Saturday, 28 June 2025
NewsFeed

‘สุวัจน์’ รุดพิสูจน์โครงกระดูกคนโบราณ  เพื่อชี้!! โคราชเป็นชุมชนนานถึง 2,000 ปี

(9 มิ.ย.67) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานพรรคชาติพัฒนา พร้อมด้วย นายแพทย์วรรณ ชาญนุกูล สส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคชาติพัฒนา นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครราชสีมา รศ.ดร. อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ผศ. ดร.ประเทือง จินตสกุล ผู้อำนวยการอุทยานธรณีโคราช ได้เดินทางมาที่จุดบริเวณขุดพบโครงกระดูกมนุษย์ อายุ 2,000 ปี ซึ่งอยู่บริเวณพื้นที่ปรับภูมิทัศน์ คูเมืองด้านตะวันออก ถ.อัษฎางค์ ตัด ถ.พลล้าน เขตเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา (เดิมเป็นอาคารสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 นครราชสีมา (สคพ.11 นม.)

นายสุวัจน์ กล่าวว่าสืบเนื่องจากทางท่านนายกเทศมนตรีนครราชสีมา อยู่ระหว่างการปรับปรุงภูมิทัศน์ของคูเมือง เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยว และเป็นแหล่งสันทนาการให้กับพี่น้องประชาชนชาวโคราช จึงได้ร่วมมือกับกรมศิลปากรในการเข้ามาบูรณะทางคูเมืองเก่าและกําแพงเมืองต่างๆ ก็ได้มีการขุดดินฐานราก ปรากฏว่ามาเจอโครงกระดูก พร้อมกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่กับโครงกระดูก อาทิ เครื่องปั้นดินเผา เศษกระเบื้อง กระดูกสัตว์ หรือเครืองเหล็ก อะไรต่างๆ ซึ่งเนื้อของถ้วย ชาม ทางเจ้าหน้าที่กรมศิลปกร บอกว่าอายุประมาณ 2,000 ปี ถือเป็นถ้วย ชาม ยุคพิมายดำ และสิ่งต่างๆ เหล่านี้ สามารถที่จะสะท้อนถึงความเก่าแก่ของชุมชน

ล่าสุดวันนี้ พบโครงกระดูกที่ 3 อยู่ใกล้กับโครงกระดูกที่ 1 ซึ่งเป็นเพศชาย สูง 173 ซม.โครงกระดูกที่ 3 เจ้าหน้าที่กรมศิลป์ วิเคราะห์ว่าเป็นเพศหญิง เพราะพบเครื่องประดับเป็นต่างหูทองคำ พบแหวนทองที่นิ้ว พบสร้อยหิน อายุประมาณ 2,000 ปี แต่เมืองโคราช 556 ปี แต่การที่มีการค้นพบทั้งโครงกระดูกทั้งอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ที่บ่งบอกถึงความเก่าแก่มากกว่านี้ ก็อาจจะต้องมีการศึกษาค้นคว้ามากกว่านี้ แสดงว่าที่นี้เดิมที่มีชุมชน มีประชาชนที่อยู่เป็นพื้นฐานของบริเวณเหล่านี้ ก่อนที่จะมาสร้างเมืองโคราช อาจจะอยู่กันมาเป็นพันปีแล้วก็ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่กรมศิลป์กับทางเทศบาลฯ และมหาลัยราชภัฏนครราชสีมา ซึ่งทําเรื่องฟอสซิล ทําเรื่องอุทยานธรณีโลก จะต้องช่วยกันมาวิเคราะห์ในเรื่องของรายละเอียดต่างๆ ประวัติศาสตร์ต่างๆ ว่าเจอแหล่งโบราณอย่างนี้ เจอกระดูกโบราณ เจออุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ สามารถที่จะพัฒนาอะไรที่เป็นสิ่งที่จะเรียนรู้ ถึงอดีตก่อนที่จะเกิดเมืองโคราชในบริเวณเหล่านี้ได้อย่างไร หรือ มีบางคนเสนอว่าควรจะมีเป็นมิวเซียมที่จะบ่งบอกถึงประวัติของชุมชนที่จะสืบสานถึงประวัติศาสตร์ของคนโคราช

เพราะฉะนั้น ท่านนายกเทศมนตรีฯ กรมศิลปากร และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยอาจารย์ประเทือง จะได้ร่วมกันในการที่จะมาศึกษาต่อถึงแนวทางการดําเนินการที่จะศึกษาและเป็นแนวทางในการพัฒนาต่อไป 

📌'รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง' ราคาเชื้อเพลิงพลังงานของไทยต้องเป็นธรรม 'SPR' คือ คำตอบสุดท้ายของ 'พีระพันธุ์' คนไทยจะได้อะไร❓️

ปัญหาเกี่ยวกับราคาพลังงานของบ้านเรานั้นมีมาต่อเนื่องยาวนานหลายสิบปีมาแล้ว ทั้งอย่างสร้างผลกระทบอย่างสำคัญต่อชาติโดยรวมอย่างกว้างขวางในทุก ๆ มิติ ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ สังคม การเมือง จนกระทั่งเรื่องของความมั่นคง ฯลฯ และปัญหาราคาพลังงานยิ่งส่งผลกระทบมากยิ่งขี้นเมื่อภาครัฐต้องเริ่มวางมือจากรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ลดลงทุนสร้างโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย แล้วให้เอกชนเข้ามาทำหน้าที่แทน เพื่อนำงบประมาณไปใช้จ่ายในด้านอื่น ๆ แทน 

ทั้งยังมีคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานซึ่งเป็นองค์กรอิสระมาทำหน้าที่กำกับดูแลแทน และด้วยความฉ้อฉลของฝ่ายการเมืองที่ทำให้ ‘การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย’ รัฐวิสาหกิจที่ทำหน้าจัดการน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซของชาติแปรรูปจนกลายเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ จึงทำให้ต้องสูญเสียจุดยืนในการเป็นหน่วยงานด้านพลังงานของรัฐ 

โดยแทนที่จะดำเนินกิจการเพื่อเป็นบริการในลักษณะที่ช่วยเหลือประชาชนได้ แปรเปลี่ยนเป็นบริษัทเอกชนที่ให้ความสำคัญกับประโยชน์ขององค์กรอันได้แก่ผลกำไรเป็นตัวตั้งแรก ทำให้แนวคิดตลอดจนวิธีในการดำเนินการแปลกแยกไปจากวัตถุประสงค์แรกตั้งไปเป็นอย่างมาก

เรื่องราวต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้รัฐค่อย ๆ หมดอำนาจและบทบาทในการควบคุมราคาพลังงานไปเรื่อย ๆ มิหนำซ้ำรัฐมนตรีที่ดูแลรับผิดชอบด้านพลังงานส่วนใหญ่เป็นอดีตผู้บริหารของบริษัทพลัง ดังนั้นการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงของไทยเกิดความเป็นธรรมแก่พี่น้องประชาชนคนไทยได้นั้นจึงเป็นความยากยิ่งและถูกปล่อยปละละเลยมาโดยตลอด 

เมื่อ ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ อดีตผู้พิพากษา อดีต สส. 7 สมัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ มากำกับดูแลกระทรวงพลังงาน ภารกิจในการ 'รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง' เพื่อทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงพลังงานสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยถูกต้อง เหมาะสม และเป็นธรรมจึงได้กำเนิดเกิดขึ้นเป็นนโยบายและนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน 

ด้วยมาตรการเข้ม 6 เดือนแรกเพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทย 

1) พลังงานไฟฟ้า ได้ผลักดันให้มีการลดค่าไฟฟ้าให้แก่ประชาชนจนกระทั่งสามารถตรึงราคาค่าไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องไม่ให้สูงขึ้นตามที่มีการคาดการณ์เอาไว้ 

2) น้ำมันเชื้อเพลิง ได้ทำการช่วยเหลือประชาชนผู้ใช้น้ำมันด้วยการใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและกลไกทางภาษีด้วยความร่วมมือจากกระทรวงการคลัง และเร่งรัดในการจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซเพลิงยุทธศาสตร์ (SPR : Strategic Petroleum Reserve) เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานและสร้างเสถียรภาพราคาเชื้อเพลิง ออกประกาศให้ผู้ค้าน้ำมันแจ้งข้อมูลต้นทุนน้ำมันทุก ๆ เดือนเพื่อป้องกันการค้ากำไรเกินควร 

3) ก๊าซ มีการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ (Pool gas) เพื่อให้ต้นทุนก๊าซธรรมชาติในภาพรวมลดลง และเพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซ เร่งรัดติดตามการขุดเจาะและผลิตก๊าซจากอ่าวไทยเพื่อลดต้นทุนในการผลิตไฟฟ้า ให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบผู้ใช้ NGV โดยเฉพาะกลุ่มรถแท็กซี่ กลุ่มรถโดยสาร และรถบรรทุก

นโยบายด้านพลังงานที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่ ‘พีระพันธุ์’ นำมาใช้เพื่อให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงของไทยมีความถูกต้องและเป็นธรรมคือ 

(1) การประกาศกระทรวงพลังงาน เรื่อง การแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2567 ให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 ต้องรายงานข้อมูลรายละเอียดราคาและต้นทุนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการนำเข้าและการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงต่ออธิบดีกรมธุรกิจพลังงานทราบภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดจากเดือนที่มีการบันทึกบัญชีรายวัน ทำให้หน่วยงานภาครัฐสามารถรับรู้ต้นทุนที่แท้จริงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งระบบ เพื่อเป็นข้อมูลในการกำกับดูแลราคาน้ำเชื้อเพลิงในประเทศ และช่วยให้กรมสรรพกรสามารถคำนวณภาษีจากข้อมูลที่แท้จริงและมีความเป็นปัจจุบันได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน 

(2) การจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซเพลิงยุทธศาสตร์ (SPR : Strategic Petroleum Reserve) นอกจากจะเกิดขึ้นเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานและสร้างเสถียรภาพราคาเชื้อเพลิงแล้ว และหาก SPR เกิดขึ้นจริงในไทยเราได้จริง รัฐจะเป็นผู้ถือครองน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองซึ่งมีเพียงพอใช้ในประเทศได้ถึง 90 วันเลยทีเดียว 

ในขณะที่ปัจจุบันทุกวันนี้เอกชนผู้ค้าน้ำมันเป็นผู้ถือครองน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองในปริมาณที่สามารถรองรับการใช้งานได้เพียง 25-36 วันเท่านั้นเอง ซ้ำร้ายหากเกิดเหตุฉุกเฉินที่ภาครัฐต้องการเข้าควบคุมเพื่อจัดการน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองจะทำไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายให้อำนาจเว้นแต่จะใช้กฎหมายพิเศษบังคับ อาทิ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือกฎอัยการศึก 

น้ำมันเชื้อเพลิงสำรองใน SPR นั้นไม่ใช่การถือครองโดยภาครัฐล้าเก็บสำรองเอาไว้อย่างเดียว เพราะจะต้องมีการหมุนเวียน เข้าและออก มีการจำหน่ายถ่ายโอนให้โรงกลั่นและบริษัทที่จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงตลอดเวลาอีกด้วย 

ดังนั้น SPR ซึ่งเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองในการดูแลของรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานจะทำให้ภาครัฐมีอำนาจในการต่อรองและเพิ่มการถ่วงดุลให้กับระบบการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศอีกด้วย อันจะทำให้ภาครัฐสามารถรู้ต้นทุนที่แท้จริงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำเข้ามาในประเทศได้ตลอดเวลา จึงสามารถกำกับดูแลราคาจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศที่สะท้อนต้นทุน ณ เวลาที่ซื้อมาหรือจำหน่ายออกไปได้อย่างแท้จริง และจะเป็นประโยชน์อย่างมากมายต่อพี่น้องประชาชนคนไทยเป็นที่สุด

‘สหรัฐ’ เร่งจัดซื้อ ‘น้ำมันสำรองเชิงยุทธศาสตร์’ หลังราคาลดลง หลังจากที่รัฐบาล ขายน้ำมันดิบออกจากคลัง ในระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์

(9 มิ.ย.67) รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (7 มิ.ย.) ว่า ได้เพิ่มการจัดซื้อน้ำมันดิบเพื่อเติมคลังสำรองน้ำมันปิโตรเลียมเชิงยุทธศาสตร์ หลังจากที่รัฐบาลขายน้ำมันดิบออกจากคลังเมื่อปี 2565 ในระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์

เมื่อวันศุกร์ กระทรวงพลังงานสหรัฐได้ประกาศแผนการที่จะซื้อน้ำมันดิบรวม 6 ล้านบาร์เรลสำหรับส่งมอบให้กับไซต์ Bayou Choctaw ในรัฐลุยเซียนาในช่วงเดือนก.ย.-ธ.ค.

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า หากแผนการต่าง ๆ ดังกล่าวเป็นไปตามที่มีการประกาศไว้ อัตราการซื้อน้ำมันดิบของกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 4.5 ล้านบาร์เรลต่อเดือนในเดือนก.ย., ต.ค. และพ.ย. จากประมาณ 3 ล้านบาร์เรลในปัจจุบัน

'จีน' ปูพรมแดง หนุน!! เด็ก ม.ปลาย 13.42 ล้านคน สอบ 'เกาเข่า' อย่างราบรื่น สะท้อนการสร้างชาติให้เข้มแข็งด้วยระบบการศึกษาที่เข้มข้น-แข็งแรง

(9 มิ.ย.67) จากเฟซบุ๊ก 'Sompob Pordi' ของ นายสมภพ พอดี นิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'เกาเข่า' ระบุว่า...

เมื่อวันศุกร์และเสาร์ที่ผ่านมา แทบทุกอย่างในเมืองจีนหยุดสนิท เพื่อให้นักเรียนมัธยมปลาย 13.42 ล้านคนได้สอบเกาเข่าอย่างราบรื่น ปราศจากอุปสรรค เพื่อนำผลไปสมัครเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่สามารถรับนักศึกษาปีหนึ่งได้ประมาณ 10 ล้านคน 

ปีนี้มีจำนวนนักเรียนเข้าสอบสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ มากกว่าปีที่แล้วกว่า 500,000 คน ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และความทะเยอทะยานมากขึ้นที่จะมีชีวิตที่ดีผ่านการศึกษาที่สูงขึ้น

การสอบเกาเข่า นักเรียนทุกคนทั้งประเทศจะต้องสอบวิชาหลัก 3 วิชาเหมือนกัน คือ ภาษาจีน คณิตศาสตร์ และภาษาต่างประเทศ ส่วนวิชาเลือกก็ขึ้นกับว่าต้องการเรียนต่อสาขาอะไรในระดับมหาวิทยาลัย

จีนสร้างชาติให้เข้มแข็งด้วยระบบการศึกษาที่เข้มข้น แข็งแรง

ส่วนบางประเทศที่ทำลายระบบการศึกษาด้วยการกระทำที่โง่บัดซบสารพัด เช่น ห้ามลงโทษนักเรียนที่ทำผิด/ทุจริต ห้ามไม่ให้นักเรียนที่สอบไม่ผ่านต้องเรียนซํ้าชั้น ยกเลิกระเบียบวินัยเช่นเครื่องแบบ ทรงผม ปล่อยให้ ... เข้าโรงเรียนไปหลอกเด็กนักเรียน ฯลฯ เราคงคาดเดาอนาคตได้ไม่ยากอะไร

‘รมว.ปุ้ย’ เร่งเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หนุนเอสเอ็มอีทั่วไทย บุกตลาดออนไลน์  กดไลค์!! SME D Bank ผนึก TikTok ลุยสอนไลฟ์ขายสินค้า ติดปีกธุรกิจโตก้าวกระโดด

(9 มิ.ย.67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงาน ‘Live commerce กับ TikToker ของแทร่’ Get Started With TikTok จัดโดย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กับ TikTok Thailand  ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช ว่า  หนึ่งในนโยบายสำคัญของกระทรวงอุตสาหกรรม คือ สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในทุกมิติ ภายใต้แนวคิด ‘รื้อ ลด ปลด สร้าง’ หมายถึง รื้อ ลด ปลด สิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการให้มากที่สุด และ ‘สร้าง’ สิ่งใหม่ ๆ ให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ประกอบการ   ซึ่งการเติมความรู้ด้านทำตลาดที่ทันสมัยผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะใช้การไลฟ์ขายสินค้า หรือ Live commerce ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง    ถือเป็นการสร้างมิติใหม่ของการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยเฉพาะรายย่อยในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ให้สามารถคว้าโอกาส ผลักดันธุรกิจให้เติบโตก้าวกระโดด จากกำลังซื้อมหาศาลของลูกค้าทั่วโลก ทั้งในและต่างประเทศ นำไปสู่การต่อยอด สร้างงาน สร้างอาชีพ เป็นฟันเฟืองสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน  ขณะเดียวกัน ยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งมั่นสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทยจากฐานราก 

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ SME D Bank กล่าวว่า SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย มีความมุ่งมั่นสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ผ่านกระบวนการด้าน ‘การเงิน’ ควบคู่กับด้าน ‘การพัฒนา’  ซึ่งการจัดงาน  “Live commerce กับ TikToker ของแทร่” สร้างประโยชน์ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีศักยภาพสามารถจะขยายช่องทางการขายได้อย่างไร้พรมแดนและมีโอกาสสร้างรายได้มหาศาล ซึ่งปี 2566 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีมูลค่าตลาดออนไลน์กว่า 700,000 ล้านบาท และมีเติบโตเฉลี่ยปีละ 25% ขณะที่ TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก

ที่ผ่านมา SME D Bank และ TikTok Thailand จับมือจัดกิจกรรมเติมความรู้ การทำตลาดออนไลน์ให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมาอย่างต่อเนื่อง กระจายในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ  สำหรับการจัดงาน ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ ที่รวบรวมคนดังบนโลกออนไลน์ในแพลตฟอร์ม TikTok  หรือ ‘TikToker’ ที่เป็นคนในพื้นที่ กว่า 15 ราย มียอดวิวรวมกันกว่า 10 ล้านวิว เช่น  ฟ้ารุ่ง ยุติธรรม (Miss Thailand Universe 2007) ,  คิตตี้นาตาชา (ทองเพชรเอวSศัลย์), ช่างเถอะ พี่ปี้ เป็นต้น มาถ่ายทอดประสบการณ์ “Live สด ขายสินค้า” อีกทั้ง มีกิจกรรม Workshop แนะนำเทคนิคสร้างคอนเทนต์ให้โดนใจ ช่วยยกระดับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เข้าสู่การตลาดยุคดิจิทัล รวมทั้ง มีการออกบูธจำหน่ายสินค้าของดีประจำท้องถิ่นกว่า 30 ราย ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ ควบคู่กับมีบริการพาเข้าถึงแหล่งทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำ 

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมกิจกรรมเสริมศักยภาพธุรกิจจาก SME D Bank ได้ฟรี  รวมถึง ติดตามข่าวสารต่างๆ ได้ผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th)   สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

ผู้ช่วย ผบ.ตร.ลงพื้นที่ตรวจสังเกตการณ์สถานที่เลือก สว.ระดับอำเภอ 3 จุด พบการปฏิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เตรียมประเมินการเลือก สว.ทั่วประเทศ เพื่อเตรียมพร้อมดูแลการเลือก สว.ระดับจังหวัด ต่อไป 

วันนี้ (9 มิถุนายน 2567) เวลา 09.00 น. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจสังเกตการณ์การรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของหน่วยเลือกสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. ระดับอำเภอ ในสถานที่เลือก สว. พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งในวันนี้เป็นวันเลือก สว. ระดับอำเภอ โดยดำเนินการพร้อมกันทั่วประเทศ

พล.ต.ท.กรไชยฯ ลงพื้นที่สถานที่เลือก สว. อำเภอเมืองนนทบุรี ณ อาคารสำนักงานเทศบาลนนทบุรี ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี ชั้น 5 ซึ่งหน่วยนี้มีผู้สมัครรับเลือก สว.จำนวนมาก ใน จ.นนทบุรี มีผู้สมัครรับเลือก 608 คน  จากนั้นเดินทางไปยังสถานที่เลือก สว. อำเภอธัญบุรี จ.ปทุมธานี ณ หอประชุมอาคาร 100 ปี เมืองธัญบุรี เทศบาลนครรังสิต ถ.รังสิต - นครนายก (คลอง 2) ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นหน่วยเลือกในปริมณฑลที่มีผู้สมัครจำนวนมากเช่นกัน จุดสุดท้ายได้ไปตรวจเยี่ยมที่สถานที่เลือก สว. เขตบางกะปิ ณ บริเวณโดม โรงเรียนบ้านบางกะปิ เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นอีกหน่วยที่มีผู้สมัครจำนวนมาก

พล.ต.ท.กรไชยฯ เปิดเผยว่า ทั้ง 3 สถานที่จัดการเลือก สว. ที่ลงไปตรวจสอบสังเกตการณ์เป็นหน่วยที่มีผู้สมัครจำนวนมาก พบว่าการดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สำหรับภาพรวมการเลือก สว.ระดับอำเภอ ทั้งประเทศ มีจำนวน 928 หน่วย มองว่าไม่น่ามีปัญหา เนื่องจากไม่มีประชาชนจำนวนมากเข้าใช้สิทธิ์เลือกตั้งเหมือนกับการเลือกตั้งทั่วไป มีการกั้นพื้นที่และห้ามนำอุปกรณ์สื่อสารเข้าไปในพื้นที่จัดการเลือก สว.อย่างเข้มงวด  โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำทุกสถานที่จัดการเลือก สว.ระดับอำเภอ ทั่วประเทศ ซึ่งใช้กำลังตำรวจทั้งหมดกว่า 17,000 นาย ในภารกิจรักษาความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อย และการเคลื่อนย้ายบัตร จากนี้หลังเสร็จสิ้นการเลือก สว.ระดับอำเภอ ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จะเป็นภารกิจการส่งบัตรเลือก สว. ระดับอำเภอ ไปยังสถานที่เก็บบัตรที่ กกต.กำหนด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมดูแลความปลอดภัยการขนส่งหีบบัตรตลอดขั้นตอน 

นอกจากนี้ ศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะตรวจสอบเรื่องการข่าวอย่างต่อเนื่อง และจะรับฟังรายงานผลจากทั่วประเทศ เพื่อนำมาประเมินและปรับแผนในการเลือก สว.ระดับจังหวัดและระดับประเทศต่อไป เน้นย้ำว่ามีการจับตาเรื่องการทุจริตกฎหมายเลือกตั้งอย่างเข้มงวด มีการจัดเตรียมพนักงานสอบสวน ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายที่ กกต.จัดไว้รองรับ หากพบการทุจริตและมีพยานหลักฐานชัดเจนก็จะดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อให้การเลือก สว.ทุกระดับ เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม

'พิธา' ดิ้นสู้คดียุบพรรค ยัน!! ไม่มีเจตนาล้มล้าง-เป็นปฏิปักษ์ อ้าง!! ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีเขตอำนาจพิจารณา-วินิจฉัยคดีนี้

(9 มิ.ย.67) ที่พรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล แถลงข้อต่อสู้คดียุบพรรคก้าวไกล ว่า จุดประสงค์ของการแถลงเพื่อเน้นข้อเท็จจริงของข้อกฎหมายและคดี เพื่อสอดคล้องกับสิ่งที่เป็นข้อกังวลของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะแบ่งเป็น 9 ข้อต่อสู้ 3 หมวดหมู่

หมวดหมู่ที่ (1.) เขตอำนาจและกระบวนการ 1.ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีเขตอำนาจพิจารณาวินิจฉัยคดีนี้ 2.กระบวนการยื่นคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

หมวดหมู่ที่ (2.) ข้อเท็จจริง 3.คำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 31 มกราคม 67 ไม่ผูกพันการวินิจฉัยคดีนี้ 4.การกระทำที่ถูกกล่าวหา ไม่ล้มล้าง ไม่อาจเป็นปฏิปักษ์ 5.การกระทำตามคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 31 มกราคม 67 ไม่ได้เป็นมติพรรค

หมวดหมู่ที่ (3) สัดส่วนโทษ 6.โทษยุบพรรคต้องเป็นมาตรการสุดท้ายเมื่อจำเป็น ฉุกเฉิน ฉับพลัน และไม่มีวิธีแก้ไขอื่น 7.ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีอำนาจตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 8.จำนวนปีในการตัดสิทธิทางการเมือง ต้องได้สัดส่วนกับความผิด 9.การพิจารณาโทษต้องสอดคล้องกับชุดกรรมการบริหารพรรคในช่วงที่ถูกกล่าวหา

เมื่อถามว่าในข้อต่อสู้มีข้อไหนที่ไม่มั่นใจ นายพิธา กล่าวว่า มั่นใจทุกข้อทั้ง 9 ข้อ แต่ละข้อก็เหมือนด่าน บันไดที่ใช้ต่อสู่ตั้งแต่ของเขตอำนาจของศาล จนถึงบทลงโทษกรรมการบริหาร แต่เรายังเชื่อว่าทั้งเจตนา และการกระทำของ สส.ในการเข้าชื่อแก้กฎหมาย ไม่ได้เป็นการล้มล้าง และไม่อาจเป็นปฏิปักษ์ รวมถึงการกระทำต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเป็นนายประกัน สันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน การที่มีผู้ต้องหามาตรา 112 เป็นสมาชิกพรรค เป็น สส.ก็ยังไม่สิ้นสุดคดี รวมถึงการแสดงออกเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ก็กระทำทั่วไปโดยนักการเมืองในตอนนั้น โดยสภาพบังคับที่มีเรื่องเกี่ยวข้องอยู่แล้ว

“สุดท้ายการกระทำทุกอย่างเป็นเรื่องของรายบุคคลที่ขยุมรวมกันเป็นข้อกล่าวหา ไม่ได้มาจากมติพรรค ไม่ได้เป็นเรื่องของนิติบุคคล แต่เป็นเรื่องของปัจเจก ไม่ได้มีความเห็นที่ออกมาจากกรรมการบริหารว่าทั้งหมดเป็นการกระทำของพรรค ต้องแยกระหว่างบุคคลธรรมดากับนิติบุคคล นั้นต่างกัน ซึ่งที่มีเป็นมติของพรรคออกมาคือการบรรจุเป็นนโยบายหาเสียง แต่ไม่อาจเป็นปฏิปักษ์ได้ เพราะกกต.เองก็อนุญาต ซึ่งหลักเดียวกับตอนที่ยุบพรรคไทยรักษาชาติ ก็ไม่ได้มีจดหมายเตือน ไม่มีคำถามมาว่านโยบายนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรอย่างที่พรรคอื่นโดน” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวว่า ยืนยันตรงนี้ว่าไม่ได้มีเจตนา และไม่มีข้อกฎหมายที่เอาผิดทั้ง 44 คนที่เข้าชื่อในการแก้ไขกฎหมาย ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นจริง และไม่ได้เข้าสภา และถึงแม้จะได้เข้าสภา ระบบนิติบัญญัติก็มีการเช็คแอนด์บาลานซ์เบรคในตัวเองอยู่ จะเบรคโดยกกต.ก็ได้ จะเบรคโดยสภาในการโหวตวาระ 1 , 2 , 3  หรือขั้น สว. และยังมีเวลาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในตอนสุดท้าย เพราะฉะนั้นไม่มีความเร่งด่วนสำคัญอะไรที่ต้องใช้มาตรการรุนแรงอย่างนี้ 

‘มาดามแป้ง’ เยี่ยมช้างศึก เพื่อให้กำลังใจ ก่อนดวลสิงคโปร์

(9 มิ.ย.67) ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เดินทางกลับจากยุโรป หลังเสร็จสิ้นภารกิจส่วนตัว เป็นที่เรียบร้อย วันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา ก่อนที่ช่วงเที่ยงวันนี้ จะเข้ามาให้กำลังใจ ทีมชาติไทย ทันที พร้อมรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกัน ก่อนเปิดบ้านพบกับ สิงคโปร์ ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 นัดที่ 6

ทัพช้างศึก เพิ่งบุกไปเสมอกับ จีน 1-1 ทำให้ยังอยู่ในเส้นทางลุ้นเข้ารอบ คัดบอลโลก รอบ 3 หรือ รอบ 18 ทีมสุดท้าย ก่อนเปิดบ้านพบกับ สิงคโปร์ ภายใต้เงื่อนไขต้องชนะเท่านั้น และ ลุ้นให้ จีน บุกไปแพ้ เกาหลีใต้ สถานเดียว พร้อมประตูได้เสียที่ ทีมชาติไทย ต้องดีกว่า

มาดามแป้ง นายกสมาคมฯ กล่าวว่า “ช่วงเดินทางไป ยุโรป แป้ง ก็มีโอกาสพูดคุยกับทีมโค้ชอิชิอิ รวมถึง น้อง ๆ ทุกคนอยู่ตลอด และ ได้ดูเกมที่เราบุกไปเสมอ จีน 1-1 ซึ่งแม้ว่าจะเสียดายที่เราไม่ชนะ จากโอกาสที่มี แต่ 1 แต้มที่ได้ ก็สำคัญมาก และ ทุกคนก็แสดงให้เห็นแล้วว่าสู้เต็มที่ ท่ามกลางบรรยากาศที่กดดันจากแฟนบอลจีน“

"แป้ง เพิ่งกลับมาถึงไทย เมื่อช่วงเย็นวานนี้ และ อยากเข้ามาให้กำลังใจ มาเติมเต็มพลังใจให้น้อง ๆ ทุกคน จะเห็นว่าบรรยากาศ และ สปิริตในทีมตอนนี้ ดีมาก สัมผัสได้ถึงความเชื่อมั่นของทุกคน ว่าเรายังมีโอกาสเข้ารอบ และ วันนี้ มื้อค่ำ แป้ง ก็ถือโอกาสเลี้ยงอาหารพิเศษทุกคนหลังซ้อมที่โรงแรม หวังว่าจะทำให้ทุกคนมีความสุข และ กิน อิ่ม หลับ นอนเต็มที่ ก่อนเกมสำคัญที่คนไทยทุกคนรอคอย“ มาดามแป้ง กล่าวปิดท้าย

สำหรับ ทีมชาติไทย จะลงสนามทำการแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 กลุ่ม ซี นัดที่ 6 พบกับทีมชาติสิงคโปร์ ที่ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันอังคารที่ 11 มิถุนายน 2567 เวลา 19.30 น. ถ่ายทอดสดทาง ไทยรัฐ HD32

ชาวเน็ตแห่แชร์ ‘กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่’ พูดถึงอาชีพ ‘แม่บ้าน-รายได้’ ชี้!! เป็นทัศนคติที่ดีมาก รับภาระแทนสามี ‘ทุกเรื่อง’

(9 มิ.ย.67) กำลังเป็นประเด็นในโลกออนไลน์ ภายหลังนักร้องหนุ่มชื่อดัง ‘หนุ่ม กะลา’ ได้แจ้งทำการยื่นฟ้อง ‘จูน เพ็ญชุลี’ ภรรยา ในนามบริษัท กล่าวหาว่า ภรรยายักยอกเงินของบริษัทจำนวนเงินกว่า 66 ล้านบาท จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

ล่าสุดทำเอาชาวเน็ตหลายคนต่างพากันแชร์โพสต์ข้อความของนักร้องหนุ่ม ‘กอล์ฟ ฟักกลิ้ง ฮีโร่’ เมื่อหลายปีก่อน ที่พูดถึงเรื่องรายได้ครอบครัว พร้อมทั้งชื่นชมทัศนคติดีมาก

โดย ‘กอล์ฟ ฟักกลิ้ง ฮีโร่’ ระบุว่า 

เมียผมไม่ได้ไม่มีรายได้ งานของเธอคืองานของผม งานของผมคืองานของเธอ เราเพียงแต่แบ่งหน้าที่กันทำงาน ผมเพียงแต่เป็นคนไปรับเงินมาในชื่อของผม แต่ผมจะไม่สามารถทำงานนั้น ๆ เต็มที่ได้เลยถ้าไม่มีอีกส่วนคอยดูแลที่บ้าน ลูก และชีวิตส่วนพักใจของผมทั้งหมด

งานของเธอไม่มีวันหยุด ไม่มีเวลาพักแน่นอน และน่าเบื่อยิ่งกว่างานออฟฟิศ โอกาสเจริญเติบโตในงานนี้คือเห็นทุกอย่างในบ้านเรียบร้อย เห็นลูกเติบโต แข็งแรง และมีโบนัสคือของที่เธออยากได้เพียงแค่นั้น

สามี ภรรยาคือร่างกายเดียวกัน วิ่งอาจเมื่อยที่ขา แต่ใจดวงเดียวในร่างกายกลับเต้นแรง กินอาจอิ่มที่ท้อง แต่ใจดวงเดียวในร่างกายกลับมีความสุข

ในวันที่ผมหาเงินมาได้ มันจึงเป็นเงินของเรา เพราะงานที่ทำนั้นคืองานของเรา การที่เธอทำอาชีพแม่บ้านไม่ได้หมายความว่าเธออยู่บ้านเฉย ๆ แต่มันคืออาชีพที่เธอรับภาระอีกส่วนแทนสามีอยู่ และวันนี้ในหัวใจผมมีทีมเวิร์กที่ดีจริง ๆ

‘น้องเลโอ’ นักกีฬาไอซ์ฮอกกี้ ประสบอุบัติเหตุ ต้องการเลือดกรุ๊ป ‘A Rh negative’ เร่งด่วน

‘น้องเลโอ’ นริศพล ไชยจรูญโชติ นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง วัย 11 ขวบ สังกัดทีม แบงคอก ซุส ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ขณะนี้อยู่ห้อง ICU ต้องการกรุ๊ปเลือด A rh negative ด่วน

ล่าสุด (10 มิ.ย.67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Nattaporn Chaijaroonchot’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า 

“มีใครมีกรุ๊ปเลือด A rh negative บ้างคะ ขอให้ติดต่อ ที่ 081-8743371 ต้องการด่วนนะคะ เพราะเป็น กรุ๊ปพิเศษค่ะ ทาง รพ. กลัวมีไม่พอและค่อนข้างหายากค่ะ รบกวนด้วยนะคะ หรือ ติดต่อที่หนู 085-1629038 ค่ะ ต้องไปบริจาค ที่ สภากาดชาติไทยให้เด็กชาย นริศพล ไชยจรูญโชติค่ะ ตอนนี้น้องกำลังไป ที่ รพ.จุฬา นะคะ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top