Saturday, 18 May 2024
NewsFeed

คำถามคาใจ!! "หากลุงตู่เป็นคนดีจริง เหตุใดถึงแพ้เลือกตั้ง?" กระจ่าง!! "เพราะแพ้ทริกการสร้างปีศาจ แล้วอาสามาปราบปีศาจ"

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้งานบัญชีติ๊กต็อกชื่อ 'พี่ลุงแมนไทยแลนด์แดนสวรรค์' (@plm89thailand) ได้เผยแพร่วิดีโอพร้อมระบุแคปชันว่า "ถ้าลุงตู่ดีจริง ทำไมแพ้เลือกตั้ง เพราะคนไทยชอบคนด่าเก่ง เทคนิคการสร้างปีศาจ แล้วอาสาปราบปีศาจนั่นเอง"

โดยเนื้อหาในวิดีโอมีใจความดังนี้ "ถามว่าลุงตู่เป็นคนดี ทําไมถึงแพ้เลือกตั้งใช่ไหม? ดูเอาเองก็แล้วกันนะครับ..."

ในคลิปวิดีโอดังกล่าว ปรากฏหน้าและเสียงของนักการเมืองหลายคนที่ได้ออกมาพูดหาเสียง และแสดงความคิดเห็นในช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา 

คนแรกคือ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล จากพรรคก้าวไกล ที่ระบุว่า... "การเข้ามาต่อสู้ในวงการเมืองของดิฉัน บอกตรงนี้ เข้ามาแก้แค้นไม่ใช่แก้ไขค่ะ"

ต่อมาเป็น นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.พรรคก้าวไกล ที่ระบุว่า "และเมื่อเวลาเปลี่ยน ฟ้าเปลี่ยน ขั้วอํานาจเปลี่ยนเมื่อไหร่ คดีเหล่านั้นจะถูกหยิบขึ้นมาจากลิ้นชัก เพื่อพิพากษา 3 ป."

ถัดมาคือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เคยกล่าวไว้ว่า "ก็อยากให้ทุกคนดูหน้าดิฉันไว้ว่า ก็คงไม่ได้ชอบนะคะ การรัฐประหารที่เกิดขึ้น 2 ครั้งล่าสุดที่ทุกคนจําความกันได้ ดิฉันก็คงไม่ได้ชอบ แต่ถามว่าคนที่ไม่ได้อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย คนที่ทํารัฐประหารมา ดิฉันจะอยากจับมือด้วยหรือไม่ อันนี้คงจะเป็นคําตอบที่ประชาชนก็น่าจะทราบดีอยู่แล้ว 

สุดท้ายคือนายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคก้าวไกล ที่เคยระบุว่า "ประเทศไทยของเราเสียหายมามากแค่ไหนแล้วจากรัฐบาลของนายคนนี้ วันที่ 15 ถึงวันที่ 16 นี้เราไปหาคําตอบกันได้ที่รัฐสภา แล้วเราจะเช็กบิลปรวิต เพื่อปิดสวิตช์ 3 ป."

ผู้ใช้งานบัญชีติ๊กต็อกรายนี้ระบุเพิ่มเติมว่า "มันเป็นละครทางการเมือง ที่สร้างตัวร้ายขึ้นมา ทุกคนที่หาเสียงได้สร้างขึ้นมา นั่นคือเผด็จการ แล้วทุกพรรคที่หาเสียงก็เรียกตัวเองว่าเป็น 'ประชาธิปไตย' แล้วก็มุ่งโจมตีไปที่ลุงตู่คนเดียว โดยใช้การด่า แซะ ประชด แต่ลุงตู่ไม่เคยว่าร้ายใครเลย มีแต่พูดให้คนไทยรักกัน ช่วยกัน ก็ไปฟังเองนะครับ"

จากนั้นก็ได้เปิดวิดีโอของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงของพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งพลเอกประยุทธ์ได้กล่าวว่า...

"ทุกคนคงมีความรู้สึกเช่นเดียวกับผมนะครับ เห็นแล้วมันสะท้อนใจ มันเจ็บปวด ในสิ่งที่จะเกิดขึ้น ถ้าหากว่าเราไม่รักกัน เราไม่ช่วยกัน สิ่งต่าง ๆ ที่เราไม่คาดคิดมันจะเกิดขึ้น ซึ่งเรายอมรับไม่ได้ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ทุกคน ในฐานะเป็นคนไทย ทุกคนต้องช่วยกันทําให้บ้านเมืองนี้มีความสงบเรียบร้อย แต่ผมยอมเหนื่อย ยอมเจ็บปวด ก็เพื่อคนไทยครับ"

ทหารใหม่ยุคเศรษฐา มาแล้วเน้นคุณภาพชีวิตหลังกองทัพขานรับปรับปรุงสถานที่รับพลัดหนึ่ง

บิ๊กทินสั่ง กองทัพเร่งปรับปรุงอาคารสถานที่รับทหารใหม่ผลัดหนึ่ง ทบ.ขานรับ สั่งยกเลิกนอนมุ้งจัดมุ้งลวดพร้อมเพิ่มสปริงเกอร์ลดร้อน มั่นใจเน้นคุณภาพทหารใหม่ไทยยุคใหม่ต้องไม่แพ้ชาติใดในโลก 

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า หลังการจบห้วงวาระการเกณฑ์ทหาร ตั้งแต่ วันที่ 2 ถึง 12 เมษายน ที่ผ่านมาพบว่านโยบายของรัฐบาลโดยกระทรวงกลาโหมในการจูงใจให้มีผู้มาสมัครการเกณฑ์ทหารนั้นประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยปีนี้มีผู้มาคัดเลือกทหารแบบสมัครใจกว่า สี่หมื่นนายสูงกว่าทุกๆปีที่ผ่านมา ซึ่งนโยบายนี้เป็นนโยบายที่รัฐบาลกำหนดไว้ว่าจะต้องนำไปสู่การยกเลิกการเกณฑ์ทหารในอนาคตอันใกล้นี้  โดยนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ให้นโยบายต่อเหล่าทัพที่จะต้องรับทหารใหม่ผลัด 1 เข้ากองทัพในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยให้แต่ละเหล่าทัพไปสำรวจและเร่งดำเนินการพัฒนาปรับปรุงสถานที่ต่างๆ ที่ทหารใหม่จะต้องเข้ามาประจำการใช้ อาทิ สถานที่ฝึก โรงนอน เป็นต้น         

ทั้งนี้ในส่วนของกองทัพทหารบกได้รายงานว่า ผู้บัญชาการทหารบกได้สั่งการให้สำรวจและพัฒนาปรับปรุงสถานที่ต่างๆ ของกองทัพบกทั่วประเทศที่จะต้องรับทหารใหม่โดยให้ดำเนินการปรับปรุงโรงนอนทหารใหม่จำนวน 366 แห่ง ทั่วประเทศแล้วโดยล่าสุดได้เพิ่มระบบการระบายอากาศให้ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้น้อง ๆ ทหารใหม่พักผ่อนได้สบายมากขึ้น เพื่อคุณภาพในการพัฒนากำลังพลโดยยึดหลักการพัฒนาคุณภาพทรัพยากรมนุษย์ ของประเทศ ให้ดีขึ้น       

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า กองทัพบก ได้ขานรับนโยบายรัฐบาลเป็นนโยบายเร่งด่วน โดยล่าสุด กองทัพบกได้ให้หน่วยทหารช่างเร่งดำเนินการปรับปรุงโรงนอน ทหารใหม่แล้วอาทิ ติดมุ้งลวดโรงนอน และทยอยยกเลิกการนอนกางมุ้ง นอกจากนี้ยังเพิ่มระบบระบายอากาศด้วยการเพิ่มพัดลมขนาดใหญ่เพื่อทำให้อากาศหมุนเวียน นอกจากนั้นดำเนินการจัดทำระบบสปริงเกอร์ รดน้ำหลังคาไล่ความร้อนสะสมออกจากหลังคาและเพดาน ทำให้โรงนอนอากาศดีขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้กระทรวงทางกลาโหม ได้รับรายงานจากกรมการทหารช่างของกองทัพบก ว่าจะดำเนินให้เสร็จเรียบร้อย ก่อนวันที่ 1 พฤษภาคมนี้เพื่อพร้อม ต้อนรับทหารใหม่ผลัด1 ที่จะ มารายงานตัวในช่วง เดือนพฤษภาคนี้ ส่วนกองทัพอื่นๆอยู่ระหว่างการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลเช่นเดียวกัน

'อ.ต่อตระกูล' ยก!! 1,200 โดรนแปรขบวนสุดอลังในวันมหาสงกรานต์ ฝีมือคนหนุ่มสาวที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ ควรต้องสนับสนุน

(19 เม.ย.67) รองศาสตราจารย์ ต่อตระกูล ยมนาค นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กระบุว่า..

เรื่องดี ๆ วันศุกร์ 
คนไทยทำได้เอง !
บังคับโดรนพร้อม ๆ กัน 1,200 ลำ 
ให้บินแปรขบวนไปแสดงบนท้องฟ้าเป็นรูปต่าง ๆ ได้ อย่างสวยงาม ในวันมหาสงกรานต์

ใครคือผู้จัดการบินแสดง? ตอนแรกผมเดาผิดว่าน่าจะเป็นบริษัท ARV (AI & Robotics Venture) บริษัทไทยผู้พัฒนาโดรนแปรอักษรรายแรกของอาเซียน ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของปตท.สผ  ที่ได้ให้ความสนับสนุนมาหลายปีแล้ว

แต่กลุ่มผู้จัดทำตัวจริง เขาแจ้งผมมาว่ากลุ่มเขาเป็นคนทำ กลุ่มนี้ชื่อ ไทยโดรนโชว์ เป็นแผนกหนึ่งของ บ.อัลติเมท เทคโนโลยี จำกัด

เป็นคนหนุ่มสาว ที่จะสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยต่อไป เราต้องสนับสนุนเขากันหน่อย          

ติดต่อเขาได้ที่ Line ชื่อ @thaidroneshow เขารับงานจัดแสดง

'กัมพูชา' ขอเอี่ยว!! ต้นกำเนิด 'ตุ๊กตาลาบูบู้' แรงบันดาลใจมาจาก 'กีรติมุกคา' ของเขมร

(19 เม.ย. 67) เรียกว่าเคลมทุกอย่างบนโลกนี้แล้ว! เมื่อ ‘ชาวกัมพูชา’ หรือ ‘ชาวเขมร’ ประกาศเคลม ‘ลาบูบู้’ (Labubu) อาร์ตทอยสุดฮิต คาแร็กเตอร์ปีศาจตัวจิ๋ว ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้เป็นของกัมพูชา

โดย ลาบูบู้ (Labubu) ได้รับการออกแบบจาก ‘Kasing Lung’ ศิลปินชื่อดังชาวฮ่องกง ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากเทพนิยายในยุโรปผสมผสานกับเรื่องราวของเอลฟ์ แต่งานนี้ กัมพูชา ได้ออกมาเคลมว่าเจ้าลาบูบู้นี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากประเทศของตัวเอง

ซึ่งเทียบลาบูบู้กับ ‘กีรติมุกคา’ ของกัมพูชา โดยเป็นปีศาจที่สั่งให้กลืนกินตัวเอง หน้าสัตว์
ประหลาดดุร้ายกลืนกินมีเขี้ยวใหญ่และปากอ้า พร้อมเทียบภาพให้ดูกันชัด ๆ ว่า ใบหน้าของกีรติมุกคานั้นคล้ายกับเจ้าลาบูบู้

อีกทั้ง เมื่อไม่นานมานี้ มีมือดีแอบเข้าไปเปลี่ยนข้อมูลในวิกิพีเดียของ ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’
หรือ ลิซ่า BLACKPINK ว่า เกิดจาก ‘พนมเปญ กัมพูชา’ ไม่ใช่ประเทศไทย ซึ่งขณะนี้คนไทยได้เข้าไปแก้ไขข้อมูลเรียบร้อยแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้น กัมพูชา มักจะเคลมของต่าง ๆ ว่ามาจากประเทศตัวเองอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นของไทย และประเทศอื่น ๆ รวมถึงลายกระเป๋าแบรนด์ดัง อย่าง ‘LOUIS VUITION’ ก็ยังเคยถูกเคลมมาแล้วด้วย

'นายกฯ' ชื่นชม!! แผนงานแก้ปัญหาจราจรจาก 'รทสช.ภูเก็ต' บูรณาการทุกภาคส่วน เกิดผลเป็นรูปธรรม 'ระยะสั้น-ยาว'

'เอกนัฏ-พิชชารัตน์' ลงพื้นที่ร่วมคณะนายกฯ ติดตามโครงการแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่ จ.ภูเก็ต มีเป้าหมายจะยกระดับทั้งเกาะสมุย และภูเก็ตให้เป็นเกาะระดับโลก

(19 เม.ย. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วย นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ และนางนวลจันทร์ สามารถ คุ้มบ้าน อดีตผู้สมัคร สส.ภูเก็ต เขต 3 พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ทำงานผลักดันเรียกร้องให้มีการปรับปรุงแก้ไขปัญหาจราจรในภูเก็ตมาโดยตลอด 

ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลังได้ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจติดตามรายงานสรุปโครงการก่อสร้างสะพานยกระดับ ทางหลวงหมายเลข 4027 (ทางเลี่ยงเมือง) ตอนบ้านเมืองใหม่ - แยกเข้าสนามบิน ระหว่าง กม.18+850 - กม.20+800 อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยกล่าวชื่นชมและกล่าวขอบคุณผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ และทุกคนที่มีส่วนร่วมในการทำงาน มีการทำแผนงานเกิดผลเป็นรูปธรรม ถือเป็นแผนงานที่เหนือความคาดหมาย เป็นการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการทั้งภาครัฐส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ตามความคาดหวังของประชาชนทั้งแผนระยะสั้นและแผนระยะยาว เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรให้พี่น้องมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

'ก้าวไกล' เต้น!! หลัง 'ชัยวัฒน์' แฉ!! พรรคการเมืองเอี่ยวเผาป่า ท้า!! เปิดหลักฐาน ลั่น!! อย่าผูกขาดความรักป่าไว้เพียงคนเดียว

(19 เม.ย.67) จากกรณีที่คุณชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้สื่อสารในช่องทางออนไลน์ส่วนตัวและให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนในลักษณะที่ทำให้สังคมเชื่อว่าพรรคการเมืองและนักการเมือง รวมถึงพรรคการเมืองฝ่ายค้าน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผาป่า ทำให้เกิดฝุ่นพิษเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

ด้าน พรรคก้าวไกล จึงได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นนี้ ว่า...

1.ข้อกล่าวหาดังกล่าว ถือเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีข้อมูลหลักฐาน พรรคก้าวไกลขอให้นำมาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา เพื่อนำไปสู่การดำเนินคดีตามกระบวนการกฎหมาย และตามแนวนโยบายของรัฐบาล

แต่หากไม่มีข้อมูลหลักฐาน พรรคก้าวไกลถือว่าเป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย ไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง

2.ภารกิจหลักในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นพิษเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและหน่วยงานราชการ ส่วนพรรคก้าวไกล ภาคประชาสังคม รวมทั้งอาสาสมัครประชาชน ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเครื่องมืออุปกรณ์ กำลังคน อาสาสมัคร การเก็บข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์และกำหนดนโยบายที่เหมาะสมที่สุด ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง

3.พรรคก้าวไกลยังมีแนวนโยบายและการทำงานในฝ่ายนิติบัญญัติอีกจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นพิษระยะยาวอย่างยั่งยืน

สุดท้าย ขอย้ำเตือนไปยังคุณชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ว่ากรุณาเปิดใจให้กว้าง อย่าผูกขาดความรักป่าไว้เพียงคนเดียว มิเช่นนั้นแล้ว จะนำมาสู่ความคิดที่ว่าตนเองดีและสูงส่งกว่าคนอื่น ๆ ซึ่งอาจนำมาสู่การปฏิบัติหน้าที่โดยใช้อำนาจเกินขอบเขตและไม่เป็นธรรมต่อพี่น้องประชาชน อย่างที่คุณชัยวัฒน์เคยถูกกล่าวหามาแล้วหลายครั้ง

'จีน' สั่งกวาดล้างเหล่าอินฟลูฯ 'สร้างข่าวลือ-ปั่นคอนเทนต์ลวง' ลั่น!! โลกโซเชียลไม่อยู่เหนือกฎหมาย ทำผิด ก็มีสิทธิติดคุก

รัฐบาลมณฑลหังโจว ประเทศจีนจัดหนัก สั่งแบนอินฟลูเอ็นเซอร์สาว ดาวโซเชียลคนดัง 'สู เจียอี๋' ผู้ใช้ชื่อบัญชีในโลกออนไลน์ว่า 'Thurman Maoyibei' ที่มีผู้ติดตามถึง 40 ล้านคน แต่ตอนนี้ถูกแบนจากทุกแพลตฟอร์มโซเชียลที่เธอใช้ ทั้ง Tiktok, Weibo และ Wechat ด้วยความผิดฐาน 'สร้างความปั่นป่วนในสังคม' และมีสิทธิ์ถูกดำเนินคดีได้ทั้งจำและปรับ 

'สู เจียอี๋' หรือ 'Thurman Maoyibei' เป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้านแฟชัน ความงาม และไลฟ์สไตล์คนดังใน Douyin หรือ Tiktok ของจีน ที่มีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก 

แต่ราวเดือนกุมภาพันธ์ เธอได้โพสต์คลิปขณะกำลังเที่ยวในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ว่ามีบริกรเข้ามาทัก บอกว่าพบสมุดการบ้าน 2 เล่มที่น่าจะเป็นของเด็กจีน ลืมไว้ในห้องน้ำที่ร้าน อยากให้ตามหาเจ้าของเพราะเห็นว่าเธอเป็นคนจีนเหมือนกัน

จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นภารกิจตามหาเจ้าของการบ้านของ Thurman Maoyibei เมื่อเธอไลฟ์ผ่านโซเชียลที่มีผู้ติดตาม 40 ล้านคน ตามหา 'ชิน หลาง' ชั้น ป.1 ห้อง 8 ที่ปรากฏชื่อบนสมุดการบ้านที่ลืมไกลถึงกรุงปารีสให้มารับสมุดคืนได้ที่เธอ จนกลายเป็นไวรัลอย่างกว้างขวาง และมีผู้แอบอ้างว่าเป็นญาติ หรือ คนรู้จัก ชิน หลาง มากมายในโลกโซเชียลจีน

หลังจากผ่านไปไม่นาน มีการตรวจสอบข้อมูลจากด่านตรวจคนเข้าเมืองของจีน ย้อนไปถึงช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน ก็ไม่พบว่ามีเด็กในช่วงวัยประถมที่ชื่อ ชิน หลาง เดินทางไปต่างประเทศแต่อย่างใด 

และคดีก็พลิกทันที จน สู เจียอี๋ ต้องออกมายอมรับว่าเธอกุเรื่อง ชิน หลาง ขึ้นมา เพื่อสร้างคอนเทนด์ในช่องของเธอ โดยสมุดการบ้านนี้เธอซื้อมาทางออนไลน์ และมี 'เสว่' เพื่อนร่วมทีมอีกคนเขียนบทเรื่องราวการบ้านหายในฝรั่งเศสให้ และช่วยกันปั่นให้เกิดกระแสทั้งใน Douyin และ Weibo จนมียอดแชร์นับล้านวิว

หลังความแตก สู เจียอี๋ ออกมากล่าวขอโทษสังคมผ่านทางโซเชียล ด้วยความ 'รู้เท่าไม่ถึงการณ์' แค่ต้องการเพียงสร้างกระแสให้ช่องทางออนไลน์ของเธอเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่น ซึ่งเธอสำนึกแล้ว ต้องการให้การกระทำของเธอเป็นกรณีตัวอย่าง และต่อไปเธอสัญญาว่าจะทำแต่คอนเทนด์เพื่อสร้างสรรค์สังคมคุณภาพ

แต่ไม่ทันแล้ว เพราะวันนี้รัฐบาลหังโจวได้สั่งแบนบัญชีออนไลน์ของ สู เจียอี๋ ในทุกแพลตฟอร์ม สูญเสียผู้ติดตามหลายสิบล้านในพริบตา และมีสิทธิ์ถูกดำเนินคดีในข้อหาสร้างความปั่นป่วนในสังคมด้วย

คดีของ สู เจียอี๋ เป็นอีกหนึ่งในหลายหมื่นคดี ที่กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน ได้ออกมาประกาศจะกวาดล้างเหล่าบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ที่กุข่าวเท็จ ปั่นข่าวลือ เพื่อดึงกระแสให้ช่องทางออนไลน์ของตัวเอง และถือเป็นภัยสังคมอย่างหนึ่ง แม้จะไม่ใช่เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองก็ตาม

และตั้งแต่ธันวาคม 2566 เป็นต้นมา มีการจับปรับเจ้ากรมข่าวลือที่ปล่อยข่าวเท็จในเน็ตไปแล้วมากกว่า 10,000 ราย และถูกจำคุกอีกกว่า 1,500 ราย 

รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะย้ำว่า โลกโซเชียลไม่ใช้พื้นที่ที่อยู่นอกกฏหมาย ชาวเน็ตจีนจึงควรตระหนักถึงกฏ ระเบียบ ในการใช้คำพูด หรือแสดงพฤติกรรมในโซเชียลให้จงหนัก เพราะรัฐบาลตามจับได้ และปรับจริง ติดคุกจริง แน่นอน

ส่วนชาวโซเชียล จำเป็นต้องมีสติในการเสพข่าวสาร ข้อมูลต่าง ๆ ควรเช็กให้ชัวร์ก่อนแชร์ จะได้ไม่เจ็บใจทีหลัง

‘สคบ.’ โพสต์เตือน!! ‘พัดลมคล้องคอ’ อันตราย อย่าหาใช้ เสี่ยงเจอสารก่อมะเร็ง ด้าน ‘สวีเดน’ นำออกจากตลาดแล้ว

(19 เม.ย.67) เพจ กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง สคบ. โพสต์ภาพพร้อมข้อความแจ้งเตือนผู้บริโภค ความว่า พัดลมคล้องคอ อันตราย อย่าหาใช้

พร้อมระบุเพิ่มเติมว่า ในประเทศสวีเดน แจ้งเตือนภัยพัดลมคล้องคอ สำหรับการคลายร้อน โดยได้นำผลิตภัณฑ์นี้ออกจากตลาด รวมถึงในตลาดบนโลกออนไลน์แล้ว เนื่องจากตัวประสานบนแผงวงจรที่เชื่อมต่อแบตเตอรี่ และในสาย USB มีตะกั่วเข้มข้นมากเกินไป และวัสดุพลาสติกสายเคเบิล มีความเข้มข้นของ สารเสริมสภาพพลาสติก (DEHP) , (DBP) และ (SCCPs) มากเกินไป

ซึ่งหากได้รับสารเหล่านี้ทางผิวหนังเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งได้

'รมว.ปุ้ย' เร่งย้ายกากแคดเมียมกลับตาก ปลายเม.ย.นี้ พร้อมปรับบ่อฝังกลบใหม่ ให้ประชาชนเชื่อมั่น

เมื่อวานนี้ (18 เม.ย. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า  คณะทำงานแก้ไขปัญหาและการขนย้ายกากตะกอนแคดเมียมเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่มีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน ได้รายงานผลการประชุมคณะทำงานฯ โดยสรุปข้อเท็จจริงเกี่ยวข้องกับกากตะกอนแคดเมียมทั้งหมด ตั้งแต่ความเป็นมาของเหมืองแร่และโรงถลุง ข้อมูลการพบกากตะกอนแคดเมียม ข้อมูลผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ รวมทั้งการดำเนินการของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ในส่วนของแผนการบริหารจัดการขนย้ายกากตะกอนแคดเมียมกลับโรงงานตาก และปิดบ่อฝังกลบกากแคดเมียมนั้น โดยภาพรวมมีความครอบคลุมขั้นตอนต่าง ๆ ครบถ้วน ซึ่งที่ประชุมมีมติในประเด็นสำคัญ คือ การปรับปรุงบ่อกักเก็บกากแคดเมียมเพื่อเตรียมนำกากกลับไปฝังกลบ กำหนดให้ใช้การฉาบพื้นผิวบ่อใหม่ทั้งหมดซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือน เพื่อช่วยสร้างความมั่นใจให้กับชุมชนในพื้นที่  

อย่างไรก็ดี จะเร่งขนกากตะกอนแคดเมียมที่กระจายอยู่ที่พื้นที่ต่าง ๆ ทั้งสมุทรสาคร, ชลบุรี และ กรุงเทพมหานคร มาเก็บที่โรงเก็บแร่ที่จังหวัดตากก่อน โดยต้องปรับปรุงโรงเก็บแร่ไม่ให้มีน้ำเข้ามาได้ และทำการปูวัสดุรองพื้นเพื่อป้องกันการรั่วซึม ก่อนจะขนกากตะกอนแคดเมียมมารอเพื่อนำลงในบ่อกักเก็บกากแร่ต่อไป

สำหรับรถที่จะใช้ในการขนส่งและวิธีการขนกากตะกอนแคดเมียมนั้น ที่ประชุมเสนอว่าให้ใช้แบบ hybrid คือ ทั้งการใช้รถบรรทุกที่มีการขนกากโดยการใช้วัสดุห่อปิดปกคลุมมา กับการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ ร่วมกันในการขน เพื่อให้เกิดความรวดเร็วและสามารถเริ่มขนกากได้ในช่วงปลายเดือนเมษายน  

“ดิฉันได้ย้ำด้วยว่า ในการดำเนินการต่าง ๆ ให้คำนึงถึงความรวดเร็วในการขนกากตะกอนออกจากพื้นที่ต่าง ๆ ด้วยความปลอดภัย ถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน รวมถึงเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ด้วย” รมว.ปุ้ย กล่าวย้ำ 

‘เพจตี๋น้อย’ ยก ‘บิวกิ้น’ นักร้องไทยครองหัวใจแฟนคลับชาวจีน โด่งดังสุดๆ จนร้านคาราโอเกะต้องมีเนื้อร้องเป็นภาษาไทย

(19 เม.ย. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘ตี๋น้อย’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับกระแสความดังของ บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ในประเทศจีน โดยระบุว่า…

นี่ไม่ใช่คาราโอเกะที่ไทย แต่เป็น KTV จีน (ร้านคาราโอเกะในจีนจะเรียกว่า KTV) ซึ่งโดยปกติร้าน KTV จะมีแต่เพลงจีน เพลงฝรั่ง เพลงเกาหลี หรือเพลงไทยบางเพลงที่เป็นเวอร์ชั่นภาษาจีนเท่านั้น ตี๋น้อย ไม่เคยเจอเพลงไทยที่เป็นเวอร์ชั่นภาษาไทย ในร้าน KTV จีนมาก่อน

การที่มีเพลงไทยใน KTV จีน นั่นแสดงว่า นักร้องคนนั้นต้องดังสุด ๆ ในจีนเท่านั้นถึงจะมีเพลงในร้านคาราโอเกะจีนได้ และที่สำคัญคือนี่เป็นเพลงแรก ๆ ที่เป็นเพลงภาษาไทยในร้านคาราโอเกะจีนด้วย และไม่ใช่แค่เพลง ‘แปลไม่ออก’ เท่านั้นที่มีในคาราโอเกะจีน นอกจากเพลงนี้ยังมี เพลง MR.EVERYTHING, กีดกัน ที่เป็นเพลงภาษาไทยของ คุณบิวกิ้น ใน KTV อีกด้วย

ส่วนคู่จิ้น อย่าง คุณพีพี เองก็ดังไม่น้อยหน้าในจีนเช่นกัน ในร้าน KTV มีทั้งเพลงเส้นเรื่องเดิม, FIRE BOY เป็นเพลงภาษาไทยในร้านเช่นกัน

ล่าสุดคุณบิวกิ้น ทำเมืองจีนแตก แสดงคอนเสิร์ตทั้งในเมืองหูโจว และฝูโจว ทั้งสองที่ คือสเตเดี้ยมทั้งสองเมืองเต็มความจุ กว่า 40,000 ที่นั่ง ก็เต็มทั้งสองที่ครับ

ปล.ภาพนี้ตี๋น้อยถ่ายเอง ณ ร้าน KTV แห่งหนึ่ง ณ เมืองอุรุมชี เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ประเทศจีนครับ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top