Thursday, 19 June 2025
Politics

“ชัยวุฒิ” ไม่หนักใจ โซเชียลตีรัฐบาลหนัก ชี้ มีกฎหมายจัดการ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมครั้งที่ 1 /2554 ว่า วันนี้เป็นการทำงานวันแรกหลังได้รับตำแหน่ง โดยประชุมเรื่องกองทุนดิจิทัลฯ ที่จะเป็นเงินทุนใช้เกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทั้งภาครัฐและเอกชน  จากนั้นในช่วงบ่ายจะเข้าปฎิบัติงานที่กระทรวงดีอีเอส เพื่อเร่งรัดงานที่ค้างอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่าหนักใจในการทำงาน ในสถานการณ์ที่มีการกล่าวจาบจ้วงและโจมตีรัฐบาลบนโซเชียลมีเดียหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่หนักใจ ค่อย ๆ แก้ปัญหาไป ทุกอย่างมีทางออกและทุกเรื่อง เราต้องหาทางออกร่วมกันกับทุกฝ่าย 

เมื่อถามว่าจำเป็นต้องตั้งวอร์รูมเพื่อมอนิเตอร์ความเคลื่อนไหวบนโซเชียลหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ยังไม่ได้หารือกันในเรื่องนี้ เมื่อถามย้ำว่าต้องจับตาการกระทำผิดเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มากขึ้นหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ที่ทำอยู่ก็ดีอยู่แล้ว และกระบวนการที่ทำอยู่เป็นไปด้วยดี หากมีอุปสรรคก็คงต้องปรับแก้และทำไป ไม่น่ามีอะไรหนักใจ เพราะมาตรา 112 เป็นกฎหมายอยู่แล้ว และหน่วยงาน ทุกภาคส่วนก็บังคับใช้ตามกฎหมายนี้อยู่แล้ว

‘ลุงตู่’ ยังมา!! นิด้าโพล เผยผลโพล ยก ‘ประยุทธ์’ รั้งเบอร์ 2 นั่งต่อ ส่วนเบอร์ 1 = ยังหายาก

"นิด้าโพล" เปิดผลสำรวจคนเชียร์เป็นนายกฯ ‘ลุงตู่’  ยังรั้งอันดับ 2 ขณะที่ ‘หญิงหน่อย’ อันดับ 3 ตามมาด้วย ‘เสรีพิศุทธ์’ อันดับ 4 ส้วนทางด้านพรรคการเมือง ‘เพื่อไทย’ ยังนำ เป็นพรรคการเมืองที่ประชาชนสนับสนุนมากสุด

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 1/2564” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 23 – 26 มีนาคม 2564 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,522 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า



อันดับ 1 ร้อยละ 30.10 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้

อันดับ 2 ร้อยละ 28.79 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะ เป็นคนตรงไปตรงมา ตัดสินใจได้เด็ดขาด มีความซื่อสัตย์ มีโครงการต่าง ๆ ที่ช่วยเหลือประชาชนทุกเพศทุกวัยได้อย่างทั่วถึง ชื่นชอบในการบริหารงานได้ดี เหมาะสมให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว 

อันดับ 3 ร้อยละ 12.09 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เพราะอยากให้ผู้หญิงขึ้นมาบริหารประเทศบ้าง  มีประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาได้ดี เป็นคนตรงไปตรงมา มีความเป็นผู้นำ และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว

อันดับ 4 ร้อยละ 8.72 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) เพราะเป็นคนตรงไปตรงมา พูดจริง ทำจริง ชื่นชอบนโยบายและการทำงานของพรรค มีความซื่อสัตย์ และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว 

อันดับ 5 ร้อยละ 6.26 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะอยากได้คนรุ่นใหม่มาบริหารประเทศ อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ชื่นชอบนโยบายพรรค และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว

อันดับ 6 ร้อยละ 3.25 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ 

อันดับ 7 ร้อยละ 2.70 ระบุว่าเป็น นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคกล้า) เพราะเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง กล้าคิด กล้าทำ มีความสามารถทางด้านเศรษฐกิจ  มีผลงานในการทำงานที่ดีตั้งแต่อยู่พรรคเก่า มีความซื่อสัตย์ และมีความน่าเชื่อถือ 

อันดับ 8 ร้อยละ 2.02 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล  (พรรคภูมิใจไทย) เพราะ มีผลงานในการทำงานที่ดี โดดเด่น เป็นคนตรงไปตรงมา และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว

อันดับ 9 ร้อยละ 1.90 ระบุว่าเป็น  นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ (พรรคเพื่อไทย) เพราะชื่นชอบการทำงานและผลงานของพรรคในการช่วยเหลือประชาชน และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว 

อันดับ 10 ร้อยละ 1.15 ระบุว่า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ (พรรคเศรษฐกิจใหม่) เพราะ มีนโยบายพรรคที่ชัดเจน มีวิสัยทัศน์ที่ดี น่าจะช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ดี และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว 

และร้อยละ 3.02 ระบุอื่นๆ ได้แก่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม (พรรคไทยภักดี) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ)  นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นายชลน่าน ศรีแก้ว (พรรคเพื่อไทย) นายเทวัญ ลิปตพัลลภ (พรรคชาติพัฒนา) นายชวน หลีกภัย (พรรคประชาธิปัตย์)  พลเอกประวิตรวงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ)

และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 4/63 เดือนธันวาคม 2563 พบว่า ผู้ที่ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีสัดส่วนลดลง ในขณะที่ผู้ที่ระบุว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส นายกรณ์ จาติกวณิช นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ และไม่ตอบ/ไม่สนใจ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น



ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 29.82 ระบุว่า ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย อันดับ 2 ร้อยละ 22.13 ระบุว่า พรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 16.65 ระบุว่า พรรคพลังประชารัฐ อันดับ 4 ร้อยละ 13.48 ระบุว่า พรรคก้าวไกล อันดับ 5 ร้อยละ 7.10 ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 6 ร้อยละ 3.81 ระบุว่า พรรคเสรีรวมไทย อันดับ 7 ร้อยละ 3.25 ระบุว่า พรรคภูมิใจไทย อันดับ 8 ร้อยละ 1.03 ระบุว่า พรรคชาติไทยพัฒนา และร้อยละ 2.73 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคกล้า พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคเพื่อชาติ พรรคชาติพัฒนา พรรคไทยภักดี พรรคประชาชาติ พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย พรรคไทยศรีวิไลย์ และไม่ตอบ/ไม่สนใจ

และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 4/63 เดือนธันวาคม 2563 พบว่า ผู้ที่ระบุว่า พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคก้าวไกล และพรรคประชาธิปัตย์ มีสัดส่วนลดลง ในขณะที่ผู้ที่ระบุว่า ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย พรรคเสรีรวมไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

"วราวุธ" แจง มติปลดชัยวัฒน์ เหตุต้องทำตามป.ป.ท. ยัน ไม่ทำให้ ขรก.ใจฝ่อ ชี้ช่อง ยื่นอุทธรณ์ได้

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(อ.ก.พ.ทส.) มีมติลงโทษปลดออก นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ. สำนักบริหาร พื้นที่อนุรักษ์ ที่ 9 อุบลราชธานี อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ตามที่คณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) ชี้มูลลงโทษ ว่า หลังจากที่ป.ป.ท.มีมติและส่งเรื่องมาให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยเห็นว่ามีความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง จากนั้น อ.ก.พ.ของกระทรวงก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายภายใน 30 วัน จึงได้มีการประชุม และได้ตัดสินออกมาดังกล่าว 

ทั้งนี้ อ.ก.พ. กระทรวง ไม่สามารถย้อนคำตัดสินหรือเปลี่ยนแปลงคำตัดสินของ ป.ป.ท.ได้ สิ่งที่ทำได้จากนี้ คือนายชัยวัฒน์ สามารถไปยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของ ป.ป.ท. แต่ในส่วนของกระทรวงก็รู้สึกเห็นใจเจ้าหน้าที่แต่ละคนที่ทำงานด้วยความยากลำบาก ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ แต่เมื่อมีคำตัดสินอันนี้ออกมา ถ้า อ.ก.พ.กระทรวง ไม่ปฏิบัติตาม คำตัดสินของ ป.ป.ท.ที่ออกมานั้น อ.ก.พ. กระทรวงก็จะมีความผิด ฐานไม่ปฏิบัติตามหน้าที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐมนตรีจะเรียกขวัญข้าราชการในกระทรวงอย่างไรเพราะบางกลุ่ม ได้ตั้งกลุ่มเซฟชัยวัฒน์ขึ้น นายวราวุธ กล่าวว่า เชื่อว่าข้าราชการทุกคนจะเข้าใจถึงกลไกการทำงานของกระทรวงของ ป.ป.ท.และ อ.ก.พ.กระทรวง เพราะเมื่อป.ป.ท.มีมติออกมาในระดับของกระทรวงคงทำอะไรได้ไม่มาก  

เมื่อถามว่าขณะนี้ นายชัยวัฒน์ ได้ยื่นอุทธรณ์ต่ออนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) ของกระทรวง แล้วหรือยัง นายวราวุธ กล่าวว่า นายชัยวัฒน์ จะต้องไปยื่นอุทธรณ์กับ ป.ป.ท. เพราะไม่สามารถยื่นอุทธรณ์กับ อ.ก.พ.กระทรวงได้ 

เมื่อถามว่า อาจมีข้าราชการบางส่วน ที่รู้สึกว่า ทำงานดีมาตลอด แต่เมื่อเจอคดีนายชัยวัฒน์เช่นนี้ อาจรู้สึกใจฝ่อไป นายวราวุธ กล่าวว่า คดีเช่นนี้มีเกิดขึ้นหลายครั้ง และเมื่อไปยื่นอุทธรณ์ หรือบางครั้งก็มีคำสั่งศาลปกครองกลับคำสั่ง ซึ่งทางออกก็ต้องคืนตำแหน่งให้กับข้าราชการคนนั้น ๆ ซึ่งข้าราชการทุกคนก็ได้เห็นกลไกดังกล่าวมาโดยตลอด คงจะเข้าใจ 

เมื่อถามว่า ล่าสุดมีกลุ่มบุคคลหรือเอกชน เช่น แอ๊ด คาราบาว ตั้งกลุ่มขึ้นมาเซฟชัยวัฒน์ นายวราวุธ กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิ์ของแต่ละท่านที่จะดำเนินการ แต่ทุกอย่างดำเนินการตามระเบียบ และข้อบังคับของกระทรวง เพราะไม่เช่นนั้น อาจจะเกิดปัญหาอีกหลายกรณี เราจึงต้องทำตามระเบียบที่มีอยู่ ซึ่งก็สามารถยื่นอุทธรณ์ได้

ปชป. เคลื่อนกิจกรรมขยายฐานมวลชนคนรุ่นใหม่ ผ่านแคมเปญ Social Media in Use

คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ กรุงเทพมหานคร ที่มีนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ เป็นประธาน ได้จัดกิจกรรมอบรมการใช้งานโซเชียลมีเดียในชีวิตประจำวัน  “Social Media in Use”  สำหรับบุคคลทั่วไป หรือ Young Digital Democrat  ที่โรงแรมสุดาพาเลซ เพื่อให้องค์ความรู้ในการนำโซเชียลมีเดียไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้สำหรับคนทุกวัย ทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ

โดยมีเนื้อหาที่น่าสนใจทั้งการพูดคุยกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ของพรรค ทั้ง ผศ.ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เจ้าของเพจ ENVIRONMAN ภายใต้หัวข้อ สามหนุ่ม สามมุมนักการเมืองรุ่นใหม่ สวมหัวใจโซเชียลมีเดีย ดำเนินรายการโดยนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคฯ 

นอกจากนี้ยังมีการบรรยายพร้อมฝึกปฏิบัติการเกี่ยวกับการใช้งานด้านโซเชียลมีเดียอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจโดยทีมวิทยากรมืออาชีพ ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมส่วนใหญ่สะท้อนความรู้สึกประทับใจที่ได้รับองค์ความรู้ในการใช้งานโซเชียลมีเดียที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวันและมุมมองจากนักการเมืองรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ในการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการทำงานทางด้านการเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“สิระ” ท้า ”ธนาธร” ลงมานำม็อบเอง อย่ามัวแต่มุดใต้กระโปรงเยาวชน แนะ ให้ตั้งหมู่บ้านทะลุฟ้าหน้าพรรคจะได้มั่วสุมกันเต็มที่

วันที่ 29 มีนาคม 2564 นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมหมู่บ้านทะลุฟ้าว่า ให้หยุดดำเนินคดีกับชาวหมู่บ้านทะลุฟ้าทุกคน และรัฐต้องรับฟังไม่ใช่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับประชาชนนั้น ตนคิดว่านายธนาธรน่าจะเข้าใจอะไรผิด ในประเทศไทยไม่เคยมีใครตั้งตัวเป็นศัตรูกับใคร เขาอยู่กันอย่างสงบ จนกระทั่งนายธนาธรเข้ามามีบทบาททางการเมืองและปลุกปั่นเยาวชน ซึ่งตนมองว่านายธนาธรไม่ต้องออกมาเตือนคนอื่นในเรื่องนี้ หันกลับไปส่องกระจกดูตัวเองดีกว่า เรื่องสร้างความเกลียดชังให้ประชาชนแบ่งเป็นฝักฝ่ายน่าจะเป็นงานถนัดของนายธนาธร 

“ผมเชื่อว่าคนไทยทุกคนสามารถรับรู้ได้ว่า ทุกครั้งหลังมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นในการชุมนุม นายธนาธรก็จะปรากฏกายขึ้นทางโซเชียล เพื่อปลุกปั่น ยุยงการกระทำแบบนี้ ผมขอถามนายธนาธรว่าสะใจใช่ไหมที่ได้เห็นคนไทยมาฆ่ากันเอง และคงมีความสุขที่เห็นคนไทยย่ำยีประเทศชาติ ผมขอท้านายธนาธรนะ ให้กล้า ๆ หน่อย ตัวเองยังหนุ่มยังแน่น โอกาสที่จะกลับไปเล่นการเมืองก็ยังมี อย่างน้อยก็ 10 ปี จากการถูกตัดสิทธิทางการเมือง นายธนาธรน่าจะเอาเวลาว่างตรงนี้ทำตัวให้เป็นประโยชน์ โดยการออกมาเดินนำม็อบเอง เหมือนตอนที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ลาออกมาตั้งม็อบกปปส. อย่าปอดแหก มีความเป็นลูกผู้ชายหน่อย ถ้าจะสู้ก็สู้ด้วยมือตัวเอง อย่าเอาหัวไปมุดใต้กระโปรงเยาวชน” นายสิระ กล่าว 

นายสิระ กล่าวต่อว่า "ข้อเสนอที่ตนพูดไป นายธนาธรควรจะรับไว้พิจารณา ผลงานแรกที่ควรทำคือ ถ้าคิดว่าหมู่บ้านทะลุฟ้าเป็นการชุมนุมที่ถูกต้อง ถูกกฎหมาย ก็ให้เอาไปตั้งไว้ที่ทำการพรรคก้าวไกลหรือบริษัทของนายธนาธร ให้ไปมั่วสุมกันที่นั่น จะมั่วเซ็กซ์ มั่วยาเสพติด ก็เอากันให้เต็มที่ อย่ามาสร้างความเดือดร้อนให้กับรัฐบาลที่กำลังบริหารประเทศ จะเล่นขายของไปเล่นไกล ๆ ตรงนู้น"

"สิระ" ซัด "อมรัตน์" หยุดสะตอ ชี้! เลือกปฏิบัติ ย้อน! เคยไปดูตำรวจที่บาดเจ็บบ้างหรือไม่ แนะ ปชช.จำหน้าคนผลาญภาษีให้ดี ครั้งหน้าอย่ากาผิดอีก

วันที่ 29 มีนาคม 2564 นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่ายาเสพติดที่อ้างว่าตรวจค้นเจอในหมู่บ้านทะลุฟ้า ยืนยันไม่ได้ว่าเป็นเรื่องจริง รวมไปถึงเซ็กส์ทอย ถุงยางอนามัย เป็นของกลุ่มหลากหลายทางเพศที่นำเข้าไปจัดกิจกรรมนิทรรศการนั้น นางอมรัตน์ต้องหยุดสะตอ...ก่อน หยุดเอานิสัยตัวเองมาเป็นบรรทัดฐานชี้ว่าคนอื่นเขาจะต้องทำเหมือนตัวเองคิด แต่ละครั้งที่ออกมาแพล่ม ลักษณะเหมือนคนอ่านนิยายเยอะ มโนภาพ จินตนาการเก่ง น่าจะเหมาะกับอาชีพนักแต่งเรื่องมากกว่า ส.ส.

นายสิระ กล่าวต่อว่า นางอมรัตน์น่าจะเบอร์ต้นๆ ของพรรคก้าวไกลที่เที่ยวตระเวนไปประกันตัวพวกอันธพาลป่วนเมือง ก่อม็อบทำผิดกฎหมายทุกครั้ง แต่กลับไม่เคยเห็นนางอมรัตน์พูดถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตขณะปฎิบัติหน้าที่ในการชุมนุมแม้แต่ครั้งเดียว ทั้ง ๆ ที่ 2 ฝ่ายก็คือสถานะคนไทยทั้งคู่ ทำไมถึงเลือกปฎิบัติ นี่หรือคือความคิดของคนที่เข้ามาเป็นตัวแทนประชาชน ตนขอฝากไปถึงประชาชนที่เคยลงคะแนนเลือกพรรคการเมืองนี้เข้ามา ผ่านมา 2 ปี ส.ส.แต่ละคนของพรรคทำประโยชน์อะไรให้พวกท่านบ้างหรือไม่ จำหน้าคนพวกนี้ที่เข้ามาผลาญภาษีประชาชนให้ดี การเลือกตั้งครั้งต่อไปจะได้ไม่กาผิดพลาด

นายสิระ กล่าวต่อว่า การชุมนุมในวันนี้มีการพัฒนาขึ้นอีกระดับหนึ่ง ช่วงแรกยังเจอแค่เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ แต่เมื่อวานนี้หมู่บ้านทะลุฟ้าพบทั้งถุงยางใช้แล้ว เซ็กซ์ทอย ยาเสพติด ทำให้ปฎิเสธไม่ได้ว่า ผู้ชุมนุมมีพฤติกรรมมั่วเซ็กส์ มั่วยา ออกมาชุมนุมเพราะต้องการมีแหล่งมั่วสุม ตนก็ขอเตือนให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานของท่านด้วย นอกจากเรื่องการติดคุก ติดตารางจนหมดอนาคตแล้ว วันนี้สิ่งที่ต้องระวังคือเยาวชนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์กำลังจะตกเป็นเหยื่อทางเพศและยาเสพติด หลอกใช้ให้กระทำผิดกฎหมาย

กรมโยธาธิการและผังเมือง จัดประชุมรับฟังความคิดเห็น การวางผังนโยบายระดับภาค (กลุ่มภาคเหนือตอนบน)

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2564 ที่โรงแรม เชียงใหม่ แกรนวิว โฮเทล แอนด์  คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดเชียงใหม่ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง จัดการประชุม  เชิงปฏิบัติการ การวางผังนโยบายระดับภาค ภาคเหนือ และการประชุมกลุ่มย่อยระดับกลุ่มจังหวัด ครั้งที่ 1 กลุ่มภาคเหนือตอนบน (จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน) เพื่อระดมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับปัญหา ศักยภาพ โอกาสการพัฒนาอย่างมีระเบียบ แบบแผนและเหมาะสมกับสภาพพื้นที่         

นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เปิดเผยว่า การวางผังนโยบายระดับภาค   เป็นการวางผังนโยบายการใช้พื้นที่โดยรวมของภาคในอนาคต ชี้นำการพัฒนาพื้นที่ให้กับกลุ่มจังหวัด จังหวัด เมือง และชุมชน ในด้านการใช้ประโยชน์ที่ดิน การตั้งถิ่นฐาน และระบบชุมชน การคมนาคมขนส่ง สาธารณูปโภค สาธารณูปการ และการบริการสาธารณะ ควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และศิลปวัฒนธรรม ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับศักยภาพ   ของพื้นที่ ถ่ายทอดนโยบายจากผังประเทศสู่การพัฒนาพื้นที่ภาคอย่างเป็นระบบ ซึ่งการวางผังนโยบายระดับภาค ภาคเหนือ (กลุ่มภาคเหนือตอนบน) จะเป็นการกำหนดนโยบาย แผนผัง มาตรการ และวิธีการดำเนินการ โดยประสานความร่วมมือ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถนำไปดำเนินการพัฒนาพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและไปในทิศทางเดียวกัน                   
กรมโยธาธิการและผังเมืองได้จัดให้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการ การวางผังนโยบายระดับภาค ภาคเหนือ ครั้งที่ 1  และประชุมกลุ่มย่อยระดับกลุ่มจังหวัด เพื่อระดมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับปัญหา ศักยภาพ โอกาสและทิศทางการพัฒนาภาคเหนือ และการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ครั้งที่ 2 และประชุมกลุ่มย่อยระดับกลุ่มจังหวัด(จัดในวันที่ 30 มีนาคม 2564) เพื่อระดมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับร่างวิสัยทัศน์ และกรอบนโยบายการใช้พื้นที่จากภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรพัฒนาเอกชน สถาบันการศึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้นำหรือผู้แทนภาคประชาสังคม และประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากการประชุมฯ จะได้นำไปบูรณาการเพื่อการวางผังนโยบายระดับภาค ภาคเหนือต่อไป ภายใต้การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน “ร่วมรู้ ร่วมคิด ร่วมทำ”     

โดยมีความสอดคล้องกับศักยภาพและจุดเด่นของแต่ละภาค ทั้งในด้านประชากร เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และวิถีชีวิต  ของประชาชน เพื่อเป็นกรอบชี้นำการพัฒนาเชิงพื้นที่ให้กับกลุ่มจังหวัด จังหวัด เมือง และชุมชน อย่างบูรณาการ

“การจัดประชุมฯ ดังกล่าว ถือเป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ และภาค ภายใต้การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ตามพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2562 โดยกำหนดให้ระบบการผังเมืองของประเทศ  ต้องมีกรอบนโยบายการใช้ประโยชน์พื้นที่ตั้งแต่ ระดับประเทศ ระดับภาค และระดับจังหวัด โดยให้หน่วยงานของรัฐ  ใช้ดำเนินการร่วมกัน เพื่อให้การวางและจัดทำผังเมืองและการใช้ประโยชน์พื้นที่และที่ดินในทุกระดับเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะเป็นประโยชน์แก่เศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งประโยชน์แก่สาธารณะ”

รินทร์ ควง สินิตย์ ประชุมผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ทันที เดินหน้า 14 แผนงาน พร้อมแบ่ง 3 กรมและ 3 องค์การ ให้รัฐมนตรีช่วยคนใหม่ดูแล ด้าน "สินิตย์" ประกาศ "พร้อมทำงานเป็นทีม"

วันที่ 29 มีนาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ คณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ประชุมร่วมกันหลังจากที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่เดินทางเข้ามารับหน้าที่วันนี้ ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์จัดพิธีต้อนรับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสินิตย์ เลิศไกร) ณ ห้องประชุมกิติยากรวรลักษณ์ ชั้น 4 สํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ยินดีต้อนรับท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ในโอกาสที่ท่านเข้ารับตำแหน่งในวันนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์ให้คณะผู้บริหารบรรยายภารกิจต่างๆให้รัฐมนตรีช่วยได้รับทราบในเบื้องต้น

จากนั้น นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2564 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งให้ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นับเป็นเกียรติประวัติอันสูงสุด และในวันที่ 27 มีนาคม 2564 นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้นำเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสว่าให้มีกำลังกาย ให้มีกำลังใจ กำลังปัญญา ปฎิบัติหน้าที่ให้ดีเพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน วันนี้ตนได้เดินทางมาที่กระทรวงพาณิชย์ โดยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและจะได้ทำงานร่วมกันต่อไปในอนาคต ตนเน้นการทำงานเป็นทีมและอยู่ในหลักของธรรมาภิบาล เพื่อผลักดันให้กระทรวงพาณิชย์เดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางคือเศรษฐกิจเจริญเติบโต สู่เศรษฐกิจยุคใหม่อย่างยั่งยืน 

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ยินดีต้อนรับท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตนมั่นใจว่าโดยประสบการณ์ในฐานะที่เคยทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติของท่านรัฐมนตรีช่วย ที่สั่งสมมาตลอดการเป็นผู้แทนราษฎร 5 สมัยของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจะมีส่วนสำคัญในการเป็นพื้นฐานก้าวเข้ามาทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายบริหารในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เป็นอย่างดี และจะมีส่วนสำคัญในการช่วยให้นโยบายของกระทรวงพาณิชย์บรรลุเป้าหมายประสบความสำเร็จต่อไป จะช่วยแบ่งเบาภาระของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ซึ่งงานของกระทรวงพาณิชย์มีอยู่จำนวนมากและมีผลกระทบต่อประชาชนทุกภาคส่วน

ท่านจะเข้ามามีส่วนสำคัญในการช่วยทำงานให้กับรัฐมนตรีว่าการและจับมือกับเพื่อนข้าราชการทุกท่านในการพากระทรวงเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จมีประสิทธิภาพมีประสิทธิผลสามารถรับใช้ราชการและรับใช้พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศได้เป็นอย่างดีและต่อจากนั้น นายจุรินทร์ได้ลงนามแบ่งงานของกระทรวงพาณิชย์ซึ่งมีภารกิจ 7 กรม 3 องค์การมหาชนกับ 1 รัฐวิสาหกิจ โดยจะมอบงานให้เช่นเดียวกับที่เคยมอบให้กับรัฐมนตรีช่วย "วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล" ก่อนหน้านี้ทุกประการ โดยมอบงานให้รัฐมนตรีช่วยสั่งปฏิบัติราชการ 3 กรม คือ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมทรัพย์สินทางปัญญา และกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และ 3 องค์การมหาชนจะมอบให้ท่านดูทั้งหมดทั้งสถาบันอัญมณี ไอทีดี และศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ 

โดยนายจุรินทร์ระบุด้วยว่ามั่นใจว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระและขับเคลื่อนงานในความรับผิดชอบโดยตรงไปสู่ความสำเร็จได้ต่อไป และขอถือโอกาสมอบแผนงานปี 64 ที่ตนและเพื่อนข้าราชการทั้งกระทรวงกำหนดร่วมกันเดินหน้าขับเคลื่อนในปี 64 จำนวน 14 แผนงาน ที่จะถือเป็นแผนแม่บทสั่งปฏิบัติราชการต่อไป จากนั้นและนายจุรินทร์ และข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ได้มอบดอกไม้แสดงการต้อนรับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งมอบคำสั่งแบ่งงานและ 14 แผนงานปี 2564 ของกระทรวงพาณิชย์โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ด้วย

“ศรีสุวรรณ” ร้อง ป.ป.ช. สอบจริยธรรม “ส.ส.เจี๊ยบ ก้าวไกล” โผล่ร่วมม็อบ 20 มี.ค.

วันที่ 29 มีนาคม 2564 ที่สำนักงานป.ป.ช. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เพื่อขอให้สอบสวนและเอาผิดนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กรณีที่เข้าร่วมชุมนุมประท้วงกับกลุ่มรี-เดม ( RE-DEM )เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา ที่สนามหลวงและถนนราชดำเนิน ซึ่งการชุมนุมดังกล่าวถือว่าเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 14 แห่ง พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ 2558 และมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 ฝ่าฝืน มาตรา34(6) แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 รวมทั้งฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญา มาตรา116,209 ,210 และมาตรา215 รวมทั้ง พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง 2535

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การจัดชุมนุมที่ฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับ มีการทำลายและเผาป้ายพระบรมฉายาลักษณ์ ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในชาติบ้านเมือง เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย และมีผู้บาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก โดยนางอมรัตน์ มีสถานะ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ แต่ลดตัวลงมาคลุกคลีร่วมกิจกรรมกับกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้งที่รู้ว่าเป็นการจัดการชุมนุมฝ่าฝืนกฎหมาย ถือว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด และตามประมวลกฎหมาย อาญา ม.83 ระบุว่า ในกรณีความผิดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า นางอมรัตน์ พยายามจะสื่อสารผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าอยู่หน้าม็อบเสมอ มิใช่เตี้ยหลังม็อบตามที่นายกรัฐมนตรีและสื่อมวลชนตั้งฉายาไว้ จึงเป็นประจักษ์พยานที่ตอกย้ำว่าเป็นพฤติการณ์ที่อาจฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมฯ 2561 อย่างร้ายแรง ในข้อ 5 ,6 , 7,12 และข้อ 17 ซึ่งเป็นมาตรฐานทางจริยธรรม ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 219 บัญญัติไว้ทางสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงขอให้ ป.ป.ช.ไต่สวนและมีความเห็น กรณีนางสาวอมรรัตน์ เข้าร่วมกิจกรรมการชุมนุมสาธารณะอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับตามประมวลกฎหมายอาญา หรือมีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติฯ ขอให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยตามกฎหมายต่อไป

“พล.อ.ประวิตร” ประชุม คกก.กองทุนดิจิทัล เห็นชอบเปิดรับโครงการ วิจัย/พัฒนา และสนับสนุน5G ส่งเสริม ศก./สังคม รองรับการพัฒนาประเทศ สู่ยุคดิจิทัล เน้นสร้างการรับรู้ มุ่งให้ปชช.ได้รับประโยชน์สูงสุด

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2564 ที่ห้องประชุม 301  ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ 1/2564  โดยมี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส เข้าร่วมประชุม 

ที่ประชุม ได้รับทราบผลการดำเนินงาน ของกองทุนพัฒนาดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งมีความคืบหน้า ตามแผนงานในภาพรวม โดยกระทรวงการคลังได้สนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม และจัดทำบันทึกข้อตกลงการประเมินผลร่วมกัน ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเห็นชอบโครงการที่สำคัญได้แก่ การเปิดรับข้อเสนอโครงการหรือกิจกรรม ที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนประจำปี2564 ภายใต้กรอบนโยบาย 6 ด้าน อาทิ Digital Manpower ,Digital Health ,Digital Agriculture ,Digital Technology ,Digital Government & Infrastructure และ Digital Agenda  และอนุมัติกรอบวงเงินกองทุนมาตรา 26 (1)(2) ประจำปีงป.64 ครั้งที่ 1 จำนวน 3,000 ล้านบาท 

โดยกำหนดระยะเวลาเปิดรับการอุดหนุนการวิจัยและพัฒนา ตั้งแต่ 22 เมษายน - 31พฤษภาคม 64 และ เห็นชอบ(ร่าง)ประกาศคณะกรรมการ ,หลักเกณฑ์การพิจารณา และคณะทำงานกลั่นกรองโครงการสำหรับ การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 5G ของประเทศไทย เพื่อการต่อยอดการใช้ประโยชน์ รวมถึงให้ความเห็นชอบ แนวทางการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา การจัดสรรประโยชน์ และการรักษาสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา กรณีผู้รับทุน และผู้ให้ทุน เป็นเจ้าของร่วมกัน และอนุมัติโครงการที่ผ่านการกลั่นกรองจากคณะอนุกรรมการแล้ว จำนวน 5 โครงการ ตามมาตรา 26 (3)

ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร ได้กำชับคณะกรรมการฯ ให้มีการกำกับ ติดตามโครงการต่าง ๆ ที่ผ่านความเห็นชอบแล้ว ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และมีการประเมินผลงาน อย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนา ด้านดิจิทัลของประเทศ ให้เห็นผล เป็นรูปธรรม และเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนโดยรวม ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top