Saturday, 7 June 2025
NewsFeed

‘ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา’ เผยความคืบหน้าวัคซีนโควิดชนิดพ่นจมูกทีมวิจัยไทย เตรียมส่งทดสอบความปลอดภัยในสัตว์ทดลอง ขั้นตอนสำคัญก่อนขึ้นทะเบียนทดสอบในมนุษย์

วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) และนักไวรัสวิทยา โพสต์เฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana ระบุว่า วัคซีน COVID-19 ที่สร้างขึ้นจากอนุภาคไวรัสไข้หวัดใหญ่ ( influenza-based ) Lot แรก ระดับ GMP ถูกผลิตขึ้นโดยทีมวิจัยขององค์การเภสัชกรรมแล้ว วัคซีน Lot นี้จะส่งไปทดสอบความปลอดภัยในสัตว์ทดลองที่ ม.นเรศวร ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับขึ้นทะเบียนวัคซีนเพื่อทำการทดสอบในมนุษย์ครับ 

วัคซีนสูตรนี้เป็นวัคซีนตัวที่สองของทีมสวทช โดยตัวที่จะออกมาทดสอบก่อนจะเป็น Adenovirus-based ซึ่งได้ทำการทดสอบความปลอดภัยในสัตว์ทดลองไปแล้ว…วัคซีนทั้งสองชนิดออกแบบเป็นชนิดพ่นจมูกทั้งคู่…Product of Team Thailand ครับ


ที่มา : https://www.facebook.com/photo/?fbid=4691461214227097&set=a.410485375658057


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ศบค.มท.แจ้งทุก จว.และ กทม.เสนอ คกก.โรคติดต่อจังหวัด/กทม.ดำเนินการตามข้อสั่งการ ศปก.ศบค. เน้นสร้างการรับรู้ให้ ปชช.

ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เปิดเผยว่า ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) แจ้งผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 12/2564 ซึ่งมีประเด็นข้อเสนอแนะ/ข้อสั่งการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของจังหวัดและกรุงเทพฯ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามมติที่ประชุมดังกล่าว นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าฯ และผู้ว่าฯ กทม.ได้แจ้งไปยังผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดและปลัดกรุงเทพฯ พิจารณาดำเนินการตามมาตรการป้องกันและควบคุมในพื้นที่เฉพาะ (Bubble & Seal) และการดำเนินการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน (Factory Sandbox) เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานในสถานประกอบกิจการหรือโรงงานรวมถึงไม่ให้มีการแพร่ระบาดไปสู่ชุมชน ป้องกันการเสียชีวิตและลดผลกระทบทางเศรษฐกิจสังคมจากการหยุดดำเนินกิจการ 

ศบค.มท. ระบุอีกว่า และให้ทุกจังหวัดดำเนินการบริหารจัดการขยะติดเชื้อ ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค รวมทั้งเน้นย้ำให้ทุกจังหวัดดำเนินการสร้างการรับรู้ และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชน โดยนำรูปแบบการสื่อสารที่มีอยู่มาปรับใช้ในการดำเนินงาน เช่น หอกระจายข่าว หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ของจังหวัด นอกจากนี้ ได้แจ้งให้จังหวัดในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อในการออกคำสั่งหรือประกาศ เพื่อปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการเร่งด่วนสำหรับสถานที่ กิจการหรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยง ให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกันในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด สามารถเปิดดำเนินการได้จนถึง 20.00 น. โดยให้ดำเนินการภายใต้เงื่อนไขเงื่อนเวลา การจัดระบบ ระเบียบและมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด

เจ็บปวด ‘บิ๊กตู่’ โพสต์รับรู้ความเจ็บปวดของทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด เจ็บปวดและเศร้าใจทุกครั้งที่ได้ข่าวผู้เสียชีวิต ถือเป็นสิ่งเตือนใจว่าต้องทำให้ได้ดีกว่านี้

เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 18 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊คส่วนตัวว่า “ในขณะนี้ สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ของประเทศไทย หลังจากเริ่มมาตรการล็อกดาวน์มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม แม้ว่าจะมียอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันอยู่มากกว่า 20,000 คน แต่เริ่มจะเห็นสัญญาณของการชะลอตัว และมีสัญญาณของผู้ป่วยที่หายดีมากกว่าผู้ติดเชื้อรายวัน แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ ตัวเลขของผู้เสียชีวิต ที่แม้ว่าเราจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตที่ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของทั่วโลก แต่ก็ยังมีบางวันที่ยังขึ้นสูงอยู่ และเราทุกคนไม่อยากให้มีใครเสียชีวิตแม้แต่คนเดียว

ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขได้วิเคราะห์ว่า หากเราสามารถที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของการล็อกดาวน์ได้มากกว่านี้ ก็จะสามารถลดยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตได้มากขึ้น ที่ประชุม ศบค. จึงมีมติให้ขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการออกไปจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม ซึ่งหากเราสามารถควบคุมการล็อกดาวน์ได้ดีขึ้นกว่านี้ อาจจะสามารถผ่านจุดสูงสุดของยอดการติดเชื้อได้ภายในสิ้นเดือนนี้ และเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องได้ในต้นเดือนกันยายน ซึ่งจะทำให้เราสามารถปรับมาตรการการควบคุมและผ่อนคลายกิจการและกิจกรรมบางอย่างได้

อย่างไรก็ตาม การที่เราจะสามารถลดยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตได้นั้น ต้องมาจากความพยายามและร่วมมือของพวกเราทุกคน เนื่องจากการระบาดครั้งนี้มาจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วมาก ทำให้มีการประมาณการว่า อาจจะมีผู้ติดเชื้อที่ไม่รู้ตัวอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อ รวมไปถึงผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วด้วย และเกิดการติดเชื้อในบ้านต่อคนในครอบครัวเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้กลุ่มเสี่ยง คือผู้สูงอายุหรือผู้มีโรคประจำตัวในบ้านต้องเสียชีวิต ดังนั้นคณะแพทย์ที่ปรึกษา ศบค. จึงลงความเห็นว่าในช่วงเวลานี้ ประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ใด เป็นกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ ฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ ต้องยกระดับการป้องกันตัวเอง ด้วยหลักการที่เรียกว่า Universal Prevention หรือการป้องกันโรคขั้นสูงสุด ที่ครอบคลุมทุกคน ในการดำเนินชีวิตทุกเรื่องที่อาจเกิดความเสี่ยง ซึ่งมีแนวปฏิบัติตามข้อต่อไปนี้ให้ได้มากที่สุด

1.) ออกจากบ้านเมื่อจําเป็นเท่านั้น

2.) เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร ในทุกสถานที่

3.) สวมหน้ากากอนามัยและทับด้วยหน้ากากผ้าตลอดเวลาทั้งเมื่ออยู่นอกบ้านและในบ้านที่มีคนมากกว่า 2 คน โดยเฉพาะเมื่ออยู่ใกล้ผู้สูงอายุหรือกลุ่มเสี่ยง

4.) ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง ก่อนรับประทานอาหาร หลังใช้ห้องน้ำ หรือหลังจากไอจาม หรือหลังสัมผัสวัตถุหรือสิ่งของที่ใช้ร่วมกัน ต้องคิดว่าทุกสิ่งอย่างมีคนอื่นที่ติดเชื้อสัมผัส หรืออาจสัมผัสมาแล้วทั้งนั้น

5.) หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัส หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าที่สวมใส่อยู่ รวมทั้งใบหน้า ตา ปาก จมูก โดยไม่จําเป็น

6.) ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงและผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 60 ปี และเป็นผู้มีโรคเรื้อรังให้เลี่ยงการออกนอกบ้าน หากจําเป็นจริง ๆ ให้ใช้ระยะเวลาสั้นที่สุด

7.) ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวที่ถูกสัมผัสบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้หรือสิ่งแวดล้อมด้านกายภาพ

8.) แยกของใช้ส่วนตัวทุกชนิด ไม่ควรใช้ของร่วมกับผู้อื่น

9.) เลือกทานอาหารที่ร้อนหรือปรุงสุกใหม่ ๆ ควรทานอาหารแยกชุด หรือหากทานอาหารร่วมกันให้ใช้ช้อนกลางส่วนตัวด้วย

10.) หากสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยงเช่น สัมผัสผู้ที่อาจมีการติดเชื้อ ไปในสถานที่ที่มีความเสี่ยง หรือมีอาการ ควรได้รับการตรวจด้วย Antigen Test Kit (ATK) เพื่อยืนยันว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ หรือให้ไปรับการตรวจรักษาที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องคิดเสมือนว่า ทุกคนที่เราพบปะมีโอกาสเป็นผู้ติดเชื้อได้ทั้งสิ้น และทางการแพทย์ได้พิสูจน์แล้วว่าโควิดนั้นติดกันทางอากาศได้เมื่ออยู่ใกล้กัน การอยู่ใกล้ผู้อื่นโดยไม่มีสิ่งป้องกันจึงเป็นความเสี่ยงต่อการติดโรคได้ตลอดเวลา ผมจึงขอให้ทุกท่านได้ยึดหลักการ Universal Prevention อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยังมีความเสี่ยงสูงในขณะนี้

“ผมรับรู้ความเจ็บปวดของทุกท่านที่ได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ต้องปิดกิจการ หรือผู้ที่ต้องสูญเสียรายได้จากมาตรการต่าง ๆ ของรัฐ หรือแม้แต่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากโรคร้ายนี้ ผมเจ็บปวดและเศร้าใจทุกครั้งที่ได้อ่านข่าวผู้เสียชีวิตจากโควิด และเป็นสิ่งเตือนใจผมตลอดเวลาว่าจะต้องทำให้ได้ดีกว่านี้ ในการพยายามหาหนทางทุก ๆ ทางที่จะทำให้ผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลดลงให้มากที่สุด วิกฤตครั้งนี้หนักหนาสาหัสอย่างที่โลกไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน โดยเฉพาะในช่วงเวลาของการระบาดในระลอกนี้ ทำให้แผนการที่เราวางไว้บางอย่างอาจยังไม่บรรลุเป้าหมาย หรือต้องปรับเปลี่ยนแผน แต่ผมขอให้พวกเราทุกคนอดทน ช่วยกันประคองสถานการณ์ในระลอกนี้ให้ผ่านไปให้ได้ก่อน รักษาสุขภาพ ดูแลป้องกันตัวเอง และคนรอบข้างไม่ให้ติดเชื้อ เพื่อบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อประเทศชาติ และเพื่อท่านและครอบครัวของท่านเอง

ผมขอขอบคุณทุกท่านที่เข้าใจ และอดทนทำตามมาตรการของรัฐที่ออกมา ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า ที่ร.พ. สนาม ที่จุดคัดกรอง หรือที่ขนส่งผู้ป่วย ขอบคุณจิตอาสา ขอบคุณทุกคนที่เสียสละ เสี่ยงภัยอันตราย ผมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ คนทำงานทุกคน จะหาทุกหนทางในการช่วยเหลือและแก้สถานการณ์ให้เราผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้ เพื่อไปสู่การฟื้นฟูประเทศและเศรษฐกิจหลังโควิดโดยเร็วที่สุด ไม่ว่าอุปสรรคครั้งนี้จะยากเพียงใดก็ตาม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ศบค. แจงชัด เหตุจำเป็นต้องซื้อซิโนแวก 12 ล้านโดส

ที่ศบค.ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)ตอบข้อซักถามถึงกรณีที่มีการตั้งคำถามมากว่ารัฐบาลจัดซื้อวัคซีนซิโนแวกเพิ่มอีก 12 ล้านโดสทำไม ว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขรายงานต่อศบค. ซึ่งเห็นชอบและครม.อนุมัติแล้ว ศบค. ยึดจากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ การศึกษาและวิจัย ทั้งในพื้นที่และในโรงเรียนแพทย์อย่างหลากหลาย โดยเป็นการรายงานการศึกษาการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ที่พบว่ามีบุคลากรที่ฉีดซิโนแวกสองเข็ม แล้วมีการติดเชื้อหลัง 14 วันไปแล้วพบว่าประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันการติดเชื้อถึง 72% และป้องกันการตายป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรง 98% รวมถึงการศึกษาเทียบกับแอสตร้าเซเนก้า ที่พบบุคลากรติดเชื้อหลังจากได้รับหนึ่งเข็มพบว่ามีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อมากถึง 88% แต่เมื่อดูจากการศึกษาแล้วหากมีการฉีดผสมร่วมกันระหว่างซิโนแวกและแอสตร้าเซเนก้า จะทำให้ประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการเสียชีวิต ป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรง มีความสามารถป้องกันโรคได้สูงมากขึ้น 

ดังนั้นการยืนยันข้อมูลการศึกษา ต่างๆทำให้ศบค. ให้ความเห็นชอบและที่จะดำเนินการให้จัดสรรซิโนแวกเพิ่มเติม และอีกหนึ่งเหตุผลคือเดิมจากที่วางแผนให้มีการระดมฉีดวัคซีนทั่วประเทศไทยได้ 100 ล้านโดส แผนเดิมที่วางไว้ จะมีการเติมวัคซีนเข้ามาจากสองส่วนคือ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และแอสตร้าเซเนก้า คาดว่าจะให้รวมๆกัน ประมาณ 10 ล้านโดส แต่ทางกระทรวงสาธารณสุขรายงาน ก่อนหน้านี้ว่าจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ไม่สามารถจัดส่งวัคซีนให้ได้ในไตรมาส 4 ตามที่ตกลงกันไว้ดังนั้นทำให้แผนต้องปรับ และเช่นเดียวกันกับ แอสตร้าเซเนก้า โดยกำลังผลิต การจัดสรร ที่คาดการณ์ว่าจะได้ 10ล้านโดส อาจจะลดลงมาอยู่ที่ 5-6 ล้านโดสต่อเดือน ทำให้มีความสมเหตุสมผลที่จำเป็นต้องจัดหาวัคซีนซิโนแวก เข้ามาเสริมในส่วนที่ขาดหายไป

และจากการศึกษาของโรงเรียนแพทย์ทั้ง จุฬา รามา ศิริราช ที่มีการระดมฉีดไขว้ ซิโนแวก-แอสตร้าเซเนกาห่างกัน 3 สัปดาห์ แทนที่จะรอให้ฉีดแอสตร้าเซเนกา 2 เข็มห่างกัน 12 สัปดาห์ ก็พบว่ามีการช่วยให้ประสิทธิภาพของการป้องกันการติดเชื้อ ลดอัตราป่วยรุนแรง ลดอัตราเสียชีวิต ได้ รวมทั้งการระดมฉีดครอบคลุมประชากรจำนวนมากได้เป็นไปตามแผนของการกระจายวัคซีน

‘ก้าวไกล’ ประกาศต้านสอดไส้นิรโทษกรรมคนบริหารวัคซีน ชี้หากกฎหมายผ่าน ประชาชนจะฟ้องเรียกค่าเสียหายไม่ได้เลย

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. และโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีที่รัฐบาลได้มี มติ ครม. เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 64 เห็นชอบที่จะแก้ไข พ.ร.บ.โรคติดต่อ แทนการออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมเหมาเข่งล่วงหน้า ที่ถูกประชาชนต่อต้านเป็นจำนวนมาก โดยนายวิโรจนยืนยันว่าการกระทำเช่นนี้เป็นเพียงการเปลี่ยนยุทธวิธีนิรโทษกรรมเอาตัวเองให้พ้นผิดของรัฐบาล เพราะไม่สามารถรับมือพลังต่อต้านของประชาชนได้ แต่โดยยุทธศาสตร์ยังเป็นการหมกมุ่นหาทางเอาตัวรอดของรัฐบาลที่บริหารผิดพลาดจนทำคนเจ็บป่วยล้มตายทั่วประเทศ

“โดนประชาชนต่อต้านจนต้องล้มแผนออกพ.ร.ก.นิรโทษกรรมตัวเอง แต่ยังพยายามมาสอดไส้นิรโทษกรรมต่อในพ.ร.บ.โรคติดต่อ การทำแบบนี้สะท้อนว่ารัฐบาลนี้ รู้ดีว่าตนเองกำลังก่อกรรมทำเข็ญกับประชาชน แต่แทนที่จะมีสามัญสำนึก คิดที่จะรับผิดชอบ ที่จะออกกฎหมายในการชดเชยเยียวยาให้กับประชาชนที่สูญเสียและได้รับผลกระทบ กลับเอาเวลาไปคิดหมกมุ่นแต่เรื่องจะออกกฎหมายเพื่อปกป้องตนเองให้พ้นจากความรับผิดทั้งปวง

นี่เป็นความพยายาม ที่จะเอาความเหนื่อยยากของบุคลากรทางการแพทย์ด้านหน้า และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ปฏิบัติงานอยู่หน้างาน มาแอบอ้างเพื่อ "สอดไส้" ออกกฎหมายนิรโทษกรรมเหมาเข่งล่วงหน้าให้กับตนเอง และพวกพ้องที่เกี่ยวข้องกับนโยบายในการจัดหาวัคซีน การควบคุมการระบาด การรักษาพยาบาล และนโยบายในการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งหมด”

นายวิโรจน์ยังยืนยันว่า บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ด่านหน้า ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายที่มีอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ เพียงแต่กฎหมายทั้ง 3 ฉบับนี้ ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงฝ่ายนโยบายและศบค. เท่านั้น

“ถ้ารัฐบาลนี้ห่วงใยในตัวบุคลากรด่านหน้าจริง คงไม่มีข้อคิดเห็นข้อที่ 10 ที่ระบุว่า ถ้าให้บุคลากรทางการแพทย์ฉีดวัคซีน Pfizer เป็นเข็มที่ 3 จะเท่ากับยอมรับว่าวัคซีน Sinovac ไม่มีผลในการป้องกันและจะแก้ตัวได้ลำบากมากขึ้น คงไม่มีหลักเกณฑ์ที่จะฉีด Pfizer ให้คนบุคลากรด่านหน้าที่ฉีด Sinovac มาแล้ว 2 เข็มเท่านั้น ออกมา คงไม่ปล่อยให้บุคลากรทำงานด่านหน้า ภายใต้ความจำกัดของชุด PAPR ชุด PPE และงานธุรการวุ่นวายในการเบิกจ่ายยาและเวชภัณฑ์ ที่ทำให้แพทย์ลำบากใจอย่างที่เป็นอยู่”

นายวิโรจน์ย้ำว่าพรรคก้าวไกลจะต่อต้านการสอดไส้นิรโทษกรรมตัวเองของรัฐบาลอย่างถึงที่สุด เพราะหากปล่อยให้รัฐบาลสอดไส้เนื้อหาการนิรโทษกรรมเหมาเข่งล่วงหน้า เข้าไปที่ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ได้สำเร็จ คนที่เสียประโยชน์สูงสุด คือ ประชาชน เพราะว่าเมื่อกฎหมายนี้บังคับใช้ ประชาชนที่เสียชีวิต ตลอดจนเด็กกำพร้า ที่ต้องมาสูญเสียชีวิตพ่อแม่จากการบริหาร การควบคุมการระบาดที่ผิดพลาด ของรัฐบาล, ประชาชนที่ถูกเลื่อนฉีดวัคซีนจนต้องมาติดโควิด และเสียชีวิต, ประชาชนที่ประสบกับผลข้างเคียงอย่างรุนแรงจากการฉีดวัคซีนแบบสลับชนิดระหว่าง Sinovac และ AstraZeneca ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีงานวิจัย ที่ตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการทางการแพทย์ในระดับนานาชาติยืนยันมาก่อน, ประชาชนที่ต้องปิดกิจการ ต้องสิ้นเนื้อประดาตัว ต้องแบกหนี้สินมหาศาล จากความล้มเหลวในการบริหารจัดการของรัฐบาล ทั้งหมดนี้ อาจฟ้องร้องการชดเชยเยียวยาใด ๆ จากรัฐบาลไม่ได้เลย


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

แรงงานปลื้ม! ‘พล.อ.ประวิตร’ ประชุมติดตามผลงาน รอบ 1 ปี ก.แรงงาน ขับเคลื่อนนโยบายได้ตามเป้า ชื่นชม ช่วยผู้ประกันตนได้รวดเร็ว-ทั่วถึง สะท้อนความจริงใจรัฐบาล

วันที่ 18 สิงหาคม 2564 เวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมรับฟังผลงานของกระทรวงแรงงานรอบ 1 ปี ในรูปแบบการประชุมผ่านระบบ Video Conference โดยมี นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน , ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน , นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน , นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน , นางธิวัลรัตน์ อังกินันท์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน , นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน

พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย ณ ห้องแสงสิงแก้ว ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า วันนี้ เป็นโอกาสดีที่ได้มารับฟังผลงานของกระทรวงแรงงาน ในรูปแบบประชุมผ่านระบบ Video Conference เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและเป็นไปตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ผมขอชื่นชมกระทรวงแรงงาน ที่ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลที่เร่งด่วนและสำคัญ และให้ความช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานได้อย่างทันท่วงที

โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญเป็นเชิงประจักษ์ ขอแสดงความห่วงใยสำหรับบุคลากรกระทรวงแรงงานทุกท่านที่ทุ่มเทกำลังความสามารถในการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ขอบคุณกระทรวงแรงงานที่เร่งกระจายวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกันตนกลุ่มเสี่ยง ขอให้ดำเนินการต่อไปอย่างครบถ้วนและครอบคลุม เพื่อให้เป็นไปตามที่รัฐบาลได้กำหนด ให้การฉีดวัคซีนโควิด -19 เป็นวาระแห่งชาติ โดย พล.อ.ประวิตรยังได้เน้นย้ำการทำงานในประเด็นสำคัญต่าง ๆ ดังนี้

1) การบริหารวัคซีน ให้เร่งดำเนินการสร้างภูมิคุ้มกันในกลุ่มแรงงานให้ครอบคลุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่สีแดงเข้ม สำหรับศูนย์ฉีดวัคซีนแคมป์คนงาน ขอให้เร่งดำเนินการตามเป้าหมายที่กำหนด

2) มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการ Lockdown พื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด ทั้งนายจ้าง ผู้ประกันตน มาตรา 33, 39 และ 40 ขอให้ดำเนินการตามกำหนดระยะเวลา เพื่อช่วยให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบดังกล่าว

3) สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มแรงงาน ป้องกัน ดูแลตนเองให้ปลอดภัยจากโควิด -19 รวมทั้งบุคลากรของกระทรวงแรงงาน

4) โครงการ Blue Factory ให้บริหารจัดการอย่างครบวงจร โดยสำรวจความสมัครใจของสถานประกอบการ ตรวจคัดกรองให้ครอบคลุม หากพบผู้ติดเชื้อให้เร่งดูแลและช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีตามมาตรการด้านสาธารณสุข

5) แรงงานต่างด้าว ให้กำกับ ดูแล บริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าว ให้เป็นไปตามกฎหมายและมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

6) ยกระดับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลและองค์การระหว่างประเทศ และต้องกำกับดูแลเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์โดยเด็ดขาด หากพบมีพฤติการณ์ให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด ทั้งทางวินัยและอาญาทุกราย

7) ยกระดับทักษะฝีมือแรงงานในรูปแบบออนไลน์ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด-19 โดยเน้นหลักสูตรในการพัฒนาทักษะดิจิทัล เช่น การผลิตสื่อโฆษณาและหนังสั้นด้วยสมาร์ทโฟน เทคนิคการสร้างร้านค้าและขายสินค้าออนไลน์

การประชุมในวันนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้ Video Conference ไปยังสำนักงานแรงงานจังหวัด และสำนักงานแรงงานในต่างประเทศด้วย รวมทั้งให้กำลังใจให้ทุกคนปลอดภัยจากโรคโควิด-19 และขอให้ตรวจสอบและช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อย่างทันท่วงที พร้อมทั้งขับเคลื่อนมาตรการให้ความช่วยเหลือของกระทรวงแรงงานในทุกมิติ และขอให้ทุกท่านร่วมกันพัฒนาประเทศก้าวข้ามวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกัน

ก่อนการประชุม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ได้นำผู้แทนกลุ่มแรงงาน ได้แก่ นายวิฑูรย์ แนวพานิช นายกสมาคมการค้าแท็กซี่ไทย นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคาร และ นางญาดา พรเพชรรัมภา นายกชมรมหาบเร่แผงลอย มอบของที่ระลึกและกล่าวขอบคุณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ผ่านทาง นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในโอกาสที่ได้ให้ความช่วยเหลือ เยียวยาแรงงานทั้ง 3 กลุ่ม ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จากนั้นที่ประชุมได้รับฟังการรายงานผลงานของ ก.แรงงานในรอบ 1 ปี ที่ผ่านมา

ซึ่งมีผลงานที่สำคัญ อาทิ การยกระดับทักษะฝีมือแรงงานให้เป็นแรงงานคุณภาพ สามารถผ่านการอบรมแล้ว 110,110 คน มีงานทำแล้วคิดเป็น ร้อยละ 69.79 มีรายได้เฉลี่ย 14,152 บาทต่อเดือน  การส่งเสริมการมีงานทำสามารถบรรจุงานได้ 1,313,591 คน ก่อให้เกิดรายได้ 75,728 ล้านบาท  เศษ การคุ้มครองและแก้ไขปัญหาแรงงานถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ให้ลูกจ้าง 16,000 คน วงเงิน 850 ล้านบาท  การเพิ่มประสิทธิภาพ การบังคับใช้กฎหมายโดยมีการตรวจสถานประกอบกิจการ เพื่อป้องกันการค้ามนุษย์ 1,211 แห่ง และจากสถานการณ์โควิด-19 ก.แรงงาน โดยนโยบายของรัฐบาล ภายใต้การกำกับดูแลของ รอง นรม. สามารถเยียวยาแรงงาน ผู้ประกันตน ลดเงินสมทบกว่า 12 ล้านคน นายจ้างกว่า 480,000คน เยียวยาเหตุสุดวิสัย 50% ให้ผู้ประกันตน 198,432 คน โครงการ ม.33 เรารักกัน 8,140,000 คน รวมทั้งการเยียวยาในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด ในการตรวจเชิงรุก และการรักษาโควิด-19 อย่างทั่วถึง เป็นต้น

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวชื่นชม รมว.แรงงาน รมช.แรงงาน ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ของ ก.แรงงาน ทุกคน ที่ได้ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในการช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง เป็นธรรม มีผลงานเชิงประจักษ์ และได้ให้กำลังใจการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งได้มอบนโยบายให้ ก.แรงงาน เร่งช่วยเหลือทั้งนายจ้าง และผู้ประกันตน ม.33 ,39 และ 40 ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และยังรอการช่วยเหลือให้ครบถ้วน และทั่วถึง ต่อไป รวมทั้งขอให้มีการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว และเน้นย้ำป้องกันการค้ามนุษย์โดยมีการบังคับใช้ กม.อย่างจริงจัง และมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ เข้าไปยุ่งเกี่ยวโดยเด็ดขาด

 

 

ศบค. เด้งรับ สูตร "การป้องกันการติดเชื้อ โควิด-19 แบบครอบจักรวาล" ของสธ. แนะ ประชาชน ปรับสมดุลการดำรงค์ชีวิตวิถีใหม่ ให้อยู่กับโรคได้ ชี้ ต้องอยู่กันไปอีกระยะหนึ่ง

ที่ศบค.ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)แถลงข่าวประจำวันตอนหนึ่งว่า ที่ประชุมศปก.ศบค.หารือกันในวันนี้ถึงเรื่อง Universal Pervention for COVID-19 หรือ เรียกว่า การป้องกันการติดเชื่อโควิด-19แบบครอบจักรวาล โดยสิ่งสำคัญเราจะต้องเข้าใจว่าตอนนี้รายงานผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ในหลายกรณีเราไม่สามารถที่จะค้นหาว่าผู้ติดเชื้อได้รับเชื้อมาจากใคร จากไหน และพบว่าการแพร่กระจายเชื้อเป็นไปอย่างกว้างขวางทั้งในชุมชนและครอบครัว 

กระทรวงสาธารณสุขจึงเสนอแนวความคิด"การป้องกัน การติดเชื้อโควิด-19 แบบครอบจักรวาล" โดยประเด็นที่สำคัญเราจะต้องอยู่กับโรคโควิด-19 ให้ได้ เพราะโรคนี้จะอยู่กับประเทศไทยและโลกไปอีกระยะหนึ่ง เราจะต้องปรับสมดุลการดำรงค์ชีวิตวิถีใหม่ให้อยู่ได้ โดยนพ.อุดม คชินทร เสนอแนวคิดไว้ว่า ขอให้เราทุกคนคิดเสมอว่าทุกคนที่อยู่รอบตัวเรา ไม่ว่าจะสนิทแค่ไหนอาจเป็นผู้ติดเชื้อ โควิด-19 โดยเขาอาจจะเป็นคนที่นำเชื้อมาแพร่ หรืออาจจะเรานี่เองที่เป็นผู้ติดเชื้อแล้วไปแพร่ให้กับเขาได้ 

หลักการปฏิบัติคือพยายามออกจากบ้านเท่าที่จำเป็นเท่านั้น จนกว่าสถานการณ์ โควิด-19 จะลดความรุนแรงลง รักษาสุขอนามัยส่วนตัว การเว้นระยะห่างจากคนอื่น 1-2 เมตร ในทุกสถานที่ สวมหน้ากากอนามัยแล้วทับด้วยหน้ากากผ้าตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ ทำความสะอาดจุดสัมผัสจุดเสี่ยง และถ้าเป็นผู้มีอายุเกิน 60 ปี มีกลุ่มโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคก็จะต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสที่จะได้รับการสัมผัสเป็นผู้ติดเชื้อและมีความรุนแรง 

การอยู่ร่วมกันในสถานที่ทำงาน สถานประกอบการ ในครอบครัว ในหอพัก ขอให้มีการแยกของใช้ส่วนตัวทุกชนิด ไม่สามารถนั่งรวมกลุ่มรับประทานอาหารในที่ทำงานไปอีกระยะหนึ่ง ดูแลบุคลากรในสถานที่ทำงานก็ขอให้ทุกสถานประกอบการ ถือเป็นข้อปฏิบัติที่จะค้นหาผู้ติดเชื้อ คัดกรองผู้มีความเสี่ยง ให้ถือเป็นมาตรการประจำของสถานประกอบการ เมื่อค้นหาผู้ติดเชื้อโดยให้ได้รับการตรวจ ATK หากยืนยันเป็นผู้ติดเชื้อก็ต้องให้มีการแยกกัก และนำพาผู้ติดเชื้อเข้าสู่กระบวนการรักษาให้ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด จะทำให้ลดอัตราการแพร่เชื้อให้กับบุคคลอื่นในสถานประกอบการเดียวกันนั้นด้วย

รัฐบาลนิวซีแลนด์ประกาศล็อกดาวน์ หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 6 เดือน

รัฐบาลนิวซีแลนด์ใช้มาตรการอันน่าตื่นตะลึงเมื่อวันอังคาร (17 ส.ค.) สั่งให้ทั่วประเทศอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เข้มข้นเป็นเวลาอย่างน้อย 3 วัน หลังพบเคสผู้ติดเชื้อในชุมชน 1 รายในโอ๊คแลนด์ เมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ ถือเป็นเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่รายแรกของนิวซีแลนด์ในรอบ 6 เดือน

ที่ผ่านมา ยุทธศาสตร์ "เข้มเข้นและตั้งแต่เนิ่น ๆ" ของนายกรัฐมนตรี จาซินดา อาร์เดิร์น ช่วยสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่คำประกาศล่าสุดของเธอ กระตุ้นให้ชาวบ้านต้องแห่แหนกันไปกักตุนข้าวของที่จำเป็น ภาคธุรกิจต่าง ๆ ต้องปิดทำการอย่างฉับพลัน โรงเรียนและสำนักงานต่าง ๆ ต้องกลับสู่ออนไลน์ในช่วงนาทีสุดท้าย

ชาวนิวซีแลนด์ทุกคนจะอยู่ในมาตรการล็อกดาวน์ระดับ 4 ซึ่งเป็นลำดับที่เข้มข้นที่สุดเป็นเวลาอย่างน้อย 3 วัน เริ่มตั้งแต่วันพุธ (18 ส.ค.) เป็นต้นไป ยกเว้นที่เมืองโอ๊คแลนด์และโคโรแมนเดล เมืองริมฝั่งทะเล ที่ผู้ติดเชื้อเคยไปพัก จะอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลา 7 วัน

"ทางที่ดีที่สุดที่เราสามารถออกจากมาตรการล็อกดาวน์อย่างเร็วที่สุด ก็คือเราต้องทำอย่างเข้มข้นที่สุด" อาร์เดิร์น กล่าว "เราตัดสินใจบนพื้นฐานว่ามันจะดีกว่าหากเริ่มต้นในระดับเข้มงวดสูงสุดแล้วค่อย ๆ ผ่อนระดับลงมา ดีกว่าเริ่มจากระดับต่ำสุด แต่ไม่สามารถควบคุมไวรัสได้และต้องเห็นมันแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว"

ในมาตรการดังกล่าว โรงเรียน สำนักงานและภาคธุรกิจต่าง ๆ จะปิดทำการอีกครั้ง และจะอนุญาตให้เปิดดำเนินงานเฉพาะภาคบริการที่มีความจำเป็นเท่านั้น

ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุพบเห็นฝูงชนอัดแน่นตามซูเปอร์มาร์เกตทั้งหลาย หลังข่าวคราวพบผู้ติดเชื้อใหม่และคำสั่งล็อกดาวน์ฉับพลันแพร่สะพัดในวงกว้าง

เคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในชุมนุมรายสุดท้ายที่รายงานในนิวซีแลนด์ เกิดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งไม่นานหลังจากนั้น พลเมืองของพวกเขาใช้ชีวิตโดยปราศจากข้อจำกัดใด ๆ แม้ยังคงพรมแดนระหว่างประเทศเป็นส่วนใหญ่

อาร์เดิร์น ระบุว่า ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ระดับ 4 ประชาชนต้องหยุดอยู่บ้าน ออกไปข้างนอกได้เฉพาะงานบริการที่มีความจำเป็น และต้องสวมหน้ากากตลอดเวลายามอยู่นอกที่พักอาศัย "หากต้องการเอาชนะเดลตา นั่นหมายความว่าเราต้องยกระดับเกมของเราขึ้น" เธอกล่าว

"ฉันขอให้ชาวนิวซีแลนด์ทุกคนปฏิบัติตามกฎระเบียบ เราเห็นหลักฐานจากต่างประเทศแล้วว่าตัวกลายพันธุ์เดลตาสามารถแพร่เชื้อได้ด้วยการเดินผ่านใครบางคนเท่านั้น" นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ระบุ

หลังจากพบเคสผู้ติดเชื้อในชุมชน 1 รายในวันอังคาร (17 ส.ค.) ล่าสุดเมื่อวันที่18 ส.ค. ยืนยันพบเคสผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มเติมอีก 4 รายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ในนั้นรวมถึงเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในโอ๊คแลนด์ด้วย

โฆษกรัฐบาลระบุว่า จากข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศ 2 วัน รวมเป็น 5 ราย ซึ่งทั้งหมดล้วนติดเชื้อตัวกลายพันธุ์เดลตา และ 4 รายหลังสุดนี้ต่างมีความเชื่อมโยงกับผู้ติดเชื้อรายแรกที่ยืนยันเมื่อวันอังคาร (17 ส.ค.)

รวมแล้วประเทศแห่งนี้รายงานมีผู้ติดเชื้อสะสมราว 2,500 รายและเสียชีวิต 26 คน


(ที่มา : รอยเตอร์)
https://mgronline.com/around/detail/9640000081177


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

พาณิชย์ยันยอดส่งออกผลไม้ไทยยังโตสูง 

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้การส่งออกผลไม้สดของไทยไปยังประเทศจีนในครึ่งปีแรก (ม.ค. -มิ.ย. 2564) มีมูลค่าสูงถึง 74,539.44 ล้านบาท มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้น 64.89%  เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยผลไม้สดที่มีอัตราขยายตัวสูงได้แก่ สับปะรด 90.94% ทุเรียน 83.56% และ ลำไย 70.71% ซึ่งประเทศจีนยังคงเป็นตลาดส่งออกที่มีศักยภาพสูงของไทย

ทั้งนี้แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ทำให้จีนได้มีมาตรการที่เข้มข้นในเรื่องความปลอดภัยด้านโควิดที่อาจปนเปื้อนมากับสินค้ามากขึ้น แต่ล่าสุดกรมฯ ได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ในจีนได้เร่งประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นได้ภาพลักษณ์สินค้าอาหารของไทยว่าปลอดการปนเปื้อนจากเชื่อโวรัสโควิด-19 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและสร้างความเข้าใจด้านอาหารปลอดภัยของไทย โดยผลไม้ที่ส่งออกจะมีการควบคุมมาตรฐานทุกขั้นตอนตามระเบียบปฏิบัติการส่งออกที่กำหนดไว้

พร้อมกันนี้ ทูตพาณิชย์ของไทยในจีนยังได้จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการขายและยกระดับการส่งออกผลไม้ไทยสู่ตลาดจีนในเมืองต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อเช่น การจัดงาน Thai Fruits Golden Months ร่วมกับห้างสรรพสินค้า ในเมืองชิงต่าว คุนหมิง และเมืองเซี่ยเหมิน โดยผลไม้ที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภค ได้แก่ ทุเรียน มังคุด มะพร้าว ส้มโอ เป็นต้น และกรมฯมีแผนจะจัดกิจกรรมดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในปีต่อไป เพื่อกระตุ้นยอดขายและสร้างการรับรู้ผลไม้ไทยให้เป็นที่รู้จัดของผู้ซื้อมากขึ้นด้วย

ศบค. แจงชัด เหตุจำเป็นต้องซื้อซิโนแวก 12 ล้านโดส ยกผลศึกษา หลังฉีด 2 เข็ม ป้องกันการตายและการเจ็บป่วยรุนแรง สุงถึง 98%

เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่ศบค. ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ตอบข้อซักถามถึงกรณีที่มีการตั้งคำถามมากว่ารัฐบาลจัดซื้อวัคซีนซิโนแวกเพิ่มอีก 12 ล้านโดสทำไม ว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขรายงานต่อศบค. ซึ่งเห็นชอบและครม.อนุมัติแล้ว ศบค. ยึดจากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ การศึกษาและวิจัย ทั้งในพื้นที่และในโรงเรียนแพทย์อย่างหลากหลาย โดยเป็นการรายงานการศึกษาการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ที่พบว่ามีบุคลากรที่ฉีดซิโนแวกสองเข็ม แล้วมีการติดเชื้อหลัง 14 วันไปแล้วพบว่า ประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันการติดเชื้อถึง 72% และป้องกันการตายป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรง 98% 

รวมถึงการศึกษาเทียบกับแอสตร้าเซเนก้า ที่พบบุคลากรติดเชื้อหลังจากได้รับหนึ่งเข็มพบว่ามีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อมากถึง 88% แต่เมื่อดูจากการศึกษาแล้วหากมีการฉีดผสมร่วมกันระหว่างซิโนแวกและแอสตร้าเซเนก้า จะทำให้ประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการเสียชีวิต ป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรง มีความสามารถป้องกันโรคได้สูงมากขึ้น 

ดังนั้น การยืนยันข้อมูลการศึกษา ต่าง ๆ ทำให้ศบค. ให้ความเห็นชอบและที่จะดำเนินการให้จัดสรรซิโนแวกเพิ่มเติม และอีกหนึ่งเหตุผลคือเดิมจากที่วางแผนให้มีการระดมฉีดวัคซีนทั่วประเทศไทยได้ 100 ล้านโดส แผนเดิมที่วางไว้ จะมีการเติมวัคซีนเข้ามาจากสองส่วนคือ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และแอสตร้าเซเนก้า คาดว่าจะให้รวม ๆ กัน ประมาณ 10 ล้านโดส แต่ทางกระทรวงสาธารณสุขรายงาน ก่อนหน้านี้ว่าจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ไม่สามารถจัดส่งวัคซีนให้ได้ในไตรมาส 4 ตามที่ตกลงกันไว้ ดังนั้นทำให้แผนต้องปรับ และเช่นเดียวกันกับแอสตร้าเซเนก้า โดยกำลังผลิต การจัดสรรที่คาดการณ์ว่าจะได้ 10 ล้านโดส อาจจะลดลงมาอยู่ที่ 5-6 ล้านโดสต่อเดือน ทำให้มีความสมเหตุสมผลที่จำเป็นต้องจัดหาวัคซีนซิโนแวก เข้ามาเสริมในส่วนที่ขาดหายไป

และจากการศึกษาของโรงเรียนแพทย์ทั้ง จุฬา รามา ศิริราช ที่มีการระดมฉีดไขว้ ซิโนแวก-แอสตร้าเซเนก้า ห่างกัน 3 สัปดาห์ แทนที่จะรอให้ฉีดแอสตร้าเซเนก้า 2 เข็มห่างกัน 12 สัปดาห์ ก็พบว่ามีการช่วยให้ประสิทธิภาพของการป้องกันการติดเชื้อ ลดอัตราป่วยรุนแรง ลดอัตราเสียชีวิตได้ รวมทั้งการระดมฉีดครอบคลุมประชากรจำนวนมากได้เป็นไปตามแผนของการกระจายวัคซีน


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top