Sunday, 8 June 2025
NewsFeed

รมว.'พิพัฒน์' ดูแลแรงงานอิสระ รับจ้าง เกษตรกร กว่า 1.8 แสนคน จ.พัทลุง สร้างหลักประกัน ม.40 ประกันสังคม เจ็บป่วยนอนพัก ได้เงินทดแทนขาดรายได้

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 10.00 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดโครงการประกันสังคมทั่วไทย สู่แรงงานภาคอิสระ รุ่นที่ 1 โดยมี นางนิศากร วิศิษฎ์สรอรรถ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง นายภุชงค์ วรศรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นายภูมิพัฒน์ เหมือนจันทร์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม หัวหน้าส่วนราชการกระทรวงแรงงานจังหวัดพัทุลง ผู้ประกันตน เครือข่าย ผู้เข้าร่วมโครงการฯ พร้อมประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ ณ โรงแรมร้อยทองรีสอร์ท จังหวัดพัทลุง 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงานมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการสร้างหลักประกันทางสังคมให้กับผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ เพราะแรงงานถือเป็นฟันเฟืองที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของชาติ ไม่ว่าจะเป็นแรงงานในระบบหรือนอกระบบควรได้รับการคุ้มครอง และมีหลักประกันในการดำรงชีวิตที่ดี อีกทั้งมีความพร้อมในการประกอบอาชีพเพื่อพัฒนาประเทศ ตามนโยบายของกระทรวงแรงงาน “การสร้างรากฐานเศรษฐกิจ พัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการคุ้มครองแรงงาน” โดยในวันนี้ ผมได้รับเกียรติเป็นประธานเปิดโครงการประกันสังคมทั่วไทย สู่แรงงานภาคอิสระ รุ่นที่ 1 ที่จังหวัดพัทลุง ซึ่งพัทลุงถือเป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่สวยงาม มีความสำคัญด้านศิลปะ วัฒนธรรม เป็นต้น    

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า พัทลุงยังเป็นถิ่นกำเนิดของศิลปะการแสดงที่ขึ้นชื่ออย่างมโนราห์ และหนังตะลุงซึ่งตกทอดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของภาคใต้ อีกทั้ง พัทลุงมีผู้ประกันตนมาตรา 40 จำนวนทั้งสิ้น 53,566 คน ที่ประกอบด้วย ผู้ประกอบอาชีพอิสระกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มผู้รับจ้างทั่วไป กลุ่มเกษตรกร กลุ่มแปรรูปอาหาร ที่ยังขาดการคุ้มครองตามหลักประกันสังคมมาตรา 40 อีกเป็นจำนวนมาก และเป็นจังหวัดที่มีผู้ประกันตนส่งเงินสมทบต่อเนื่องมากเป็นลำดับที่ 1 ของภาคใต้ และเป็นลำดับที่ 6 ของประเทศ ทั้งนี้ โครงการประกันสังคมทั่วไทย สู่แรงงานภาคอิสระ จัดขึ้นเพื่อเป็นการรณรงค์เชิญชวนกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ ให้เข้าถึงหลักประกัน โดยประกันสังคมมาตรา 40 ได้ให้ความคุ้มครองแก่ผู้ประกันตนทั้งสิ้น 5 กรณี ไม่ว่าจะเป็นการคุ้มครองกรณีเงินทดแทนการขาดรายได้จากการเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีเสียชีวิต กรณีชราภาพ และกรณีสงเคราะห์บุตร ในปัจจุบันทั่วประเทศมีผู้ประกันตนตามมาตรา 40 จำนวน 10,958,136 คน ตัวแทนเครือข่ายประกันสังคม จำนวน 24,645 คน เครือข่าย “บวร” กลุ่มสมาชิกบ้าน วัด โรงเรียน และโรงงาน จำนวน 265,214 คน   

ด้าน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า การจัดโครงการประกันสังคมทั่วไทย สู่แรงงานภาคอิสระ รุ่นที่ 1 ประจำปี 2567 ณ จังหวัดพัทลุง เป็นโครงการที่จัดทำขึ้นต่อเนื่องจากปี 2566 โดยโครงการทั้ง 6 รุ่นในปีที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนผู้ประกอบอาชีพอิสระในพื้นที่ต่างๆ เป็นอย่างมาก แสดงให้เห็นว่าในปัจจุบัน พี่น้องกลุ่มแรงงานนอกระบบให้ความสำคัญกับการสร้างหลักประกันในการดำรงชีวิต รวมถึงมีความต้องการสร้างคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ในการนี้ ขอให้ทุกท่านมั่นใจได้ว่า สำนักงานประกันสังคมจะดำเนินงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ประกันตนเป็นสำคัญ

บิ๊กโจ๊ก ย้ำ ผู้กำกับทุกท้องที่ ต้องแข่งกับตัวเอง ทำสงครามกับความรู้สึกของประชาชน ท้องที่ใดทำให้ประชาชน มีเหตุมาบอกผู้กำกับ ไม่ต้องพึ่งเพจ อินฟลูเอ็นเซอร์ หากทำได้ถือว่ารบชนะ ย้ำ จุดแตกหักของตำรวจอยู่ที่โรงพัก

วันนี้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญตำรวจในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรทุ่งลุง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องการให้กำลังพลมีขวัญและกำลังใจในการปฎิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะสถานีตำรวจภูธรตามแนวชายแดน

ซึ่งนอกจากจะเยี่ยมบำรุงขวัญและมอบสิ่งของเป็นขวัญและกำลังใจแล้วรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังได้ประชุมมอบนโยบายให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเฉพาะผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร โดยย้ำว่าจากนี้ไปผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรซึ่งรับภาระหน้าที่มากำกับดูแลโรงพัก จะต้องปรับตัวเร่งการทำงานสร้างความเชื่อมั่น ไม่ต้องรอให้ผู้เดือดร้อนไปพึ่งพาสื่อ เพจ หรืออินฟูลเอ็นเซอร์ ถึงจะสามารถแก้ปัญหาคดีได้

“ย้ำผู้กำกับสถานีตำรวจทุกแห่ง ต้องสร้างความศรัทธาให้ประชาชนให้ได้ ใครเป็นผู้กำกับที่ไหนต้องต่อสู้กับตัวเอง ทำให้ประชาชนในพื้นที่ทุกชุมชน ทุกตำบลทุกหมู่บ้าน ในพื้นที่ของของตนเอง มีเหตุต้องมาบอกผู้กำกับ มีเหตุต้องนึกถึงผู้กำกับ ไม่ใช่มีเหตุต้องไปบอกเพจต่างๆ สื่อสารมวลชนต่างๆ โซเชียลมีเดียต่างๆ  ผู้กำกับใด ทำได้แบบนี้ถือว่ารบชนะ ต่อความไม่ไว้วางใจของประชาชน แล้วท่านจะภูมิใจ เมื่อไหร่ ตำรวจทำงานแล้วประชาชนเขาจะรู้เอง”

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยอมรับว่า ที่ผ่านมาคนที่กำกับดูแลและแก้ปัญหาโดยบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดก็คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ที่ผ่านมาเกิดปัญหารอยต่อ ระหว่างตำรวจกับประชาชน ที่มีผลมาจากความเชื่อมั่นต่อการปฎิบัติหน้าที่ ทำให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนหันไปพึ่งสื่อและเพจ เพื่อให้มาจี้คดี เมื่อเป็นข่าวถึงจะมีการขับเคลื่อนในการปราบปรามหรือจับกุม

แต่จากนี้ไปผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรทุกแห่งจะต้องปรับตัว จะเป็นฝ่ายรอรับไม่ได้ต้องทำงานในเชิงรุก นั่นหมายความว่าเมื่อมีการเข้ามาแจ้งความ นอกจากจะ “ขึ้นโรงพัก ไม่ต้องฝาก” แล้ว จะต้องเร่งทำคดีแบบปิดให้ครบจบให้ไว เพื่อลดข้อกังขาและคลายความสงสัย อย่าเก็บข้อมูลไว้เมื่อเกิดปัญหาเพราะจะกลายเป็นว่าร่วมกันปกปิด และหากยิ่งคดีล่าช้าจะกลายเป็นการสมยอมหรือถูกมองว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ เหมือนหลายคดีที่ผ่านมา

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังย้ำด้วยว่า การดำเนินการในเชิงรุกไม่จำเป็นต้องรอเงื่อนไขเวลา สามารถทำได้ทันที แม้จะต้องเหนื่อยมากขึ้น แต่หากมีการกวดขันที่เด็ดขาดและดำเนินคดีอย่างรวดเร็ว คนที่คิดจะก่อคดีหรือทำไม่ดี ก็จะค่อยๆ ลดลงภาระงานก็จะลดตามลงไปด้วย

น้อมสำนึกพระเมตตาธิคุณ ‘ในหลวงรัชกาลที่ 8’ ผู้พระราชทานกำเนิดคณะแพทยศาสตร์

เมื่อวานนี้ (2 ก.พ. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Anucha Thaewanarumitkul หรือ อนุชา เทวานฤมิตรกุล ได้โพสต์ภาพอาคาอานันทมหิดล คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มีข้อความระบุว่า “ให้มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ผลิตแพทย์เพิ่ม มากขึ้นให้เพียงพอ ที่จะช่วยเหลือประชาชน” ซึ่งเป็นพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล

สำหรับพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร พระองค์ท่านทรงสร้างคุณูปการต่อวงการแพทย์และการศึกษาเป็นอย่างมาก

ทรงเป็นผู้พระราชทานกำเนิดคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งในขณะนั้นประเทศไทยยังมีการศึกษาด้านการแพทย์อยู่เพียงแห่งเดียว พระองค์จึงให้จัดตั้งคณะแพทยศาสตร์แห่งที่ 2 ขึ้น ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จากพระราชปรารภของพระองค์ ซึ่งมีใจความตอนหนึ่งว่า "ทรงต้องการให้มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ผลิตแพทย์เพิ่มมากขึ้นให้เพียงพอที่จะช่วยเหลือประชาชน" นั้น ได้ก่อให้เกิดความตื่นตัวแก่วงการแพทย์ในประเทศไทยเป็นอย่างมาก ด้วยทรงต้องการอำนวยประโยชน์สุขให้แก่ประชาชน ช่วยเหลือ ป้องกันรักษาให้ห่างหายจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวงฃ

น้อมสำนึกในพระเมตตาธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณอันมีเป็นอเนกประการต่อปวงชนชาวไทย

‘จีน’ ครองแชมป์คู่ค้ารายใหญ่ของ ‘แอฟริกา’ 15 ปีซ้อน มูลค่าการค้าทวิภาคี ปี 2023 แตะ 10 ล้านล้านบาท

เมื่อวานนี้ (1 ก.พ. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ของจีน เปิดเผยว่าจีนยังคงครองตำแหน่งคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของแอฟริกาติดต่อกันเป็นปีที่ 15 ด้วยมูลค่าการค้าทวิภาคีสูงแตะ 2.82 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 10 ล้านล้านบาท) ในปี 2023

เจียงเหว่ย เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ แถลงข่าวว่าความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าเป็นตัวควบคุมและขับเคลื่อนความสัมพันธ์จีน-แอฟริกา โดยคณะรัฐมนตรีจีนได้อนุมัติแผนการทั่วไปเพื่อสร้างเขตนำร่องความร่วมมือเชิงลึกทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-แอฟริกา

จีนจะจัดตั้งเขตนำร่องดังกล่าวเพื่อเป็นพื้นที่สำหรับการเปิดกว้างและความร่วมมือกับแอฟริกาอันมีอิทธิพลระดับนานาชาติภายในปี 2027 โดยเป้าหมายหลักคือการสร้างพื้นที่สำหรับความร่วมมือกับแอฟริกาอันมีความสามารถทางการแข่งขันระดับนานาชาติ

เจียงเหว่ย เสริมว่า ทั้งสองฝ่ายจะกระตุ้นบทบาทของเขตนำร่องแห่งนี้อย่างเต็มที่ ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านและยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าทวิภาคี และส่งมอบผลประโยชน์แก่ประชาชนในจีนและแอฟริกาเพิ่มขึ้นในหลายปีข้างหน้านี้

'ปภส.' ยื่นผู้ตรวจฯ วินิจฉัยปม 'ธนาธร' ถูกตัดสิทธิ์การเมือง แต่ยังโผล่นั่ง 'กมธ.' เปรียบ 'ปารีณา' ถูกตัดสิทธิ์ ยังไม่สามารถเข้ามาทำงานการเมืองได้เลย

(2 ก.พ.67) กลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน (ปภส.) นำโดยนายทรงชัย เนียมหอม ประธานกลุ่มฯ ใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินผ่านนายเอกพจน์ ถิรวณิชย์ ผู้อำนวยการส่วนตรวจสอบและปฏิบัติการเร่งด่วนสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้พิจารณาเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าการที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ซึ่งเป็นบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจกองทัพไปอยู่ในความดูแลของหน่วยงานอื่นหรือย้ายไปอยู่หน่วยงานอื่นที่เหมาะสมนั้นเป็นการกระทำที่ขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2563 ลงวันที่ 21 ก.พ.63 หรือไม่

นายทรงชัย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 ก.พ.63 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 72 วรรคหนึ่ง (3) และวรรคสอง ประกอบมาตรา 72 เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่ 2 ม.ค. 62 หรือ 11 เม.ย.62 ซึ่งเป็นวันที่มีการกระทำอันเป็นเหตุให้ยุบพรรคเป็นเวลา 10 ปี โดยนายธนาธรเป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรคที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง แต่กลับพบว่าเมื่อวันที่ 25 ม.ค. นายปฏิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมได้พิจารณาญัตติของนางสาวเบญจาแสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ที่ขอให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนหน้าที่การให้บริการไฟฟ้า ที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการของกองทัพไปอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง รวมถึงการถ่ายโอนธุรกิจต่างๆ ของกองทัพไปอยู่ในความดูแลของรัฐบาล ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ มะทาประธานสภา ก็แจ้งว่าดูแล้วสมาชิกทุกคนเห็นตรงกันให้ตั้งกรรมาธิการจึงเห็นชอบให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดดังกล่าวมีจำนวน 25 คน โดยกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคก้าวไกล มีนายธนาธรมาเป็นกรรมาธิการด้วยมีระยะเวลาการพิจารณา 90วัน และนายธนาธรได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการนัดแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 31 ม.ค. ซึ่งตนเห็นว่าเมื่อนายธนาธรถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครแล้วก็ไม่ควรที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวในทางการเมืองอีก

"ผมจึงต้องใช้ช่องทางของผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการที่เขากระทำการเลี่ยงบาลีอย่างนี้มันถูกต้องหรือไม่เมื่อเทียบกับคนที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองคนอื่นๆ อย่างเช่น น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ เขาก็ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเช่นกัน แต่ก็ไม่สามารถเข้ามาทำงานในทางการเมืองได้เลย แล้วทำไมนายธนาธรจึงทำได้หรือเพราะเป็นนักการเมือง และถ้าเป็นผมซึ่งเป็นประชาชนถ้าถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจะสามารถทำอย่างนั้นได้บ้างหรือไม่ จึงอยากให้ทั้งผู้ตรวจการแผ่นดินและศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องนี้ให้ชัดเจน" นายทรงชัย กล่าว

โซเชียลลุกเป็นไฟ!! ‘แอน จักรพงษ์’ ฟาดเดือดถึง ‘อาตี๋’ ลั่น!! อย่าแอบเข้าประตูหลัง หลอกใช้ หลอกถามคนอื่น

เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 67 จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ หรือ ‘แอน จักรพงษ์’ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Anne Jakrajutatip’ ฟาดเดือดถึง ‘อาตี๋ปริศนา’ โดยข้อความดังกล่าวระบุว่า…

“อาตี๋จะทำธุรกิจต้องรู้จักให้เกียรติเจ้าของบ้าน… เดินไปทักเค้าหน้าบ้าน… ถ้าไม่ชอบเขาก็เลิกพูดถึงเขา… เลิกพูดเกี่ยวกับบ้านเขา! อย่าไปแอบเข้าประตูหลัง หลอกใช้หลอกถามพนักงานเขาจนบางคนเสียใจที่เสียรู้ถูกหลอกถาม… นึกไม่ถึงว่าอาตี๋ชอบแอบ และ ชอบประตูหลัง!”

งานนี้ทำเอาโซเชียลลุกเป็นไฟ วงการนางงามไม่เคยได้พัก ชาวเน็ตแห่เดากันยกใหญ่ว่า ‘อาตี๋ปริศนา’ คนนี้คือใคร?

‘Anya Meditec’ ชี้!! คนไทยรู้ภัยนอนกรนน้อย แนะ!! ผู้มีภาวะเสี่ยง ‘อ้วน-ภูมิแพ้’ ควรทำ Sleep Test

จากรายการ THE TOMORROW มหาชนต้องรู้ ออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ประจำวันที่ 3 ก.พ. 67 ได้พูดคุยกับ นายแพทย์ชาญสิริ เสกสรรวิริยะ แพทย์ด้านหู คอ จมูก และเวชศาสตร์การนอนหลับ Anya Meditec ถึงปัญหาการนอนกรนของคนไทย ระบุว่า…

คนไทยมีปัญหาการนอนกรนเยอะมาก ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ เพราะการนอนถือเป็น 1 ใน 3 ของชีวิตประจำวันของเรากันเลยทีเดียว แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่า คือ มันเป็นปัญหาใกล้ตัวที่หลายคนกลับมองข้ามไป

แน่นอนว่า โดยปกติปัญหาด้านการนอนของมนุษย์มักจะมีอยู่หลายแบบ ทั้งการนอนไม่หลับ นอนกรน นอนละเมอ หรือแม้แต่นอนกัดฟัน เป็นต้น แต่กับปัญหาการกรน เป็นอะไรที่จะส่งผลกระทบไปสู่หลายโรค

ทั้งนี้ สาเหตุของการกรน เกิดจากทางเดินหายใจส่วนบนถูกอุดกั้น โดยในขณะที่เรานอนหลับ กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อบริเวณช่องคอส่วนบน ได้แก่ ลิ้นไก่, เพดานอ่อน, คอหอย, โคนลิ้น และฝาปิดกล่องเสียง จะหย่อนตัวลง ทำให้ทางเดินหายใจตีบแคบ เมื่อลมเคลื่อนที่ผ่านบริเวณดังกล่าวจึงเกิดเสียงดังขึ้น กลายเป็นเสียงกรนเจ้าปัญหาในที่สุด โดยปัญหานี้ ส่วนใหญ่มักจะเจอกับผู้ที่มีน้ำหนักเยอะ และคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ 

คำถาม คือ เมื่อไรที่เราต้องรีบรักษา? ก็ต้องบอกว่า ถ้าสังเกตได้ว่ามีอาการกรนเสียงดังมาก จนแทบไม่อาจนอนได้ตลอดทั้งคืน หรือร่วมกับอาการกรนที่ทำให้เกิดอาการหยุดหายใจ หรือมีอาการง่วงระหว่างวัน นี่บ่งบอกถึงคุณภาพในการนอนที่ย่ำแย่จากการกรนแล้ว และต้องรีบปรึกษาแพทย์ทันที 

เพราะอะไร? เพราะการกรนเป็นจุดเริ่มต้นของโรคต่างๆ ได้ง่าย เช่น ความดันโลหิตสูง, เส้นเลือดหัวใจตีบง่าย, เส้นเลือดสมองตีบง่าย, หัวใจวาย และสมองเสื่อมได้ไวขึ้นจากการหลับที่ไม่ดี

ปัจจุบันมีการรักษาที่แก้ปัญหานี้ได้อย่างชัดเจน แต่ก็ต้องทำการตรวจ Sleep Test ก่อน เพื่อตรวจดูคลื่นสมองว่าหลับลึกตื้นแค่ไหน เป็นการตรวจการนอนหลับ เพื่อบันทึกลักษณะความผิดปกติขณะนอนหลับ ซึ่งแพทย์จะนำผลไปวินิจฉัย เพื่อประเมินความรุนแรงของภาวะหยุดหายใจขณะหลับต่อไป 

โดยในขณะที่ทำ Sleep test นักเทคนิคการแพทย์จะทำการบันทึกข้อมูลต่างๆ เช่น…

- การตรวจวัดระดับความลึกของการนอนหลับ
- การตรวจวัดระดับออกซิเจน ลมหายใจ และการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อทรวงอกและหน้าท้อง
- การตรวจวัดการทำงานกล้ามเนื้อตา การกัดฟัน และกระตุกของขาขณะหลับ
- ท่านอนและเสียงกรน
- การตรวจการเต้นของหัวใจ เป็นต้น

หลังจากนั้น จะนำข้อมูลต่างๆ ที่บันทึกได้ พร้อมกับผลการตรวจร่างกาย มาวินิจฉัยและวางแผนการรักษาต่อไป

ทั้งนี้ หลังจากทำ Sleep Test เรียบร้อย ก็จะเข้าสู่วิธีรักษา ซึ่งมีหลายแบบ เช่น ใช้เครื่องอัดอากาศเป่าลมเบาๆ เพื่อพยุงโครงสร้างในช่องคอให้โล่งขึ้น หรือการผ่าตัดแก้ไข หรือเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทาน ขณะที่การลดน้ำหนักก็ช่วยได้เช่นกัน

นอกจากนี้ การล้างจมูกอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยลดอาการภูมิแพ้ ลดจมูกบวม จมูกตัน ซึ่งการล้างจมูกส่งผลดีต่อการนอนกรนเช่นกันด้วย

อย่าปล่อยปัญหาให้เนิ่นนาน ทุกท่านสามารถมาปรึกษาและตรวจ Sleep Test ที่ Anya Meditec ได้ง่ายๆ ซึ่งผลการวัดมีมาตรฐานเช่นเดียวกันกับโรงพยาบาลชั้นนำ สนใจสามารถดูรายละเอียดได้ที่ facebook.com/AnyaMeditec

'บิ๊กเจี๊ยบ' ต้อนรับนายก ประจักษ์ และบิ๊กปาน

พลเรือโท สุภชิต นาวีสุรพล ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กองทัพเรือ (ผอ.สง.ปรมน.ทร.),  พลเรือตรี ชวเลิศ เลขะวัฒนะ รอง ผอ.สง.ปรมน.ทร. และ นาวาเอกสยาม ลายสาร รอง ผอ.สอก.สง.ปรมน.ทร. ให้การต้อนรับ คณะสมาคมนักธุรกิจรักษาความมั่นคงแห่งชาติ นำโดย นายประจักษ์ ภมรพล นายกสมาคมฯ, พลเรือเอก เชษฐา ใจเปี่ยม รองประธานที่ปรึกษาสมาคมฯ และ พลตรี อำนาจ จันทรนิมะ ที่ปรึกษาพิเศษ เข้าพบเพื่อหารือเรื่องการประสานความร่วมมือ บูรณาการ และหาแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และพร้อมสนับสนุนในภารกิจด้านต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม 

ทั้งนี้ สมาคม กำลังเปิดรับสมัคร หลักสูตรนักธุรกิจรักษาความมั่นคงแห่งชาติ รุ่นที่ 75 ระหว่าง วันที่ 23 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2567

‘ผบ.ทอ.’ ชื่นชม!! ‘2 กำลังพล ทอ.’ เข้าช่วยเหลือประชาชน ประสบเหตุรถคว่ำบนทางขึ้นภูทับเบิก ยกเป็นแบบอย่างที่ดี

เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 67 พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ได้ยกย่อง ข้าราชการกองทัพอากาศ จำนวน 2 คน คือ พันจ่าอากาศเอก ณัฐพงษ์ แก้วคำ และ พันจ่าอากาศเอก ชิษณุพงศ์ นาโค ปฏิบัติราชการสนาม ณ สถานีรายงานภูหมันขาว กองบัญชาการควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ โดยขณะปฏิบัติหน้าที่ได้รับมอบหมายให้เดินทางออกจากที่ทำงานเพื่อไปจัดซื้อเสบียง ระหว่างทางได้พบรถยนต์กระบะของประชาชนเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำบนเส้นทางขึ้นภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว พันจ่าอากาศเอก ณัฐพงษ์ แก้วคำ ซึ่งทำหน้าที่พลขับได้หยุดรถและรีบเข้าไปช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบเหตุทันที ในขณะที่ พันจ่าอากาศเอก ชิษณุพงศ์ นาโค ได้ช่วยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในที่เกิดเหตุ โดยข้าราชการทั้ง 2 คน ได้ร่วมกันช่วยเหลือผู้ประสบเหตุรถยนต์กระบะพลิกคว่ำ จำนวน 3 คน ได้อย่างปลอดภัยด้วยความกล้าหาญและเสียสละ

ทั้งนี้ พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้แสดงความชื่นชมและยกย่องให้เป็นแบบอย่างอันดีให้แก่ข้าราชการของกองทัพอากาศ ในการดูแลเอาใจใส่ช่วยเหลือประชาชนและพร้อมเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกสถานการณ์

 

‘เทพมนตรี’ เผย คดี ‘ปิยบุตร’ หมิ่นสถาบันฯ อัยการให้ ตร.สอบเพิ่ม ด้าน ‘หมอวรงค์’ ชี้!! มีขบวนการปั่น-ล้มล้างฯ เร่งปลุกคนไทยต้าน

เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 67 นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Thepmontri Limpaphayorm’ ถึงคดีของ ‘นายปิยบุตร แสงกนกกุล’ เลขาธิการคณะก้าวหน้า กรณีหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ระบุว่า…

“วันนี้ต้องมาสถานีตำรวจนครบาลดุสิตอีกรอบ

อาจารย์ปิยบุตรเป็นบุคคลสาธารณะ อันที่จริงไม่ได้มีความบาดหมางส่วนตัวอะไรกันเลย ผิดแผกตรงที่ผมไม่เห็นด้วยในการพูดและเขียนของเขา โดยเฉพาะประเด็นเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ และทำให้เด็กเยาวชนน้อมนำไปปฏิบัติคล้ายๆ ได้รับแรงบันดาลใจ

ตำรวจใช้เวลาเกือบ 2 ปี กว่าจะสรุปสำนวน อัยการก็ใช้เวลาพิจารณาจะครบปีแล้ว วันนี้ก็ต้องมาสถานีตำรวจนครบาลดุสิต เพราะท่านอัยการมีข้อคำถามกลับมาให้สอบต่อ เพื่อยืนยันข้อความ 3 โพสต์ว่าเป็นจริงตามที่เสนอไป

สงสัยคดีอาจารย์ปิยบุตรจะครบ 3 ปีแน่ๆ และคงต้องสู้คดีกันต่อไปอีกหลายปี

อคติ ความไม่ชอบ ความไม่ลงรอยระหว่างตัวบุคคลที่มีความเห็นแตกต่างกัน ทั้งๆที่ถ้ามองแบบวิชาการมันก็คิดอีกอย่าง

พอดีมันเป็นเรื่องกฎหมาย และผมก็มาร้องอยู่คนเดียวมันก็เลยทำให้นางไม่พอใจผมเป็นแน่ ผมไม่ใช่นักร้องน้องรัก ไม่เคยเรียกรับเงินใครสักบาท ไม่รับบริจาคหรืออามิสสินจ้างอะไร ที่ทำไปก็ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ที่อยากเห็นบ้านเมืองนี้มีความยุติธรรมให้เท่าเทียมกันทุกๆคน ทั้งที่เป็นเรื่องยากมาก

อยากบอกอาจารย์ปิยบุตรให้นางได้รับทราบและเตรียมตัวเอาไว้ ถ้าได้เจอกันก็ทักทายกันครับ แต่เรื่องเจ้าเรื่องสถาบันเพลาๆลงบ้างก็จะดี”

ขณะเดียวกัน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ ‘ขบวนการล้มล้างการปกครอง’ โดยระบุว่า…

“หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล มีการใช้สิทธิหรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นหลากหลาย มีความพยายามที่จะบิดเบือนคำวินิจฉัยของศาล เพื่อสร้างความรู้สึกว่าถูกกลั่นแกล้ง ไม่ได้รับความเป็นธรรม บางคนถึงขนาดที่ต้องตอบโต้หาว่าศาลรัฐธรรมนูญล้ำแดน ต้องใช้อำนาจโต้กลับ และมีการใช้คำพูดถากถางในโซเชียล

สิ่งที่พี่น้องประชาชนต้องเข้าใจ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่สรุปว่า มีการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น

แต่เคยเกิดขึ้น ในปี พ.ศ. 2564 ที่มีการชุมนุมในปี 2563 ประกาศ ‘ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์’ แต่แฝงเร้นคำพูดให้เยาวชนทั่วไปเข้าใจผิดว่า ต้องการให้สถาบันฯ อยู่เคียงคู่กับประชาชนได้อย่างสงบสุข และการชุมนุมครั้งนั้น ก็ถูกศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า เข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ เช่นกัน

การถูกชี้ว่าล้มล้างการปกครองในครั้งนั้น จะขายคำว่า ‘ปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้าง’ แต่ครั้งล่าสุดที่เสนอแก้ไขมาตรา112 แต่จริงๆ แล้วก็คือซ่อนเร้นการยกเลิกมาตรา 112 และไปเขียนกฎหมายใหม่ เพราะประชาชนอาจรู้ไม่เท่าทัน

ประเด็นสำคัญที่ต้องการสื่อคือ วันนี้แผนการล้มล้างการปกครองระบอบนี้ฯ ได้มีการตั้งข้อสงสัยว่า มีการวางแผนทำกันเป็นขบวนการหรือไม่? จะจริงหรือที่การเคลื่อนไหวของแต่ละกลุ่มนั้นต่างฝ่ายต่างทำ บนความเชื่อของตนเอง

เพราะการล้มล้างทั้งสองเหตุการณ์นั้น มีการขับเคลื่อนของผู้แสดงที่หนุนซึ่งกันและกัน กลุ่มเยาวชนหนุนพรรค และพรรคก็หนุนเยาวชน มี NGO ที่รับเงินต่างชาติมาขับเคลื่อนในทิศทางเดียวกัน

ขานรับกับสื่อที่เขามีอยู่ในมือจำนวนมาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ นี่ยังไม่นับรวมรัฐบาลต่างประเทศ หรือวงการทูตที่แสดงออก ในการแทรกแซงการเมืองไทย แบบไม่ต้องเกรงอกเกรงใจรัฐบาลไทย

อยากบอกพี่น้องประชาชนว่า เรากำลังเผชิญกับขบวนการการล่าอาณานิคมยุคใหม่ ที่ไม่ต้องใช้เรือปืนมาปิดปากอ่าวไทย เพียงแค่ใช้คำว่าประชาธิปไตย มาปั่นให้กับคนกลุ่มหนึ่ง และอาศัยสื่อสมัยใหม่ แค่นี้ก็สั่นคลอนประเทศได้

ถึงเวลาที่พี่น้องไทย ต้องร่วมใจเป็นหนึ่งเดียว ถ้าเขาทำลายศรัทธาสถาบันฯ ที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวประเทศได้ เท่ากับเขาล้มระบบนี้ได้ และอาจจะสถาปนาระบบใหม่ที่เลวร้ายกว่าเดิม ภายใต้การควบคุมของจักรวรรดินิยม แต่มีคำสวยหรูคือประชาธิปไตย

ขอเตือนเหล่าขบวนการนี้ว่า พวกคุณคิดจะตัดรากแก้วต้นไม้ ถ้าอายุต้นไม้ไม่มากคุณตัดได้และไปล้อมปลูกได้ แต่ไม้ใหญ่ที่อายุร่วม 700 – 800 ปี ที่ให้ความสงบร่มเย็นแก่ผู้อาศัย ขอบอกไว้เลยว่ายาก แต่ถ้าไปเอาคนต่างถิ่นมาช่วยตัด ถ้าตัดได้ ทุกอย่างก็ต้องล่มสลายตามกันไป รวมทั้งพวกคุณด้วย”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top