Friday, 23 May 2025
NewsFeed

ราเมศ สนับสนุน พาณิชย์ จัดการเด็ดขาด ผู้ค้าออนไลน์ที่ฉวยโอกาส เอาเปรียบหลอกลวง ปชช. ร้อง สายด่วน 1569  ได้

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการเข้มงวดเรื่องราคาสินค้าและบริการเพื่อไม่ให้มีการเอาเปรียบประชาชนว่าพรรคได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนเรื่องการฉวยโอกาสเอาเปรียบและหลอกลวงประชาชนในเรื่องการซื้อขายสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะช่องทางการซื้อขายทางออนไลน์ ที่ขณะนี้เป็นช่องทางที่สำคัญเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 จึงทำให้มีการสั่งซื้อช่องทางนี้เป็นจำนวนมาก มีทั้งกรณีสั่งซื้อแล้วไม่ได้สินค้า สั่งซื้อแล้วเมื่อของมาส่งสินค้าก็ไม่ตรงตามที่ได้สั่งซื้อ บางรายกลับได้รับอีกชนิดหนึ่งซ้ำร้ายกว่านั้นไม่มีคุณภาพด้วย ติดต่อกลับไปก็ไม่สามารถติดต่อกลับได้ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก 

นายราเมศ กล่าวต่อว่า พรรคได้ประสานการทำงานร่วมกับหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ตลอดเพื่อช่วยเหลือประชาชน  ซึ่งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 

ที่ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ อธิบดีกรมการค้าภายใน ติดตามให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัด รวมถึงเจ้าหน้าที่ เพื่อดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เกี่ยวกับการแสดงราคาจำหน่ายปลีกสินค้าหรือบริการนั้นต้องแสดงให้ตรงกับราคาที่จำหน่ายหรือค่าบริการที่ให้บริการ อย่างเคร่งครัด

เพราะหากผู้ใดทำการฝ่าฝืนจะเป็นความผิด และมีโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ด้วย บางรายที่หลอกลวงประชาชนเข้าลักษณะการฉ้อโกงในความผิดอาญาก็มีไม่อยากให้มีการซ้ำเติมวิกฤติด้วยการเอาเปรียบประชาชนในสถานการณ์เช่นนี้ 

ขอเตือนว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์เข้มงวด ทำงานเชิงรุกในการสำรวจตรวจสอบ มีการตักเตือนบางรายที่ยังไม่รายแรงก็มีมาก มีดำเนินคดีก็หลายราย ร้านค้าบนสื่อออนไลน์ทุกประเภทต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามพรบ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เช่น การแสดงราคา รายละเอียดสินค้า จำหน่ายไม่ตรงราคาที่แสดง ไม่แจ้งค่าใช้จ่ายอื่นๆ เป็นต้น 

ประชาชนสามารถร้องเรียนเรื่องสินค้าและบริการผ่านสายด่วน 1569 กรมการค้าภายในได้ ขณะนี้ได้มีการตรวจสอบเชิงรุก ในสภานการณ์ควบคุมโควิด 19 เราคนไทยทุกคนต้องช่วยกัน การฉวยโอกาสเอาเปรียบกัน เสมือนเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการช่วยเหลือประชาชนในทุกๆเรื่อง

เพื่อประเทศชาติ ! จุรินทร์ เข้ม “ตลาดนำการผลิต" ชี้ โอกาส "ส่งออก" นำรายได้เข้าประเทศ "พาณิชย์" ชู สินค้าเฉพาะกลุ่ม และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โอกาสงาม 

นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การติดตามนโยบายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เร่งรัดการส่งออก ขยายโอกาสทางการค้าเพื่อนำรายได้เข้าประเทศนั้น ล่าสุดจากรายงานความเคลื่อนไหวตลาดต่างประเทศของสำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ช่วงสถานการณ์โควิด-19 แต่การทำงานเชิงรุกของทีมเซลล์แมนประเทศหรือทูตพาณิชย์ในต่างประเทศมีความคึกคัก  

" ขณะนี้สถานการณ์ความเคลื่อนไหวตลาดจากทั่วโลกเพื่อผู้ประกอบการไทยสามารถวางแผนการพัฒนาและผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของตลาดแต่ละประเทศตามกลยุทธ์ "ตลาดนำการผลิต" ภายใต้ยุทธศาสตร์เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาดของนายจุรินทร์ อยากแจ้งให้ทราบว่ามีโอกาสในสินค้าเฉพาะกลุ่ม หรือ Niche Market และโอกาสในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ  โดยโอกาสของตลาดสินค้าเฉพาะกลุ่ม ล่าสุด มีที่สหภาพยุโรปที่ได้รับรองหนอนนกอบให้เป็นอาหารสำหรับมนุษย์ได้และยังมีอีก 14 รายการของแมลงที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบขึ้นทะเบียนพิจารณาเป็นอาหารสำหรับมนุษย์ " นางมัลลิกา กล่าว 

ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ สินค้าตกแต่งบ้านแฮนด์เมดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น เฟอร์นิเจอร์ไม้ เสื่อรองจานตะกร้าสาน มีความต้องการมากในเยอรมัน ดังนั้นไทยจึงควรศึกษาเรื่องตรารับรอง SSC และกฎระเบียบด้านความปลอดภัยของสินค้าสิ่งทอของยุโรปด้วย สำหรับตลาดสหราชอาณาจักร มีความต้องการสินค้าเทคโนโลยีสำหรับสัตว์เลี้ยงในเพิ่มขึ้นเพราะคนเริ่มกลับมาทำงานตามปกติ เช่น กล้องวงจรปิด อุปกรณ์ติดตามการเคลื่อนไหวของสัตว์ และบริการสมัครสื่อบันเทิงสำหรับสัตว์ ส่วนสินค้าเพื่อสัตว์เลี้ยง ด้านตลาดทางจีน ผู้ประกอบการไทยควรพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ซื้อหลักในจีน คือ สตรีวัยกลางคน ที่มีการศึกษาและมีสถานะการเงินสูงกว่ารายได้เฉลี่ย

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการสามารถใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีอยู่ในแต่ละประเทศ เพื่อเปิดเจาะตลาดได้ โดยเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยและรายเล็ก หรือ Micro-SME และ SME หรือ MSME เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงเท่าการเจาะตลาดในรูปแบบดั้งเดิม โดยที่ตลาดไต้หวัน มีแพลตฟอร์มที่น่าสนใจ ได้แก่ Momo,Pinkoi และ PC Home สำหรับสินค้าสินค้าที่ได้รับความนิยม ได้แก่ สินค้าอาหาร ของใช้ในบ้าน อุปกรณ์ 3C  คอมพิวเตอร์ การสื่อสาร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค และอาหารเสริม ซึ่งล้วนเป็นสินค้าของใช้ในชีวิตประจำวันที่ตอบรับกระแสการทำงานที่บ้านและการเรียนออนไลน์ทั้งสิ้น 

ส่วนสำหรับผู้ที่สนใจขยายตลาดไปยังมาเลเซียอาจจะพิจารณาแพลตฟอร์ม Shopee ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ในมาเลเซีย มีส่วนแบ่งตลาดถึง 82% ส่วนตลาดอินโดนีเซียเป็นอีกตลาดที่มีศักยภาพ เพราะเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ใช้อินเตอร์สูงเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจาก จีน อินเดีย และ สหรัฐอเมริกา มีแพลตฟอร์มที่น่าสนใจ ได้แก่ Goto ของอินโดเซีย ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่เกิดจากการควบรวมของ GoJek และ Tokopedia แต่ในอินโดนีเซียนั้น Shopee ซึ่งเป็นหนึ่งในทางเลือกหลักของผู้ซื้อออนไลน์ในอินโดนีเซียเขาประกาศไม่ให้นำเข้าสินค้ากลุ่ม MSME จากประเทศอื่นทั้งนี้เพื่อช่วยเหลือกลุ่ม MSME ในประเทศของเขาเองเป็นตามนโยบายของรัฐบาลอินโดนีเซีย เราควรต้องทราบ 
 
" วิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนในทุกประเทศ และพฤติกรรมของผู้บริโภคต่างแปรผันตามสถานการณ์ของแต่ละประเทศค่ะ ผู้ประกอบการควรทำการตลาดสินค้าและบริการที่ลูกค้าต้องการเพื่อลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจระหว่างประเทศ โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าภารกิจทีมเซลส์แมนประเทศไทย ได้ติดตามและเร่งรัดการทำงานของเซลส์แมนจังหวัดให้ทำงานใกล้ชิดกับผู้ผลิตสินค้าเพื่อส่งต่อไปยังทีมเซลส์แมนประเทศ ที่อยู่ในต่างประเทศในการทำการตลาดได้ตรงกับความต้องการของแต่ละตลาดต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะได้นำรายได้เข้าประเทศมาช่วยชาติยามนี้ให้มากที่สุด เพราะตอนนี้ส่งออกเป็นขาหลักขาเดียวของประเทศเราที่เหลืออยู่ เวลานี้เพราะการท่องเที่ยวเดี้ยงไปแล้ว เวลานี้ประเทศชาติต้องการเรา ” นางมัลลิกา กล่าว

รองโฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ ติดตาม คืบ มาตรการ“พักทรัพย์ พักหนี้” ฟังเสียงสะท้อนจากเอกชน - มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู คาดต.ค.นี้ ธนาคารปล่อยถึงแสนล้าน

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการ  “มาตรการพักทรัพย์ พักหนี้”  ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2564 ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนักจากการระบาดของ COVID-19 ให้มีภาระหนี้ลดลงและสามารถกลับมาดำเนินกิจการได้อีกครั้งเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ผ่านกลไกการรับโอนสินทรัพย์หลักประกันเพื่อชำระหนี้ของสถาบันการเงิน พร้อมให้สิทธิซื้อทรัพย์คืน และต่อมา ครม. ยังได้เห็นชอบมาตรการภาษีอากรเพื่อสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้อีกด้วย

สอดรับมติครม.ดังกล่าว กรมสรรพากรได้ออกประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเรื่อง ‘กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข กรณีหนี้ที่ต้องดำเนินการตามมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้’ และได้มีผลบังคับใช้เมื่อ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการยกเว้นภาษีแก่สถาบันการเงินและลูกหนี้ธุรกิจที่ร่วมโครงการ “พักทรัพย์ พักหนี้” คาดว่าจะมีผลให้ผู้ประกอบการสนใจเข้าร่วมโครงการมากขึ้นอย่างแน่นอน เพราะไม่ต้องกังวลกับภาระภาษี เป็นการลดต้นทุนให้กับลูกหนี้และสถาบันการเงิน

อีกทั้งสถาบันการเงินสามารถให้สินเชื่อแก่ประชาชนและธุรกิจต่างๆได้เพิ่มขึ้น และสำหรับภาคการเกษตร ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์  (ธ.ก.ส.) ได้มีมาตรการ “พักทรัพย์ พักหนี้” เช่นกัน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ประกอบการ(บุคคล หรือ นิติบุคคล) สหกรณ์ภาคการเกษตรที่ประกอบธุรกิจพาณิชยกรรม อุตสาหกรรม บริการ และธุรกิจเกษตร ที่มีหนี้เงินกู้หรือมีทรัพย์สินเป็นหลักประกันเงิน ก่อน 1 มี.ค. 2564 ผู้สนใจสามารถติดต่อ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ

ในส่วนของมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู จากข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยอดการปล่อยสินเชื่อทยอยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ณ วันที่ 19 ก.ค. มียอดรวมทั้งสิ้น 7.8 หมื่นล้านบาท  ครอบคลุมลูกหนี้  2.5 หมื่นราย คิดเป็นวงเงินเฉลี่ย 3 ล้านบาทต่อราย ซึ่งทาง ธปท.วิเคราะห์ว่า การปล่อยสินเชื่อมีแนวโน้มเป็นตามเป้าหมายร่วมของธปท.และสมาคมธนาคารไทยที่ 1 แสนล้านบาท ภายในเดือนต.ค.นี้ อีกทั้งสินเชื่อมีการกระจายตัวได้ดีทั้งในแง่ของขนาด ประเภทธุรกิจและภูมิภาค จำนวน 46% กระจายไปยัง SMEs ขนาดเล็ก ขณะที่ 68% อยู่ในภาคพาณิชย์และบริการ และ 68% เป็นธุรกิจในต่างจังหวัด

นายกรัฐมนตรีได้ติดตามความคืบหน้ามาตรการช่วยเหลือต่างๆที่ได้ออกมาโดยตลอด ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคอยประเมินผลการดำเนินงาน และรับฟังเสียงสะท้อนจากภาคเอกชน ผ่านการหารือในหลายวาระด้วยกัน เพื่อเป็นแนวทางในการพิจารณามาตรการให้ความช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

“พิจารณ์” เผยอนุกมธ.ครุภัณฑ์ ปรับลดงบแล้ว 1,630 ล้านบาท มั่นใจยังปรับลดงบกองทัพได้อีก งงไม่มีรายการจัดซื้อเครื่องแต่งกายทหารเกณฑ์ในงบครุภัณฑ์ 

นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ในฐานะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์และไอซีที ในคณะกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 65 เปิดเผยว่า ขณะนี้อนุกมธ.ฯ พิจารณาเกือบเสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงงบประมาณส่วนของกองทัพเรือ ทั้งนี้ ภาพรวมการปรับลดของอนุกมธ.ฯ ขณะนี้ปรับลดแล้ว 1,630 ล้านบาท โดยเห็นว่างบประมาณครุภัณฑ์ของกระทรวงกลาโหม สามารถปรับลดลงได้อีก เนื่องจากยังมีการจัดซื้อครุภัณฑ์ที่ราคาสูงเกินจริง

นายพิจารณ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าการพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับรายการจัดซื้อครุภัณฑ์ ยังไม่มีเวลาตรวจสอบที่เพียงพอเนื่องจากมีระยะเวลาสั้น เพราะหน่วยงานนำเอกสารให้กมธ.พิจารณาล่าช้า อีกทั้งตั้งข้อสังเกตว่ากมธ.พยายามรวบรัดการพิจารณางบประมาณ โดยทำการตัดลดงบประมาณ และผ่านความเห็นชอบไปอย่างรวดเร็ว 

“การตัดลดงบประมาณของกองทัพบก 1,100 ล้านบาท ส่วนตัวเห็นว่ายังมีรายการที่สามารถตัดได้อีก เช่น การจัดซื้อยุทโธปกรณ์ ปี 65 อย่างเฮลิคอปเตอร์ ที่ของบประมาณ 700 ล้านบาท หัวลากรถรวมแล้วประมาณเกือบ 881 ล้านบาท ซึ่งหากกมธ.อนุมัติเห็นชอบก็จะทำให้ต้องจ่ายงบประมาณผูกพันในปีถัดไปอีก 1,700 ล้านบาท ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่กว่าปีนี้” นายพิจารณ์ กล่าว

นายพิจารณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับงบประมาณของกองทัพอากาศที่มีการปรับลดไป 510 ล้านบาท โดยการจัดซื้อปีนี้ไม่มีการซื้อยุทโธปกรณ์ใหญ่ แต่เป็นงบผูกพันต่อเนื่องตั้งแต่ปี 62 ส่วนปี 64 ยังไม่มีการก่อหนี้ผูกพัน เพราะสถานการณ์โควิด - 19 ทำให้ยังไม่สามารถจัดซื้อจัดจ้างได้ เช่น โครงการพัฒนาระบบสื่อสาร ที่มีการแก้ไขรายละเอียดในทีโออาร์ ซึ่งงบประมาณในส่วนนี้ ส่วนตัวเห็นว่าสามารถเลื่อนออกไปก่อน พร้อมย้ำว่ารายละเอียดข้อสังเกตในการพิจารณางบประมาณครั้งนี้ จะรวบรวมนำไปอภิปรายในวาระ 2  และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อแฉให้เห็นว่า ยังมีโครงการอะไรที่สามารถปรับลดได้อีก เพราะไม่จำเป็นในสถานการณ์โควิด - 19 ครั้งนี้ ขณะเดียวกัน ยังเห็นว่าการตั้งงบประมาณของกองบัญชาการกองทัพไทยในการปรับปรุงระบบเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ที่ชี้แจงรายละเอียดไม่ครบถ้วน เมื่อเทียบกับหน่วยงานอื่นๆในลักษณะเดียวกัน  และยังเห็นว่ามีการจ้างที่ปรึกษาในวงเงินงบประมาณที่สูงกว่าหลักเกณฑ์  ในท้ายที่สุดหน่วยงานอ้างเรื่องความมั่นคง และเรียกเก็บเอกสารคืน 
       
“รอบนี้เป็นเรื่องตลก เพราะรายการจัดซื้อของกองทัพบก ชุดแต่งกายของทหารเกณฑ์ไม่ปรากฏในเอกสารรายการจัดซื้อครุภัณฑ์ ยังหาไม่เจอว่าซ่อนอยู่ที่ไหนหรือว่าเลิกซื้อแล้ว” นายพิจารณ์กล่าว 

“ผอ.รมน.” กำชับ “กอ.รมน.”  ร่วมประสานการปฏิบัติกับเหล่าทัพดูแลผู้ป่วยโควิด – 19   บริการครบวงจร one stop service พร้อมเร่งค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในชุมชนนำเข้าสู่ศูนย์พักคอยของกองทัพ

พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกอ.รมน. เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ยกระดับมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดไวรัสโควิค – 19 ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา จากการประเมินของคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในด้านต่างๆได้รายงานถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดอื่นๆในประเทศ ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเชื้อไวรัสโควิด – 19 สายพันธุ์ใหม่มีการแพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว ประกอบกับยังมีการเดินทางสัญจรของประชาชน จึงเป็นเหตุให้มีผู้ติดเชื้อสูงขึ้น ทำให้เกิดความต้องการในการตรวจค้นหาเชื้อ อยู่ในอัตราที่สูง และมีความแออัดตามสถานที่และโรงพยาบาลที่จัดให้มีการตรวจ คัดกรองเชิงรุก ปัจจุบันทางรัฐบาลได้มีการเพิ่มมาตรการการตรวจหาเชื้อ โดยใช้ชุดทดสอบแบบ Antigen Test Kit เพื่อเพิ่มช่องทางตรวจค้นหาแยกผู้ติดเชื้อไม่ให้เป็นพาหะแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่น

จากการดำเนินการดังกล่าวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.รมน. ได้สั่งการเร่งด่วนให้ กอ.รมน. ร่วมประสานงานพร้อมบูรณาการประสานการปฏิบัติอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่เสนารักษ์ของเหล่าทัพสนับสนุนทีมป้องกันและแก้ไขเชิงรุกในชุมชน Comprehensive Covid – 19 Response Team (CCRT) ในการ  ลงพื้นที่ตามชุมชนต่างๆใน 50 เขต ของกรุงเทพฯ สำรวจชุมชน (ผู้ป่วยโควิด ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคหญิงตั้งครรภ์) เพื่อทำการตรวจคัดกรองค้นหาผู้ติดเชื้อ ในชุมชนด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit  และให้การรักษาพยาบาลเบื้องต้นกับผู้ป่วยสีเขียว ก่อนส่งต่อเข้ารักษาในโรงพยาบาล

โดยการจ่ายยาสมุนไพรฟ้าทลายโจรและให้คำแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวในระบบการแยกกักที่บ้าน (HI : Home Isolation) – ระบบแยกกักในชุมชน(CI : Community Isolation) บริการฉีดวัคซีนกับกลุ่มเสี่ยงพร้อมกับการสื่อสารทำความเข้าใจให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับช่องทางในการเข้ารับการรักษา โดยในขั้นต้นผู้ป่วยที่อยู่ในระดับสีเขียวสามารถเข้ารับการรักษาได้ที่ ศูนย์พักคอยผู้ป่วย ตามนโยบายของ นรม./ผอ.รมน. ที่สั่งการให้เหล่าทัพปรับปรุงพื้นที่ของสโมสรหรืออาคารอเนกประสงค์ จัดเตรียมให้เป็นศูนย์คัดกรองและสถานที่พักคอยของผู้ป่วยก่อนที่จะส่งเข้ารับการรักษา ที่โรงพยาบาลสนามหรือโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข ตามพื้นที่ต่างๆต่อไป หากต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิด - 19 ทบ. Call Center : 02-270-5685-9 และสายด่วนความมั่นคง 1374 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

พล.ต.ธนาธิป กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี /ผอ.รมน.  ได้สั่งการ กอ.รมน.ภาค และ กอ.รมน.จังหวัด ร่วมประสานงานกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดตั้งด่านตรวจเข้มแข็ง บนเส้นทางหลัก/รอง โดยรอบพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดทั้ง 13 จังหวัด ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมให้ความรู้แก่ประชาชนกรณีการเดินทางข้ามจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม สร้างความตระหนัก และการรับรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนได้รับทราบถึงความจำเป็นของการยกระดับมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดไวรัสโควิค – 19 ฉบับที่ 28 ที่มุ่งลดการเดินทางและห้ามออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 21.00 น.-04.00 น. มาตรการปิดสถานที่การจัดกิจการและกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด การขยายเวลาปฏิบัติงานที่บ้าน (Work From Home) 100 % และขอให้ทุกคนยังคงใช้มาตรการป้องกันตนเอง   (D-M-H-T-T-A) อย่างเคร่งครัด ได้แก่ D : Distancing เว้นระยะระหว่างบุคคล หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น M : Mask wearing สวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา H : Hand washing ล้างมือบ่อยๆ จัดให้มีจุดบริการ  เจลล้างมืออย่างทั่วถึงเพียงพอ T : Temperature ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าใช้บริการ เพื่อคัดกรองผู้ใช้บริการที่อาจไม่สบาย T : Testing ตรวจหาเชื้อโควิด 19 และ A : Application ติดตั้งและใช้แอปพลิเคชัน      “ไทยชนะ” และ “หมอชนะ” 

กสร. ร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย จับตา ‘ทิศทางการค้าโลก’ นำ GLP มาใช้ป้องกันการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย เปิดอบรมออนไลน์ เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม ได้นำแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (Good Labour Practices : GLP) ไปใช้ในการบริหารจัดการแรงงาน ผลิตสินค้าที่ไม่มีการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ

นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวในฐานะประธานเปิดการอบรมออนไลน์ในหัวข้อ “ทิศทางการค้าโลกกับแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี” ว่า กระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ต่างมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน การใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ โดยกำหนดนโยบายให้มีการถอดถอนสินค้าออกจากรายการที่ถูกขึ้นบัญชีการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ และให้นำแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (Good Labour Practices : GLP) มาเป็นเครื่องมือในการดำเนินการในกลุ่มเป้าหมาย 4 รายการ คือ กุ้ง ปลา อ้อย และเครื่องนุ่งห่ม และเพื่อเป็นการขับเคลื่อนให้นโยบายดังกล่าวสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม

กรมได้จัดพิธีประกาศเจตนารมณ์และพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2564 ที่กระทรวงแรงงาน ซึ่งนายยุทธนา ศิลป์สรรค์วิชช์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทยได้สานต่อเจตนารมณ์และการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โดยจัดอบรมออนไลน์เพื่อให้ความรู้เรื่องทิศทางการค้าโลก และแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (Good Labour Practices : GLP) ที่ถูกต้อง ให้กับผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งจะได้รับความรู้ในเชิงลึกและนำไปประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การลดปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานและเพิ่มโอกาสทางการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยผลักดันการถอดถอนรายการสินค้าเครื่องนุ่งห่มออกจากรายการสินค้าของประเทศไทยที่ถูกขึ้นบัญชีไว้ ให้ประสบผลสำเร็จต่อไป

อธิบดี กสร. กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย จึงเปิดอบรมออนไลน์ให้กับสมาชิกสมาคม จำนวน 40 ราย โดยหวังว่าผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มจะได้ร่วมแสดงเจตนารมณ์ นำแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (Good Labour Practices : GLP) มาใช้ ซึ่งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพร้อมให้การสนับสนุนด้านเทคนิควิชาการ โดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 หรือโทรสายด่วน 1506 กด 3 หรือ 1546

ยันรัฐบาลพร้อมช่วยเหลือค่าครองชีพ-เยียวยาต่อเนื่อง

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีความห่วงใยประชาชนทุกคน และดำเนินการเยียวยาควบคู่ไปกับการดำเนินการป้องกันและรักษาผู้ติดเชื้ออย่างเต็มที่ ซึ่งล่าสุดกระทรวงการคลัง กำลังพิจารณาปรับปรุงรายละเอียดของโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน และเร่งให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจตามเป้าหมายของโครงการ หลังจากการใช้สิทธิโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนหนึ่งอาจมาจากการปิดห้างสรรพสินค้าในช่วงนี้

ทั้งนี้หลังจากที่รัฐบาลออกมาตรการลดภาระค่าครองชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจออกไป มีเสียงตอบรับจากประชาชนทั่วประเทศ ใช้จ่ายผ่านโครงการอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขณะนี้ยอดการใช้จ่ายของแต่ละโครงการ ผู้ใช้สิทธิสะสมรวม รวม 35.8 ล้านคน ยอดใช้จ่าย สะสม รวม 41,847.8 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 22 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 38,569.4 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 19,508.1 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 19,061.4 ล้านบาท 

2.โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 54,007 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 544 ล้านบาท 3.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 2,584.4 ล้านบาท และ 4.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 759,155 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 150 ล้านบาท

ปชป. “จุรินทร์” ส่งกำลังใจ ไปโตเกียว  เชียร์ทัพนักกีฬาไทย โอลิมปิกและพาราลิมปิก “Tokyo 2020 Olympics” 

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 และพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 16 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นว่า

พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค  ขอส่งกำลังใจให้กับนักกีฬาทีมชาติไทย ทุกคนในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 และพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 16 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ขอร่วมกับพี่น้องชาวไทย ร่วมส่งแรงใจ ส่งกำลังใจให้กับนักกีฬาไทยทุกคน ขอให้ได้รับชัยชนะในการแข่งขัน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ได้ติดตามการแข่งขันอย่างใกล้ชิด และฝากส่งกำลังใจไปให้ทัพนักกีฬาไทยทุกคน 

พรรคขอขอบคุณในความเสียสละทุ่มเท ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจเพื่อชื่อเสียงของประเทศไทย รวมถึงบุคคลผู้อยู่เบื้องหลังทุกคน ทีมงานในทุกประเภทกีฬา ความเหน็ดเหนื่อยจากการซ้อม เป้าหมายคือความสำเร็จ แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะคว้าเหรียญรางวัลกลับมาได้หรือไม่ก็ตาม คนไทยจะเป็นกำลังใจให้กับทัพกีฬาไทยเสมอ 

ทุกคนคือแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนรุ่นหลังที่จะนำมาเป็นต้นแบบในการก้าวเดินในเส้นทางนักกีฬาทีมชาติไทยในรุ่นต่อๆไป 

นายราเมศกล่าวต่อว่า ขอให้นักกีฬาทุกท่าน ดูแลสุขภาพเพราะด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 มีความจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังในช่วงระหว่างการเข้าร่วมแข่งขันที่กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น พรรคขอส่งกำลังใจให้ ขอให้ประสบผลสำเร็จดังที่ตั้งใจไว้ทุกประการ

 

“บิ๊กป๊อก” ประชุมติดตามแก้ไขโควิด-19 ร่วมกับผู้ว่าฯ - นายอำเภอทั่วประเทศ - กทม.ย้ำ “บิ๊กตู่” สั่งไม่ให้ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินการป้องกัน ควบคุม และแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยมีนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.ร่วมประชุมผ่านระบบวีดิโอคินเฟอร์เรนซ์ร่วมกับนายทรงศักดิ์ ทองศรี นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และนายอำเภอทั่วประเทศ 

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขอชื่นชมผู้ว่าฯ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ตลอดจนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะในด้านการสร้างระบบการส่งต่อผู้ป่วยกลับภูมิลำเนา แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของจังหวัดที่สามารถช่วยแบ่งเบาการบริหารสถานการณ์ระบาดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งในขณะนี้การระบาดของโควิด-19 ค่อนข้างรุนแรง โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ รได้มีบัญชาให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดช่วยเหลือประชาชนที่ติดเชื้อโควิด-19 ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือที่ใดให้เข้าสู่ระบบโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ขอให้ผู้ว่าฯ และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด  สร้างการรับรู้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่วนบุคคล ซึ่งเป็นพื้นฐานทำให้ลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 คือ มาตรการ DMHTTA ได้แก่ รักษาระยะห่างระหว่างกัน ไม่พบปะหรือไปยังสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก การสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี หมั่นล้างมือด้วยน้ำสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ล้างมือสม่ำเสมอ ตรวจวัดอุณหภูมิ ตรวจเชื้อโควิด-19 ใช้แอปหมอชนะ/ไทยชนะ อย่างเข้มข้น ด้วยทุกกลไกของกระทรวงมหาดไทยในระดับพื้นที่ ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน หอกระจายข่าว และเสียงตามสายในพื้นที่ นอกจากนี้ให้ผู้ว่าฯ เร่งบูรณาการหน่วยงานทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการสนับสนุนมาตรการในการบริหารจัดการเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อในพื้นที่อย่างเต็มกำลัง เพื่อให้การจัดการเกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า ขอให้ผู้ว่าฯ กทม.และผู้ว่าฯ จังหวัดปริมณฑล ควบคุมการแพร่ระบาดผ่านกลไกและมาตรการอย่างเข้มข้น ในส่วนของผู้ว่าฯ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องควบคุมการแพร่ระบาดพร้อมสกัดกั้นการแพร่ระบาดตามแนวชายแดน ไม่ให้แพร่กระจายไปยังพื้นที่อื่นอย่างเต็มกำลัง เพื่อลดปัญหาการแพร่ระบาด นอกจากนี้ให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดบริหารจัดการขยะติดเชื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้ากากอนามัยใช้แล้ว ให้เป็นไปตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุขและมาตรการที่กระทรวงมหาดไทยโดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้กำชับและแจ้งแนวปฏิบัติ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกจังหวัดดำเนินมาตรการอย่างเข้มข้น สร้างความเข้าใจ และความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพื่อให้เราผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ไปด้วยกัน

นายทรงศักดิ์ กล่าวว่า ตัวเลขของการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากคนที่ไม่รู้ว่าตนเองมีเชื้อ ซึ่งส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ขอให้ผู้ว่าฯ และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด กำหนดมาตรการการตรวจเชิงรุก หาวิธีการบำบัดรักษาในเบื้องต้น เพื่อลดการสูญเสียชีวิต นอกจากนี้ให้ใช้กลไกกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในการติดตามรับคนกลับมารักษาตัวที่บ้าน

นายนิพนธ์ กล่าวว่า ขอให้ผู้ว่าฯ สร้างความเข้าใจและความมั่นใจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ในเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์มากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ยารักษาโรคโควิด-19 และอุปกรณ์ตรวจเชื้อเบื้องต้น เพื่อให้มีกลไกรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)ไปดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ 

นายกฯ ยินดี 'เทนนิส พาณิภัค' คว้า ทองแรกให้ทัพนักกีฬาไทย ชี้เป็นรางวัลแห่งความมุมานะ  เชิญชวนคนไทยร่วมส่งแรงใจเชียร์นักกีฬาไทยถึงวันที่ 8 ส.ค. นี้ 

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความยินดีกับน.ส.พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ หรือน้องเทนนิส นักกีฬาเทควันโดหญิง ในรุ่น 49 กก. และสมาคมเทควันโด ที่สามารถคว้าเหรียญทองแรก ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 โดยเอาชนะอาเดรียนา เซเรโซ อิเกรเซียส จากสเปน เป็นเหรียญทองแรกในการแข่งขันครั้งนี้ ที่นำความภูมิใจให้กับทัพนักกีฬาไทย และเป็นเหรียญทองเหรียญแรกของกีฬาเทควันโดไทย ถือเป็นรางวัลของความมุ่งมั่นตั้งใจของนักกีฬาไทย ที่ทุ่มเทและฝึกฝนแม้จะอยู่ห้วงเวลาและสถานการณ์ที่ยากลำบาก เชื่อว่าจะเป็นกำลังใจ เพิ่มแรงใจ และความกระตือรือร้นให้กับนักกีฬาไทยไนการแข่งขันประเภทอื่นๆ อีกด้วย  

ทั้งนี้ นายอนุชากล่าวว่า นายกรัฐมนตรีส่งกำลังใจให้นักกีฬาทุกประเภท และยังได้เชิญชวนคนไทยร่วมส่งกำลังใจเชียร์กองทัพนักกีฬาไทย ทำหน้าที่ผู้แทนประเทศไทยแข่งขันโอลิมปิก โตเกียว 2020 ถึงวันที่ 8 ส.ค. นี้ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top