'ณัฐชา' ส.ส.ก้าวไกล ซัดหนัก ติดเชื้อเสียชีวิตข้างถนน ไม่มีใครแล ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ เพราะมีนายกชื่อ 'ประยุทธ์'

นาย ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส. เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่าสถานการณ์ประเทศไทยในขณะไม่สามารถไปต่อได้แล้วจริง ๆ ระบบการจัดการรองรับผู้ป่วยและควบคุมโรคแก้ไขกันวันต่อวัน ไม่มีแผนรองรับอะไรเลย ผมในฐานะส.ส.เขตรับรู้ถึงปัญหา พี่น้องประชาชนแจ้งความเดือดร้อนวันละไม่ต่ำกว่า 100 ราย ถามจริง ๆ ท่านไม่รู้เลยเหรอว่าน้ำตาประชาชนกำลังแปรเปลี่ยนเป็นกองเพลิง สถานการณ์ที่ยืนปากเหวเช่นนี้ นายกรัฐมนตรีกลับ Work From Home

วันนี้สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือเปิดหูเปิดตา ที่ผ่านมาพวกผมฝ่ายค้านสะท้อนปัญหาเสนอแนะทางออกกันทุกวันไม่เคยเข้าสมองอะไรเลย หรืออาจกลัวเสียฟอร์มที่จะนำเอาข้อเสนอของพวกผมไปปฏิบัติ แต่วันนี้เหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นน่าจะทะลุสมองเข้าหูพวกท่านได้แล้ว เหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิต ริมถนนในวันเดียวถึง 5 ราย แต่ไม่มีใครกล้ากระทั่งมาเก็บศพ

พี่น้องประชาชนคนไทยตั้งคำถามเป็นเสียงเดียวกันว่า เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เรายังคงเจอกรณีที่มีผู้เสียชีวิตคาบ้านอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่รัฐมนตรีเคยรับปากว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก เรายังเผชิญกับสถานการณ์ที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่าหนึ่งหมื่นคนในทุก ๆ วัน แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ตัวเลขที่แท้จริงเพราะยังไม่มีการตรวจอีกเป็นจำนวนมาก และเรายังคงมีผู้เสียชีวิตมากกว่าร้อยคนแทบจะวันเว้นวัน ทั้งที่เราเคยภาคภูมิใจอย่างยิ่งว่าระบบสาธารณสุขดีของเรานั้นดีเป็นลำดับต้นของโลกประเทศหนึ่ง

“ในวันที่เลวร้ายเช่นนี้ เรากลับไม่เห็นผู้รับผิดชอบสถานการณ์คนใดที่เคยกล่าวคำอวดดีและใช้กฎหมายไล่บี้ต่อคำวิพากษ์วิจารณ์กล้าหาญออกมาสบตาประชาชนและแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดอย่างตรงไปตรงมาแม้แต่คนเดียว เรามีผู้นำที่รวบอำนาจทุกอย่างไว้กับตัวเองมาแล้วเกือบสองปี แต่ยังคงเอาแต่หลบอยู่หลังแป้นพิมพ์แล้วเขียนข้อความสวยหรูราวกับว่าอยู่กันคนละโลกกับประชาชน เพื่อบอกว่าเขายังทำงานอยู่

ขณะที่ประชาชนกลับไม่รู้สึกสัมผัสถึงสิ่งนั้นได้เลย เพราะสิ่งที่ประชาชนกำลังรู้สึกอย่างแท้จริงในเวลานี้คือท่านกำลังลอยตัวเหนือปัญหา จนคล้ายเป็นสันดานไปแล้ว และท่านยังหน้าด้านฉวยเอาโอกาสนี้ประกาศ Work From Home เพื่อเลี่ยงที่จะตอบคำถามถึงความล้มเหลวทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นผู้นำที่มั่นหน้าว่ามาจากกองทัพ แต่ชอบเอาแต่หดหัวอยู่ในบ้านพักหลวง รอรับสวัสดิการที่ไม่ควรได้ในค่ายทหารอย่างหรูหรา

ในขณะที่บุคลากรด่านหน้ายังต้องออกไปเผชิญเสี่ยงทุก ๆ วันด้วยอาวุธที่ประสิทธิภาพน้อยที่สุดที่ท่านเลือกให้ เพื่อไปสู้รบปรบมือในสมรภูมิเชื้อโรค ราวกับยื่นมีดปอกผลไม้แล้วบอกให้พวกเขาไปสู้ให้เต็มที่ท่ามกลางห่ากระสุนหูดับตับไหม้”

ณัฐชากล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ในวันนี้คือ เรากำลังอยู่กับรัฐบาลที่ไม่สนใจใยดีต่อความสูญเสียของประชาชนและไม่เคยยอมรับความผิดพลาดของตนเอง ในทุกครั้งที่มีการระบาด เขาเอาแต่โทษประชาชนว่า หละหลวม การ์ดตก แต่ไม่เคยกล่าวถึงแผนวัคซีนแบบ ‘แทงม้าตัวเดียว’ ที่ผิดพลาดแม้แต่คำเดียว นั่นก็เพราะเขาถนัดแต่ใช้การกฎหมายเพื่อควบคุมประชาชนจึงต้องหาเหตุโทษประชนเอาไว้ก่อน รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่มีเป้าหมายในชีวิตเพียง 2 อย่าง คือ การปราบม็อบ และการผลาญภาษีประชาชน

ดังนั้น จึงอย่าแปลกใจเพราะไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปแค่ไหน สิ่งที่รัฐบาลนี้จะทำอย่างแข็งขันคือควบคุมประชาชนด้วยการล็อกดาวน์ แต่หลีกเลี่ยงการเยียวยา จากนั้นก็จะมาขอกู้เงินและของบประมาณเพื่อเอาไปซื้ออาวุธยุทธภัณฑ์บ้าง และเอาไปแบ่งปันประโยชน์กันกับพรรคร่วมรัฐบาลบ้าง จึงมีโครงการต่าง ๆ ออกมามากมายเต็มไปหมด แต่โครงการเหล่านั้นกลับไม่ได้เป็นประโยชน์ใดต่อสถานการณ์โควิดที่ประชาชนกำลังเผชิญเลยเลย

“หากรัฐบาลใส่ใจประชาชนมากกว่านี้ ป่านนี้เราคงมีวัคซีนที่หลากหลาย ไม่ใช่วัคซีนที่มีประสิทธิภาพดีมากในการป้องกันการนำเข้าวัคซีนอื่นที่มีประสิทธิภาพดีกว่าในการป้องกันโรคเข้ามา เราคงไม่ต้องเจอกับคำโกหกหลอกลวงมานานนับปีว่า เราจะมีวัคซีนที่ผลิตได้เองในประเทศ และจะได้ใช้วัคซีนเหล่านั้นก่อน ทั้งที่ไม่เคยมีอยู่ในสัญญา

หากรัฐบาลใส่ใจประชาชนมากกว่านี้ เราคงมีการตรวจเชิงรุกเพื่อให้เจอผู้ติดเชื้อโดยเร็วมาทำการรักษา โดยไม่ต้องกลายเป็นผู้ป่วยสีแดง เราคงมีศูนย์แรกรับเพื่อพักผู้ป่วยและโรงพยาบาลสนามที่เพียงพอ เราคงมีระบบ Home Isolation ที่สามารถส่งยาและอาหารให้ผู้ติดเชื้อถึงที่บ้านได้ เราคงมียาและเครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์ที่เพียงพอต่อการรักษาผู้ป่วยหนักที่ดีกว่าฟ้าทะลายโจร เราคงมีเครื่อง Oxygen High Flow ที่เพียงพอสำหรับผู้ป่วยหนัก และเหลือเตียง ICU ที่เพียงพอสำหรับผู้ป่วยวิกฤต"

"อีกทั้งสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ในภาพใหญ่ เรามีเวลาถึงเกือบ 2 ปี หากนับจากการระบาดระลอกแรกเพื่อเตรียมการ และหากนับจากการประกาศล็อกดาวน์ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 64 เป็นต้นมา หรือเรียกได้ว่าเกือบครบรอบ 14 วันของการล็อกดาวน์แล้ว แต่เรากลับยังคงไม่มี Rapid Antigen Test Kit ให้ประชาชนเพื่อรุกตรวจได้อย่างทั่วถึง อีกทั้งยังมีราคาแพงราวกลับว่ากลัวประชาชนจะตรวจเจอเชื้อ ซึ่งการคิดแบบนี้เป็นสิ่งที่ชั่วร้ายและทำลายโอกาสในการรอดชีวิตของพวกเขาลงไปเรื่อย ๆ ในทุกนาทีที่รู้ผลช้าออกไป เรายังไม่มีระบบ Home Isolation และศูนย์แรกรับเพื่อรองรับที่มากพอ เรายังไม่มีระบบรวมศูนย์ข้อมูลเพื่อประสานและจัดสรรเตียงอย่างเป็นระบบ

และทั้งหมดทั้งมวลนี้ การที่มีผู้เสียชีวิตริมถนน หรือมีผู้เสียชีวิตคาบ้านศพแล้วศพเล่า การที่แต่ละวันมีศพที่รอเผาจนล้นเมรุ นี่คือภาพสะท้อนถึงสิ่งที่รัฐบาลควรทำ แต่ไม่ได้ทำ กลับเอาแต่ปล่อยปละละเลยตลอดมา ซึ่งไม่สามารถอ้างได้เลยว่าไม่มีงบประมาณเพื่อนำมาใช้ในเรื่องเหล่านี้ เพราะที่ผ่านมามีการผ่านงบประมาณทั้งปกติและเร่งด่วนในรูปแบบ พ.ร.ก.เงินกู้ ไปให้แล้วอย่างมหาศาลถึงสองครั้ง เรามีทั้งเงินและความพร้อมในระบบสุขภาพที่เข้มแข็ง เรามีประชาชนที่ใส่ใจและร่วมมือกับรัฐบาลมากที่สุดแล้วในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นการสวมหน้ากากอนามัยทันทีที่รัฐบาลประกาศ ทุกคนหมั่นล้างมือและพกเจลแอลกอฮอล์ ทุกคนพยายามรักษาระยะห่างให้มากที่สุด หรือกระทั่งความร่วมมือในการฉีดวัคซีนก็เป็นสิ่งที่พวกเขาพร้อมทำตามตลอดมา แต่กลับเป็นรัฐบาลเองต่างหากที่ไม่สามารถจัดหามาได้ตามแผนที่วางไว้"

“ดั้งนั้น หากจะตอบคำถามแรกว่าเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ผมคิดว่าทุกคนมีคำตอบเดียวที่ตรงกัน นั่นก็คือ เพราะเรามีนายกชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นเอง” ณัฐชากล่าว


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9