Thursday, 22 May 2025
NewsFeed

วราวุธ ยืนยัน ปม นายกฯแนะ ช่วยพาผู้ ป่วยกลับรักษาภูมิลำเนา ไม่ใช่เรื่องการเมือง เพราะ โควิด-19 ไม่เลือกรัฐบาล-ฝ่ายค้าน บอก ส.ส.ชทพ.ช่วย ผวจ.สุพรรณอยู่แล้ว

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ครม. เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา หารือถึงการให้รัฐมนตรีแต่ละคนรับผิดชอบพื้นที่เพื่อพาประชาชนกลับไปรักษาตัวในภูมิลำเนา ถูกวิจารณ์เป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ ว่า เรื่องการให้ช่วยพาประชาชนกลับบ้าน ตรงนี้อย่ามองว่าเป็นเรื่องการเมือง ปัญหาของโควิด-19 ไม่ว่าจะฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านต่างโดนเหมือนกันหมด ซึ่งเจตนารมย์ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คือ รัฐมนตรีคนใดช่วยตรงไหนได้ก็ช่วยกัน คนละไม้คนละมือ  ไม่ใช่เฉพาะแค่กระทรวงสาธารณสุขอย่างเดียว ตัวอย่างของตน ซึ่งเป็นผู้แทนของจังหวัดสุพรรณบุรี และส.ส.ของ พรรคชาติไทยพัฒนาเราทำอะไรได้ ให้กับจังหวัดก็ไปช่วยกันทำ มีเครือข่ายอยู่ที่ใดก็ช่วยกันทำ ซึ่งโรงพยาบาลสนามของสุพรรณ ตอนนี้เต็มไปแล้วทั้ง 2 แห่งแล้ว และโรงพยาบาลหลักก็เต็มเกือบหมดแล้ว จึงเริ่มทำเป็นการกักตัวในชุมชน โดยใช้อาคารเอนกประสงค์ตาม อบต. มีผู้นำท้องถิ่นแต่ละที่ ช่วยเร่งปรับเอาเตียงเข้ามา เราช่วยกันอย่างเต็มที่  พวกเราก็ได้เข้าไปซับพอร์ทการทำงานเป็นระบบช่วยจังหวัด 

"การที่นำคนกลับบ้านไม่ใช่เป็นการกระจายเชื้อแต่เป็นการลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์ในกรุงเทพ ฉะนั้นใครช่วยตรงไหนได้ก็ช่วยกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดในนาทีนี้คือ อย่ามองทุกอย่างเป็นเรื่องการเมือง นาทีนี้ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องการเมือง ผมก็ทำในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ที่เราอยู่ตรงไหนเราช่วยไป ในสถานะใดได้ก็ช่วยเต็มที่ อย่างพรรคชาติไทยพัฒนาเรามีส.ส.อยู่ในจังหวัดสุพรรณบุรีทุกเขต ก็ช่วยกันประสานงาน เพราะวันนี้เราไม่แบ่งแล้วว่า เป็นเรื่องของรัฐบาลหรือเรื่องของประชาชน ใครช่วยอะไรตรงไหนได้ช่วยเต็มที่ เพราะถ้าทุกอย่างมองเป็นการเมืองไปหมดเดี๋ยวจะกลายเป็นว่า คนนั้นเป็นอย่างนี้คนนี้เป็นอย่างนั้น  แต่โควิดมันไม่ได้เลือกที่จะติดเฉพาะรัฐบาลหรือเฉพาะฝ่ายค้าน หรือเฉพาะคนพรรคนั้นพรรคนี้ มันติดกันหมด ฉะนั้นเวลาแก้ปัญหาใครช่วยกันตรงไหนได้ ก็ช่วยกัน คนละไม้คนละมือ” นายวราวุธ กล่าวว่า

'ศรีสุวรรณ' เข้าแจ้งความเอาผิดมือเผาหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ณ สน.นางเลิ้ง

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ที่สน.นางเลิ้ง นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษพร้อมพยานหลักฐาน เพื่อให้ตำรวจดำเนินการสอบสวน และขอศาลออกหมายจับ เพื่อนำบุคคลที่ร่วมชุมนุมเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ที่กระทำการอย่างผิดกฎหมายมาดำเนินการลงโทษโดยเร็ว โดยเฉพาะผู้ที่ฝ่าฝืน ปอ.มาตรา 112 โดยบุคคลดังกล่าวได้กระทำการมิบังควร ด้วยการทำให้เสียหาย ซึ่งซุ้มพระบรมพระฉายาลักษณ์ หรือได้กระทำการโดยเจตนา ด้วยการพ่นสีสเปรย์สีดำบนพระบรมพระฉายาลักษณ์

จากนั้น ได้จุดไฟวางเพลิงพระบรมฉายาลักษณ์ใกล้ตู้เอทีเอ็ม ธนาคารกรุงเทพ จำกัด ทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์ และพระเกียรติยศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของปวงชนชาวไทย เหตุเกิดบริเวณริมทางเท้าหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ศูนย์พณิชยการพระนคร ถนนนครสวรรค์ ท่ามกลางกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมาก

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดหลายกรรม อาทิ

ข้อ 1 ความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์และพระราชินี อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

ข้อ 2 ความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ฯ ของผู้อื่นและทำให้เสียทรัพย์ โดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 217

ข้อ 3 ความผิดฐานฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 27) ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2564

ข้อ 4 ความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคงฯ (ฉบับที่ 6) ลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 ที่ห้ามมิให้มีการชุมนุม หรือการทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคโควิด-19 ในพื้นที่ที่มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ข้อ 5 ความผิดฐานร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมกันหรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันง่าย ชุมนุม ทำกิจกรรม หรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดใด ในสถานที่แออัดหรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือในลักษณะที่มีการเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558

ดังนั้น สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ไม่อาจนิ่งเฉยปล่อยให้พวกที่ทรยศแผ่นดิน ไม่รู้จักบุญคุณแผ่นดิน ที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงปกป้องคุ้มครองและรักษาแผ่นดินไทยมาอย่างยาวนาน ได้มีที่ยืนในสังคมต่อไปได้ จึงต้องนำความมาแจ้งความเอาผิดบุคคลที่มีพฤติการณ์ดังกล่าว เพื่อเอาตัวมาสอบสวน และส่งศาลเพื่อพิพากษาลงโทษขั้นสูงสุด


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ธปท.สั่งรื้อค่าธรรมเนียมแบงก์ 300 รายการ

นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.เตรียมออกประกาศหลักเกณฑ์เรื่องการกำกับดูแลค่าธรรมเนียมของธนาคารพาณิชย์กว่า 300 รายการ ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ เพื่อให้การคิดค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของธนาคารพาณิชย์ให้สะท้อนต้นทุนและรายได้ที่เกิดขึ้นจริง โดยทุกธนาคารจะต้องทบทวนและเปิดเผยค่าธรรมเนียมอย่างชัดเจนบนเว็บไซต์ เพื่อให้ประชาชนเปรียบเทียบเลือกใช้บริการแต่ละธุรกรรมได้ว่า คิดค่าธรรมเนียมเท่าไรบ้าง

“การออกหลักเกณฑ์นี้ เพื่อให้การคิดค่าธรรมเนียมสะท้อนต้นทุน และ รายได้ที่เกิดขึ้นจริง โดยหลักเกณฑ์ดังกล่าวทุกธนาคารจะต้องทบทวน และเปิดเผยค่าธรรมเนียมอย่างชัดเจนบนเว็บไซต์ รวมทั้งให้ ธปท. ดึงข้อมูลเพื่อให้ประชาชนเปรียบเทียบเลือกใช้บริการแต่ละธุรกรรมได้ แต่ ธปท.จะไม่กำหนดเป็นอัตราว่าค่าธรรมเนียมแต่ละประเภทจะอยู่ในสัดส่วนเท่าใด เนื่องจากต้นทุนแต่ละธนาคารแตกต่างกัน และทำให้เกิดการแข่งขันระหว่างธนาคาร  อย่างไรก็ดี หลังประกาศหลักเกณฑ์ไปแล้ว ธปท.จะสุ่มตรวจอีกครั้งว่า อัตราค่าธรรมเนียมของแต่ละธนาคารเป็นอย่างไร สอดคล้องกับต้นทุนธนาคารหรือไม่” 

ส่วนการแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือน ในปีหน้า ธปท. เตรียมที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหาหนี้เกษตรกรด้วย ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้พักชำระหนี้นั้น ธปท. ชี้แจงว่า การพักหนี้ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน แต่การปรับโครงสร้างหนี้เป็นเรื่องที่ดีและ เหมาะสมมากกว่า ที่ผ่านมาธปท. ได้ออกมาตรการพักชำระหนี้ 2 เดือน ให้กับนายจ้างและลูกจ้าง ที่ได้รับผลกระทบ เริ่มตั้งแต่ ก.ค. นี้ ซึ่งถือมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้อย่างตรงจุด

ข้อปฏิบัติ!! ประชาชนที่จำเป็นต้องข้ามเขตพื้นที่สีแแดง

ตร.แนะนำข้อปฏิบัติประชาชนที่จำเป็นต้องเดินทางข้ามจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม

วันที่ 21 ก.ค. 2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ รัฐบาล โดย นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ได้แถลงเรื่องการประกาศยกระดับมาตรการป้องกันโควิด-19 ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่​ 20 ก.ค.64 โดยใช้กำลังทหาร- ตำรวจสนธิกำลังร่วมกับหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง ในการจัดตั้งด่านตรวจเข้มแข็งบนเส้นทาง หลักและรอง โดยรอบพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี และฉะเชิงเทรา นั้น 
สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชน จึงขอประชาสัมพันธ์แนวทางของศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศบค.) ว่า

หากเป็นการเดินทางข้ามจังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด​ (13 จังหวัด) สิ่งที่จะต้องปฏิบัติ คือ...

1.เอกสารรับรองที่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้อำนวยการเขต

2. ถ้าไม่มีเอกสารตามข้อ 1​ ให้ลงทะเบียนการเดินทางข้ามพื้นที่ ผ่านทางเว็บไซต์ "หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" https://covid-19.in.th เพื่อนำ QR code แสดงแก่เจ้าหน้าที่

3. ให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน ไทยชนะ ที่ด่านตรวจ ทุกครั้ง

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปม.ตร.) ขับเคลื่อนนโยบายของทางรัฐบาลและ ศบค.ตามข้อกำหนดออกตามความมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 28) ลงวันที่ 17 ก.ค. 64 โดยได้สั่งการและกำชับการปฏิบัติไปยังหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้องทุกพื้นที่โดยเฉพาะเน้นย้ำไปยังพื้นที่ควบคุมสุดและเข้มงวดโดยให้ตรวจรถทุกคันตลอด 24 ชั่วโมง ครอบคลุมทุกเส้นทางข้ามจังหวัดเพื่อสกัดกั้นการเดินทางออกนอกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ในการกำหนดจุดตรวจ จุดสกัด ให้ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดและบูรณาการกำลังพลปฏิบัติร่วมกับฝ่ายปกครอง ทหาร และสาธารณสุข 
นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้ทุกหน่วยกวดขันตรวจสอบกิจการ กิจกรรมตามมาตรการที่กำหนด ได้แก่ การห้ามมิให้มีการมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค การจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คน และตรวจตราห้ามมิให้บุคคลออกนอกเคหสถานในห้วงเวลา 21.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น พร้อมแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยกำชับและกำกับดูแลกำลังพลให้ระวังป้องกันตนเองและปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดในระหว่างปฏิบัติงาน

จึงขอให้พี่น้องประชาชนโปรดปฏิบัติตามมาตรการและข้อปฏิบัติ ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 28) ลงวันที่ 17 ก.ค. 64 และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ปฏิบัติงาน ทั้งนี้เพื่อลดอัตราการติดเชื้อ และบรรเทาสถานการณ์ฉุกเฉินให้คลี่คลายโดยเร็วที่สุดต่อไป

เดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือจากโควิด แจ้งผ่านหน่วยทหาร ทบ.

กองทัพบกขอแจ้งประชาชน  ผู้ที่เดือดร้อน ติดขัดเรื่องการรักษาพยาบาล การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด การจัดพิธีศพผู้เสียชีวิตจากโควิด สามารถประสานขอความช่วยเหลือ ผ่าน หน่วยทหารของกองทัพบกใกล้บ้านทั่วประเทศ หรือโทรแจ้งได้ที่ ศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิดกองทัพบก  CALL CENTER: 02-270-5685-9 ตลอด 24 ชม.  ทบ.พร้อมประสานความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ 

นอกจากนี่ กองทัพบกได้จัดเตรียม โรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาลค่ายในจังหวัดต่างๆ 37 แห่งทั่วประเทศ ไว้รองรับผู้ติดเชื้อ ซึ่งประชาชนตรวจสอบที่ตั้งโรงพยาบาลของกองทัพบกได้ตามแผนที่ : Google Map 

https://bit.ly/3zbcaLw 

รพ.สนาม : รพ.ค่ายทหาร 37 แห่งทั่วประเทศ : ฌาปนสถาน ทบ. 

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก กำชับและมอบให้หน่วยทหารเร่งประสานความช่วยเหลือให้ประชาชนอย่างเต็มกำลัง

'ณัฐชา' ส.ส.ก้าวไกล ซัดหนัก ติดเชื้อเสียชีวิตข้างถนน ไม่มีใครแล ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ เพราะมีนายกชื่อ 'ประยุทธ์'

นาย ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส. เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่าสถานการณ์ประเทศไทยในขณะไม่สามารถไปต่อได้แล้วจริง ๆ ระบบการจัดการรองรับผู้ป่วยและควบคุมโรคแก้ไขกันวันต่อวัน ไม่มีแผนรองรับอะไรเลย ผมในฐานะส.ส.เขตรับรู้ถึงปัญหา พี่น้องประชาชนแจ้งความเดือดร้อนวันละไม่ต่ำกว่า 100 ราย ถามจริง ๆ ท่านไม่รู้เลยเหรอว่าน้ำตาประชาชนกำลังแปรเปลี่ยนเป็นกองเพลิง สถานการณ์ที่ยืนปากเหวเช่นนี้ นายกรัฐมนตรีกลับ Work From Home

วันนี้สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือเปิดหูเปิดตา ที่ผ่านมาพวกผมฝ่ายค้านสะท้อนปัญหาเสนอแนะทางออกกันทุกวันไม่เคยเข้าสมองอะไรเลย หรืออาจกลัวเสียฟอร์มที่จะนำเอาข้อเสนอของพวกผมไปปฏิบัติ แต่วันนี้เหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นน่าจะทะลุสมองเข้าหูพวกท่านได้แล้ว เหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิต ริมถนนในวันเดียวถึง 5 ราย แต่ไม่มีใครกล้ากระทั่งมาเก็บศพ

พี่น้องประชาชนคนไทยตั้งคำถามเป็นเสียงเดียวกันว่า เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เรายังคงเจอกรณีที่มีผู้เสียชีวิตคาบ้านอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่รัฐมนตรีเคยรับปากว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก เรายังเผชิญกับสถานการณ์ที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่าหนึ่งหมื่นคนในทุก ๆ วัน แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ตัวเลขที่แท้จริงเพราะยังไม่มีการตรวจอีกเป็นจำนวนมาก และเรายังคงมีผู้เสียชีวิตมากกว่าร้อยคนแทบจะวันเว้นวัน ทั้งที่เราเคยภาคภูมิใจอย่างยิ่งว่าระบบสาธารณสุขดีของเรานั้นดีเป็นลำดับต้นของโลกประเทศหนึ่ง

“ในวันที่เลวร้ายเช่นนี้ เรากลับไม่เห็นผู้รับผิดชอบสถานการณ์คนใดที่เคยกล่าวคำอวดดีและใช้กฎหมายไล่บี้ต่อคำวิพากษ์วิจารณ์กล้าหาญออกมาสบตาประชาชนและแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดอย่างตรงไปตรงมาแม้แต่คนเดียว เรามีผู้นำที่รวบอำนาจทุกอย่างไว้กับตัวเองมาแล้วเกือบสองปี แต่ยังคงเอาแต่หลบอยู่หลังแป้นพิมพ์แล้วเขียนข้อความสวยหรูราวกับว่าอยู่กันคนละโลกกับประชาชน เพื่อบอกว่าเขายังทำงานอยู่

ขณะที่ประชาชนกลับไม่รู้สึกสัมผัสถึงสิ่งนั้นได้เลย เพราะสิ่งที่ประชาชนกำลังรู้สึกอย่างแท้จริงในเวลานี้คือท่านกำลังลอยตัวเหนือปัญหา จนคล้ายเป็นสันดานไปแล้ว และท่านยังหน้าด้านฉวยเอาโอกาสนี้ประกาศ Work From Home เพื่อเลี่ยงที่จะตอบคำถามถึงความล้มเหลวทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นผู้นำที่มั่นหน้าว่ามาจากกองทัพ แต่ชอบเอาแต่หดหัวอยู่ในบ้านพักหลวง รอรับสวัสดิการที่ไม่ควรได้ในค่ายทหารอย่างหรูหรา

ในขณะที่บุคลากรด่านหน้ายังต้องออกไปเผชิญเสี่ยงทุก ๆ วันด้วยอาวุธที่ประสิทธิภาพน้อยที่สุดที่ท่านเลือกให้ เพื่อไปสู้รบปรบมือในสมรภูมิเชื้อโรค ราวกับยื่นมีดปอกผลไม้แล้วบอกให้พวกเขาไปสู้ให้เต็มที่ท่ามกลางห่ากระสุนหูดับตับไหม้”

ณัฐชากล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ในวันนี้คือ เรากำลังอยู่กับรัฐบาลที่ไม่สนใจใยดีต่อความสูญเสียของประชาชนและไม่เคยยอมรับความผิดพลาดของตนเอง ในทุกครั้งที่มีการระบาด เขาเอาแต่โทษประชาชนว่า หละหลวม การ์ดตก แต่ไม่เคยกล่าวถึงแผนวัคซีนแบบ ‘แทงม้าตัวเดียว’ ที่ผิดพลาดแม้แต่คำเดียว นั่นก็เพราะเขาถนัดแต่ใช้การกฎหมายเพื่อควบคุมประชาชนจึงต้องหาเหตุโทษประชนเอาไว้ก่อน รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่มีเป้าหมายในชีวิตเพียง 2 อย่าง คือ การปราบม็อบ และการผลาญภาษีประชาชน

ดังนั้น จึงอย่าแปลกใจเพราะไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปแค่ไหน สิ่งที่รัฐบาลนี้จะทำอย่างแข็งขันคือควบคุมประชาชนด้วยการล็อกดาวน์ แต่หลีกเลี่ยงการเยียวยา จากนั้นก็จะมาขอกู้เงินและของบประมาณเพื่อเอาไปซื้ออาวุธยุทธภัณฑ์บ้าง และเอาไปแบ่งปันประโยชน์กันกับพรรคร่วมรัฐบาลบ้าง จึงมีโครงการต่าง ๆ ออกมามากมายเต็มไปหมด แต่โครงการเหล่านั้นกลับไม่ได้เป็นประโยชน์ใดต่อสถานการณ์โควิดที่ประชาชนกำลังเผชิญเลยเลย

“หากรัฐบาลใส่ใจประชาชนมากกว่านี้ ป่านนี้เราคงมีวัคซีนที่หลากหลาย ไม่ใช่วัคซีนที่มีประสิทธิภาพดีมากในการป้องกันการนำเข้าวัคซีนอื่นที่มีประสิทธิภาพดีกว่าในการป้องกันโรคเข้ามา เราคงไม่ต้องเจอกับคำโกหกหลอกลวงมานานนับปีว่า เราจะมีวัคซีนที่ผลิตได้เองในประเทศ และจะได้ใช้วัคซีนเหล่านั้นก่อน ทั้งที่ไม่เคยมีอยู่ในสัญญา

หากรัฐบาลใส่ใจประชาชนมากกว่านี้ เราคงมีการตรวจเชิงรุกเพื่อให้เจอผู้ติดเชื้อโดยเร็วมาทำการรักษา โดยไม่ต้องกลายเป็นผู้ป่วยสีแดง เราคงมีศูนย์แรกรับเพื่อพักผู้ป่วยและโรงพยาบาลสนามที่เพียงพอ เราคงมีระบบ Home Isolation ที่สามารถส่งยาและอาหารให้ผู้ติดเชื้อถึงที่บ้านได้ เราคงมียาและเครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์ที่เพียงพอต่อการรักษาผู้ป่วยหนักที่ดีกว่าฟ้าทะลายโจร เราคงมีเครื่อง Oxygen High Flow ที่เพียงพอสำหรับผู้ป่วยหนัก และเหลือเตียง ICU ที่เพียงพอสำหรับผู้ป่วยวิกฤต"

"อีกทั้งสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ในภาพใหญ่ เรามีเวลาถึงเกือบ 2 ปี หากนับจากการระบาดระลอกแรกเพื่อเตรียมการ และหากนับจากการประกาศล็อกดาวน์ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 64 เป็นต้นมา หรือเรียกได้ว่าเกือบครบรอบ 14 วันของการล็อกดาวน์แล้ว แต่เรากลับยังคงไม่มี Rapid Antigen Test Kit ให้ประชาชนเพื่อรุกตรวจได้อย่างทั่วถึง อีกทั้งยังมีราคาแพงราวกลับว่ากลัวประชาชนจะตรวจเจอเชื้อ ซึ่งการคิดแบบนี้เป็นสิ่งที่ชั่วร้ายและทำลายโอกาสในการรอดชีวิตของพวกเขาลงไปเรื่อย ๆ ในทุกนาทีที่รู้ผลช้าออกไป เรายังไม่มีระบบ Home Isolation และศูนย์แรกรับเพื่อรองรับที่มากพอ เรายังไม่มีระบบรวมศูนย์ข้อมูลเพื่อประสานและจัดสรรเตียงอย่างเป็นระบบ

และทั้งหมดทั้งมวลนี้ การที่มีผู้เสียชีวิตริมถนน หรือมีผู้เสียชีวิตคาบ้านศพแล้วศพเล่า การที่แต่ละวันมีศพที่รอเผาจนล้นเมรุ นี่คือภาพสะท้อนถึงสิ่งที่รัฐบาลควรทำ แต่ไม่ได้ทำ กลับเอาแต่ปล่อยปละละเลยตลอดมา ซึ่งไม่สามารถอ้างได้เลยว่าไม่มีงบประมาณเพื่อนำมาใช้ในเรื่องเหล่านี้ เพราะที่ผ่านมามีการผ่านงบประมาณทั้งปกติและเร่งด่วนในรูปแบบ พ.ร.ก.เงินกู้ ไปให้แล้วอย่างมหาศาลถึงสองครั้ง เรามีทั้งเงินและความพร้อมในระบบสุขภาพที่เข้มแข็ง เรามีประชาชนที่ใส่ใจและร่วมมือกับรัฐบาลมากที่สุดแล้วในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นการสวมหน้ากากอนามัยทันทีที่รัฐบาลประกาศ ทุกคนหมั่นล้างมือและพกเจลแอลกอฮอล์ ทุกคนพยายามรักษาระยะห่างให้มากที่สุด หรือกระทั่งความร่วมมือในการฉีดวัคซีนก็เป็นสิ่งที่พวกเขาพร้อมทำตามตลอดมา แต่กลับเป็นรัฐบาลเองต่างหากที่ไม่สามารถจัดหามาได้ตามแผนที่วางไว้"

“ดั้งนั้น หากจะตอบคำถามแรกว่าเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ผมคิดว่าทุกคนมีคำตอบเดียวที่ตรงกัน นั่นก็คือ เพราะเรามีนายกชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นเอง” ณัฐชากล่าว


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

โฆษกทำเนียบสหรัฐฯ เผย พบผู้ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนครบโดสจริง แต่ไม่ได้ใกล้ชิด 'โจ ไบเดน'

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งซึ่งฉีดวัคซีนครบแล้ว มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก แต่บุคคลรายดังกล่าวไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่น ๆ จากการเปิดเผยของโฆษกเมื่อ 20 ก.ค.64

อย่างไรก็ตาม ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่คนนี้ไม่ใช่เคส Breakthrough Cases รายแรกของทำเนียบขาว!!

"ฉันยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งซึ่งฉีดวัคซีนครบแล้วมีผลตรวจโควิด-19 ออกมาเป็นบวก และเมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวได้ออกนอกบริเวณแล้ว" เจน ซากี เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของไบเดนกล่าวระหว่างแถลงข่าว พร้อมเผยว่าเจ้าหน้าที่รายนี้ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ มีอาการแค่เล็กน้อย

เธอบอกว่าเพื่อเป็นไปตามกฎระเบียบอันเข้มงวด เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวจะอยู่ห่างจากทำเนียบขาวจนกว่าจะมีการตรวจเชื้อเพิ่มเติม และเวลานี้ได้ดำเนินการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดแล้ว

ซากี ยอมรับว่า มีผู้ฉีดวัคซีนแล้วแต่ยังติดเชื้อโควิด-19 (Breakthrough Cases) รายอื่น ๆ อีกหลายเคสที่ทำเนียบขาว แต่ไม่ยืนยันว่ามีจำนวนมากน้อยแค่ไหนหรือเกิดขึ้นเมื่อไหร่

"เรารู้ดีว่าจะมีเคสฉีดวัคซีนแล้วแต่ยังติดเชื้อ" ซากี บอกกับผู้สื่อข่าวระหว่างแถลงที่ทำเนียบขาว

"อย่างไรก็ตาม ดังที่เคสนี้แสดงให้เห็น เคสในบุคคลที่ฉีดวัคซีนโดยทั่วไปแล้วจะมีอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำเนียบขาวเตรียมพร้อมรับมือกับเคสฉีดวัคซีนแล้วแต่ยังติดเชื้อด้วยการตรวจหาเชื้อเป็นประจำ"

โฆษกหญิงรายนี้ระบุว่า เคสโควิดเหล่านั้น "เป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่า วัคซีนโควิด-19 มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อที่มีอาการรุนแรงหรือเข้าโรงพยาบาล"

อีกด้านหนึ่งสำนักงานของแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยืนยันว่าโฆษกระดับอาวุโสของเธอรายหนึ่ง มีผลตรวจโควิด-19 ออกมาเป็นบวก หลังพบปะกับเหล่าสมาชิกรัฐสภาประจำรัฐเทกซัส จากพรรคเดโมแครต ที่เดินทางมายังอาคารรัฐสภา

อย่างไรก็ตาม บุคคลรายดังกล่าวไม่ได้สัมผัสกับเปโลซี นับตั้งแต่ติดเชื้อ

หลังมีความคืบหน้าอย่างมากในการต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่ โครงการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของสหรัฐฯ มีอันต้องสะดุดลงในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้มีประชากรวัยผู้ใหญ่ราว 68% ของอเมริกาที่ฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส แต่มีความเหลื่อมล้ำทางภูมิศาสตร์เป็นอย่างมาก

การต่อต้านวัคซีนมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับความแตกแยกทางการเมืองในสหรัฐฯ ซึ่งพบว่าบรรดาผู้ลังเลเข้ารับวัคซีนส่วนใหญ่แล้วมักเป็นกลุ่มคนหัวคิดอนุรักษนิยม โดยเฉพาะในบรรดาผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์


(ที่มา : รอยเตอร์)

ที่มา : https://mgronline.com/around/detail/9640000071140


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ส.ส.ปชป. ชู โมเดล รับคนกระบี่กลับบ้าน ช่วยผู้ป่วยโควิดรักษาตัวบ้านเกิด แนะรัฐ เร่งออกนโยบายให้ชัด วางมาตรการรองรับ ตรวจสอบความพร้อม รพ.ทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ 21 ก.ค. น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอสนับสนุนนโยบายรับคนป่วยโควิด-19 กลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิด ซึ่งครม.ออกมาขานรับแล้ว แต่ขอให้มีการเตรียมระบบให้พร้อม และรัฐบาลจะทำโดยลำพังไม่ได้ เพราะเกินกำลัง จึงอยากให้รัฐบาลจัดวางระบบเพื่อเป็นหลักการร่วมกันดังนี้

1.) ตรวจสอบโรงพยาบาลทั่วประเทศ จังหวัดไหนตึง จังหวัดไหนยังมีความพร้อมที่จะรับผู้ป่วยกลับไปรักษาที่บ้านได้ ให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วว่าในแต่ละพื้นที่มีความพร้อมแค่ไหน ปริมาณผู้ป่วยในพื้นที่นั้น ๆ เป็นอย่างไร เพราะต้องกันพื้นที่เตียงไว้สำหรับผู้ป่วยในพื้นที่ด้วย

2.) ให้มีศูนย์กลางประสานงานรับตัวส่งต่อร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชน จัดงบประมาณให้เพียงพอในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจาก กทม.ไปต่างจังหวัด กรณีผู้ป่วยที่จะเคลื่อนย้าย ต้องมีโรงพยาบาลปลายทางรองรับแล้วเท่านั้น

3.) การออกใบผ่านทางจากส่วนกลางที่ใช้ได้ทุกจังหวัด กรณีต้องมีการเคลื่อนย้าย เพื่อไม่ให้ติดขัดในช่วงที่มีการจำกัดการเดินทาง ขณะเดียวกัน ต้องมีการวางมาตรการป้องกันพวกฉวยโอกาสใช้ช่วงเวลานี้ขนแรงงานต่างด้าว หรือใช้วิกฤตที่กำลังเปิดช่องทางช่วยเหลือประชาชนไปแสวงหาประโยชน์ด้วย

และ 4.) ต้องทำความเข้าใจกับคนในพื้นที่เพื่อไม่ให้เกิดการต่อต้าน จนกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างประชาชน

"ถ้าทำสิ่งเหล่านี้อย่างเป็นระบบได้ วางแนวป้องกันล่วงหน้า เปิดช่องทางให้เกิดความร่วมมือทุกภาคส่วน การฝ่าวิกฤตครั้งนี้จะเป็นความร่วมแรงร่วมใจของคนไทยอย่างแท้จริง เหมือนที่จังหวัดกระบี่ทำโครงการ รับคนกระบี่กลับบ้าน ที่ประสานรวมใจทั้งฝ่ายปกครอง คือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนประชาชน จิตอาสา และสำคัญที่สุด คือ ความเข้าใจของคนในพื้นที่ ทำให้โครงการไปได้ คนกระบี่อยู่รอด" น.ส.พิมพ์รพี กล่าว


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘หมอนิธิพัฒน์’ เตือนถังออกซิเจนขาดตลาด ห่วงนำไปใช้กับผู้ป่วย COVID-19 โดยไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์และไม่อยู่ในการดูแลของแพทย์อาจเป็นอันตราย ขณะที่เจ้าของร้านแห่งหนึ่งยอมรับคนถามซื้อวันละ 100 สาย แต่ของขาดตลาด

นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เฟซบุ๊ก ‘นิธิพัฒน์ เจียรกุล’ กล่าวถึงกรณีภาวะถังออกซิเจนขาดตลาด ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19

นพ.นิธิพัฒน์ ระบุว่า ถังออกซิเจนขาดตลาดจากการแห่ซื้อไปตุน ทั้งถังออกซิเจนทางการแพทย์และเครื่องผลิตออกซิเจนสำหรับใช้ที่บ้าน ทำให้แผนการจัดตั้งศูนย์พักคอยผู้ป่วย COVID-19 ในชุมชนก่อนส่งต่อเข้าโรงพยาบาลเกิดความไม่สมบูรณ์ เพราะไม่สามารถให้ออกซิเจนกับผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการรุนแรงและร่างกายขาดออกซิเจน ในระหว่างที่รอเตรียมการย้ายเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลัก

“การนำออกซิเจนไปใช้เมื่อเริ่มป่วย COVID-19 โดยไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ และปราศจากการกำกับดูแลของแพทย์ อาจเป็นอันตรายต่อเนื้อเยื่อทั่วร่างกายถ้าได้รับออกซิเจนมากเกินไป”

นอกจากนี้ ยังไม่นับเรื่องความสิ้นเปลือง และการเสี่ยงต่ออัคคีภัย ถ้าใช้เป็นถังบรรจุออกซิเจน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งทำความกระจ่างให้กับประชาชน พร้อมตรวจสอบความเพียงพอของการผลิตและจัดส่งออกซิเจนในทุกพื้นที่ของประเทศ

ทางด้าน ไทยพีบีเอสออนไลน์ ได้สัมภาษณ์เจ้าของร้านขายถังออกซิเจนแห่งหนึ่ง ยอมรับว่า

“ตอนนี้ที่หน้าร้านไม่มีถังออกซิเจนวางขายมา 2 วันแล้ว ของขาดตลาดจริง และบริษัทคนกลางที่นำถังออกซิเจนเข้ามาจากจีน ก็ไม่มีสินค้าเช่นกัน ตอนนี้มีคนติดต่อมาวันละเป็น 100 สาย แต่ไม่มีสินค้าให้”

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นยืนยันไม่ใช่กระแสการปั่นราคาสินค้า เพราะการปรับราคาถังออกซิเจนปรับขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว ปัจจัยจากเหล็กในตลาดโลกขึ้นราคา 10% ราคาปรับมาแล้ว เช่น ราคาถังขนาด 0.5 คิวจาก 1,800 บาทเป็น 2,000 บาท

เจ้าของร้านขายถังออกซิเจน บอกอีกว่า นอกจากคนไทยที่มาหาซื้อถังออกซิเจนเพื่อเตรียมพร้อมรับมือ COVID-19 ยังมีคนจากประเทศเมียนมา เข้ามาหาซื้อ ตามหาซื้อออกซิเจนคราวละ 40-50 ถัง เพื่อส่งกลับไปให้กับคนในเมียนมาด้วย และจะดีลกับเจ้าใหญ่ ๆ ในไทย

แต่สำหรับทางร้านยังจะขายให้กลุ่มลูกค้าประจำ ที่ต้องนำไปดูแลคนป่วย และให้กับผู้ที่นำไปบริจาคในนามขององค์กรเท่านั้น จะไม่ขายให้กับคนที่จะกักตุนสินค้าแล้วนำไปขายต่อ

ส่วนกรณีที่หมอมีคำแนะนำเรื่องการใช้ถังออกซิเจนว่าอาจจะมีความเสี่ยง ปกติคนที่ดูแลคนป่วย แพทย์และพยาบาลที่ดูแลการใช้ถังออกซิเจน จะต้องรู้ระดับการปล่อยออกซิเจนให้กับผู้ป่วย

ส่วนรายใหม่ หากมาซื้อกับทางร้านจะอธิบายทำความเข้าใจอย่างชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย อีกทั้งยังขายเฉพาะถังใหม่ ไม่ขายแลกถังเก่า


ที่มา : https://news.thaipbs.or.th/content/306097

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=3809193532519635&id=100002870789106


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘กรณ์’ เดินหน้าเปิด ‘ศูนย์กล้าดูแล’ แห่งที่ 2 ชุมชนเทพลีลา รองรับผู้ติดเชื้อระดับสีเขียว สกัดโควิดระบาด ปลูกต้นกล้าฟ้าทะลายโจร ให้คนในชุมชนได้ใช้ประโยชน์ ย้ำความพร้อมร่วมมือชุมชน แก้วิกฤตชาติ

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า เดินหน้าเปิดศูนย์กล้าดูแลแห่งที่ 2 ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน ที่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงมากขึ้นทุกวัน โดยระบุว่า สถานการณ์ขณะนี้ทำให้พรรคกล้ายิ่งต้องรีบเดินหน้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในทุก ๆ ช่องทาง โดยล่าสุด ได้ร่วมกับชุมชน จัดตั้ง ’ศูนย์กล้าดูแล’ ชุมชนเทพลีลา เขตวังทองหลาง เป็นศูนย์พักคอยแห่งที่ 2 เพื่อดูแลผู้ติดเชื้อโควิดระดับสีเขียว แยกกักตัวจากครอบครัว เป็นการตัดวงจรการแพร่เชื้อในบ้านและชุมชน

นายกรณ์ เน้นย้ำแนวคิด ชุมชนเป็นผู้ริเริ่ม พรรคกล้าจะเข้ามาช่วยจัดระบบ นำเตียง หมอน ผ้าห่ม และสิ่งของต่าง ๆ มาสมทบ ติดต่อประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และนำต้นกล้าฟ้าทะลายโจร ที่ได้รับการสนับสนุนทางอภัยภูเบศร มาปลูกในสวนส่วนกลางของชุมชน เพื่อดูแลผู้ป่วยในอนาคตต่อไป

“นี่คือตัวอย่างที่ดี ที่พรรคกล้ากับชุมชนที่มีความเข้มแข็ง มีความตั้งใจที่อยากจะลดภาระสาธารณสุขของรัฐ ด้วยการดูแลผู้ป่วยด้วยตนเอง ซึ่งวันนี้มีโรงพยาบาลขอรับผู้ป่วยไป แต่ผู้ป่วยขอรักษาตัวอยู่ในศูนย์พักคอยของชุมชน เพราะเขาสามารถอยู่ในชุมชน อยู่ใกล้ญาติพี่น้อง และทางโรงพยาบาลจะได้ปล่อยเตียงให้ผู้ที่มีอาการหนักกว่าได้ใช้ นี่คือประโยชน์ของศูนย์พักคอยชุมชน ที่พรรคกล้ามีความภาคภูมิใจที่มีโอกาสได้ช่วยชุมชนให้สามารถช่วยตนเองได้” นายกรณ์ กล่าวทิ้งท้าย


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top