Friday, 9 May 2025
NewsFeed

จับตาวาระครม.ด้านเศรษฐกิจเสนอที่ประชุมหลายเรื่อง

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 25 พฤษภาคม 2564 มีวาระน่าสนใจเสนอให้ที่ประชุมพิจารณา โดยพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะฝ่ายเลขาของ ศบค. เสนอมติที่ประชุม ศบค. เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา ให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร คราวที่ 12 ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.-31 ก.ค. 2564 รวมเป็นเวลา 2 เดือน เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากพบการระบาดหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะที่กรุงเทพฯ ที่ตรวจพบการระบาดเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ ๆ หลายแห่ง 

ส่วนวาระอื่น ๆ กระทรวงการคลัง เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร เพื่อปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม รวมทั้งร่างกฎกระทรวงการอนุญาตจัดตั้งและการเลิกดำเนินการเขตปลอดอากร และร่างกฎกระทรวงการอนุญาตประกอบกิจการในเขตปลอดอากร 

รวมถึง ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากรรวม 4 ฉบับ คือ มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 และมาตรการภาษีเพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ (Thailand Plus Package) จากที่สิ้นสุดระยะเวลาไปเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2563 

ส่วนกระทรวงพาณิชย์เสนอ ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้รถจักรยานยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อป้องกันปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน และปรับลดขั้นตอนการนำเข้ารถจักรยานยนต์ใช้แล้วบางประเภทเพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำประชาพิจารณ์เสร็จสิ้นแล้ว

“องอาจ” นัด ส.ส.ประชุม 26 พ.ค.เตรียมพร้อม ถก พ.ร.ก.2 ฉบับและร่างพ.ร.บ.งบ 65 ย้ำส.ส.ปชป.ทำงานเต็มที่เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ด้าน “โฆษกพรรค” เผย “จุรินทร์” ให้ส.ส.เคร่งครัดมาตรการป้องกันโควิดในสภาฯ

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 27-28 พ.ค.เพื่อพิจารณา พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) 2 ฉบับว่าตนได้นัดประชุม ส.ส.พรรคในวันที่ 26 พ.ค.นี้ เวลา 13.30 น.ที่พรรคฯ เพื่อเตรียมความพร้อมในการพิจารณา พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2564 พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2564  และเตรียมความรพร้อมในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ที่จะเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯวาระแรก ในวันที่31. พ.ค.-1-2 มิ.ย.นี้

นายองอาจ กล่าต่อว่าการพิจารณา พ.ร.ก. ทั้ง 2 ฉบับ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน ทางพรรคฯ จะได้เตรียม ส.ส.ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละเรื่อง อภิปรายแสดงความเห็นเพื่อให้การปฏิบัติให้เป็นไปตามจุดประสงค์ของ พ.ร.ก. สัมฤทธิผลอย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประชาชนอย่างมาก ส่วนการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯนั้นพรรคฯได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ มีการเตรียม ส.ส. อภิปรายเพื่อชี้ให้เห็นถึงข้อเด่น ข้อด้อย ของการจัดสรรงบประมาณ รวมถึงชี้แนะการใช้งบประมาณให้เกิดผลคุ้มค่ามากที่สุด เนื่องจากงบประมาณแผ่นดินทุกบาททุกสตางค์มาจากเงินภาษีอากรที่เก็บจากประชาชน เราจึงควรพิจารณาให้เงินของประชาชนนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สุขกับประชาชนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย 

นายองอาจ กล่าวด้วยว่า ส่วนส.ส.จะเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณฯ ในสวัดส่วนของพรรคฯ นั้นจะได้พิจารณาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถมีความเหมาะสมไปทำหน้าที่ ซึ่งจะทุ่มเทการทำงานให้เกิดความเป็นธรรมในการกระจายงบประมาณเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนอย่างแท้จริง และแม้ขณะนี้จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างกว้างขวางทั่วประเทศ ส.ส.ในฐานะผู้แทนที่ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชน มีภารกิจต้องดูแลชาวบ้านในพื้นที่แต่ก็จัดสรรเวลาทำหน้าที่ในสภาฯอย่างเต็มกำลังเต็มความสามารถเช่นกัน เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชนโดยรวม

ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ  ได้ย้ำให้ส.ส.พรรคฯ ปฏิบัติตามระเบียบของสภาฯอย่างเคร่งครัด ในเรื่องมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งสภาฯ มีข้อปฏิบัติในการเข้ามาภายในอาคารรัฐสภาตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด โดยส.ส.ของพรรคทุกคนต้องกรอกแบบคัดกรองเชื้อโควิด ก่อนวันที่เดินทางมาอาคารรัฐสภา สแกนแอพพลิเคชั่นไทยชนะหรือหมอชนะ และตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าทำงานภายในอาคารรัฐสภา สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาอย่างเคร่งครัด โดยให้มีผู้ติดตามแค่ 1 คนและคนขับรถ 1 คนเท่านั้น และมีส.ส.ของพรรคฯบางคนตั้งใจจะขับรถไปเองโดยไม่มีผู้ติดตาม เพื่อช่วยลดจำนวนคนที่จะเข้าอาคารรัฐสภา ทั้งนี้พรรคฯพร้อมให้ความร่วมมือกับสภาฯ อย่างเต็มที่และเชื่อมั่นในมาตรการของสภาฯ ที่เตรียมไว้อย่างเต็มรูปแบบ

ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ว่า...

ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ว่า...

คนที่ไม่เชื่อว่ารัฐบาลไทยไม่ได้ปิดกั้นวัคซีนทางเลือกให้กับบริษัทเอกชนไปหาซื้อมาเอง โดยเฉพาะไฟเซอร์และโมเดิร์นน่า ลองเชื่อรัฐบาลอินเดียดูมั้ยครับ?

เว็บไซต์ The Times of India รายงานว่า ในขณะที่รัฐบาลอินเดียกำลังพยายามหาซื้อวัคซีนอย่างหนักเพื่อแก้ปัญหาการระบาด และแจ้งว่าให้แต่ละรัฐลองติดต่อหาซื้อวัคซีนเอง บริษัทไฟเซอร์และโมเดิร์นน่า ก็แจ้งรัฐบาลอินเดียกลับมาอย่างชัดเจนว่า จะขายให้กับ "รัฐบาลกลาง" ของอินเดียโดยตรงเท่านั้น และจะไม่ขายให้กับรัฐบาลท้องถิ่น หรือบริษัทเอกชน

โดยโมเดิร์นน่าบอกว่าเป็น "นโยบายของบริษัท" ที่จะขายให้กับรัฐบาลกลางของแต่ละประเทศเท่านั้น

ส่วนไฟเซอร์ ก็แจ้งทางอินเดียว่าต้องการขายให้กับรัฐบาลกลางโดยตรงเท่านั้น เนื่องจากต้องการได้รับเงื่อนไขการยกเว้นการชดเชย (indemnity) บางข้อ (หลัก ๆ น่าจะเรื่องยกเว้นการชดเชยจากการเกิดผลข้างเคียง ซึ่งน่าจะมีแต่รัฐบาลกลางเท่านั้นที่มีอำนาจยกเว้น) ซึ่งแนวทางนี้ใช้กับแทบทุกประเทศทั่วโลก

แต่อย่างไรก็ตาม เกือบทุกบริษัทก็แทบไม่มีวัคซีนให้ส่งกันทั้งนั้น โดยโมเดิร์นน่านั้นบอกล่วงหน้าชัดเจนเลยว่า "ของขาด" ไปจนถึงสิ้นปีเป็นอย่างน้อย

สรุป

รัฐบาลไทย ไม่เคยปิดกั้นให้เอกชนหาซื้อวัคซีนเข้ามาเสริมเป็นทางเลือก แต่เป็นนโยบายของบริษัทผลิตวัคซีน ที่จะขายให้กับรัฐบาลกลางเท่านั้น (รัฐบาลท้องถิ่นก็ไม่ขาย) ซึ่งเป็นแนวทางนี้ทั่วโลก ไม่ใช่แค่ที่ไทยประเทศเดียว (จริง ๆ ทางไฟเซอร์ในไทย ก็เคยชี้แจงแบบนี้มาแล้ว แต่บางคนก็หาว่ารัฐบาลกดดันให้เขียนแบบนั้นบ้างล่ะ ร่วมมือกันบ้างล่ะ)

ก็ต้องเข้าใจว่า วัคซีน ไม่ใช่สินค้าที่ใครจะเดินเข้าไปในร้าน แล้วขอซื้อเมื่อไหร่ ยี่ห้อไหนก็เลือกได้ครับ

 

ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4620044694677800&id=100000169455098

https://timesofindia.indiatimes.com/india/will-deal-only-with-centre-pfizer-moderna/articleshow/82893485.cms


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“ชวน” แจงแคมป์คนงานก่อสร้างรัฐสภาติดโควิด ไม่เกี่ยวภายในอาคาร ยันไม่มี จนท.ติดเชื้อ มั่นใจการระบาดยังอยู่ในวงจำกัด ย้ำจำเป็นต้องเดินหน้าเปิดประชุมสภา ถก พ.ร.ก.2 ฉบับ-ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา ชี้แจงผ่านรายการมองรัฐสภา ทางสถานีโทรทัศน์รัฐสภา โดยย้ำถึงความจำเป็นในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า เป็นไปตามข้อบังคับ ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ที่จะต้องมีสมัยการประชุมสามัญปีละ 2 ครั้ง ไม่ใช่การเปิดประชุมตามอำเภอใจ โดยมีระเบียบวาระการประชุมที่จะต้องพิจารณา พ.ร.ก. 2 ฉบับ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้บังคับใช้ไปแล้ว ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้สภาฯ จะต้องพิจารณาเมื่อมีการเปิดประชุมทันที รวมถึงจะต้องพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2565 ที่สภาฯ จะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 105 วัน นับวันที่สภาฯได้รับร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯจากครม. เมื่อ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา 

นายชวน กล่าวต่อว่า ส่วนการประชุมสภาฯแบบออนไลน์เต็มสภานั้นยังไม่สามารถดำเนินการได้ จึงจะต้องมาประชุมที่รัฐสภาตามที่ข้อบังคับกำหนด ยืนยันว่า การประชุมสภาฯ จะระมัดระวัง ไม่ให้เกิดแหล่งระบาดการติดเชื้อใหม่ภายในรัฐสภา โดยจะดำเนินการมาตรการสาธารณสุขต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด โดยจะลดความแออัดภายในสภา เช่น ลดจำนวนข้าราชการที่ยังคงให้ปฏิบัติราชการที่บ้าน ร้อยละ 70 ส่วน จัดอาหารกล่องบริการแก่ ส.ส. ลดการนั่งรวมตัวกัน และส.ส.จะต้องลดจำนวนผู้ติดตามให้เหลือเพียงผู้ติดตาม 1 คน และผู้ขับรถ 1 คน โดยภายในห้องประชุม เมื่อครบองค์ประชุมจนสามารภเปิดการประชุมได้แล้ว ขอให้ ส.ส.รับฟังการประชุมผ่านโทรทัศน์วงจรปิดตามจุดต่าง ๆ ในรัฐสภา และจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลาที่อยู่ในรัฐสภา ทั้งนี้จะทบทวนมาตรการการอภิปรายแบบถอดหน้ากากอนามัยอีกครั้ง หลังการประชุมวันที่ 27-28 พ.ค.นี้ และในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ ในวันที่ 31 พ.ค.-2 มิ.ย.นี้ สภาฯ ได้กำชับไปยังกระทรวงต่าง ๆ เพื่อกำหนดจำนวนข้าราชการที่จะมาสนับสนุนข้อมูลงบประมาณของกระทรวงให้แก่รัฐมนตรีประจำกระทรวงด้วย 

ส่วนการประชุมร่วมรัฐสภานั้น นายชวนกล่าวว่า ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะการประชุมร่วมรัฐสภา ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. จะมีสมาชิกรวมกันถึง 750 คนจะทำให้ภายในห้องประชุมแออัด จึงมีข้อเสนอว่า กฎหมายที่ต้องประชุมร่วมกันของรัฐสภา ทั้งร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ,ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงมติ จะต้องกลับไปทบทวนว่า จะดำเนินการอย่างไรได้ ส่วนกรณีกฎหมายที่มีความจำเป็น และถูกบังคับด้วยเรื่องกรอบเวลา ก็จะประชุมเฉพาะผู้เกี่ยวข้องที่ต้องอภิปรายเท่านั้น

นายชวนกล่าวถึงกรณีที่บุคลากรในวงงานรัฐสภา ที่จะต้องมาปฏิบัติหน้าที่ภายในห้องประชุมสภาฯว่า ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการประชุม ผ่านการฉีดวัคซีนแล้ว แต่ยังคงจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลา และส.ส.กว่า 50% ก็ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเช่นเดียวกัน แต่หากประมาทไปมั่วสุมตามบ่อน หรือสถานบันเทิง ก็จะมีความเสี่ยง ดังนั้นยังคงจะต้องผ่านมาตรการคัดกรอง การตรวจอุณหภูมิ ตั้งแต่เข้ามาภายในรัฐสภา 

ส่วนกรณีที่แคมป์คนงานก่อสร้างในจังหวัดนนทบุรี ที่มาทำงานก่อสร้างอาคารรัฐสภา นายชวน กล่าวว่า  มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 519 คนจริง ซึ่งเป็นแรงงานต่างชาติจากเมียนมา และกัมพูชา ที่ส่วนใหญ่ปฏิบัติงานอยู่นอกอาคารรัฐสภา บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ได้เข้ามาภายในอาคาร และล่าสุดยังไม่พบว่า มีเจ้าหน้าที่ของสภา เข้าไปสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ หรือกลุ่มเสี่ยง จึงมั่นใจว่า การแพร่ระบาดยังคงอยู่ในวงจำกัด แต่ก็จะติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด

“ไทยไม่ทน” บุกทำเนียบ จี้ “ประยุทธ์” ลาออก ยก “พล.อ.เปรม” จี้ใจบิ๊กตู่ บอกคนเราต้องรู้จักพอในอำนาจ ขณะ “แรมโบ้” เบี้ยวรับหนังสือ ก่อน “จตุพร” ตอกกลับขอให้รัก “ประยุทธ์” นาน ๆ เหมือนรัก “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์”

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ที่สำนักงานข้าราชการพลเรือน (กพ.) กลุ่มสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย (กลุ่มไทยไม่ทน) นำโดย นาย จตุพรพรหมพันธุ์, นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์, นายวีระ สมความคิด, นายเมธา มาสขาว, นายไทกร พลสุวรรณ, นางพะเยาว์ อัคฮาด, ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี และนายนันทพงษ์ ปานมาศ เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แบะรมว.กลาโหม ขอให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากการบริหารงานมา 7 ปี ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้เลย ทั้งเรื่องการปฏิรูปประเทศที่ล้มเหลว เป็นเพียงการต้มกลุ่ม กปปส. เพื่อเข้าสู่ตำแหน่ง การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติที่ไม่เข้ากับยุคสมัย การสร้างความปรองดองที่ไม่ได้ผล เพราะปัจจุบันความขัดแย้งทางการเมืองยังมีแนวโน้มรุนแรงมากยิ่งขึ้น ขณะที่ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นก็มีพัฒนาการที่เสื่อมถอย มีปัญหาเศรษฐกิจและความเหลื่อมล้ำมาตลอด 7 ปี รัฐบาลใช้งบประมาณแผ่นดิน 20.8 ล้านล้านบาท แต่ตัวเลขคนจนยังพุ่งสูงขึ้น 100%

นอกจากนี้การละเมิดสถาบันยังเป็นปัญหาที่แบ่งแยกประชาชน โดยเฉพาะบุคคลในอำนาจรัฐและเครือข่ายกลับแอบอ้างเพื่อแสวงหาประโยชน์เข้าตัวเองและพวกพ้อง นอกจากนายกรัฐมนตรีจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้กลับทำให้แย่ไปกว่าเดิม เนื่องจากหลักคิดยังติดกับลักษณะรัฐราชการเพียงลำพัง ขณะที่รัฐธรรมนูญถูกมองว่า ร่างขึ้นเพื่อสืบทอดอำนาจ ระบบเลือกตั้งทำให้เกิด ความสับสน องค์กรอิสระถูกแทรกแซง ระบบยุติธรรมถูกทำลาย การแก้ปัญหา โควิด-19 ก็ล้มเหลว การฟื้นฟูเยียวยาประเทศเวลานี้จำเป็นที่จะต้องระดมพลังแผ่นดินทุกภาคส่วน ทั้งราชการ เอกชน พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน นักวิชาการทุกวงการ โดยที่พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออกจากตำแหน่งเพื่อเปิดโอกาสให้มีคนใหม่เลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่เข้ามาบูรณาการพลังแห่งแผ่นดินทุกภาคส่วนพาประเทศให้พ้นวิกฤต

นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ อ้างว่าอยู่เพื่อปกป้องสถาบัน แต่ความจริงแล้วไม่เคยออกมาปกป้อง ยกตัวอย่างได้จากการเกิดข่าวลือต่างๆ พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังนิ่งเฉยปล่อยประละเลยไม่ออกมาชี้แจง และยังใช้มาตรา 112 มุ่งทำลายบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ทางการเมือง ทั้งที่มาตรา 112 ไม่สามารถที่จะใช้แบล็กเมล์หรือปกป้องรัฐบาลได้ พล.อ.ประยุทธ์อ้างอีกว่าวันนี้อยู่เพื่อแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 มีการประกาศยึดอำนาจจากคณะรัฐมนตรีถึง 3 ครั้งเพื่อรวมอำนาจไว้ที่นายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมและแก้ไขปัญหาโควิด-19 ได้ และยังไม่ยอมรับผิดชอบ ดังนั้น หาก พล.อ.ประยุทธ์อยู่ โควิดก็คงยังอยู่ นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังอ้างว่าอยู่เพื่อแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่นแต่ความจริงแล้ว การทุจริตไม่ได้หมดไปและยังคงเกิดขึ้น อย่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท ก็เป็นจุดหนึ่งที่เสี่ยงจะเกิดการทุจริตได้

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ทุกสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศเป็นวาระแห่งชาติไม่เคยสำเร็จ แต่ก็ไม่เคยคิดจะออกจากตำแหน่ง แล้ววันนี้ไม่ต้องกังวลว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ออกแล้วใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทน ให้คิดเสียว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นได้ ใครก็เป็นได้

ทั้งนี้ นายจตุพร ยังยก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ให้มาเป็นตัวอย่างให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะ พล.อ.เปรมเป็นบุคคลที่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ทั้งหมด แต่พล.อ.เปรมรู้จักพอ หลังจากดำรงตำแหน่งมา 8 ปี ก็ปฏิเสธการเข้ารับตำแหน่งจากการเสนอชื่อของนักการเมือง ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนที่ต้องรู้จักพอ

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่านายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่มีกำหนดการจะมาเป็นผู้รับหนังสือเอง แต่ไม่ออกมารับหนังสือเองแต่กลับส่งตัวแทนมารับ ทำให้นายจตุพร กล่าวถึงนายเสกสกลสั้น ๆ ว่า ขอให้รัก พล.อ.ประยุทธ์นานๆเหมือนกับที่รักนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ

 

“กอ.รมน.ภาค 4 สน.” แจง ปืน 28 กระบอก ไม่ได้หายล็อตเดียว เป็นการทยอยหายในห้วงหลายปีผ่านมา วอน ปชช. อย่าตกใจ หลังผู้ไม่หวังดีเชื่อมโยงเตรียมก่อความไม่สงบ ทำให้ตื่นกลัว

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 พ.อ.วัชรกร อ้นเงิน รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) กล่าวถึงกรณี อาวุธปืน AK102 จำนวน 28 กระบอก ของกองร้อยอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) อำเภอเมืองนราธิวาสที่ 2 หาย ไปเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 64 ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่า นายอำเภอจังหวัดนราธิวาส ได้ตรวจสอบสถานภาพของอาวุธปืนเมื่อ พ.ย. 63 ที่ผ่านมา และพบว่าหายไป 1 กระบอก จึงได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อรวบรวมอาวุธปืนที่สูญหายทั้งหมดในห้วงที่ผ่านมาว่าหายจากสาเหตุอะไรบ้าง

โดยล่าสุด คณะกรรมการชุดดังกล่าวได้ดำเนินการแล้วเสร็จและตรวจพบว่ามีอาวุธปืน หายไปในห้วงที่ผ่านมา จำนวน 28 กระบอก ซึ่งบางส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุก่อความไม่สงบ บางส่วนก็ไม่ใช่ แค่เป็นการทยอยหายในหลาย ๆ ปี และมาสรุปยอดรวม จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และมีเพจหนึ่งนำไปเสนอข่าว แต่ลงรายละเอียดไม่ครบถ้วน 

"ปืนทั้ง 28 กระบอกไม่ใช่เพิ่งหายและไม่ได้หายไปในล็อตเดียวกัน แต่เป็นการทยอยหาย หรือ อาวุธปืนหายสะสมในภาพรวมในห้วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่ง นายอำเภอ จ.นราธิวาส ได้สำรวจสถานภาพของอาวุธปืนใหม่ว่า มีอยู่จำนวนเท่าไร หายไปอีกกี่กระบอก" โฆษกกอ.รมน.ภาค4 สน. กล่าว

เมื่อถามว่า เป็นเรื่องที่ไม่ควรตื่นตนกกับข่าวที่เกิดขึ้นหรือไม่ พ.อ.วัชรกร กล่าวว่า ขณะนี้มีบางเพจนำเสนอข่าวเพื่อสร้างความตื่นตระหนก แต่ความจริงแล้วลงรายละเอียดไม่ครบถ้วน เพราะตามข้อเท็จจริงเป็นเพียงการตรวจสอบสถานภาพของคลังอาวุธปืนที่หายในห้วงที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะหายในหลาย ๆ สาเหตุ ไม่อยากให้ตื่นตนกกันไป 

เมื่อถามว่า ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวโยงกับการเตรียมก่อเหตุ หรือการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ใช่หรือไม่ พ.อ.วัชรกร กล่าวว่า มีความพยายามเชื่อมโยง ตามที่มีการนำเสนอข่าวนี้ออกไปให้เป็นประเด็น เพื่อหวังสร้างความตื่นกลัว

อัปเดต วัคซีนโควิด-19 ในไทย มียี่ห้อไหนอนุมัติใช้แล้วบ้าง

จากข้อมูล สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พบว่า ขณะนี้มี วัคซีนโควิด-19 ที่ผ่านการอนุมัติแล้ว 4 ตัวด้วยกัน คือ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด และที่ผลิตในประเทศโดย บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด วัคซีนโคโรนาแวค ของบริษัท ซิโนแวค นำเข้าโดยองค์การเภสัชกรรม วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โดยบริษัท แจนเซ่น-ซีแลค จำกัด รวมถึงวัคซีนโมเดอร์นา โดยบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด

ซึ่งขณะนี้ มีการนำเข้ามาแล้ว 2 ยี่ห้อ คือ ซิโนแวค และ เอสตร้าเซนเนก้า ส่วนจอนห์สันแอนด์จอนห์สัน ยังไม่พบไทม์ไลน์นำเข้า และโมเดอร์น่า มีไทม์ไลน์จะนำเข้าช่วงเดือน ต.ค.นี้

นอกจากนี้ บริษัท ไบโอจีนีเทคฯ ซึ่งก่อนหน้าเคยยื่นขึ้นทะเบียนวัคซีนโควัคซีน (Covaxin) ของบารัต ไบโอเทค ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ อย.นั้น ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทไบโอจีนีเทคฯ ได้นำเอกสารมาขอขึ้นทะเบียนวัคซีนซิโนฟาร์มของประเทศจีนอีกหนึ่งชนิด ซึ่งเป็นการยื่นเอกสารแบบรอบเดียวจบและยื่นครบแล้ว อยู่ระหว่างประเมินคำขอขึ้นทะเบียน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจะใช้เวลาในการพิจารณาไม่เกิน 30 วัน


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

'ธัญวัจน์’ ตั้งคำถาม เงินกู้ 7 แสนลบ. จะเยียวยาถึงคนกลางคืนหรือไม่?

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อสูงเป็นรายวัน แม้ที่ผ่านมาจะมีการควบคุมมาตรการต่าง ๆ ในสถานประกอบการ แต่จากต้นเดือนเมษายนจนปลายพฤษภาคมการแพร่ระบาดขณะนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะส่งผลในสถานประกอบการที่ยังต้องมีการรักษาระยะห่าง และจำกัดจำนวนลูกค้าในการเข้าใช้บริการ ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ว่ากิจการธุรกิจกลางคืน ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเพราะไม่ว่าระลอกไหน ก็ถูกปิดก่อนและเปิดหลังเสมอ

แต่ในขณะเดียวกันประชาชนเข้าใจและพร้อมให้ความร่วมมือกับมาตรการต่าง ๆ อย่างเต็มที่

ตนจึงอยากเรียกร้องอยากให้รัฐบาลได้เข้าใจธุรกิจบันเทิงยามค่ำคืน ที่มี นักร้อง นักดนตรี นักเต้น นางโชว์ ที่พวกเขาไม่ได้ร่ำรวยไม่มีมีเงินเก็บและต้องเลี้ยงครอบครัวไม่ต่างกับอาชีพอื่น ๆ

หวังว่า พ.ร.ก. เงินกู้ 7 แสนล้านครั้งนี้คงไม่ลืมกลุ่มคนเหล่านี้ ที่เขาไม่ได้อยู่ในระบบการจ้างงานทั่วไป รับเงินเป็นรายวัน รายสัปดาห์ และที่สำคัญกระทบยาวนานที่สุดกว่างานประเภทอื่น การเยียวยาเป็นทางหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาสถานการณ์ ซึ่งรัฐต้องคำนึงถึงระยะเวลาในการกระทบเป็นสำคัญ เพราะคนเราต้องกินต้องใช้ทุกวัน รวมถึงข้อเสนอในการสร้างงานชุมชน เพราะ “งาน” ในขณะนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด รัฐควรมองการสร้างงานในชุมชนเพราะนี่คือหนึ่งวิธีสำคัญที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจและผ่านวิกฤติไปได้ ด้วยแนวคิด Healthy Ecosystem Vital Economy Social Well - Being ระบบนิเวศที่ดีต่อสุขภาพเศรษฐกิจที่สำคัญต่อความผาสุกทางสังคม ซึ่งแน่นอนแนวคิดดังกล่าวคือการสร้างงานในชุมชน ที่อาจเกี่ยวข้องกับ ผู้คน สังคม และวัฒนธรรม เป็นสำคัญในขณะนี้

ด้วยเหตุผลสำคัญคือ มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพและไม่สามารถตีค่าวัดเป็นเงินได้ ไม่ว่าจะเป็นทุนทางปัญญา ทุนทางเครือข่ายสังคม หรือแม้แต่อารมณ์ก็เป็นทุน หากรัฐมองประชาชนเป็น “ทุนมนุษย์” ก็จะสร้างความยั่งยืนให้กับประชาชนและเศรษฐกิจได้ ขณะนี้ประชาชนต้องการงาน การจ่ายเงินให้กับคน ต้องคิดว่าคือการลงทุนไม่เช่นนั้นประเทศไทยก้าวไม่พ้นวิกฤติแน่นอน


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘ยุโรป’ ทยอยคลายล็อกดาวน์ หลายประเทศเริ่มรับนักท่องเที่ยว

25 พฤษภาคม 2564 สำนักข่าวซินหัว รายงาน ยุโรปกำลังกลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างระมัดระวังและเสถียร โดยหลายประเทศยุโรปทยอยยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์สำหรับป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ล่วงหน้า ก่อนจะถึงฤดูกาลท่องเที่ยว ที่หลายฝ่ายเฝ้ารออย่างใจจดจ่อ

หลายประเทศอนุญาตให้โรงภาพยนตร์และพิพิธภัณฑ์กลับมาเปิดให้บริการได้ นอกจากนี้บาร์ คาเฟ่ และร้านอาหารหลายแห่งล้วนกลับมาให้บริการพื้นที่กลางแจ้งได้อีกครั้งเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้มากขึ้น

เนื่องจากแผนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มีความคืบหน้า สมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ทั้ง 27 ประเทศ จึงหวังว่าภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ จะสามารถออกใบรับรองการฉีดวัคซีนแบบดิจิทัลให้แก่นักเดินทางได้ ซึ่งจะทำให้ประชาชนสามารถเดินทางได้อย่างอิสระในช่วงวันหยุดฤดูร้อน ขณะเดียวกันก็หวังว่าการเปิดพรมแดนต้อนรับนักท่องเที่ยวและการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นตามมานั้น จะช่วยบรรเทาภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้

แม้การคาดการณ์ข้างต้นจะเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่หลายประเทศยังคงระมัดระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ในหลายพื้นที่ทั่วโลกยังคงไม่คลี่คลาย

กลับสู่ปกติแบบค่อยเป็นค่อยไป

เมื่อวันพุธ (19 พ.ค.) ฝรั่งเศสดำเนินขั้นตอนสำคัญเพื่อกลับคืนสู่ภาวะปกติ ได้แก่การอนุญาตให้ประชาชนพบปะสังสรรค์กันที่คาเฟ่หรือร้านอาหาร ซึ่งปัจจุบันกลับมาเปิดให้บริการโซนพื้นที่กลางแจ้งได้แล้ว

ซึ่งแม้สภาพอากาศจะไม่แจ่มใส แต่ท้องถนนในกรุงปารีสก็เต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาใช้ชีวิตกลางแจ้ง พร้อมกับความตื่นเต้นด้วยหวังว่าสถานการณ์กำลังกลับสู่ภาวะปกติแล้ว

มาตีเยอ ครูโรงเรียนอนุบาล ซึ่งเป็นลูกค้าของร้านเลต็อง บราสเซอรี (L’Etang brasserie) ในลีเลอ-อาด็อง (L’Isle-Adam) ทางตอนเหนือของกรุงปารีส กล่าวว่า แม้จะรู้สึกหนาวเมื่อต้องนั่งท่ามกลางฝนตกปรอย ๆ บริเวณส่วนกลางแจ้งของร้าน แต่เขาก็เพลิดเพลินกับการนั่งดื่มเครื่องดื่มนอกร้านอย่างมาก เพราะสำหรับเขานี่คือสัญญาณที่ชี้ชัดว่าสถานการณ์กำลังกลับสู่ปกติ

“หลายเดือนก่อนมันหนักหนามาก ผมเลยคิดว่าจะดื่มฉลองให้กับวันสำคัญนี้สักหน่อย แม้จะดื่มเพียงลำพังก็ตาม” มาตีเยอกล่าวพร้อมยิ้มกว้าง

โปแลนด์ก็กำลังกลับสู่ภาวะปกติเช่นกัน หลังรัฐบาลยกเลิกข้อจำกัดเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม โดยนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. เป็นต้นมา ร้านอาหารและบาร์ได้รับอนุญาตให้เปิดบริการส่วนกลางแจ้งได้ หลังต้องให้บริการสั่งกลับบ้านหรือจัดส่งเพียงอย่างเดียวมานานถึง 1 ปี เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์

วันที่มีการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ถือเป็นวันสำคัญสำหรับ ลูคาส โมล เจ้าของบาร์และร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้ย่านใจกลางเมืองของกรุงวอร์ซอ โดยร้านของเขามียอดขายรายวันสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี “การยกเลิกข้อจำกัดทำให้ทุกคนมีกำลังใจ คุณจะมองเห็นความสุขจากการได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระบนใบหน้าของผู้คน” เขากล่าว

ทั้งนี้ โปแลนด์จะทยอยยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ต่อไป โดยจะอนุญาตให้นั่งทานอาหารในร้านได้ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. เป็นต้นไป แต่กำหนดว่าร้านอาหารจะให้บริการได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของความสามารถในการรองรับ

เตือนประชาชนอย่าประมาท

แม้จะสัมผัสได้ถึงความสุขของผู้คนทั่วทุกหนแห่ง แต่ปรีติ ชุกละ (Preeti Shukla) แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปในมณฑลแลงคาเชอร์ของสหราชอาณาจักร และประธานที่ประชุมแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป ของสมาคมแพทย์ระหว่างประเทศสหราชอาณาจักร เตือนให้ประชาชนไม่ประมาทและระมัดระวังตนเองต่อไป ด้วยการปฏิบัติตามกฎระเบียบ สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม หมั่นล้างมือให้สะอาด และตรวจโรคโควิด-19 เป็นประจำ โดยเฉพาะในยามที่พบเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ เพราะหากผู้คนนิ่งนอนใจ สถานการณ์อาจย่ำแย่ลงจนต้องล็อกดาวน์อีกรอบได้

ด้านรัฐบาลเยอรมนียังคงเฝ้าระวังเกี่ยวกับฤดูกาลท่องเที่ยวช่วงหน้าร้อน แม้ยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายวันจะมีจำนวนลดลง

โดยชเตฟเฟน ไซแบร์ต (Steffen Seibert) โฆษกรัฐบาลเยอรมนี กล่าวว่าประชาชนจะยังไม่สามารถใช้ชีวิตในฤดูร้อนอย่างผ่อนคลายได้เหมือนกับปีก่อน เพราะเป้าหมายของรัฐบาลยังคงเป็นการลดจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเชื่อว่าจะทำได้สำเร็จในอนาคต พร้อมระบุว่าการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม ตรวจโรคโควิด-19 และใช้แอปพลิเคชันเฝ้าระวัง ยังเป็นสิ่งสำคัญในการต่อสู้กับการแพร่ระบาด

เนื่องจากแผนฉีดวัคซีนมีความคืบหน้า รัฐบาลลัตเวียจึงอนุญาตให้พนักงานที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว กลับมาทำงานที่ออฟฟิศได้ตามปกติ โดยกำหนดจำนวนไม่เกิน 20 คน ทว่ายังมีการบังคับใช้ข้อกำหนดทางระบาดวิทยาที่เข้มงวดหากต้องทำงานร่วมกับผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน รวมถึงต้องสวมหน้ากากและเว้นระยะห่างทางสังคม หากต้องอยู่ร่วมกับผู้ที่ไม่ทราบแน่ชัดว่าได้รับวัคซีนแล้วหรือไม่

รุ่งอรุณแห่งการฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

สหราชอาณาจักรผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์เพิ่มเติมทั่วประเทศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (17 พ.ค.) แม้จะมีข้อกังวลเกี่ยวกับเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่พบเป็นครั้งแรกในอินเดีย โดยผับ บาร์ และร้านอาหารได้รับอนุญาตให้เปิดบริการนั่งทานในร้านได้ ขณะที่สถานประกอบกิจการด้านความบันเทิงในร่ม เช่น โรงภาพยนตร์ พิพิธภัณฑ์ และพื้นที่เด็กเล่น กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งแล้ว

ขณะเดียวกัน สถานประกอบกิจการที่ยังเหลืออยู่ทั้งหมด ซึ่งรวมถึง โรงแรม โฮสเทล และสถานที่ให้บริการที่พักพร้อมอาหารเช้า (B&B) กลับมาเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค. และหลังจากคำสั่งห้ามเดินทางระหว่างประเทศถูกยกเลิกไป ประชาชนสามารถเดินทางไปยังกลุ่มประเทศสีเขียว (green-list countries) หรือกลุ่มประเทศที่มีความปลอดภัยจากโควิด-19 ในระดับสูงสุด ได้โดยไม่ต้องกักตัวหลังลงจากเครื่อง

ด้านออสเตรียได้ผ่อนปรนมาตรการเข้าประเทศ เมื่อวันพุธ (19 พ.ค.) โดยอนุญาตให้ประชาชนจากกลุ่มประเทศและภูมิภาคที่มีความเสี่ยงต่ำเดินทางเข้าออสเตรียได้ โดยต้องแสดงผลตรวจโรคโควิด-19 ที่เป็นลบ ใบรับรองการฉีดวัคซีน หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เพื่อไม่ต้องเข้ารับการกักตัว

ด้านลัตเวียได้ละเว้นการตรวจโรคและการกักตัวตามมาตรการปกติ สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นข้อบังคับสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป เขตเศรษฐกิจยุโรป สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร

ขณะที่สนามบินฟาโรทางตอนใต้ของโปรตุเกส รองรับผู้โดยสารจากสหราชอาณาจักรมากกว่า 5,000 คน เมื่อวันที่ 17 พ.ค. เพียงวันเดียว หลังจากโปรตุเกสผ่อนปรนข้อจำกัดการเดินทางและกฎระเบียบด้านสุขอนามัยสำหรับนักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักร

ด้านสายการบินทีเอพี (TAP) สัญชาติโปรตุเกส เผยว่ายอดจำหน่ายตั๋วเที่ยวบินจากสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นร้อยละ 131 เมื่อไม่นานนี้ ส่วนจำนวนเรือสำราญเข้าเทียบท่าเรือลิสบอนก็ฟื้นตัวขึ้นในวันเดียวกัน โดยผู้โดยสารจำเป็นต้องแสดงผลตรวจโรคโควิด-19 ที่เป็นลบก่อนเข้าเมือง

ส่วนเยอรมนียังคงบังคับใช้ข้อบังคับด้านการกักตัวกับผู้โดยสารที่มาจากพื้นที่แพร่ระบาดสูง แต่สามารถลดจำนวนวันลงจาก 10 เหลือ 5 วันได้ หากมีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นลบ แต่ผู้ที่มาจากพื้นที่ที่ไวรัสชนิดกลายพันธุ์ระบาด ยังต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน

 

ที่มา : https://www.naewna.com/inter/575411


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ไต้หวันเร่งนำเข้าวัคซีนเพิ่มหลังเกิดระบาดใหม่ 28 พ.ค. พร้อมฉีด

แม้ไต้หวันถือเป็นอีกประเทศที่ถูกยกให้เป็นผู้ที่รับมือไวรัสโควิดได้ดีอย่างมากประเทศหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม การระบาดของโควิดระลอกใหม่ ทำให้ประชาชนเริ่มวิตก

ถึงกระนั้นทางรัฐบาลไต้หวัน ก็ได้เร่งประกาศใช้มาตรการป้องกันการระบาดของโควิด-19 ที่เข้มงวดที่สุดนับตั้งแต่เคยเกิดการระบาดในไต้หวัน โดยได้สั่งปิดโรงภาพยนตร์ สถานบันเทิงในไต้หวัน จนถึง 28 พฤษภาคม รวมทั้งสั่งห้ามประชาชนรวมกลุ่มกันเกิน 5 คนในที่ร่ม และกลางแจ้ง ห้ามรวมกลุ่มกันเกิน 10 คน ซึ่งจากมาตรการคุมเข้มป้องกันโควิด-19

ทว่าปัญหาหนึ่งที่ยังต้องน่ากังวลต่อไป คือ เรื่องวัคซีนที่ไม่เพียง เนื่องจากความสำเร็จที่สามารถป้องกันการระบาดของโควิดที่ผ่านมาของไต้หวันนั้น มีส่วนทำให้รัฐบาลไต้หวันเพิ่งได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งเป็นของ AstraZeneca มาสต๊อกสำรองไว้เพียงแค่ 300,000 โดส และขณะนี้กำลังจะหมดลงแล้ว ขณะที่เพิ่งฉีดให้แก่ประชาชนได้เพียงประมาณ 1% เท่านั้น ของจำนวนประชากรในไต้หวัน 23 ล้านคน

อย่าวไรก็ตาม เมื่อวัคซีน คือทางรอดที่ดีที่สุดทางรัฐบาลไต้หวัน จึงเร่งจัดการปัญหานี้ โดยเฟซบุ๊ก หนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว Taiwantopics.com ได้โพสต์ข้อความอัปเดตเกี่ยวกับสถานการณ์วัคซีนในไต้หวันว่า...

ข่าวดี!! วัคซีน AstraZeneca ที่มาถึงเมื่อสัปดาห์ก่อนราว 4 แสนกว่าโดส จะเริ่มแจกจ่ายให้แต่ละเขต ในวันที่ 27 พ.ค.นี้

ข่าวล่าสุดเมื่อชั่วโมงที่แล้ว มีข่าวออกมาว่า วัคซีน AstraZeneca ที่มาถึงเมื่อสัปดาห์ก่อน จะแจกจ่ายให่แก่แพทย์พยายาลและผู้ทำงานด่านหน้าก่อน โดยเริ่มแจกจ่ายแต่ละพื้นที่ในวันที่ 27 เดือน 5 นี้ และคาดว่า 28 นี้ (พฤหัส) จะได้เริ่มฉีดกัน

ส่วนหลายคนถามมาว่าบุคคลทั่วไปได้ฉีดเมื่อไหร่ อันนี้ต้องรอรัฐบาลประกาศอีกทีว่ามีโควต้าเปิดให้ลงทะเบียนเมื่อไร

วัคซีนที่ไต้หวันผลิตเองเดิมคาดไว้ว่าปลายเดือนกรกฎาคมนี้จะสามารถออกมาได้ใช้กัน รอตามข่าวอีกที ถ้าสำเร็จจะมีวัคซีนอีกเยอะเลย

ก็เป็นอีกเรื่องเบาใจของประชาชนในไต้หวัน ที่รัฐบาลเร่งจัดหาวัคซีนมาให้แบบทันใจ ส่วนจะครอบคลุมประชากรทั้งหมดแค่ไหน คงต้องตามต่อเป็นระยะ ๆ

 

ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=434835221333312&id=100044205139631

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2094502

https://www.google.com.tw/amp/s/www.cna.com.tw/amp/news/firstnews/202105255003.aspx


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top