น โดยใช้คำเรียกแทนว่าเป็นพรรคเก่าแก่ และล่าสุดในวันที่ 14 เมษายน 2564 ได้ออกมาให้ความเห็นอีกครั้งด้วยการคาดเดานั้น ในฐานะที่ตนเองเป็นสมาชิกพรรคจึงจำเป็นต้องตอบโต้ เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด

โดยนางดรุณวรรณ กล่าวว่าในฐานะที่ตนเองเป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่ง การที่อยู่ดีๆ มีคนมากล่าวหาพรรคของตนเอง เปรียบเสมือนมีใครสักคนมายืนตะโกนด่าที่หน้าบ้าน หากไม่ลุกขึ้นมาตอบโต้หรือชี้แจงก็คงเป็นเรื่องที่ผิดวิสัย โดยเฉพาะคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นนักวิชาการ มีลูกศิษย์ลูกหามากมายมากล่าวหาแบบลอย ๆ อ้างอิงเพียงแค่การใช้คำว่าข่าวกรองเพื่อหวังสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคนฟัง และสร้างความเกลียดชังให้กับผู้ถูกกล่าวหาบนตรรกะที่เป็นเรื่องผิดเพี้ยน

“ในฐานะที่เป็นศิษย์เก่าในสถาบันเดียวกันกับที่อาจารย์เป็นผู้สอน ได้ถูกปลูกฝังให้ยึดถือในค่านิยม Wisdom for Change หรือการมีปัญญาเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น ผู้ที่มีปัญญาย่อมจะไม่ทำในสิ่งที่โง่เขลา และควรมีจิตสำนึกที่ดีในการทำงานเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวม… เฉกเช่นเดียวกับการเป็นนักวิชาการที่จะไปเป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับสังคม สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือการพูดจาหรือนำเสนอสิ่งใด ๆ จึงต้องมีเอกสารหรือหลักฐานอ้างอิง ไม่กล่าวหาใครแบบลอย ๆ และหากมีหลักฐานใดที่พิสูจน์ได้ว่าข้อกล่าวหาของ ดร.อานนท์ เป็นความจริง ก็ควรนำมาแสดง เพื่อไม่ให้ข่าวกรองถูกด้อยค่าเป็นได้แค่ข่าวลือ แบบเขาเล่าว่า หรือ ใครบอกมาอย่างที่นักวิชาเกินส่วนใหญ่ชอบทำกัน” นางดรุณวรรณ กล่าว

นางดรุณวรรณ ยังกล่าวเสริมในตอนท้ายด้วยว่า อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณ ดร.อานนท์ ที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด พรรคเป็นสถาบันการเมืองเก่าแก่อยู่มา 75 ปี และก้าวขึ้นสู่ปีที่ 76 ไปเมื่อไม่นานมานี้ ได้สั่งสมประสบการณ์และผลงานมาตลอดระยะเวลานาน จากรุ่นสู่รุ่น ไม่ได้ใช้เวลาเพียงชั่วข้ามคืนในการสร้างตัวเองให้เป็นที่รู้จัก ส่วนตัวยังเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์และ ดร.อานนท์ ยังมีจุดร่วมที่ตรงกันหลายประเด็นในการมุ่งเน้นทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ โดยมีประชาชนเป็นที่ตั้ง จึงอยากให้เปิดใจ ไม่ใช้อคติในการตัดสิน และพรรคพร้อมยินดีน้อมรับคำตำหนิติชมจากทุกฝ่าย แต่ขอให้อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง

พรรคประชาธิปัตย์ ห่วงสถานการณ์โควิด เลื่อนประชุมใหญ่ จากเดิมกำหนด วันที่ 25 เมษายน 2564

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการประชุมใหญ่สามัญประจำปีว่า จากที่ได้มีการกำหนดนัดประชุมใหญ่ประจำปี 2564 ในวันที่ 25 เมษายน 2564 นั้นพรรคเห็นว่าเนื่องจากสถานการณ์ การแพร่ระบาดโค-วิด19 มีความเป็นห่วงว่าจะเกิดความเสี่ยงและเกิดความยากลำบากในการเดินทางมาของสมาชิกพรรคที่เป็นองค์ประชุมเพราะในหลายจังหวัดมีมาตรการค่อนข้างเข้มงวดเป็นอย่างมาก และการรวมกลุ่มบุคคลที่มีจำนวนหลายร้อยคนจะเกิดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ได้ 

ทางพรรคจึงขอเลื่อนการประชุมประชุมใหญ่สามัญประจำปี ที่ต้องจัดภายในเดือนเมษายน 2564 ออกไปก่อนและจะได้ทำหนังสือแจ้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งต่อไป หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19คลี่คลายลงจะได้กำหนดนัดประชุมใหญ่ต่อไป

นายราเมศกล่าวต่อว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ที่ได้นัดประชุมในวันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2564 ก็ได้เลื่อนออกไปด้วยเช่นกัน

'ทิพานัน' ตอกเพื่อไทยความคิดตื้นเขิน ยัน 'บิ๊กตู่' ทำงานทุกวัน เน้นทำมากกว่าพูด ไม่ออกสื่อไม่ใช่ไม่ทำงาน จี้ 'อนุสรณ์' หยุดดูถูกประชาชน ฝ่ายค้านควรยกระดับมาตรฐานตรวจสอบรัฐบาลอย่างมีหลักการ

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาประกาศตามหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้มาทำงานสั่งการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยอ้างว่านายกฯ หายไปตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2564 ว่า ไม่ทราบว่านายอนุสรณ์เอาตรรกะหรือหลักฐานใดมากล่าวหาพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ทำงาน หากเป็นเรื่องของการที่ไม่ได้ออกมาแถลงข่าวหรือให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อด้วยตนเองแล้วนำมาสรุปว่า ไม่ได้ทำงานนั้น ก็สะท้อนถึงความคิดที่ตื้นเขินของนายอนุสรณ์อย่างเห็นได้ชัด เป็นการทำการเมืองแบบเก่าที่จ้องทำลายและดิสเครดิตคนทำงาน ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ถนัดทำมากกว่าพูด การทำงานในรูปแบบของศูนย์บริหารสถานการณ์มีการสั่งการที่รวดเร็ว เด็ดขาด  และยังปรับเปลี่ยนตามวิถีนิวนอร์มอล

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ เฝ้าติดตามสถานการณ์และห่วงใยใส่ใจพี่น้องประชาชนตลอด โดยตลอดเวลามีการสั่งการผ่านศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือ ศบค. ที่ท่านสวมหมวกเป็นผู้อำนวยการศูนย์อยู่ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ได้กำหนดเรียกประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันศุกร์ที่ 16 เม.ย.นี้ เวลา 13.30 น. แบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์  โดยมีวาระสำคัญในการพิจารณารายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ ส่วนที่น่าจับตาคือศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ที่จะมีการเสนอยกระดับมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ในการระบาดระลอกใหม่ในเดือน เม.ย.2564 และแผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ของศปก.สธ. พร้อมเตรียมจะออกประกาศและคำสั่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง  โดยขณะนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ สรุปและประเมินถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของมาตรการต่างๆ ในแต่ละสถานการณ์เพื่อให้ได้มาตรการที่ดีที่สุดต่อสุขภาพอนามัยและเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน 

“ขอให้นายอนุสรณ์ หยุดดูถูกพี่น้องประชาชน  หากไม่สามารถจับประเด็นที่เป็นสาระหลักๆและเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน และประเทศชาติมาวิจารณ์ได้ ก็จะรบกวนอยู่เฉยๆ แต่ที่ต้องหยิบยกมาพูดถึง เพราะอยากให้พรรคเพื่อไทยยกระดับการสื่อสารต่อสาธารณะ และมีมาตรฐานในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างมีหลักการมากขึ้น” น.ส.ทิพานัน กล่าว

"ศุภชัย" เผย! พรรคภูมิใจไทย ทำหนังสือแจ้ง กกต.เลื่อนประชุมสามัญใหญ่ 64 ที่ชาติชายฮอลล์แล้ว ป้องกันแพร่ระบาดโควิด - 19

เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2564 นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรค พรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือที่ 04/011/2564 ลงวันที่ 9 เมษายน พ.ศ.2564 เรื่องขอเลื่อนประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ของพรรคภูมิใจไทย แจ้งกับนายทะเบียนพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยระบุว่า คณะกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยเห็นชอบให้จัดประชุมสามัญใหญ่ประจำปี 2564  ในวันที่ 24 เมษายน พ.ศ.2564 เวลา 08.00 - 13.30 น. ที่อินดอร์ สเตเดียม (ชาติชายฮอลล์) โดยเชิญคณะกรรมการบริหารพรรค รัฐมนตรีหัวหน้าสาขาพรรค ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด และสมาชิกพรรค รวม 1,500 คน เข้าร่วมงาน 

อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยขณะนี้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่องในหลายจังหวัดทั่วประเทศ การจัดประชุมใหญ่ก็อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในวงกว้างได้ ซึ่งจะส่งผลเสียหายต่อการควบคุมและการป้องกันการแพร่ระบดของไวรัสโควิด-19 ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของสมาชิกพรรค และไม่เป็นการซ้ำเติมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว ให้ตกอยู่ในภาวะวิกฤตมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม พรรคภูมิใจไทยจึงขอเลื่อนการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ออกไปก่อน และหากสถานการณ์คลี่คลายลง พรรคภูมิใจไทย จะได้เร่งจัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคทันทีในโอกาสแรก เพื่อเป็นไปตาม มาตรา 39 มาตรา 43 และมาตรา 61 แห่ง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ต่อไป

“ศรีสุวรรณ” เตรียมร้อง "บิ๊กตู่” เอาผิดจริยธรรม ผช.รมต.ยุติธรรม หลังคน พปชร.แฉ ส่งคนสอบแทน

เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2564 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ตามที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กับนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม (ผช.รมต.) เกิดความขัดแย้งกันกรณีออกมาเปิดโปงว่ามี ผช.รมต.ให้คนไปเรียนภาษาอังกฤษและให้สอบแทน ตามหลักสูตร ป.เอก ของสถาบันภาษา ม.รามคำแหง เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ โดยมีการเผยแพร่หลักฐานเป็นเอกสารทางราชการจากสถาบันภาษา ม.รามคำแหงด้วย 

ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคม แม้เป็นเรื่องภายในของพรรคพปชร.และผช.รมต.คนดังกล่าวไม่ได้เป็น ส.ส. ดังนั้น การสอบสวนเอาผิดจะต้องดำเนินการตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง 2551 เป็นหลัก ซึ่งเข้าข่ายฝ่าฝืนหลายข้อ อาทิ ข้อ 8 ข้อ 9 และข้อ 10 ที่กำหนดไว้ขัดเจนว่า ข้าราชการการเมืองต้องปฏิบัติตนอยู่ในกรอบจริยธรรม คุณธรรมและศีลธรรม ทั้งโดยส่วนตัวและโดยหน้าที่ความรับผิดชอบต่อสาธารณชน วางตนให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาของประชาชน

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ประมวลจริยธรรมดังกล่าวกำหนดให้นายกรัฐมนตรีมีหน้าที่กํากับดูแลการประพฤติปฏิบัติตนของข้าราชการการเมืองท่ีนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งให้เป็นไปตามระเบียบในกรณีที่พบว่ามีการประพฤติ ปฏิบัติตนที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบนี้ จึงขอให้นายกรัฐมนตรี ดําเนินการลงโทษเพื่อสร้างบรรทัดฐานของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มิได้เป็น ส.ส.ต่อไป โดยจะไปยื่นคำร้องในวันจันทร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ.2564 เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล

"แรมโบ้" โต้ "หญิงหน่อย" ทำประโยชน์เพื่อชาติ-ปชช. ซัด! อย่าใช้ปากโจมตีคนทำงาน

เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่านายกรัฐมนตรี ไร้ประสิทธิภาพบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 และวัคซีน และให้หยุดโทษประชาชน พร้อมทบทวนการทำงานตัวเอง ว่า นายกฯไม่เคยกล่าวโทษใคร ไม่เคยโทษประชาชน ซึ่งการแก้ไขปัญหานอกจากเป็นหน้าที่ของรัฐบาลแล้ว จะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งประชาชน นักการเมืองฝ่ายค้าน ไม่ใช่คอยซ้ำเติม จ้องโจมตีทำลายล้างโดยไม่สนใจจะแก้ไขปัญหาช่วยกัน

นายเสกสกล กล่าวว่า คุณหญิงสุดารัตน์ ควรมีข้อเสนอแนะที่ดีมาช่วยรัฐบาล ยืนยันว่านายกฯให้ความสำคัญกับประชาชน ไม่เหมือนบรรดานักการเมือง โดยเฉพาะฝ่ายค้าน รวมถึงคุณหญิงสุดารัตน์ พรรคไทยสร้างไทย ที่ออกพูดกล่าวโจมตี ไม่ให้กำลังใจการทำงานนายกฯ รัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่เคยหยุดการวิพากษ์วิจารณ์ กล่าวหาเพื่อหวังผลทางการเมืองโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบจิตใจของบุคลากรที่ทำงานทุ่มเทอย่างหนัก ซึ่งคุณหญิง เคยเป็นอดีตรมว.สาธารณสุข ต้องออกมาช่วยเหลือประเทศ อะไรที่สามารถลงมือทำได้ก็ขอให้ลงมือทำบ้าง ไม่ใช่ใช้ปากพูด กล่าวโทษคนอื่นอย่างเดียว การติติงนายกฯและรัฐบาลไม่ได้ห้าม แต่การกล่าวหาใส่ความทุกเรื่องทำให้ตนต้องออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงเพราะบางเรื่องไม่เอาความจริงมาพูด แต่กล่าวหาใส่ความเพื่อให้ประชาชนเกลียดชังนายกฯและรัฐบาล อย่างนี้ถือเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้ได้หรือไม่

“บิ๊กบี้” กักตัว14วัน -ตรวจแล้วไม่พบเชื้อ หลังนายพลสำนักงานฯติดโควิด ยกระดับเข้มมาตรการ ลดจำนวนคนในที่ตั้งหน่วย เผย รพ.สนาม ทบ.รองรับทหารจาก รพ. พระมงกุฎฯ ที่เพิ่มขึ้น

เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2564 มีรายงานว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้กักตัวที่บ้านพักภายใน กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 ทม.รอ.) เป็นระยะเวลา14 วัน ตั้งแต่วันที่ 10 - 23 เมษายน พ.ศ.2564 เนื่องจากสัมผัสใกล้ชิดกับนายทหารชั้นยศนายพลภายในสำนักงานผู้บังคับบัญชา (สำนักงาน ผบ.ทบ.) ที่ตรวจพบเชื้อ โควิด-19 เมื่อวันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา โดยพล.อ.ณรงค์พันธ์ ได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แล้ว ผลออกมาเป็นลบ แต่ยังคงกักตัวต่อไป จนกว่าจะครบกำหนด 

สำหรับทหารทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานฯ ช่วงก่อนวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีความเสี่ยงสูง รวมถึง ครอบครัว คนที่ใกล้ชิด ได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อทั้งหมด และได้กักตัวตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีหนังสือด่วยแจ้งไปยัง นขต.ทบ. ระหว่างที่ผบ.ทบ.เวิร์คฟอร์มโฮมตั้งแต่เริ่มวันหยุดเทศกาลสงกรานต์เป็นต้นมา ยังคงสั่งการหน่วยขึ้นตรง ทบ.สนับสนุนภารกิจการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามของรัฐในหลายจังหวัด และเร่งรัดจัดตั้งโรงพยาบาลสนามกองทัพบก 2 แห่ง ที่ค่ายธนะรัชต์ และ อาคารรับรองทบ. (เกียกกาย) โดยเฉพาะที่เกียกกาย ได้จัดไว้รองรับผู้ป่วยที่เป็นกำลังพลและครอบครัวที่ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ 

ไล่ตั้งแต่กรณีของกลุ่มทหารม้า จากกิจกรรมเตะฟุตบอล และร่วมรับประทานอาหาร งานวันสถาปนาหน่วย กองพันทหารม้าที่ 3 รักษาพระองค์ (ม.พัน 3 รอ.) ซึ่งมีนายทหารระดับผู้บังคับบัญชา ของกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม. 2 รอ.) ติดเชื้อ รวมถึงเคสอื่น ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น โดยจุดประสงค์ของการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ทบ.เพื่อต้องการจะแบ่งเบาภาระด้านสาธารณสุขของประเทศที่กำลังรับมือกับจำนวนผู้ป่วยรายวันที่เพิ่มขึ้นหลักพันคน

อย่างไรก็ตาม ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ทบ. ยังได้แจ้งหน่วยขึ้นตรง ทบ. จัดกำลังพลปฎิบัติงาน ณ ที่ตั้งหน่วยน้อยที่สุด ในอัตราส่วนแค่ 1 ใน 4 ตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย. เป็นต้นไป และผู้ที่เข้ามาปฏิบัติงานต้องไม่ใช่กำลังพลที่เดินทางกลับต่างจังหวัดช่วงเทศกาลสงกรานต์ด้วย

ปชป.เป็นกำลังให้บุคลากรทางการแพทย์ - จนท.รัฐ ขอบคุณที่เสียสละดูแลปชช.

เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2564 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า ขอเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ พยาบาล อสม. เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ทุกคนได้มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขอบพระคุณทุกท่าน ที่ได้เสียสละ ขอให้มีขวัญกำลังใจในการทำงาน ประชาชนคนไทยทุกคนจะเป็นกำลังใจ และอยู่เคียงข้าง ทุกคนคือด่านหน้าที่มีความเสี่ยงจากการปฏิบัติหน้าที่ แต่ทุกช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทุกคนยังปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ย่อท้อขอชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง

นายราเมศ กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนจะช่วยบุคลากรทางการแพทย์ได้คือ การปฏิบัติตนตามหลักวิธีการในการป้องกัน และคำแนะนำจากรัฐด้วยความมีวินัย การไม่รวมกลุ่มกันสังสรรค์ การเว้นระยะห่าง การล้างมือ การใส่หน้ากาก ลดกิจกรรม ลดการเดินทาง เพื่อลดการติดเชื้อใหม่ ๆ ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดดีขึ้นและที่สำคัญควรรับฟังข่าวสารจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เป็นหลัก เพื่อให้ได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องป้องกันความสับสน 

ขอเป็นกำลังใจให้นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทุกคน ฝ่ายการเมืองไม่ควรคิดว่าตนเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล แต่หน้าที่ที่สำคัญของทุกคนคือความสามัคคีในการร่วมด้วยช่วยกันเพื่อช่วยเหลือประชาชนคนละไม้คนละมือ หยุดโจมตีรัฐบาลในเรื่องการทำงานในสถานการณ์โควิดบ้างก็จะเกิดประโยชน์ ไม่ใช่ว่าไม่ให้ติติง ไม่ให้เสนอแนะ แต่ควรทำอย่างสร้างสรรค์ รัฐบาลพร้อมรับฟังอยู่แล้ว ประชาชนก็จับตาดูอยู่เช่นกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top