Saturday, 24 May 2025
NewsFeed

สตม. รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตาน้ำข้าว หนีคดีข้ามชาติ ก่อความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท กบดานพัทยา OVER STAY 

กก.สส.บก.ตม.3 ได้รับแจ้งข้อมูลว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติสวีเดน ซึ่งกระทำผิดฐานฉ้อโกง ในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มูลค่าความเสียหายคิดเป็นเงินไทย กว่า 50,000,000 บาท ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย และหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ออกสืบสวนหาข่าว โดยขณะที่ชุดจับกุมได้ไปตรวจสอบที่บริเวณหน้าอาคารชุดในพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี ได้พบคนต่างด้าวลักษณะมีพิรุธอยู่บริเวณหน้าอาคารชุด จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง 

จากการตรวจสอบพบ MR.JOHN (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี สัญชาติสวีเดน การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด (OVER STAY) จากนั้นได้ไปตรวจสอบที่ห้องพักของ MR.JOHN พบ MR.VLADIS (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี สัญชาติสวีเดน เมื่อตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่าการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด (OVER STAY) เช่นเดียวกัน จึงได้จับกุมในข้อหา เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย

อนึ่ง จากการประสานงานตรวจสอบกับทางการสวีเดน รับแจ้งว่า ทั้ง MR.JOHN และ MR.VLADIS มีประวัติกระทำความผิดอาญาในประเทศสวีเดน ในความผิดฐานฉ้อโกง ในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มูลค่าความเสียหาย กว่า 50,000,000 บาท

AION จัดทริป Y So Amazing พาลูกค้า AION Y Plus เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยว นครราชสีมา - ปราจีนบุรี - นครนายก

AION เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวสุดเอ็กซ์คลูซีฟ 'Y So Amazing Trip' ให้กับลูกค้า AION Y Plus ได้สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวธรรมชาติและวัฒนธรรมแบบปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ สัมผัสอากาศดี ๆ ในเส้นทาง นครราชสีมา - ปราจีนบุรี - นครนายก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และสร้างชุมชน ในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า AION Y Plus โดยกิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 และมีแผนที่จะจัดกิจกรรมต่อไปอย่างต่อเนื่องในอนาคต เพื่อเสริมสร้างความประทับใจและความภาคภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว AION Y Plus

ทริปนี้เริ่มต้นขึ้นในเช้าของวันที่ 18 ตุลาคม 2567 โดยขบวนคาราวาน AION Y Plus ได้ออกเดินทางจากโชว์รูม AION โกลด์ อินทิเกรท มีนบุรี ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นของผู้ร่วมเดินทางที่มารวมตัวกันตั้งแต่เช้า หลังจากลงทะเบียนและรับของที่ระลึก ผู้เข้าร่วมทริปได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมทั้งได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับเส้นทางและรายละเอียดของกิจกรรมก่อนจะเริ่มออกเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางแรก คือ จังหวัดนครราชสีมา

จุดหมายแรกของทริปอยู่ที่ ร้านอาหารบ้านไร่ปลายเนิน เพื่อรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ท่ามกลางธรรมชาติและภูเขา ผู้เข้าร่วมทริปต่างเพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศ พร้อมชมทิวทัศน์สวยงามของพื้นที่โดยรอบ

หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ขบวนคาราวานได้เดินทางไปยังโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา จังหวัดนครราชสีมา โรงไฟฟ้าแห่งนี้เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำแบบสูบกลับ (Underground Powerhouse) ซึ่งมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจในฐานะโรงไฟฟ้าใต้ดินแห่งแรกของประเทศไทย ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้เกี่ยวกับพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้า รวมถึงได้สัมผัสกับธรรมชาติรอบข้างที่งดงาม สะท้อนถึงความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีของ AION ในการสนับสนุนพลังงานสะอาดที่ยั่งยืน

หลังจากจบทริปที่โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา ขบวนคาราวานได้เดินทางต่อไปยังโรงแรมเดอะเภรี เขาใหญ่ เพื่อเข้าพักผ่อนตามอัธยาศัย พร้อมกิจกรรมทำผ้าบาติก ในช่วงเย็นได้จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำในบรรยากาศที่อบอุ่น โดยสมาชิกผู้เข้าร่วมทริปต่างนั่งพูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้รถยนต์ไฟฟ้า AION Y Plus ในบรรยากาศที่เป็นกันเอง

วันที่สองของการเดินทาง ขบวนคาราวาน AION Y Plus มุ่งหน้าสู่ GranMonte หนึ่งในไร่องุ่นชื่อดังของเขาใหญ่ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมจากผู้ที่ชื่นชอบไวน์ ผู้เข้าร่วมทริปได้สัมผัสและเรียนรู้กระบวนการทำไวน์ตั้งแต่การปลูกองุ่นไปจนถึงการผลิตไวน์ รวมถึงสัมผัสกับวิถีชีวิตที่เรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติของไร่องุ่นอีกด้วย

หลังจากเยี่ยมชมไร่องุ่นกันอย่างจุใจแล้ว ก็ได้เดินทางต่อไปยังอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่เป็นแหล่งรวมสัตว์ป่าและพืชพรรณหลากหลายสายพันธุ์ ผู้เข้าร่วมทริปได้มีโอกาสเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติ พร้อมทั้งฟังคำบรรยายจากเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับพืชพันธุ์และสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แบบเต็มที่ สร้างความประทับใจให้กับทุกคน ที่ได้สัมผัสความสวยงามและอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

ขบวนคาราวานได้มุ่งหน้าต่อไปยังบ้านเล่าเรื่อง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่มีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับการใช้สมุนไพรและอาหารเป็นยา ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้วิถีชีวิตดั้งเดิมและภูมิปัญญาพื้นบ้าน นอกจากนี้ ยังได้แวะชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราจีนบุรี ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุและแสดงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของภูมิภาคตะวันออกของประเทศไทย

ในวันสุดท้ายของทริป ขบวนคาราวาน AION Y Plus ได้เดินทางไปยังอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ เขาอีโต้ จังหวัดนครนายก เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมปล่อยปลาลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ เป็นกิจกรรมที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูและสร้างสมดุลให้กับระบบนิเวศ พร้อมทั้งสร้างความตระหนักรู้เรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หลังจากทำกิจกรรมร่วมกัน ผู้เข้าร่วมทริปได้เพลิดเพลินกับการชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของจุดชมวิวผาหินซ้อน และจุดชมวิวเขาอีโต้ ซึ่งสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่กว้างไกลของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ก่อนจะปิดท้ายการเดินทางด้วยการรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารวินเทจ การ์เด้น ผู้เข้าร่วมทริปร่วมกันถ่ายภาพเพื่อเป็นที่ระลึกและเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ

ทริป 'Y So Amazing Trip' ครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างลูกค้าผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า AION Y Plus ผ่านประสบการณ์การท่องเที่ยวและกิจกรรมที่น่าประทับใจ ไม่เพียงแต่สร้างความพึงพอใจให้กับผู้ร่วมทริป แต่ยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของ AION ในฐานะแบรนด์ที่ใส่ใจลูกค้าและสร้างสรรค์กิจกรรมที่มีคุณค่า นอกจากนี้ ทริปดังกล่าวยังเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้งานรถยนต์ AION Y Plus และสร้างเครือข่ายในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า สะท้อนถึงแนวทางของบริษัทที่เน้นความเป็นมิตรและใส่ใจลูกค้า การจัดทริป 'Y So Amazing Trip' ในครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการท่องเที่ยวธรรมดา แต่เป็นการมอบประสบการณ์ที่เหนือชั้นและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า

นายกฯ โต้ ‘ธนาธร’ ปมรับซื้อไฟฟ้า ชี้ ‘พีระพันธ์’ ชี้แจงครบก่อนตั้งคำถาม

(29 ต.ค. 67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ออกจดหมายเปิดผนึกถึง นายกรัฐมนตรี ขอให้ทบทวนการออกสัมปทานรับซื้อพลังงานหมุนเวียน 3,600 เมกะวัตต์ เพราะมองว่าอาจเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนพลังงาน ว่า 

รายละเอียดเรื่องนี้ทั้งหมด ตนนั่งเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) อยู่ แต่เรื่องนี้ยังมาไม่ถึงคณะกรรมการ กพช. แต่ได้มีการสอบถามเรื่องนี้ไปยังรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลเรื่องนี้แล้ว 

ซึ่งก่อนที่นายธนาธร จะออกมาพูดเรื่องนี้ รองนายกฯ ได้ตอบกระทู้ในสภาฯ เรื่องนี้ไปแล้ว ประชาชนและสื่อมวลชนสามารถหาข้อมูลเรื่องนี้ได้อย่างละเอียดเลย และทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการ

เมื่อถามย้ำว่า กระบวนการทุกอย่างจะต้องโปร่งใสใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แน่นอนค่ะ เรื่องนี้จะต้องโปร่งใส

เมื่อถามต่อว่า ทุกคนอยากได้ยินคำยืนยันจากนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีระบุว่า ยินดีค่ะ ถ้าอยากได้ได้ยินจากนายกรัฐมนตรี แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องเป็นไปตามกระบวนการ และต้องโปร่งใส ให้ประชาชนสามารถรับรู้ได้ และเข้าใจได้แน่นอน เพราะนั่นคือความมั่นคงของรัฐบาลด้วย

สตม. รวบอดีตทหารรับจ้างรัสเซียส่งข้อความขู่ฆ่าคู่อริ ยึดแม็กกาซีนและเครื่องกระสุนปืนหลายขนาดนับร้อยนัด

กก.สส.บก.ตม.1 จับกุม MR. MILO (นามสมมติ) อายุ 25 ปี สัญชาติรัสเซีย พร้อมด้วยของกลาง ซองกระสุนปืนพกขนาด .380 จำนวน 1 ซอง พร้อมกระสุนบรรจุ จำนวน 2 นัด, กระสุนปืนขนาด .380 ยี่ห้อบุลเล็ท มาสเตอร์ จำนวน 50 นัด, กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 42 นัด, กระสุนปืนขนาด .45 มม. จำนวน 16 นัด โดยกล่าวหาว่า มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม คอนโดมิเนียมในพื้นที่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจาก กก.สส.บก.ตม.1 ได้รับแจ้งจากประชาชนผู้ไม่ประสงค์ออกนามว่าถูกชายชาวรัสเซียซึ่งพักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมในพื้นที่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ใช้ภาพอาวุธปืนและส่งข้อความข่มขู่ว่าจะยิง ทีละคนจนกว่าเขาจะตาย และจะสาดเลือดหมูใส่ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนจับกุม จากการสืบสวนพบว่าชายชาวรัสเซียคนดังกล่าวคือ MR. MILO (นามสมมติ) พักอาศัยอยู่ที่ห้อง 128 กก.สส.บก.ตม.1 จึงได้ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลอาญาเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ MR.MILO และพบของกลาง ซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องสีเทาข้างตู้เสื้อผ้า โดย MR.MILO ให้การว่าอดีตเคยเป็นทหารรับจ้างของประเทศรัสเซีย ซองกระสุนและเครื่องกระสุนของกลางทั้งหมดไม่ใช่ของตนเอง เป็นของเพื่อนคนไทยจำชื่อไม่ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว  

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

‘เวสต์แฮม’ ประกาศเตรียมเซ็นสัญญา ‘อันนา ฉันทวงศ์วิริยะ’ เข้าทีมหญิง

(29 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กแฟนเพจ West Ham Utd Thailand Fanclub. ได้โพสต์ว่า

#EPAThailand 
ข่าวประชาสัมพันธ์จาก Elite Performance Academy เรื่องการแถลงข่าวการเซ็นสัญญา อันนา ฉันทวงศ์วิริยะ เข้าสู่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทีมหญิง ในวันที่ 7 พ.ย. นี้ โดยมี คุณนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และตัวแทนจาก เวสต์แฮม ฟาวเดชั่น ร่วมแถลงข่าวด้วย 

‘อ.อุ๋ย ปชป.’ ผนึก อ.ย. – ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์ - สภาผู้บริโภค เร่งเอาผิดอาหารเสริมลวงโลก แฉ! บางรายคล้าย ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’

อาจารย์ อุ๋ย ปชป. ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการกับผู้แทนจากราชวิทยาลัยจักษุแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาและสภาองค์กรของผู้บริโภค เพื่อเอาผิดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่โฆษณาหลอกลวง 

เมื่อวานนี้ (28 ต.ค.67) นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ปรึกษากฎหมายของราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการกับคณาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุ ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และผู้แทนจากสภาองค์กรของผู้บริโภค โดยมีวาระการประชุมที่สำคัญ คือการทบทวนกระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งการป้องกัน ปราบปราม การโอ้อวด หลอกลวงทางการโฆษณาผลิตภัณฑ์ และกระบวนการรักษาใด ๆ ซึ่งแอบอ้างเพื่อใช้ในการป้องกันรักษาโรคตา ที่ไม่ได้มาตรฐาน อย่างยั่งยืน

ซึ่งที่ประชุมได้อภิปรายถึงอุปสรรคของการบังคับใช้กฎหมายเพื่อเอาผิดกับเจ้าของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่โฆษณาหลอกลวง โดยเฉพาะเกี่ยวกับดวงตา เช่น การอวดอ้างว่ากินแล้วตาใส มองชัด ไม่มัว สายตาดีขึ้น ฯลฯ ซึ่งปรากฏทั่วไปตามแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งล้วนแต่เป็นข้อความเท็จ และทำให้ผู้บริโภคที่หลงเชื่อ สูญเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ และขาดโอกาสในการรักษา ทำให้โรคลุกลามจนรักษาได้ยาก หรือรักษาไม่หาย ซึ่งกฎหมายปัจจุบันกำหนดโทษปรับและจำคุกที่ค่อนข้างเบา ทำให้ผู้กระทำผิดไม่เกรงกลัว ซึ่งจะต้องมีการเสนอปรับปรุงแก้ไขกฎหมายต่อไป และนายประพฤติได้เสนอให้ใช้ พรบ. คอมพิวเตอร์ ในการเอาผิดการกระทำในลักษณะนี้ เพราะมีโทษที่หนักกว่ากฎหมายอาหาร และพิจารณาทำ MOU กับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย และเผยแพร่ความรู้ความเข้าที่ถูกต้องให้กับผู้บริโภคต่อไป

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเกี่ยวกับดวงตาที่โฆษณาหลอกลวงบางราย ใช้กลยุทธ์การตลาดคล้าย ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’ กล่าวคือ มีการจัดสัมมนาอบรม โฆษณาเชิญชวนให้เข้าเป็นสมาชิก ชักชวนให้สร้างเครือข่าย และตอกย้ำถึงความร่ำรวยอย่างรวดเร็วจากการเข้าร่วมเครือข่าย ซึ่งจะต้องให้ผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ทำการเฝ้าระวังและสืบสวนสอบสวนในเชิงลึกเพื่อดำเนินการป้องปรามต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนเป็นวงกว้างซ้ำรอยคดีดิไอคอนกรุ๊ป  

ทั้งนี้ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย เริ่มก่อตั้งเมื่อ ปี พ.ศ. 2499 เป็นหน่วยงานในกำกับดูแลของแพทยสภา ทำหน้าที่ฝึกอบรมแพทย์ทั่วไปที่ต้องการประกอบวิชาชีพเป็นจักษุแพทย์ กำหนดและควบคุมมาตรฐานทางวิชาการในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมของจักษุแพทย์และเผยแพร่ความรู้ทางจักษุวิทยา อันเป็นประโยชน์แก่ประชาชนและแก่วิชาชีพเวชกรรม

เชียงใหม่-ผบช.ภ.5 แถลงข่าว บก.สส.ภ.5 จับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 2,494,000 เม็ด 

(29 ต.ค. 67) เวลา 09.30 น.ตามนโยบายรัฐบาล สั่งการให้หน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด บูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยการอำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์  ผบ.ตร, พล.ต.อ.ธนา ชูวงค์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ  เลขาธิการ ป.ป.ส. และ พล.ท.กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ มทภ.3 ได้รับบัญชาและข้อสั่งการนำไปสู่การปฏิบัติ

ตำรวจภูธรภาค 5 โดย พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร  ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์, พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี, พล.ต.ต.นพดล กรึงไกร, พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง  รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ประจำฯ ช่วยราชการ ภ.5, พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 และพล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ฝ่ายทหาร นบ.ยส.35 โดย พล.ท.กิตติพงศ์ ชื่นใจชน มทน.3/ผบ.นบ.ยส.35ฝ่ายปกครอง โดย นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผวจ.เชียงใหม่สำนักงาน ปปส.ภาค 5 โดย นายธันวา ผุดผ่อง ผู้เชี่ยวชาญฯ รรท.ผอ. สำนักงาน ปปส.ภาค 5 แถลงผลการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ ของ บก.สส.ภ.5 จับกุมผู้ต้องหา 3 คน ยาบ้าประมาณ 2.5 ล้านเม็ด ที่ อาคารหอประชุม ภ.จว.เชียงใหม่ 

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2567 เวลาประมาณ 22.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.ภ.5 บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำการจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 3 คน คือนายอัครชัย อายุ 27 ปี ภูมิลำเนา อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่, นายภูมิพัฒน์ อายุ 30 ปี ภูมิลำเนา อ.แม่แตง จว.เชียงใหม่ และนายดุสิต อายุ 48 ปี ภูมิลำเนา อ.ดอยเต่า จว.เชียงใหม่พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้าจำนวน 10 กระสอบ รวมประมาณ 2.5 ล้านเม็ด ที่บริเวณสถานีบริการน้ำมัน ตั้งอยู่ที่ถนนเชียงใหม่ - หางดง หมู่ 6 ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่ ต่อเนื่อง สวนลำไย พื้นที่หมู่ 6 ต.โปงทุ่ง อ.ดอยเต่า จว.เชียงใหม่

คดีนี้ พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.ภ.5 ติดตามพฤติการณ์กลุ่มลักลอบลำเลียงยาเสพติด ที่มีช่องทางนำเข้าจากแนวชายแดน ทาง อ.เวียงแหง จว.เชียงใหม่ แล้วลำเลียงมาจุดพักยาเสพติดในพื้นที่รอยต่อระหว่าง อ.เชียงดาว - อ.แม่แตง จว.เชียงใหม่ และจะมีกลุ่มลักลอบลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ

ในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถจักรยานยนต์ PCX สีแดง ขับนำรถยนต์กระบะบรรทุกสิ่งของเต็มหลังกระบะ จากพื้นที่ อ.แม่แตง ผ่าน อ.แม่ริม - อ.เมืองเชียงใหม่ แล้ว วิ่งไปตามถนนสายเชียงใหม่ - หางดง จึงสกัดจับกุมที่บริเวณปั๊มน้ำมัน เขต ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ โดยมี นายภูมิพัฒน์ฯ ขับรถจักรยานยนต์ PCX สีแดง นำทาง และนายอัครชัยฯ ขับรถยนต์บรรทุกพบ ยาบ้าประมาณ 2.5 ล้านเม็ด บรรทุกอยู่บริเวณหลังรถ และต่อมาได้ขยายผลไปจับกุมนายดุสิตฯ ซึ่งเป็นคนว่าจ้าง/ติดต่อกลุ่มลำเลียงยาเสพติดที่บริเวณสวนลำไย พื้นที่หมู่ 6 ต.โปงทุ่ง อ.ดอยเต่า จว.เชียงใหม่ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลหาเครือข่ายและตรวจยึดอายัดทรัพย์สินมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

‘พิชัย’ จับมือทูตแคนาดา เร่งเครื่องเจรจาเอฟทีเอ อาเซียน-แคนาดา พร้อมนัดถกรัฐมนตรีการค้าแคนาดาช่วงประชุมเอเปคที่เปรู ขยายโอกาสการค้าในตลาดอเมริกาเหนือ

เมื่อวันที่ (28 ต.ค. 67) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการหารือกับนางสาวปิง คิตนีกอน (H.E. Ms. Ping Kitnikone) เอกอัครราชทูตแคนาดาประจำประเทศไทย ณ กระทรวงพาณิชย์ ว่าเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองฝ่ายได้พบกันหลังจากที่ได้เข้ารับตำแหน่ง โดยเน้นย้ำความพร้อมของไทยในการทำงานร่วมกับแคนาดาอย่างใกล้ชิด 
เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ระหว่างกัน

นายพิชัย กล่าวว่า ไทยพร้อมเปิดรับการลงทุนจากแคนาดาที่มีความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมถึงการจัดการทรัพยากรบุคคลที่มีศักยภาพ ซึ่งสอดรับกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ ด้านพลังงานสะอาด ยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมดิจิทัล พร้อมต่อยอดความร่วมมือกับแคนดาด้าน AI และ Cybersecurity อีกทั้ง ไทยยังมีศักยภาพเป็นฐานการผลิตในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ มีโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ เชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาคและระดับโลกได้นอกจากนี้ ไทยยังสามารถขยายโอกาสทางเศรษฐกิจกับแคนาดาเพื่อเชื่อมโยงไปยังกลุ่มประเทศ G7 ที่แคนาดามีความตกลงการค้าเสรีครบทุกประเทศแล้ว

นายพิชัย เสริมว่า ตนได้ขอบคุณแคนาดาที่มีแผนจะนำคณะนักธุรกิจแคนาดาสาขาต่าง ๆ มายังไทยช่วงเดือนพฤษภาคม 2568 พร้อมทั้งได้เชิญชวนภาคธุรกิจเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการค้าของกระทรวงพาณิชย์ที่จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศร่วมกับภาคเอกชน เช่น งานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX-ANUGA ASIA (27-31 พฤษภาคม 2568) ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอาหารที่ใหญ่ของเอเชีย เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างกันด้วย
นายพิชัย กล่าวต่ออีกว่า ไทยและแคนาดาเห็นพ้องที่จะสนับสนุนการเจรจา FTA อาเซียน-แคนาดา ให้เสร็จตามเป้าหมายในปี 2568 ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้ภาคธุรกิจทั้งสองประเทศ และขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุน สามารถเชื่อมโยงทั้งสองภูมิภาคให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น และความตกลงดังกล่าวยังถือเป็น FTA แรกของไทยกับประเทศในภูมิภาคอเมริกาเหนือ

นอกจากนี้ ในช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ตนยังได้พบกับนายกรัฐมนตรีแคนาดา (นายจัสติน ทรูโด) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการส่งเสริมการส่งออก การค้าระหว่างประเทศ และการพัฒนาเศรษฐกิจ ของแคนาดา (นาง Mary Ng) และในช่วงการประชุมรัฐมนตรีเอเปค (APEC Ministerial Meeting: AMM) ครั้งที่ 35 กลางเดือนพฤศจิกายน 2567 ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ที่จะถึงนี้ ตนจะมีโอกาสพบหารือกับ นาง Mary Ng อีกครั้ง เพื่อหารือแนวทางส่งเสริมความร่วมมือและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจในเชิงลึกระหว่างไทยและแคนาดาต่อไป

ในปี 2566 แคนาดาเป็นคู่ค้าอันดับที่ 30 ของไทย โดยการค้ารวมของไทยและแคนาดา มีมูลค่า 2,933.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 10.41 โดยไทยส่งออกไปยังแคนาดามูลค่า 1,903.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 10.07 สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ข้าว เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์  เตาอบไมโครเวฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน และผลิตภัณฑ์ยาง ขณะที่ไทยนำเข้าจากแคนาดามูลค่า 1,030.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 11.03 สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช เยื่อกระดาษและเศษกระดาษ ปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ

สตม. ทลายเครือข่ายต่างด้าวแสบ รวบเรียงตัว 5 ผู้ต้องหา หลอกลงทุน Crypto Currency ซื้ออสังหาฯหวังฟอกเงิน

(29 ต.ค. 67) สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปลายปี 2566 มีกลุ่มแก๊งคนต่างด้าว ได้ร่วมกับชาวไทยกลุ่มหนึ่ง หลอกลวง นางสาวมัลลิกา (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ให้ลงทุนเทรดหุ้นและคริปโตเคอร์เรนซี  โดยได้เปิดเพจเฟซบุ๊ก (Facebook) ใช้ชื่อ ห้องคุยนักลงทุน ซึ่งเปิดเป็นสาธารณะบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ แนะนำการลงทุนในการเทรดหุ้น ซึ่งได้รับผลตอบแทนสูง ผู้เสียหายจึงเข้าไปพูดคุยและสนใจ เมื่อกลุ่มผู้ต้องหาเห็นว่าผู้เสียหายสนใจ จึงได้ติดต่อมาทาง แอปพลิเคชันไลน์ และหลอกล่อจนกระทั่งผู้เสียหายยอมโอนเงินไปให้หลายครั้ง หลายบัญชี โดยคนร้ายจะมีการพูดหลอกล่อ เช่น ต้องค้างเงินไว้ในพอร์ตเป็นเวลาขั้นต่ำกี่วัน หรือต้องมีการโอนเพิ่มเพื่อให้สามารถทำการเทรดโดยใช้ leverage ได้ เมื่อผู้เสียหายเทรดได้กำไร มีการโอนผลกำไรกลับไปบางส่วน เป็นต้น ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ทั้งนี้ รวมยอดความเสียหายที่ผู้เสียหายโอนเงินไปทั้งสิ้น เป็นจำนวนเงิน 21 ล้านบาท ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางรัก โดยจากการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหาแก๊งนี้มีการแบ่งหน้าที่กันทำงานตั้งแต่ระดับ สั่งการจนถึงบัญชีม้า ดังนี้ นายมูน ชาวกัมพูชา (ผู้ต้องหาที่ 1) และ นายโก ชาวเมียนมา (ผู้ต้องหาที่ 2) ทำหน้าที่เป็นบัญชีม้า รับโอนเงินต่อกัน โดยได้รับการชักชวนจากนายหน้าชาวเมียนมาอีกทอดหนึ่ง ก่อนจะมีการโอนเงินไปยัง นายวิน นักธุรกิจ ชาวเมียนมา (ผู้ต้องหาที่ 3) ซึ่งเปิดบริษัททำธุรกิจบังหน้าในประเทศไทยอีกทอดหนึ่ง ก่อนที่จะมีการโอนเงินไปให้ นางสาวซาน หญิงชาวเมียนมา (ผู้ต้องหาที่ 4) ที่ทำหน้าที่รับยอดเงินรวม ก่อนจะมีการนำไปรวมกับบัญชีของ นางสาวถ่วย หญิงชาวเมียนมา (ผู้ต้องหาที่ 5) เพื่อนำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบคอนโดมิเนียมหรูย่านพระราม 9 มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท โดยจ่ายเป็นเงินสด และขายต่อให้บุคคลที่สามชาวเมียนมาทันที พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมดต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน

ชุดสืบสวน กก.สืบสวน บก.ตม.1 ได้สืบสวนหาข่าวเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 5 รายดังกล่าวเรื่อยมา จนสามารถจับกุม นายโก ชาวเมียนมา ได้ที่บ้านพักส่วนตัว จว.ปทุมธานี จับกุมนายมูน ชาวกัมพูชา ได้ที่โรงงานแห่งหนึ่งใน จว.สระบุรี หลังสืบทราบว่าได้มีการหลบหนีไปสมัครงานที่โรงงานดังกล่าว จับกุมนางสาวซาน หญิงชาวเมียนมา ที่คอนโดมิเนียมหรู ริม ถ.รัชดาภิเษก จับกุมนางสาวถ่วย ชาวเมียนมา ขณะเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยที่ ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อจะมาจัดการทรัพย์สิน และจับกุมนายวิน นักธุรกิจชาวเมียนมา ขณะเดินอยู่ที่บริเวณริม ถ.ราชดำริ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางรัก ดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งจากการสอบปากคำนายโก นายมูน และ นางสาวซาน ยังนำไปสู่การออกหมายจับบุคคลต่างด้าวชาวเมียนมาอีกหนึ่งรายหนึ่ง ซึ่งอยู่ในระหว่างสืบสวนจับกุม และจะได้ขยายผลสืบสวนจับกุมต่อไป

สมุทรปราการ-ทอท. ห่วงใย!! มอบเครื่องช่วยฟังให้กับประชาชนที่อยู่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

(29 ต.ค. 67) เวลา 10.00 น. ดร.กีรติ  กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท
ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เป็นประธานในพิธีมอบเครื่องช่วยฟังตามโครงการตรวจสมรรถภาพการได้ยิน และสนับสนุนเครื่องช่วยฟังให้กับประชาชนที่อยู่โดยรอบ ทสภ. ประจำปี 2567

โดยมี นายกิตติพงศ์  กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมด้วย นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง) ทอท. เข้าร่วมพิธีฯ ด้วย ณ ห้องจัดเลี้ยง 1 ชั้น 5 อาคารสำนักงานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (AOB) การมอบเครื่องช่วยฟังตามโครงการตรวจสมรรถภาพการได้ยินฯ ในครั้งนี้ เป็นโครงการที่ ทอท. โดยฝ่ายสิ่งแวดล้อม จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องปีละ 1 ครั้ง มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้สูญเสียการได้ยินสามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้ เพิ่มคุณภาพชีวิตด้านการได้ยินที่ผิดปกติให้ดีขึ้นหรือใกล้เคียงกับบุคคลทั่วไป รวมทั้งเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่าง ทอท. กับประชาชนที่อยู่โดยรอบ ทสภ. อย่างยั่งยืน

ในปี 2567 มีผู้เข้าร่วมโครงการตรวจสมรรถภาพการได้ยินฯ จำนวน 2,919 คน พบว่าเป็นผู้มีสมรรถภาพการได้ยินปกติ จำนวน 2,299 คน และเป็นผู้มีสมรรถภาพการได้ยินผิดปกติ จำนวน 620 คน และจากการตรวจสมรรถภาพการได้ยินอย่างละเอียดสำหรับผู้สูญเสียการได้ยินระดับหูตึงมาก - รุนแรงมาก โดย โสต ศอ นาสิกแพทย์ วินิจฉัยแล้ว มีผู้ที่บกพร่องทางการได้ยินสมควรได้รับเครื่องช่วยฟังมีจำนวน 10 ราย จากโรงเรียนสาธิตบางนา, ชุมชนประชาร่วมใจชุมชนเคหะนคร 2, หมู่บ้านรุ่งกิจวิลล่า 9, หมู่บ้านลาดกระบังการ์เด้น และหมู่บ้านจามจุรี รับคนละ 2 เครื่อง รวม 20 เครื่อง เป็นเงิน 600,000.-บาท

จนถึงปัจจุบัน ทอท. มอบเครื่องช่วยฟังให้กับประชาชนที่สูญเสียการได้ยินไปแล้ว จำนวน 69 ราย รวม 119 เครื่อง โดยใช้งบประมาณในการสนับสนุนเครื่องช่วยฟังดังกล่าว รวมเป็นเงิน 3,670,000.-บาท ที่ผ่านมา ทอท. ได้ให้ความสำคัญต่อการสนับสนุนคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยรอบท่าอากาศยานให้ดีขึ้น รวมทั้งมีนโยบายให้ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบทั้ง 6 แห่ง คือ ทสภ. ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ท่าอากาศยานภูเก็ต และ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาที่ยั่งยืนภายใต้แนวคิดการเป็นสนามบินที่เป็นพลเมืองที่ดีของสังคมและเพื่อนบ้านที่ดีของชุมชน

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top