Saturday, 24 May 2025
NewsFeed

ครบรอบ 1 ปีรถไฟฟ้า 20 บาท รฟม. เผยผลสำเร็จโครงการ ผู้โดยสารสีม่วงพุ่ง 17.70% รับ อานิสงส์ครบทั้งลานจอดรถ-สายสีน้ำเงิน

(25 ต.ค. 67) เมื่อ 23 ต.ค. 67 ที่ผ่านมาครบรอบการดำเนินการตามนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย 1 ปีในการนี้ทางการรถไฟขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยจึงออกมาแถลงถึงผลการดำเนินการที่ผ่านมา

โดยนายวิทยา พันธุ์มงคล รักษาการแทน ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า 

หลังจากที่ รฟม. ได้ดำเนินการตามนโยบายอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาท ซึ่งเป็นหนึ่งนโยบาย Quick Win “คมนาคม เพื่อความอุดมสุขของประชาชน” ที่สำคัญของกระทรวงคมนาคม เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน 

โดยเริ่มดำเนินการในระบบรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) ก่อนเป็นลำดับแรก ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2566 จากนั้นในระยะที่ 2 วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 จึงเริ่มใช้อัตราค่าโดยสารร่วมสูงสุด 20 บาท สำหรับผู้เดินทางเชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง และระบบรถไฟฟ้าชานเมือง สายนครวิถี (สายสีแดง) โดยใช้บัตร EMV Contactless ใบเดียวกัน และเปลี่ยนถ่ายระบบ ณ สถานีบางซ่อน ภายในระยะเวลา 30 นาที 

ทั้งนี้ ตลอดช่วงระยะเวลา 1 ปีที่ได้เริ่มดำเนินการมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาท พบว่า จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยร้อยละ 17.70 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเริ่มมาตรการ โดยปัจจุบันผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงเฉลี่ยอยู่ที่กว่า 66,000 คนต่อเที่ยวต่อวัน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงผลของการดำเนินงานตามนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ได้อย่างชัดเจน  

นายวิทยา พันธุ์มงคล กล่าวต่อว่า จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงที่เพิ่มสูงขึ้น ยังช่วยเพิ่มปริมาณผู้โดยสารให้กับรถไฟฟ้าสายอื่นได้เป็นอย่างดี โดยจากผลการเปรียบเทียบจำนวนผู้โดยสารในช่วงก่อนดำเนินการนโยบายเทียบกับปัจจุบัน พบว่า รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึงร้อยละ 11.92 หรือคิดเป็นจำนวนเฉลี่ยกว่า 420,000 คนต่อเที่ยวต่อวัน 

สถานีรถไฟฟ้าที่มีจำนวนผู้โดยสารใช้บริการเฉลี่ยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สถานีสุขุมวิท สถานีเพชรบุรี สถานีพระราม 9 สถานีพหลโยธิน และสถานีสีลม โดยสถานีสุขุมวิทและสถานีสีลมซึ่งเป็นสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.11 และ 9.80 ตามลำดับ 

ในส่วนของรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยสถานีที่มีจำนวนผู้โดยสารใช้บริการเฉลี่ยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สถานีเตาปูน สถานีตลาดบางใหญ่ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี สถานีบางซ่อน และสถานีคลองบางไผ่ โดยในส่วนของสถานีศูนย์ราชการนนทบุรีซึ่งเป็นสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู มีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 63.36 และสถานีตลาดบางใหญ่ซึ่งเป็นสถานีที่อยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้า แหล่งชุมชน มีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.22 ตามลำดับ

นอกจากนี้ จำนวนผู้ใช้บริการอาคารจอดแล้วจร MRT สายสีม่วง ก็มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน เมื่อเทียบกับช่วงก่อนดำเนินการนโยบาย เช่น อาคารจอดแล้วจรสถานีสามแยกบางใหญ่ มีจำนวนผู้ใช้บริการในช่วงวันธรรมดาเพิ่มสูงถึงร้อยละ 29 อาคารจอดแล้วจรสถานีบางรักน้อยท่าอิฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 และอาคารจอดแล้วจรสถานีคลองบางไผ่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เป็นต้น 

สถานีคลองบางไผ่นอกจากจะมีอาคารจอดแล้วจรให้บริการแล้วนั้น ยังถูกพัฒนาให้เป็นศูนย์คมนาคมขนส่งด้านตะวันตก (คลองบางไผ่) ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม โดยเปิดให้บริการจุดจอดรถรับ-ส่ง รถโดยสารประจำทางของ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และบริษัท สมาร์ทบัส จำกัด เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างระบบขนส่งสาธารณะทางบกและทางรางแบบไร้รอยต่อ (Seamless Transport) 

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้สะท้อนให้เห็นว่านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนั้น นอกจากจะช่วยเพิ่มปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงแล้วนั้น ยังสนับสนุนให้เกิดการใช้รถไฟฟ้าในภาพรวมของทั้งโครงข่าย ลดการใช้รถส่วนบุคคลเพื่อลดปัญหาการจราจรและมลพิษทางอากาศ รวมถึงสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาพื้นที่โดยรอบของสถานีรถไฟฟ้า 

‘สน.สามเสน’ แนะเริ่มวางแผนการเดินทาง รับก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก พ.ย. นี้

(25 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘สถานีตำรวจนครบาลสามเสน’ ได้โพสต์ประชาสัมพันธ์ให้วางแผนในการเดินทางจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม(ตะวันตก) จากสถานีศูนย์วัฒนธรรมไปยังสถานีบางขุนนนท์ ความว่า 

ประชาสัมพันธ์ผู้ปกครองที่ใช้ถนนมาจากบางขุนนนท์ ถึง ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เนื่องด้วยมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีส้ม จำนวน 11 สถานี 
ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย.67 ถึงปี พ.ศ.2572 (รวม 5 ปี) 

(ผ่านถนนราชินี,อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย,ถ.ราชดำเนินกลาง,ถ.หลานหลวง,ถ.เพชรบุรี,ถ.ราชปรารภ,ถ.วิภาวดีรังสิต)

ขอประชาสัมพันธ์ในการวางแผนในการเดินทางด้วยครับ

ซัด ‘สื่อตะวันตก’ ขยันปั้นน้ำเป็นตัวด้อยค่าชาวจีน ใส่ร้ายเป็นคนจรจัด ลืมมองสหรัฐฯที่คนนอนข้างถนนเกลื่อนเมือง

(25 ต.ค.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘ลึกชัดกับผิงผิง’ โพสต์ภาพพร้อมข้อความสะท้อนความจริงของ 2 ประเทศ ระหว่าง จีน และสหรัฐ อเมริกา สะท้อนการบิดเบือนข้อมูลของสื่อฝั่งตะวันตก โดยระบุว่า

สิ่งที่เป็นจริงในสหรัฐอเมริกาและเป็นเท็จในประเทศจีน

สื่อตะวันตกเช่นบีบีซี รายงานข่าวว่า “จีนมีคนจรจัดจำนวนมากนอนอยู่บนถนน” แต่นี่เป็นข่าวปลอม ที่จริงแล้ว เป็นช่วงฤดูร้อน ภาพที่เห็นนั้น เป็นนักท่องเที่ยวจีนที่กำลังรอร่วมพิธีเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสา พากันพักผ่อนตามบริเวณโดยรอบจัตุรัสเทียนอันเหมินของกรุงปักกิ่ง 

ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากต่างเมือง ที่ไม่อยากพลาดเวลาเชิญธงขึ้นเสา ซึ่งจะทำตามเวลาพระอาทิตย์ขึ้น โดยมีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งโพสต์ข้อความว่า “ฉันมาถึงประมาณตี 1 แต่เกือบไม่มีที่ว่างแล้ว”

ขณะเดียวกัน ในสหรัฐ อเมริกา ซึ่งมีบรรดาคนจรจัดที่กินนอนบนถนนในเวลากลางวันเป็นเรื่องธรรมดา นอกจากนี้ยังมีผู้ติดยาที่มีพฤติกรรมแปลกๆ เดินช้าๆ อยู่บนถนน เหมือนกับ 'ซอมบี้' อีกจำนวนมาก นี่คือชีวิตประจำวันที่แท้จริงบนถนนเคนซิงตัน (Kensington) ในฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งปรากฏภาพออกมาตั้งแต่ปี 2021

“คนจรจัดในสหรัฐอเมริกา มีจำนวนมาก” เป็นเรื่องจริง

“คนจรจัดในจีนมีจำนวนมากเป็นเรื่องไม่จริง หรือเรื่องโกหกทั้งเพ”

เจาะ Model สามองค์กรคล้ายแชร์ลูกโซ่ ? ใช้การตลาดนำ แต่ตั้งอยู่บนความว่างเปล่า

(25 ต.ค. 67) กระแสข่าวในช่วงที่ผ่านมาคงไม่มีใครสามารถหลบความมาแรงของข่าว บอส...บอส ของ The iCon Group ได้พ้น 

เพราะอานิสงส์จากคดีนี้แทรกไปในทุกวงการไม่ว่าจะเป็น วงการบันเทิง วงการการเมือง วงการสีกากี หรือแม้กระทั่งวงการสงฆ์

หัวใจของกลเกมจาก The iCon Group ไม่ใช่เรื่องที่ลึกล้ำอะไรมากนัก เพราะธุรกิจของกลุ่มนี้ล้วนทำมาหากินบน ‘อคติ 4’ อันประกอบด้วย ‘รัก โลภ โกรธ หลง’ ที่เป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์

ถ้าพูดตามตำรา MBA แล้วต้องบอกว่าธุรกิจนี้สามารถจี้ไปยัง Pain Point ของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นกระตุ้นความโลภ ให้ทุกคนอยากรวยไปด้วยกัน โดยใช้เทคนิคทางการตลาดต่าง ๆ หว่านล้อม

แต่สุดท้าย พอถึงเวลาอันสมควร สิ่งที่กลวงเปล่าขององค์กรก็ปรากฏตัวขึ้น บนความเสียหายมหาศาล ที่เพิ่งเห็นข่าวสารผ่านตาว่ามีผู้เสียหายไม่น้อยกว่า 8,000 คน

ดูละครแล้วย้อนดูตัว 

การตลาดนำโดยจี้ไปที่ Pain Point ในสังคมไทย สังคมโลก ‘The iCon’ เป็นแค่หนึ่งในผู้ที่ฉกฉวยเอาเทคนิคนี้มาใช้เท่านั้น 

ในวงการการเมือง พรรคสีส้ม ๆ บางพรรคก็ได้ใช้การตลาดนำ จี้ไปที่ความต้องการของผู้คน เช่น บำนาญผู้สูงอายุ 3,000 บาทต่อเดือน, รวมถึง ‘นโยบายทุ่มเงิน’ ภายใต้ชุดที่ถูกเรียกว่า ‘รัฐสวัสดิการ’ 

เพราะจากสถานการณ์ปัจจุบัน 10,000 บาทของเพื่อไทย กว่าจะสามารถทำได้ก็ต้องออกแรงเข็นกันจนเลือดตาแทบกระเด็น 

หากใช้มุมมองแบบ Bird Eyes View กว้างออกไปสุดลูกหูลูกตา ประเทศพี่ใหญ่ที่ตั้งอยู่บนทวีปอเมริกาก็คงไม่ต่างกัน 

ไม่ว่าจะเป็นภาพลวงตาที่ชื่อว่า ‘ประชาธิปไตย’ หรือ ‘สิทธิมนุษยชน’ ที่ส่งออกไปยังหลายประเทศ โดยมีบางประเทศถึงระดับ ‘รัฐล้มเหลว’ จนสุดท้ายแหล่งทรัพยากรถูกแทรกแซงโดยบริษัทต่างชาติที่ปฏิบัติการภายใต้หน้ากากทุนนิยม ไม่ใช่พวกเดียวกับ ประชาธิปไตย 

หรือแม้กระทั่งเงินดอลลาร์ที่ตนเองใช้อำนาจและบารมีบีบคั้น จนไม่ต้องผูกกับอะไรนอกจาก ‘พันธบัตร’ ที่ออกโดยรัฐบาลสหรัฐฯ

ทำให้ทุก ๆ ปีต้องมีการออกพันธบัตรใหม่เพื่อใช้หนี้พันธบัตรเก่าอยู่ไม่รู้จบ และจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามอัตราดอกเบี้ย 

ละครเรื่อง The iCon ยังไม่จบ ละครในวงการการเมืองไทย และการเมืองโลกก็ยังไม่จบเช่นกัน

โปรดติดตามโดยใจระทึกพลัน 

ครบรอบ 5 ปี เซ็นสัญญารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เมกะโปรเจกต์เชื่อมโยงอีกหลายโครงการ ที่ถึงเวลาต้องตัดสินใจ

(25 ต.ค. 67) จังหวะเวลาช่างเหมาะเจาะเหลือเกินที่ช่วงนี้กำลังมีข่าวสารเกี่ยวกับการแก้ไขสัญญาสัมปทานรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เพราะวันนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว คือ วันที่มีการลงนามในสัญญาฉบับนี้ระหว่างเอกชน กับการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) แบบพอดิบพอดี 

สำหรับปฏิกิริยาล่าสุดจากทางสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะที่กำกับดูแล รฟท. โดยตรงได้ออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา(22 ต.ค. 67) ว่า

การแก้ไขสัญญา เกิดจากเอกชนและภาครัฐผิดสัญญา จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของชุดไวรัสโควิด​- 19 ทำให้โครงการเกิดความล่าช้า รัฐบาลไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ให้กับเอกชนได้ ขณะที่เอกชนก็ไม่สามารถดำเนินการได้ จึงเป็นต่างคนต่างผิดสัญญา จึงต้องพิจารณาใหม่

แม้จะตอบได้อย่างชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามยังเกิดข้อครหาตามติดมาว่าเอื้อประโยชน์ให้เอกชนหรือไม่ 

สำหรับในประเด็นนี้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ตอบออกมาว่า ร่างสัญญาจะถูกตรวจสอบโดยสำนักงานอัยการสูงสุดอยู่แล้ว ประเด็นนี้จึงไม่น่าเป็นห่วง 

สำหรับประเด็นร้อนประเด็นนี้ โดยเฉพาะเมื่อผ่านตา ‘ทีมคมนาคม’ ที่นำโดยสุริยะ ที่แม้ท่าทีจะเงียบ ๆ แต่ผลักดันแทบทุกโครงการจนสัมฤทธิ์ผล 

นอกจากนี้พ่อบ้านของกระทรวงคมนาคมอย่าง ‘ชยธรรม์ พรหมศร’ ปลัดกระทรวงคมนาคม ที่เติบโตจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ทำให้สามารถมองเห็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศได้อย่างเป็นภาพรวม 

และมีเสียงลือจากกระทรวงคมนาคมว่า ปลัดคนนี้นี่เองที่เคยทำงานอยู่ในทีมสมัยแรกที่ ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ นั่งเจ้ากระทรวง

ด้วยสรรพกำลังภายในกระทรวงที่เพียบพร้อมเช่นนี้ ข้อกล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์เอกชนคงจะจางหายไปบ้าง

อย่างที่กล่าวไปในย่อหน้าแรก ว่าโครงการนี้ค้างคามาไม่น้อยกว่า 5 ปีแล้ว โอกาสของประเทศที่สูญเสียไปไม่ทราบเหมือนกันว่ามีเท่าไหร่กันแน่ 

และนอกจากนี้โครงการดังกล่าวยังเกี่ยวเนื่องกับอีก 2 โครงการโดยตรง!!

สำหรับโครงการแรก คือ เมืองการบินอู่ตะเภา ที่จะพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์สนามบินหลักแห่งที่ 3 ของประเทศ 

ขยายศักยภาพสนามบินหลักเดิม 2 แห่งที่ปัจจุบันรองรับเที่ยวบินจำนวนมหาศาลจนทำให้การจราจรทางอากาศติดขัดเป็นบางช่วงเวลา 

แต่ก็ต้องยอมรับว่าจุดหมายปลายทางหลักคงไม่ใช่อู่ตะเภาเท่านั้นเพราะ ‘กรุงเทพ’ เมืองฟ้ายังเป็นจุดหมายปลายทางหลัก

ดังนั้นการทำให้การเดินทางเชื่อมต่อกันโดยง่ายจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ‘รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน’ คือคำตอบเดียว 

หากไฮสปีดสามสนามบินล่าช้าออกไปอีก คงทำให้อีกโครงการล่าช้าต่อเนื่องไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ 

สำหรับโครงการที่ 2 จะออกนอกพื้นที่ EEC คือโครงการที่มีชื่อว่า ‘รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา’

สำหรับเหตุผลว่าเรื่องนี้ทำไมล่าช้า เพราะในช่วงทับซ้อนของโครงการดังกล่าวคือช่วงบางซื่อ-สนามบินดอนเมือง ทั้งสองโครงการจะใช้ระบบรางเดียวกัน โดยผู้ที่ดำเนินการก่อสร้างคือเจ้าของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน

ดังนั้น หากยังไม่สามารถปลดล็อกการพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินไปได้ นอกจากการก่อสร้างบางช่วงที่ติดปัญหาของรถไฟไทย-จีน แล้ว จะมาติดล็อกของโครงการรถไฟ 3 สนามบินอีกด้วย 

และยังไม่รวมถึงโครงการหลักอย่าง EEC หรือ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่เสน่ห์เย้ายวนจะหายไปเพียงใด หากการพัฒนารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินสะดุด 

ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่ผ่านมาจึงไม่แปลกใจนักหากรัฐบาลพร้อมที่จะเดินหน้าแก้ไขสัญญา เพราะในบางครั้งต้องมีการยอมกลืนเลือดไปเสียบาง เพื่อรักษาผลประโยชน์โดยรวม 

และดูเหมือนว่าครั้งนี้กระทรวงคมนาคมจะเดินหน้าเต็มกำลัง เพราะหลังจากกลับมารับตำแหน่งใน ครม. ชุดแพทองธาร ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ ก็จัดการยึดอำนาจกำกับ รฟท. มาไว้ที่ตนเอง พร้อมกับที่ชื่อ ‘วีริศ อัมระปาล’ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย 

ทั้งหมดย่อมหนีไม่พ้นการแสดงออกว่าราชรถ 1 อย่างสุริยะ ‘เอาจริง’ กับการพัฒนาระบบรางของประเทศไทยอย่างแน่นอน

ทนายความบอสพอล เผย เตรียมแจ้งความฉ้อโกง แม่ข่าย 2,000 คน สัปดาห์หน้าประกันตัวระดับบอส

(25 ต.ค. 67) นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ผู้ต้องหาในคดีดิไอคอน ภายหลังเข้าเยี่ยม ‘บอสพอล’ ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่า ได้รับออเดอร์เพิ่มเติมจากบอสพอล อีก 1 ออเดอร์ คือให้แจ้งความกับกลุ่มแม่ข่าย 2,000 คน ซึ่งทำตีเนียนเป็นผู้เสียหายในข้อหาฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากมีขบวนการแจ้งความเท็จ

สิ่งเหล่านี้เรียกว่าเป็นการแจ้งความแบบแพตเทิร์น มีการพยายามบอกว่าดิไอคอน ไปหลอกลวงให้ทางตัวแทนสั่งซื้อสินค้ากับทางดีลเลอร์ จนขายไม่ได้ แล้วแม่ข่ายสัญญาว่าจะช่วยขาย ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะบริษัทเป็นบริษัทขายส่งสินค้า เราขายให้ตัวแทน แล้วตัวแทนต้องขายต่อ หากขายไม่ได้ ก็รับความเสี่ยงกันไป แต่ปรากฏว่ามีการเข้าไปแจ้งความเพื่อบิดประเด็นให้เข้าข่ายฉ้อโกง ด้วยการเกณฑ์ผู้เสียหายจำนวนมาก เข้าไปแจ้งความดำเนินคดี

ทั้งนี้ ยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่การโยนความผิดให้กับแม่ข่าย แต่เป็นข้อเท็จจริง ดังนั้นภายในสัปดาห์หน้า ตนจะทำหนังสือถึงตำรวจสอบสวนกลาง ให้ดำเนินคดีกับคนที่มาแจ้งความ และอ้างว่าเป็นผู้เสียหาย แต่เป็นผู้เสียผลประโยชน์ คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 2,000 คน จากที่แจ้งความทั้งหมด 8,000 กว่าคน แต่ความจริงแล้วเท่าที่เข้าข่ายคาดว่าประมาณ 6,000 คน

“เท่าที่ตรวจสอบและจะแจ้งความแบบชัวร์ๆ เลย คือ 2,000 คน ส่วนตัวมองว่าเป็นยอดที่เยอะเช่นเดียวกัน แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นพวกที่ขายของไม่ได้ แล้วมาตีเนียนเป็นผู้เสียหายด้วย ซึ่งตนจะให้ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน เหมือนที่กลุ่มบอสพอลเจอ”  ทนายความ ยังบอกว่า บอสพอล ได้ฝากตนมาบอกกับนักข่าวว่า “พอลจะไม่ปล่อยมือใคร”

เมื่อถามว่า หมายความว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังใช่หรือไม่ ทนายตอบเสียงดังฟังชัดว่า “ใช่ครับ เพราะเราไม่ได้กระทำความผิด แต่โดนดำเนินคดี ส่วนคนที่เป็นคนทำตัวจริง ไปหลอกลวงให้เขาซื้อสินค้ามา เดี๋ยวช่วยขาย , ไม่ต้องขายนะ ให้ไปหาคนเพิ่ม กลุ่มคนเหล่านี้มีเยอะ เพราะฉะนั้นเราจะไม่ปล่อยมือใคร เราโดนดำเนินคดี พวกคุณก็ต้องเป็นผู้ต้องหาเหมือนกันกับเรา ตอนนี้มันต้องแฟร์กันแล้ว”

ขณะเดียวกัน ทนายความ ยังกล่าวว่า หลังจากเข้าเยี่ยมบอสพอล และได้คุยกันกับกลุ่มทนายความของ 15 บอส ยกเว้นกลุ่มบอสดาราที่ยังไม่ได้คุย ทุกคนบอกว่าจะยื่นประกันภายในสัปดาห์หน้า หากพ้นการฝากขังในผัดแรก เพราะบอสพอล อยากออกมาชี้แจงกับประชาชน และกับทุกๆ รายการ ถึงโครงสร้างของบริษัท ว่ามีรูปแบบเป็นเช่นใด ส่วนที่ก่อนหน้านี้ยังไม่ยื่นประกัน เนื่องจากเกรงว่า จะถูกคัดค้านหวั่นไปยุ่งเหยิงกับพยาน หลักฐาน ส่วนจะได้ประกันหรือไม่นั้นให้เป็นดุลยพินิจของศาล

‘อองตวน’ โร่แจงตำรวจไซเบอร์ แสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังถูกโยงเอี่ยวเว็บพนัน - ปฏิเสธโกงค่าตัวนักมวยดัง

จากกรณีที่โจ ณัฐวุฒิ นักมวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต ที่กลับมาสร้างชื่ออีกครั้ง ทำให้มีงานนอกสังเวียนมากขึ้น เช่น รายการสัมภาษณ์ และการถ่ายแบบ แต่ปัญหาคือได้ค่าตัวไม่ตรงตามสัญญาทำให้ต้องยกเลิกสัญญากับ UPR VISION ENTERTAINMENT ไปแล้ว

ซึ่ง UPR VISION ENTERTAINMENT ถูกดูแลโดย ‘อองตวน ปินโต’ อดีตนักมวยไทยชาวฝรั่งเศส ที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นพิธีกร

โดยก่อนหน้านี้ โจ ได้ระบุว่า  ผู้ว่าจ้างบอกจะให้ค่าตัว 200,000 บาท แต่พอมาผ่านบริษัทดังกล่าว ซึ่งเปรียบเป็นเอเยนต์ โดยคุยกันว่า ค่าตัวจะเป็นแบ่งเป็น 70-30 คือ 70% ให้กับ โจ และ อีก 30% ให้กับบริษัท แต่พอได้ถึงมือตนจริงๆ เหลือเพียง 50,000 บาทเท่านั้น (ซึ่งถ้าค่าจ้าง 200,000 บาทจริงๆ โจ จะต้องได้ 140,000 บาท) ซึ่งเรื่องดังกล่าวกลายเป็นกระแสดรามาในวงการมวยไทยอยู่ในขณะนี้

ล่าสุด ‘อองตวน ปินโต’ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังควงภรรยา ‘แอลรียาส์ สิงหอานนท์’ เข้ายื่นหนังสือกับ พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยระบุว่า

วันนี้ผมได้มีโอกาสเข้าร้องที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมเทคโนโลยี ในเรื่องที่มีข้อกล่าวอ้างว่าผม “โกง” และผมได้แสดงความบริสุทธิ์กับ ท่าน พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ (รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี) 

และได้นำหลักฐานมาชี้แจงเบื้องต้นสำหรับข้อพิพาททั้งหมดที่ถูกกล่าวอ้าง รวมถึงข้อความอันเป็นเท็จที่กำลังเผยแพร่อยู่ตอนนี้ และทำให้ผมได้รับผลกระทบและความเสียหายเป็นอย่างมาก ผมได้มาแสดงความบริสุทธิ์ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโพสต์ที่มีการโปรโมทเว็บพนัน

ขอบคุณท่าน พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ (รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี)ที่ได้รับคำร้องของผม 

และพรุ่งนี้ (26 ต.ค.) ผมและบริษัท UPR VISION ENTERTAINMENTจำกัด จะมีการแถลงข่าวอีกครั้งที่ โรงแรม metropole bangkok เวลา 11.00น. เจอกันนะครับ

‘อิสราเอล’ เปิดฉากถล่ม!! เป้าหมายทางทหารใน ‘อิหร่าน’ เอาคืน!! ที่อิหร่านโจมตี อิสราเอล ด้วยขีปนาวุธพิสัยไกล

(26 ต.ค. 67) กองทัพอิสราเอลเผย ได้ปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายทางทหารในอิหร่านในช่วงเช้าวันนี้ เพื่อตอบโต้ที่อิหร่านที่โจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลราว 200 ลูก

กองกำลังป้องกันอิสราเอล (ไอดีเอฟ) แถลง เพื่อตอบโต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายเดือนของรัฐบาลอิหร่านต่อรัฐอิสราเอล ตอนนี้กองกำลังป้องกันอิสราเอลได้ปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายทางทหารในอิหร่าน

อิสราเอลบอกว่า ตนมีสิทธิและหน้าที่ในการตอบโต้การโจมตีจากรัฐบาลเตหะรานและพรรคพวก ซึ่งรวมถึงการโจมตีด้วยขีปนาวุธจากอิหร่าน

‘ความสามารถในการป้องกันและการรุกของเรา ระดมกำลังอย่างเต็มที่’ ไอดีเอฟ ระบุ

อย่างไรก็ตาม ขนาดของการโจมตีครั้งนี้ยังไม่มีความแน่ชัดในทันที

สื่อโทรทัศน์รัฐบาลอิหร่าน รายงานว่า ได้ยินเสียงระเบิดรุนแรงหลายครั้งรอบ ๆ เมืองหลวงเตหะราน ขณะที่อีกสื่อรายงานว่า ได้ยินเสียงระเบิดใกล้กับเมืองคาราจ

ส่วนสำนักข่าว Tasnim เผยว่า ยังไม่พบรายงานเกี่ยวกับการได้ยินเสียงระเบิด หรือเครื่องบินบนน่านฟ้าเตหะราน

สื่อโทรทัศน์ของรัฐอ้างอิงแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองอิหร่าน บอกว่า ต้นตอของเสียงระเบิดอาจมาจากการเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิหร่าน

ขณะที่สื่อรัฐบาลซีเรีย รายงานว่า ได้ยินเสียงระเบิดในกรุงดามัสกัสและภูมิภาคตอนกลาง

ทั้งนี้ สหรัฐได้รับแจ้งจากอิสราเอลแล้ว ก่อนที่อิสราเอลจะปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายในเตหะราน แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐยืนยันว่า สหรัฐไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการดังกล่าว

ฌอน ซาเวตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ กล่าวว่า “เราเข้าใจว่าอิสราเอลกำลังปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายทางทหารในอิหร่าน เพื่อเป็นการป้องกันตนเอง และตอบโต้ที่อิหร่านโจมตีอิสราเอลด้วยขีปนาวุธเมื่อวันที่ 1 ต.ค.”

‘เครือข่ายคนรักช้าง’ เข้ายื่นหนังสือต่อ ‘ปธ.กมธ.การปกครอง’ เพื่อเรียกร้องให้ตรวจสอบ ปางช้าง Elephant Nature Park (ENP)

(26 ต.ค. 67) เครือข่ายคนรักช้าง ประกอบด้วย สมาคมสหพันธ์ช้างไทย นายกสมาคม นายธีรภัทร ตรังปราการ ,สมาคมท่องเที่ยวแม่แตง นายกสมาคม นายกิตติราช ชัยเลิศ ,ปางช้างแม่แตง นาง วาสนา ทองสุข, ปางช้างกันตา คุณกมลพรรณ ตานุ , คุณเมย์ริน ศรีศิริวิไล, พันเอกปณต เขตต์สันเทียะ ทนายความ ตัวแทนนายกสมาคมท่องเที่ยวแม่แตง นายภูมิ คชนิล, ชมรมคนรักดอกแก้ว

เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ประธานคณะกรรมาธิการการปกครอง เพื่อขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบการทำงานของปางช้าง Elephant Nature Park (ENP) 

เนื่องจากเหตุการณ์น้ำท่วม อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 และในช่วงเช้าวันที่ 5 ตุลาคม 2567 ได้พบซากช้างล้มจำนวน 2 เชือก ลอยติดกับซากไม้ในแม่น้ำแม่แตงบริเวณด้านหลังโรงแรมสิบแสน รีสอร์ต แอนด์ สปา อ.แม่แตง 

โดยทั้ง 2 เชือกอยู่ห่างกัน 300 เมตร ซึ่งได้รับการยืนยันว่าทั้งสองเชือก คือ พังฟ้าใส และ พลายทอง เป็นช้างจากมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม หรือ Elephant Nature Park ที่อยู่ห่างจากจุดที่พบซากช้างล้มราว 6 กิโลเมตร 

ซึ่งจำนวนช้างในปาง Elephant Nature Park มีทั้งหมด 119 เชือก ทางเจ้าหน้าที่ของปางและควาญในพื้นที่ช่วยนำขึ้นไปที่ปลอดภัยเบื้องต้นเป็นส่วนใหญ่ และมีบางส่วนที่อยู่ในคอกของปางช้างทั้งสองฝั่งแม่น้ำรวม 16 เชือก ซึ่งยังอยู่ครบและยังมีชีวิต แต่ข้อมูลล่าสุด ยังมีช้างที่ยังสูญหายประมาณ 5-9 เชือก

ทำให้เครือข่ายคนรักช้าง ตั้งข้อสงสัยในการทำงานของปางช้าง Elephant Nature Park  ว่าเหตุใดจึงไม่อพยพช้างในช่วงเวลาที่เหมาะสม ทั้ง ๆ ที่ทางราชการได้มีการแจ้งเตือนตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2567 แต่ทาง Elephant Nature Park  ยังคงดำเนินกิจการปกติ 

และหลังเกิดเหตุได้นางแสงเดือน ชัยเลิศได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ว่าตนได้อพยพช้างไปหมดแล้วตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2567 แต่กลับพบช้างจำนวน 16 เชือกอยู่ในปาง และมีการสูญเสียตามที่กล่าวมา

และจากการช่วยเหลือข้างในวันที่ 4 ตุลาคม พบว่ามีการกั้นกำแพงคอกสูงภายในปางช้าง Elephant Nature Park ซึ่งทำให้ช้างไม่สามารถหนีน้ำได้ และพบว่าช้างบางตัวถูกล่ามโซ่เอาไว้ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ปางช้าง Elephant Nature Park ให้การดูแลช้างตาม พรบ. ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 หรือไม่

นอกจากนี้ ภายหลังเหตุการณ์น้ำท่วม ปรากฏว่า เล็ก-แสงเดือน ชัยเลิศ เจ้าของปางช้าง Elephant Nature Park อาจจะมีการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ที่อาจจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสังคมผ่านบัญชีเฟซบุ๊ก ‘แสงเดือน ชัยเลิศ-Saengduean Chailert’ ด้วย

เครือข่ายคนรักช้าง จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบในกรณีดังกล่าว

‘โฟกัส ทัศฏาภรณ์’ มิดฟิลด์ดาวรุ่งวัย 15 ปี พาทีมชาติไทย U17 ถล่ม ‘บรูไน’ หลังจบเกม ก้มกราบทั้งน้ำตา เผย!! นี่เป็นครั้งแรกที่ มีแม่มายืนเชียร์ข้างสนาม

(26 ต.ค. 67) ในวันที่ความฝันเริ่มเป็นจริง ‘โฟกัส’ ทัศฏาภรณ์ พึ่งกุศล มิดฟิลด์ดาวรุ่งวัยเพียง 15 ปีจากโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ได้สวมชุดทีมชาติไทย U17 ลงสนามครั้งแรกในชีวิต ทำไป 2 ประตู ในเกมถล่มบรูไน 19-0 ศึก เอเชียน คัพ 2025 รอบคัดเลือก ซึ่งเป็นวันที่เขาไม่คาดฝันเลยว่าจะมีคุณแม่ สกาวเดือน ทองน้อย มาเชียร์อยู่ข้างสนามด้วย

บ้านของโฟกัสนั้นฐานะยากจน แม่เป็นเสาหลักเพียงคนเดียวที่เลี้ยงครอบครัว เขาได้รับเงินจากแม่มาแค่ 200 บาทสำหรับใช้ในแคมป์ทีมชาติ 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมาแม่ไม่ได้มีโอกาสมาดูลูกเตะให้กับโรงเรียนมาก่อนเพราะไม่มีค่ารถ แต่ครั้งนี้ ‘โค้ชแชมป์’ พฤทธิคุณ สุนทรนนท์ กุนซือและศิษย์เก่าวัดสุทธิวราราม พร้อมทีมศิษย์เก่า ได้รวมพลังกันพาแม่ของโฟกัสมาเซอร์ไพรส์ขอบสนามโดยไม่บอกล่วงหน้า

หลังจบเกม โฟกัสได้เจอแม่เขาเป็นครั้งแรกข้างสนาม เขาก้มลงกราบเท้าทั้งน้ำตา น้ำตาที่เต็มไปด้วยความรักและความภาคภูมิใจ แม่ที่อดทนทำงานหนักมาทั้งชีวิตเพื่อลูกชาย ได้เห็นความสำเร็จในก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่ของลูกตัวเอง

เรื่องราวของโฟกัสยังสะท้อนถึงความพยายามอย่างยิ่งยวดของเขา รองเท้าสตั๊ดที่เขาใส่ลงสนามเป็นของรุ่นพี่ที่ยืมมา เพราะคู่ของเขาขาดยังไม่มีเงินไปซ่อม โค้ชแชมป์ไม่รอช้า ติดต่อแบรนด์ ZETA SPORTS เล่าถึงความมุ่งมั่นของน้องโฟกัส จนแบรนด์ใจดีมอบสตั๊ดคู่ใหม่ให้ใส่ฟรีตลอดชีวิต

ในวันนั้น แม้แม่จะมีของฝากมาเพียงแค่แชมพูกับสบู่ แต่มันคือของขวัญที่มีค่าที่สุดสำหรับโฟกัส เพราะกำลังใจจากแม่มีค่ายิ่งกว่าอื่นใด โฟกัสยังมีเส้นทางชีวิตอีกยาวไกล แต่ในวันนี้เขาได้พิสูจน์แล้วว่าความมุ่งมั่นและการต่อสู้กับอุปสรรคจะพาเขาไปถึงฝั่งฝันแน่นอน

จงสู้ต่อไป ซ้อมให้หนัก และรักษาเนื้อรักษาตัวไว้ อนาคตที่สดใสกับทีมชาติไทยรออยู่ข้างหน้าแน่นอน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top