Wednesday, 15 January 2025
NewsFeed

‘เจือ ราชสีห์’ ยื่นหนังสือ ก.คมนาคม เร่งโครงการสะพานเชื่อม อ.เมือง - อ.สิงหนคร

(9 ธ.ค. 67) นายเจือ ราชสีห์  ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยื่นหนังสือให้กับ นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อให้การสนับสนุนโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เชื่อมอำเภอเมืองสงขลากับอำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา

โดยระบุว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดสงขลาและนักท่องเที่ยว ประสบกับปัญหาและความเดือดร้อน ในการข้ามฟากไป มา ระหว่างอำเภอเมืองสงขลา ไปยังอำเภอสิงหนคร ด้วยแพขนานยนต์ โดยเมื่อพิจารณา ลักษณะทางภูมิศาสตร์จังหวัดสงขลา ซึ่งถือเป็นเมืองที่สำคัญประกอบไปด้วย สถานศึกษา ศูนย์ราชการ และศูนย์การค้าทางเศรษฐกิจ มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ แต่ไม่สามารถเดินทางเข้าออก ไปยังตัวเมืองสงขลาได้อย่างสะดวก เพราะเส้นทางการเดินทางมีเพียงแค่ 2 ทาง คือ เดินทางผ่านสะพานติณสูลานนท์ มีระยะทาง ๒๐ กิโลเมตร และการเดินทางโดยการใช้แพขนานยนต์ จากฝังหัวเขาแดง ไปอำเภอสิงหนคร ไปยัง อำเภอเมืองสงขลา 

ซึ่งปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ และนักท่องเที่ยว ใช้วิธีการเดินทางด้วยแพขนานยนต์ เพื่อข้ามทะเลสาบ เนื่องจากมีระยะทางที่ใกล้กว่า สามารถลดระยะเวลาการทางได้ จึงทำให้มีผู้ใช้บริการแพขนานยนต์เป็นจำนวนมากที่ต้องมารอต่อแถวเข้าคิวเพื่อซื้อตั๋ว โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนช่วงเวลาเช้าและช่วงเวลาเย็น จึงส่งผลให้เกิดปัญหาในการเดินทางเป็นอย่างมาก

นายเจือ ราชสีห์ ย้ำว่า เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน จึงขอความอนุเคราะห์ให้รัฐบาลสนับสนุนโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ซึ่งโครงการดังกล่าว สามารถช่วยให้พี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยว ได้รับความสะดวกปลอดภัยในการเดินทางสัญจรไป-มา ประหยัดเวลา ระยะทาง และลดค่าใช้จ่ายประจำวันได้ ตลอดถึงสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลาเป็นอย่างมาก

ขอนแก่น - มทบ.23 และส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น จัดงานรวมพลังมวลชนขอนแก่นสามัคคี และพิธีสวนสนามกระทำสัตย์ปฏิญาณตนของ นศท.

เมื่อวันที่ (8 ธ.ค. 67) เวลา 1400 น. พลตรี กิตติพงษ์ เนื่องชมภู ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 ให้การต้อนรับ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งกรุณาเป็นประธาน ในพิธีการจัดกิจกรรม “วันรวมพลังมวลชนขอนแก่นสามัคคี” และพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหาร ประจำปี 2567 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ รวมทั้งเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมในการแสดงพลังของมวลชนกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีแนวความคิด อุดมการณ์ในการเทิดทูนสถาบันหลักของชาติ ตลอดจนการแสดงศักยภาพของ “เยาวชน คนรุ่นใหม่” นักศึกษาวิชาทหาร และนักเรียน/นักศึกษา ที่เข้าร่วมกิจกรรมฯ ณ สนามกีฬา 50 ปี มหาวิทยาลัยขอนแก่น กิจกรรมประกอบด้วย การร่วมประชุมหารือกับหัวหน้าส่วนราชการและตัวแทนกลุ่มพลังมวลชนในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น หน้าห้องสารสินอาคารสิริคุณากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น ต่อจากนั้นเข้าเยี่ยมชมนิทรรศการ เทิดพระเกียรติและนิทรรศการเทคโนโลยีทางทหารซึ่งได้รับการสนับสนุนจากส่วนราชการสถาบันการศึกษา และบริษัทภาคเอกชนในพื้นที่ การเดินพาเหรดรวมพลังของมวลชนกลุ่มต่างๆ, พิธีอัญเชิญ “ธงชาติไทย”, การปฏิญาณตนเป็น “พลเมืองดี และพลังแผ่นดิน”, การแสดงของเยาวชนในการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น, การแสดงของนักศึกษาวิชาทหาร, การแสดงดนตรีร่วมสมัย และพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหาร สังกัด ศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบที่ 23 ซึ่งจะเป็นการแสดงออกถึงความรัก ความสามัคคี ความเข้มแข็ง และความพร้อมเพรียง ของนักศึกษาวิชาทหาร ซึ่งจะเป็นกำลังพลสำรองที่มีคุณภาพ และ มีความสำคัญของประเทศชาติ โดยได้รับการสนับสนุนการจัดกิจกรรม จากกรมกิจการพลเรือนทหารบก และภาคีเครือข่ายในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ในการนี้นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น  รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะหลักสูตรประชาสัมพันธ์ระดับผู้บริหารกองทัพภาคที่ 2 หัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐภาคเอกชน สถานศึกษา เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อขับเคลื่อนการปฏิบัติ ขอนแก่นเข้มแข็ง รวมพลังมวลชนขอนแก่นสามัคคี

สมุทรปราการ - โค้งสุดท้าย!! “อำนวย บุญริ้ว” ลงพื้นที่หาเสียงหมู่บ้านพฤกษา 15 ประชาชนจำนวนมากแห่ต้อนรับ

(9 ธ.ค. 67) นายกนาจ หรือนายอำนวย บุญริ้ว อดีตนายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ หมายเลข 1 พร้อมด้วยคณะสมาชิกในนามกลุ่มพัฒนาแพรกษาใหม่ ภายใต้สโลแกน “มีปัญหาหันมาเมื่อไหร่ก็เจอ” 

ลงพื้นที่หาเสียงภายในตลาดหมู่บ้านพฤกษา 15 ถนนตำหรุ-บางพลี ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง สมุทรปราการ โดยช่วงเช้าได้เข้ากราบไหว้สักการะองค์หลวงปู่ทวด และศาลพระภูมิเจ้าที่ บริเวณตลาดนัด หมู่บ้านพฤกษา 15 เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนลุยหาเสียงอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเดินชู้ป้าย แจกแผ่นพับแนะนำตัวผู้สมัคร และชูนโยบายในการบริหารงานและแผนพัฒนาท้องถิ่นของกลุ่มพัฒนาแพรกษาใหม่ 10 ข้อ

1. พัฒนากลุ่มอาชีพให้เข้มแข็งและมีศักยภาพมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ 2. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้แข็งแรง สะดวก ปลอดภัย ตอบสนองทักษะชุมชน 3. พัฒนาระบบการศึกษาให้อนาคตของท้องถิ่นมีคุณภาพการศึกษาที่ทันสมัยและเท่าเทียม 4. พัฒนาคุณภาพผู้สูงอายุให้มีความภาคภูมิใจในตนเองดำรงชีพอย่างมีเกียรติและมีศักดิ์ศรี 5. ส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศแก่ทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข 6. ส่งเสริมยกระดับการบริการประชาชน อย่างรวดเร็วเป็นธรรม โปร่งใส่ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง 7. ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัยไร้มลพิษ 8. ส่งเสริมระบบสาธารณสุขสะดวก รวดเร็วทั่วถึง ตรงต่อความต้องการของประชาชน 9. พัฒนาเทคโนโลยีให้ประชาชนเข้าถึงโดยง่ายและสร้างโอกาสที่หลากหลาย 10. พัฒนาองค์กรให้ประชาชนมีส่วนร่วม ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสินใจ เพื่ออนาคตของทุกคน

อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่หาเสียงในครั้งนี้ ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีทั้งจากพ่อค้า แม่ค้า และพี่น้องประชาชนหมู่บ้านพฤกษา 15 ทั้งนี้ประชาชนจำนวนมากยังได้นำดอกกุหลาบ พวงมาลัยนำมามอบให้กับ นายอำนวย บุญริ้ว อดีตนายกฯ และอวยพรขอให้ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ ซึ่งบรรยากาศการหาเสียงเป็นไปอย่างอบอุ่น 

นอกจากนี้ขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนพี่น้องประชาชน และกลุ่มเยาวชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไป อย่าลืมออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง นายกเทศมนตรี ในวันอาทิตย์ ที่ 15 ธันวาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น ณ. หน่วยเลือกตั้งที่ท่านมีรายชื่ออยู่

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

พิชัย ถกทูตจีน จับมือแก้ปัญหาสินค้านำเข้าไม่ได้มาตรฐาน ก่อนประชุมใหญ่ 16 หน่วยงานบ่ายนี้ พร้อมขอจีนเร่งซื้อ มันสำปะหลัง วัว ข้าว จากไทยต่อเนื่อง 

เมื่อวานนี้ (8 ธ.ค. 67) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หารือกับนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และคณะ โดยมี นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเข้าร่วม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านการค้าของสองประเทศในประเด็นต่างๆ ทั้งการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และการขอความร่วมมือรับซื้อสินค้าเกษตร ทั้งข้าวและมันสำปะหลังจากไทย เพื่อเพิ่มปริมาณการส่งออกสินค้าเกษตรไทย

นายพิชัย กล่าวว่า นับตั้งแต่รับตำแหน่งรัฐมนตรีพาณิชย์ ได้พบปะพูดคุยกับนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสวงหาความร่วมมือระหว่างจีนและกระทรวงพาณิชย์ และเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 67 ที่ผ่านมา ท่านทูตฯเองได้สละเวลา และยกคณะมาประชุมที่กระทรวงพาณิชย์ร่วมกัน เพื่อปลดล็อกความกังวลเรื่องสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย  ซึ่งในเรื่องนี้เราตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาโดยคำนึงถึงมิตรภาพ และความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในทุกมิติ ไม่ทำให้กังวลหรือกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เน้นการปฏิบัติตามหลักระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งฝ่ายจีนเข้าใจเป็นอย่างดี และได้ช่วยเหลือกันในหลายเรื่องจนสำเร็จ 

ล่าสุดตนได้รับรายงานว่า เมื่อ 11 พ.ย.67​ ที่ผ่านมา ทางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ TEMU ก็ได้ดําเนินการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยใช้ชื่อบริษัท เวลโค เทคโนโลยี จํากัด และทางจีนก็ยินดีที่จะส่งเสริมการส่งออกสินค้า SME ไทยให้เข้าไปจำหน่ายในจีนทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรูปแบบใหม่

นายพิชัย กล่าวต่อว่า ท่านนายกรัฐมนตรีห่วงใยปัญหาต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ได้แต่งตั้งให้ตนเป็นประธานคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เพื่อกำหนดนโยบายและมาตรการที่จำเป็นเร่งด่วนในการป้องกันและปราบปรามสินค้าและธุรกิจจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ (9 ธ.ค. 67) ตนได้เรียกประชุมคณะกรรมการฯ กับ 16 หน่วยงาน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งออกมาตรการที่จะส่งผลให้การแก้ไขปัญหาเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ

นอกจากนั้น ตลาดจีนเป็นตลาดใหญ่ ตนจึงได้ขอความร่วมมือจากทางการจีนพิจารณารับซื้อสินค้าเกษตรจากไทย ซึ่งจะเป็นผลดีต่อพี่น้องเกษตรกรไทยอย่างยิ่ง และจากการหารือกันในเบื้องต้น ทางจีนยินดีที่จะสนับสนุนเกษตรกรไทย โดยจะพิจารณาซื้อข้าวจากไทยอีก 280,000 ตัน จากสัญญา 1 ล้านตันให้ได้โดยเร็ว เพื่อจะได้ปิดดีลครบสัญญาการซื้อขายข้าว G to G ระหว่าง COFCO และกรมการค้าต่างประเทศ ที่ลงนามใน MOU กันไว้ตั้งแต่ปี 2558

พร้อมทั้งเร่งผลักดันผู้นำเข้าจีนให้รับซื้อมันสําปะหลังของไทย ที่ผลผลิตกำลังจะออกมามากในช่วงนี้ เพื่อช่วยเกษตรกรไทยกว่า 7 แสนครัวเรือน เนื่องจากราคามันสำปะหลังตกต่ำ ทั้งยังจะผลักดันให้ สำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีน (GACC) และกรมปศุสัตว์ไทย บูรณาการกันและเร่งขับเคลื่อนให้จีนสามารถนำเข้าโคมีชีวิตจากประเทศไทยได้

“ในปี 2568 จะเป็นปีเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน กระทรวงพาณิชย์จะมีกิจกรรมร่วมกับทางการจีนหลายเรื่อง เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างผู้ประกอบการไทยและจีนต่อไป โดยในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม และทางการจีนพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ เข้ามาแก้ปัญหานี้อย่างเต็มที่ ตัวท่านทูตหานได้กล่าวในการหารือเป็นอย่างดีว่า ความสัมพันธ์ไทยจีนเหมือนป่าไม้ใหญ่ที่ต้องเจริญรุ่งเรืองอุดมสมบูรณ์ต่อไปภายภาคหน้า แต่ปัญหาต่างๆ เหมือนหนอน ซึ่งตัวเล็กมาก ต้องจับออกไป เพื่อให้ป่าอุดมสมบูรณ์ต่อไป ผมคิดว่านี่เป็นแนวทางแก้ปัญหาที่เดินมาถูกทาง เราต้องส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดี และการค้าของสองฝ่ายให้เติบโตยิ่งขึ้นไป” นายพิชัยกล่าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกการจราจร การจัดงานกาชาด ประจำปี 2567 พร้อมเชิญชวนร่วมสนุกในร้านของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ ภายในงานด้วย

(9 ธ.ค. 67) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมการดูแลความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และการออกร้านของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และร้านของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ในงานกาชาด ประจำปี 2567 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 11 - 22 ธันวาคม 2567 รวม 12 วัน ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร โดยมี พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.กฤษฎา สุรเชษฐพงษ์ ผบช.สกบ.รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สยาม บุญสม จตร.รรท.ผบช.น. , พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. พร้อมผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนสมาคมแม่บ้านตำรวจ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้กำชับการรักษาความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกการจราจร โดยรอบบริเวณพื้นที่การจัดงานและพื้นที่ต่อเนื่อง , สืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการรักษาความปลอดภัย , จัดทำแผนเผชิญเหตุ แผนการเคลื่อนย้ายประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย หรือโรงพยาบาลฉุกเฉิน , ระดมกวาดล้างอาชญากรรม และการพิจารณาการตั้งจุดตรวจจุดสกัดบริเวณโดยรอบพื้นที่การจัดงาน

ในด้านการรักษาความปลอดภัยภายในงานกาชาด ประจำปี 2567 กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้จัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดคัดกรอง (walk through) บริเวณทางเข้า โดยรอบสวนลุมพินี มีการสุ่มตรวจใช้แอปพลิเคชัน Crime on Mobile กับบุคคลต้องสงสัย เพื่อตรวจสอบหมายจับการกระทำผิดอาญา และผู้ที่มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์

ในส่วนของการจราจรนั้น คาดว่าตลอดการจัดงานกาชาด ประจำปี 2567 จะมีประชาชนเดินทางไปร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทำให้การจราจรโดยรอบติดสะสม จึงได้กำชับให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในพื้นที่ดังกล่าวและพื้นที่ต่อเนื่องอย่างเต็มกำลัง พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่สนใจมาร่วมงานเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถประจำทาง รถไฟฟ้า BTS MRT รถยนต์นั่งสาธารณะ เพื่อลดปัญหาการจราจรในพื้นที่รอบบริเวณงาน หรือจอดรถนอกพื้นที่และต่อรถที่จัดให้บริการฟรีได้

สำหรับประชาชนที่เดินทางมาร่วมงานโดยรถยนต์ส่วนตัว จะมีจุดจอดรถจำนวน 4 จุด คือ ลานจอดรถประตูถนนราชดำริ จอดได้ประมาณ 150 คัน , ลานจอดรถสวนลุมพินี ทางเข้าประตู 1 ถนนวิทยุ จอดได้ประมาณ 200 คัน , จุดจอดรถสวนป่าเบญจกิติ จอดรถยนต์ได้ประมาณ 300 คัน จอดรถจักรยานยนต์ได้ประมาณ 400 คัน และจุดจอดรถสนามกีฬาแห่งชาติ จอดได้ประมาณ 100 คัน โดยจุดจอดรถสวนป่าเบญจกิติ และสนามกีฬาแห่งชาติ จะมีรถ Shuttle Bus รับ-ส่งผู้ที่มาร่วมเที่ยวชมงาน 

นอกจากนี้ ยังมีอาคารจอดรถเอกชนที่สามารถรองรับรถของประชาชนที่จะเดินทางไปร่วมงานกาชาด ซึ่งมีค่าบริการที่จอดรถ ได้แก่ อาคาร one Bangkok จอดได้ประมาณ 3,000 คัน , อาคารสินทร ถนนวิทยุ จอดได้ 1,200 คัน , อาคารเคี่ยนหงวน ถนนวิทยุ จอดได้ 50 คัน , โครงการเวลา หลังสวน จอดได้ 200 คัน , อาคารออลซีซั่น ถนนวิทยุ จอดได้ 3,000 คัน , เดอะ เมอคิวรี่ ทาวเวอร์ จอดได้ 390 คัน และศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จอดได้ 2,000 คัน

ทั้งนี้ ในปีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นเจ้าภาพหลักในการออกร้านของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจออกร้านของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ตั้งอยู่บริเวณโซน 5 โดยในส่วนของร้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การจัดนิทรรศการ “ทศมราชา 72 พรรษา ถวายพระพร” , กิจกรรมยิงปืนอัดลม (บีบีกัน) ปาลูกโป่ง หนุ่มน้อยตกน้ำ ขี่ม้าพาเพลิน , การออกร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม และร้านสะดวกซื้อ รวมทั้งการแสดงของม้าตำรวจ และสุนัขตำรวจ

สำหรับร้านของสมาคมแม่บ้านตำรวจ จะจัดตกแต่งในรูปแบบสวนอังกฤษย้อนยุค ซึ่งจะมีทางเชื่อมต่อกับร้านของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยร้านของสมาคมแม่บ้านตำรวจมีกิจกรรมที่น่าสนใจและสนุกสนาน ได้แก่ กิจกรรมจับสลากพฤกษากาชาด ลุ้นรับของรางวัลมากมาย และเลือกช็อปสินค้าที่น่าสนใจ ราคาย่อมเยา จากสมาคมแม่บ้านตำรวจและชมรมแม่บ้านตำรวจทั่วประเทศ พร้อมพบกับศิลปินดาราจำนวนมากที่จะมาร่วมสนุกที่ร้านทุกวัน

กิจกรรมในส่วนของเวทีกลางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสมาคมแม่บ้านตำรวจ ผู้ร่วมงานจะเพลิดเพลินไปกับการแสดงดนตรีในสวน การแสดงของบุตรหลานข้าราชการตำรวจ เล่นเกมชิงรางวัล และพบกับศิลปินดารามากมายที่สลับสับเปลี่ยนมาร่วมสนุกบนเวทีในทุกวันด้วย

ทั้งนี้ ขอเชิญชวนประชาชนร่วมงานกาชาดประจำปี 2567 ภายใต้แนวคิด “ทศมราชา 72 พรรษา ถวายพระพร” ระหว่างวันที่ 11 - 22 ธันวาคม 2567 รวม 12 วัน ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร เวลา 11.00 - 22.00 น. วันสุดท้ายปิด 23.00 น. และแพลตฟอร์มงานกาชาดออนไลน์ www.iredcross.org ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อหารายได้โดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย 

‘คุณพ่อยุคใหม่’ เปิดใจรับฟังเมื่อลูกสาวติด ร. 4 ตัว ใช้เหตุผลสั่งสอน พร้อมช่วยหาทางออกแก้ผลการเรียน

(9 ธ.ค. 67) ผู้ใช้ Tiktok ชื่อบัญชี Ticger_not โพสต์คลิปสอนลูกสาวหลังผลการเรียนออกมา ปรากฏว่า ลูกสาวติด ร. ถึง 4 ตัว โดยลูกสาวยอมรับว่า สาเหตุของการติด ร. นั้น เป็นเพราะไม่ตั้งใจเรียน ติดเล่นกับเพื่อน และติดเล่นโทรศัพท์มือถือจนส่งผลต่อการดังกล่าว

โดยคุณพ่อ ได้สอนลูกสาวโดยใช้เหตุผลอย่างน่าชื่นชม แม้ว่าเจ้าตัวจะรู้สึกโกรธกับผลการเรียนของลูกสาว แต่ก็ได้เปิดโอกาสลูกสาว ไปตามเก็บงานจากคุณครู ว่า ติดวิชาอะไรบ้าง ภายใน 3 วัน และมาหาทางออกว่าจะทำอย่างไรต่อไป พร้อมกับได้ยื่นข้อเสนอ 2 ทางเลือก คือ 1. ให้ลูกสาวบังคับตัวเองให้ทำงานส่งคุณครูให้เสร็จ หรือ 2. คนเป็นพ่อจะเป็นผู้บังคับเอง ซึ่งลูกสาวได้เลือกข้อ 1 

หลังจากนั้น คุณพ่อ ได้กลับมาโพสต์คลิปอัปเดต ผลการแก้ ร. อีกครั้ง โดยลูกสาวบอกว่า ทำงานเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้ส่ง เพราะตามหาตัวคุณครูไม่พบ เนื่องจากคุณครูกลับบ้านก่อน จึงเกิดการตามหาคุณครูอย่างจ้าละหวั่น และลูกสาวก็ยอมรับว่า ตามหาครูยากลำบาก

ทำให้คุณพ่อ ได้สั่งสอนเพิ่มเติมว่า การที่คุณครูทำเช่นนั้นถูกต้องแล้ว เพราะตอนที่ครูสอนไม่ตั้งใจเรียน เมินคุณครู และเมื่อถึงเวลาต้องส่งงาน ก็ต้องตามง้อครูด้วยเช่นกัน เพราะเป็นความผิดของเราเองที่ไม่สนใจเรียนในขณะที่ครูสอน เพราะครูคนเดียวต้องสอนเด็กหลายสิบคน ก็มีความยากลำบากเช่นกัน

พร้อมทั้งบอกด้วยว่า หากเป็นครูที่ดุ ๆ หรืออยากจะสั่งสอนเด็กเพิ่มมากกว่านี้ ครูไม่เพียงแต่จะให้ทำงานส่งเท่านั้น แต่จะพยายาม ไม่ให้นักเรียนได้เจอตัว เพื่อไม่ให้มีโอกาสได้ส่งงาน
นอกจากนี้ คุณพ่อยังฝากไปยังคุณครูด้วยว่า อยากให้ลูกสาวทำงานชดใช้เพิ่มเติม ด้วยการทำความสะอาดห้องน้ำให้คุณครูอีกด้วย อีกทั้ง ยังจะตามไปตรวจดูด้วยว่าได้ทำความสะอาดห้องน้ำครูจริงหรือไม่ ซึ่งลูกสาวก็ได้รับปากว่าจะไปทำให้

ทั้งนี้ ชาวเน็ตจำนวนมาก ที่ได้ชมคลิปดังกล่าว ต่างชื่นชมถึงวิธีการสอนของคุณพ่อ ที่ใช้เหตุผลในการพูดคุย โดยไม่ใช้อารมณ์แต่อย่างใด แม้จะโกรธและไม่พอใจกับผลการเรียนของลูกสาวก็ตาม

มุกดาหาร​ "ล็อตใหญ่" ยาบ้ารุ่นใหม่ เกล็ดเพชร มีแสงระยิบระยับ นรข.มุกดาหาร  ยึดยาบ้านำเข้าข้ามแม่น้ำโขง 8 ล้านเม็ด มูลค่า 450 ล้านบาท 

(9 ธ.ค. 67)​  กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี โดย สถานีเรือมุกดาหาร หน่วยเรือรักษาความสงบตามลำน้ำโขง เขตนครพนม ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบขนย้ายยาเสพติดมาจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาประเทศไทย บริเวณริมแม่น้ำโขง พื้นที่ บ้านหว้านใหญ่ หมู่ที่ 4 ตำบลหว้านใหญ่ อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร จึงได้วางแผนและจัดกำลัง จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจในพื้นที่ตามที่ได้รับแจ้ง พบเรือเหล็กขนาดใหญ่ติดเครื่องยนต์แล่นเข้ามาจอดบริเวณริมตลิ่งจากนั้นได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ลงไปช่วยกันลำเลียงกระสอบจากลำเรือขึ้นมาบนฝั่ง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว แต่กลุ่มใช้กันดังกล่าวและคนขับเรือเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้พากันอาศัยความมืดวิ่งหลบหนีไปได้ การตรวจสอบพบกระสอบขนาดใหญ่รวมจำนวน 20 กระสอบ เมื่อเปิดออกดูพบว่าเป็นยาบ้า ประมาณ 8,000,000 เม็ด รวมมูลค่ากว่า 480,000,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้พร้อมกับพร้อมเรือเหล็กติดเครื่องยนต์ จำนวน 1 ลำ จากนั้นได้นำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหว้านใหญ่ เพื่อดำเนินการสอบสวนสืบสวนเพื่อขยายผลติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

#ศูนย์ข่าวมุกดาหาร
ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777

“ปชป.” สนับสนุนสันนิบาตสหกรณ์ฯ.เดินหน้าโครงการ“สภาสหกรณ์แห่งชาติ”ยกระดับอัพเกรดขบวนการสหกรณ์ของไทย

(9 ธ.ค. 67) นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์และอดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศคนที่ 1ได้รับมอบจากดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เข้าร่วมการประชุมและบรรยายตามคำเชิญของนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานคณะกรรมการดำเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.)ในวาระการประชุมของสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยเรื่องโครงการจัดตั้งสภาสหกรณ์แห่งชาติ“ที่โรงแรมเอเซียแอร์พอร์ตวันนี้โดยนายอลงกรณ์กล่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์

มีนโยบายสนับสนุนขบวนการสหกรณ์และสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องยาวนานโดยเฉพาะในช่วงที่เป็นแกนนำรัฐบาลได้ปรับปรุงพรบ.สหกรณ์ปี2511ที่ใช้มา31ปีให้ทันสมัยในปี2542 ดังนั้นเมื่อสันนิบาตสหกรณ์ฯ.ริเริ่มโครงการจัดตั้งสภาสหกรณ์แห่งชาติจึงพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ “ขบวนการสหกรณ์ของไทยเกิดขึ้นมากว่า100ปีตั้งแต่ปี2458จนเติบใหญ่มีสมาชิกกว่า10ล้านคนในสหกรณ์7ประเภทจำนวนกว่า6,000สหกรณ์เป็นองค์กรธุรกิจใหญ่ที่สุดมีทรัพย์สินเงินทุนหมุนเวียนและธุรกิจไม่น้อยกว่า5ล้านล้านบาทมากกว่างบประมาณแผ่นดินเกือบ2เท่ามีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตลอดมา 

ดังนั้นเมื่อสันนิบาตสหกรณ์ฯ.ริเริ่มโครงการจัดตั้งสภาสหกรณ์แห่งชาติจึงพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่และพร้อมร่วมคิดร่วมจัดทำร่างพระราชบัญญัติ“สภาสหกรณ์แห่งชาติ” เช่นเดียวกับการที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตได้ตราพระราชบัญญัติสภาเกษตรกรแห่งชาติพ.ศ. 2553เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเกษตรกรและภาคเกษตรกรรมของประเทศ“ ทั้งนี้นายอลงกรณ์ได้เสนอ2แนวทางในการจัดตั้งสภาสหกรณ์แห่งชาติ เช่น การตรากฎหมายใหม่หรือปรับปรุงกฎหมายเดิมยกฐานะสันนิบาตสหกรณ์ฯ.เป็นสภาสหกรณ์ฯ.หรือเป็นสภาสหกรณ์และเกษตรกรแห่งชาติภายใต้การปรับปรุงกฎหมายสภาเกษตรกรแห่งชาติซึ่งต้องหารือกับคณะกรรมการสภาเกษตรกรแห่งชาติว่าขัดข้องหรือไม่อย่างไรเพื่อให้ขบวนการสหกรณ์แข็งแกร่งและเป็นเอกภาพ นอกจากนั้นกฎหมายการจัดตั้งจะต้องตอบโจทย์การบริหารสหกรณ์ที่มีประสิทธิภาพและโปร่งใส ต้นทุนเงินสหกรณ์และดอกเบี้ย ความสามารถในการประกอบธุรกิจแบบอเนกประสงค์ทันต่อยุคดิจิตอล รวมทั้งการให้มีองค์กรอิสระทำหน้าที่กำกับดูแลและสนับสนุนในรูปแบบRegulatorในสาขากิจการประกันภัย สาขากิจการสื่อสารโทรคมนาคม สาขากิจการไฟฟ้าฯลฯแทนกรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์เพื่อความคล่องตัวในการดำเนินการภายใต้คณะกรรมการกำกับกิจการที่เป็นองค์อิสระ.

‘โหรลักยิ้ม’ อวยยศฉ่ำ ‘พล.ต.ท.เรวัช’ คนนี้ดวงดีไม่ตก หลัง ‘พีระพันธุ์’ ทาบทามช่วยสอบข้อเท็จจริงขนถ่านหิน กฟผ.

(9 ธ.ค. 67) โหรลักยิ้ม อาจารย์ภัทร ได้โพสต์ Tiktok ถึงกรณีที่ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และ อดีตรักษาการผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ได้รับการทาบทามจาก นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เป็นประธานสอบสวนเกี่ยวกับการไม่ชอบมาพากลของการ จัดซื้อจัดจ้าง กรณีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะจ้างบริษัทมาขนถ่านหิน เงินงบประมาณ 7,250 ล้าน ว่า ก่อนหน้านี้ ได้เคยดูดวง พล.ต.ท.เรวัช มาแล้ว และได้ทำงานว่าเป็นคนดวงดีไม่มีตก แต่จะมีช่วงที่หยุดชะงักแต่ไม่ใช่ดวงตก แต่เป็นการหยุดเพื่อไปต่อ หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นช่วงเผยศัตรู ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี อีกทั้งดวงของ พล.ต.ท.เรวัช  กำลังขึ้น และจะดีขึ้นเรื่อย ๆ 

“ดวงคุณอาเรวัช ไม่ใช่นักโต้ตอบ แต่เป็นดวงของนักรบ เมื่อเสนาบดีเรียกพบเจ้าพระยา สงครามย่อมเกิดเหมือนเมื่อครั้งสมัยโบราณ ที่เมื่อเกิดศึกสงครามก็มักจะมีการระดมพล หลังจากนี้ก็มาติดตามดูกันว่าจะมีอะไรเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นในดวงเมืองของกรุงรัตนโกสินทร์อีก รวมทั้งมาติดตามดูว่าคุณอาเรวัช จะได้รับตำแหน่งอะไรเพิ่มเติม นอกเหนือจากตำแหน่งที่กำลังจะได้รับการแต่งตั้งให้สอบทุจริตดังกล่าว”

‘ถาวร‘ นัดถกทีม ส.อบจ.สาย ‘ไพเจน’ ก่อนตัดสินใจลงชิงเก้าอี้ นายกฯ อบจ.สงขลา

(9 ธ.ค. 67) ถาวร เสนเนียม อดีตรัฐมนตรีช่วยคมนาคม เดินทางกลับบ้านที่หาดใหญ่ พร้อมนัดสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (ส่วน.อบจ.) ในสายของ ’ไพเจน มากสุวรรณ์’ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดคนปัจจุบันมาร่วมประชุม และรับประทานอหาร

ซึ่งนอกจาก ส.อบจ.ในสายของไพเจนเข้าร่วมประชุม นำทีมโดยอริย์ธัช ทองเพชร ประธานสภา อบจ.สงขลา แกนนำทีม ”รวมพลังร่วมสร้างสุข” ซึ่งมีว่าที่ผู้สมัคร ส.อบจ.อยู่ในมือแล้ว 27 คน จากทั้งหมด 32 คน

“พี่ยังยืนยันในหลักการเดิมในการตัดสินว่าจะลงสมัครหรือไม่ลงสมัคร คือขอประเมินคดีก่อน คดีที่ถูกกล่าวหาว่าขัดขวางการเลือก สมัยการชุมนุมของ กปปส.คดีอยู่ระหว่างเตรียมการฎีกา” ถาวร กล่าว

ถาวร เปิดเผยว่า การประเมินผลทางคดี ต้องรอประชุมร่วมกับทีมทนายความของผู้ต้องหาทั้ง 15 คน ที่ใช้ทนายความถึง 10 คน

“ไม่เกินกลางเดือนผมจะตัดสินใจ และจะแถลงให้ได้รับทราบถึงการตัดสินใจ ซึ่งเราจะสู้ในประเด็นข้อกฎหมายเป็นหลัก ประเด็นว่า เมื่อการเลือกตั้งเป็นโมฆะไปแล้ว ยังจะมีความอีกเหรอ และ กกต.เองก็จัดการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งการเลือกตั้งทั่วไป กฎหมายกำหนดให้เลือกตั้งพร้อมกันทั่วประเทศ แต่ครั้งนั้น กกต.ไม่สามารถจัดเลือกตั้งได้พร้อมกันทั่วประเทศ ยังขาดอีก 38 เขตเลือกตั้ง”

ถาวร กล่าวขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งสัญญาณกันมา สนับสนุนให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกฯอบจ.สงขลา แต่สำหรับตนแล้ว ไม่อยากให้ อบจ.สงขลาต้องสูญเสียงบประมาณจัดการเลือกตั้งใหม่ถึงเกือบ 100 ล้าน ถ้าคดีออกมาเป็นลบ

“เงินเกือบ 100 ล้าน เป็นเงินมาจากภาษีประชาชน สร้างอะไร ทำอะไรได้อีกมาก ไม่ควรเอามาใช้จ่ายเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่” ถาวร กล่าว

กล่าวสำหรับทีมรวมพลังร่วมสร้างสุข แม้จะยังไม่มีหัว แต่หาง (ส.อบจ.)พร้อมแล้ว และนายกฯไพเจน ก็จะยังให้การสนับสนุนทีมรวมพลังร่วมสร้างสุขต่อไป และถาวร เสนเนียม จะลงหรือไม่ลงสมัคร ก็น่าจะสนับสนุนทีมรวมพลังร่วมสร้างสุขแน่นอน

ส่วนประสงค์ บริรักษ์ ที่เปิดตัวลงชิงนายกฯอบจ.สงขลาด้วย น่าจะเป็นการลงแบบอิสระ ไม่เกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทย และไม่ส่ง ส.อบจ.ด้วย แต่มีทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.อบจ.กลุ่มหนึ่งใช้ชื่อ “ภูมิใจสงขลา” ครบ 32 คน อันทำให้เข้าใจว่า ภูมิใจไทยสนับสนุน 

ส่วนสุพิศ พิทักษ์ธรรม อดีตอธิบดีกรมฝนหลวงฯ ที่เปิดตัวลงชิงตั้งแต่ไก่โห่  ประกาศความพร้อมอาสาเข้ามาเปลี่ยนสงขลา และเริ่มปล่อยรถตระเวนออกหาเสียงในทุกอำเภอแล้ว แม้จะประกาศลงสมัครอิสระ ไม่สังกัดพรรคไหน แต่การปรากฏตัวของนายกฯชาย เดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในศูนย์ประกาศสานงาน ทำให้คราบของประชาธิปัตย์ และคราบของนายกฯชาย ติดตัวสุพิศไปด้วยอย่างสลัดออกยาก

เป็นภาพติดตัวสุพิศในสถานการณ์ที่ประชาธิปัตย์อ่อนแอยิ่ง นายกฯชายก็ใช้ว่าจะได้รับการยอมรับมากนักกับการนำพาพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลที่ทักษิณชักใยอยู่เบื้องหลัง

สุพิศต้องสลัดประชาธิปัตย์ ออกจากตัวให้ได้ และต้องอยู่ห่างนายกฯชายเข้าไว้ ทุกอย่างจะดีเอง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top