Monday, 23 June 2025
NewsFeed

‘ศุภมาส’ เอาจริง!! ใช้ ‘พ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน’ จัดการ ‘ม.เอกชน’ ซื้อขายวุฒิ เตรียม!! ดำเนินการทางกฎหมาย หากผิดจริง   ยกเลิกใบอนุญาตการจัดตั้งมหาวิทยาลัย

(7 ก.ค.67) น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีข่าวการซื้อขายวุฒิปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ว่า ขณะนี้ กระทรวง อว. ได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดยมี ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวง อว. เป็นประธาน รวมถึงมีหนังสือแจ้งไปยังกรรมการสภาสถาบันผู้ทรงคุณวุฒิของมหาวิทยาลัยเอกชนดังกล่าว ซึ่งเป็นกรรมการสภาที่กระทรวง อว. แต่งตั้งเป็นผู้แทน 3 ท่าน ให้ดำเนินการติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานทางกระทรวง อว. ให้ทราบโดยด่วน

รมว.กระทรวง อว. กล่าวต่อว่า สำหรับมหาวิทยาลัยเอกชนดังกล่าว เคยถูกควบคุมโดยกระทรวง อว. เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ถึง 4 มิถุนายน 2567 เนื่องจากปัญหาการขอกำหนดตำแหน่งวิชาการไม่เป็นไปตามที่คณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กำหนด และเพิ่งจะมีการยกเลิกการควบคุมเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงเวลาที่อยู่ในการควบคุม มั่นใจได้ว่าไม่มีการออกวุฒิปริญญาบัตรที่ไม่ถูกต้องแน่นอน เพราะกระทรวง อว. ควบคุมอย่างเข้มงวด นี่อาจจะเป็นสาเหตุ ที่ทำให้เกิดกรณีที่เป็นข่าวว่าเสียเงินซื้อ แต่ไม่ได้ปริญญาตามที่ตกลง

“จากนี้กระทรวง อว. จะทำการสอบข้อเท็จจริงย้อนหลังไปก่อนการควบคุม ว่าได้มีการดำเนินการซื้อขายวุฒิปริญญาบัตรตามที่เป็นข่าวหรือไม่ หากพบว่าผิดจริง จะใช้มาตรการเด็ดขาดตามกฎหมาย ซึ่งตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ.2546 ให้อำนาจกระทรวง อว. เข้าไปควบคุม ดำเนินคดี จนถึงการยกเลิกใบอนุญาตในการจัดตั้งมหาวิทยาลัยได้ และในอดีตที่ผ่านมา ก็เคยมีการยกเลิกใบอนุญาตสถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่ทำผิดกฎหมายในลักษณะเดียวกันมาแล้ว” น.ส.ศุภมาส กล่าวทิ้งท้าย

‘บัวขาว’ ถูกนับยก 2 พลิกพ่ายให้กับ ‘นักชกจากบัลแกเรีย’ ในศึกK-1 เวิลด์แม็กซ์ 2024 เจ้าตัวโพสต์เฟซ ขอโทษคนไทย ระบุ ยอมรับพลาด ไม่มีข้อแก้ตัวแพ้ขาดอย่างเอกฉันท์

(7 ก.ค.67) บัวขาว บัญชาเมฆ ยอดนักมวยไทย ลงทำศึก ‘K-1 WorldMax 2024 World Championship Tournament’ รอบ 8 คนสุดท้าย ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ปะทะกำปั้นกับ โตยาน โคปริฟเลนสกี้ นักชกจากบัลแกเรียวัย 30 ปี 

สำหรับระบบการชกจะแข่ง 3 ยกๆ ละ 3 นาที เพื่อหาผู้ชนะ หากมีคะแนนเสมอกันต้องชกยก 4 ตัดสิน ต่อยภายในวันเดียวรวม 3 ครั้ง ในการคว้าแชมป์รายการนี้ 

นักชกชาวไทย เจ้าของอดีตแชมป์ 2 สมัย 2004 และ 2006 ขึ้นชกยกแรก ยังไม่เร่งเครื่องและออกอาวุธอย่างต่อเนื่อง กลับมาชกยกที่ 2 บัวขาว พลาดโดนคู่ต่อสู้เตะเข้าใบหน้าจนล้มลงและกรรมการนับ 8 ส่วนยกที่ 3 ซึ่งเป็นยกสุดท้าย บัวขาว ต้องเดินหน้าแลกหมัดเข้าสู้ แต่สุดท้ายเร่งเครื่องไม่ขึ้น ครบ 3 ยก เป็นฝ่ายแพ้คะแนน โคปริฟเลนสกี้ ทำให้นักชกไทยยุติเส้นทางเพียงแค่รอบนี้ ส่วน นักชกบัลแกเรีย ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศต่อไป 

หลังจบการแข่งขัน บัวขาว บัญชาเมฆ โพสต์เฟซบุ๊ก Banchamek Gym (Buakaw Banchamek, บัวขาว บัญชาเมฆ) ขอโทษคนไทย โดยระบุข้อความว่า 

พลาดครับ ขอโทษครับ ไม่ได้ไปต่อครับ

เต็มที่ละครับ ไม่มีข้อแก้ตัว โดนพลาด 1 นับ โดนเตือน 3 ครั้ง หักคะแนน ส่วนคะแนน แพ้ขาดเอกฉันท์ทั้ง 3 ท่าน

‘ตบตูดแกะ’ เทรนด์ใหม่ในกลุ่ม ‘วัยรุ่นจีน’ ชี้!! คลายเครียดได้ดี ได้ลองแล้วจะติดใจ

(7 ก.ค.67) ที่ตลาดค้าปศุสัตว์ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาทำอะไรแปลกๆ กับแกะที่ถูกมัดอยู่ โดยจะได้ยินเสียงตบดังแปะเบาๆ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ

ต่อมาโลกโซเชียลของจีนก็เต็มไปด้วยคำชักชวนให้ลองไปสัมผัสและตบตูดแกะที่ตลาดดังกล่าว โดยนักท่องเที่ยวรายหนึ่งเล่าผ่าน ‘เสี่ยวหงซู’ (แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีน) ว่าตูดของแกะนั้นทั้งเด้งและนุ่ม ซึ่งถ้าได้ลองแล้วจะติดใจอย่างไม่น่าเชื่อ

นอกจากนี้ ในคลิปวิดีโอที่แชร์กันบนโลกโซเชียล มีคนหนึ่งได้ลองตบตูดแกะแล้วบอกว่า ‘นี่มันคลายเครียดได้จริงๆ’ ขณะที่อีกคนบอกว่า ‘ฉันลงทุนนั่งเครื่องบินมา 5 ชั่วโมง เพื่อที่จะมาตบตูดแกะ เพราะมันเป็นประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาได้จากในเมือง’

เทรนด์ตบตูดแกะกลายเป็นที่นิยม ถึงขนาดมีคนออกมาแนะนำข้อมูลและให้รายละเอียดเกี่ยวกับสายพันธุ์แกะที่พอตบตูดพวกมันแล้วจะให้ความรู้สึกฟินมากเป็นพิเศษ รวมทั้งยังมีการแนะนำองศา มุม และความแรงในการตบ ซึ่งบางคนบอกว่า ‘ช่วยตบมันเบาๆ หน่อย’

แม้คนเลี้ยงแกะส่วนใหญ่จะยอมรับเทรนด์นี้ ซึ่งช่วยสร้างความคึกคักและกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นอย่างดี แต่พวกเขายังมีความกังวลเกี่ยวกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากเกินไป

‘ถ้ามีคนมาจับตูดแกะมากเกินไป อาจทำให้พวกมันเกิดภาวะซึมเศร้าได้ มนุษย์ไม่สนใจพวกแกะหรอก พวกเขาสนใจแต่เรื่องของตัวเองเท่านั้น’ คนเลี้ยงแกะกล่าว

ด้านผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาอธิบายเกี่ยวกับความนิยมที่เพิ่มขึ้นของเทรนด์นี้ว่า เป็นวิธีการแหวกแนวที่คนหนุ่มสาวนำมาใช้ เพื่อให้หลุดพ้นจากข้อจำกัด หรือข้อบังคับในชีวิตประจำวัน แต่ถึงกระนั้นก็ไม่แนะนำให้ทำตามเทรนด์แบบสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะพฤติกรรมดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการขาดความเคารพต่อสัตว์ ดังนั้น ควรไปหาความบันเทิงในรูปแบบอื่นจะดีกว่า

มีรายงานว่า หญิงคนหนึ่งมีอาการท้องเสียและอาเจียน หลังจากไปตบตูดแกะ โดยเธอได้รับแจ้งว่าอาจเกิดจากแบคทีเรียจากสัตว์ภายในฟาร์ม เนื่องจากภายในคอกแกะมีก้อนอุจจาระอยู่เป็นจำนวนมาก

หลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตต่างคอมเมนต์ เช่น 

เราแค่ตบตูดของแกะเบาๆ ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์ และคนเลี้ยงแกะก็เห็นด้วย มันเป็นวิธีผ่อนคลายที่น่าสนใจ

ฉันรู้สึกเสียใจกับแกะพวกนี้ ถ้าพวกมันพูดได้ มันอาจจะรู้สึกว่ากำลังถูกคุกคาม

ฉันหวังว่าคนเลี้ยงแกะในท้องถิ่นจะกำหนดกฎต่างๆ เช่น จำกัดจำนวนผู้ที่มาตบตูดแกะในแต่ละวัน เพื่อที่จะได้ไม่เหนื่อยจนเกินไป

‘Disney-Netflix’ ลั่น หยุดบริจาค หาก ‘เดโมแครต’ ไม่ยอมเปลี่ยนคนอื่นมาชน ‘ทรัมพ์’ มั่นใจ!! หายนะแน่ เพราะสภาพร่างกายไปต่อไม่ไหวแล้ว ชี้!! ดัน ‘แฮริส’ ขึ้นมายังดีกว่า

(7 ก.ค.67) หายนะจากงานดีเบทรอบแรกระหว่าง ไบเดน และ ทรัมพ์ ยังไม่จบง่ายๆ และดูเหมือนจะกลายเป็นสนิมเซาะกร่อนภายในพรรคเดโมแครตไปเรื่อยๆ เมื่อมีคนวงในพรรคหลายคน ออกมาแสดงความเห็นอย่างชัดเจนว่า ต้องการให้โจ ไบเดน ถอนตัวจากการแข่งขันเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024 ที่จะถึงนี้ 

ทว่า โจ ไบเดน ยังยืนยันที่จะลงชิงตำแหน่งต่อเป็นสมัยที่ 2 และ ล่าสุดได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ ABC News ว่า มีเพียง ฤทธานุภาพของพระเจ้าเท่านั้น ที่สามารถดลบันดาลให้เขายอมถอนตัวออกจากสนามชิงชัยในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ 

และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ถ้าผลเกิดเลือกตั้งแพ้ทรัมพ์ขึ้นมา ไบเดนจะว่ายังไง? ไบเดนก็ตอบแบบลางไม่ค่อยดีว่า ‘ผมรู้สึกว่า ผมก็ทุ่มสุดตัวและทำหน้าที่ได้อย่างดีที่สุดเท่าที่ทำได้แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมทำอยู่’

ฟังดูก็น่าเป็นห่วงอยู่ ว่า โจ ไบเดน วางเดิมพันกับการเลือกตั้งครั้งนี้ ด้วยบุญเก่าของตัวเองล้วนๆ ถ้าเสียงสวรรค์ชาวอเมริกันจะเลือกไบเดน ก็อาจเพราะเห็นใจอยากให้ปู่อยู่ต่อ หรือเป็นแฟนคลับเดนตายของเดโมแครต ที่ไม่เกี่ยงว่าพรรคจะส่งใครมา ยังไงก็เลือก โดยไม่ต้องไปคาดหวังว่าปู่โจ ไบเดน ยังจะขึ้นบันได Air Force One ไหวหรือเปล่า

แต่เมื่อโจ ไบเดน ได้อ้างถึง ฤทธานุภาพของพระเจ้า ผู้ทรงอำนาจสูงสุดในการดลใจมนุษย์หล่ะก็ พระเจ้าอาจไม่แสดงอิทธิฤทธิ์ให้มนุษย์เห็นตรงๆ แต่ทำงานผ่านคนกลาง ผู้มีศักยภาพมากพอที่จะเสกอะไรก็ได้ ประหนึ่งลูกพระเจ้าได้เหมือนกัน 

เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า กิจกรรมพรรคการเมืองขนาดใหญ่ระดับเดโมแครต จะขับเคลื่อนไม่ได้เลย หากไม่มีนายทุนผู้สนับสนุนพรรค ซึ่งนักลงทุนรายใหญ่จะตัดสินใจบริจาคเงินสนับสนุนใครก็ต่อเมื่อเขามั่นใจว่าจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า และมองเห็นอนาคต

ซึ่งตอนนี้ ผู้สนับสนุนรายใหญ่ของเดโมแครตหลายคนเริ่มไม่ค่อยมั่นใจในสภาพร่างกายของโจ ไบเดน แล้ว ว่าอาจเป็นตัวเลือกที่เสี่ยงเกินไป เมื่อต้องลงแข่งขันเลือกตั้งกับโดนัลด์ ทรัมพ์ ในครั้งนี้ 

หนึ่งในนายทุนรายใหญ่ที่สุดของเดโมแครตก็คือ อบิเกล ดิสนีย์ ทายาทอาณาจักรดิสนีย์ผู้มั่งคั่ง ออกมาประกาศชัดเจนว่า เธอจะยุติการสนับสนุนทุนให้แก่พรรคเดโมแครต ตราบใดที่พรรคไม่ยอมหาใครมาแทน โจ ไบเดน ในสนามเลือกตั้งครั้งนี้ 

อบิเกลได้ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า ‘นี่คือโลกแห่งความเป็นจริงค่ะ ไม่ได้มีเจตนาหยามเหยียดใคร ไบเดนเป็นคนดีที่ทำงานรับใช้ชาติได้อย่างน่าชื่นชม แต่เดิมพันครั้งนี้มันสูงเกินไป ถ้าไบเดนไม่ถอนตัว เดโมแครตแพ้แน่ ฉันมั่นใจอย่างนั้น และผลจากความพ่ายแพ้ครั้งนี้มันคือหายนะดีๆนี่เอง’
หรือถ้าพรรคยังหาตัวเลือกแทนไบเดนไม่ได้ อบิเกล เสนอให้ดัน กมลา แฮริส รองประธานาธิบดีคนปัจจุบันขึ้นมาแข่งแทน และเชื่อว่าสามารถเอาชนะทรัมพ์ได้ไม่ยากเลย และเรียกร้องให้พรรคอย่ามัวแต่เอาเวลามาล้อเลียนข้อบกพร่องของแฮริส ถ้าพรรคสามารถมองข้ามข้อเสียของไบเดนได้ ทำไมถึงยอมหยวนๆ กับข้อบกพร่องของแฮริสไม่ได้ 

และไม่ใช่เฉพาะทายาทดิสนีย์ ที่ออกมากดดันพรรคเดโมแครตให้เปลี่ยนตัวไบเดน รีด เฮสทิงส์ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Netflix และเป็นผู้บริจาครายใหญ่ของเดโมแครต ก็ออกมาเรียกร้องให้ไบเดนถอนตัวเช่นกัน เพื่อเห็นแก่พระเจ้า อุ่ย! ไม่ใช่! เพื่อเห็นแก่พรรคในการแข่งขันเพื่อเอาชนะทรัมพ์
รีด เฮสทิงส์ และ ภรรยา คือผู้ที่ลงเงินสนับสนุนให้กับแคมเปญหาเสียงของไบเดนตั้งแต่งานเลือกตั้งปี 2020 ถึง 1.5 ล้านเหรียญ และเมื่อไบเดน ตัดสินใจลงสนามอีกครั้งในปีนี้ เขาบริจาคเงินให้แคมเปญของไบเดนอีก 1 แสนเหรียญทันที ก่อนประกาศยุติการสนับสนุนหลังเห็นผลงานการดีเบทของไบเดนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

และนอกจากผู้บริหาร Disney และ Netflix จะออกมาประกาศเทไบเดนแล้ว ยังมีเศรษฐีกระเป๋าหนักด้อมเดโมแครต ที่ออกมายอมรับว่าจะไม่สนับสนุนไบเดนแล้ว อาทิ แบร์รี่ ดิลเลอร์ ผู้บริหารสื่อยักษ์ใหญ่ หรือ อารี เอ็มมานูเอล CEO บริษัทเอเจนซีเจ้าดังในฮอลลิวูด โดยเขาเปรียบเทียบว่า หากสหรัฐอเมริกาเป็นรถยนต์หรูราคา 2.7 ล้านล้านดอลลาร์คันหนึ่ง เขาคงไม่ยอมให้ทั้งทรัมพ์ และ ไบเดน ขับรถคันนี้ออกถนนในยามค่ำคืนแน่ๆ 

แม้ความเห็นของมหาเศรษฐีไม่กี่คน จะสู้เสียงของพระเจ้าในใจไบเดนไม่ได้ แต่ บางคนก็บอกว่า เงินนั่นแหล่ะคือพระเจ้า ถ้าเงินไม่มี จะไปทำอะไรได้ ซึ่งก็อาจจะจริงในแง่หนึ่งเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด

เพราะทุกการลงทุนคือความเสี่ยง เช่นเดียวกับการทอดลูกเต๋า โอกาสที่ไบเดนที่จะชนะทรัมพ์ ก็ไม่ได้เป็น 0 เสมอไป เพราะบางคนเลือกแค่คนที่รัก แต่บางคนก็เลือกเพราะพรรคที่ชอบ 

แต่หากเป็นเรื่องของประเทศชาติบ้านเมือง ถ้ามัวแต่เกรงใจกัน ก็ต้องยอมรับผลลัพธ์ร่วมกัน ว่าเราได้เลือกแล้วว่าจะให้ใครมาขับรถหรูคันละ 2.7 ล้านล้าน ออกไปซิ่งยามค่ำคืนในอีก 4 ปีข้างหน้า 

สตูล ศรชลจังหวัดสตูล ร่วมให้การต้อนรับ เสนาธิการทหารเรือ/เลขาธิการ ศรชล. ในโอกาสเดินทางมาตรวจเยี่ยมหน่วยในพื้นที่ จังหวัดสตูล 

เมื่อวันที่ 6 ก.ค.67 ที่ผ่านมา ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค3 โดยศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล นายศักระ  กปิลกาญจน์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล/ผู้ว่าจังหวัดสตูล มอบหมายให้ นาวาเอกแสนย์ไท บัวเนียม ร.น.รองศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล/ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจพื้นที่ตอนใต้ ศรชล.ภาค 3 ร่วมให้การต้อนรับ พล.ร.อ.วรวุธ  พฤกษารุ่งเรือง เสนาธิการทหารเรือ/เลขาธิการ ศรชล. พร้อมด้วย พล.ร.ท.สุชาติ  ธรรมพิทักษ์เวช ผบ.ทรภ.3/ผอ.ศรชล.ภาค 3 และคณะในโอกาสเดินทางมาตรวจเยี่ยมหน่วยงานใน ทรภ.3 ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดสตูล เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการตามแผนพัฒนาศักยภาพ ทหารเรือทางฝั่งทะเลอันดามัน โดยมีกำลังพลหน่วยงานใน ทรภ.3 ในพื้นที่จังหวัดสตูล ประกอบด้วย นป.สอ.รฝ.452, สถานีเรือละงู นรภ.ทร.เกาะหลีเป๊ะ, เรือหลวงมันนอก เรือ ต.114 เรือ ต.273 แถวให้การต้อนรับและรับการตรวจเยี่ยม 

เหตุด่วน เหตุร้าย ภัยทางทะเล ต้องการความช่วยเหลือทางทะเล
โทร. 1465 แจ้ง ศปก.ศรชล.ภาค 3 หรือ โทร. 1696 แจ้ง ศปก.ทรภ.3
นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดสตูล

‘อินเดีย’ร่วมทุนกับ ‘รัสเซีย’ ตั้ง Indo-Russia Rifles Private Limited (IRRPL)  โรงงานผลิตปืนเล็กยาวตระกูล AK ในเมือง Korwa เขต Amethi รัฐอุตตรประเทศ

(7 ก.ค.67) แรกเริ่มเดิมที กองทัพอินเดียได้ทำการผลิตปืนเล็กยาวบรรจุกระสุนเองแบบ L1A1 ซึ่งได้ลิขสิทธิ์ผลิตในประเทศในช่วงปลายทศวรรษปี 1950 ต่อมาช่วงกลางทศวรรษปี 1980 กองทัพอินเดียตัดสินใจพัฒนาปืนเล็กยาวขนาด 5.56×45 มม. (กระสุนมาตรฐาน NATO) เพื่อทดแทนปืนเล็กยาวที่ได้เลิกผลิตไปแล้ว โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอาวุธ (ARDE) เมือง Pune ได้ออกแบบปืนเล็กยาว INSAS ของอินเดียเอง และกองทัพอินเดียนำมาใช้ในปี 1990 และกลายเป็นปืนเล็กยาวจู่โจมมาตรฐานของทหารราบสังกัดกองทัพบกอินเดีย อย่างไรก็ตาม เพื่อยุติการใช้ปืนเล็กยาว Lee–Enfield แบบลูกเลื่อนที่ยังใช้งานในกองทัพอินเดียอยู่ให้เร็วที่สุด ในช่วงปี 1990–92 อินเดียจึงต้องจัดหาปืนเล็กยาวตระกูล AKM ขนาด 7.62×39 มม. จำนวน 100,000 กระบอกจากรัสเซีย ฮังการี โรมาเนีย และอิสราเอล

ในช่วงแรกปืนเล็กยาว INSAS สร้างขึ้นโดยใช้คุณสมบัติที่หยิบยืมมาจากปืนเล็กยาวหลายรุ่น ทั้งไม่ได้ออกแบบและผลิตขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของกองกำลังรักษาความมั่นคงของอินเดีย แม้ว่า ปืนเล็กยาว INSAS จะรับใช้กองทัพอินเดียนานกว่า 30 ปี แต่ก็เริ่มล้าหลังเมื่อพิจารณาถึงความต้องการของสงครามสมัยใหม่ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปืนเล็กยาว INSAS ต้องอยู่ภายใต้การตรวจสอบที่มากขึ้น ด้วยปัญหาหลายประการที่เกิดขึ้นจากการใช้งานของกองกำลังในแนวหน้าซึ่งกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางการปฏิบัติการ ตัวอย่างเช่น แม็กกาซีนพลาสติกของปืนเล็กยาว INSAS แตกร้าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสภาพอากาศที่หนาวเย็น และมีรายงานว่า ปืนเล็กยาว INSAS ร้อนมากจนเกินไปในระหว่างการสู้รบที่ยาวนาน จึงทำให้การทำงานของปืนเล็กยาว INSAS ผิดปกติ จนปืนเล็กยาวรุ่นนี้ไม่น่าเชื่อถือสำหรับปืนเล็กยาวมาตรฐานทั่วไป

สืบเนื่องมาจากความขัดข้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหล่านี้ ในเดือนเมษายน 2013 รัฐบาลอินเดียจึงต้องเปลี่ยนปืนเล็กยาว INSAS ของกองกำลังตำรวจติดอาวุธกลาง (CRPF) ด้วยปืนเล็กยาวรุ่น AKM เพื่อให้มั่นใจว่า CRPF จะประสบความสำเร็จมากขึ้นในการต่อสู้กับกลุ่ม Naxalites ดังนั้น จากความล้มเหลวเหล่านี้และความต้องการปืนเล็กยาวที่เปลี่ยนไปของกองกำลังติดอาวุธของอินเดีย จึงมีการประกาศในช่วงต้นปี 2017 ว่า ปืนเล็กยาว INSAS จะถูกปลดประจำการ และแทนที่ด้วยปืนเล็กยาวที่สามารถยิงกระสุนขนาด 7.62×51 มม. ของ NATO ได้

แต่ด้วยความสัมพันธ์อันใกล้ชิดและยาวนานระหว่างอินเดียและรัสเซีย โดยเฉพาะความสัมพันธ์ทางทหาร อินเดียและรัสเซียจึงร่วมทุนกันจัดตั้ง Indo-Russia Rifles Private Limited (IRRPL) โรงงานผลิตปืนเล็กยาวตระกูล AK ขึ้นในประเทศอินเดีย โดย IRRPL เป็นการร่วมทุนระหว่าง 4 บริษัท ณ ปี 2023 AWEIL (อินเดีย) ถือหุ้นที่ 42.5% Munitions India Limited (อินเดีย) ถือหุ้น 8% Kalashnikov Concern (รัสเซีย) ถือหุ้น 42% และ Rosoboronexport (รัสเซีย) ถือหุ้น 7.5% และได้รับอนุญาตสิทธิบัตรให้ผลิตปืนเล็กยาวจู่โจม AK-203 จำนวน 600,000 กระบอก ซึ่งใช้กระสุนขนาด 7.62×39 มม. สำหรับ AK-203 เป็นปืนเล็กยาวจู่โจมรุ่น 200 ซีรีส์ที่ได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยและเป็นรุ่นหนึ่งของปืนเล็กยาวจู่โจม AK-Pattern ของรัสเซียในปัจจุบัน ซีรีส์ 200 นั้นอิงรายละเอียดทางเทคนิคจากปืนเล็กยาวตระกูล AK-100 และปืนเล็กยาวรุ่น AK-12 ซึ่งมีราคาแพงกว่า โดยปืนเล็กยาว AK-203 เป็นปืนเล็กยาวจู่โจมรุ่นใหม่ล่าสุดที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากปืนเล็กยาว AK-47 ของอดีตสหภาพโซเวียตหรือรัสเซียในปัจจุบัน

ในระหว่างงาน Defense Expo 2020 ที่เมืองลัคเนา พลตรี Sengar (อดีต CEO และกรรมการผู้จัดการ) ประกาศว่าโรงงาน IRRPL ในเมือง Amethi จะผลิต AK-203 ได้ 75,000 กระบอกต่อปีเป็นเวลา 10 ปี โดยผลิตปืนเล็กยาว AK-203 จำนวน 670,000 กระบอกสำหรับกองทัพอินเดีย การผลิตปืนเล็กยาว AK-203 เริ่มเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2023 ในเดือนพฤษภาคม 2024 ปืนเล็กยาวชุดแรกจำนวน 27,000 กระบอกได้รับการส่งมอบ ในขณะที่อีกชุดหนึ่งจำนวน 8,000 กระบอกจะได้รับการส่งมอบในเดือนกรกฎาคม 2024 รวม 35,000 กระบอก ปัจจุบัน พลตรี SK Sharma, SM (Bar), VSM จากกองทัพบกอินเดีย ทำหน้าที่เป็น CEO และกรรมการผู้จัดการ โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากอินเดียและรัสเซีย ฝ่ายละ 8 คน

แฉ!! แผนระยะยาวต่างชาติเคลมไทย ชุบตัวต่างด้าว 'ให้สิทธิเลือกตั้ง-ครองที่ดิน'

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา 'ประชาไท' ในแพลตฟอร์ม X ได้ลงข่าวว่ามีแรงงานพม่าเรียกร้อง UN ESCAP ให้รับรองแรงงานข้ามชาติให้ได้บัตรชมพู โดยอ้างว่าเพื่อลดความซับซ้อนสำหรับแรงงานต่างด้าวที่เข้าเมืองผิดกฎหมายและไม่มีพาสปอร์ตว่าเป็นพลเมืองชาวเมียนมา

วันนี้ เอย่า จะมาวิเคราะห์ให้รู้กันว่า ทำไมคนพวกนี้ถวิลหาขนาดนั้น แต่ก่อนอื่นเราควรมาทำความรู้จักก่อนว่า UN ESCAP คือหน่วยงานใด

UN ESCAP หรือชื่อภาษาไทยว่าคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติแห่งเอเชียและแปซิฟิก เป็นหนึ่งในห้าคณะกรรมการส่วนภูมิภาคของคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ

ESCAP เป็นองค์กรบริหาร (Executing Agency) ที่เน้นดำเนินการในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภูมิภาคและประเด็นเกิดใหม่ที่สำคัญต่อภูมิภาค เช่น การขจัดความยากจน วิกฤตเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางด้านอาหารและพลังงาน การจัดการกับภัยพิบัติ การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ ความเท่าเทียมกันทางเพศและการส่งเสริมบทบาทของสตรี ผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

ต่อมาเรามารู้จัก 'บัตรชมพู' กันดีกว่า

บัตรชมพู คือ บัตรประจำตัวคนที่ไม่มีสัญชาติไทย เป็นเอกสารทะเบียนราษฎร์ที่นายทะเบียนออกมหาดไทยให้กับต่างชาติทุกคนที่มีถิ่นพำนักที่ชัดเจนในประเทศไทย

ในกรณีการเรียกร้องขอบัตรชมพู โดยทั่วไปจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนายทะเบียน ว่าจะได้รับคำสั่งจากกระทรวงมหาดไทยมาอย่างไร ซึ่งในอดีตเนื่องจากในประเทศไทยมีการใช้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายจำนวนมากที่เข้ามาอาศัยในประเทศไทย ทำให้ในยุคของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี จึงมีการอนุโลมคนต่างด้าวที่มีนายจ้างเป็นคนรับรองว่าเป็นลูกจ้างแต่ไม่มีหลักฐานใด ๆ มาทำการขึ้นทะเบียนคนต่างด้าวให้ได้บัตรชมพูและทำระบบ MOU เพื่อจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวเหล่านี้

แต่ด้วยความหละหลวมของระบบมหาดไทยของไทย ทำให้คนต่างด้าวหลายคนเมื่อบัตรหมดอายุแล้ว กลับไม่ไปต่อ แต่ใช้วิธีเปลี่ยนชื่อเป็นคนใหม่ไปขึ้นทะเบียนเพื่อให้ได้บัตรอีกรอบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง รวมถึงเจ้าหน้าที่นายทะเบียนและเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสัญชาติไม่มีข้อมูลหรืออะไรก็ไม่ทราบ ทำให้การออกบัตรชมพูทำได้ง่าย และส่งผลให้ 1 ชีวิตของชาวเมียนมามีตัวตนมากกว่า 1

และนั่นทำให้ปัจจุบัน มีคนต่างด้าวรอบ ๆ ข้างไทยหนีเข้าเมืองกันมามากขึ้นทั้ง คนลาว, พม่า และกัมพูชา

การเรียกร้องเช่นนี้ย่อมเป็นการเปิดช่องให้คนกลุ่มที่เข้าเมืองแบบไม่ถูกต้องเข้ามาใช้ช่องทางบัตรชมพู แล้วก็ฟอกตัวเองให้มีงานทำ จากนั้นเมื่อมีลูกก็จะสามารถส่งลูกเรียนในไทยได้ จนเมื่อครบ 20 ปีบริบูรณ์ คนกลุ่มนี้ก็จะมีสิทธิ์ขอสัญชาติไทยได้ตามกฎหมายและสามารถครอบครองอสังหาริมทรัพย์อย่างบ้านหรือที่ดินได้อย่างสมบูรณ์

แน่นอนแผนการนี้คนระดับแรงงานย่อมคิดไม่ได้ หากไม่มีตัวการที่คอยส่งเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ให้แรงงานกลุ่มนี้ไปเป็นหุ่นเชิดเพื่อเรียกร้องสิ่งที่ไม่ควรที่จะได้

ดังนั้น นี่จึงเป็นเรื่องที่อันตรายมากของกลุ่มคนไทยขายชาติที่ใช้กลุ่มคนเหล่านี้มาเป็นฐานเสียงในระยะยาว 

ก็ลองคิดดูละกันว่า เมื่อลูกหลานพวกเขามีสิทธิ์เลือกตั้ง จะเกิดอะไรขึ้น?

อย่างไม่นานมานี้ ในแพลตฟอร์ม X ก็เริ่มมีการแชร์ภาพเรียกร้องให้คนต่างด้าวมีสิทธิ์เลือกตั้งในประเทศไทย ซึ่งหากคิดเล่น ๆ เรื่องนี้อาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องขำขัน แต่ในประเทศที่เจริญทางประชาธิปไตยอย่างในยุโรปหรืออเมริกา เขาไม่ขำและก็ไม่ได้ให้สิทธิ์คนต่างด้าวในประเทศเลือกตั้ง

ฉะนั้น หากคิดให้ดี นี่คือมะเร็งร้ายที่พยายามชี้นำบ่อนทำลายให้คนไทยมีความคิดที่บิดเบี้ยวโดยอาศัยสิ่งที่คนไทยเป็นมาตลอดคือ "คนไทยเป็นคนง่ายๆ... อะไรก็ได้ เราอะลุ่มอล่วย" 

ม.ร.ว.จิราคม กิติยากร ประธานพิธี กดแท่นพิมพ์นำฤกษ์สร้างเหรียญเจริญพรเลื่อนสมณศักดิ์ พระครูนันทจริยาภรณ์

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 7 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงาน ม.ร.ว.จิราคม กิติยากร ประธานพิธี กดแท่นพิมพ์นำฤกษ์สร้างเหรียญเจริญพรเลื่อนสมณศักดิ์ พระครูนันทจริยาภรณ์(หลวงพ่อสมคิด นนฺทิโย) เจ้าอาวาสวัดบึงตาต้า  ต.หนองไร่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง พร้อมด้วย หลวงพ่อสมคิด ประธานฝ่ายสงฆ์ ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากที่เดินทางมาร่วมพิธีพร้อมแจกบัตรคิวผู้ที่มาร่วมจองเหรียญตั้งแต่เช้า
นายพิทักษ์ ศิริวงวงศ์ ประธานจัดสร้างวัตถุมงคล กล่าวว่าวัตถุมงคล เหรียญเจริญบน เนื้อทองคำ เหรียญน้ำเต้าใหญ่เนื้อทองคำเลื่อนสมณศักดิ์ พระครูนันทจริยาภรณ์(หลวงพ่อสมคิด) เจ้าอาวาสวัดบึงตาต้า จำนวนจำกัด พร้อมทั้งจัดสร้างเหรียญวัตถุมงคลอีกจำนวนมาก เพื่อนำเงินรายได้สร้างพระมหาเจดีย์ประจำวัด งบประมาณ 5,000,000 บาท และ วันที่ 7 ตุลาคม 2567 นี้ จะมีพิธีพุทธาภิเษกครั้งใหญ่อีกครั้ง เรียนเชิญสาธุชนร่วมงานใหญ่ในครั้งนี้

'กรมอุทยานฯ' เปิดรับฟังความเห็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การปรับปรุงแนวเขต 'อุทยานฯ ทับลาน' ตามมติ ครม.

ไม่นานมานี้ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ เปิดเผยว่า อุทยานแห่งชาติทับลาน จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดสระแก้ว เปิดรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย ชุมชนที่เกี่ยวข้อง และประชาชน ในการกำหนดพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดสระแก้ว ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 

โดยการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) พื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน (จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดปราจีนบุรี) แจ้งมติคณะทำงานพิจารณาปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ภายใต้คณะอนุกรรมการการปรับปรุงแผนที่ แนวเขตที่ดินของรัฐ (One Map) ครั้งที่ 4/2566 เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2566 เห็นชอบผลดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐฯ (One Map) ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน เพื่อให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหมายกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นำเรื่องเสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ พิจารณาดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 

โดยให้ส่วนราชการดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบต่อไป สำหรับพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์ที่จะผนวกเพิ่มประมาณ 110,000 ไร่ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป

โดยการกำหนดพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดสระแก้ว มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 เห็นชอบแนวทางของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ใช้เส้นปรับปรุงการสำรวจแนวเขตปี พ.ศ. 2543 ในการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน

สำหรับอุทยานแห่งชาติทับลาน มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอปักธงชัย อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอครบุรี อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา และอำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี มีเนื้อที่ประมาณ 1,387,375 ไร่ หรือ 2,235.80 ตารางกิโลเมตร ซึ่งหากมีการปรับปรุงแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลานตามแนวเขตใหม่นี้ จะมีผลทำให้อุทยานแห่งชาติทับลานมีเนื้อที่ลดน้อยลงไปประมาณ 265,000 ไร่ และแม้จะมีการเสนอผนวกพื้นที่ทางตอนเหนือในท้องที่ตำบลจระเข้หิน อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา เพิ่มเข้ามาอีกประมาณ 80,000 ไร่ ก็ยังไม่สามารถที่จะยืนยันว่าจะผนวกเพิ่มได้หรือไม่ 

เนื่องจากพบว่ามีราษฎรถือครองที่ดินอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังอยู่ในขั้นตอนของการหาข้อยุติกับกรมป่าไม้ เนื่องจากมีแผนงานโครงการปลูกป่าที่มีงบประมาณต่อเนื่อง รวมทั้งมีการจัดตั้งป่าชุมชนไปเป็นส่วนใหญ่แล้ว 

ทั้งนี้ ในการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน จะต้องมีการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชน ตามมาตรา 8 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ให้สงวน อนุรักษ์ คุ้มครอง และบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ให้เกิดประโยชน์อย่างสมดุลและยั่งยืน เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในพื้นที่อื่น ๆ ด้วย

อย่างไรก็ตาม ตามระเบียบในการกำหนดพื้นที่บริเวณใดเป็นอุทยานแห่งชาติ การขยายอุทยานแห่งชาติ หรือการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน จะต้องมีการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย ชุมชนที่เกี่ยวข้อง และประชาชน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาดำเนินการ จึงได้เปิดรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย ชุมชนที่เกี่ยวข้องและประชาชน ในการกำหนดพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดสระแก้ว จึงขอเชิญชวนแสดงความคิดเห็น ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน - 12 กรกฎาคม 2567 ผ่านเว็บไซต์ https://portal.dnp.go.th/Content/nationalpark?contentId=37163 

สำหรับการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย ชุมชนที่เกี่ยวข้อง และประชาชน ในการกำหนดพื้นที่ให้เป็นอุทยานแห่งชาติทับลาน จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดสระแก้ว (ปรับปรุงแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน จากการสำรวจแนวเขตเมื่อปี พ.ศ. 2543 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566) สามารถอ่านรายละเอียดก่อนแสดงความคิดเห็นได้ทางลิงก์ด้านล่างนี้

*ข้อมูลประกอบการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วม
https://drive.google.com/file/d/1-2KFhTMMbPkXii1qYcuIAOR1Jfz1bHty/view?usp=sharing

‘รัดเกล้า’ ประสานเหล่ากูรู จัดกิจกรรมให้ความรู้ ‘ทางการเงิน’ หวังเสริมสร้างภูมิปัญญา-ภูมิคุ้มกัน ให้แก่ชุมชนวัดไชยทิศ 

เมื่อวานนี้ (7 ก.ค.67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ และอดีตผู้สมัคร สส.เขตบางพลัด-บางกอกน้อย ประสานนำ ‘กิจกรรมให้ความรู้ทางการเงินสำหรับชุมชน’ (Financial Literacy) ภายใต้หลักสูตร ‘หลักสูตรอภินิหารทางการเงิน’ มามอบให้ชุมชนวัดไชยทิศ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ในวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม 2567 ระหว่างเวลา 09.00 – 12.00 น.

สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นโดย ธนาคารกรุงไทย ร่วมมือกับ กระทรวงการคลัง กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และ คลินิกแก้หนี้โดยบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) โดยมีคุณนวลศิริ ไวทยานุวัตติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย, ดร.ชาลิสา พุกกะรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ส่วนส่งเสริมความรู้ทางการเงิน ฝ่ายคลินิกแก้หนี้ บริษัท บริหารสินทรัพย์ สุขุมวิท จำกัด และ คุณอภิชัย สายสดุดี ผู้อำนวยการกลุ่มงานกิจกรรมองค์กร กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เข้าร่วมด้วย

นางรัดเกล้า กล่าวต้อนรับผู้ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ว่า “ด้วยความตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง จึงได้ประสานความร่วมมือไปยัง ธนาคารกรุงไทย ซึ่งทางธนาคารกรุงไทย ได้มีโครงการที่ร่วมมือกับ กระทรวงการคลัง กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และ คลินิกแก้หนี้โดยบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) นั่นคือ ‘กิจกรรมให้ความรู้ทางการเงินสำหรับชุมชน’ (Financial Literacy) ภายใต้หลักสูตร ‘หลักสูตรอภินิหารทางการเงิน’ อยู่แล้ว จึงได้ประสานกิจกรรมดังกล่าวนี้ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่

โดยการให้ความรู้ในครั้งนี้ ยึดหลักการพึ่งพาตนเอง ลดการพึ่งพิงภายนอก การคำนึงถึงศักยภาพ ทรัพยากร ภูมิปัญญา วิถีชีวิต วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นเป็นหลัก และสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจของชาติ ในการสร้างชุมชนเข้มแข็ง น้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนา ให้เกิดความสมดุลมีความเข้มแข็งจากภายใน โดยคนในชุมชนได้มาร่วมกันคิด กำหนดแนวทาง และจัดกิจกรรมพัฒนาชุมชนต่อไป” 

นางรัดเกล้า กล่าวต่อไปว่า กิจกรรมในครั้งนี้ เป็นการเสริมองค์ความรู้ด้านการเงินเชิงรุก (pro-active) มุ่งหวังให้เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับพี่น้องประชาชนในพื้นที่จะได้เรียนรู้และเสริมสร้างภูมิปัญญาและภูมิคุ้มกันทางการเงิน สามารถนำไปใช้ในการบริหารจัดการ และแก้ไขปัญหาด้านการเงินของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ในเบื้องต้นโครงการนี้มีเป้าหมายที่จะจัดกิจกรรมทั้งสิ้น 18 ครั้ง ในปี 2567 มุ่งเป้าครอบคลุมที่พื้นที่ กทม. และปริมณฑล


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top