Friday, 9 May 2025
NewsFeed

‘ชัยวุฒิ’ รมว.ดีอีเอส แถลงร่วมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ลุยสกัดกั้นข่าวปลอมวัคซีน-โควิดระลอก 3 แจ้งดำเนินคดีมือโพสต์แล้ว 6 ราย และอาศัยอำนาจตามข้อกำหนด (ฉบับที่1) ข้อ 6 ในมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ สั่งลบโพสต์อีก 12 ราย

วันนี้ (24 พ.ค.64) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร) มอบหมายให้พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. ( PCT ) และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม./หัวหน้าชุดบังคับบัญชาฝ่ายประสานงานกับกระทรวงดิจิทัลฯ เข้าร่วมแถลงข่าวการดำเนินคดีที่เกี่ยวกับการเสนอข่าวอันไม่เป็นความจริง บิดเบือน

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส กล่าวว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มีกลุ่มผู้ไม่หวังดี ได้กระทำการโพสต์เสนอข่าวอันไม่เป็นความจริง ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือบิดเบือนข่าวสาร สร้างความเข้าใจผิด ส่งผลให้เกิดความเสียหาย สร้างความตื่นตระหนกกับประชาชนและสังคมในวงกว้าง ตลอดจนกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ ดังนั้นจึงได้มีความร่วมมือระหว่างกระทรวงดิจิทัลฯ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งดำเนินการตรวจสอบการกระทำความผิดฯ และดำเนินคดีที่เกี่ยวกับการเสนอข่าวอันไม่เป็นความจริง บิดเบือน ข่าวสารในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ ฉุกเฉิน พ.ศ.2548

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามหมายค้นเป้าหมาย และติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้แล้ว 18 ราย แบ่งเป็น มีการดำเนินคดี 6 ราย และปฏิบัติการโดยอาศัยอำนาจตามข้อกำหนด (ฉบับที่1 ) ข้อ 6 ซึ่งออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จำนวน 12 ราย

สำหรับผู้กระทำความผิดที่อยู่ในกระบวนการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กระจายอยู่ในพื้นที่กรุงเทพ ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา โดยมีข้อมูลได้รับการตรวจสอบยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วว่า ข้อความโพสต์ของทั้ง 6 รายเป็นข่าวปลอม ประกอบด้วย

1.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก สาวสกล… โพสต์ว่า ‘พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่วัดสังฆทาน จำนวน 300 ราย’

2.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Stanley… โพสต์ว่า ‘ศบค. ประกาศเคอร์ฟิว เวลา 23.00-04.00 น. พื้นที่สีแดง 18 จังหวัด’

3.ผู้ใช้เฟซบุ๊ก จิ๊บ... โพสต์ว่า ‘เคอร์ฟิวทั่วประเทศ ห้ามออกจากบ้าน ตั้งแต่ 4 ทุ่ม-ตี 4 เริ่มวันที่ 23 เม.ย.64 นี้’

4.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก กะทิ... โพสต์ว่า ‘พบผลข้างเคียงรุนแรง เลือดออกในสมอง หลังจากฉีด วัคซีน Sinovac’

5.) ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @tuykal... โพสต์ว่า ‘พยาบาล รพ.หนองม่วง แพ้วัคซีนคับ’ และ

6.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Wadfhan... โพสต์ว่า ‘พยาบาล รพ.หนองม่วง แพ้วัคซีนคับ’

โดยจะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้โพสต์ข้อความทั้ง 6 รายข้างต้น ซึ่งเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 มีอัตราโทษ จำคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พ.ร.ก.การบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 9 มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ ยังได้ปฏิบัติการโดยอาศัยอำนาจตามข้อกำหนด (ฉบับที่1) ข้อ 6 ซึ่งออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 อีก 12 จุด พบตัวผู้กระทำผิด 12 ราย ประกอบด้วย

1.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Thanapol...

2.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Aom...

3.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ธัญชนก... และ

4.) ผู้ใช้เฟซบุ๊กแบงค์... โดยทั้ง 4 รายนี้ ได้โพสต์ว่า ‘สธ. ประกาศฉุกเฉิน ระวัง 35 พื้นที่สีแดง เสี่ยงโควิด-19’ ซึ่งทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่าเป็นข่าวปลอม

5.) ผู้ใช้ทวิตเตอร์ ????ℎ???????? ????????????... โพสต์ว่า’โรงพยาบาล Medpark เปิดให้ลงทะเบียน จองวัคซีน Moderna’ ซึ่งทาง ศบค. แจ้งว่าเป็นข่าวปลอม .

6.) ผู้ใช้ทวิตเตอร์น้องโย... โพสต์ว่า ‘ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อที่เยาวราช เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก’ โดยทางสำนักงานประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร แจ้งว่าเป็นข่าวปลอม

7.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Keawjah...

8.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Mai...

9.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Chanyaphut...

10.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก เรืองชัย...

11.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ธนกฤต... และ

12.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ศุภชัย... โพสต์ว่า ‘The Old Siam ปิด 1 อาทิตย์ หลังมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียมาใช้บริการ’ ซึ่งทางเพจ The Old Siam Shopping Plaza แจ้งว่าเป็นข่าวปลอม

‘ทั้ง 12 รายนี้ ผู้กระทำผิดกระจายอยู่ในพื้นที่หลายจังหวัดทั้งกรุงเทพ พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ราชบุรี อุดรธานี สกลนคร สุรินทร์ ระนอง ซึ่งผู้โพสต์ได้รับว่ากระทำผิดจริง จึงได้อาศัยอำนาจตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 1) ข้อ 6 ซึ่งออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ได้ให้ผู้โพสต์ระงับ สั่งให้แก้ไขข่าว ผู้โพสต์จึงลบโพสต์ดังกล่าว และรับว่าจะไม่กระทำแบบนี้อีก’ นายชัยวุฒิกล่าว

รมว.ดีอีเอส กล่าวย้ำว่า อยากขอเตือนประชาชน ที่จะโพสต์ข้อมูลข่าวสารอันไม่เป็นความจริง หรือบิดเบือนทำให้ประชาชนเข้าใจผิด เกิดความหวาดกลัว การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งมีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“อนุทิน” ไฟเขียวแผนเพิ่มขีดความสามารถสนามบินสุวรรณภูมิ

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยที่ประชุมได้เห็นชอบแผนดำเนินงาน การเพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตามที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. นำเสนอ ซึ่งประกอบไปด้วยการดำเนินงาน 5 ส่วน ประกอบด้วย

1.) การศึกษาการเพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูม โดยสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ซึ่งเป็นการศึกษาในส่วนของการคาดการณ์ปริมาณการจราจรทางอากาศ ความต้องการสิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมกับเสนอแนวทางเพิ่มขีดความสามารถของท่าอากาศายานสุวรรณภมิ ซึ่งจะใช้ระยะเวลาดำเนินการ 90 วัน โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ 10 มี.ค.-7 มิ.ย. 2564
  
2.) การศึกษาเพิ่มขีดความสามารถของ ทสภ. โดย องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งเป็นการศึกษาด้านกฎระเบียบและมาตรฐานด้านการบิน จะใช้เวลาประมาณ 9 เดือน โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนมิ.ย. 2564 และแล้วเสร็จในเดือนก.พ. 2565 

3.) งานก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักหลังที่ 1 ด้านทิศตะวันออก (East Expansion) จะใช้เวลา 29 เดือน เริ่มงานก่อสร้างเม.ย. 2565 ก่อสร้างแล้วเสร็จ ส.ค. 2567

4.) โครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) ใช้เวลา 30 เดือน เริ่มก่อสร้าง ม.ค. 2566 ก่อสร้างแล้วเสร็จ มิ.ย. 2568  และ

5.) งานก่อสร้างส่วนต่อขยาย West Expansion อยู่ระหว่างรอความจัดเจนจากผ ลการศึกษาของ IATA และ ICAO

ตำรวจตามจนเจอ !! แหล่งรับซื้อของโจรเครื่องขยายเสียงที่กาฬสินธุ์ เป็นอาจารย์นักดนตรีและนักการเมืองท้องถิ่น อ้างรับซื้อโดยไม่รู้ว่าเป็นของขโมยมา

ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น นำทีมชุดสืบสวนตามไทม์ไลน์ “ก๊อปซาวด์ มิวสิค” นำเครื่องขยายเสียงที่ขโมยจากหอกระจายข่าวไปขายเป็นเครื่องเสียงมือสอง อึ้ง หลังขยายผลพบแหล่งรับซื้อของโจรเป็นอาจารย์นักดนตรีและนักการเมืองท้องถิ่น อ้างรับซื้อโดยไม่รู้ว่าเป็นของขโมยมา ก่อนเจ้าหน้าที่อายัดของกลางพร้อมเชิญตัวไปสอบปากคำ

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี พ.ต.อ.พัฒนศักด์ ยี่สารพัฒน์ ผกก.สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.ท.สามารถ พิมพ์ดีด สว.สส.สภ.น้ำพอง และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.น้ำพอง จำนวน 20 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้น บ้านเลขที่ 8 หมู่ 21 บ้านโคกก่องใต้ ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ก่อนควบคุมตัวนายสมชัย สุกัณหา อายุ 30 ปี หรือก๊อปซาวด์ มิวสิค หนุ่มบริการเครื่องเสียงและพ่อค้าเร่กุ้งก้ามกราม ชาว ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ หลังก่อเหตุขโมยเครื่องขยายเสียงหอกระจายข่าว โดยเจ้าหน้าที่ได้ไล่ล่าติดตามมาหลังก่อเหตุหลายคดีและหลายพื้นที่ ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

ล่าสุด พ.ต.อ.พัฒนศักด์ ยี่สารพัฒน์ ผกก.สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.ท.สามารถ พิมพ์ดีด สว.สส.สภ.น้ำพอง และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.น้ำพอง ควบคุมตัวนายสมชัย สุกัณหา หรือก๊อปซาวด์ มิวสิค ผู้ต้องหา นำชี้แหล่งที่นำเครื่องขยายเสียงไปขายให้กับแหล่งรับซื้อ ที่บ้านหลังหนึ่งในเขตเทศบาลตำบลกมลาไสย อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเจ้าของบ้านได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์นักดนตรี โดยมีกิจการบริการเครื่องขยายเสียงและขายเครื่องขยายเสียงมือสอง ทั้งนี้นายสมชัย ยืนยันว่าเคยนำเครื่องขยายเสียงที่ขโมยมา นำมาขายให้กับอาจารย์นักตนตรีรายนี้ 9 ครั้ง ทั้งนำมาส่งที่บ้านและนัดหมายกันส่งตามจุดนัดพบต่างๆ ในราคา 2,000-10,000 บาท

จากนั้น พ.ต.อ.พัฒนศักด์ ยี่สารพัฒน์ ผกก.สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.ท.สามารถ พิมพ์ดีด สว.สส.สภ.น้ำพอง และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.น้ำพอง ได้ควบคุมตัวนายสมชัย สุกัณหา หรือก๊อปซาวด์ มิวสิค ผู้ต้องหา นำชี้แหล่งที่นำเครื่องขยายเสียงไปขายให้กับแหล่งรับซื้ออีกแห่งหนึ่ง ที่บ้านม่วงนา ต.ม่วงนา อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นบ้านของนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่ง โดยเปิดเป็นร้านจำหน่ายเครื่องเสียงมือหนึ่งและมือสอง ทั้งนี้ จากการสอบปากคำผู้ต้องหา นำเครื่องขยายเสียงที่ขโมยมาขายให้ 4 เครื่อง ก่อนทำการอายัดเครื่องขยายเสียงที่ถูกนำมาขาย

โดยหลังจากเจ้าหน้าที่ ได้ทำการตรวจสอบหลักฐานและรูปพรรณเครื่องขยายเสียง ที่ผู้ต้องหาขโมยมาขายให้กับแหล่งรับซื้อแล้ว ยังได้ตรวจสอบใบอนุญาตประกอบการ และเบื้องต้นแจ้งข้อหารับซื้อของโจร กับอาจารย์นักดนตรี ในเขตเทศบาลตำบล อ.กมลาไสย และนักการเมืองท้องถิ่นชาว ต.ม่วงนา อ.ดอนจาน จากนั้นได้เชิญตัวเจ้าของร้านไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น พร้อมกับนำของกลางไปให้เจ้าของทรัพย์ตรวจสอบและรับของคืนในลำดับต่อไป

พ.ต.อ.พัฒนศักด์ ยี่สารพัฒน์ ผกก.สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า จากการติดตามตัวคนร้ายและสามารถจับกุมตัวได้ที่บ้านพัก ซึ่งผู้ต้องหาจำนนด้วยหลักฐาน และให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์ในยามวิกาล จากนั้นทำการขยายผล นำตัวชี้จุดที่ผู้ต้องหานำของกลาง ที่ขโมยมาจากหลายพื้นที่มาขายในเขต จ.กาฬสินธุ์ 2 แห่งดังกล่าว ก่อนจะนำตัวไปมอบให้กับพนักงานสอนสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ในขณะที่เจ้าของร้านแหล่งรับซื้อทั้ง 2 ราย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหารับซื้อของโจร และเชิญตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติม ที่ สภ.น้ำพองอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

ด้ายนายสมชัย สุกัณหา หรือก๊อปซาวด์ มิวสิค ผู้ต้องหา กล่าวว่า ตนเคยเป็นพ่อค้าเร่ขายกุ้งก้ามกราม และมีบริการเครื่องเสียงเปิดตามงานบุญประเพณีต่างๆ พอเกิดสถานการณ์โควิด-19 การค้าขายฝืดเคือง ไม่มีงานจ้างบริการเครื่องเสียง จึงหันมาขโมยเครื่องเสียงขายเพื่อนำเงินไปใช้หนี้ โดยตะเวนลักขโมยตามหอกระจายข่าว ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น จ.มหาสารคาม และ จ.กาฬสินธุ์ ประกาศทางทางเฟซบุ๊ก ที่ผ่านมานำมาขายให้ลูกค้า 2 แห่ง ที่เขตเทศบาลตำบลกมลาไสย อ.กมลาไสย และ ต.ม่วงนา อ.ดอนจาน ดังกล่าว

ขณะที่นายเอ (นามสมมุติ) เจ้าของร้านรับซื้อเครื่องขยายเสียง ต.ม่วงนา อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตนเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ประกอบอาชีพทำนา และเปิดร้านขายเครื่องเสียงมือหนึ่งและมือสองควบคู่กันไป เพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว นอกจากนี้ยังมีเครื่องเสียงไว้คอยบริการชาวบ้าน ในเวลามีงานบุญงานประเพณีด้วย สำหรับกรณีที่นายสมชัย ผู้ต้องหาที่ติดต่อขายเครื่องขยายเสียงมือ 2 ให้นั้น ทีแรกตนก็ไม่มั่นใจ และสอบถามหลายครั้งว่าก็ยืนยันว่าเป็นเครื่องของเขาเอง ไม่ได้ลักขโมยมา จึงเชื่อใจ และรับซื้อดังกล่าว ทั้งนี้หากตนทราบแต่ทีแรกว่าเป็นสิ่งของที่ขโมยมา จะไม่รับซื้ออย่างแน่นอน เพราะตนเองเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ทำมาค้าขายโดยสุจริต จึงไม่อยากจะมีความผิดด้วย

สตูล ปปส.ภาค 9 ร่วมตำรวจสตูล เข้ายึดทรัพย์ บ้าน ที่ดิน โยงในเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ รวมมูลค่าร่วม 5 ล้านบาท จากกรณีโดนจับคดีค้ายาบ้า 600,000 เม็ด

วันนี้ 24  พ.ค. 2564 พ.ต.อ. เสกสรรค์ ชูรังสฤษฎิ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูล พร้อมด้วย นายมนตรี ศรีสมัย ผู้อำนวยการการบังคับใช้กฎหมายสำนักงานปปส.ภาค 9 และผอ.สุวิมล ช้างสาร  ผอ.ส่วนตรวจสอบทรัพย์สิน ได้ลงพื้นที่บ้านเลขที่ 9/69 ตำบลพิมาน อำเภอเมือง จังหวัดสตูล โดยบ้านหลังดังกล่าวนั้นเป็นบ้านเดียวที่ปลูกเสร็จแล้ว โดยบ้านถูกพบว่าเป็นระบบการฟอกเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติด เจ้าหน้าที่จึงได้ติดป้ายของ ปปส.ภาค9  ยุทธ์การ พิทักษ์ไทย ยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด ภายใต้คำสั่งศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ที่ 5/2563 นอกจากนี้ยังเดินทางไปยึดทรัพย์ในส่วนของที่ดินว่างเปล่ารกร้างและมีโฉนดที่ดินด้วยจำนวน 2 ห้อง โดยได้ป้ายและเอกสารยึดทรัพย์ไปชี้แจ้งต่อญาติเจ้าของที่ดินที่ถูกจับในคดียาเสพติด

สำหรับการยึดทรัพย์นี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชปส.ภ.จว.ปัตตานี/กก.สส.ภ.จว.ปัตตานี ได้ร่วมกัน จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 คน คือ 1. นายชัยนาท หรือหีม ภัยช านาญ อายุ 39 ปี ที่อยู่ 95 ม.6 ต.ควนขัน อ.เมืองสตูล จังหวัดสตูล  และคนที่ 2. นางสาววาสนา หรือต้อย ยิ้มเย็น อายุ 36 ปี  ที่อยู่ 35/9 ม.1 ตาสานักขาม อ.สะเดา จังหวัดสงขลา พร้อมของกลาง 1.ยาบ้า จำนวน 600,000 เม็ดและในวันนี้หลังจากขยายคดีความโดยวันนี้ 24 พฤษภาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่  ปปส.ภาค 9 ได้สืบสวนและ ตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิดเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จำนวน 2 รายการ ดังนี้ 1.บ้านพร้อมที่ดิน ตั้งอยู่ในพื้นที่ ตำบลพิมาน อ.เมืองสตูล จังหวัดสตูล ราคาประมาณ 3,000,000 บาท และจุดที่ 2.ที่ดินตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล จังหวัดสตูล ราคาประมาณ 1,000,000 บาท รวมทั้ง 4 ล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการยึดทรัพย์ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามยาเสพติดฯ เพื่อดำเนินคดี ในส่วนทรัพย์บ้านหรือที่ดินห้ามทำการโยกย้าย และปรับเปลี่ยนแปลงสภาพ ยังคงให้เหมือนเดิม ส่วนคนอาศัยยังคงอยู่ได้จนกว่าคดีความเสร็จเสร็จสิ้นและยังได้ยึดก่อนหน้านี้มี สร้อยคอทองคำ แหวน  และยนต์ส่วนบุคคลเช่นกัน ซึ่งในวันนี้จะมีการยึดทรัพย์สิน 2 จังหวัด ได้แก่จังหวัดสตูล และ จังหวัดนราธิวาส รวม 2 คดี มูลค่าร่วม 11 ล้านบาท ตามนโยบาย ยุทธศาตร์ พิทักษ์ไทย ตัดวงจรยาเสพติด


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี / ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

'ล็อกเป้า เล็งทิศ' เศรษฐกิจระยะสั้นและภาพเศรษฐกิจไทย ใน 5​ ปี พร้อมแผนจุดติดเศรษฐกิจไทย หลังยุคโควิด

(24 พ.ค. 64) สัมมนาวิชาการ ประมาณการเศรษฐกิจระยะสั้นและภาพเศรษฐกิจไทยใน 5 ปีข้างหน้า “EEC Macroeconomic Forum” ในรูปแบบออนไลน์ (VDO conference) โดยมี ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นผู้ดำเนินการ และมีผู้เข้าร่วมสัมมนา ได้แก่...

ดร. ดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเสถียรภาพระบบการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ดร.พิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง นายพงศ์นคร โภชากรณ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และนายสุวิทย์ สรรพวิทยศิริ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง พร้อมกลุ่มผู้บริหารระดับสูงจากภาครัฐ เอกชน สื่อมวลชน และผู้สนใจทั่วไป เข้าร่วมกว่า 600 คน

สัมมนาวิชาการฯ ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในช่วงโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่นักวิชาการเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง ร่วมหารือแนวทางเตรียมพร้อมแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับ 13 (พ.ศ. 2566-2570) เพื่อผลักดันเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติก่อนโควิด-19 แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำให้เศรษฐกิจไทยก้าวไปข้างหน้าและเติบโตอย่างยั่งยืน

โดยการสัมมนาวิชาการฯ ได้นำเสนอภาพเศรษฐกิจไทยว่าจะเติบโตจากปัจจัยใดหลังโควิด-19 อาทิ...

>> การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ต้องเร่งปรับตัวไปสู่อุตสาหกรรมและบริการที่สร้างมูลค่าสูงขึ้น เพิ่มเทคโนโลยีการผลิต และส่งออกสินค้าให้เท่าทันโลก

>> ความจำเป็นของข้อตกลงความร่วมมือร่วมกับประเทศอื่น ๆ รวมทั้งการกระจายความเท่าเทียม สร้างโอกาสทางรายได้และการศึกษา

>> การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อลดความเหลื่อมล้ำอันจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

สำหรับประเด็นสำคัญ สัมมนาประมาณการเศรษฐกิจระยะสั้นและภาพเศรษฐกิจไทยใน 5 ปีข้างหน้า พบว่า...

เศรษฐกิจไทยปี 2564-2565 และการบริหารภายใต้สถานการณ์โควิด-19 จะส่งผลต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยที่ต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้น โดยประมาณการเศรษฐกิจปี 2564 กรอบการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอยู่ระหว่าง 1.0-2.0% และปี 2565 จะขยายตัวระหว่าง 1.1-4.7% ซึ่งการเร่งฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่จะเป็นเงื่อนไขสำคัญของการฟื้นตัว และมาตรการการคลังของภาครัฐมีความสำคัญช่วยบรรเทาเยียวยาได้ ให้ระดับหนี้สาธารณะยังอยู่ในเกณฑ์ รวมทั้งนโยบาย

ด้านการเงิน ซึ่งได้ดำเนินการเต็มที่ ทั้งอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำสุดประวัติการณ์ และมาตรการช่วยเหลือประชาชน เอสเอ็มอี ผ่านสถาบันการเงิน จะช่วยคลายความกังวล อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ให้มีแนวโน้มลดต่ำลง และช่วยลดการซ้ำเติมปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยจากโควิด-19

มาตรการเยียวยา กระตุ้นเศรษฐกิจ และประมาณการความยั่งยืนทางการคลังในระยะปานกลางจากมาตรการบรรเทาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ จาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท รัฐบาลได้อนุมัติโครงการแล้ว 8.3 แสนล้านบาท คิดเป็น 83% ของวงเงิน และครอบคลุม ด้านสาธารณะสุข ด้านผลกระทบระยะสั้น และด้านการฟื้นฟูระยะยาว

ทั้งนี้ ในส่วนหนี้สาธารณะของไทย ณ สิ้นเดือนมีนาคม อยู่ที่ระดับ 54.3% ต่อ GDP ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์กรอบวินัยการเงินการคลังที่ไม่เกิน 60% และอยู่ในวิสัยที่ประเทศไทยเคยเผชิญจากวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 ด้านการก่อหนี้ภาครัฐ ส่วนใหญ่เป็นการกู้เงินในรูปแบบเงินบาท ไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติ โดยการกู้เงินเพิ่ม 7 แสนล้านบาท นั้น อาจส่งผลต่อหนี้สาธารณะขั้นต้น (Gross debt) เกินกว่า 60% ต่อ GDP เล็กน้อย แต่จะไม่กระทบต่อความยั่งยืนของการคลังในระยะปานกลาง ทั้งนี้ ประเทศไทยยังจำเป็นต้องมีหนี้สาธารณะระดับไม่น้อยกว่า 30% ต่อ GDP เพื่อรักษาสภาพคล่องในตลาดพันธบัตร (Bond) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ และสร้างเสถียรภาพด้านการเงิน

ความเหลื่อมล้ำ : โจทย์สำคัญหลังโควิด-19 ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยจะมีโจทย์สำคัญ 3 ด้าน ที่ต้องเผชิญ ได้แก่

การเติบโตที่ไม่สมดุลเชิงพื้นที่ จากความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นก่อนโควิด-19 เมืองหลักที่เป็นเมืองเศรษฐกิจมีเพียง 15 จังหวัด คิดเป็น 70% ของ GDP ประเทศ เมืองรองยังคงเป็นจังหวัดที่ยากจน โดยโควิด-19 ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานกลับด้าน (Reverse trend) ย้ายออกเพราะตกงาน และย้ายเข้าเมืองหลวง เพื่อหางานทำ ความยากจนเหลื่อมล้ำเรื้อรัง โควิด-19 ทำให้คนจนเพิ่มขึ้นทั่วโลก 15 ล้านคน เป็นคนไทย 1.5 ล้านคนจากฐานคนจนเดิม 4.3 ล้านคน ส่งให้ผลคนจนในไทยเพิ่มขึ้นรวม 5.8 ล้านคน (เท่ากับจำนวนคนจนปี 2559)

การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เต็มรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมี 30 จังหวัด ที่เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยแล้ว​ โดยสหประชาชาติประเมินว่า ในปีหน้า 2565 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ (Aged society) และในปี 2573 จะเข้าสู่อย่างเต็มที่ (Super aged society) และในอีก 10 ปี ประชากรและวัยแรงงานของไทยจะลดลงต่อเนื่อง ส่งผลต่อภาระการคลัง และการขยายตัวของเศรษฐกิจที่จะมีศักยภาพลดลง

ในส่วนของประมาณการศักยภาพของประเทศ ในแผน 13 (5 ปีข้างหน้า) นั้น​ จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้รายได้ของประเทศ หายไปสูงถึง 2.2 ล้านล้านบาท และเกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำ เป็นชนวนสำคัญเร่งเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยหลังโควิด-19 จะขยายตัวต่ำกว่า 2% ต่ำกว่าช่วงปกติก่อนโควิด-19 ที่ประมาณการไว้เพียง 3-4 % ซึ่งเป็นเกณฑ์ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น

ทั้งนี้ การจัดทำแผน ฯ 13 ในปี 2565 ที่ต้องการให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวจาก 2.5% เป็น 4.5% จำเป็นต้องเกิดการลงทุนเพิ่มปีละ 6 แสนล้านบาท ซึ่งมีข้อจำกัดแหล่งเงินในการสนับสนุนลงทุนในประเทศ และภาครัฐไม่สามารถก่อหนี้เพิ่มได้อีก จึงจำเป็นต้องพิจารณาแหล่งเงินอื่น เช่น สภาพคล่องส่วนเกินที่มีในระบบ และการเร่งดึงเงินลงทุนจากภาคเอกชน และต่างประเทศ โดยเงินลงทุนในระยะยาวของประเทศต้องดำเนินการอย่างมีระบบในพื้นที่เป้าหมายที่มีศักยภาพ และจัดลำดับความสำคัญที่ชัดเจน


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ประธานาธิบดี บาร์ฮัม ซาเลห์ แห่งอิรัก แถลงเงินรายได้จากน้ำมันถูกปล้นไปจากอิรักประมาณ 150,000 ล้านดอลลาร์ นับแต่สหรัฐฯ นำกองกำลังพันธมิตรบุกโค่นรัฐบาล ซัดดัม ฮุสเซน เมื่อปี 2003

ประธานาธิบดี บาร์ฮัม ซาเลห์ แห่งอิรัก แถลงเมื่อวันที่ 23 พ.ค.64 ว่า เงินรายได้จากน้ำมัน ถูกปล้นไปจากอิรักประมาณ 150,000 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่สหรัฐฯ นำกองกำลังพันธมิตรบุกโค่นรัฐบาล ซัดดัม ฮุสเซน เมื่อปี 2003

“รายได้เกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ที่เราได้จากการขายน้ำมันตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา มีอยู่ประมาณ 150,000 ล้านดอลลาร์ที่ถูกปล้นไปจากอิรัก” ซาเลห์ แถลงผ่านสื่อโทรทัศน์

โดยหากย้อนกลับไปในปี 2003 นั้น ก็นับเป็นปีที่สหรัฐอเมริกาเริ่มนำกองกำลังพันธมิตรบุกโค่นรัฐบาล ซัดดัม ฮุสเซน เมื่อปี 2003

ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ ซาเลห์ ได้เสนอร่างกฎหมายว่าด้วยการทวงคืนเงินทุนทุจริต (Corrupt Funds Recovery Act) ต่อรัฐสภา

“ร่างกฎหมายฉบับนี้จะช่วยเพิ่มความเข้มแข็งให้แก่ประชาชาติอิรัก ทวงคืนเงินรายได้ที่ถูกปล้นไปจากการทำสัญญาทุจริต และนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม” ซาเลห์ กล่าว

ผู้นำอิรักเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาร่วมกันอภิปรายและผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งเสนอให้มีการติดตามทวงคืนเงินที่ถูกขโมยโดยอาศัยความร่วมมือกับรัฐบาลต่างชาติและองค์กรระหว่างประเทศ

เขาเชื่อว่าวงเงินที่ถูกขโมยไปมากพอที่จะฟื้นสถานะทางการคลังของอิรักให้ดีขึ้นได้ และร่างกฎหมายใหม่ “จะช่วยแก้ไขปัญหาการทุจริตฉ้อโกงที่ลิดรอนโอกาสประชาชนในการเข้าถึงความร่ำรวยของประเทศมานานหลายปี”

“วันนี้ผมขอย้ำข้อเรียกร้องของอิรักที่เราได้กล่าวต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติไปแล้วว่า ขอให้มีการตั้งกลุ่มพันธมิตรนานาชาติเพื่อต่อต้านการคอรัปชัน ในลักษณะเดียวกับพันธมิตรต่อต้าน ISIS (กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส)

“ลัทธิก่อการร้ายจะถูกกำจัดหมดไปได้ ก็ต่อเมื่อเราปิดกั้นแหล่งเงินทุนของพวกเขาที่มาจากการทุจริตคอรัปชัน” ซาเลห์ เอ่ยเสริม

ปัจจุบันอิรักยังคงล้มเหลวในการฟื้นคืนเสถียรภาพหลังตกอยู่ท่ามกลางสงครามและมาตรการคว่ำบาตรมาหลายสิบปี โดยตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมามีชาวอิรักหลายร้อยคนที่ต้องเสียชีวิตจากการเดินขบวนต่อต้านพฤติกรรมทุจริตของรัฐบาล ตลอดจนปัญหาการว่างงาน และบริการขั้นพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้าและน้ำสะอาดที่ยังไม่เพียงพอ

อย่างไรก็ตามสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ โจ ไบเดน มีแผนที่จะถอนทหารอเมริกันทั้งหมดออกจากอิรัก หลังจากที่กองกำลังความมั่นคงท้องถิ่นมีศักยภาพสูงขึ้น อีกทั้งภัยคุกคามจากกลุ่มไอเอสก็ลดลงมาก

โดยล่าสุดสหรัฐฯ มีทหารประจำการอยู่ในอิรักราว 2,500 นาย โดยเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังเฉพาะกิจร่วมผสม-ปฏิบัติการแก้ปัญหาจากต้นกำเนิด (Operation Inherent Resolve) ที่มุ่งขจัดกลุ่มนักรบที่ยังหลงเหลืออยู่ของ “รัฐคอลีฟะห์” ที่ไอเอสเคยสถาปนาขึ้นบนพื้นที่กว้างขวางของอิรักและซีเรียเมื่อปี 2014

 

ที่มา: https://mgronline.com/around/detail/9640000049945


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) เปิดเผยว่า รัฐบาลสิงคโปร์ได้อนุมัติการใช้เครื่องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทางลมหายใจ ซึ่งจะช่วยให้ทราบผลการตรวจหาเชื้อได้ภายใน 1 นาที

เครื่องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทางลมหายใจนี้ พัฒนาขึ้นโดยสตาร์ทอัพ Breathonix ของ NUS ซึ่งสามารถใช้งานได้ดีเหมือนกับเครื่องวิเคราะห์ลมหายใจระดับมาตรฐานทั่วไปที่ตำรวจใช้ทดสอบว่าผู้ขับขี่รถยนต์มีอาการมึนเมาเนื่องจากดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่ โดยผู้เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 จะต้องเป่าลมเข้าไปในเครื่องตรวจ และลมหายใจของผู้เป่าจะถูกนำมาเปรียบเทียบกับลมหายใจของผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 โดยใช้ซอฟต์แวร์ Machine Learning

หนังสือพิมพ์สเตรทส์ไทมส์ของสิงคโปร์รายงานว่า สิงคโปร์จะคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้าประเทศผ่านทางมาเลเซียที่ด่านทูอัส ทางตะวันตกของประเทศ ด้วยการทดลองใช้เครื่องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทางลมหายใจ โดยผู้ที่มีผลการตรวจออกมาเป็นบวก ก็จะต้องรับการตรวจอีกครั้งด้วยวิธี PCR Swab Test เพื่อยืนยันผล

ปัจจุบัน สิงคโปร์ตรวจหาเชื้อผู้ที่เดินทางเข้าประเทศด้วยการตรวจแอนติเจนแบบรวดเร็ว (ART) ซึ่งอาจจะดำเนินควบคู่ไปกับเครื่องวิเคราะห์จากลมหายใจ

ทั้งนี้ การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่ให้ผลลัพธ์แม่นยำและอย่างรวดเร็วอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้สิงคโปร์สามารถผ่อนคลายความเข้มงวดในอุตสาหกรรมการเดินทาง

 

ที่มา : https://www.infoquest.co.th/2021/90093


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“กองทัพบก” ยังงดสื่อมวลชนเข้าทำข่าวอย่างไม่มีกำหนด คงมาตรการจำกัดคน ป้องโควิดระบาด

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทางเลขานุการกองทัพบก ได้ประสานขอความร่วมมือสื่อมวลชนงดเข้ามาทำข่าว และงดใช้ห้องสื่อมวลชน ภายในกองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย.เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน

ล่าสุดทบ.แจ้งว่ามีนโยบายแถลงข่าว​แบบออนไลน์​โดยอำน​วยความ​สะดวก​ให้กับสื่อสายทหาร​ ทั้ง​ ข่าวแจก ภาพนิ่ง และคลิปภาพประกอบ​ข่าว​ อีกทั้งภายใน​พื้นที่​บก.ทบ.เอง ยังคงมีมาตรการจำกัดจำนวนคนเข้าพื้นที่​ เพื่อป้องกัน​การระบาดของโควิด-19​ สำนักงานเลขานุการกองทัพบก (สลก.ทบ​.) จึงขอขยายระยะเวลาในการเข้าใช้พื้นที่ห้องสื่อมวลชนออกไปอีกสักระยะหนึ่ง

“กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย” ร่วมด้วยช่วยเพชรบุรีมอบเงินสนับสนุนโรงพยาบาลสนามจังหวัดเพชรบุรี 2 แสนบาท “ชาวเพชรฯ” ขอบคุณรัฐบาลส่งวัคซีนล็อตแรกถึงเพชรบุรีแล้ว “รมช.สาธิต” ยืนยันสธ.จะเร่งส่งวัคซีนล็อต2เพิ่มให้โดยเร็ว

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ว่า วันนี้กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัยโดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ได้มอบหมาย นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ที่ปรึกษารมช.พาณิชย์ นายอรรถพร พลบุตร คณะที่ปรึกษารมช.สาธารณสุข และดร.กัมพล สุภาแพ่ง คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ เป็นตัวแทนมอบเงินจำนวน 2 แสนบาทสนับสนุนจังหวัดเพชรบุรีสู้ภัยโควิดโดยเฉพาะโรงพยาบาลสนามที่จัดตั้งขึ้นหลายแห่งในจังหวัดเพชรบุรีเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโควิดโดยมีนายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะเป็นผู้รับมอบที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด

นายอรรถพร พลบุตร ที่ปรึกษารมช.สาธารณสุขกล่าวว่า ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สธ. แจ้งมาล่าสุดว่าได้ส่งวัคซีนล็อตแรกมาให้จังหวัดเพชรบุรีเมื่อวานนี้และจะส่งวัคซีนล็อตต่อไปให้กับเพชรบุรีโดยเร็ว จึงขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีสาธิตและรัฐบาลแทนพี่น้องชาวจังหวัดเพขรบุรีเนื่องจากขณะนี้จังหวัดเพชรบุรีมียอดผู้ติดเชื้อโควิดจากคลัสเตอร์โรงงานแคลคอมพ์ในอำเภอเขาย้อยสูงเป็นลำดับต้นของประเทศและหวังว่ารัฐบาลเร่งส่งวัคซีนมาเพิ่มให้เพชรบุรีเพื่อระดมฉีดวัคซีนป้องกันโควิดโดยด่วนที่สุดโดยก่อนหน้านี้ได้ช่วยจังหวัดเพชรบุรีประสานกระทรวงสาธารณสุขผ่านดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเพราะการระดมฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงจึงจะสามารถจัดการภัยโควิดในจังหวัดเพชรบุรีได้สำเร็จ

ดร.กัมพล สุภาแพ่ง คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.กล่าวว่า ขอเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องชาวเพชรบุรีทุกคนและช่วยกันลงทะเบียนเพื่อรับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด วัคซีคทุกชนิดผ่านการรับรองจากอย.

นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยพาณิชย์กล่าวเสริมว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องเพชรบุรีและมอบหมายตนดูแลช่วยเหลือผู้ประกอบการค้าพาณิชย์ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด

ดร.ก่อนหน้านี้กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัยได้มอบเงินสนับสนุนจังหวัดในภาคตะวันออกภาคเหนือภาคใต้และภาคกลางสู้ภัยโควิดได้แก่จังหวัดจันทบุรี จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดเพชรบุรีโดยสัปดาห์ต่อไปจะมอบให้กับภาคตะวันตกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจังหวัดอุบลราชธานีตามลำดับ

โฆษกรัฐบาล ยัน 31 พค.-2 มิย.นี้ สภาเปิดถกงบฯ 65 ส่วน อังคาร 2 มิย. ไม่เลื่อนปช.ครม.

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม คณะที่ปรึกษา และรองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ เพื่อติดตามภาพรวมของการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ว่า การประชุมวันนี้ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องพ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท เพราะรายละเอียดเรื่องดังกล่าวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ชี้แจง แต่เป็นการหารือในภาพรวมแบบกว้าง ๆ โดยเฉพาะประเด็นการเยียวยาประชาชนในอดีตเพื่อนำมาพิจารณาต่อยอดโครงการเยียวยาที่กำลังจะมีขึ้น รวมถึงพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจว่าจำเป็นจะต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ เพื่อใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้นั้นจะยังไม่มีการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 25 พ.ค.นี้ เนื่องจากต้องรอให้โครงการ ม.33 เรารักกัน และเราชนะเรียบร้อยเสียก่อนที่จะนำโครงการดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในช่วงเดือนมิถุนายน

นอกจากนี้ยังได้มีการหารือถึงเรื่องการพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณ 2565 ที่จะเข้าสภาวันที่ 31 พฤษภาคม-2 มิถุนายน โดยเน้นที่ประเด็นการที่การชี้แจง เรื่องการจัดสรรงบประมาณที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าไม่สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 และยืนยันว่าไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องงบประมาณในส่วนของกระทรวงกลาโหมที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งนี้การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 2 มิถุนายนยังมีตามปกติ 

และมีการหารือประเด็นเรื่องการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ที่จะเริ่มฉีดปูพรมในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ ว่าจะมีการจัดกลุ่มคนทำงาน ค่าบริการที่เป็นภาคบริการ ร้านอาหารโรงแรมให้ฉีดควบคู่ไปกับกลุ่มเสี่ยง เจ็ดโรค ผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบาง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top