Tuesday, 13 May 2025
NewsFeed

ด่วน !! คลื่นซัดเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ 2 ลำ เกยตื้นที่เกาะพระทอง

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายฉัตรชัย ทองทวีวิวัฒน์ เจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 12 (คุระบุรี พังงา)และเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางทะเลชุมชน 2 คุระบุรี ได้รับแจ้งว่ามีเรือลากจูงชื่อ วายเคพี มารีน และเรือลำเลียงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชื่อ นำทอง 39 ถูกคลื่นซัดเกยตื้นบริเวณชายหาดด้านทิศตะวันตกของเกาะพระทอง ต.เกาะพระทอง อ.คุระบุรี จ.พังงา มี MR.EFENDI TAKARENDEHANG สัญชาติ อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผู้ควบคุมเรือในขณะเกิดเหตุมีคนประจำเรือประมาณ 8 คน โดยเรือได้บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์จากประเทศพม่า เพื่อเดินทางไปประเทศอินโดนีเซีย เมื่อมาถึงฝั่งทะเลอันดามันในประเทศไทยเชือกขนาดใหญ่ได้เข้าไปพันกับใบจักรเรือ จนทำให้เครื่องเรือดับเดินทางต่อไปไม่ได้ จึงถูกคลื่นพัดเข้ามาเกยตื้น แต่ตัวเรือ เครื่องจักร สินค้า ยังไม่ได้รับความเสียหาย และไม่มีการแพร่กระจายของคราบน้ำมันในบริเวณจุดเกิดเหตุ

โดยทางเจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 12 (คุระบุรี พังงา)และเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางทะเลชุมชน 2 คุระบุรี ได้เร่งเดินทางไปร่วมช่วยเหลือนำเครื่องดูดน้ำสูบน้ำออกเรือ และตัดเชือกที่พันใบจักรเรือลากจูงดังกล่าว พร้อมได้ให้ทางเจ้าของเรือประสานหน่วยงาน เพื่อร่วมวางแผนในการนำเรือทั้ง 2 ลำ ออกจากจุดเกยตื้น

ว่าที่ร้อยตรีกิตติภูมิ สมัยกลาง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพังงา เปิดเผยว่า เบื้องต้นทางสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพังงา และเจ้าหน้าที่ ศรชล.ภาค 3 เตรียมการกู้ลากจูงเรือออกจากจุดเกิดเหตุ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการจัดหาเรือช่วยเหลือ (Salvage) เพื่อให้การช่วยเหลือลากจูง เรือลากจูง“วายเคพี มารีน” ออกก่อน และจะใช้เรือลำดังกล่าว ดึงเรือลำเลียง นำทอง 39 ออกมาในภายหลัง โดยทั้งนี้ ต้องปฏิบัติงานกู้ลากจูงเรือ ในช่วงระดับน้ำขึ้นสูงสุด  พร้อมนี้ได้ให้ข้อสังเกตข้อแนะนำกับ เจ้าของเรือ/ผู้ดูแลเรือ เกี่ยวกับการเตรียมการเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าบนเรือลำเลียง ซึ่งบรรทุกสินค้า เป็นไม้ยางพารา (PARA WOODS) ในตู้คอนเทนเนอร์ กรณีอาจต้องจัดเตรียมเรืออื่น พร้อมอุปกรณ์ยกขน เพื่อขนถ่ายสินค้าบางส่วนออกให้เรือเบาขึ้นเพื่อให้สามารถกู้เรือลำเลียงได้โดยง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น


ภาพ/ข่าว  อโนทัย งานดี

ตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ บูรณาการร่วมกับ ปปส.ภ.3 จังหวัดศรีสะเกษ แถลงผลการการปฏิบัติการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2564 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะ พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รอง ผบช.ภ.3 (หน.ปส),  นายณรงค์ วรหาญ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันปราบปรามยาเสพติดภาค 3 พลตำรวจตรีสันติ เหล่าประทาย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ นายสำรวย เกษกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญภายใต้ยุทธการ พิฆาตทรชน คนค้ายา อีสานใต้ และยุทธการ 238 พิทักษ์นครลำดวน ในห้วงวันที่ 19 พฤษภาคม – 6 มิถุนายน 2564  โดยมี พันเอก ณัฐพงศ์ จินดาเวช รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายทหาร และพันตำรวจเอก ศุภชัย ศักรินพานิชกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ /เลขานุการร่วมศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดศรีสะเกษ นายนพ พงศ์ผลาดิสัย ปลัดจังหวัด /กรรมการและเลขานุการร่วม ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดศรีสะเกษ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสื่อมวลชนจังหวัดศรีสะเกษร่วมรับฟังการแถลงข่าวเป็นจำนวนมาก

ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสถานีตำรวจภูธรในสังกัด ภ.จว.ศรีสะเกษ รวม 32 สถานี ,กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ , ที่ทำการปกครองจังหวัดศรีสะเกษและที่ทำการปกครองอำเภอ ทุกอำเภอ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดศรีสะเกษ , เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร, สำนักงาน ปปส.ภาค 3 ตำรวจทางหลวง,ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองศรีสะเกษ , เรือนจำจังหวัดศรีสะเกษสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ , กองบังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดศรีสะเกษ , กองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอ ทุกอำเภอ และหน่วยงานในพื้นที่ สามารถจับกุมรวมทั้งสิ้น 465 คดี    ผู้ต้องหา 481 คน

ของกลางเป็นยาบ้า 269,278 เม็ด  กัญชา 41 กรัม ไอซ์  411.8 กรัม กระท่อม 11,680  กรัม อาวุธปืน  31 กระบอก จับกุมตามหมายจับคดียาเสพติด 7 หมาย (ครอบครองเพื่อจำหน่าย 5 เสพ 2 ) ยาบ้า จับกุม 386 คดี ผู้ต้องหา 397 คน ของกลางเป็นยาบ้า 263,272 เม็ด กัญชาทจับกุม 26 คดี ผู้ต้องหา 26 คน ของกลาง กัญชา 41 กรัม  พืชกระท่อม จับกุม 15 คดี  ผู้ต้องหา 20 คนของกลาง กระท่อม 11,680 กรัม  ไอซ์จับกุม 5คดี  ผู้ต้องหา 5 คนของกลาง ไอซ์ 411.8 กรัม และอาวุธปืน จับกุม 31 ราย ผู้ต้องหา 31 คน อาวุธปืนจำนวน 31 กระบอก ได้แก่ ปืนแก๊ปยาว จำนวน 21 กระบอก ปืนไทยประดิษฐ์ 10 กระบอก , กระสุนปืน 16 นัด และจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ ห้วง 24 พฤษภาคม – 6 มิถุนายน 2564 จำนวน 2 ราย ผู้ต้องหา 2 คน ของกลางยาบ้า 47,806 เม็ด และ ไอซ์ 402.96  กรัม ด้วย    

นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ โดยประสานข้อมูลการปฏิบัติกับสำนักงานป้องกันปราบปรามยาเสพติดภาค 3 ในการกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายตัดวงจรยาเสพติดทุกระดับ  การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด ตามแนวชายแดนและพื้นที่ชั้นใน ตามนโยบายรัฐบาลโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3พฤศจิกายน 2563 ได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการอย่างจริงจังทั้งระบบ โดยเร่งรัดการแก้ไขปัญหายาเสพติด ให้ความสำคัญกับกระบวนการ มีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ปราบปราม แหล่งผลิตและเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด ทั้งพื้นที่แนวชายแดนและพื้นที่ตอนใน โดยให้เป็นการแก้ไขปัญหาภายในของประเทศด้วยกฎหมายไทยและหลักสากล  ซึ่งจังหวัดศรีสะเกษได้กำหนดให้วาระที่ 2 ของ 10 วาระเร่งด่วนในการพัฒนาจังหวัด เป็นเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด จึงร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระดมกวาดล้างอาชญากรรมและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ตามแผนยุทธการ พิฆาตทรชน คนค้ายา อีสานใต้ และ ยุทธการ 238 พิทักษ์นครลำดวน

พลตำรวจตรี สันติ เหล่าประทาย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ตำรวจภูธรภาค 3 จึงขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน ให้ความร่วมมือแจ้งเบาะแสข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้าโดยแจ้งข้อมูลผ่าน สายด่วนยาเสพติด 1599 , สายด่วน 191  , Application Police I lert U  และ เบอร์สายด่วน 1386 สำนักงาน ป.ป.ส. กระทรวงยุติธรรม (https://www.oncb.go.th/)   ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ  สายด่วน 1567 ได้ตลอด 24 ชม.  ทั้งนี้เพื่อเป็นข้อมูลในการดำเนินการปราบปราม จับกุม ทำลายเครือข่ายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อลดปัญหายาเสพติด ให้สังคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด และปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติด ต่อไป  และขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุนตำรวจภูธรภาค 3 ด้วยดีเสมอมา


ข่าว/ภาพ  บุญทัน ธุศรีวรรณ ศรีสะเกษ

2 เข็ม AZ ภูมิพุ่ง 90% ไม่น้อยหน้า 'Pfizer - Moderna' ไม่ต้องเสียเวลาบินไปฉีดต่างแดน

เป็นอีกข่าวดีของผู้ที่เตรียมรับวัคซีนแอสตราเซเนกา เมื่อ ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Warat Karuchit ว่า....

ขอแสดงความยินดี กับท่านที่ได้ฉีด AZ (แอตราเซเนกา) ด้วยนะครับ

ผลการศึกษาเบื้องต้นที่เก็บในโลกจริง (ไม่ได้บอกว่าที่ไหน แต่น่าจะเป็นที่อังกฤษ) พบว่า สองเข็มของ AZ นั้นสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้สูงสุดถึง 90% เลยทีเดียว เอาจริงๆ สูสีกับไฟเซอร์และโมเดิร์นน่าเลยนะเนี่ย โดยไม่ต้องเสียตังบินไปต่างประเทศด้วย

 

ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4665180533497549&id=100000169455098

https://www.reuters.com/business/healthcare-pharmaceuticals/uk-analysis-finds-two-doses-astrazeneca-covid-19-vaccine-85-90-effective-2021-05-20/


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ไม่นานมานี้จีนได้สร้างปรากฏการณ์ทางเทคโนโลยีระลอกใหม่ผ่าน​การสร้างนักศึกษาเสมือนจีน virtual student ในรูปลักษณ์ของ​ #นักศึกษาAI ซึ่งจีนสามารถประดิษฐ์นักศึกษา AI ได้สำเร็จ เรียกว่าพัฒนาออกมาได้ทั้งสวยและเก่งด้วย!!

ไม่นานมานี้จีนได้สร้างปรากฏการณ์ทางเทคโนโลยีระลอกใหม่ผ่าน​การสร้างนักศึกษาเสมือนจริง virtual student ในรูปลักษณ์ของ​ #นักศึกษาAI ซึ่งจีนสามารถประดิษฐ์นักศึกษา AI ได้สำเร็จ เรียกว่าพัฒนาออกมาได้ทั้งสวยและเก่งด้วย!!

ทำไมจีนทำได้ ?

รองศาสตราจารย์​ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์​ ได้วิเคราะห์ให้เห็นภาพดังนี้...

- จีนทุ่มงบ R&D พัฒนาระบบ AI จนมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก!!! (ชนะชาติฝรั่ง) 

- คนจีนไม่หวงข้อมูล (Data) 

- จีนมี​ 'ความฝันของจีน'​ (Zhong Guo Meng) ที่จะเป็นนัมเบอร์วันของโลก

- สีจิ้นผิงมาปลุกพลังคนจีนให้ “ฟื้นฟูชาติ” (Fuxing) ไม่ยอมให้ฝรั่งมาย่ำยีอีกต่อไป

- จีนมี​ 'ความเป็นเอกภาพ'​

>> พรรคคอมมิวนิสต์จีนริเริ่มอะไร 
>> รัฐบาลกลางผลักดันต่อ 
>> รัฐบาลมณฑล/ท้องถิ่นรับลูก 
>> เอกชนให้ความร่วมมือ
>> สื่อจีนร่วมปลุกพลังบวก
>> ประชาชนร่วมใจ

นอกจากองค์ประกอบข้างต้นที่เป็นตัวแปรสำคัญให้นวัตกรรมในจีนถูกผลักไปอย่างรวดเร็วแล้วนั้น​ สำหรับพัฒนาการ​ AI​ ของจีน​ ‘หัว จื้อปิง’ นักศึกษา AI ตัวแรกของจีน​ ที่เข้าใกล้คำว่า​ 'มนุษย์'​ ไปอีกขั้น​ รวมถึงปัจจุบันจีนมีระบบจำลองปัญญาประดิษฐ์​ (AI) ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก​ มีรายละเอียดดังนี้... 

1/ วันที่ 3 มิ.ย. 2021 ‘หัว จื้อปิง’ นักศึกษา AI ตัวแรกของจีน !! โพสต์ข้อความแรกบนเวยป๋อ (ทวิตเตอร์ของจีน) ประกาศให้โลกรู้ว่า เธอลงทะเบียนเรียนภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี ของมหาวิทยาลัยชิงหัวแล้ว

2/ หัว จื้อปิง ไม่ใช่คน เธอเป็นนักศึกษาเสมือนจริงที่กำเนิดมาจากระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขนานใหญ่ ผลงานชิ้นแรกของจีน คนแรกของจีน

3/ หัว จื้อปิง โพสต์บนเวยป๋อด้วยว่า “ฉันหลงใหลในวรรณกรรมและศิลปะอย่างมาก” เป็นข้อความที่มาพร้อมรูปร่างหน้าตา เสียงเพลง และผลงานภาพวาดของเธอ

4/ ทั้งหมดนี้ถูกพัฒนาโดย ‘อู้เต้า 2.0 - Wudao 2.0’ ????????เป็นระบบสร้างแบบจำลองปัญญาประดิษฐ์ ใช้ตัวแปร 1.75 ล้านล้านรายการ จำลองบทสนทนา เขียนบทกวี เข้าใจความหมายของภาพ สรุปข้อความ ตอบคำถาม เป็นต้น

5/ อู้เต้า 2.0 ทำลายสถิติของสวิตช์ ทรานส์ฟอร์เมอร์ (Switch Transformer) ของกูเกิ้ล (Google) ที่เคยใช้ตัวแปร 1.6 ล้านล้านรายการ จึงทำให้อู้เต้า 2.0 เป็นระบบจำลองปัญญาประดิษฐ์ขนาดล้านล้านรายการระบบแรกของจีนและมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน

6/ กว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้ ต้องผ่านการทดสอบมากมาย เมื่อใดที่ทำให้มนุษย์จำนวนมากเชื่อว่า มันไม่ใช่คอมพิวเตอร์ได้ นั่นถือว่า ‘สอบผ่าน’

7/ ก่อนจะมีอู้เต้า 2.0 ก็มีอู้เต้า 1.0 มาก่อน เป็นระบบจำลองอัจฉริยะขนานใหญ่ที่จีนพัฒนาขึ้นเอง มีนักวิทยาศาสตร์ด้านปัญญาประดิษฐ์ร่วมทีมมากกว่า 100 ชีวิต 

8/ สำหรับ AI หญิงสาว ‘หัว จื้อปิง’ เธอกำลังจะเข้าเรียน เธอต้องแข่งกับเวลาเพื่อเรียนรู้และพัฒนาตัวเองทุกวันในหลายๆด้าน ด้วยข้อดีของเธอที่เติบโตและเรียนรู้ได้เร็วกว่านักศึกษามนุษย์ทั่วไป หากเธอเริ่มเรียนที่ระดับเด็ก 6 ขวบในปีนี้ เธอจะเรียนจบเท่าระดับเด็ก 12 ขวบในอีก 1 ปีข้างหน้า

9/ สิ่งที่จะต้องเพิ่มเข้าไปในตัว ‘หัว จื้อปิง’ คือ เรื่องอารมณ์ เธอจะเรียนรู้ทักษะด้านอารมณ์ให้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อเรียนรู้การให้เหตุผลและปฏิสัมพันธ์ทางอารมณ์เป็นลำดับถัดไป

#ไม่รู้จักจีนไม่ได้แล้ว
#ใครกุมเทคโนโลยีคนนั้นกุมอนาคตโลก ????

 

ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10223412827482352&id=1037140385

Getting to know China's first AI-powered virtual student | www.xinhuanet.com/english/2021-06/06/c_139992397.htm

ที่มาข้อมูล: https://www.facebook.com/ChinaReportAseanThailand/photos/a.178908446162840/828468017873543/?type=3


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ยอมรับแข้งช้างศึกสู้เต็มที่แล้วในเกมที่แพ้ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1-3 ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่ม G นัดที่ 7

หลังจบเกม อากิระ นิชิโนะ กล่าวว่า ครึ่งแรกทีมเรายังไม่สามารถทำเกมบุกได้อย่างเต็มที่ แต่พอลงมาเล่นในครึ่งหลังนักเตะของเราเริ่มทำได้ดีพอสมควร ซึ่งตรงนี้ก็อยากชื่นชมนักฟุตบอลทุกคนที่ได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่แล้วในเกมนี้

ทัพช้างศึก ลงสนามไปแล้ว 7 นัด มี 9 คะแนน รั้งอันดับ 3 ของกลุ่ม ตกรอบค่อนข้างแน่นอนแล้ว

สำหรับเกมการแข่งขันเมื่อคืนที่ผ่านมา ยูเออี ได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่แนวรับไทยสกัดบอลกันไม่ดีเข้าทาง ไคโอ้ เซนาโด้ วอลเลย์ด้วยขวาเข้าไปให้ เจ้าถิ่นนำก่อน 1-0

จากนั้น ยูเออี ยังสร้างโอกาสได้อย่างต่อเนื่อง และนาทีที่ 33 ยูเออี ก็มาได้ประตูที่สองจากจังหวะที่ บันดาร์ อัล อาห์บาบี้ เปิดให้ ฟาบิโอ ลิมา ได้โขกที่เสาแรกเข้าไปทำให้ ยูเออี นำไทยเป็น 2-0

ช่วงครึ่งหลัง นาทีที่ 54 ไทยได้ประตู ตีไข่แตกจนได้จากลูกเตะมุม ที่ ยูเออี เคลียร์ไม่ขาด นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม โหม่งหนุนเข้าไป และเป็น ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่กลับตัวยิงเข้าไปให้ ไทยไล่มาเป็น 1-2

อย่างไรก็ตาม ช่วงทดเจ็บ อาลี มับคุต จ่ายให้โมฮัมหมัด อีด ยิงเข้าไปให้ ยูเออี นำห่างเป็น 3-1

เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติมจบเกม ทีมชาติไทย แพ้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไป 1-3

ส่วนผลอีกคู่ เวียดนาม ชนะ อินโดนีเซีย 4-0 ทำให้กลุ่มจี เป็นเวียดนามที่นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่มในเวลานี้ ที่ 14 คะแนน

สำหรับ ทีมชาติไทย มีโปรแกรมลงเล่นในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่ม G นัดสุดท้าย พบกับ ทีมชาติมาเลเซีย ในวันอังคารที่ 15 มิถุนายน 2564 เวลา 23.45 น. สนามอัล มัคตูม ถ่ายทอดสดทางช่อง ไทยรัฐทีวี


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

การปรับพื้นที่ริมทางรถไฟ เตรียมความพร้อมโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 ท่าอากาศยาน คาดตุลาคมนี้ เริ่มลงมือก่อสร้างเป็นรูปธรรม

ตามที่รัฐบาล ได้มีแผนดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 ท่าอากาศยาน the High-Speed Rail Linkzed 3 Airport Project คือ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานอู่ตะเภา-พัทยา เพื่อขับเคลื่อนระบบโลจิสติกส์ ด้านระบบขนส่งมวลชนของประเทศ และเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลัก ในการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ทำให้การเดินทางรวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้น โดยมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 224,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเกี่ยวกับรถไฟจำนวน 170,000 ล้านบาท และพัฒนาพื้นที่อีกจำนวน 54,000 ล้านบาท นั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 64 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ เตรียมการก่อสร้างรองรับโครงการรถไฟฟาความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 ท่าอากาศยาน ในเขตพื้นที่ของเมืองพัทยา ตั้งแต่บริเวณแยกกะทิงลาย จนถึงถนนเลียบทางรถไฟห้วยใหญ่ พบว่าเจ้าหน้าที่ได้นำรถแบ็คโฮว์ทำการตักและเกลี่ยดิน เพื่อปรับพื้นที่ให้ได้ระดับในการเตรียมความพร้อมการเริ่มการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 ท่าอากาศยานกันอย่างต่อเนื่อง

จากการสอบถามข้อมูล ทราบว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งให้มีการเตรียมพื้นที่ด้วยการเกลี่ยและปรับหน้าดินในเขตพื้นที่ ตั้งแต่แยกกะทิงลายไปจนถึงสุดถนนห้วยใหญ่ โดยใช้พื้นที่ริมทางรถไฟเดิม ก่อนรอฟังคำสั่งให้มีการเริ่มลงมือก่อสร้างอย่างเป็นรูปธรรม ในเดือนตุลาคม 64 ที่จะถึงนี้ ซึ่งคาดว่าในช่วงเวลาดังกล่าว คงมีความคืบหน้าของการดำเนินการเห็นชัดมากกว่านี้ ในขณะนี้ นอกจากจะมีการเกลี่ยและปรับพื้นที่แล้ว ยังได้นำรถน้ำมารดหน้าดินเพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองให้กระทบชาวบ้านน้อยที่สุดควบคู่กันไปด้วย

 

ข่าว : นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดสัมมนา The Future of Data Center + Rack อัพเดทเทคโนโลยี การวางระบบ Data Center

คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธาน กลุ่ม อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดสัมมนา The Future of Data Center + Rack โดยได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าทั่วประเทศกว่า 300 คน พร้อมทีมวิทยากรชั้นนำมา Update Technology การวางระบบ Data Center ในยุคนี้ให้ตอบโจทย์ทั้งธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ Live จาก INTERLINK R&D Center

“บิ๊กอุ้ย” สั่ง นายทหาร ลักทรัพย์ในวัด เข้าศูนย์ธำรงวินัยกองทัพเรือ พร้อมให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดี ย้ำไม่ปกป้องคนทำผิด

พล.ร.อ.เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึงกรณีที่มี การเผยแพร่ภาพวงจรปิด ซึ่งปรากฎภาพทหารเรือนายหนึ่ง ก่อเหตุลักทรัพย์ภายในวัดในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ว่า ทางกองทัพเรือไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมได้สั่งให้หน่วยงานต้นสังกัดของทหารนายนี้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยผู้ก่อเหตุได้ให้การรับสารภาพ ในเบื้องต้น พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้สั่งให้ผู้ก่อเหตุเข้ารับการฝึก ณ ศูนย์ธำรงวินัยกองทัพเรือในทันที พร้อมทั้งให้ ผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอยืนยันว่า กองทัพเรือจะไม่ปกป้องผู้กระทำผิดโดยเด็ดขาด ซึ่งหากพบว่ากำลังพลนายใดกระทำผิดกฎหมาย กองทัพเรือจะดำเนินการทั้งทางวินัยและทางกฏหมายเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป

จับตาวาระเศรษฐกิจเสนอที่ประชุมครม.พิจารณา

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 8 มิถุนายน 2564 ที่ประชุมเตรียมพิจารณาข้อเสนอทางด้านเศรษฐกิจของหน่วยงานต่าง ๆ โดยกระทรวงการคลัง เตรียมเสนอขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2564-2565 สำหรับโครงการจ้างที่ปรึกษาเพื่อติดตามประเมินผลแผนงาน หรือโครงการภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากกรระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 

ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลัง ยังเสนอผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการประกอบธุรกิจออนไลน์และการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการประกอบธุรกิจออนไลน์และการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมทั้งรายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ ตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564

ด้านกระทรวงเกษตรฯ ขอถอนร่างพระราชบัญญัติพัฒนาที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พร้อมทั้งเสนอความตกลงว่าด้วยกรอบข้อบังคับด้านความปลอดภัยอาหารอาเซียน ส่วนทางด้านกระทรวงอุตสาหกรรม เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐานรวม 2 ฉบับ คือ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ขาวต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... 

ส่วนกระทรวงพาณิชย์ เสนอร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เครื่องพิมพ์สามมิติเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2559 พ.ศ. .... และสำนักงาน ก.พ. ข้อเสนอแนวทางการจัดสรรกรอบอัตรากำลังและกลไกการบริหารจัดการพนักงานราชการเฉพาะกิจ เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19

เข้ามาทีละนิด แถมต้องคิดเผื่อเข็ม 2 ! โฆษก สธ.แจงยิบ แผนบริการวัคซีน

นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ ผู้ทรงคุณวุฒิระดับกระทรวง และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแผนบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 หลังจากมีข่าวว่าบางจุดฉีด ไม่มีวัคซีนให้บริการโดยระบุว่า

วัคซีนโควิด-19 ประเทศไทยจัดหามาเพียงพอต่อความต้องการอย่างแน่นอน จะไม่มีประชาชนถูกละเลย ทั้งนี้ หากวัคซีนมาทีละหลัก 5-10 ล้านโดส การจัดการจะง่าย หารเอาจากจำนวนวัคซีนที่มีอยู่ได้เลย

แต่ปัญหาคือ 1 วัคซีนทยอยมาเป็นหลักแสนโดสบ้าง เป็นหลัก 1 ล้านโดสเศษบ้าง และไม่ได้เข้ามาในวันที่แน่นอน แต่ต้องกระจายให้ 77 จังหวัดทั่วประเทศ ทีมทำงานก็ต้องจัดการจากวัคซีนที่ได้รับมาอย่างจำกัด ไปยังพื้นที่ต่างๆ ตามความเหมาะสม การบริหารจัดการ ต้องคำนึงถึงความต้องการของแต่ละพื้นที่ ที่ไม่เท่ากัน พื้นที่ที่มีการระบาดมาก ย่อมต้องการมาก พื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบอย่างสาหัส ย่อมต้องการมาก 

อีกหนึ่งประเด็นคือ วัคซีนโควิด 19 ต้องฉีด 2 เข็ม ดังนั้น ผู้ปฏิบัติงานขอให้คำนวณการให้บริการที่ต้องสอดคล้องกับความสามารถในการฉีด และจำนวนวัคซีนที่จะเข้ามาแต่ละล็อต หากโรงพยาบาลหนึ่งฉีดเข็ม 1 ให้ประชาชนจบในวันเดียว 2 พันโดส หากวันที่ต้องฉีดเข็ม 2 มีประชาชนที่ต้องมารับบริการเข็ม 1 จำนวน 1 พันโดส เท่ากับต้องฉีดรวดเดียวทั้งเข็ม 1-2 ถึง 3 พันโดส จะเกินพละกำลังไปหรือไม่ ตรงนี้ ผู้ให้บริการต้องวางแผนให้ละเอียด

"ตอนนี้ มีการโจมตีเรื่องการเลื่อนการฉีด ไปถึงวัคซีนหมด ก็ต้องขอให้เข้าใจข้อจำกัดในการทำงาน ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ขอขอบคุณประชาชน ที่มารับบริการวัคซีน รวมถึงคนทำงาน ที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ หากมีปัญหาประการใด ทางกระทรวงฯ ขอน้อมรับไว้ และหาทางแก้ไขตามข้อเท็จจริง และเป็นไปตามขั้นตอนอย่างเหมาะสม"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top