Saturday, 18 May 2024
NewsFeed

"จุรินทร์" แจง ถุงมือยางใช้ซ้ำส่งสหรัฐฯ พบเป็นกลุ่มมิจฉาชีพลักลอบทำแบบผิดกฎหมาย ระบุ อยู่ระหว่างสอบข้อเท็จจริง 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีสำนักข่าว CNN รายงานพบถุงมือยางที่ใช้งานแล้วจากประเทศไทยส่งไปยังสหรัฐอเมริกา ว่า เนื่องจากสถานการณ์ โควิด-19 จึงมีความต้องการต้องใช้ถุงมือยาง ซึ่งเป็นเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ชนิดหนึ่ง จึงเกิดกลุ่มมิจฉาชีพลักลอบนำเข้าและส่งออกไปอย่างผิดกฎหมาย หากเป็นเวชภัณฑ์ทางการแพทย์โดยเฉพาะถุงมือยาง เมื่อใช้แล้ว ไม่สามารถนำไปใช้ซ้ำได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร เบื้องต้นเท่าที่ทราบข้อมูลมีมิจฉาชีพกลุ่มหนึ่งทำผิดกฎหมาย และทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำลังดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้อยู่

เมื่อถามว่า เป็นบริษัทที่ขายถุงมือยางอยู่แล้วหรือเป็นกลุ่มมิจฉาชีพ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนยังไม่สามารถตอบได้ ขอไปตรวจสอบข้อมูลดูอีกครั้ง โดยขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการติดตามอยู่ขอเวลาตรวจสอบนิดหนึ่ง ซึ่งไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์โดยตรง โดย อย. น่าจะมีส่วนกำกับดูแลเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยบางส่วนเ

 

เตือนใจนักบุญโอนไว เหยื่อโหนสถาบันฯ ชั้นดี เจอบล็อกกลับ หากถามหา 'ความโปร่งใส'

จากเรื่องดีๆ สุดท้ายดันต้องกลายเป็นการเตือนภัยไปเสียนี่ หลังกลุ่มคนรักสถาบันได้มีการวิจารณ์ถึงบุคคลรายหนึ่ง ที่มักนำเสนอตนเองว่ารักในหลวง ปกป้องสถาบันฯ อย่างต่อเนื่อง จนโกยแม่ยกมาติดกันตรึม ชวนทำบุญเลี้ยงอาหารบุคลากรทางการแพทย์ ขอรับเงินโอนตั้งแต่พัน-สองพันยันหมื่นได้หมด!! 

แต่เหตุเจ้ากรรมดันโป๊ะแตกตรง พอมีคนถามถึงบัญชีกลับบล็อกผู้มีพระคุณเหล่านั้นเสียนี่!! 

ทั้งนี้ หากย้อนไปเมื่อ 10 ต.ค. 64 ในโซเชียลมีเดีย กลุ่มคนรักสถาบันพระมหากษัตริย์ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่มักจะเขียนสเตตัสแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ มีพฤติกรรมไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับการรับเงินบริจาคจากผู้สนับสนุนแล้วไม่แจงบัญชีรายรับ-รายจ่าย แต่กลับบล็อกคนที่เคยบริจาคให้ โดยบุคคลรายนี้ไม่ได้เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง แต่มีนามแฝงบนเฟซบุ๊ก นามสกุลคล้ายกับดารานักแสดงอาวุโสชื่อดัง มีไลฟ์สไตล์ชอบขับขี่รถจักรยานยนต์ราคาแพง รักการออกกำลังกายและผจญภัย มักจะเขียนบทความปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์บ่อยครั้ง

บุคคลรายนี้มีชื่อเสียงมาจากคลิปวิดีโอที่อ้างว่าไม่รู้ใครทำ นำเสนอตนเองขี่รถจักรยานยนต์ราคาแพง กล่าวถึงกลุ่มที่ถูกคนบางกลุ่มด้อยค่าว่าสลิ่ม ไม่เดือดร้อนเลยไม่ได้เข้าร่วมม็อบขับไล่รัฐบาล ความจริงคือทุกคนเดือดร้อน แต่ไม่โวยวายเพราะมีสถาบันพระมหากษัตริย์ยึดเหนี่ยวจิตใจ คลิปดังกล่าวมีคนกดไลก์กดแชร์จำนวนมาก สร้างชื่อเสียงให้แก่บุคคลรายนี้ และเจ้าตัวได้เขียนสเตตัสบนเฟซบุ๊กในเชิงปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์บ่อยครั้ง ทำให้มีผู้ติดตามและผู้สนับสนุนที่เรียกว่าแม่ยกจำนวนหนึ่ง

เมื่อถึงคราวที่ทำอาหารเพื่อทำบุญให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ในสถานการณ์โควิด-19 ก็จะชวนแม่ยกเหล่านั้นร่วมสมทบทุนค่าอาหาร และแจ้งเลขที่บัญชีธนาคารส่วนตัวที่กล่องข้อความ ซึ่งมีแม่ยกโอนเงินให้บุคคลรายนี้ครั้งละ 1,000-2,000 บาททุกเดือน บางคนโอนให้ 6,000-10,000 บาท เพราะตั้งใจอยากจะช่วยสมทบทุนค่าอาหาร ปรากฏว่าเมื่อมีแม่ยกสอบถามรายรับ-รายจ่ายเพื่อความโปร่งใส ก็ไม่มีการแจกแจงบัญชี กลับบล็อกเฟซบุ๊กคนที่เคยโอนเงินไปให้

จีนพบเชื้อระบาดอีกระลอก หลังคุมได้ก่อนหน้า คาดอาจลามใหญ่ในอีกไม่กี่วัน

จากการรายงานของ Bloomberg มีคำเตือนจากคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนว่า การแพร่ระบาดจะยังคงเลวร้ายลงต่อไป และการติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ของจีนจะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดอาจยังคงขยายตัวต่อไป

อู๋เหลียงโหย่ว เจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวในการบรรยายสรุปในกรุงปักกิ่งเมื่อวันอาทิตย์ การระบาดของโควิด-19 ในจีนในปัจจุบัน เกิดจากสายพันธุ์เดลตาจากต่างประเทศ

หมี่เฟิง โฆษกคณะกรรมาธิการกล่าวว่าคลื่นของการติดเชื้อแพร่กระจายไปยัง 11 มณฑลตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค. ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มีประวัติการเดินทางข้ามภูมิภาค และเขาเรียกร้องให้พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ใช้ ‘โหมดฉุกเฉิน’

นราธิวาส - รองแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานทอดกฐินสามัคคี ณ วัดศรีภิญโญศรัทธาราม บ้านศรีภิญโญ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส

ณ วัดศรีภิญโญศรัทธาราม บ้านศรีภิญโญ หมู่ที่ 6 ตำบลโคกสะตอ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส พลตรี ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางเป็นประธานในพิธีทอดกฐินสามัคคีประจำปี 2564 ซึ่งเป็นการทอดกฐินประจำปีครั้งแรกของวัดศรีภิญโญศรัทธาราม จัดขึ้นเพื่อให้ผู้มีจิตและกำลังศรัทธา ถวายปัจจัยสมทบทุนเพื่อนำไปบูรณะทำนุบำรุงศาสนสถาน พัฒนาวัดให้เป็นจุดศูนย์รวมจิตใจ ของพี่น้องพุทธศาสนิกชนในพื้นที่  โดยมีพระสมุห์นพเดช ฐิตเตโช เจ้าอาวาสวัดศรีภิญโญศรัทธาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์, พร้อมด้วยพลตรี เฉลิมพร  ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่15 / ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ,ส่วนราชการในพื้นที่ ตลอดจนพี่น้องพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมในพิธี  โดยมีพี่น้องชาวไทยมุสลิมในบริเวณรอบวัดร่วมช่วยประกอบอาหาร แจกจ่ายให้ผู้เข้าร่วมงาน เนื่องจากชุมชนแห่งนี้ เป็นชุมชน 2 วีถี มีทั้งไทยพุทธไทยมุสลิมอยู่ร่วมกันฉันท์พี่น้อง เป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ซึ่งกิจกรรมที่จัดขึ้นดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้มาตราการการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

สำหรับประเพณีการทอดกฐินสามัคคีครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อให้พุทธศาสนิกชนในพื้นที่ได้ร่วมกันสืบทอดอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีการทำบุญและปลูกฝัง สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนเกิดความรักความหวงแหนในวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามต่อไป โดยปัจจัยที่ได้จากบริวารกฐิน ซึ่งมียอดรวม 999,999 บาท นั้นทางวัดศรีภิญโญศรัทธาราม จะนำไปใช้บูรณปฏิสังขรณ์วัดต่อไป

 

‘ดร.ชัยภัฏ’ ขู่ถอดถอน ผู้บริหารจุฬาฯ ยกแผง หากยังเพิกเฉย ปมยกเลิกอัญเชิญพระเกี้ยว

ดร.ชัยภัฏ จันทร์วิไล ในฐานะอดีตนิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึงกรณี องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) ออกแถลงการณ์ ยกเลิกกิจกรรมขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ - ธรรมศาสตร์ ว่า การยกเลิกโดยอ้างเหตุผลว่าให้คนเท่าเทียมกันนั้น เป็นการโกหก ตลบตะแลง และสร้างความแตกแยก ซึ่งกิจกรรมขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวเป็นการแสดงความกตัญญูรำลึกถึงพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ในฐานะผู้พระราชทานกำเนิดมหาวิทยาลัย แต่การที่มายกเลิกกิจกรรม ถือเป็นการเนรคุณบุญคุณพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 คนที่ทำให้คนเท่ากันจริงคือพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 พระองค์เดียวเท่านั้น ที่ทรงเลิกทาส เลิกไพร่ และส่งเสริมให้ประชาชนได้รับการศึกษาจนถึงระดับปริญญาตรี คนพวกนี้เหมือนอ่านหนังสือวนไปวนมาไม่เข้าใจ เนรคุณ ใช้คำพูดบิดเบือนสร้างความแตกแยก ทรยศผู้มีพระคุณ ไม่ได้มีอุดมการณ์อะไร แต่เป็นพวกแหกคอก

ซึ่งทางคณะพิทักษ์เกียรติภูมิจุฬาฯ จะออกแถลงการณ์เรื่องนี้ในไม่ช้า ถึงผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ดำเนินการจัดการกับกลุ่มคนเหล่านี้ที่ทำผิดซ้ำซาก โดยเฉพาะนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นายกสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หากผู้บริหารจุฬาลงกรณ์ยังนิ่งเฉยไม่ยอมดำเนินการ ตนก็จะหาวิธีการถอดถอนอธิการบดี และนายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยต่อไป เพราะเมื่อเกิดเรื่องแล้วควรเรียกประชุมด่วนทันที สิ่งที่เกิดขึ้นแบบนี้เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยนายกสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ต้องการสร้างความแตกแยก แต่มหาวิทยาลัยกลับไม่สนใจดำเนินการ

‘รอมแพง’ เอาจริง! ไม่มียอมความ เดินหน้าฟ้องผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ ‘พรหมลิขิต’

‘รอมแพง’ แจ้งความดำเนินคดีคนละเมิดลิขสิทธิ์ ‘พรหมลิขิต’ แล้ว งานนี้แฟนคลับแห่ซัพพอร์ตพร้อมบอกว่าให้สู้ๆ และนิยายสนุกมากๆ อีกด้วย

ทำเอาแฟนคลับและคอละครเรื่อง ‘บุพเพสันนิวาส’ ในภาค 1 โมโหตามเจ้าของบทประพันธ์ รอมแพง ทันทีหลังพบว่านิยายเรื่อง ‘พรหมลิขิต’ ซึ่งเป็นเสมือนภาค 2 ของบุพเพสันนิวาสที่กำลังดำเนินการถ่ายทำอยู่นั้นมีคนละเมิดลิขสิทธิ์ไป โดยรอมแพงได้ลงรูปเอกสารที่ยืนยันเรื่องลิขสิทธิ์ทางปัญญาของนิยายเรื่องนี้ว่าเป็นของเธอในเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมเล่าผ่านแคปชั่นว่า...

เปิดประวัติ “โรงเรียนอำนวยศิลป์ธนบุรี” หลังประกาศปิดสถานศึกษา เลิกกิจการโรงเรียน สิ้นปีการศึกษา 2564 นี้ เนื่องจากขาดทุนอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19

"โรงเรียนอำนวยศิลป์ธนบุรี" ระบุว่า โรงเรียนมีความเสียใจที่จะแจ้งให้ทราบว่าคณะกรรมการบริหารโรงเรียนอํานวยศิลป์ธนบุรี เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2564 ได้พิจารณาและมีมติที่จะปิดสถานศึกษา ณ สิ้นปีการศึกษา 2564 (สิ้นเดือนเมษายน 2565) เนื่องจากโรงเรียนประสบการขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง และยิ่งมาประสบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ "โควิด-19" ซึ่งยาวนานกว่าที่คาดคิด โรงเรียนจึงยิ่งประสบปัญหาสภาพคล่อง ถึงแม้จะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากมูลนิธิอํานวยศิลป์มาตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็ตาม

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ปกครองที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนโรงเรียนตลอดเวลาที่ผ่านมา โรงเรียนจึงพิจารณาคืนเงินค่าแรกเข้าที่จ่ายให้โรงเรียนและเงินบริจาคที่มอบให้แก่มูลนิธิอํานวยศิลป์ จิตร- เอิบ ทั้งสุบุตร ให้ตามที่ได้จ่ายจริง 

โดยจะทําการคิดเป็นส่วนลดของค่าเทอมของภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษา 2564 นี้ เว้นแต่นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในการนี้ฝ่ายบัญชีจะทําหนังสือแจ้งรายละเอียดแก่ผู้ปกครองแต่ละท่านเป็นรายบุคคลอีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนี้ "โรงเรียนอำนวยศิลป์ธนบุรี" ปิดกิจการ ได้ทําการสํารวจข้อมูลเบื้องต้นของโรงเรียนในพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อให้พิจารณา โรงเรียนพร้อมให้ความช่วยเหลือในการประสานงานกับโรงเรียนที่ผู้ปกครองสนใจ หรือหาข้อมูลของโรงเรียนอื่นเพิ่มเติม

ย้อนประวัติ "โรงเรียนอำนวยศิลป์ธนบุรี"

“โรงเรียนอำนวยศิลป์ธนบุรี” จัดตั้งขึ้นได้เนื่องจากได้มีผู้ปกครองนำนักเรียนมาขอสมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนอำนวยศิลป์ ปากคลองตลาด จังหวัดพระนคร เป็นจำนวนมาก จนกระทั่งทางโรงเรียนไม่สามารถรองรับความต้องการได้ เพราะสถานที่จำกัดขยายออกไปไม่ได้อีก รวมถึงสมัยนั้นทางรัฐบาลมีโครงการตัดถนนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะเข้ามาในแนวโรงเรียนต้องเสียห้องเรียนไปจำนวน 12 ห้องเรียน

อาจารย์ จิตร ทังสุบุตร เจ้าของและผู้จัดการโรงเรียนอำนวยศิลป์จึงพิจารณาจัดหาสถานที่สร้างโรงเรียนแห่งใหม่ เพื่อให้นักเรียนมีสถานที่เล่าเรียนเป็นหลักฐาน เป็นที่เชื่อถือของประชาชน  โดยกระทรวงศึกษาธิการวางหลักเกณฑ์ไว้ว่าเจ้าของและผู้จัดการ ครู นักเรียนจะต้องเป็นชุดเดียวกันจากโรงเรียน “อำนวยศิลป์” และอนุญาตให้เปิดสอนได้ตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ทั้งยังกำหนดคุณสมบัติของครูใหญ่ไว้เป็นพิเศษ

ด้วยเหตุนี้ “โรงเรียนอำนวยศิลป์ธนบุรี” จึงได้รับการรองรับวิทยฐานะเทียบเท่าโรงเรียนรัฐบาล ทันทีที่เริ่มการเปิดสอน พร้อมกับโรงเรียนอำนวยศิลป์ที่ตั้งมาตั้งแต่ พ.ศ. 2469 และได้รับรองวิทยฐานะ เมื่อ พ.ศ. 2475 นับว่าเป็นโรงเรียนราษฏร์แห่งแรกในจังหวัดธนบุรีที่ได้รับการรับรอง

“โรงเรียนอำนวยศิลป์ธนบุรี” ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งเลขที่ 82/2482 วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2482 ได้โอนนักเรียนที่สมัครใจจากโรงเรียนอำนวยศิลป์ซึ่งมีภูมิลำเลาในจังหวัดธนบุรี ใกล้กับโรงเรียนจำนวน 189 คน ครูและเจ้าหน้าที่ รวม 15 คน เปิดทำการสอนวันแรกเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2482 ได้นิมนต์พระคุณเจ้าสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดอนงคาราม จังหวัดธนบุรี เป็นประธานเจิมป้าย เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ.2482

‘โบว์’ ค้าน!! แก้ กม.หมิ่นประมาท เหลือแค่โทษปรับเงิน ส่งเสริมคนใช้เงินแก้ปัญหา ให้ร้ายใครก็ได้ ไม่หวั่นคุก

‘โบว์’ ณัฏฐา มหัทธนา นักกิจกรรมนักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา – Nuttaa Mahattana’ ว่า…

เห็นว่ามีแนวคิดอยากแก้กฎหมายหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาให้เหลือแต่โทษปรับ ส่วนตัวไม่เห็นด้วยค่ะ

การหมิ่นประมาท คือ การใส่ความให้ผู้เสียหายถูกดูหมิ่นเกลียดชัง เป็นการกระทำโดยจงใจที่มีการวางแผนล่วงหน้าและอาจถึงขั้นทำลายอนาคตผู้อื่นได้ 

กนอ. ตั้งนิคมฯ ‘ฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้’ เล็งดูดเม็ดเงินลงทุนเพิ่มในพื้นที่อีอีซี

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จับมือ บริษัท ดับเบิ้ลพี แลนด์ จำกัด จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ พื้นที่กว่า 1,000 ไร่ เม็ดเงินพัฒนาโครงการ 4,856 ล้านบาท รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่อีอีซี

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในขณะนี้มีสัญญาณบวกชัดเจนขึ้น เห็นได้จากหลายอุตสาหกรรมที่ขยายตัวได้ดี ประกอบกับมีความสนใจการลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment : FDI) เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะมองว่าประเทศไทยมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี และเหมาะกับการตั้งฐานธุรกิจในระยะยาว เห็นได้จากการย้ายฐานการผลิตที่เป็นผลจากสงครามการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ (จีน-สหรัฐฯ) ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการจากจีนและไต้หวัน ซึ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาย้ายฐานเข้ามาแล้ว 250 โครงการ เงินลงทุนรวมกว่า 126,000 ล้านบาท (ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน BOI ) 

ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมและเตรียมพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมรองรับการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ตามนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development : EEC) กนอ.จึงลงนามในสัญญาร่วมดำเนินงาน กับ บริษัท ดับเบิ้ลพี แลนด์ จำกัด จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ เพื่อรองรับการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมสมัยใหม่ S-Curve และ New S-Curve ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลเขาดิน อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นการดำเนินงานในรูปแบบนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานที่เอกชนเป็น ผู้ลงทุนพัฒนา และให้บริการระบบสาธารณูปโภค จัดเป็นนิคมอุตสาหกรรมลำดับที่ 67 โดยใช้ระยะเวลาพัฒนาโครงการประมาณ 2 ปี และจะเปิดขายพื้นที่/ให้เช่าพื้นที่ทั้งหมดได้ภายใน 4 ปี   

จับอีก 2 ล็อตใหญ่แรงงานพม่าหนีเข้าเมือง จ่ายค่าหัว 2 หมื่น แลกเข้าสมุทรสาคร

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ (กกล.สุรสีห์) เจ้าหน้าที่ทหารชุดปฏิบัติการข่าว กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ ร้อย.ตชด.136 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรโยค เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ไทรโยค รวมทั้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อ.ไทรโยค ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาที่บริเวณบ้านพุน้อย หมู่ 7 ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี 

ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่พบรถตู้หมายเลขทะเบียนนครปฐม วิ่งผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจค้น ผลปรากฏพบแรงงานชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายนั่งมาเต็มคันรถ นับรวมกันได้ 14 คน เป็นชาย 10 คน หญิง 4 คน ครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาชาวไทยที่เป็นผู้นำพาได้ 2 คน ประกอบด้วยนายหรรษา อายุ 27 ปี คนขับ และ นายสุพล อายุ 30 ปี ทั้ง 2 เป็นชาว ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค 

จากการสอบถามผู้ต้องหาที่เป็นแรงงานชาวเมียนมา ทราบว่าทั้งหมดเดินทางมาจากกรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อข้ามมาถึงชายแดนฝั่งไทย ผู้ต้องหาคนไทยทั้ง 2 คน ได้ขับรถตู้มารับเพื่อมุ่งหน้าไปทำงานในพื้นที่จังหวัดชั้นใน แต่เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าจะไปทำงานในพื้นที่ใด โดยได้จ่ายค่าหัวให้กับผู้นำพาไปแล้วคนละ 20,000 บาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวแรงงานชาวเมียนมา รวมทั้งผู้ต้องหาที่เป็นชาวไทย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมก่อนที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top