Tuesday, 13 May 2025
NewsFeed

โรงเรียนกวางตง จ. สุโขทัย จัดการเรียนการสอนรูปแบบออนไลน์ จูงใจเด็กสนุกไปกับกิจกรรมที่น่าสนใจ ไม่เบื่อการเรียน

นางสมใจ สุจริต ผู้อำนวยการโรงเรียนกวางตง โรงเรียนประถมศึกษารูปแบบการเรียนการสอนภาษาต่างชาติและภาษาจีนชื่อดังของจังหวัดสุโขทัย ได้จัดวิถีการเรียนการสอนรูปแบบ โรงเรียนกวางตง savesukhothai และขอความร่วมมือแจ้งเรียนผู้ปกครองทุกท่าน เนื่องด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โรงเรียนกวางตง มีความพร้อมในการวางมาตรการ การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในสถานศึกษา และปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงศึกษาธิการ และศบค. อย่างเคร่งครัด 

ในระหว่างเด็กๆ อยู่ที่บ้าน โรงเรียนเลื่อนการเปิดเทอม โรงเรียนกวางตงได้จัดการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ ผ่านโปรแกรม Zoom เด็กๆ จะได้เรียนรู้สื่อประกอบการเรียนรู้ 3 ภาษา เช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน สนุกไปกับกิจกรรมที่น่าสนใจ กิจกรรมศิลปะ การทดลองวิทยาศาสตร์ การออกกำลังกาย ในแต่ละกิจกรรม เด็กๆ และผู้ปกครองสามารถร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมได้ ด้วยความห่วงใยจากโรงเรียนกวางตง ร่วมกับเด็กๆ และผู้ปกครอง ห่างไกลโควิด กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ และเข้มงวดในการสวมใส่แมสป้องกันให้เป็นระบบและมีความปลอดภัย

คณะครูและผู้บริหารโรงเรียนกวางตง มีความพร้อมในการเปิดภาคเรียน ปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยทั้งเด็ก ครู บุคลากร และผู้ปกครอง โดยมีคณะผู้บริหาร ที่ปรึกษา กรรมการสถานศึกษา สมาคมฯ ที่คอยกำกับดูแล คอยเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด และขอขอบพระคุณที่ผู้ปกครองที่ไว้วางใจนำบุตรหลานมาเรียนโรงเรียนกวางตง โรงเรียนกวางตงจะดูแลบุตรหลานของท่านด้วยใจ

สหรัฐฯ มีแผนสำหรับบริจาควัคซีนโควิด-19 ในเบื้องต้น 7 ล้านโดส จากทั้งหมด 80 ล้านโดส แก่ประเทศต่างๆ ในเอเชีย ในนั้นรวมถึงมาเลเซีย และไทย รัฐบาลอเมริการะบุในเอกสารข้อเท็จจริงที่เผยแพร่ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

ในเอกสารข้อเท็จจริงที่เผยแพร่โดยทำเนียบขาว ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า มีแผนแบ่งปันวัคซีนโควิด-19 ของอเมริกาแก่ทั่วโลก อย่างน้อย 80 ล้านโดส ในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน โดยชุดแรกจะมีประมาณ 25 ล้านโดส

เอกสารระบุว่า เกือบ 19 ล้านโดส หรืออย่างน้อย 75% ของวัคซีนชุดแรก 25 ล้านโดส จะเป็นการแบ่งบันผ่านโครงการโคแว็กซ์

แผนการจัดสรร 19 ล้านโดสของสหรัฐฯ นั้น ในนั้นราวๆ 7 ล้านโดสจะมอบแก่ประเทศต่างๆ ในเอเชีย อาทิ มาเลเซีย อินเดีย เนปาล บังกลาเทศ ปากีสถาน ศรีลังกา อัฟกานิสถาน มัลดีฟ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย ลาว ปาปัวนิวกินี ไต้หวันและหมู่เกาะแปซิฟิกทั้งหลาย

นอกจากนี้แล้ว เอกสารข้อเท็จจริงระบุด้วยว่า อีกจำนวน 6 ล้านโดสในวัคซีนเกือบ 19 ล้านโดส จะมอบแด่ประเทศต่างๆ ในอเมริกาใต้และอเมริกากลาง และราว 5 ล้านโดส มอบแก่ชาติต่างๆ ในแอฟริกา ซึ่งจะเป็นการเลือกภายใต้ความร่วมมือกับสหภาพแอฟริกา

ส่วนที่เหลืออีกเกือบๆ 25% ของวัคซีนชุดแรก 25 ล้านโดส หรือคิดเป็นราวๆ 6 ล้านโดส มีเป้าหมายส่งมอบแก่ภูมิภาคต่างๆ ตามลำดับความสำคัญและความเป็นพันธมิตร โดยผู้ได้รับจะรวมไปถึง เม็กซิโก แคนาดา เกาหลีใต้ เวสต์แบงก์ ฉนวนกาซา ยูเครน โคโซโว เฮติ จอร์เจีย อียิปต์ จอร์แดน อินเดีย อิรัก และเยเมน เช่นเดียวกับบรรดาเจ้าหน้าที่แนวหน้าของสหประชาชาติ

เอกสารข้อเท็จจริงระบุว่า โครงการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ชุดแรก 25 ล้านโดส ที่สหรัฐฯ มีแผนแบ่งปันกับทั่วโลก เวลานี้เหลือเพียงขั้นตอนเห็นชอบทางกฎหมายและผู้ควบคุมกฎระเบียบเท่านั้น

สหรัฐฯ บอกว่า จะดำเนินการอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ภายใต้การปฏิบัติตามข้อบังคับทางกฎหมายและกฎระเบียบของทั้งสหรัฐฯ เองและเหล่าประเทศเจ้าบ้าน เพื่ออำนวยความสะดวกการส่งมอบวัคซีนแก่นานาชาติอย่างปลอดภัยและวางใจได้

แม้กระบวนการนี้จะต้องใช้เวลา แต่ในเอกสารข้อเท็จจริงระบุว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้สั่งการรัฐบาลอเมริกาให้ใช้ทุกหนทางปกป้องผู้คนจากไวรัสโควิด-19 เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ในเอกสารข้อเท็จจริงระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะทำมากกว่าการให้เงินทุนสนับสนุนโครงการโคแว็กซ์ และจะบริจาคเสบียงวัคซีนโควิด-19 ของพวกเขาแก่ทั่วโลก และจะสนับสนุนประเทศอื่นๆ ให้บริจาควัคซีนแบบเดียวกัน รวมถึงจะทำงานกับบรรดาผู้ผลิตสัญชาติสหรัฐฯ ในการเพิ่มกำลังผลิตวัคซีนโควิด-19 เพื่อส่วนอื่นๆ ของโลก และจะช่วยประเทศต่างๆ เพิ่มเติมในการขยายศักยภาพด้านการผลิตวัคซีน

ทั้งนี้ ในรายละเอียดแผนแบ่งปันวัคซีนแก่ทั่วโลก 80 ล้านโดสของสหรัฐฯ เอกสารข้อเท็จจริงระบุว่า 75% จะเป็นการจัดสรรผ่านโครงการโคแว็กซ์ ส่วนที่เหลืออีก 25% จะเป็นการแบ่งปันตามความจำเป็นเร่งด่วน และช่วยชาติต่างๆ ที่กำลังเผชิญเคสผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูง

 

ที่มา: มาเลเซียเมล์

https://mgronline.com/around/detail/9640000054662


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียู เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ เผย เครื่องดื่มน้ำแข็ง รับประทานได้เหมือนเดิม แต่กระบวนการผลิตต้องสะอาด

จากกรณีพบการติดเชื้อแบบคลัสเตอร์ที่โรงงานน้ำแข็งที่จังหวัด สมุทรปราการ และจังหวัดชลบุรี ทำให้หลายคนมีความกังวลในเรื่องของการบริโภคน้ำแข็งอยู่ไม่น้อย นายแพทย์นนท์ จินดาเวช รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ได้ออกมาเตือนประชาชนควรงดการบริโภคน้ำแข็งโดยตรง เช่น ใส่กับเครื่องดื่ม หรือขนมหวาน เพราะมีความเป็นไปได้ที่เชื้อจะอาศัยอยู่ในน้ำแข็งได้นานกว่าอุณหภูมิปกติ หากน้ำแข็งนั้นมีการปนเปื้อน

ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากกรณีที่ชาวบ้านกังวลว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 อาจจะติดมากับน้ำแข็งได้นั้นขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทางอาหารและน้ำ แต่อาจจะติดเชื้อจากบรรจุภัณฑ์ที่ใส่น้ำแข็งมากกว่า หากกระบวนการผลิตไม่สะอาดก็อาจจะมีเชื้อโควิด-19 ติดมากับน้ำแข็งได้ ซึ่งเชื้อโควิด-19 นั้นมีโอกาสอยู่ในน้ำแข็งได้นาน 2-3 วัน

ล่าสุด นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียู เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ เคยระบุไว้ว่า โรคโควิด-19 ไม่ติดต่อทางการกินอาหาร เหมือนกับ โรคติดต่อทางการกินอาหาร หรือการดื่มน้ำ เช่น โรคไวรัสตับอักเสบ A, โรคท้องร่วงจากโนโรและโรตาไวรัส ทั้งนี้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่อหลักๆ ทางการหายใจ ดังนั้น คลัสเตอร์ โรงงานต่างๆ รวมถึงเรือนจำ ที่อยู่อย่างแออัดและไม่มีการระบายอากาศที่ดีพอ จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เชื้อโควิด-19 ได้ง่าย ส่วนอาหารแช่แข็ง อาหารสด อาหารญี่ปุ่น เครื่องดื่มน้ำแข็ง รับประทานได้เหมือนเดิม แต่กระบวนการผลิตต้องสะอาดปลอดภัยได้มาตรฐาน จะปลอดภัยจากทุกเชื้อโรค

 

ที่มา : https://www.komchadluek.net/news/regional/469483


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นายแพทย์ประเสริฐ กิจสุวรรณรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง เปิดเผยมติ ครม. ที่ได้อนุมัติค่าตอบแทนแก่ ‘อสม.ลำปาง’ และ ‘อสม.ทั่วประเทศ’ ต่ออีก 3 เดือน โดยจะเริ่มในเดือน ก.ค. 2564 นี้

จังหวัดลำปาง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแพทย์ประเสริฐ กิจสุวรรณรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง เปิดเผยมติ ครม. ที่ได้อนุมัติค่าตอบแทนแก่ ‘อสม.ลำปาง’ และ ‘อสม.ทั่วประเทศ’ ต่ออีก 3 เดือน โดยจะเริ่มในเดือน ก.ค. 2564 นี้

ทั้งนี้ ครม. ได้อนุมัติโครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัย สำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม.อีก 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย. 2564 วงเงินรวมไม่เกิน 1,575.4950 ล้านบาท เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจที่ดีแก่ อสม. ผู้ปฏิบัติงานในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในชุมชน ซึ่งที่ผ่านมา อสม. ได้รับค่าตอบแทนเพิ่มเติมอย่างถ้วนหน้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค.2563-มิ.ย 2564 เป็นระยะเวลา 16 เดือน กรอบวงเงินรวม 8,348.6965 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีเหตุการณ์ไม่ปกติในอนาคต และกระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาเห็นว่ามีความจำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนเพิ่มเติม ก็สามารถขอรับเงินค่าตอบแทนเพิ่มเติมให้แก่ อสม. เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจที่ดีให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน อสม. ได้ต่อไป

 

ที่มา: ภาวินันท์ บุตรหล้า


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ผู้นำคนพิการ’ แสดงความยินดี และนำเสนอนโยบายด้านคนพิการ กับ ‘นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหนองชาก’ จังหวัดชลบุรี

นายณรงค์ ไปวันเสาร์ นายกสมาคมคนพิการภาคตะวันออก และรองนายกสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยพี่น้องประชาชนคนพิการที่อาศัยอยู่ในเขตตำบลหนองซาก เข้าพบ นายยงยุทธ สิทธิภานุวงศ์ นายกเทศมนตรีตำบลหนองชาก และ นายคมกริช สิงห์โตทอง รองนายกเทศมนตรีฯ เพื่อแสดงความยินดี และคารวะ ในการที่ท่านได้รับเลือกตั้ง เป็นผู้บริหารเทศบาลชุดใหม่

ในการนี้ ‘ผู้นำคนพิการ’ ยังได้มีการปรึกษาหารือ พูดคุยเกี่ยวกับ นโยบายด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการในเขตตำบลหนองชาก อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ที่จะร่วมมือกับ ‘องค์กรคนพิการระดับชาติ’ ช่วยกันส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการ ด้านต่างๆ อาทิ เช่นด้านการศึกษา ด้านอาชีพด้านความเป็นอยู่ ด้านสาธารณะสุข และอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์กับคนพิการ

อีกทั้ง ‘ผู้นำคนพิการ’ ยังหารือเกี่ยวกับการจัดตั้ง ‘ชมรมคนพิการเทศบาลตำหนองชาก’ เพื่อเป็นศูนย์บริการและให้การช่วยเหลือในด้านต่างๆ กับคนพิการในเขตพื้นที่ให้ได้รับความอำนวยสะดวกต่างๆ อย่างเท่าเทียมกับบุคคลอื่นต่อไป

ทอ. แจง! กรณีใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุวัดพระศรีมหาธาตุ ยัน ค่าใช้จ่ายการณาปนกิจศพเป็นราคาสวัสดิการ หลังศาลปกครองชี้การใช้ประโยชน์ไม่ชอบด้วย กม.

พล.อ.ท.ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า จากกรณีสำนักข่าวอิศราได้นำเสนอข่าว ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ 321/2558 คดีหมายเลขแดงที่ 1037/2558 ลงวันที่ 29 มี.ค.2564 พิพากษาให้เพิกถอนหมายเหตุในทะเบียนที่ราชพัสดุ แปลงเลขทะเบียนที่ กท.1436 ที่ให้กองทัพอากาศใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุบริเวณสุสานและฌาปนกิจสถาน บริเวณวัดพระศรีมหาธาตุ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย นั้น ผมขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้

1.) ที่ดินพิพาทจำนวน 7 แปลง (บริเวณฌาปนสถาน กองทัพอากาศ) เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามมาตรา 1304 (3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และเป็นที่ราชพัสดุ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ.2518 โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ตามความเห็นของ คณะกรรมการกฤษฎีกา และมีกองทัพอากาศเป็นผู้ใช้ประโยชน์มาโดยตลอด 

2.) ค่าใช้จ่ายการในการณาปนกิจผู้ที่เสียชีวิตมีความเป็นธรรมและมีการแสดงราคาค่าใช้อย่างชัดเจน รวมทั้งเป็นไปตามระเบียบของทางราชการ ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถเลือกบริการหรือจัดหาสิ่งของบางอย่างมาเองได้ตามอัธยาศัย มิได้มีการบังคับแต่อย่างใด รวมทั้งเน้นการบริหารจัดการด้วยความโปร่งใส โดยมีกองการฌาปนกิจสงเคราะห์ กรมสวัสดิการทหารอากาศ เป็นหน่วยงานดูแลรับผิดชอบ มีวัตถุประสงค์เพื่อไว้เป็นสถานที่ในการฌาปนกิจศพทหารผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งเป็นสถานที่ให้กำลังพลกองทัพอากาศ ทั้งในและนอกประจำการ ตลอดจนสมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์กองทัพอากาศได้ใช้เป็นที่ฌาปนกิจศพ รวมทั้งบริการด้านสุสานในการเก็บศพและเก็บอัฐิในราคาสวัสดิการ  

สำหรับรายได้จะนำเข้ากองทุนฌาปนสถานกองทัพอากาศ เพื่อไว้ใช้จ่ายในกิจการฌาปนสถาน อาทิเช่น ค่าบุคลากร ค่าสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายในการสร้าง รักษา ซ่อมแซม และบูรณะอาคารสถานที่ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมา กองทัพอากาศได้มีการพัฒนาการปรับปรุงและก่อสร้างเมรุเผาศพขึ้นใหม่เพื่อให้ได้มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและถูกต้องตามกฎหมาย โดยผ่านเกณฑ์การตรวจจากกรุงเทพมหานคร เพื่อการให้บริการที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น

3.) คดีพิพาทดังกล่าว อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นอุทธรณ์ของศาลปกครองสูงสุด หากศาลมีคำพิพากษาเป็นประการใด กองทัพอากาศยินดีปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลทุกประการ

ทั้งนี้ โฆษกกองทัพอากาศยืนยันว่า “กองทัพอากาศมีความพร้อมปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและให้ความสำคัญต่อความรับผิดชอบต่อสังคม โดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ”

สคบ. จ่อ คุมห้ามขายหัวเข็มขัดนิรภัยรถยนต์ปลอม

นายพิฆเนศ ต๊ะปวง ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ ได้หารือถึงแนวทางการควบคุมสินค้าที่มีลักษณะเป็นหัวเสียบเข็มขัดนิรภัยสำหรับรถยนต์ ซึ่งใช้เสียบลงไปเพื่อป้องกันไม่ให้เสียงเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยดังขึ้น และสามารถขับรถโดยที่ไม่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย โดยเรื่องนี้ที่ประชุมเห็นว่า ควรออกมาแจ้งเตือนให้ประชาชนไม่ให้ซื้อสินค้าประเภทนี้มาใช้เพราะนอกจากผิดกฎหมายทางด้านจราจรแล้วยังมีความเสี่ยงหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น อาจทำให้ร่างกายได้รับการบาดเจ็บที่รุนแรง  

สำหรับสินค้าในลักษณะนี้ จากการตรวจสอบพบว่ามีการนำมาขายอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะการขายผ่านออนไลน์ตามแพล็ตฟอร์มชื่อดังต่าง ๆ โดยผู้ขายจะโฆษณาว่า สินค้าชนิดนี้ใช้ได้กับรถยนต์ทุกยี่ห้อ มีลักษณะเป็นหัวเข็มขัดนิรภัยที่ทำออกมาเลียนแบบหัวเข็มขัดนิรภัยที่ใช้จริงในรถยนต์ มีราคาหลักร้อยต้น ๆ วิธีใช้เพียงแค่เสียบหัวเข็มขัดนิรภัยปลอมนี้เข้ากับที่เสียบเข็มขัดนิรภัยรถยนต์ก็ทำให้สัญญาณเตือนให้คาดเข็มขัดดับลง และผู้ขับก็ไม่ต้องคาดเข็มขัดในเวลาขับรถ เพราะจะทำให้เกิดความอึดอัด และสามารถขับรถได้สะดวกมากขึ้น 

ทั้งนี้คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาถึงสินค้าประเภทนี้ โดยมีความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน เช่น เรื่องของมาตรฐานความปลอดภัยของสินค้า ซึ่งทางผู้แทนของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม รายงานว่า ในปัจจุบันเข็มขัดนิรภัยมีมาตรฐานอุตสาหกรรมกำกับอยู่แล้ว แต่จะครอบคลุมเข้มขัดนิรภัยทั้งชุด ไม่ได้แยกแค่หัวเสียบออกมาเหมือนที่มีผู้ผลิตแยกออกมาขาย เป็นหัวเข็มขัดปลอมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเสียงเตือน ดังนั้นสินค้าที่นำมาวางขายจึงไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแล

กลุ่มชาวเขา ไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนได้ เนื่องจากไม่มีสถานะทางทะเบียนแม้ว่าบางคนจะเป็นผู้สูงอายุ เกือบ 80 ปี รวมถึงบางคนที่เกิดในประเทศไทยแต่ไม่มีบัตรประชาชน วอน!! ต้องการเข้าถึงวัคซีนป้องกันไวรัส ชี้!! ที่ผ่านแม้แต่วัคซีนไข้เลือดออกก็ไม่เคยได้สิทธิ์ 

หลังจากในจังหวัดเชียงราย ประชาชนส่วนใหญ่ได้ลงทะเบียนเพื่อรับวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ทั้งทางแอปพลิเคชันหมอพร้อม หรือลงทะเบียนด้วยตัวเองตามจุดต่างๆ และทำให้ในวันนี้ (7 มิ.ย. 64 ) ได้เริ่มมีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงแล้ว

 แต่ในอีกมุมหนึ่ง พิกัดเดินทางห่างจากตัวเมืองเพียง 1 ชั่วโมง กลุ่มชาวบ้านในพื้นที่บ้าน ‘เฮโก’ (ชนชาวเขาเผาลีซู) ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย ที่มีประชากรประมาณ 400 คน บ้านเรือน 50 หลังคาเรือน เป็นหมู่บ้านชาวเขาที่มีฐานะยากจน มีอาชีพหลักคือทำเกษตรและหาของป่า อยู่บริเวณเส้นทางผ่าน จากบ้านกิ่วสะไต ต.ป่าตึง อ.แม่จัน ไปดอยแม่สลอง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย กำลังถูกตกสำรวจจากการฉีดวัคซีน

นายอาหลู งัวยา อายุ 50 ปี ผู้นำชุมชนหมู่บ้านเฮโก กล่าวว่า ในหมู่บ้านมีประชากรประมาณ 400 คน ซึ่งในส่วนนี้มีผู้ที่ไม่มีบัตรประชาชนหรือสถานะทางทะเบียนประมาณร้อยละ 10 หรือประมาณ 40 คน ทว่าในกลุ่มนี้เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านมาตั้งแต่เกิด แต่มีการตกสำรวจในช่วงแรกๆ ทำให้ไม่ได้มีสิทธิ์หรือสถานะทางทะเบียน รวมไปถึงทายาทที่เกิดตามมา

โดยในกลุ่มนี้มีความต้องการที่จะฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 เช่นกัน เพราะเขาเองก็ต้องเดินทางเข้าไปในชุมชน หรือ ตัวเมือง อ.แม่จัน เพื่อนำผลผลิตไปจำหน่าย หรือไปทำงานรับจ้าง แต่ก็กลัวที่จะติดไวรัสโควิด-19 แต่เนื่องจากไม่มีบัตรประชาชน ทำให้ไม่ได้สิทธิ์ในการช่วยเหลือจากทางภาครัฐ ทั้งการเยียวยาจากการเสียรายได้ สิทธิ์สวัสดิการต่างๆ แม้กระทั่งวัคซีนไข้หวัดใหญ่ หรือวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า ก็ตาม

"ก่อนหน้านี้ที่มีการระบาดในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ทางหมู่บ้านก็ได้มีการปิดหมู่บ้านไม่ให้มีการเข้า-ออก เพื่อป้องกันคนนอกหมู่บ้านเข้ามาและนำเชื้อไวรัสเข้ามาติดในหมู่บ้าน ซึ่งในขณะนี้การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลาย ชาวบ้านต้องออกไปทำงานหาเลี้ยงชีพหลังจากที่ปิดหมู่บ้านมากว่า 1 เดือน แต่ก็ไม่กล้าที่จะออกไปนอกหมู่บ้าน เพราะไม่มีสิทธิ์รับวัคซีนจากภาครัฐ แม้ว่าจะมีข่าวให้เอกชนนำวัคซีนเข้ามาได้ ก็ไม่สามารถหามาฉีดได้ เพราะไม่มีเงินซื้อเอง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลกลุ่มดังกล่าวด้วย" ผู้นำชุมชนบ้านเฮโก กล่าว

 

ที่มา: ณัฐวัตร ลาพิงค์/เชียงราย


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“ธนาธร” เทียบชัด! เปิดข้อมูลโควิดรัฐไทย-ตปท.ต่างกันฟ้ากับเหว มีไฟล์ก็โหลดไม่ได้-วอนรัฐเปิดเผยโปร่งใส สร้างความเชื่อมั่นประชาชน

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะะก้าวหน้า จัดเฟซบุ๊กไลฟ์รายการ “คิดไปข้างหน้ากับธนาธร” ทางเพจ Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใสในการบริหารจัดการสถานการณ์โควิดและการจัดการวัคซีน โดยยกตัวอย่างการจัดการที่น่าสนใจจากต่างประเทศ มานำเสนอให้เห็นทิศทางการจัดการที่เหมาะสม

โดยนายธนาธร ระบุว่าเดือนมิถุนายนนี้เป็นเดือนที่สำคัญ ที่รัฐบาลไทย มีแผนที่จะฉีดวัคซีนในปริมาณมากให้แก่ประชาชน โดยมีเป้าหมายที่จะฉีดในให้ได้ภายในเดือนมิถุนายน 5-6 ล้านโดส หมายความว่าในหนึ่งวันจะต้องฉีดถึง 2 แสนโดสต่อวัน และเดือนต่อๆ ไปอาจจะต้องเพิ่มศักยภาพในการฉีดไปถึง 5 แสนโดสต่อวัน 

ซึ่งหากรัฐบาลทำไม่ได้ตามแผนนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ประเทศไทยจะกลับสู่สภาวะปกติได้ช้าลงไป แต่ละวันที่ผ่านไปคือความเสียหายที่จะเกิดกับประชาชน

***ยกเคส “ดีทรอยท์” เปิดข้อมูลสารพัด เข้าถึงง่าย โหลดได้ทันที มีทุกอย่าง ตั้งแต่จำนวนวัคซีนไปถึงการใช้จ่ายของรัฐ***

โดยนายธนาธรได้ยกตัวอย่างที่น่าสนใจ คือกรณีของเมืองดีทรอยท์ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่มีประชากร 6 แสนคน พื้นที่ 300 กว่าตารางกิโลเมตร หากเข้าไปดูที่หน้าเว็บไซต์ของเมืองดีทรอยท์ จะเห็นได้ว่าเมื่อเข้ามาถึงจะพบกับกำหนดการฉีดวัคซีนทันที เมื่อเลื่อนลงมาดูก็จะเห็นข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด และข้อมูลข่าวสารที่ประชาชนควรรับรู้เป็นลำดับถัดมา

จากนั้น นายธนาธรได้นำเสนอหน้าเว็บไซต์ของเมืองดีทรอยท์ พร้อมแสดงให้เห็นว่าในเว็บไซต์เพียงเว็ปเดียวนี้ มีข้อมูลทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด ไม่ว่าจะเป็นไทม์ไลน์ ซึ่งสามารถดูย้อนหลังได้, จำนวนเตียงที่มีอยู่และใช้ไปแล้ว ทั้งในโรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนาม ฮอสปิเทล และห้องไอซียู, ผลการตรวจหาเชื้อในประชากร แสดงจำนวนและสัดส่วนระหว่างผลบวกและผลลบ รวมถึงแยกเป็นตามพื้นที่และประเภทการตรวจ

จำนวนผู้ป่วยแยกย่อยถึงระดับรายอำเภอและตำบล, จำนวนผู้ได้รับวัคซีนแล้ว, จำนวนวัคซีนที่ได้รับมาจากรัฐบาลกลาง ลงรายละเอียดไปถึงว่ามีวัคซีนยี่ห้ออะไรในจำนวนเท่าไหร่บ้าง, สถานที่ฉีดวัคซีนทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน มีในจุดใดบ้าง และมีวัคซีนยี่ห้ออะไรให้เลือกบ้าง, และข้อมูลนโยบายที่จูงใจให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน

นอกจากนี้ ในหน้าเว็บไซต์ยังมีการแสดงข้อมูลการใช้จ่ายงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสถานการณ์โควิด ทั้งข้อมูลกิจกรรมที่มีการเบิกจ่าย จำนวนเงินที่มีการเบิกจ่าย ฯลฯ ที่ทำให้เห็นว่ารัฐบาลใช้งบประมาณไปกับอะไรบ้าง เบิกจ่ายให้กับใครไปบ้าง

ซึ่งทั้งหมด ล้วนแต่เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับประชาชนและสามารถเข้าดูได้ทันทีผ่านออนไลน์ โดยไม่มีการปกปิดหรือขั้นตอนที่ยุ่งยากในการเข้าดู

***เปิดเว็ปรัฐบาลไทยเทียบจะๆ ไร้ฐานข้อมูลเปิดให้ประชาชน ถึงมีปุ่มให้กดแต่ก็โหลดไม่ได้*** 

จากนั้น นายธนาธรได้ลองเข้าเว็บไซต์ของฝั่งไทยเพื่อเปรียบเทียบกัน โดยยกตัวอย่างหน้าเว็บไซต์ของกรุงเทพมหานครฯ ซึ่งแม้จะมีอินโฟกราฟฟิก แต่ก็ไม่มีฐานข้อมูลที่ลึกและตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ ไม่ว่าจะเรื่องการบริหารจัดการวัคซีน ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนวัคซีนที่ได้รับมา และมีวัคซีนอะไรบ้าง รวมถึงข้อมูลประชากรที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์โควิด ซึ่งบนหน้าเว็บไซต์ของกรุงเทพมหานครฯ ล้วนแต่ไม่มีข้อมูลเหล่านี้อยู่เลย

ส่วนบนหน้าเว็บไซต์ data.go.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ฐานข้อมูลกลางของรัฐบาล จะพบว่ามีข้อมูลที่เกี่ยวกับสถานการณ์โควิดจำนวนหนึ่ง เช่นจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน ซึ่งสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ แต่ต้องกรอกอีเมล วัตถุประสงค์การใช้งาน และรายละเอียดของการใช้ข้อมูล

ซึ่งทำให้เห็นว่าการจะเข้าไปหาข้อมูลที่มีความสำคัญเช่นนี้ ไม่สะดวกสบายและไม่ง่ายเลยสำหรับประชาชน เมื่อเทียบกับตัวอย่างของเมืองดีทรอยท์ ที่ประชาชนสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ทุกข้อมูลในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งพาวเวอร์พอยท์และเอ็กเซล พร้อมให้ประชาชนเข้าถึงได้ในทันที

ส่วนรายงานข้อมูลด้านอื่นๆ เช่น รายงานข้อมูลโควิดในแต่ละเคส มีการแสดงผลให้ดาวน์โหลดได้ในรูปแบบ API แต่เมื่อกดเข้าไปแล้ว กลับไม่สามารถเข้าถึงหรือดาวน์โหลดได้ ขึ้นแสดงผลบนหน้าจอเป็นเพียงข้อความว่า “ไม่สามารถเปิดหน้าเว็ปนี้ได้ เนื่องจากเซิฟเวอร์หยุดการโต้ตอบ”

***ธนาธรโทรเอง! ต่อ DGA ขอทางเข้าถึงข้อมูลวัคซีน สุดท้ายได้คำตอบ “โหลดไม่ได้เหมือนกัน” ***

จากนั้น นายธนาธร ได้กดโทรศัพท์ไปสอบถามวิธีการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว กับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ซึ่งเป็นผู้ดูแลเว็บไซต์ ซึ่งต้องพบกับข้อความอัตโนมัติให้กดเบอร์ภายในหรือกดเลือกติดต่อกับโอเปอเรเตอร์ โดยนายธนาธรเลือกกดติดต่อโอเปอเรเตอร์เพื่อสอบถามการเข้าถึงข้อมูล เจ้าหน้าที่ได้โยนให้นายธนาธรติดต่อไปที่อีกเบอร์หนึ่งแทน

ซึ่งนายธนาธรได้ติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ได้รับมา ซึ่งเป็นส่วนของ DGA Contact Center ก็ต้องพบกับระบบข้อความอัตโนมัติเหมือนเดิม และเมื่อติดต่อกับโอเปอเรเตอร์ได้แล้ว นายธนาธรได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่เพื่อสอบถามถึงการเข้าถึงข้อมูลเป็นระยะหนึ่ง ก่อนที่จะได้รับคำตอบว่าข้อมูล API ดังกล่าวไม่สามารถดาวน์โหลดได้ และทางสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ก็ไม่สามารถช่วยให้นายธนาธรเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ด้วยเช่นกัน นายธนาธรจะสามารถดาวน์โหลดได้เฉพาะข้อมูลที่มีหน้าแสดงผลขึ้นมาให้ดาวน์โหลดได้เท่านั้น พร้อมแนะนำให้นายธนาธรติดต่อไปขอข้อมูลจากกรมควบคุมโรคโดยตรงแทน

นายธนาธร จึงได้สอบถามกลับไปว่าถ้าไม่ให้ดาวน์โหลดแล้วเหตุใดจึงมีแท็บให้กดดาวน์โหลด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ตอบกลับว่าข้อมูลในส่วนนี้ ตนทราบเพียงว่าทางกรมควบคุมโรคเป็นผู้นำมาลงในเว็บไซต์ แต่ก็ไม่ทราบรายละเอียดว่าเหตุใดจึงไม่อนุญาตให้ดาวน์โหลดได้ และทางสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัลก็ไม่สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้เช่นเดียวกัน

***วอนรัฐบาลปรับปรุงการทำงาน เปิดข้อมูลทุกด้าน สร้างความเชื่อมั่นประชาชน จูงใจประชาชนรับวัคซีน***

หลังจากวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว นายธนาธรได้กล่าวต่อไป ว่าจากการค้นหาเพิ่มเติม ตนก็พบว่าความจริงภาครัฐก็มีการเปิดเผยข้อมูลบางส่วนอยู่บ้าง ในเรื่องของการเก็บรักษา การกระจาย และจำนวนสต็อกวัคซีนเช่นกัน เช่น บนเว็บไซต์ของกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม

แต่เมื่อลงไปดูในรายละเอียด ก็จะพบได้ว่าฐานข้อมูลที่นำมาแสดงยังน้อยเกินไป ไม่มีการอัพเดทให้เท่าทันสถานการณ์ ไม่มีการเปิดเผยอย่างกว้างขวางให้ประชาชนได้รับรู้ว่ามีฐานข้อมูลนี้ หนำซ้ำข้อมูลบางอย่างก็ไม่ตรงกันเอง บ้างก็ขัดแย้งกันเองด้วย

นายธนาธรกล่าวต่อไป ว่าเรื่องของการเปิดเผยข้อมูลมีความสำคัญอย่างมาก เพราะรัฐบาลที่มีความใส่ใจในประชาชนอย่างแท้จริง ย่อมต้องให้ความสำคัญและมีความพยายามอย่างมากในการเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนเข้าถึงได้ โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวกับวัคซีน ไม่ว่าจะเรื่องของจำนวนที่มีอยู่ ยี่ห้ออะไรบ้าง ฉีดไปแล้วเท่าไหร่ในแต่ละพื้นที่ เหลือวัคซีนอยู่เท่าไหร่ รวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อแยกย่อยเป็นรายพื้นที่

การเปิดเผยข้อมูลเช่นนี้จะทำให้คนมีความเชื่อมั่นในรัฐบาล และยังทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบาย เข้าถึงข้อมูลได้หมด ซึ่งจะนำไปสู่การชักจูงให้ประชาชนไปฉีดวัคซีนมากขึ้น เพราะมีความเชื่อมั่นในรัฐบาล

วัตถุประสงค์ของการฉีดวัคซีน คือการฉีดให้เยอะที่สุดและเร็วที่สุด ที่จะทำให้เกิดการป้องกันการแพร่ระบาดและการเสียชีวิตของประชาชน ซึ่งจะทำอย่างนี้ได้รัฐบาลต้องให้ข้อมูลกับประชาชนให้มากที่สุด ทำให้ประชาชนไว้ใจรัฐบาลและได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น

“อยากฝากถึงรัฐบาล ว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้ที่ผมนำเสนอไม่ได้เกินความสามารถ ใช้แล้วในหลายเมืองทั่วโลก ประเทศไทยก็มีศักยภาพที่จะทำได้ ถ้ารัฐบาลมีความจริงใจในการเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดให้กับประชาชน ประชาชนจะได้ไม่ต้องมาสับสนกันว่าตกลงตอนนี้วัคซีนรับมาเท่าไหร่แล้ว มีอยู่ในมือเท่าไหร่ จะต้องไปลงทะเบียนที่ไหน ก็หวังว่ารัฐบาลจะมีการปรับปรุงกระบวนการตรงนี้ เพื่อให้ประเทศไทยมีภูมิคุ้มกันหมู่ได้เร็วที่สุด ประชาชนจะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานต่อการยืดเยื้อของสถานการณ์โควิดเช่นนี้” นายธนาธรกล่าวทิ้งท้าย

ดัน “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 - ทัวร์เที่ยวไทย” เริ่ม ส.ค.นี้ 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ กำลังพิจารณาแนวทางการฟื้นฟูการท่องเที่ยวในประเทศ หลังจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ค่อย ๆ คลี่คลายลง และมีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเป็นส่วนใหญ่แล้ว โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยว เบื้องต้นถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนในเดือนส.ค.นี้ จะเริ่มต้นโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ระยะที่ 3 และทัวร์เที่ยวไทย ซึ่งทั้ง 2 โครงการได้กำหนดจำนวนคนร่วมโครงการเอาไว้ประมาณ 3 ล้านคน พร้อมกันนี้ยังเตรียมหามาตรการอื่น ๆ มาเสริมด้วย เพื่อจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ 

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตอนนี้ได้ตั้งเป้าหมายสตาร์ทการท่องเที่ยวในประเทศให้ได้ภายในเดือนส.ค.นี้ แต่การจะเริ่มต้นขึ้นได้จริงจัง คือต้องดูสถานการณ์ให้แน่ใจก่อน ซึ่งหลัก ๆ แล้วก็ต้องไปดูเรื่องของวัคซีน โดยในช่วง 1-2 เดือนนี้ การฉีดวัคซีนจะระดมฉีดให้กับจังหวัดนำร่องต่าง ๆ ทั้ง 10 จังหวัดท่องเที่ยว รวมทั้งจังหวัดอื่น ๆ ในประเทศด้วย ดังนั้นเมื่อถึงเดือน ส.ค.แล้วน่าจะมีจำนวนการฉีดวัคซีนที่มากขึ้นได้ และน่าจะเริ่มเปิดการเดินทางในประเทศ โดยตอนนี้ยังมีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และทัวร์เที่ยวไทยอยู่ คงผลักดันโครงการนั้นมาใช้ก่อน

ส่วนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังจากเปิดจังหวัดภูเก็ต นำร่องในวันที่ 1 ก.ค.นี้แล้ว กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยังเตรียมส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวชาวไทยที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว เดินทางไปเที่ยวภูเก็ตด้วย โดยภายในปลายเดือนมิ.ย. นี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมลงนามความร่วมมือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อดึงสมาชิกของหอการค้าทั่วประเทศ เดินทางไปเที่ยวภูเก็ตเป็นการนำร่องสร้างความมั่นใจ โดยจัดเที่ยวบินพิเศษนำสมาชิกที่ฉีดวัคซีนครบแล้วเดินทางลงไปเที่ยวประมาณ 200 คน  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top