Thursday, 8 May 2025
NewsFeed

นักท่องเที่ยวอิสราเอลลั่น ‘เงินฉันสร้างประเทศนี้’ หลังไม่ถอดรองเท้าเข้าร้านอาหาร จุดกระแสวิจารณ์ลามทั้งโซเชียล เจ้าตัวแจงคลิปถูกตัดต่อบิดเบือนความจริง

(7 พ.ค. 68) เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ เมื่อเพจ “Koh Phangan Conscious Community” เผยแพร่คลิปนักท่องเที่ยวหญิงชาวอิสราเอลรายหนึ่งกล่าวในลักษณะที่ถูกมองว่าเหยียดคนไทย โดยมีใจความว่า “เงินของนักท่องเที่ยวอย่างเธอใช้สร้างประเทศไทย” เหตุการณ์เกิดขึ้นขณะมีการถกเถียงในร้านอาหารเล็ก ๆ บนเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งมีข้อกำหนดให้ถอดรองเท้าก่อนเข้าใช้บริการ

ส่งผลให้นักท่องเที่ยวหญิงในคลิปแสดงความไม่พอใจเมื่อถูกขอให้ถอดรองเท้า และตอบโต้ด้วยถ้อยคำที่ถูกตีความว่าไม่ให้เกียรติวัฒนธรรมไทย คลิปถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 และมีรายงานว่ามีการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว

หลังคลิปกลายเป็นไวรัล ชาวเน็ตไทยจำนวนมากแสดงความไม่พอใจ มองว่าเป็นการไม่เคารพขนบธรรมเนียมท้องถิ่น และสะท้อนภาพจำด้านลบของนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่มองประเทศไทยเป็นเพียง “ประเทศราคาถูก” ที่ต้องพึ่งพารายได้จากต่างชาติ

ต่อมาในวันที่ 6 พฤษภาคม นักท่องเที่ยวหญิงในคลิปได้โพสต์ขอโทษ โดยอ้างว่าคำพูดของตนถูกนำเสนอผิดบริบท พร้อมชี้แจงว่าตนเจ็บเท้าและได้รับอนุญาตให้ใส่รองเท้าเข้าไปได้ อย่างไรก็ตาม คำชี้แจงดังกล่าวกลับยิ่งจุดกระแสถกเถียงถึงความเข้าใจผิดระหว่างวัฒนธรรมท้องถิ่นกับทัศนคติของนักท่องเที่ยว ที่อาจกำลังกลายเป็นปัญหาซ่อนเร้นบนเกาะพะงันที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม

พิษณุโลกแม่ทัพภาคที่ 3 ตรวจเยี่ยมการฝึกทหารใหม่ ในพื้นที่ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

เมื่อวันที่ (6 พ.ค. 68) พล.ท.กิตติพงษ์​  แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 เดินทางตรวจเยี่ยมการฝึกทหารใหม่ ของหน่วยฝึกทหารใหม่  ร.4 พัน.3, มทบ.39 และ ส.พัน.4 พล.ร.4  สำหรับวันนี้เป็นวันที่ 6​ ของการฝึกทหารใหม่ ผลัดที่ 1 ประจำปี 2568 หลังจากที่ทหารใหม่เข้ามารายงานตัว ในวันที่ 1 พ.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งในห้วงแรกเป็นการดำเนินการเรื่องธุระการและให้น้องๆ ทหารใหม่ได้มีโอกาสปรับตัวหลังจากเข้ามารายงานตัวในหน่วยต่างๆ ซึ่งห้วงแรกนี้เป็นการฝึกบุคคลท่าเบื้องต้น บุคคลท่ามือเปล่า ซึ่งเป็นการปรับตัวของน้องๆ ทหารใหม่จากบุคคลพลเรือนมาเป็นทหารใหม่ สำหรับการฝึกทหารใหม่ ผลัดที่ 1 ประจำปี 2568 จะทำการฝึก จำนวน 6 สัปดาห์ และทำการฝึกเฉพาะหน้าที่ จำนวน 3 สัปดาห์ เมื่อการฝึกเสร็จสิ้นก็จะมีกิจกรรม Open house เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองและญาติ มาชมการแสดงและดูการเปลี่ยนแปลงของน้องๆ ทหารใหม่ ก่อนที่จะปล่อยน้องทหารใหม่ไปพักบ้านหลังจากผ่านการฝึกมาแล้ว จำนวน 9 สัปดาห์ ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 3 เน้นย้ำ การฝึกทหารใหม่ ขอให้ปฏิบัติตามข้อสั่งการของผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นในการฝึกทหารใหม่อย่างเคร่งครัด เน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก โดยเฉพาะเรื่องโรคลมร้อน (Heat Stroke) ให้หน่วยฝึกมีมาตราการควบคุมและฝึกซ้อมการส่งป่วย เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น และครูฝึกจะต้องอยู่กับทหารใหม่ตลอด 24 ซม. เพื่อคอยกำกับดูแลทหารใหม่ให้เหมือนญาติพี่น้องและ บุคคลภายในครอบครัว ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าวพิษณุโลก

โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยผู้ช่วยเลขานุการประธานรัฐสภา แถลงข่าวชี้แจงกรณีที่มีผู้กระทำความผิดแอบอ้างใช้ชื่อและรูปภาพของผู้ช่วยเลขานุการประธานรัฐสภาไปหลอกลวงผู้เสียหาย

(6 พ.ค. 68) ที่ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายฐาคณิษฐ์ พรทองประเสริฐ ผู้ช่วยเลขานุการประธานรัฐสภา แถลงข่าวชี้แจงกรณีที่มีผู้กระทำความผิดแอบอ้างใช้ชื่อและรูปภาพของนายฐาคณิษฐ์ พรทองประเสริฐ ไปหลอกลวงผู้เสียหาย นายฐาคณิษฐ์ พรทองประเสริฐ กล่าวว่า เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 ได้มีผู้มายื่นหนังสือต่อประธานรัฐสภา อ้างว่ามีมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นผู้ช่วยเลขานุการประธานรัฐสภา หลอกลวงชักชวนให้ลงทุนและวิธีอื่น ๆ ทำให้มีผู้เสียหายหลายรายตามที่ปรากฏเป็นข่าว สร้างความความเสียหายแก่ตนเป็นอย่างมาก  และในปัจจุบันมีตนเพียงคนเดียวที่ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการประธานรัฐสภา ซึ่งอาจทำให้ประชาชนและผู้ที่ติดตามข่าวเข้าใจผิดว่าตนเป็นผู้กระทำความผิด โดยมิจฉาชีพได้ใช้ชื่อและรูปภาพของตน ปลอมบัญชี Facebook Tiktok Instagram และนำไปหลอกลวงกลุ่มผู้เสียหายในรูปแบบต่าง ๆ  ซึ่งมีผู้เสียหายหลงเชื่อและได้ทำการโอนเงินให้กับกลุ่มมิจฉาชีพหลายครั้ง จำนวนแตกต่างกันไป โดยผู้เสียหายได้ทำการร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายท้องที่และได้ร้องเรียนกับสื่อมวลชนหลายสำนัก ซึ่งต่อมาตนได้ไปออกรายการถกไม่เถียง ทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เพื่อแสดงตัวตนที่แท้จริงและให้ความรู้กับประชาชนทั่วไปเพื่อไม่ให้ถูกหลอกลวง อันแสดงถึงเจตนาที่จะทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์มิจฉาชีพไปหลอกลวงประชาชนได้อีก ซึ่งผู้เสียหายบางรายที่ได้พบและพูดคุยกับตนที่สถานีตำรวจ ได้ทำความเข้าใจกันแล้ว โดยผู้เสียหายทราบแล้วว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดและไม่มีผู้เสียหายรายใดโอนเงินมายังบัญชีของตนเลย และก่อนหน้านี้ผู้เสียหายก็ไม่เคยพบหรือพูดคุยกับตนแต่อย่างใด ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีการปลอมบัญชีที่ใช้ชื่อ นามสกุล และรูปภาพของตน มากกว่า 30 บัญชี โดยตนได้ไปแจ้งความที่ สน.บึงกุ่ม เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2566 วันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 และวันที่ 3 ธันวาคม 2567 และแจ้งความร้องทุกข์ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท.1) โดยได้มีหนังสือแจ้งความคืบหน้ามา เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 จาก สน.บึงกุ่ม สาระสำคัญว่า คดีนี้การสอบสวนเสร็จสิ้น มีความเห็นงดสอบสวนเนื่องจากปรากฏพยานหลักฐานการตรวจสอบข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไปยังสำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำความผิดนั้น ไม่สามารถตรวจสอบได้เนื่องจากฐานข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ Facebook Tiktok line และ Tinder ผู้ให้บริการมีถิ่นที่อยู่ต่างประเทศ อันเป็นข้อจำกัดในการสั่งให้ส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ให้บริการได้จึงไม่ปรากฏพยานหลักฐานเพียงพอว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำความผิด
ทั้งนี้ ตนขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียหายทุกท่าน และเห็นใจที่ถูกมิจฉาชีพหลอกลวง แต่ทุกสิ่งต้องดำเนินไปตามกฎหมาย ประชาชนทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและรักษาสิทธิของตนเอง จึงขอให้กลุ่มผู้เสียหายและตัวแทน ติดตามทวงถามถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สน.ที่แจ้งความ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และให้ผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการออกหมายเรียกหรือหมายจับตามขั้นตอนของกฎหมายกับผู้ที่เปิดบัญชีรับโอนเงิน ผู้ที่รับโอนเงิน หรือผู้ที่ทำการเบิกถอนเงิน รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากกว่าที่จะเดินทางไปร้องเรียนกับหน่วยงานต่าง ๆ และหากมีข้อเท็จจริงปรากฏว่าการที่ผู้เสียหายรวมถึงตัวแทนเดินทางไปร้องเรียนตนกับหน่วยงานต่าง ๆ นั้น เป็นการกระทำโดยไม่สุจริตและไม่มีพยานหลักฐานใด ๆ เกี่ยวข้องว่าตนเป็นผู้กระทำความผิด ตนอาจจะต้องใช้สิทธิตามกฎหมายเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับตนต่อไป อย่างไรก็ตาม ขอให้สื่อมวลชนและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับประชาชนเพื่อให้สามารถปกป้องตนเอง ไม่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และไม่ให้เรื่องลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอีกต่อไป

ญี่ปุ่นเริ่มสร้าง MGM Osaka ‘รีสอร์ตคาสิโนแห่งแรก’ บนเกาะเทียมยูเมะชิมะ มูลค่า 1.27 ล้านล้านเยน หวังปั้นโอซาก้าเป็นฮับท่องเที่ยว-บันเทิงระดับเอเชีย

(7 พ.ค. 68) เมื่อเดือนเมษายน 2025 ญี่ปุ่นได้เริ่มต้นการก่อสร้าง 'MGM Osaka' รีสอร์ตครบวงจรแห่งแรกของประเทศ บนเกาะเทียมยูเมะชิมะ เมืองโอซาก้า โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง MGM Resorts International จากสหรัฐฯ และ Orix Corporation จากญี่ปุ่น มูลค่ารวมกว่า 1.27 ล้านล้านเยน (ราว 311,500 ล้านบาท)

MGM Osaka ได้รับอนุมัติภายใต้กฎหมาย IR ปี 2018 ซึ่งอนุญาตให้สร้างรีสอร์ตคาสิโนแบบถูกกฎหมายได้สูงสุด 3 แห่งทั่วประเทศ โดย MGM Osaka เป็นโครงการแรกที่ผ่านการอนุมัติอย่างเป็นทางการ นับเป็นก้าวสำคัญของญี่ปุ่นในการเปิดตลาดคาสิโน และส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคคันไซ

โครงการประกอบด้วยคาสิโน โรงแรม 3 แห่งกว่า 2,500 ห้อง ศูนย์ประชุม พื้นที่แสดงสินค้า โรงละคร ร้านอาหาร และค้าปลีก โดยคาดว่าจะสร้างรายได้จากการเล่นเกมราว 5.9 พันล้านดอลลาร์ต่อปี และสร้างงานนับหมื่นตำแหน่ง ทั้งทางตรงและทางอ้อม

แม้จะมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง แต่โครงการต้องเผชิญกับเสียงคัดค้านจากประชาชนบางกลุ่มที่กังวลเรื่องปัญหาการพนัน การฟอกเงิน และผลกระทบทางสังคม โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านความมั่นคงและกระบวนการยุติธรรม โครงการจึงมีการจำกัดการเข้าคาสิโนของคนญี่ปุ่น และเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพื่อควบคุมความเสี่ยง

ในด้านโครงสร้างพื้นฐาน โครงการกระตุ้นการพัฒนาเมืองอย่างชัดเจน เช่น การเปิดสถานีรถไฟใต้ดินใหม่ในต้นปี 2025 และการขยายสายรถไฟเชื่อมเกาะยูเมะชิมะ ขณะเดียวกัน การก่อสร้างจะถูกปรับแผนช่วงงาน Expo 2025 ซึ่งจัดบนเกาะเดียวกัน เพื่อลดผลกระทบต่อผู้เข้าร่วมงาน

MGM Osaka จึงไม่เพียงเป็นโครงการคาสิโนแห่งแรกของญี่ปุ่น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านเชิงนโยบาย มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมบันเทิงและการบริการอย่างยั่งยืน และเป็นต้นแบบการจัดสมดุลระหว่างโอกาสทางเศรษฐกิจและความรับผิดชอบต่อสังคม

กบน. ขยับปรับเงินกองทุนน้ำมันฯ รับมือภาษีใหม่ ตรึงราคาหน้าปั๊ม ช่วยประชาชนยุคค่าครองชีพสูง

เมื่อวานนี้ (6 พ.ค.68) คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ ประเภทน้ำมัน เพื่อรองรับการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซินและดีเซล โดยยืนยันจะไม่ให้กระทบราคาขายปลีกน้ำมันหน้าปั๊ม ช่วยลดภาระค่าครองชีพในช่วงที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน มอบหมายให้ สกนช. ประเมินผลกระทบและเสนอแนวทางรองรับการเก็บภาษีใหม่ โดยปรับลดเงินกองทุนฯ เท่ากับอัตราภาษีสรรพสามิต และพิจารณาค่าการตลาดที่เหมาะสม เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 7 พฤษภาคม 2568

นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการ สกนช. เปิดเผยว่า การปรับครั้งนี้จะทำให้รายรับของกองทุนฯ ลดลงประมาณ 49.57 ล้านบาทต่อวัน แต่ยังสามารถรองรับได้จนถึงสิ้นปีงบประมาณ หากเกิดวิกฤตราคาน้ำมัน กบน.อาจขอให้กรมสรรพสามิตพิจารณาลดภาษีลงอีกครั้ง

ขณะนี้กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะติดลบอยู่ที่ 47,779 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 2,540 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 45,239 ล้านบาท ซึ่ง กบน. จะบริหารจัดการอย่างระมัดระวังเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาในประเทศ

นายพรชัยย้ำว่า กบน. ดำเนินงานภายใต้หลักการโปร่งใส ตรวจสอบได้ และยึดกฎหมายกองทุนน้ำมันฯ พ.ศ. 2562 อย่างเคร่งครัด โดยมุ่งให้ทุกมาตรการเกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติสูงสุด

ปลัดเทศบาลอุดรฯ แจงปมเครื่องออกกำลังกายสแตนเลส 32 ล้าน ยันราคาตาม TOR ‘โปร่งใส-คุ้มค่า’ ใช้งานได้นานกว่า 10 ปี

(7 พ.ค. 68) นายไพทูรย์ เหลืองอิงคะสุต ปลัดเทศบาลนครอุดรธานี ชี้แจงกรณีดราม่าเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้งสแตนเลสราคาเฉลี่ยชุดละล้าน หลังถูกวิจารณ์อย่างหนักบนโซเชียล โดยระบุว่าโครงการใช้งบรวม 32 ล้านบาท ติดตั้งใน 30 ชุมชน แบ่งเป็นชุดเล็ก 8 ตัว ราคาชุดละกว่า 6 แสนบาท และชุดใหญ่ 16 ตัว ราคาชุดละกว่า 2 ล้านบาท ยืนยันอุปกรณ์มีความคงทน ใช้งานได้ไม่น้อยกว่า 10 ปี

การจัดซื้อผ่านการสำรวจความต้องการจากชาวบ้าน 105 ชุมชน เหลือพื้นที่เหมาะสมเพียง 30 ชุมชน จากนั้นเทศบาลจึงบรรจุโครงการเข้างบปี 68 ผ่านสภาเทศบาล ตั้งคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง เปิดสอบราคาจาก 7 ร้านค้า มีผู้เสนอราคา 3 ราย โดยบริษัท ส.สิงห์อยู่สปอร์ต จำกัด เป็นผู้ชนะ

ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตั้งและยังไม่ตรวจรับเครื่องอย่างเป็นทางการ โดยในจุดที่เป็นข่าว เช่น ชุมชนพิชัยรักษ์ มีการติดตั้งจริงแต่ยังไม่เปิดให้ใช้งาน ชาวบ้านให้ความเห็นว่าเครื่องดูแข็งแรงแต่ควรเพิ่มไฟและหลังคาเพื่ออำนวยความสะดวก

ปลัดเทศบาลระบุว่า แม้ราคาอาจดูสูง แต่ผ่านกระบวนการตรวจสอบและประชาพิจารณ์ ย้ำว่าไม่ใช่ของฟุ่มเฟือย และเป็นอุปกรณ์ที่หลาย อปท. ก็ใช้งานอยู่ ทั้งยังช่วยส่งเสริมสุขภาพประชาชนอย่างยั่งยืน

สำหรับงบรวม 32.06 ล้านบาท แบ่งเป็นชุดเล็ก 26 ชุด รวม 17.5 ล้านบาท และชุดใหญ่ 7 ชุด รวม 14.5 ล้านบาท ซึ่งเทศบาลมั่นใจว่าเกิดความคุ้มค่าและโปร่งใสในการดำเนินการทุกขั้นตอน

รัฐบาลทรัมป์ เปิดโครงการให้เงิน 1,000 ดอลลาร์ แก่ผู้เข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย แลกความสมัครใจออกจากสหรัฐฯ กลับประเทศบ้านเกิด…โดยไม่ต้องถูกจับ

(7 พ.ค. 68) รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศโครงการใหม่เสนอเงิน 1,000 ดอลลาร์ (ราว 34,000 บาท) ให้แก่ผู้อพยพที่อยู่ในประเทศอย่างผิดกฎหมาย หากยินยอมเดินทางกลับประเทศบ้านเกิด โดยจะได้รับเงินหลังเดินทางถึงประเทศปลายทางและยืนยันผ่านแอปพลิเคชัน CBP Home ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิพัฒนาขึ้นใหม่

โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนของกระบวนการจับกุมและเนรเทศผู้อพยพ ซึ่งโดยเฉลี่ยมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 17,000 ดอลลาร์ต่อคน ขณะที่การสมัครใจเดินทางกลับโดยได้รับเงินช่วยเหลือ จะช่วยลดต้นทุนได้มากถึง 70% ทั้งยังช่วยลดจำนวนผู้ต้องกักขัง พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถกลับเข้าสหรัฐฯ อย่างถูกกฎหมายในอนาคตได้

โฆษกกระทรวงฯ เปิดเผยว่ามีผู้อพยพรายแรกที่เข้าร่วมโครงการแล้ว โดยได้รับตั๋วเครื่องบินจากชิคาโกกลับฮอนดูรัส พร้อมมีการจองเที่ยวบินเพิ่มเติมให้กับผู้สมัครใจเดินทางกลับในเร็วๆ นี้ ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า รัฐบาลจะให้โอกาสแก่ “คนดี” ที่จากไปอย่างสมัครใจ ได้กลับเข้ามาอีกครั้ง

โครงการนี้ต่อยอดมาจากแอปฯ CBPOne ที่ริเริ่มในยุครัฐบาลโจ ไบเดน โดยถูกทรัมป์สั่งปิดและดัดแปลงใหม่เป็น CBP Home ซึ่งเน้นใช้เพื่อการเดินทางออกนอกประเทศ มากกว่าการอำนวยความสะดวกในการเข้ามาอย่างถูกกฎหมายตามแบบเดิม

รัฐบาล ลดเก็บเงินกองทุนน้ำมัน ทำราคาขายปลีกน้ำมันยังเท่าเดิม หลังอัตราภาษีสรรพสามิต น้ำมันเบนซิน-ดีเซล ฉบับใหม่บังคับใช้

รัฐบาลและกระทรวงพลังงาน ยันราคาขายปลีกน้ำมันยังเท่าเดิม ไม่ส่งผลกระทบปชช. หลังปรับลดจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน รับมือเพิ่มภาษีสรรพสามิต - ภาษีท้องถิ่น น้ำมันเบนซินและดีเซล 

จากกรณีที่ราชกิจจานุเบกษา ประกาศกฎกระทรวง กำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต น้ำมันเบนซิน-น้ำมันดีเซล (ฉบับที่ 42) พ.ศ.2568 มีผลใช้แล้ววันนี้ (7 พ.ค. 68)

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ได้ให้เหตุผลในการปรับขึ้นภาษีน้ำมันในครั้งนี้ว่าปัจจุบัน ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง สมควรเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ประเภทน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล เพื่อให้รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น อันเป็นการรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศและเสถียรภาพทางการคลังของรัฐ โดยเฉพาะในช่วงที่มีความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลกเกิดขึ้นจากภาวะสงครามการค้า

ทั้งนี้ กรมสรรพสามิต รายงานว่า จากการปรับขึ้นอัตราภาษีครั้งนี้จะทำให้รัฐบาลได้รายได้เพิ่มประมาณเดือนละ 2,900 ล้านบาท หรือประมาณ 34,800 ล้านบาทต่อปี

อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตและภาษีท้องถิ่นครั้งนี้จะไม่กระทบกับราคาขายปลีกน้ำมัน เนื่องจากรัฐบาล โดยกระทรวงพลังงานจะให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลดการเก็บเงินส่งกองทุนน้ำมันลง เพื่อชดเชยกับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่รัฐบาลจัดเก็บเพิ่มเติม โดยจะรักษาระดับราคานี้ให้ได้จนถึงสิ้นปีงบประมาณ 2568 จากนั้นจะมีการทบทวนแนวทางการดำเนินการอีกครั้ง

สำหรับการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต และภาษีส่วนท้องถิ่น ของน้ำมันประเภทต่างๆ ที่มีการปรับเปลี่ยนมีรายละเอียดดังนี้

น้ำมันเบนซิน 95 จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 6.50 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 7.50 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 1 บาทต่อลิตร ส่วนภาษีท้องถิ่นจากเดิมเก็บ 0.650 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 0.750 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.10 บาทต่อลิตร

น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (E10) จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 5.85  บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 6.75 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.90 บาทต่อลิตร ส่วนภาษีท้องถิ่นจากเดิมเก็บ 0.585 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 0.675 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.090 บาทต่อลิตร

น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 (E10) จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 5.85  บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 6.75 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.90 บาทต่อลิตร ส่วนภาษีท้องถิ่นจากเดิมเก็บ 0.585 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 0.675 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.090 บาทต่อลิตร

น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (E20) จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 5.20 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 6.00 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.80 บาทต่อลิตร ส่วนภาษีท้องถิ่นจากเดิมเก็บ 0.520 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 0.600 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.080 บาทต่อลิตร

น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (E20) จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 0.975 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 1.125 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.15 บาทต่อลิตร ส่วนภาษีท้องถิ่นจากเดิมเก็บ 0.0975 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 0.1125 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.080 บาทต่อลิตร

น้ำมันดีเซล (H-Diesel) จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 5.99 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 6.92 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.93 บาทต่อลิตร ส่วนภาษีท้องถิ่นจากเดิมเก็บ 0.599 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 0.6920 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.093 บาทต่อลิตร

ทรัมป์จัดทัพ ‘เบสเซนต์-กรีเออร์’ ลุยเจนีวา ถก ‘เหอ หลี่เฟิง’ ฟื้นสัมพันธ์เศรษฐกิจ ‘สหรัฐ-จีน’ หนแรกในรอบเดือน

(7 พ.ค. 68) สก็อตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับรายการ The Ingraham Angle ของ Fox News เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ย้ำว่าการพบเจ้าหน้าที่จีนในสวิตเซอร์แลนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้น “ไม่ใช่ข้อตกลงการค้าครั้งใหญ่” แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการคลี่คลายความตึงเครียด พร้อมระบุว่า รัฐบาลทรัมป์ไม่ต้องการแยกตัวทางการค้าจากจีน ยกเว้นในบางอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ยา และเหล็กกล้า

เบสเซนต์และจามิสัน กรีเออร์ (Jamieson Greer) ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ มีกำหนดเดินทางไปเจนีวาในวันที่ 8 พฤษภาคม เพื่อพบกับคารีน เคลเลอร์-ซัทเทอร์ ประธานาธิบดีสวิตเซอร์แลนด์ และเจรจากับเหอ หลี่เฟิง (He Lifeng) รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งดูแลด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ โดยถือเป็นจุดเริ่มต้นของความพยายามในการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาระหว่างสองมหาอำนาจ

เหอ หลี่เฟิง วัย 70 ปี มีบทบาทโดดเด่นในเวทีระหว่างประเทศมากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่าเขาจัดการประชุมกับชาวต่างชาติมากถึง 60 ครั้งในรอบปี เพิ่มขึ้นจาก 45 ครั้งก่อนหน้านั้น เขาถูกมองว่าเป็นบุคคลที่สามารถ “ทำให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นได้” และได้รับคำชื่นชมจากนักธุรกิจต่างชาติที่พบปะกับเขาในกรุงปักกิ่ง

กระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์ยืนยันว่า จีนตกลงกลับเข้าสู่การเจรจากับสหรัฐอีกครั้ง โดยอิงจาก “ผลประโยชน์ของจีน ความคาดหวังจากทั่วโลก และความต้องการของอุตสาหกรรมกับผู้บริโภคในสหรัฐฯ” พร้อมเตือนว่า จีนจะไม่ยอมให้การเจรจาถูกใช้เป็นเครื่องมือกดดันหรือข่มขู่ โดยอ้างสุภาษิตจีนว่า “จงฟังสิ่งที่พูด และเฝ้าดูการกระทำ”

เบสเซนต์กล่าวเพิ่มเติมต่อสภาคองเกรสว่าสหรัฐกำลังเจรจาการค้ากับพันธมิตร 17 ประเทศ โดยการเจรจากับจีนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น และอาจมีการประกาศข้อตกลงกับบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย ภายในสัปดาห์นี้ ขณะที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าการหารือกับจีนครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเจรจาอย่างเป็นทางการหรือไม่

สถานการณ์ปัจจุบันระหว่างสหรัฐและจีนยังเปรียบได้กับ “เกมแมวไล่จับหนู” ที่ทั้งสองฝ่ายพยายามรักษาท่าทีของตน ไม่ยอมเป็นฝ่ายถอยก่อนในสงครามภาษีที่สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจโลกและห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ

GIP ในเครือ BlackRock เตรียมลงทุนในไทยสูงสุด 175,000 ล้านบาท รองรับการใช้ Cloud และ AI จากทั่วโลก ยกระดับสู่ศูนย์กลาง GigaData Hub

(7 พ.ค. 68) บริษัท Global Infrastructure Partners (GIP) ในเครือ BlackRock ซึ่งเป็นกองทุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดในโลก เตรียมลงทุนในประเทศไทยมูลค่า 105,000 ถึง 175,000 ล้านบาท ผ่าน True IDC เพื่อสร้าง GigaData Hub ศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่แบบขยายได้ รองรับการใช้งาน Cloud และ AI จากทั้งในประเทศและทั่วโลก โดยสามารถเพิ่มกำลังไฟฟ้า และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดในอนาคต

เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 พ.ค. 68) นายศุภชัย เจียรวนนท์ ซีอีโอเครือเจริญโภคภัณฑ์ และนายอาเดบาโย โอกุนเลซี ประธานและซีอีโอ GIP ได้เข้าหารือนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยมีรัฐมนตรีและผู้บริหารกระทรวงดิจิทัลฯ เข้าร่วมด้วย

นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับการลงทุนดังกล่าว พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการยกระดับดาต้าเซ็นเตอร์ของประเทศ โดยมีเป้าหมายผลักดันไทยให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลในอาเซียน พร้อมส่งเสริมพลังงานสะอาด และเตรียมยกระดับบุคลากรดิจิทัลผ่านความร่วมมือกับภาคเอกชนระดับโลก

ด้าน GIP ย้ำความมั่นใจในศักยภาพของประเทศไทยที่มีความพร้อมรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน ทรัพยากรมนุษย์ และนโยบายภาครัฐ พร้อมร่วมมือกับไทยในระยะยาว ทั้งด้านการลงทุน การพัฒนาคน และการสร้างระบบ AI & Cloud ที่แข็งแกร่งในภูมิภาค

นายศุภชัยระบุว่า การลงทุนครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยดึงดูดบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีเข้ามาลงทุนเพิ่มเติมในไทย ซึ่งรวมถึง Google, Microsoft และ ByteDance พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระดับโลก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top