Friday, 23 May 2025
NewsFeed

“ทัพฟ้า” ระดมสรรพกำลังสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล จัดตั้งรพ.สนามเพิ่มรองรับปชช.ที่ติดเชื้อโควิด-19

พล.อ.ท.ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) ในขณะนี้ พล.อ.อ. แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ )ผบ.ทอ.) มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน จึงสั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการพลเรือน-ทหาร ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ (ศป.พรท.ศบภ.ทอ.) ระดมสรรพกำลังเข้าสนับสนุน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ตลอดจนสนับสนุนอาคารสถานที่ และยุทโธปกรณ์ให้กับหน่วยงานด้านสาธารณสุขอย่างสุดความสามารถ

ที่ผ่านมากองทัพอากาศได้ดำเนินการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามของกองทัพอากาศ ในหลายพื้นที่ ตลอดจนการสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ให้กับโรงพยาบาลสนามเพื่อเตรียมรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในแต่ละพื้นที่อย่างเต็มศักยภาพ โดยปัจจุบันได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศสนับสนุนรัฐบาลแล้ว 4 แห่ง จำนวน 772 เตียง และอยู่ระหว่างการจัดตั้ง 1 แห่ง จำนวน 100 เตียง ได้แก่ 

1.โรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ (ดอนเมือง) ณ อาคารฝึกและทดสอบสมรรถภาพทหารอากาศ 2 (สนามกีฬาจันทรุเบกษา) สามารถรองรับผู้ติดเชื้อทั้งประชาชนและกำลังพลของกองทัพอากาศ จำนวน 150 เตียง

2.โรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ โรงเรียนการบิน จังหวัดนครปฐม ณ หอผู้ป่วยโรงพยาบาลสนาม 1 สามารถรองรับผู้ติดเชื้อ จำนวน 150 เตียง 

3.โรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ โรงเรียนการบิน จังหวัดนครปฐม ณ หอผู้ป่วยโรงพยาบาลสนาม 2 สามารถรองรับผู้ติดเชื้อ จำนวน 72 เตียง

4.โรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ (กองบิน 2) จังหวัดลพบุรี สามารถรองรับผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการและสามารถดูแลตัวเองได้ (กลุ่มสีเขียว) จำนวน 400 เตียง

5. โรงพยาบาลสนามบีดีเอ็มเอส สนามกีฬา ทอ.(ธูปะเตมีย์) ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับปรุงอาคารสถานที่และติดตั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์  สามารถรองรับผู้ติดเชื้อที่มีอาการไม่รุนแรง แต่มีอาการเหนื่อยหอบ หายใจเร็ว มีความเสี่ยงหรือมีโรคร่วมที่สำคัญ (กลุ่มสีเหลือง) จำนวน 100 เตียง โดยกำหนดเปิดให้บริการในวันที่ 28 ก.ค.

ซึ่งในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามดังกล่าว กองทัพอากาศได้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ติดตั้งอุปกรณ์สื่อสาร บริการเครื่องนอนและวัสดุอุปกรณ์ การบริการอาหาร พร้อมยานพาหนะรับผู้ป่วยและส่งผู้ที่รักษาหายแล้วกลับภูมิลำเนา โดยได้รับการรับรองมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ติดเชื้อโควิด-19 ให้สามารถกลับมาดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุขโดยเร็ว

“องอาจ”เสนอ"บิ๊กตู่"ใช้ค่ายทหารทั่วประเทศ ทำ รพ.สนาม  หนุนทบ.ตั้งศูนย์ต้านภัยโควิด แนะดึงทร.-ทอ.ร่วมด้วย

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ว่า เฟซบุ๊กศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบกได้เผยแพร่ข้อมูลระบุว่ากองทัพบกได้เริ่มตั้งศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิด-19 เพื่อเป็นสื่อกลางช่วยผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบรักษาไปยังศูนย์แรกรับและส่งต่อผู้ป่วยโควิดของรัฐบาล (อาคารนิมิบุตร) หรือสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงช่วยเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อไปยังโรงพยาบาลสนามที่จัดเตรียมไว้ ทั้งโรงพยาบาลสนาม ทบ. 18 แห่ง โรงพยาบาลค่าย ทบ. 29 แห่ง และศูนย์พักคอยผู้ป่วยโควิด-19 ของกรุงเทพฯ 17 แห่ง รวมถึงมีฌาปนสถานของ ทบ.อีก 4 แห่งไว้รองรับ จึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่กองทัพบกได้เริ่มเข้ามาช่วยรับ-ส่งฟรี 24 ชั่วโมง ทั้งผู้ป่วยติดเชื้อ ผู้หายป่วยเคลื่อนย้ายศพและฌาปนกิจศพ  อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การดำเนินการสามารถช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้มากขึ้น เพราะแนวโน้มการแพร่ระบาดยังไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลง 

นายองอาจ กล่าวอีกว่า ตนจึงขอเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ดังนี้ 1.ควรนำค่ายทหารทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่ายทหารในกรุงเทพฯ มาทำเป็นโรงพยาบาลสนาม และจุดพักคอยเพิ่มขึ้น และ 2.ควรแปรสภาพศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิด-19 ของกองทัพบกให้เป็นศูนย์ของกองทัพไทย รวมถึงประสานให้กองทัพเรือและกองทัพอากาศเข้ามาทำงานช่วยเหลือประชาชนด้วย  3.ควรสนับสนุนงบประมาณให้เพียงพอต่อการทำงานอย่างจริงจัง ไม่ควรปล่อยผู้นำหน่วยไปหางบทำงานกันเอง  ทั้งนี้ ตนเชื่อมั่นว่าถ้าพล.อ.ประยุทธ์สามารถทำตามข้อเสนอนี้ได้ จะช่วยผู้ป่วยติดเชื้อและครอบครัวได้อีกจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้การดูแลช่วยเหลือประชาชนของภาครัฐดีขึ้นอย่างแน่นอน

“สงคราม” ไล่ “บิ๊กตู่” อย่าอยู่สร้างหายนะให้ประเทศอีกเลย อัดส่งลิ่วล้อไล่ฟ้องดารา ศิลปินหวังใช้กฎหมายปิดปาก ประชาชน

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด แม้รัฐบาลขยายระยะเวลาบังคับใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.บ.ฉุกเฉิน รวมทั้งออกมาตรการล็อกดาวน์เข้มข้นในหลายพื้นที่ แต่ผลที่ออกมาคือไม่สามารถหยุดการระบาดของเชื้อไวรัสได้ นับวันมีแต่รุนแรงขึ้นมีประชาชนติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลักหมื่นทุกวัน ชัดเจนว่ารัฐบาลใช้แต่อำนาจแต่ทำงานไม่เป็นแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะแม้แต่ตัวพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังไม่กล้ามาทำงานในทำเนียบแล้วประชาชนจะมีความเชื่อมั่นในรัฐบาลได้อย่างไร

การประกาศปิดกิจการของผู้ประกอบการหลายหลายอาชีพ ตามมาตรการรัฐบาลเป็นการทำลายมากกว่าสร้างสรรค์ รัฐบาลอ้างเพื่อควบคุมการระบาดแต่ในความเป็นจริงมันควบคุมไม่ได้ แต่รัฐได้ทำลายระบบเศรษฐกิจไทยลงอย่างย่อยยับที่สุด ทำคนตกงานหลายล้านคน ในขณะที่การชดเชยให้กับผู้ประกอบการและลูกจ้าง รัฐกลับใช้เวลานานมากกว่าจะชดเชยให้กับคนเหล่านี้ได้ แต่เวลาใช้อำนาจกลับสั่งปิดกิจการทันที ประชาชนมองว่าพลเอกประยุทธ์เก่งแต่อำนานแต่ทำงานไม่เป็น

นายสงคราม กล่าวด้วยว่า การที่บรรดาลิ่วล้อของพลเอกประยุทธ์ ออกมาฟ้องร้องประชาชนศิลปิน ดารา ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ด้วยข้อความต่างๆ สร้างความไม่พอใจให้พลเอกประยุทธ์และรัฐบาลเป็นอย่างมาก ดังนั้นการออกมาแจ้งความดำเนินคดีกับคนเหล่านี้ เป็นไปตามความต้องการของพลเอกประยุทธ์ เพราะต้องการใช้กฎหมายปิดปากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนไม่ให้ออกมาพูด แม้รัฐบาลจะบริหารงานได้ห่วยแค่ไหน ไร้ความรับผิดชอบจนมีผู้ติดเชื้อนอนตายข้างถนน รัฐบาลกลับไม่รับผิดชอบชีวิตประชาชน หากเป็นแบบนี้ไม่ต้องมีรัฐบาลก็ได้ พลเอกประยุทธ์ เก่งแต่ใช้อำนาจกับประชาชน แต่ไม่รับผิดชอบความเดือดร้อนและความตายประชาชน ควรออกไปได้แล้ว อย่าอยู่เพื่อสร้างความหายนะให้กับประเทศอีกเลย

สำนักข่าวซินหัวรายงาน งานวิจัยจากนอร์ธเวสเทิร์น เมดิซิน (Northwestern Medicine) สถาบันดูแลสุขภาพในนครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ของสหรัฐฯ พบการดื่มกาแฟและการบริโภคผักปริมาณมากอาจช่วยป้องกันการป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ได้

23 กรกฎาคม 2564 สำนักข่าวซินหัวรายงาน งานวิจัยจากนอร์ธเวสเทิร์น เมดิซิน (Northwestern Medicine) สถาบันดูแลสุขภาพในนครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ของสหรัฐฯ พบการดื่มกาแฟและการบริโภคผักปริมาณมากอาจช่วยป้องกันการป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ได้

คณะนักวิจัยใช้ข้อมูลจากยูเค ไบโอแบงก์ (UK Biobank) ฐานข้อมูลชีวการแพทย์และทรัพยากรการวิจัยของสหราชอาณาจักร ตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ถูกบันทึกในปี 2006-2010 กับการป่วยโรคโควิด-19 ช่วงเดือนมีนาคม-ธันวาคม 2020 ซึ่งยังไม่มีวัคซีนป้องกัน โดยให้ความสนใจกับองค์ประกอบในอาหาร รวมถึงการรับประทานกาแฟ ชา ผัก ผลไม้ ปลาที่มีไขมัน เนื้อสัตว์แปรรูป และเนื้อแดง

การวิจัยพบว่าร้อยละ 17 ของผู้รับการตรวจโรคโควิด-19 จำนวน 37,988 คน ซึ่งเข้าร่วมการศึกษาครั้งนี้ มีผลตรวจโรคเป็นบวก

คณะนักวิจัยพบว่าการดื่มกาแฟมากกว่า 1 แก้วต่อวัน สัมพันธ์กับความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสฯ ลดลงราวร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับการดื่มกาแฟน้อยกว่า 1 แก้วต่อวัน ส่วนการบริโภคผักปรุงสุกหรือผักดิบอย่างน้อย 0.67 หน่วยบริโภคต่อวัน (ยกเว้นมันฝรั่ง) สัมพันธ์กับความเสี่ยงติดเชื้อลดลง ขณะที่การบริโภคเนื้อสัตว์แปรรูปเพียง 0.43 หน่วยบริโภคต่อวัน สัมพันธ์กับความเสี่ยงติดเชื้อสูงขึ้น นอกจากนั้นการได้รับน้ำนมแม่ตั้งแต่เด็กลดความเสี่ยงติดเชื้อลงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่เคยได้รับน้ำนมแม่

อย่างไรก็ดี คณะนักวิจัยยังไม่ทราบแน่ชัดถึงกลไกเชื่อมโยงระหว่างองค์ประกอบในอาหารและโรคโควิด-19

“กาแฟเป็นแหล่งคาเฟอีน แต่อาจมีสารประกอบอื่นอีกหลายสิบชนิดที่อาจเป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ดังกล่าวที่เราพบ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อแปรรูปที่ไม่ใช่เนื้อแดงกับความเสี่ยงติดเชื้อที่สูงขึ้นบ่งชี้ปัจจัยที่ไม่เกี่ยวข้องเนื้อสัตว์” มาริลิน คอร์เนลีส ผู้เขียนอาวุโส และผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านเวชศาสตร์ป้องกันจากสถาบันยาฟีนเบิร์ก มหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์น กล่าว

การวิจัยเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ส่วนใหญ่ในปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่ปัจจัยส่วนบุคคลที่ได้รับการประเมินหลังมีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นบวก

อนึ่ง นอร์ธเวสเทิร์น เมดิซิน เป็นความร่วมมือระหว่างนอร์ธเวสเทิร์น เมโมเรียล เฮลธ์แคร์ (Northwestern Memorial HealthCare) และภาควิชาแพทยศาสตร์ฟีนเบิร์ก มหาวิทยาลัยฯ ซึ่งทำหน้าที่วิจัย ฝึกสอน และดูแลผู้ป่วย ขณะที่งานวิจัยฉบับนี้ถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์มหาวิทยาลัยฯ เมื่อวันจันทร์ (19 ก.ค.) และวารสารนูเทรียนส์ (Nutrients)


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“ประวิตร” ถกปคม.ไฟเขียวแผนป้องค้ามนุษย์ ปี64-65 เห็นชอบตั้ง “พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์” ปธ.อนุกกฯต้านค้ามนุษย์ไทย-สหรัฐฯ  ย้ำ ยกระดับการทำงานจนท.รัฐ รองรับมาตรการสากล 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.)ครั้งที่ 3/2564 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยและนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าร่วม

โดยที่ประชุมเห็นชอบ แผนการขับเคลื่อนการดำเนินงานป้องกัน และปราบปรามการค้ามนุษย์ ประจำปี 64-65 และโครงการสำคัญเพื่อแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ 3 ด้าน คือ 1.ด้านดำเนินคดี ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับผิดชอบ 2.ด้านคุ้มครองช่วยเหลือ ให้กระทรวงพัฒนาสังคมฯรับผิดชอบ และ 3.ด้านป้องกัน ให้กระทรวงแรงงานรับผิดชอบ และเห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการร่วมว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ไทย-สหรัฐ(ฝ่ายไทย) โดยมี พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ เป็นประธาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการต่อต้านการค้ามนุษย์ขับเคลื่อนการดำเนินงาน ให้มีประสิทธิภาพ

นอกจากนั้นที่ประชุมรับทราบรายงานผลการวิเคราะห์สถานการณ์ด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ในประเทศไทย ดังนี้โดยแนวโน้มสถานการณ์การค้ามนุษย์ในรูปแบบออนไลน์และแรงงานบังคับเพิ่มสูงขึ้น การจำกัดการเคลื่อนที่และการสื่อสารของผู้เสียหายที่ถูกบังคับกักตัวในสถานคุ้มครองของรัฐ ควรมีการวิเคราะห์ผู้เสียหายเป็นรายบุคคล ส่วนการคัดกรองคดียังประสบปัญหาความชัดเจน ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และขาดแคลนล่ามผู้เชี่ยวชาญ จึงควรยกระดับการแก้ปัญหาร่วมกัน  และรับทราบรายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ทิปรีพอร์ต ประจำปี64 ของสหรัฐ ที่ปรับระดับประเทศไทยจากระดับ 2 (Tier 2)ไปอยู่ในระดับ 2 ที่ต้องจับตามอง (Tier 2 Watch List) โดยสหรัฐฯได้เห็นถึงความพยายาม ของไทยและพร้อมให้ข้อแนะนำเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ให้บรรลุเป้าหมาย ต่อไป

จากนั้นพล.ประวิตร เป็นประธานประชุมคณะกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยที่ประชุมเห็นชอบ แต่งตั้งพล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ เป็นประธานอนุกรรมการ พัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ให้เป็นที่ยอมรับและยกระดับสู่มาตรฐานสากล ยึดผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง และแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมทุกมิติ

โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯ ชุดใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นกลไกสำคัญในการต่อต้านการค้ามนุษย์ จะต้องเร่งรัดดำเนินงานให้เห็นผล เป็นรูปธรรม เพื่อแสดงความจริงใจ ต่อการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย และต้องบังคับใช้กฎหมายที่เป็นธรรม และเด็ดขาดให้มากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ให้มุ่งมั่นทุ่มเทในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ อย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงหลักสิทธิมนุษยชน เป็นสำคัญ

กัมพูชาติดเชื้อโควิดเพิ่ม 790 ราย รัฐบาลสั่งปิดตลาดชั่วคราว 14 วัน

วันนี้กัมพูชายืนยันมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม อีก 790 คน ทำให้ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อทั้งหมดรวม 67,971 คน ล่าสุด ที่กรุงพนมเปญตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในตลาดหลายแห่ง รัฐบาลจึงสั่งปิดตลาดชั่วคราว เป็นเวลา 14 วัน จนถึงวันที่ 26 ก.ค. เพื่อป้องกันการระบาดเพิ่มเติม

คุณเยี่ยมศรี อุบลพงษ์ ผู้จัดการธนาคารกรุงเทพสาขากัมพูชา มีโอกาสเดินผ่าน Kandal Market หนึ่งในตลาดที่ถูกปิดเลยเก็บภาพบรรยากาศการปิดตลาดมาฝาก พร้อมเล่าว่าที่กัมพูชา ถ้าบริเวณไหน หรือบ้านไหนมีคนติดโควิด-19 ทางการกัมพูชาก็จะนำสายคาดสีเหลืองดำแบบนี้มาปิดล้อมสถานที่นั้น ๆ เอาไว้ แบบที่เห็นในภาพ


ที่มา : https://www.facebook.com/111389082537287/posts/1502248920117956/

ภาพและข้อมูล : เยี่ยมศรี อุบลพงษ์ ผู้จัดการธนาคารกรุงเทพสาขากัมพูชา (ณ กรุงพนมเปญ)


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“บิ๊กตู่” สั่งปัดฝุ่น “ช้อปดีมีคืน” กลับมาใช้ หวังกระตุ้นการใช้จ่ายปลายปี

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้มอบหมายในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายทั้งโครงการคนละครึ่ง และโครงการ ยิ่งใช้ยิ่งได้ หรือพิจารณานำโครงการช็อปดีมีคืนกลับมาใช้ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเร่งให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจตามเป้าหมายของโครงการ 

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียังอยากเห็นการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับมาตรการของรัฐ เพื่อช่วยเหลือประชาชนทั้งการลงทะเบียนออนไลน์เพื่อร่วมโครงการ ชี้แจงข้อสงสัย รับข้อร้องเรียนเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ  ซึ่งจะเป็นการสร้างความเข้าใจในมาตรการรัฐในระดับพื้นที่ด้วย พร้อมขอให้ ศบศ. นำผลการหารือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและภาคเอกชนในการประชุม 40 ซีอีโอพลัส มาขับเคลื่อนในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19  ร่วมฟื้นฟูประเทศร่วมกับภาคเอกชน 

“นายกฯ ยังขอให้เร่งส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิจใหม่ๆ เช่น การดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าประเทศไทย ผู้มีกำลังซื้อสูง ผู้เชี่ยวชาญ ผู้สูงอายุ เพื่อสนับสนุนกำลังซื้อภายในประเทศอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ได้สั่งการในที่ประชุมครม. ให้เร่งพิจารณาแผนงานของทุกกระทรวง ที่อยู่ภายใต้งบประมาณฯปี 64 และ 65  ที่เบิกจ่ายต่ำกว่าเป้าหมาย หากโครงการใดที่ติดขัดเพราะสถานการณ์โควิด-19 ก็สามารถชะลอได้ และพิจารณาการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐให้เกิดประโยชน์สูงสุด”  

ลูกหนี้ กยศ.ยิ้มได้ รัฐสนับสนุน ช่วยเหลือลูกหนี้ต่อเนื่อง สู้ภัยโควิด  ผ่อนสูงสุด 30 ปี หักเงินเดือนขั้นต่ำเพียง 10 บาท   เริ่มสิงหาคม 2564 - มิถุนายน 2565 นี้

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผย พล.อ.ประยุทธ์ จันท์โอชา นายกรัฐมนตรีย้ำความสำคัญในการช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาและผู้ปกครอง ลดบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษารวมทั้งลูกหนี้ กยศ.  ล่าสุดกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เห็นชอบมาตรช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมจากที่ได้ยกเลิกกำหนดให้มีผู้ค้ำประกันการชำระเงินคืนกองทุนในสัญญากู้ยืมเงินใหม่ตั้งแต่ปีการศึกษา 2564  โดยเตรียมมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ผู้กู้ยืม ปรับลำดับตัดชำระหนี้และปรับเงื่อนไขการผ่อนชำระ ผู้กู้ยืมที่อยู่ในระบบหักเงินเดือนสามารถขอปรับลดจำนวนเงินที่หักเหลือขั้นต่ำ 10 บาทต่อเดือน ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 - มิถุนายน 2565   นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการและ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาตร์ วิจัยและนวตกรรม นำมาตรการลดค่าค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของนักเรียนและนักศึกษาในปีการศึกษา 2564 เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาในสัปดาห์หน้า (27 กรกฎาคม 2564) ด้วย

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  กยศ.  เตรียมแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ ปรับเปลี่ยนลำดับตัดชำระหนี้และเปลี่ยนเงื่อนไขการผ่อนชำระสำหรับผู้กู้ยืมกลุ่มก่อนฟ้องคดีเพื่อช่วยเหลือผู้กู้ยืมที่ค้างชำระและลดปัญหาหนี้ค้างชำระของกองทุนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ดังนี้ 1. ปรับโครงสร้างหนี้ สำหรับผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างผ่อนชำระหนี้ที่ยังไม่ถูกฟ้องคดี หากไม่สามารถผ่อนชำระเงินคืนตามสัญญา กองทุนจะให้ผู้กู้ยืมทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้โดยขยายระยะเวลาผ่อน และเปลี่ยนเงื่อนไขเพื่อให้มีระยะเวลาในการผ่อนชำระมากขึ้น สามารถผ่อนได้สูงสุด 30 ปี แต่ในการชำระเงินงวดสุดท้ายผู้กู้ยืมต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ และมีส่วนลดเบี้ยปรับโดยให้ชำระในงวดสุดท้าย ทั้งนี้ ผู้กู้ยืมสามารถแจ้งความประสงค์ขอปรับโครงสร้างหนี้ได้ที่แอปพลิเคชัน กยศ.Connect หรือทางเว็บไซต์ https:/wsa.dsl.studentloan.or.th ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป 

2. ปรับเปลี่ยนลำดับตัดชำระหนี้ สำหรับผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างผ่อนชำระเงินคืนกองทุนที่ยังไม่ถูกฟ้องคดี จากเดิมที่ใช้วิธีการตัดเบี้ยปรับ ดอกเบี้ย และเงินต้น กองทุนจะปรับเปลี่ยนลำดับการตัดชำระหนี้ใหม่ โดยจะนำเงินที่ได้รับชำระไปตัดเงินต้น ดอกเบี้ย และเบี้ยปรับ 3. ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการผ่อนชำระเงินคืน สำหรับผู้กู้ยืมรายใหม่ และผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างปลอดหนี้และยังไม่ครบกำหนดชำระหนี้ จากเดิมที่ผ่อนชำระเป็นรายปี กองทุนจะปรับให้ผ่อนชำระเป็นรายเดือนในอัตราเท่ากันทุกเดือน และเพิ่มระยะเวลาการผ่อนชำระจากเดิมไม่เกิน 15 ปี เป็นไม่เกิน 30 ปี ขึ้นอยู่กับยอดหนี้ของผู้กู้ยืมแต่ละราย ทั้งนี้ในการชำระเงินงวดสุดท้ายผู้กู้ยืมจะต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ โดยลดเบี้ยปรับให้เหลือเพียง 0.5% กรณีผู้กู้ยืมไม่สามารถชำระหนี้ได้ในสถานการณ์นี้ รวมทั้งชะลอการฟ้องคดี บังคับคดี ยกเว้นคดีที่จะขาดอายุความ และงดการขายทอดตลาดไว้จนถึงสิ้นปีนี้

“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญในการแก้ปัญญาหนี้ภาคประชาชน  ส่งเสริมสร้างวินัยทางการเงิน  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมายังสนับสนุนนโยบาย กยศ. ในการช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ. ให้มีความสามารถในการชำระหนี้คืนจากมาตรการต่างๆของกองทุน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อลูกหนี้ กยศ. ที่อยู่ระหว่างการชำระหนี้จำนวน 3.5 ล้านราย หากสนใจก็สามารถเข้าร่วมโครงการ ก็จะได้รับประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ. ในครั้งนี้ด้วย” นางสาว รัชดากล่าว

ผบ.ทบ. สั่งปรับเครื่องบินลำเรียง C295 เป็นยานพาหนะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อโควิด ทางอากาศยานกลับภูมิลำเนา ในพื้นที่ห่างไกลจากกทม.

เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ตามที่กองทัพบกได้ให้การสนับสนุน การเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่มีอาการ (สีเขียว) กลับภูมิลำเนาเพื่อไปรักษาตัว โดยบูรณาการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข, สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.), กอ.รมน.จังหวัด ตามนโยบายพาคนกลับบ้านของนายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สอดคล้องกับแนวทางที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งการให้หน่วยทหารนำขีดความสามารถและทรัพยากรที่กองทัพบกมีอยู่มาช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์โควิด-19 ทุกวิถีทาง

โดยในส่วนของการกระจายผู้ป่วยกลับไปรักษายังภูมิลำเนา เพื่อลดปริมาณผู้ป่วยสะสมในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และกองทัพบกได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยใช้กลไกของศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบก กองทัพภาค และกรมแพทย์ทหารบก ดำเนินการตั้งแต่ 12 กรกฎาคม 2564

ล่าสุด ผู้บัญชาการทหารบก สั่งการเพิ่มเติมให้นำ อากาศยานของกองทัพบก คือ “เครื่องบินลำเลียงแบบ 295” C295 มาเป็นยานพาหนะในการเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อทางอากาศไปส่งยังภูมิลำเนาทั่วประเทศ เน้นการใช้ส่งป่วยไปยังจังหวัดพื้นที่ห่างไกลจาก กทม.และที่ต้องใช้เวลานานหากเดินทางด้วยรถยนต์ ซึ่งขณะนี้กองทัพบกได้มีการปรับแต่งระบบต่าง ๆ ของอากาศยานเพิ่มเติม ปรับปรุงห้องโดยสารให้เหมาะสมกับสภาพผู้ป่วยติดเชื้อให้สามารถรองรับภารกิจได้ ครอบคลุมเรื่องการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ, ระบบความปลอดภัย, ปรับระบบควบคุมการไหลเวียนอากาศและระบบกรองอากาศ, การติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อการสื่อสาร คำนึงถึงความสะดวกสบายของผู้ป่วย รวมถึงความพร้อมของบุคลากร นักบิน ช่างเครื่อง จัดทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่พยาบาล ดูแลติดตามอาการของผู้ป่วยในระหว่างเดินทางให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยเวชศาสตร์การบิน เป็นต้น

และเพื่อให้พร้อมในทุกระบบ “ทีมลำเลียงผู้ติดเชื้อ Covid-19 ทางอากาศกองทัพบก” ( Covid-19 Aero Medical Evacuation Army Team : ArmCAME ) จากกรมการขนส่งทหารบก พร้อมด้วยแพทย์เวชศาสตร์การบินจากกรมแพทย์ทหารบก ได้นำ “เครื่องบินลำเลียงแบบ 295” ที่ดัดแปลงเป็นยานพาหนะส่งป่วย ขึ้นบินทดสอบระบบ และซักซ้อมการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ตั้งแต่การรับและนำผู้ป่วยขึ้นเครื่อง, การจัดการสัมภาระ, แนะนำขั้นตอนการปฏิบัติตน จนถึงการลำเลียงผู้ป่วยเมื่อถึงปลายทาง และการทำความสะอาดฆ่าเชื้อภายในอากาศยานเมื่อจบภารกิจโดยกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก ซึ่งการบินทดสอบดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อากาศยานและกระบวนการบริหารจัดการผู้ป่วยมีความพร้อมรองรับภารกิจได้อย่างเหมาะสม

สำหรับ "เครื่องบินลำเลียงแบบ 295” เป็นอากาศยานประจำการที่กองทัพบกใช้ในภารกิจป้องกันประเทศ เช่น การเคลื่อนย้ายกำลังทหาร ยุทโธปกรณ์และ สิ่งอุปกรณ์ ภารกิจการฝึกศึกษาทางทหาร เช่น หลักสูตรส่งทางอากาศ การกระโดดร่ม การฝึกร่วม/ผสม ภารกิจส่งกลับสายแพทย์ และการบรรเทาสาธารภัย ซึ่งการนำ “เครื่องบินลำเลียงแบบ 295” มาดัดแปลงใช้ในการส่งผู้ป่วยกลับภูมิลำเนา ทำให้ประหยัดเวลาการเดินทางไกล ลดความเหนื่อยล้า สามารถส่งผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาได้อย่างรวดเร็ว ถือเป็นการนำยุทโธปกรณ์ของกองทัพบกมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งภารกิจด้านการทหารและการช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ COVID-19 ทั้งนี้ ผู้ป่วย COVID-19 (สีเขียว) ที่มีความประสงค์จะกลับไปรักษายังภูมิลำเนา สามารถติดต่อไปยัง ศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิดกองทัพบก (กทม.) โทร. 02-270-5685-9 ได้ตลอด 24 ชม


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'หลวงพ่อแป๊ะ' ปลุกเสกฟ้าทะลายโจรและกระชาย แจกจ่ายแก่ญาติโยมเพื่อใช้สู้ภัยโควิด-19

วันที่ 23 ก.ค. 64 ที่วัดสว่างอารมณ์ (แคแถว) ต.ขุนแก้ว อ.นครชียศรี จ.นครปฐม พระครูยติธรรมานุยุต หรือ หลวงพ่อแป๊ะ เจ้าอาวาส ได้นำฟ้าทะลายโจรและกระชายขาวมาทำพิธีปลุกเสกก่อนที่ที่เอามาแจกให้กับชาวบ้านที่มาทำบุญที่วัดเพื่อป้องกันโควิด-19

หลวงพ่อแป๊ะ เล่าให้ฟังว่า สมัยโบราณสมุนไพรไทยก่อนที่จะเอามาทำยาต้องมีการสวดมนต์ว่าคาถาทุกครั้งจนต้มเสร็จจึงนำมากิน อาตมาเห็นว่าช่วงนี้โรคโควิด-19 กำลังระบาดหนักในประเทศไทยมีคนป่วยเป็นจำนวนมาก และมีจำนวนไม่น้อยที่รักษาโรคโควิด-19 หายจากสมุนไพรไทย เช่น กระชาย ฟ้าทะลายโจร จนทำให้ทั้ง 2 อย่างนี้มีราคาพุ่งสูงขึ้นมาก อาตมาจึงได้นำมาเข้าพิธีปลุกเสกและแจกให้กับชาวบ้านนำไปกินเป็นยาเพื่อป้องกันโควิด-19 กัน แต่ก็ต้องไม่ประมาทกัน สวมหน้ากากอนามัยกันและล้างมือให้บ่อย ๆ กันด้วย


https://www.naewna.com/likesara/589765


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top