Sunday, 1 June 2025
NewsFeed

เวียดนามสั่งแบน The Economist ฉบับ ‘โต เลิม’ หวั่นปกนิตยสารกระทบ!..ภาพลักษณ์ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์

(30 พ.ค. 68) รัฐบาลเวียดนามมีคำสั่งห้ามวางจำหน่ายนิตยสาร The Economist ฉบับล่าสุด หลังขึ้นปกภาพ โต เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์วัย 67 ปี โดยภาพดังกล่าวแสดงให้เห็นดวงตาของเขาถูกปิดด้วยดาวสีเหลืองบนพื้นหลังสีแดง พร้อมพาดหัวว่า 'บุรุษผู้มีแผนสำหรับเวียดนาม' ซึ่งถูกมองว่าเป็นภาพเชิงสัญลักษณ์ที่อ่อนไหว

แหล่งข่าวในประเทศให้ข้อมูลกับสำนักข่าว Reuters ว่า ได้รับคำสั่งให้ฉีกหน้าปกและบทความที่เกี่ยวข้องกับ โต เลิม ออกจากนิตยสาร ก่อนที่จะมีคำสั่งให้ระงับการจำหน่ายทั้งหมด แม้จนถึงขณะนี้ ทางการยังไม่มีแถลงการณ์ชี้แจงอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเหตุผลของการแบน

การดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับแนวทางควบคุมสื่อที่เข้มงวดของรัฐบาลเวียดนาม ซึ่งมีประวัติการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น โดยเวียดนามอยู่ในอันดับที่ 173 จาก 180 ประเทศ ตามดัชนีเสรีภาพสื่อของ Reporters Without Borders (RSF) ปี 2025 สะท้อนถึงเสรีภาพของสื่อมวลชนที่อยู่ในระดับต่ำมาก

สำหรับเนื้อหาในบทความของ The Economist ระบุว่า โต เลิม เป็นผู้นำที่แข็งกร้าวซึ่งจำเป็นต้องปรับบทบาทเป็นนักปฏิรูปเพื่อรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ การใช้ภาพสื่อถึงสัญลักษณ์ชาติบนใบหน้าของเขาอาจถูกตีความว่าเป็นการวิจารณ์เชิงล้อเลียน

การแบนครั้งนี้สะท้อนถึงความอ่อนไหวของรัฐบาลเวียดนามต่อการวิจารณ์ผู้นำระดับสูงจากสื่อต่างชาติ แม้ฉบับพิมพ์จะถูกระงับ แต่บทความฉบับออนไลน์ของ The Economist ยังสามารถเข้าถึงได้

อดีตอธิการบดี มธ. อวยยศ 'อานนท์ นำภา' ควรเป็นคนไทยคนแรกถูกเสนอชื่อรับรางวัลโนเบล

เมื่อวานนี้ (29 พ.ค.68) ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อานนท์ นำภา ติดคุก มาแล้วกว่า 600 วัน เขาถูกจารีตนครบาล ตีตรวน เดินตีนเปล่า

เขาได้รางวัลความกล้าหาญด้านสิทธิมนุษยชนหลายรางวัล

เขาควรจะเป็นคนไทยคนแรกที่ถูกเสนอให้ได้รับรางวัลโนเบลไหม ครับ

ผัก 5 ชนิดที่ควรกินแบบ 'ปรุงสุก' ประโยชน์เพิ่มขึ้นเท่าตัว

1. แคร์รอต เมื่อนำไปต้มสุก ร่างกายดูดซึม เบต้าแคโรทีน ได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงสายตาและลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง

2. มะเขือเทศ การปรุงมะเขือเทศด้วยความร้อน เช่น การต้ม หรือนำไปทำซอส จะช่วยให้ร่างกายดูดซึม ไลโคปีน (Lycopene) มากขึ้นถึง 7 เท่า เมื่อเทียบกับน้ำมะเขือเทศสด

3. ผักโขม การปรุงให้สุกสามารถช่วยลดปริมาณ กรดออกซาลิก ที่ขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมและธาตุเหล็ก 

4. เห็ด เมื่อผ่านความร้อน ผนังเซลล์ของเห็ดจะถูกทำลาย ทำให้ โพลีแซคคาไรด์ (polysaccharides) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ถูกปลดปล่อยออกมาในปริมาณมากขึ้น

5. กะหล่ำปลี หลังการปรุงสุก วิตามิน K และสารไฟโตนิวเทรียนต์ต่าง ๆ จะดูดซึมได้ดีขึ้น ช่วยดูแลระบบลำไส้ ลดการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร

รู้จัก 'Surströmming' ปลาร้าสวีเดน หนึ่งในอาหารที่มีกลิ่นแรงที่สุดในโลก!!

ทุก ๆ ประเทศบนโลกใบนี้ ต่างก็มีการถนอมอาหารด้วยการหมักดองตามวัฒนธรรมของตัวเองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นจากพืชผัก อาทิ ผักกาดดองของจีน กิมจิของเกาหลี ผลไม้ดองของหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งรวมทั้งเนื้อสัตว์ชนิดต่าง ๆ แม้กระทั่งปลา เช่น ปลาเค็ม ปลาแห้ง ปลาร้า ฯลฯ ของบ้านเรา ในประเทศยุโรปเหนืออย่างสวีเดนก็มีการหมักดองปลาเพื่อเป็นการถนอมอาหารเช่นกัน

Surströmming (ซูร์สตรอมมิง) ซึ่งภาษาสวีเดนแปลว่า 'ปลาเฮอริงรสเปรี้ยว' ทำจากปลาเฮอริงทะเลบอลติกหมักเกลือเล็กน้อย Surströmming เป็นอาหารสวีเดนดั้งเดิมตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 โดยปลาเฮอริงชนิดนี้แตกต่างไปจากปลาเฮอริงที่ผ่านการทอดหรือดอง ปลาเฮอริงทะเลบอลติกซึ่งในภาษาสวีเดนเรียกว่า Strömming จะมีขนาดเล็กกว่าปลาเฮอริงแอตแลนติกที่พบในทะเลเหนือ ตามธรรมเนียมแล้ว Strömming จะหมายถึงปลาเฮอริงที่จับได้ในน้ำกร่อยของทะเลบอลติกทางตอนเหนือของช่องแคบคาลมาร์ ปลาเฮอริงที่ใช้ในการทำ Surströmming จะถูกจับก่อนฤดูวางไข่ในเดือนเมษายนและพฤษภาคม

ในระหว่างการผลิต Surströmming จะใช้เกลือในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อป้องกันไม่ให้ปลาเฮอริงดิบเน่าเสียในขณะที่ยังหมักไม่ได้ที่ โดยกระบวนการหมักใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือนซึ่งจะทำให้ปลามีกลิ่นแรงเฉพาะตัวและรสเปรี้ยวเล็กน้อย กระป๋อง Surströmming ที่เปิดใหม่เป็นหนึ่งในสิ่งที่ถูกจัดว่ามีกลิ่นเหม็นที่สุดชนิดหนึ่งของโลก กลิ่นจะเหม็นแรงยิ่งว่าอาหารหมักประเภทปลา เช่น ฮองเงอโฮเอของเกาหลี คูซายะของญี่ปุ่น หรือฮาคาร์ลของไอซ์แลนด์ ด้วยกลิ่นที่เหม็นอย่างรุนแรงทำให้ Surströmming กลายเป็นอาหารชนิดหนึ่งที่บรรดานักชิมต้องได้ลิ้มลอง

ในช่วงปลายทศวรรษปี 1940 ผู้ผลิต Surströmming ในสวีเดนได้ล็อบบี้ให้มีพระราชกฤษฎีกา Förordning เพื่อป้องกันไม่ให้ขายปลาหมักไม่สมบูรณ์ พระราชกฤษฎีกาที่ออกนั้นห้ามขายผลผลิตของปีปัจจุบันในสวีเดนก่อนวันพฤหัสบดีที่สามของเดือนสิงหาคม แม้ว่าปัจจุบันพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวจะไม่มีผลบังคับใช้แล้วก็ตาม แต่ผู้ค้าปลีก Surströmming ยังคงกำหนดวัน "เปิดตัว" ของปลาที่จับได้ในปีนั้นตามที่เคยมีการกำหนดไว้ Surströmming ต่างจาก Anchovy (แอนโชวี่) ซึ่งทำปลาทะเลขนาดเล็กจำพวกปลากะตัก มักจะถูกนำมาหมักเค็มแล้วแช่ในน้ำมันมะกอกเพื่อนำไปใช้เป็นส่วนผสมในอาหารต่าง ๆ Anchovy มีรสชาติเค็มจัดและกลิ่นหอมเฉพาะตัว

ปลาหมักเป็นอาหารหลักดั้งเดิมของยุโรป การค้นพบทางโบราณคดีที่เก่าแก่ที่สุดเกี่ยวกับการหมักปลามีอายุ 9,200 ปี และมีต้นกำเนิดมาจากทางใต้ของสวีเดนในปัจจุบัน ตัวอย่างล่าสุดได้แก่ การุม ซึ่งเป็นน้ำปลาหมักที่ทำโดยชาวกรีกและโรมันโบราณ และซอสวูสเตอร์เชอร์ ซึ่งมีปลาหมักผสมอยู่ด้วย การถนอมปลาโดยการหมักในน้ำเกลือเจือจางอาจพัฒนาขึ้นเมื่อการหมักยังมีราคาแพงจากต้นทุนของเกลือ แต่ในยุคปัจจุบัน ปลาจะถูกหมักในน้ำเกลือเข้มข้นก่อนเพื่อดึงเลือดออกมา จากนั้นหมักในน้ำเกลือเจือจางในถังก่อนจะบรรจุลงกระป๋อง

ขั้นตอนการบรรจุกระป๋องซึ่งนำมาใช้ในศตวรรษที่ 19 ทำให้สามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในร้านค้าและเก็บไว้ในบ้านได้ ในขณะที่ก่อนหน้านี้ ขั้นตอนสุดท้ายจะเป็นการจัดเก็บในถังไม้ขนาดใหญ่และถังขนาดเล็กขนาด 1 ลิตร การบรรจุกระป๋องยังทำให้สามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางตอนใต้ของสวีเดนได้อีกด้วย โดยการหมักเกิดขึ้นผ่านการสลายตัวเองและเริ่มต้นจากเอนไซม์กรดแลกติกในกระดูกสันหลังของปลา ร่วมกับแบคทีเรีย กรดที่มีกลิ่นฉุนจะก่อตัวขึ้น เช่น กรดโพรพิโอนิก กรดบิวทิริก และกรดอะซิติก นอกจากนี้ยังมีการเกิดไฮโดรเจนซัลไฟด์ โดยเกลือจะเพิ่มแรงดันออสโมซิสของน้ำเกลือเหนือโซนที่แบคทีเรียที่ทำให้เกิดการเน่าสามารถเจริญเติบโตได้ และป้องกันการสลายตัวของโปรตีนเป็นโอลิโกเปปไทด์และกรดอะมิโนในทางกลับกัน สภาวะออสโมซิสทำให้แบคทีเรียฮาลาเนอโรเบียม เช่น H. praevalens เจริญเติบโตและย่อยสลายไกลโคเจนของปลาเป็นกรดอินทรีย์ ทำให้มีรสเปรี้ยว (เป็นกรด) ซึ่งจะถูกกระตุ้นหากสภาพแวดล้อม อุณหภูมิ และความเข้มข้นของน้ำเกลือเหมาะสม อุณหภูมิต่ำในสวีเดนตอนเหนือเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ส่งผลต่อลักษณะของผลิตภัณฑ์ในขั้นตอนสุดท้าย

Surströmming แต่ละกระป๋องด้านบนจะโป่งออกอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากก๊าซที่หมักหมมอยู่ภายในปลาเฮอริ่งจะถูกจับในเดือนเมษายนและพฤษภาคม เมื่อพวกมันอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดและกำลังจะวางไข่ โดยที่ตัวยังไม่อ้วนโต ปลาจะถูกนำไปแช่ในน้ำเกลือเข้มข้นประมาณ 20 ชั่วโมงเพื่อดึงเลือดออกมา หลังจากนั้นจึงนำหัวและไส้ออก แล้วจึงนำปลาไปแช่ในน้ำเกลือที่เจือจางลง ถังจะถูกวางไว้ในห้องควบคุมอุณหภูมิที่อุณหภูมิ 15–20 °C (59–68 °F) การบรรจุกระป๋องจะเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมและต่อเนื่องไปอีก 5 สัปดาห์ ผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายจะถูกจัดส่งไปยังผู้ค้าส่งก่อนกำหนดเวลาเปิดฤดูกาลจำหน่ายราว 10 วัน

ก่อนที่จะมีการพัฒนาวิธีการบรรจุกระป๋องสมัยใหม่ Surströmming จะถูกขายในถังไม้เพื่อบริโภคทันที เนื่องจากแม้แต่ถังขนาดเล็กก็อาจรั่วได้ การหมักดำเนินต่อไปในกระป๋อง ทำให้กระป๋องพองออกอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นสัญญาณของเชื้อโบทูลิซึมหรืออาหารเป็นพิษอื่น ๆ ในอาหารกระป๋องที่ไม่ได้ผ่านการหมัก แบคทีเรียฮาลาเนอโรเบียมเป็นแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการสุกในกระป๋อง แบคทีเรียเหล่านี้ผลิตคาร์บอนไดออกไซด์และสารประกอบหลายชนิดที่ทำให้เกิดกลิ่นเฉพาะตัว ได้แก่ กลิ่นฉุน (กรดโพรพิโอนิก) ไข่เน่า (ไฮโดรเจนซัลไฟด์) เนยหืน (กรดบิวทิริก) และกลิ่นน้ำส้มสายชู (กรดอะซิติก) เนื่องมาจากก๊าซเหล่านี้ ในปี 2014 ระหว่างที่เกิดไฟไหม้ที่โกดังสินค้าในสวีเดน Surströmming หนึ่งพันกระป๋อเกิดระเบิดขึ้นภายในระยะเวลาหกชั่วโมง

Surströmming มีขายในร้านขายของชำทั่วประเทศสวีเดน ตามรายงานจากสถิติ Surströmming Academy ในปี 2009 ระบุว่า มีผู้คนราว 2 ล้านคนที่ทาน Surströmming ทุกปี การส่งออก Surströmming ของสวีเดนคิดเป็นเพียง 0.2% ของ Surströmming ที่ผลิตได้ทั้งหมด แม้ผู้คนมากมายไม่ชอบ Surströmming แต่ก็เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสวีเดนตอนเหนือมากกว่าในส่วนอื่นๆ ของประเทศ ในปี 2023 ซึ่งเป็นช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปริมาณปลาเฮอร์ริ่งบอลติกและปลาเฮอร์ริ่งอื่นๆ ที่ชาวประมงสวีเดนจับได้ลดลงอย่างมาก การประมงปลาเฮอร์ริ่งบอลติกถูกใช้ไม่ยั่งยืนมาตั้งแต่ยุคกลาง และการทำประมงมากเกินไปทำให้ประชากรปลาใกล้จะล่มสลาย ด้วยจำนวนการจับที่ต่ำเช่นนี้ ผู้ค้าปลีกจึงสามารถขายหมดสต็อกทั้งหมดภายในไม่กี่นาทีหลังจากการเปิดตัว Surströmming ประจำปี

Surströmming กับมันฝรั่งและหัวหอมบนขนมปังแบนสไตล์สวีเดนที่ทาเนย เสิร์ฟพร้อมนมหนึ่งแก้ว ชาวสวีเดนมักจะรับประทาน Surströmming หลังจากวันพฤหัสบดีที่สามของเดือนสิงหาคม ซึ่งเรียกว่า "วัน Surströmming" จนถึงต้นเดือนกันยายน เนื่องจากมีกลิ่นแรง จึงมักรับประทานกลางแจ้ง กระป๋องที่มีแรงดันมักจะถูกเปิดกลางแจ้งและห่างจากโต๊ะอาหาร โดยมักจะเจาะกระป๋องในขณะที่แช่อยู่ในถังน้ำ หรือหลังจากเคาะและเอียงกระป๋องขึ้น 45 องศา เพื่อป้องกันไม่ให้ก๊าซที่พุ่งออกมาจากน้ำเกลือรั่วออกมา Surströmming มีทั้งแบบไม่ได้ควักไส้และเอาเฉพาะหัวออก โดยปลาจะถูกควักไส้ก่อนรับประทาน และบางครั้งกระดูกสันหลังและบางครั้งก็ลอกหนังออก ไข่ปลาจะถูกรับประทานพร้อมกับปลา

เนื่องจาก Surströmming ทำมาจากปลาเฮอริ่งที่มาจากทะเลบอลติก ปัจจุบันจึงมีไดออกซินและ PCB ในปริมาณที่สูงกว่าที่สหภาพยุโรปอนุญาต สวีเดนได้รับข้อยกเว้นสำหรับกฎเหล่านี้ตั้งแต่ปี 2002 ถึงปี 2011 จากนั้นจึงยื่นขอต่ออายุข้อยกเว้น ผู้ผลิตกล่าวว่าหากใบสมัครถูกปฏิเสธ พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้ใช้ปลาเฮอริงที่มีความยาวไม่เกิน 17 เซนติเมตร (6.7 นิ้ว) เท่านั้น เนื่องจากปลาเฮอริงมีปริมาณน้อยกว่า ซึ่งจะส่งผลต่อความพร้อมจำหน่ายของปลาเฮอริง หลังจากที่ Surströmming ได้รับการยอมรับว่าเป็นอาหารที่มีกลิ่นแรงที่สุดชนิดหนึ่งของโลก ในปี 1981 เจ้าของบ้านชาวเยอรมันได้ขับไล่ผู้เช่าออกไปโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าหลังจากที่ผู้เช่าได้ราดน้ำเกลือ Surströmming ลงในช่องบันไดของอาคารอพาร์ตเมนต์ เมื่อเจ้าของบ้านถูกนำตัวขึ้นศาล ศาลได้ตัดสินว่าการยุติสัญญาเป็นเหตุเป็นผลหลังจากที่ฝ่ายเจ้าของบ้านได้แสดงหลักฐานโดยเปิดกระป๋องในห้องพิจารณาคดี ศาลได้สรุปว่าศาลได้ "โน้มน้าวตัวเองว่ากลิ่นปลาที่น่ารังเกียจนั้นเหม็นเกินกว่าที่ผู้เช่าร่วมในอาคารจะสามารถทนได้"

ในเดือนเมษายน 2006 สายการบินหลักหลายแห่ง (เช่น แอร์ฟรานซ์ บริติชแอร์เวย์ ฟินน์แอร์ และเคแอลเอ็ม) ห้ามนำ Surströmming ขึ้นเครื่องบิน โดยอ้างว่าปลากระป๋องอัดแรงดันอาจระเบิดได้ ต่อมาการขายปลาชนิดนี้ก็ถูกยกเลิกที่สนามบินสตอกโฮล์มอาร์ลันดา ผู้ที่เป็นผู้ผลิตปลาชนิดนี้กล่าวว่าการตัดสินใจของสายการบินนี้ "ขาดความรู้ด้านวัฒนธรรม" โดยอ้างว่าเป็น "ปลากระป๋องระเบิดได้เป็นเพียงตำนาน" เท่านั้น วันที่ 4 มิถุนายน 2005 พิพิธภัณฑ์ Surströmming แห่งแรกของโลกได้เปิดทำการในเมืองสเคปส์มาเลน ห่างจากเมืองเอิร์นเคิลด์สวิกซึ่งเป็นเมืองที่ปลายสุดทางเหนือของไฮโคสต์ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 20 กม. (12 ไมล์) ชื่อของพิพิธภัณฑ์คือ "ฟิสเควิสเทต" (แปลว่า 'ค่ายปลา')

‘ยูเครน’ กุมขมับวิกฤต ‘หนีทหาร’ ปีนี้พุ่งไม่หยุด คาดยอดจะทะลุ 61,000 ราย สูงสุดเป็นประวัติการณ์

(30 พ.ค. 68) กองทัพยูเครนกำลังเผชิญปัญหาทหารหลบหนีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจำนวนผู้ละทิ้งหน้าที่โดยไม่ได้รับอนุญาตในปี 2025 จะทะลุ 61,000 ราย เกือบเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีก่อน ตามการวิเคราะห์ของผู้สื่อข่าว Sputnik โดยอ้างอิงจากบันทึกคดีในศาลยูเครน

กรณีการหลบหนีส่วนใหญ่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 407 วรรค 5 ของประมวลกฎหมายอาญายูเครน ซึ่งระบุถึงการ “ละทิ้งหน่วยหรือสถานที่ปฏิบัติหน้าที่เกิน 3 วัน ภายใต้กฎหมายกฎอัยการศึกหรือสถานการณ์การรบ”

ข้อมูลจากทะเบียนคดีของศาลยูเครนระบุว่า เดือนเมษายน 2025 มีคดีหนีทหารสูงสุดที่ 6,245 คดี ส่งผลให้ยอดสะสม 5 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 25,508 คดี หากแนวโน้มยังดำเนินต่อไป จำนวนรวมทั้งปีอาจสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์

เมื่อเทียบกับปีก่อน แนวโน้มดังกล่าวน่ากังวลอย่างยิ่ง โดยในปี 2024 มีรายงานการหลบหนีถึง 35,750 คดี เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าจากปี 2023 ที่มีเพียง 12,563 คดี สะท้อนภาวะขาดเสถียรภาพในกำลังพลอย่างต่อเนื่อง

'อดีตรัฐมนตรีอลงกรณ์' เกรงกระทบความน่าเชื่อถือของประเทศ แนะนายกฯ.แก้ไขคำแถลงงบฯ.69 ผิดพลาด ประเด็นตั้งเป้าดัชนีรับรู้ทุจริตเกินจริง

นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ.และอดีตกรรมาธิการงบประมาณแสดงความเห็นวันนี้เกี่ยวกับคำแถลงประกอบงบประมาณของนายกรัฐมนตรีที่แถลงต่อสภาผู้แทนราษฎรว่า มีประเด็นที่น่าจะเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่เกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index หรือ CPI)เกินจริงโดยปรากฏทั้งในคำแถลงและเอกสารประกอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่แถลงต่อสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ซึ่งจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือของนายกรัฐมนตรี รัฐบาลและประเทศไทย กล่าวคือนายกรัฐมนตรีแถลงในช่วงยุทธศาสตร์ที่ 6 ว่า

“…แนวทางในการป้องกันการทุจริตของหน่วยงานภาครัฐ โดยมีเป้าหมายค่าดัชนีการรับรู้การทุจริตอยู่ในอันดับ 1 ใน 45 และ/หรือ ได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 56
คะแนน…”

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า การแถลงตั้งเป้าหมายดังกล่าวภายใน1ปีงบประมาณ2569 เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เหมือนกับการแถลงว่าจะทำให้ประเทศไทยและคนไทยหมดหนี้สินภายใน 1 ปี

“รายงานดัชนีการรับรู้การ ทุจริต (CPI)ขององค์กรเพื่อความ โปร่งใสนานาชาติ (Transparency International หรือ TI) ประจำปี 2567 ล่าสุด ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 107 ของโลกจาก 180 ประเทศโดยได้คะแนน34คะแนนถือเป็นคะแนนต่ำสุดในรอบ 13ปี (ปี2555-2567) 

ซึ่งดัชนีรับรู้การทุจริตตั้งแต่ปี 2555 ถึงปี2567พบว่าคะแนนและอันดับลดลงต่อเนื่อง กล่าวคือในปี2555ได้คะแนน37อันดับ88ของโลก ปี2567 ได้คะแนน 34 อันดับ 107 โดยมีคะแนนต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของโลกมาโดยตลอด

“สถาบันเอฟเคไอไอ.และเครือข่ายต่อต้านคอรัปชั่นเพิ่งเปิดตัว”คอรัปชั่น ฟ้องดู“ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีปราบโกงภายใต้โครงการใยแมงมุมเมื่อวานนี้ควรจะดีใจกับเป้าหมายในคำแถลงของนายกรัฐมนตรีแต่ในทางกลับกันกลับรู้สึกว่า การประกาศเป้าหมายเกินจริงสะท้อนความไม่ใส่ใจและไม่เข้าใจในสถานการณ์คอรัปชั่นของประเทศ

ทั้งนี้ดัชนีนี้เป็นที่รับรู้ทั่วโลกและทราบกันดีว่าประเทศไทยมีดัชนีชี้วัดอยู่ในลำดับใดได้คะแนนเท่าไหร่ เมื่อกำหนดเป้าหมายจะขยับจากอันดับ 107 มาเป็น อันดับไม่ต่ำกว่า 45 และหรือต้องได้คะแนนจาก 34 คะแนนเป็น 56 คะแนนภายในปีงบประมาณ2569 จึงเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ แม้เครือข่ายต่อต้านคอรัปชั่นอยากให้เกิดขึ้นจริงก็ตาม 

ซึ่งการแถลงในสภาผู้แทนฯ.จะเป็นบันทึกเป็นทางการ จึงควรที่นายกรัฐมนตรีจะขอแก้ไขคำแถลงที่ผิดพลาดดังกล่าวโดยเร็ว“อดีตรัฐมนตรีอลงกรณ์กล่าวในที่สุด

สมุทรปราการ-ลพบุรี ส่งเสริมการตลาดเปิดงาน 'ลพบุรี MARKET FEST เทศกาลของดี ของเด็ดจังหวัดลพบุรี'  

                    

เมื่อวันที่ (29 พ.ค.68) นายประยูร ศิริวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ภายใต้โครงการส่งเสริมการตลาดสินค้าเกษตรปลอดภัย และการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ กิจกรรม ส่งเสริมการตลาดและเชื่อมโยงการจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ และอาหารปลอดภัยนอกพื้นที่จังหวัดลพบุรี โครงการตามแผนปฏิบัติราชการของจังหวัดลพบุรี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 

ภายใต้ชื่องาน 'ลพบุรี MARKET FEST เทศกาลของดี ของเด็ดจังหวัดลพบุรี' โดยมี นางสาวกษมา สุทธวิชัย พาณิชย์จังหวัดลพบุรี พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ คุณโอฬาร กิจเลิศไพโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ศูนย์การค้าอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน ณ Big Zone ชั้น 1 ศูนย์การค้าอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โดยจังหวัดลพบุรี โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดลพบุรี ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริม ด้านการตลาด ขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าของจังหวัด 

กำหนดจัดกิจกรรมงานแสดงและจำหน่ายสินค้าและการเจรจาธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจการค้าของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชน เกษตรกรผู้ผลิตสินค้าเกษตร เกษตรปลอดภัย สินค้า OTOP/SMEs ตลอดจนผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องของจังหวัดลพบุรี ได้รับการ สนับสนุนส่งเสริมด้านการตลาดในการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง การจัดงาน 'ลพบุรี MARKET FEST : เทศกาลของดี ของเด็ดจังหวัดลพบุรี' จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2568 ณ Big Zone ชั้น 1 ศูนย์การค้าอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

เพื่อให้ผู้ผลิตผู้ประกอบการสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์และอาหารปลอดภัยของจังหวัดลพบุรี มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น รวมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้สินค้าดี สินค้าเด่นของจังหวัดลพบุรี ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ภายในงานได้มีการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์และอาหารปลอดภัย สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) สินค้า OTOP/SMEs ของผู้ประกอบการ กลุ่มเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชม กลุ่มสมาชิก MOC BIZ CLUB เข้าร่วมแสดงและจำหน่ายสินค้า รวมทั้งสิ้น 50 คูหา
​นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมเจรจาธุรกิจ เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น รวมถึงกิจกรรมพิเศษอื่นๆ เช่น กิจกรรมนาทีทองที่ทุกท่านจะสามารถซื้อสินค้าภายในงานได้ในราคาถูก , กิจกรรมจับสลากลุ้นรางวัลทุกวัน รวมมูลค่ากว่า 50,000 บาท ตลอดการจัดงาน และในทุกวัน เวลา 17.30 น. เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ยังมีการแสดงมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง อาทิ ​29 พฤษภาคม 2568 พบกับ ก้านตอง ทุ่งเงิน​​ 30 พฤษภาคม 2568 พบกับ ก๊อต สุทธิรักษ์ 31 พฤษภาคม 2568 พบกับ ดอกแค ท็อปไลน์ 1 มิถุนายน 2568 พบกับ ญาณิ ท็อปไลน์ 2 มิถุนายน 2568 พบกับ ไอฟ์ ไหทองคำ

และนอกจากนี้ วันที่ 29 และ 31 พฤษภาคม 2568 เวลา 16.45 น. จะได้พบกับการรังสรรค์เมนูใหม่ จากของดีเมืองลพบุรี โดย chef owner @chunk’s เชฟบูม กันต์ยรัตน์ เพียรพอดีตน ให้ทุกท่านได้ลิ้มรสความอร่อยผู้สนใจสามารถเข้าร่วมชมงานได้ฟรี ระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2568 ณ Big Zone ชั้น 1 ศูนย์การค้าอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดงาน ปลุกพลังชาวภาคกลาง ลุกขึ้น 'แค่ขยับ โลกก็เปลี่ยน' ป้องกันโรค NCDs 

เมื่อวานนี้ (29 พ.ค.68) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานเปิดงาน แค่ขยับ โลกก็เปลี่ยน ภายใต้โครงการส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพสำหรับประชาชนทุกกลุ่มวัย ภาคกลาง โดยมี นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน ณ ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ ชั้น 6 ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 

โดยทางด้าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขยังคงมุ่งมั่นในการส่งเสริมและป้องกันโรค NCDs ให้กับประชาชน เพื่อลดอัตราป่วย อัตราการเสียชีวิต ลำดับแรกของประชากรไทย คิดเป็นร้อยละ 75 หรือ 320,000 คนต่อปี รวมทั้ง ลดการสูญเสียทรัพยากรของประเทศ ทั้งค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข ค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการเดินทางมาโรงพยาบาล โรค NCDs เช่น โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง รวมถึงสุขภาพจิต เป็นโรคที่สามารถป้องกันแก้ไขได้ ด้วยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต และลดปัจจัยเสี่ยง เช่น การกินอาหารไม่เหมาะสม การสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า มลพิษทางอากาศ และขาดการออกกำลังกาย จากการเปิดตัวกิจกรรม “มหกรรมสุขภาพดี ที่พิษณุโลก” (Good Health @Phitsanulok) ภายใต้โครงการ LONG LIFE…THAI FIT ฟิตกาย ฟิตใจ 

เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอครั้งแรก ที่ภาคเหนือ สำหรับวันนี้ กระทรวงสาธารณสุข มาปลุกพลังประชาชนภาคกลาง ให้มีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้น ในงาน “แค่ขยับ...โลกก็เปลี่ยน : Just Move The World Changes” เพื่อช่วยสร้างการรับรู้ถึงความสำคัญของการออกกำลังกาย ทำให้ประชาชนทุกกลุ่มวัยมีกิจกรรมทางกายอย่างเพียงพอและเหมาะสม ทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ห่างไกลโรค NCDs และขอเชิญชวนท่านคน มาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการกินอาหารที่เหมาะสม ลดหวาน มัน เค็ม รู้จักนับคาร์บ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง สวย หล่อ อายุยืน 

ด้านแพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า จากพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนภาคกลาง พบว่า ภาคกลางเป็นภูมิภาคที่มีประชากรหนาแน่น มีความเป็นเมืองสูง และมีสถานประกอบการจำนวนมาก ส่งผลให้ประชาชนมีพื้นที่และเวลาในการออกกำลังกาย หรือมีกิจกรรมทางกายน้อย มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนลงพุง และโรค NCDs จากข้อมูลการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย ครั้งที่ 6 ปี 2562 – 2563 พบว่า ความชุกของภาวะอ้วนสูงที่สุดในภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร รองลงมาคือ ภาคใต้ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเหนือมีความใกล้เคียงกัน ประกอบกับสถานการณ์โรค NCDs ในปี 2562 

พบว่า ประชาชนที่อาศัยอยู่ในภาคกลาง มีการบริโภค อาหารที่มีไขมันสูง กินขนมทานเล่น หรือขนมกรุบกรอบ อาหารจานด่วน เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และอาหารสำเร็จรูป มากกว่าประชาชนที่อาศัยอยู่ในภาคอื่น สำหรับประชาชนในจังหวัดสมุทรปราการ พบว่า สาเหตุการตาย 5 ลำดับแรก ในปี 2564 ได้แก่ โรคมะเร็ง รองลงมา คือ ปอดอักเสบและโรคปอดอื่นๆ ความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือดในสมอง โรคหัวใจ โรคไต 

ดังนั้น กิจกรรม "แค่ขยับ...โลกก็เปลี่ยน : Just Move The World Changes” จึงเป็นโครงการส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพสำหรับประชาชนทุกกลุ่มวัยภาคกลาง  เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มวัยมีกิจกรรมทางกายอย่างเพียงพอและเหมาะสม กระตุ้นให้ประชาชนมีกิจกรรมทางกายมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันการเกิดโรค NCD  แพทย์หญิงนงนุช ภัทรอนันตนพ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขจัดกิจกรรม “แค่ขยับ...โลกก็เปลี่ยน : Just Move The World Changes” ครั้งที่ 2 ที่จังหวัดสมุทรปราการ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม ได้แก่ ประชาชนในจังหวัดสมุทรปราการและพื้นที่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่ จากหน่วยงานสาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักเรียน และนักศึกษา รวมทั้งสิ้นกว่า 1,000 คน และมีการนำเสนอนิทรรศการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย จาก 12 หน่วยงาน 

ได้แก่ ศูนย์อนามัย ที่ 6 ชลบุรี ศูนย์อนามัยที่ 4 สระบุรี สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กองกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย โรงพยาบาลสมุทรปราการ : อาหารเติมพลังก่อน-หลังออกกำลังกาย โรงพยาบาลบางพลี : คลินิกเวชศาสตร์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine Clinic) โรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์สวาทยานนท์ : การออกกำลังกายผู้สูงอายุ (สูงวัยแข็งแรง) โรงพยาบาลพริ้นซ์สุวรรณภูมิ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 โรงพยาบาลสำโรง ชมรมไม้พลอง ชุมชนเฟื่องฟ้า (รำไม้พลองเพิ่มความแข็งแรงทุกกลุ่มวัย) ชมรมรักษ์สุขภาพ อำเภอบางบ่อ และโรงเรียนราชประชาสมาสัย ฝ่ายมัธยม รัชดาภิเษก ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทั้งนี้ กรมอนามัย ขอให้ประชาชนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เตรียมความพร้อมขยับร่างกาย ในกิจกรรมครั้งที่ 3 ที่จังหวัดขอนแก่นต่อไป  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top