Saturday, 24 May 2025
NewsFeed

"กรณ์" ย้ำ 5 ข้อเสนอ ปลดล็อก “ระบบราชการรวมศูนย์” ทางออกช่วยคนไทยแก้วิกฤตโควิด  แนะนำเทคโนโลยีและ Data Management มาใช้ทุกขั้นตอน เพื่อให้ทันต่อการรับมือวิกฤตเร็วที่สุด 

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวถึงการบริหารจัดการในการแก้ปัญหาการระบาดของโควิด-19 โดยใช้ระบบราชการรวมศูนย์ ว่ากำลังจะทำให้คนไทยตาย เพราะแม้หลายเรื่อง นโยบายออกมาแล้ว แต่ในความเป็นจริงประชาชนก็ยังเข้าไม่ถึงผลลัพธ์ของทางออกดังกล่าวเลย การรวมศูนย์อำนาจทำการแก้ปัญหาให้อุ้ยอ้าย ล่าช้า และสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด ช้าไปวันสองวันอาจมีผลถึงชีวิตได้ 

ซึ่งที่ผ่านมา พรรคกล้าพยายามผลักดันมาอย่างน้อย 2 เดือนให้รัฐบาล “ปลดล็อคระบบราชการรวมศูนย์” มาแล้วหลายเรื่อง ตั้งแต่การยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงท่านนายกฯ ไปจนถึงข้อเสนออื่นๆ ซึ่งตระหนักดีว่า หลายข้อทำแล้ว แต่ผลยังไม่ปรากฎชัดในภาคปฏิบัติ ได้แก่
1. ปลดล็อก การเข้าถึงยาฟาวิพิราเวีย 
2. ปลดล็อก ระบบการตรวจโควิดด้วย antigen test แทนคอขวด PCR 
3. ปลดล็อก ระบบ Home Isolation 

แทนที่รัฐบาลจะแก้ปัญหาทีละปม ซึ่งช้าเกินไปมาก รัฐบาลต้อง "โอนอำนาจหน้าที่ดูแลประชาชนลงไปในระดับท้องถิ่นโดยด่วน” ซึ่งคำว่า ‘ท้องถิ่น’ นี้ไม่ได้หมายความเพียงแค่สั่งงานไปให้ผู้ว่าฯ แต่ต้องลงไปถึงระดับ อปท. เลย เขาใกล้ปัญหามากกว่า ใกล้ประชาชนมากกว่า และงบประมาณก็มีในมือ วิธีการทางกฎหมายที่จะทำได้คือ การออกพระราชกำหนดเร่งด่วน ซึ่งคือ 

4. ออก พ.ร.ก.ปลดล็อก เงื่อนไขอุปสรรคทางราชการเพื่อแก้วิกฤตโควิด 

มองง่ายๆ คือ ทุกศูนย์ตรวจ Rapid Antigen Test ในทุกพื้นที่ เมื่อตรวจพบเชื้อ เขาควรมีสิทธิมอบ ‘กล่องรักษาโควิด’ ถึงมือผู้มีผลติดเชื้อได้ทันที ในกล่องนี้ ควรมีทั้งยารักษาอาการต่างๆ สมุนไพรไทย และยา favipiravia พร้อมอุปกรณ์วัดไข้และวัดออกซิเจน แต่วันนี้กลับต้องรอส่วนกลางเป็นผู้มาตามแจก ช้าก็ช้า มาถึงก็ต้องแจกทีละบ้าน ขอความร่วมมือจากท้องถิ่นอยู่ดีว่าบ้านผู้ป่วยอยู่ไหน 

แม้แต่ระบบการฉีดวัคซีน ภาพความแออัดที่ปรากฏที่บางซื่อนั้นสะเทือนใจทุกคนที่เห็นมาก
นอกจากระบบจัดคิว ทำไมรัฐบาลไม่กระจายการฉีดลงไปให้เขตหรือแม้แต่เอกชนดูแล หรือเป็นเพราะการเมืองระหว่างพรรคยังเป็นอุปสรรค 

5. ปลดล็อก ระบบจัดการคิววัคซีนให้เอกชนบริหารจัดการ 

ลองดูสถิติการฉีดวัคซีน วันธรรมดาฉีดได้ 300,000 เข็มหรือมากกว่า พอวันหยุดเสาร์อาทิตย์ลดลงเหลือวันละ 80,000! ถ้าราชการไม่ไหว วันหยุดต้องพัก ก็ควรเปิดให้คนอื่นเข้ามาช่วย นี่คือ สงครามโรคระบาด และเป็นสงครามที่ข้าศึกโควิดไม่พักรบตามเวลาราชการ 

หัวหน้าพรรคกล้า เน้นย้ำว่า ทั้ง 5 ข้อนี้จะปลดล็อกให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด รัฐต้องนำเทคโนโลยีและ Data Management มาใช้ในทุกขั้นตอนต่อจากนี้ เพื่อให้ทันต่อการรับมือวิกฤตโดยเร็วที่สุด 

(ลิงค์ ข้อเสนอ 5 ข้อ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=366522731502961&id=100044357112719&sfnsn=mo)
( ลิงค์จดหมายเปิดผนึก https://www.facebook.com/100044357112719/posts/351006703054564/?d=n
( ลิงค์ปลดล็อก Antigen test kit https://www.facebook.com/100044357112719/posts/355768149245086/?d=n )

“ตั๊น จิตภัสร์” สั่งลุย อุดหนุนมังคุดเกษตรกรเมืองคอน ไม่ผ่านล้ง 4 ตัน ให้ทีม ส.ก.ปชป. ส่งต่อปันน้ำใจ ให้ผู้รับผลกระทบในชุมชนต่างๆ ทั่วกทม.สู้โควิด-19  ได้สองต่อช่วยระบายผลผลิตชาวสวนได้เงิน-ชาวกทม.ได้ทานผลไม้สด

ที่พรรคประชาธิปัตย์ น.ส. จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์มังคุดในจ.นครศรีธรรมราชราคาตกต่ำจากผลลิตล้นตลาด ว่า  ตนได้จัดทำโครงการ “อุดหนุนเกษตรกร ซื้อมังคุดเมืองคอน ปันน้ำใจ สู่ชุมชน กทม. สู้โควิด-19”  โดยการช่วยรับซื้อมังคุดจากเกษตรกรชาวสวนมังคุดในจังหวัดนครศรีธรรมราชโดยตรง ไม่ผ่านคนกลาง หรือล้งผลไม้ จำนวน4,000 กิโลกรัม(กก.)หรือ4 ตัน

เพื่อเป็นการช่วยเหลือชาวสวนมังคุดก่อนที่จะเน่าเสีย และเป็นการช่วยระบายผลผลิต เป็นส่งนหนึ่งของแก้ไขปัญหามังคุดราคาตกต่ำ เพื่อนำมาส่งมอบให้อดีต สก. และทีมงานสมาชิกพรรคเพื่อนำไปกระจายแจกจ่าย แบ่งปันความสุขต่อให้แก่พี่น้องประชาชนผู้กักตัวอยู่ที่บ้าน และผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด- 19 ในชุมชนต่างๆทั่วกรุงเทพฯ โดยจัดเตรียมไว้กว่า 2,000 ชุด ในเวบา 15.00 น.ของวันพฤหัสบดีที่ 29 ก.ค.นี้ ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ถ.เศรษฐศิริ ทั้งนี้ มังคุดเป็นผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินซี สูงเหมาะต่อการรับประทานเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ตามหลักทานอาหารผลไม้ให้เป็นยาด้วย

“คุณหญิงกัลยา” ขอบคุณครม.หลังอนุมัติเยียวยาค่าเรียนคนละ 2,000 บาท บรรเทาความเดือดร้อนช่วงวิกฤติโควิด-19 ย้ำที่ผ่านมาได้วางนโยบายระยะยาวสร้างงาน สร้างอาชีพ แก้จนยั่งยืนเตรียมพร้อมรับมือทุกวิกฤติ

ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขอบคุณครม.หลังอนุมัติเยียวยาค่าเรียนคนละ 2,000 บาท บรรเทาความเดือดร้อนผู้ปกครองรับมือวิกฤติโควิด-19 ย้ำในฐานะกำกับดูแลอาชีวะเกษตรเตรียมพร้อมรับมือทุกวิกฤติ วางนโยบายระยะยาวสร้างคน สร้างงาน สร้างอาชีพ ระหว่างเรียนมีรายได้ จบมามีงานทำ แก้จนอย่างยั่งยืน พร้อมให้ทุนการศึกษาช่วยเหลือและส่งเสริมนักเรียนอาชีวะเกษตร

นางดรุณวรรณ  ชาญพิพัฒนชัย โฆษกรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขอขอบคุณคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ได้มีมติเห็นชอบโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของกระทรวงศึกษาธิการ วงเงินรวมเกือบ 22,000 ล้านบาท โดยเฉพาะมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายในการเรียนรู้โดยให้ความช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษา ที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด ศธ.ทั้งภาครัฐและเอกชน และสถานศึกษานอกสังกัด ศธ. คนละ 2,000 บาท ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) วงเงินรวมประมาณ 21,600 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นมาตรการเร่งด่วนระยะสั้นที่ต้องการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครอง

“คุณหญิงกัลยาได้ขอบคุณคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติงบประมาณให้การช่วยเหลือ โดยเฉพาะให้เงินเยียวยาค่าเรียนคนละ 2,000 บาท ตั้งแต่อนุบาลถึงม.6 และระดับปวช.และปวส. วงเงินรวมประมาณ 21,600 ล้านบาท ซึ่งวงเงินส่วนนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้ตัวเลขการช่วยเหลือต่อคนอาจจะไม่มากนักแต่เชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ปกครองหลายครอบครัวที่กำลังเผชิญกับวิกฤติ” นางดรุณวรรณ กล่าว

นางดรุณวรรณ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการภายใต้ความรับผิดชอบของคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช         มีนโยบายหลายส่วนที่ได้กำหนดไว้เป็นประโยชน์ต่อการวางรากฐานการศึกษาไทยเพื่อรองรับศตวรรษที่ 21 รวมไปถึงที่สำคัญคือการวางนโยบายระยะยาวในการสร้างคน คือ การให้การศึกษากับทุกคนอย่างเท่าเทียม เน้นสร้างงาน คือ ระหว่างเรียนมีรายได้ และสร้างอาชีพ คือ จบมาต้องมีงานทำ โดยเฉพาะนโยบายด้านอาชีวะเกษตรที่คุณหญิงผลักดันและส่งเสริมอย่างต่อเนื่องเพราะเชื่อมั่นว่าประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม หากนำองค์ความรู้ด้านการเกษตรมารวมกับด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้จะสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน และเศรษฐกิจฐานราก จะเป็นการแก้ปัญหาความยากจนได้อย่างยั่งยืน 

ทั้งนี้ที่ผ่านมาคุณหญิงกัลยาได้ให้การช่วยเหลือและบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในการเรียนของผู้ปกครองอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อาทิ การให้ทุนการศึกษาส่วนตัวกับนักศึกษาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี (วษท.) ในหลักสูตร “ชลกร” รุ่นที่ 1 ที่ทุกคนจะได้รับการสนับสนุนค่าเล่าเรียน โดยได้รับการงดเว้นค่าหน่วยกิตตลอดหลักสูตร 2 ปี รวมถึงการผลักดันให้วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีทั่วประเทศปลูกสมุนไพรที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มและสอดรับเทรนด์การดูแลรักษาสขภาพ เช่น ฟ้าทะลายโจร กระชาย เป็นต้น เพื่อจำหน่ายและแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน 

รัฐสภา จัดพิธีถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานในพิธีถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 ก.ค.2564 มีนายสุชาติ ตันเจริญ นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานฯ และเลขาธิการสภาฯ พร้อมด้วยข้าราชการรัฐสภา ร่วมพิธี โดยนายชวนได้ถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และเปิดกรวยกระทงดอกไม้หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกล่าวกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล จากนั้นประธานและคณะร่วมกันร้องเพลงสดุดีจอมราชา พร้อมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกร่วมกัน โดยพิธีดังกล่าวเป็นการจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 

ยันเดินหน้าต่อภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ไม่มีชะลอ

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยภายหลังเกิดกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในจังหวัดภูเก็ต ในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาเกินกว่า 90 ราย จนเกรงว่าจะกระทบกับโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ว่า  ล่าสุดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และททท.ได้หารือกับนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายแพทย์กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเอกชน ซึ่งสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เอกชนและผู้ว่าราชการจังหวัดยืนยันยังรับมือไหว  

ทั้งนี้ยังต้องติดตามยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วง 7 วันจากนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งทางจังหวัดภูเก็ตจะพยายามลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงมาให้ได้ ตอนนี้จึงยังไม่มีนัยยะต่อการทบทวนโครงการภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้วเข้ามาโดยไม่ถูกกักตัว 

นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ไม่มีความคิดที่จะหยุดโครงการภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์ ต้องขึ้นอยู่กับทางจังหวัดภูเก็ตเป็นผู้ตัดสินใจ และการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เกิดขึ้นตอนนี้ถือว่าเป็นการทดลองระบบที่วางไว้ เพื่อไปสู้เป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามามากขึ้นในไตรมาส 4 และในเดือนส.ค.นี้ นักท่องเที่ยวที่จะเข้าภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ สามารถบินมาต่อเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิได้ด้วย ซึ่งจะมีเครื่องของสายการบินบางกอกแอร์เวยส์ และสายการบินไทยสมายส์ที่รับ-ส่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้โดยเฉพาะ ไม่ปะปนกับคนในประเทศ”  

'สหกรณ์' เร่งกระจายเงาะมังคุดช่วยชาวสวนผลไม้ภาคใต้

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เกษตรกรชาวสวนผลไม้ในภาคใต้กำลังประสบปัญหาช่องทางจำหน่ายเงาะและมังคุด เนื่องจากในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม เป็นฤดูกาลที่ผลผลิตในภาคใต้ออกมาพร้อมกัน จนเกิดการกระจุกตัวและราคาตกต่ำ โดยเฉพาะในปีนี้สถานการณ์โควิด – 19 กำลังระบาด มีการล็อกดาวน์ทำให้พ่อค้าไม่สามารถเข้าไปตั้งล้งเพื่อรับซื้อมังคุดจากเกษตรกรได้ 

ล่าสุดน.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์เร่งหาทางช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรโดยด่วน เบื้องต้น จึงได้สั่งการให้สหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัดประสานเครือข่ายสหกรณ์ในแต่ละพื้นที่ สั่งซื้อเงาะและมังคุดจากสหกรณ์ที่เป็นแหล่งผลิตในภาคใต้ กระจายสู่ผู้บริโภคของแต่ละจังหวัด โดยให้สหกรณ์ต้นทาง 6 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ระนอง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พังงา และยะลา เปิดจุดรวบรวมเงาะ มังคุดจากเกษตรกรและสมาชิก เน้นผลไม้ที่ได้คุณภาพมาตรฐาน GAP ก่อนนำมาคัดเกรดบรรจุลงกล่อง และเร่งจัดส่งให้สหกรณ์ที่เป็นตลาดปลายทางเพื่อให้ถึงผู้บริโภคโดยเร็ว 

เบื้องต้น มีสหกรณ์ในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ เปิดรับพรีออเดอร์เงาะและมังคุด ซึ่งมีผู้บริโภคให้ความสนใจทยอยสั่งซื้อผ่านเครือข่ายสหกรณ์อย่างต่อเนื่อง ได้ตั้งเป้าหมายกระจายมังคุดผ่านเครือข่ายสหกรณ์ไม่น้อยกว่า 5,216 ตัน และกระจายเงาะไม่น้อยกว่า  3,329 ตัน พร้อมจัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ วงเงิน 122  ล้านบาทเพื่อให้สหกรณ์กู้ยืมเป็นทุนหมุนเวียนรับซื้อผลผลิตจากสมาชิกและเกษตรกรในราคานำตลาด  เพื่อดึงราคาผลไม้ในพื้นที่ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเป็นธรรม

"เหล่าทัพ" ร่วมจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 ก.ค.64 

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.อ.เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะ ถวายพระพรชัยมงคล และถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดินเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 ของ กองบัญชาการกองทัพไทย ณ ห้องนเรศวร กองบัญชาการกองทัพไทย โดยมีรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดเข้าร่วมพิธี

การจัดพิธีในครั้งนี้ เพื่อแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี แด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ทรงพระวิริยะ อุตสาหะ มุ่งมั่นปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทย 

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2564  พิธีถวายเครื่องราชสักการะ ถวายราชสดุดี และถวายพระพรชัยมงคล, พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน, พิธีไถ่ชีวิตกระบือถวายเป็นพระราชกุศล, ลงนามถวายพระพรชัยมงคล โดยหน่วยขึ้นตรงทั่วประเทศ​ จัดพิธีถวายเครื่องราชสักการะ ถวายราชสดุดี และถวายพระพรชัยมงคล 

ที่กองบัญชาการกองทัพเรือพระราชวังเดิม​ (บก.ทร.) พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) นายทหารชั้นผู้ใหญ่ร่วมถวายราชสักการะ พร้อมกล่าวถวายพระพรชัยมงคล ถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีเป็นพลังของแผ่นดิน​  เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564  ได้นำคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ร่วมลงนามถวายพระพร  ผ่านระบบออนไลน์

จากนั้นผู้บัญชาการทหารเรือและนางจุฬารัตน์ ศรีวรขาน พร้อมนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือและภริยา ร่วมแจกจ่ายอาหารกล่องและถุงยังชีพให้แก่ประชาชน ตามพื้นที่ต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัส โควิด 19 ในการจักิจกรรม"กองทัพเรือเพื่อประชาชน ร่วมใจต้านภัย COVID - 19" เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล 

กองทัพเรือ ได้จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีของข้าราชการกองทัพเรือตลอดจนพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ในพื้นที่ต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล​ พื้นที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พื้นที่จังหวัดสงขลา พื้นที่จังหวัดภูเก็ต - จังหวัดพังงา พื้นที่จังหวัดจันทบุรี - จังหวัดตราด พื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ขณะที่กองทัพอากาศ​ พล.อ.อ.แอร์บูล  สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.)เป็นประธานกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 69 พรรษา ณ ห้องรับรองกองทัพอากาศ กองบัญชาการกองทัพอากาศ โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพอากาศ ร่วม พิธีถวายเครื่องราชสักการะ การถวายพระพรชัยมงคล และการถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน พิธีเจริญพระพุทธมนต์ พิธีตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 10 รูป พิธีไถ่ชีวิตโค-กระบือ รวมทั้งลงนามถวายพระพรชัยมงคลและถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน 
 
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 จนถึงปัจจุบัน ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” ทรงเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทในการสานต่อศาสตร์พระราชา ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระองค์ทรงให้ความสำคัญเรื่องการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโครงการจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. และโครงการจิตอาสาพระราชทาน “เราทำความดีเพื่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์”

จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศ  ที่ผ่านมาพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานความช่วยเหลือ โดยมอบถุงยังชีพพระราชทานแก่ชุมชนทั่วประเทศเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น พระราชทานเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์แก่โรงพยาบาลทั่วประเทศ พระราชทานรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทานแก่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อนำไปตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้แก่ประชาชนในพื้นที่กลุ่มเสี่ยง เพื่อจะได้เข้ารับการรักษาอย่างปลอดภัย อันเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังและดูแลรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 จึงนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ต่อพสกนิกรชาวไทยที่ได้อาศัยอยู่ใต้ร่มพระบารมี 

กระทรวงแรงงาน เตือนคนหางานทำประกันโควิดก่อนเดินทางทำงานเกาหลี

กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน แจ้งข่าวแรงงานไทยที่จะเดินทางเข้าไปทำงานที่สาธารณรัฐเกาหลี ช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด -19 แนะทำประกันคุ้มครอง 30 วัน พร้อมสำรองเงินค่ารักษาพยาบาลอย่างน้อย 60,000 บาท

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ฝ่ายแรงงานประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล แจ้งข้อมูลข่าวสารตลาดแรงงานไทย โดยระบุว่า แรงงานที่เดินทางไปยังสาธารณรัฐเกาหลีจะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วย หากผลการตรวจระบุว่าพบเชื้อ แรงงานจะต้องเข้ารับการกักกัน และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการกักกันด้วยตนเอง ดังนั้น แรงงานจึงควรทำประกันโควิด - 19 ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมระยะเวลาถึง 30 วัน หลังจากเดินทางเข้าสาธารณรัฐเกาหลีแล้ว ซึ่งหากตรวจพบเชื้อจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลด้วยตนเอง จึงควรเตรียมเงินอย่างน้อย 60,000 บาท เพื่อใช้สำรองจ่ายเมื่อต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล ถึงแม้ว่าแรงงานจะทำประกันชีวิตแล้วก็ตาม โดยหลังจากนั้นสามารถนำเอกสารที่ได้รับไปยื่นขอรับเงินกับบริษัทประกันได้ ทั้งยังพบแรงงานที่เดินทางไปยังสาธารณรัฐเกาหลีในช่วงนี้ บางส่วนมีอาการป่วยเป็นโรคกลัวที่แคบ (Claustrophobia) ประมาณ 1-2 คน ต่อเที่ยวบิน ซึ่งผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้จะประสบปัญหาในการกักกัน ดังนั้น แรงงานต้องทำความเข้าใจและเตรียมพร้อมที่จะเข้ารับการกักกันหรือพกยาประจำตัวในกรณีที่มีโรคดังกล่าวไปด้วย หรืออาจพิจารณาเลื่อนกำหนดการเดินทางไปทำงาน

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมแรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศ อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งมุ่งเน้นประโยชน์และความปลอดภัยของแรงงานไทยเป็นสำคัญ  โดยมอบหมายกระทรวงแรงงาน ดูแลคนไทยที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศให้ได้รับการปฏิบัติตามสิทธิที่พึงมี และได้ทราบข้อมูลข่าวมูลสารที่ถูกต้องเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า กรมการจัดหางานมีภารกิจในการส่งเสริม และกำกับดูแลให้แรงงานไทยเดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งมี 5 วิธี คือ 1.กรมการจัดหางานเป็นผู้จัดส่ง 2.บริษัทจัดหางานจัดส่ง 3.นายจ้างในประเทศไทยพาลูกจ้างของตนไปทำงานต่างประเทศ 4.นายจ้างในประเทศไทยส่งลูกจ้างของตนไปฝึกงานในต่างประเทศ 5.คนหางานแจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศด้วยตัวเอง เพราะจะทำให้ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ได้ค่าจ้างที่เหมาะสม และยังได้รับการดูแลที่ดีตามสิทธิที่พึงมีด้วย

"ทั้งนี้ คนหางานที่ต้องการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 -10 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.1694 หรือติดตามข่าวสารตำแหน่งงานต่างประเทศได้ที่เว็บไซต์ www.doe.go.th/overseas" อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว

บี้! 'บริษัทประกัน'ใช้ผลตรวจ  PCR เครมประกันโควิดได้ 

นายโสภณ หนูรัตน์ หัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) เปิดเผยว่า ฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคที่ซื้อประกันโควิดและเกิดปัญหาในการยื่นเอกสารเพื่อใช้เคลมประกันเมื่อตรวจพบโควิด โดยปัญหาที่พบ คือ บริษัทประกันส่วนใหญ่ต้องการให้ผู้เอาประกันนำส่งเอกสารใบรายงานหรือใบรับรองแพทย์ก่อนจึงจะสามารถเคลมประกันให้ได้ ทั้งที่ผู้เอาประกันมีรายงานผลตรวจเชื้อโควิดจากห้องปฏิบัติการแบบ PCR หรือ การตรวจหาเชื้อไวรัสโดยดูจากสารพันธุกรรม RNA ของไวรัส ซึ่งเป็นวิธีการตามมาตรฐานสากล 

ประกอบกับสถานการณ์โควิดที่มีการแพร่ระบาดมากจนทำให้การพบแพทย์และการเข้าถึงการรักษาในโรงพยาบาลเป็นไปได้ยาก ดังนั้น การที่ผู้เอาประกันจะต้องมีใบรายงานหรือใบรับรองแพทย์เพื่อให้เอกสารครบถ้วนตามข้อกำหนดของบริษัทประกันเพื่อยื่นเคลมประกันจึงไม่ใช่เรื่องที่จะดำเนินการได้โดยง่าย

จากข้อมูลกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้นิยามคำว่า “ผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อโควิด” ไว้ในแนวทางเฝ้าระวังและสอบสวนโรคติดเชื้อโควิด 2019 ฉบับวันที่ 23 มี.ค.2563 ว่า เป็นผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคที่มีผลตรวจทางห้องปฏิบัติการพบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัส SARS - CoV - 2 โดยวิธี PCR ยืนยันจากห้องปฏิบัติการตามที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ประกาศ 1 แห่ง หรือ Sequencing หรือเพาะเชื้อ 

รวมถึงประกาศแนวทางการแยกกักผู้ป่วยโควิดในชุมชน ฉบับวันที่ 24 ก.ค.2564 จากกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ใช้แนวทางเดียวกันด้วยนั้น จึงเห็นได้ว่าการเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดควรสามารถใช้ผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการโดยวิธี PCR ยืนยันว่าเป็นผู้ป่วยโควิดตามนิยามของกรมควบคุมโรคและกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขได้โดยไม่จำเป็นต้องมีใบรายงานหรือใบรับรองจากแพทย์อีกแต่อย่างใด 

ดังนั้น สอบ. จึงขอให้บริษัทประกันที่รับประกันภัยโควิดลดขั้นตอนในการยื่นเอกสารเพื่อเคลมประกันของผู้เอาประกันที่ติดเชื้อโควิด โดยสามารถให้ใช้ผลตรวจจากห้องปฏิบัติการโดยวิธี PCR ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ใบรับรองแพทย์และเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางนิยามผู้ป่วยโควิดของกระทรวงสาธารณสุข พร้อมทั้งจะเร่งติดตามการดำเนินการของบริษัทประกัน และหารือกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นการคุ้มครองและรักษาสิทธิผู้บริโภคต่อไป

สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2564  เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 

ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พลเอก ณัฐ  อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มถวายพระพรชัยมงคล และถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 69 พรรษา (28 กรกฎาคม 2564 ) ณ ห้องพินิตประชานาถ ในศาลาว่าการกลาโหม เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี และในการจัดกิจกรรมได้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ในห้วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประกอบด้วย กิจกรรมจิตอาสาพัฒนา "เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ" ร่วมกับส่วนราชการอื่น ๆ และประชาชนจิตอาสาในพื้นที่โดยรอบบริเวณศาลาว่าการกลาโหม ซึ่งประกอบด้วย การพัฒนาและปรับปรุงภูมิทัศน์คลองคูเมืองเดิม เริ่มจากโรงแรมรัตนโกสินทร์ถึงปากคลองตลาด และคลองสาขา จำนวน 2 คลอง (คลองหลอดวัดราชบพิธ และคลองหลอดวัดราชนัดดา) โดยมีการขุดลอกคลองคูเมืองเดิมด้วยเรือผลักดันโคลนของ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม การทำความสะอาดและทาสีผนังคลองคูเมืองเดิม การเก็บขยะในคลองคูเมืองเดิม และการตัดแต่งกึ่งไม้ริมคลองคูเมืองเดิม คลองสาขา และสวนสราญรมย์

นอกจากนี้ยังได้จัดทำเจลแอลกอฮอล์ หน้ากากกันกระเด็น (Face Shield) และแผ่นกั้นกันกระเด็นเพื่อนำไปมอบให้กับวัดและโรงเรียน โดยมี วิทยากรจิตอาสา 904 และกำลังพลจิตอาสาของหน่วยขึ้นตรงสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ในพื้นที่ศาลาว่าการกลาโหม เข้าร่วมกิจกรรมฯ

การถวายเครื่องอัฐบริขาร มอบอุปกรณ์การเรียน เวชภัณฑ์ และเครื่องวัดอุณหภูมิ รวมทั้งการทำความสะอาด และการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ให้กับวัดและโรงเรียน จำนวน 10 แห่ง โดยแบ่งออกเป็น วัด จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ 1.วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรมหาวิหาร 2.วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร 3.วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร 4.วัดราชนัดดารามวรวิหาร และ 5.วัดมหรรณพารามวรวิหาร โรงเรียน จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ 1.โรงเรียนวัดราชบพิธ 2.โรงเรียนเบญจมราชาลัย 3.โรงเรียนวัดสุทัศน์ 4.โรงเรียนวัดราชนัดดา และ 5.โรงเรียนวัด มหรรณพาราม โดยมีกำลังพลของหน่วยขึ้นตรงสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ในพื้นที่ศาลาว่าการกลาโหมเข้าร่วมกิจกรรมทำความสะอาด

​ทั้งนี้การจัดกิจกรรมในแต่ละพื้นที่ของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพรระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ตามที่รัฐบาลกำหนดอย่างเคร่งครัด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top