Monday, 9 June 2025
NewsFeed

ตราด กปช.จต. สั่งควบคุมการเปิดปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

(7 มิ.ย. 68) พลเรือโท อภิชาติ  ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ออกหนังสือคำสั่ง ควบคุมการเปิดปิดจุดผ่านแดนในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี และตราด จากเดิมจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก เวลา 06.00 - 22.00 น. เปลี่ยนเป็นเวลา 08.00 - 16.00น. ของทุกวัน

เพื่อควบคุมการสัญจรข้ามแดนของนักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการและแรงงานในพื้นที่ โดยคำนึงถึงความจำเป็นในการทำมาค้าขายและความเป็นอยู่ของประชาชนรวมถึงการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของทั้งสองประเทศและให้หน่วยกำหนดมาตรการเพิ่มเติมที่เหมาะสม ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2568 เป็นต่อไป/ภาพ/ข่าว วิเชียร ม่วงสี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ตราด

(สุรินทร์) พลตรี วีระยุทธ  รักศิลป์ รอง แม่ทัพภาคที่ 2(1) พบปะทหารใหม่ ผลัดที่ 1/68 ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์

วันที่ (7 มิ.ย. 68) พลตรี วีระยุทธ  รักศิลป์ รอง แม่ทัพภาคที่ 2(1) ได้เดินทางพบปะทหารใหม่ ผลัดที่ 1/68 ของ หน่วยฝึกทหารใหม่ มณฑลทหารบกที่ 25 และ หน่วยฝึกทหารใหม่ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 ณ โดมอเนกประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 25 โดย พลตรี วีระยุทธ  รักศิลป์ รอง แม่ทัพภาคที่ 2(1) ได้รับฟังการบรรยายสรุป, พบปะทหารใหม่ และได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญให้แก่กำลังพลของ หน่วยฝึกทหารใหม่ทั้ง 2 หน่วยฝึก ในการนี้ พลตรี ไชยนคร กิจคณะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 พร้อมด้วย พันเอก อัครสิทธิ์ ปะกิระตา รอง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25(2), พันเอก พรพิเชษฐ์  เกตุพันธ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน, พันโท บรรลือ พูดเพราะ ผู้บังคับหน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 25, พันโท ณัฐวุฒิ คัมภิรานนท์ ผู้บังคับการกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23,หัวหน้าฝ่ายกำลังพลมณฑลทหารบกที่ 25 ให้การต้อนรับและปฏิบัติภารกิจร่วม ทั้งนี้ พลตรี วีระยุทธ  รักศิลป์ รอง แม่ทัพภาคที่ 2(1)ได้มอบนโยบายการฝึกให้มีประสิทธิภาพ เน้นย้ำมาตรการความปลอดภัย ตามนโยบายของกองทัพบก การดูแลด้านคุณภาพชีวิตทหารใหม่ สวัสดิการสิทธิต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทหารใหม่ และญาติ พร้อมได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับผู้ฝึก และน้องทหารใหม่ เพื่อเป็นกำลังใจในการฝึกต่อไป

ปุรุศักดิ์  แสนกล้า ข่าว/ภาพ

เชียงใหม่-หอการค้าฯ สถาปนาคณะกรรมสมัยที่ 25 "ผลักดันเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและเทคโนโลยี"

หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ จัดงาน “พิธีสถาปนาและการแถลงนโยบายคณะกรรมการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ สมัยที่ 25 ประจำปีบริหาร พ.ศ. 2568 – 2569”

วันเสาร์ที่ (7 มิ.ย. 68) เวลา 13.00 – 17.00 น. ณ ห้องทองกวาว 1 ศูนย์บริการวิชาการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (UNISERV CMU) หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่จัดงาน “พิธีสถาปนาและการแถลงนโยบายคณะกรรมการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ สมัยที่ 25 ประจำปีบริหาร พ.ศ. 2568 – 2569”  โดยมี ดร.กอบกิจ อิสรชีววัฒน์ ประธานกรรมการ กล่าวต้อนรับ และนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธี พร้อมกล่าวแสดงความยินดี

หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ สมัยที่ 25 นำโดย ดร.กอบกิจ อิสรชีววัฒน์ ประธานกรรมการ ได้กำหนดวิสัยทัศน์ (Vision)  "เป็นองค์กรผู้นำ เพื่อร่วมพัฒนาเชียงใหม่สู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจนวัตกรรม เทคโนโลยี และความยั่งยืน ส่งเสริมผู้ประกอบการ พัฒนาศักยภาพแรงงาน ขยายโอกาสการค้า และยกระดับเมืองสู่อนาคต เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและความสามารถแข่งขันระดับโลก" ภายใต้แนวคิด "Chiangmai Forward: Empowering for smart and sustainable future" ผ่านพันธกิจหลัก 6 ด้าน ได้แก่

ส่งเสริมเทคโนโลยีและนวัตกรรม "ผลักดันเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและเทคโนโลยี" สนับสนุนเศรษฐกิจสีเขียวและความยั่งยืน "ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียว ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างความยั่งยืนในธุรกิจ" ขยายการค้าและการเชื่อมโยงสู่ระดับโลก "สร้างโอกาสทางการค้าสู่ตลาดสากล" พัฒนาทรัพยากรมนุษย์และแรงงาน "ส่งเสริมการเรียนรู้และเพิ่มขีดความสามารถของแรงงาน" การขับเคลื่อนเชียงใหม่สู่เมืองแห่งอนาคต (Smart & Creative City) พัฒนาเมืองอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยี ส่งเสริม "Chiang Mai Wellness & Cultural Tourism" และผลักดันธุรกิจด้านศิลปะ วัฒนธรรม และ Digital Content ให้สามารถขยายไปสู่ตลาดโลก เสริมสร้างความเข้มแข็งของหอการค้า "เพิ่มศักยภาพองค์กรและสร้างมูลค่าให้กับสมาชิก"

การจัดงานครั้งนี้ เพื่อแนะนำ คณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ของหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ และคณะกรรมการ YEC ตลอดจนการแถลงวิสัยทัศน์ พันธกิจ และแผนการดำเนินงาน อีกทั้งรูปแบบการจัดงานจะคำนึงถึง “Carbon Neutrality” โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 120 ท่าน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเครือข่าย อันได้แก่ สมาชิกหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ หน่วยงานราชการ ผู้บริหารจากองค์กรภาคเอกชน ผู้บริหารสถาบันการศึกษา เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบและร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ต่อไป 

ทั้งนี้ ภายในการจัดงานยังได้รับเกียรติจาก ดร.กิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) มาร่วมปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ESG ไม่ใช่ภาระ แต่คือโอกาสของ SME ไทยในยุคใหม่” และปิดท้ายด้วยจากสรุปผลการจัดงานฯ ภายใต้แนวคิด “Carbon Neutrality” โดย รศ.ดร.เศรษฐ์ สัมภัตตะกุล ผู้อำนวยการสำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อาทิ การใช้ทรัพยากรตลอดการจัดงาน ที่ก่อให้เกิดค่าคาร์บอนไดออกไซด์และแนวทางการชดเชยค่าคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นต่อไป

รมว.ศธ. เปิดอบรมจิตตปัญญาศึกษา พัฒนาศักยภาพผู้นำทางการศึกษา Mini GTO แก่ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา นนทบุรี กว่า 1,900 คน

วันที่ (8 มิ.ย.68) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจังหวัดนนทบุรี ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร “จิตตปัญญาศึกษา” Mini GTO ณ อาคารโรงยิมเนเซียม อบจ.นนทบุรี ตำบลบางเลน อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี โดยมีผู้บริหาร คณะครู และบุคลากรทางการศึกษาเข้าร่วมกว่า 1,900 คน

โดยได้รับเกียรติจาก พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วย พลเอกสวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา และคณะเข้าร่วมกิจกรรมอย่างใกล้ชิด

พันตำรวจเอกธงชัย เย็นประเสริฐ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “คุณลักษณะผู้นำ 5 ประการ” ได้แก่ ความเข้มแข็ง ความรวดเร็ว ความจริงจัง ความมั่นคง และคุณธรรม ซึ่งเป็นกรอบแนวคิดสำคัญในการพัฒนาศักยภาพผู้นำทางการศึกษา ในปัจจุบัน

จากนั้น ผู้เข้าร่วมอบรมได้ร่วมกิจกรรมกลุ่ม “รู้จัก รู้จริง รู้แจ้ง” ที่ออกแบบโดย GTO Academy เพื่อเสริมสร้างพลังภายในและพัฒนาศักยภาพตนเองอย่างสมดุลทั้งด้านจิตใจ ความคิด และการปฏิบัติจริงในบริบทของการทำงาน
การอบรมครั้งนี้ ถือเป็นต้นแบบในการพัฒนาคุณภาพชีวิตครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวทาง วิถีจิตตปัญญาศึกษา ซึ่งมุ่งเน้นการเรียนรู้จากภายในสู่ความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ทั้งในระดับบุคคลและองค์กร

‘อีลอน มัสก์’ วิวาทเดือด ‘รมว.คลัง’ กลางทำเนียบขาว หลังถูกกดดันเรื่องล้มเหลวลดงบฯ 1 ล้านล้านดอลล์

(9 มิ.ย. 68) สตีฟ แบนอน อดีตหัวหน้ากลยุทธ์ทำเนียบขาวในยุครัฐบาลทรัมป์ เผยว่าอีลอน มัสก์ หัวหน้าหน่วยงานปรับลดงบประมาณรัฐบาลกลาง (DOGE) ได้มีปากเสียงอย่างรุนแรงกับสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จนถึงขั้นเกิดการปะทะกันในทำเนียบขาว 

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการเดินจากห้องทำงานประธานาธิบดีไปยังบริเวณนอกห้องของหัวหน้าคณะทำงานซูซี ไวลส์ โดยมัสก์ถูกกล่าวหาว่าผลักเบสเซนต์ หลังโดนตั้งคำถามถึงความล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายการลดงบประมาณรัฐบาลกลางตามที่เคยสัญญาไว้

เบสเซนต์กล่าวหาว่ามัสก์เคยให้คำมั่นว่าจะลดรายจ่ายภาครัฐลง 1 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ทำได้จริงเพียงแค่ประมาณ 1 แสนล้าน และยังไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้ว่า เกิดการประหยัดลงจริงหรือไม่ ซึ่งแบนอนกล่าวว่า 

“มัสก์รู้สึกอ่อนไหวกับประเด็นนี้อย่างมากและนั่นนำไปสู่การกระทบกระทั่งอย่างเปิดเผย โดยมีเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวหลายรายอยู่ในเหตุการณ์ แม้หลังเหตุการณ์ ประธานาธิบดีทรัมป์จะออกมาสนับสนุนเบสเซนต์อย่างชัดเจน แต่เบสเซนต์เองก็ไม่มีท่าทีโกรธเคืองส่วนตัว และยังกล่าวชื่นชมผลงานบางส่วนของมัสก์ในภายหลัง”

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงปลายวาระการทำงาน 5 เดือนของมัสก์ในตำแหน่ง “พนักงานพิเศษของรัฐบาล” ซึ่งเขาได้รับมอบหมายให้ทำการตัดลดงบประมาณและยุบหน่วยงานภาครัฐที่ไม่จำเป็น อย่างไรก็ตาม ผลงานของเขากลับถูกวิจารณ์อย่างหนักจากทั้งสาธารณชนและรัฐสภา รวมถึงการฟ้องร้องจากกลุ่มสิทธิพลเมืองเกี่ยวกับการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของประชาชนโดยไม่ได้รับความยินยอม นอกจากนี้ ความนิยมส่วนบุคคลของมัสก์ก็ตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ภาพลักษณ์ของ Tesla และ SpaceX เองก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วย

แม้มีกระแสข่าวลือว่ามัสก์ถูกลดบทบาทในรัฐบาลจากกรณีการเข้าถึงข้อมูลลับด้านความมั่นคงและข้อกล่าวหาเรื่องการใช้สารเสพติดระหว่างการหาเสียง แต่ในการแถลงข่าวร่วมกับทรัมป์หลังประกาศลาออก มัสก์กลับกล่าวติดตลกถึงรอยฟกช้ำใต้ตาว่าเกิดจากการเล่นกับลูกชายวัย 5 ขวบ ไม่เกี่ยวกับเหตุวิวาทในทำเนียบขาว 

ด้านโฆษกทำเนียบขาวระบุเพียงว่า “ความขัดแย้งเป็นเรื่องปกติในการทำงานตามนโยบายที่มีเอเนอร์จี้” และทุกฝ่ายยังคงปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประชาชนตามเจตนารมณ์ของประธานาธิบดีทรัมป์

แม้สหรัฐฯ ไม่ส่งขีปนาวุธ 20,000 ลูกให้ยูเครน เชื่อใกล้บีบรัสเซียหยุดยิงได้

(9 มิ.ย. 68) โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เปิดเผยในการสัมภาษณ์กับ ABC News ว่าสหรัฐฯ ได้ยกเลิกแผนส่งมอบขีปนาวุธต่อต้านโดรนจำนวน 20,000 ลูก ตามที่เคยรับปากไว้กับยูเครนในสมัยรัฐบาลโจ ไบเดน โดยอ้างว่าขีปนาวุธดังกล่าวถูกส่งไปยังกองกำลังอเมริกันในตะวันออกกลางแทน ซึ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ยูเครนต้องต่อกรกับฝูงโดรนชนิดชาเฮด (Shahed) ที่รัสเซียนำมาใช้โจมตีอย่างต่อเนื่อง

ถึงแม้เหตุการณ์นี้จะถูกมองว่าเป็นอุปสรรคทางยุทธศาสตร์ แต่เซเลนสกียืนยันว่าเขาไม่ได้วิตกกังวลต่อการเปลี่ยนท่าทีของสหรัฐฯ และเขาเชื่อว่าตอนนี้ยูเครนอยู่ในจุดที่สามารถชนะรัสเซียได้ พร้อมกล่าวชัดเจนว่า “เรากำลังเข้าใกล้จุดที่เราแทบจะบังคับให้รัสเซียหยุดสงคราม หรืออย่างน้อยก็หยุดยิงชั่วคราว”

ผู้นำยูเครนยังอธิบายว่า กำลังมองเห็นผลจากปฏิบัติการทางทหารที่เจาะลึกเข้าไปภายในดินแดนรัสเซีย ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความตื่นตระหนกและรู้ซึ้งถึง “ศักยภาพแท้จริง” ของยูเครน ขณะที่เขาเน้นว่าโมเมนตัมนี้ช่วยให้เกิดแรงกดดันทางจิตใจต่อกองกำลังรัสเซีย

สำหรับเบื้องหลังการเปลี่ยนเส้นทางส่งมอบขีปนาวุธครั้งนี้ มีรายงานจาก Wall Street Journal และ Kyiv Independent ว่าเป็นคำสั่งจากกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ในสมัยรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามจากอิหร่านและกลุ่มฮูตีในเยเมน แต่เซเลนสกียังเรียกร้องให้สหรัฐฯ กลับมาส่งมอบยุทโธปกรณ์ครบถ้วน พร้อมขยายความร่วมมือหลากหลายด้านเพื่อช่วยเร่งจุดจบของสงครามและผลักดันให้รัสเซียยอมเจรจาหยุดยิงถาวร

สื่อนอกแฉ ‘สภากาชาดกัมพูชา’ รับเงินมิจฉาชีพ ‘เจ้าพ่อ-แก๊งต้มตุ๋น’ แห่บริจาค ใช้เป็นเครื่องมือสร้างภาพ

(9 มิ.ย. 68) เว็บไซต์ Commsrisk รายงานการตรวจสอบจาก Radio Free Asia (RFA) โดยพบว่ามีผู้บริจาคให้สภากาชาดกัมพูชากว่า 7.2 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากบุคคลหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ (scam compounds) และกิจกรรมการค้ามนุษย์ ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในช่วงที่สภากาชาดกัมพูชา (CRC) ยังเป็นสมาชิกของสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC)

รายงาน RFA เปิดเผยว่า CRC ได้เผยแพร่คำขอบคุณต่อผู้บริจาคผ่านช่องทางออนไลน์หลายครั้ง ซึ่งมีทั้งเจ้าพ่อธุรกิจ นักพนัน กาสิโน ไปจนถึงกลุ่มต้มตุ๋นออนไลน์ เช่น Huang Le Casino และคอมปะนีที่พัวพันกับการใช้แรงงาน ซึ่งสร้างความกังวลในระดับนานาชาติว่าการบริจาคที่ดู 'ถูกกฎหมาย' จริงแล้วเป็นเครื่องมือเพื่อฟอกภาพลักษณ์ของแก๊งมืด

นักวิจารณ์ เช่น เจคอบ ซิมส์ (Jacob Sims) จาก RFA ระบุว่า การกุศลในลักษณะนี้กลายเป็น “กลไกของระบบอุปถัมภ์เชิงนิเวศการเมือง” (elite patronage) โดยช่วยให้บุคคลและองค์กรที่มีฉากหลังไม่ชอบธรรม ได้ความชอบธรรมและความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลกัมพูชาผ่าน CRC 

แม้จะมีข้อกังวลจากสื่อต่างชาติและองค์กรตรวจสอบ แต่ CRC ยังคงดำเนินกิจกรรมสาธารณะ เช่น แจกถุงยังชีพดูแลผู้ประสบภัยน้ำท่วม และมีบทบาทในการประสานงานด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ชนบท โดยไม่ปรากฏว่ามีมาตรการหรือการสอบสวนจาก IFRC หรือหน่วยงานอิสระที่เข้มงวดตามมา

กระนั้น รายงานจาก Commsrisk ชี้ชัดว่าการบริจาคเงินผ่าน CRC อาจเป็น “กลยุทธ์ฟอกภาพลักษณ์” สำหรับกลุ่มธุรกิจมืด การค้ามนุษย์ และแก๊งไซเบอร์ โดยสร้างตัวตนให้กับรัฐบาลกัมพูชาในการดึงดูดทุนและความร่วมมือจากชาติตะวันตก แม้จะมีข้อครหาเรื่องจริยธรรมอย่างต่อเนื่อง 

‘เขมร’ กับการปลุกกระแสคลั่งชาติเบี่ยงเบนปัญหา ลูกไม้ตื้น ๆ พ่อลูก ‘ตระกูลฮุน’ เมื่อยามไร้ทางออก

เมื่อวันที่ (8 มิ.ย. 68) เพจเฟซบุ๊ก ดร.โญ มีเรื่องเล่า ของ ดร.ปุณกฤษ ลลิตธนมงคลได้โพสต์ข้อความว่า ... Like father, like son!!! 
ในภาษาไทยจะตรงกับคำว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น”

พฤติการณ์และพฤติกรรมของเขมรเยี่ยงนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว โดยเฉพาะในช่วงยุคที่ฮุนผู้พ่อเป็นนายกฯ หนแรกเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2546 เริ่มต้นขึ้นเมื่อบทความในหนังสือพิมพ์เขมรฉบับหนึ่งตีเเผ่บทความกล่าวหาด้วยข้อมูลผิดๆ ว่า นักแสดงหญิงไทยคนหนึ่งได้กล่าวอ้างว่า "นครวัดเป็นของประเทศไทย" ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2546 สื่อสิ่งพิมพ์และสื่อวิทยุเขมรอื่น ๆ ได้หยิบยกเอารายงานดังกล่าวและปลุกระดมความรู้สึกชาตินิยมเพิ่มขึ้นไปอีกจนทำให้เกิดการจลาจลในพนมเปญเมื่อวันที่ 29 มกราคม ทำให้สถานทูตไทยถูกเผาและมีการปล้นสะดมทรัพย์สินของธุรกิจไทยในเขมร

หนต่อมาก็คือ กรณีพิพาทพรมแดนไทย–เขมร ระหว่าง 22 มิถุนายน พ.ศ. 2551 – 15 ธันวาคม พ.ศ. 2554 กินเวลา 3 ปี 5 เดือน 3 สัปดาห์ 2 วัน และสิ้นสุดลงหลังจากการสู้รบในพื้นที่ชายแดนระหว่างประเทศไทยและเขมรโดยฝ่ายเขมรได้ยิงจรวดแบบ BM-21 เข้ามาสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินในเขตไทยหลายครั้งหลายหน กองทัพบกไทยจึงได้ทำการยิงปืนใหญ่โต้ตอบสร้างความเสียหายแก่ฝ่ายเขมรอย่างหนัก เครื่องยิงจรวดแบบ BM-21 ถูกทำลายไปหลายระบบ ทหารเขมรตายไปหลายร้อยนาย ซึ่งผบ.ของกองกำลังเขมรในขณะนั้นก็คือ ฮุนมาเนตผู้เป็นนายกรัฐมนตีเขมรคนปัจจุบัน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ก็ไม่ต่างไปจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยฮุนผู้พ่อเลย เมื่อฮุนผู้ลูกให้ทหารเขมรเข้ามาออกอาการพยายามแสดงความเป็นเจ้าของพื้นที่ทั้งที่เป็นดินแดนของไทยและดินแดนที่ยังเป็นข้อพิพาท โดยเฉพาะบริเวณปราสาทตาเหมือนธม มีการยั่วยุปลุกปั่นประชาชนคนเขมรตลอดเวลา ทำให้กองทัพไทยโดยกองทัพภาคที่ 2 ไม่ยินยอมมีการเจรจาและประท้วง แต่เขมรไม่ยอมเลิก สิ่งที่รัฐบาลเขมรทำมาตลอดก็คือ ยุยงปลุกปั่นให้ข้อมูลที่บิดเบือนกับประชาชนคนเขมรเพื่อให้สนับสนุนปฏิบัติการของรัฐบาลเขมร ซึ่งชัดเจนว่า เขมรพยายามอย่างหนักเพื่อสร้างกระแสชาตินิยมจนนำไปสู่การคลั่งชาติ

สำหรับการแสดงออกของพี่น้องประชาชนคนไทยที่สนับสนุนทหารไทยในเวลานี้เป็นเรื่องของความรักชาติโดยบริสุทธิ์ใจ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราชและอธิปไตยที่มีมายาวนาน เขมรซึ่งเป็นเมืองขึ้นของไทยในอดีตที่ต้องยอมสละให้กับฝรั่งเศสชาตินักล่าอาณานิคมเพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติ เขมรซึ่ง 55 ปีมานี้เปลี่ยนแปลงการปกครองและชื่อประเทศมากมายหลายหนตั้งแต่ราชอาณาจักรเขมรมาเป็นสาธารณรัฐเขมรในปี พ.ศ. 2513 และเขมรประชาธิปไตยในปี พ.ศ. 2518 (มีการฆ่าล้างชาติไปหลายล้านคน) และสาธารณรัฐประชามานิตเขมรในปี พ.ศ. 2522 (ฝ่ายรัฐบาลหุ่นเชิดเวียดนามที่ประชาคมโลกไม่ยอมรับโดยเฮงสัมรินและฮุนผู้พ่อตั้งชื่อประเทศว่า สาธารณรัฐประชาชนเขมร) จนกระทั่งกลับมาเป็นราชอาณาจักรเขมรอีกครั้งในปี พ.ศ. 2532

ดังนั้น เขมรจึงเหมือนประเทศที่ถูกสาป และคงตกอยู่ภายใต้คำสาปต่อไปเมื่อมีผู้นำเยี่ยงนี้ ผู้นำที่คิดได้แค่ว่า เมื่อรัฐบาลมีปัญหาและหาทางออก ไม่ได้ ก็ต้องสร้างกระแสคลั่งชาติให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนเพื่อเบี่ยงเบนปัญหาที่แก้ไม่ได้ไปสู่เป้าหมายใหม่โดยเฉพาะศัตรูภายนอกประเทศ ตัวอย่าง อาทิ

นายพลเลโอโปลโด กัลติเอริ อดีตประธานาธิบดีจอมเผด็จการแห่งอาร์เจนติน่าส่งกำลังทหารบุกยึดหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2525 หรือ ซัดดัม ฮุสเซน อดีตประธานาธิบดีจอมเผด็จการแห่งอิรักได้ส่งกำลังทหารเข้ายึดคูเวตได้อย่างง่ายดายและปกครองคูเวตอยู่ 7 เดือน กระทั่งสหรัฐอเมริกาภายใต้ประธานาธิบดีจอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช ส่งกำลังทหารเข้าแทรกแซง แต่พ่อลูกตระกูลฮุนกลับลืมนึกไปว่า จุดจบของรัฐบาลที่กระทำการเยี่ยงนี้ไม่เคยจบสวยเลย ซ้ำยังเป็นการสร้างความพินาศย่อยยับให้กับประเทศชาติและประชาชน สิ่งซึ่งพี่น้องประชาชนคนไทยต้องเข้าใจเป็นอย่างยิ่งคือ ในขณะสิ่งที่กองทัพไทยกำลังทำหน้าที่ในการรักษาดินแดนของไทยตามกฎหมาย สิทธิ กติกา และระเบียบปฏิบัติอันชอบธรรม เยี่ยงรัฐที่มีอำนาจอธิปไตยโดยทั่วไป เป็นหลักปฏิบัติปกติธรรมดาเฉกเช่นเดียวกับรัฐที่มีเอกราชทุกรัฐบนโลกใบนี้

ตม.จว.กาญจนบุรี บุกรวบต่างด้าวชาวเมียนมา แอบเปิดร้านเสริมสวย แย่งอาชีพคนไทย

(9 มิ.ย. 68) ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช./ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่เพื่อก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

วันนี้ (8 มิ.ย.68 ) เวลา 14.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3 , พ.ต.อ.กรณ์ สมคะเณย์ ผกก.ตม.จว.กาญจนบุรี, ว่าที่ พ.ต.ต.ธนพงษ์ พลายเพชร สว.ตม.จว.กาญจนบุรี สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.กาญจนบุรี ตรวจสอบร้านเสริมสวยบริเวณ ต.อุโลกสี่หมื่น อ.ท่ามะกา จว.กาญจนบุรี ตามที่ได้รับเรื่องร้องเรียนทางโซเชียล พบร้านเสริมสวย ภายในร้านมีบุคคลสัญชาติเมียนมากำลังทำผมให้ลูกค้า จึงได้แสดงตัวจับกุม Mr.HTAT MUANG อายุ 20 ปี สัญชาติเมียนมา ผู้ถูกจับกุมที่ 1 และ Mrs.MA THAN อายุ 29 ปี สัญชาติเมียนมา ผู้ถูกจับกุมที่ 2 จากนั้นได้ไปตรวจสอบร้านเสริมสวยอีกร้านซึ่งอยู่ใกล้กัน มีชื่อร้านเป็นภาษาเมียนมา มีบุคคลสัญชาติเมียนมากำลังสระผมให้ลูกค้า จึงได้แสดงตัวจับกุม Mr.THET PAING อายุ 30 ปี สัญชาติเมียนมา พร้อมของกลางสมุดจดบันทึกรายรับ สถานที่จับกุม ร้านเสริมสวย บริเวณ ม.4 ต.อุโลกสี่หมื่น อ.ท่ามะกา จว.กาญจนบุรี โดยกล่าวหาว่าเป็นบุคคลต่างด้าวที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ (งานตัดผม/เสริมสวย)

ในชั้นจับกุม ผู้ถูกจับให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้นำตัวไปยัง ตม.จว.กาญจนบุรี ทำบันทึกจับกุม และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าเรือ เพื่อดำเนินคดีต่อไป

‘รัฐบาลกัมพูชา’ ปัดข้อกล่าวหา..เป็นภัยคุกคามโลก ยันไม่เกี่ยวขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ

(9 มิ.ย. 68) รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาจากรายงานของสื่อตะวันตกที่ระบุว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะธุรกิจหลอกลวงออนไลน์ การค้ามนุษย์ และการฟอกเงิน พร้อมยืนยันว่าไม่มีนโยบายสนับสนุนกิจกรรมผิดกฎหมาย และถือว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงที่มีแรงจูงใจทางการเมือง

รายงานจาก Humanity Research Consultancy (HRC) และหนังสือพิมพ์ The Times ของอังกฤษ อ้างว่ามีเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์ในกัมพูชาซึ่งสร้างรายได้มหาศาล คิดเป็นกว่า 60% ของ GDP โดยอ้างว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล รวมถึงผู้ใกล้ชิดพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) มีบทบาทเอื้อประโยชน์ให้เครือข่ายเหล่านี้ดำเนินกิจการอย่างเปิดเผย โดยเฉพาะในเขตเศรษฐกิจพิเศษเมืองสีหนุวิลล์

กระทรวงมหาดไทยของกัมพูชาระบุว่า ข้อกล่าวหาเหล่านี้ไม่มีมูลความจริง และไม่สอดคล้องกับความพยายามอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งที่ผ่านมากัมพูชาได้ดำเนินการจับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวนมาก รวมถึงมีความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและองค์กรนานาชาติในการสืบสวนและกวาดล้างเครือข่ายผิดกฎหมาย

กัมพูชายืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับหลักนิติธรรมและสิทธิมนุษยชน ไม่เคยสนับสนุนหรือละเลยต่อการกระทำผิด และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกฝ่ายเพื่อยกระดับมาตรการปราบปรามอาชญากรรมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเรียกร้องให้สื่อระหว่างประเทศรายงานข่าวอย่างเป็นธรรมและอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top