Tuesday, 10 June 2025
NewsFeed

ประธาน TOYOTA ลั่น!! "รถ EV จะไม่มีวันครองโลก" เพราะคนเป็นพันล้านคนบนโลก ยังไม่มีไฟฟ้าใช้เลย

(24 ม.ค. 67) Business Tomorrow เผย เมื่อไม่นานมานี้ Akio Toyoda ประธานบริษัทโตโยต้าได้กล่าวอ้างว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะไม่ครองตลาดโลก และยังกล่าวอ้างอีกว่าส่วนแบ่งการตลาดของรถยนต์ไฟฟ้า EV จะมีไม่เกิน 30% ก่อนที่สิ่งนี้จะจุดชนวนให้เกิดบทสนทนาและข้อถกเถียงที่น่าสนใจเกี่ยวกับอนาคตของรถยนต์ไฟฟ้า

📌 รถยนต์ EV อาจไม่ใช่อนาคต

ตามคำกล่าวของ Akio Toyoda (อากิโอะ โตโยดะ) ระบุว่าโลกใบนี้ไม่ควรพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า EV แต่ควรโฟกัสไปที่รถยนต์ไฮบริดและรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนที่บริษัท Toyota กำลังพัฒนาอยู่ในปัจจุบัน

ทั้งนี้เขาเชื่อว่ารถยนต์ EV 100% จะสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้สูงสุดเพียง 30% ซึ่งน้อยกว่าส่วนแบ่งปัจจุบันในสหราชอาณาจักรเกือบ 2 เท่า และที่เหลืออีก 70% จะเป็นรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนที่เข้ามาครองส่วนแบ่งการตลาด

เหตุผลเนื่องจากผู้คนกว่า 1 พันล้านคนบนโลกที่ใช้ชีวิตอยู่โดยไม่มีไฟฟ้า แต่ใช้น้ำมันในการผลิตไฟฟ้าและขนส่ง สิ่งนี้ทำให้ประธาน TOYOTA มองว่า EV จะยังเข้าไม่ถึงกลุ่มคนเหล่านี้ที่มีอยู่ในปริมาณมาก แต่การใช้รถยนต์พลังงานไฮโดรเจนสามารถทำให้พวกเขาใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น

📌 ทั่วโลกโต้แย้ง EV ยังเป็นทางออกสำหรับสิ่งแวดล้อม

ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและแรงจูงใจของรัฐบาลกำลังผลักดันให้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก ความหลากหลายและราคาที่เพิ่มขึ้นจะดึงดูดผู้บริโภคมากขึ้น โดยเชื่อว่าปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จะลดลงได้มากกว่า 15 ตันต่อคันต่อปี

หรือถ้าหากคิดว่าโลกใบนี้มีรถยนต์อยู่ราว ๆ 1.5 พันล้านคัน และมีอัตราการเปลี่ยนอยู่ที่ 30% จะสามารถลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปได้มากกว่า 6.75 หมื่นล้านตันต่อปี เลยทีเดียว

ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่ารถยนต์น้ำมันยังคงได้รับความนิยมมากกว่า แต่นั่นคือ #ตลาดเก่า ที่เกิดขึ้นมาก่อนการเปลี่ยนแปลง และหมายความว่าในอนาคตหากเทคโนโลยีด้านรถยนต์และแบตเตอรี่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับรถยนต์น้ำมัน ทั้งในแง่ระยะทาง ระยะเวลาการใช้งาน ราคาที่โดนใจผู้บริโภค และการซ่อมแซมที่รวดเร็ว ก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้รถยนต์ EV ไม่เป็นที่นิยม

อย่างไรก็ตามระยะเวลาในการยอมรับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลายและส่วนแบ่งตลาดที่พวกเขาจะคว้าได้จะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี นโยบายของรัฐบาล ความชอบของผู้บริโภค และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้ต้องมาติดตามกันว่าสุดท้ายแล้วรถยนต์ EV จะสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดโลกได้มากกว่ารถยนต์น้ำมันหรือไม่ ?

ผู้เขียน : กิตตินันท์ จอมประเสริฐ

‘ซาอุฯ’ สั่งรองเท้าเพื่อสุขภาพ 'จะนะ สงขลา' มูลค่ากว่า 150 ล้านบาท ในงาน Thailand Mega Fair 2023 ณ ซาอุดีอาระเบีย

เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 67 ผู้ประกอบการในประเทศซาอุดีอาระเบียให้ความสนใจสั่งซื้อรองเท้าแตะเพื่อสุขภาพ บริษัท ปาปิโล เรียล ไทยแลนด์ จำนวน 50 ตู้คอนเทนเนอร์ ตู้ละ 20,000 คู่ มูลค่ากว่า 150 ล้านบาท 

สืบเนื่องจากที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นำผู้ประกอบการบินร่วมจำหน่ายสินค้าในงาน Thailand Mega Fair 2023 ณ ซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 13-16 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา เพื่อจำหน่ายสินค้าประเทศไทย และจับคู่ธุรกิจ matching กับคู่ค้าต่างประเทศ โดยกลุ่มนักศึกษาไทยที่กำลังศึกษาในซาอุดีอาระเบีย และเป็นเซลล์แมนประเทศไทย ได้แจ้งข่าวนี้แก่ ศอ.บต. และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง 

พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอบคุณ นายดามพ์ บุญธรรม เอกอัครราชทูตไทยประจำซาอุดิอาระเบีย ณ กรุงริยาด ที่ให้โอกาสผู้ประกอบการชายแดนใต้ ร่วมเปิดบูธสินค้าและจับคู่ธุรกิจ ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีออเดอร์ส่งไปยังต่างประเทศเป็นจำนวนมากในวันนี้ ซึ่งเท่ากับจะสามารถจ้างงานประชาชนในพื้นที่ได้เป็นจำนวนมาก สามารถสร้างอาชีพให้กับประชาชนในพื้นที่ได้มากขึ้น ลดจำนวนผู้ว่างงานและมีรายได้น้อยในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการนี้เลขาธิการ ศอ.บต. ยังชื่นชมกลุ่มนักศึกษาชายแดนใต้ในประเทศซาอุดีอาระเบียที่ร่วมกันเป็นเซลล์แมนที่ดีให้กับประเทศไทยด้วย

รองเท้าแตะเพื่อสุขภาพ บริษัท ปาปิโล เรียล ไทยแลนด์ เป็นรองเท้าแตะที่ทำจากวัสดุยาง 100% มีลักษณะปุ่มนวดเท้าเพื่อผ่อนคลายขณะใช้งาน กันลื่นได้ดี เหมาะกับการสวมใส่อาบน้ำละหมาด เมื่อใช้ไปเป็นเวลานาน จะสามารถลดอาการปวดเมื่อยเท้าได้

สำหรับงาน Thailand Mega Fair 2023 ณ ประเทศซาอุดีอาระเบีย จัดโดย บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และบริษัท คอสมอส อีเว้นท์ ภายใต้การสนับสนุนของสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำซาอุดีอาระเบีย โดยมีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานกว่า 200 แบรนด์ ครอบคลุม 9 ธุรกิจ ที่มีศักยภาพ อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม การท่องเที่ยวและบริการ MICE การเกษตรอัจฉริยะและนวัตกรรม น้ำหอม สินค้าสุขภาพและความงาม รวมถึงชิ้นส่วนยานยนต์ สินค้าตกแต่งบ้าน และสินค้าไลฟ์สไตล์

'เศรษฐกิจแฟนคลับจีน' ปลื้มดาราไทย บูม!! หลังภาคเอกชนเข็นจนเกิด ดันธุรกิจ 'บันเทิง-ท่องเที่ยวไทย' พุ่ง!! โจทย์ใหญ่ภาครัฐต้องสานต่อ

(24 ม.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘ตี๋น้อย’ ได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ ‘เศรษฐกิจแฟนคลับ’ ระบุว่า…

โพสต์นี้ที่อยากเล่าสืบเนื่องจากแฟนคลับดาราไทยที่เป็นคนจีนหลายท่านทักมาหาตี๋น้อยเกี่ยวกับดาราไทยและท่องเที่ยวไทยเยอะมาก ๆ เลยเป็นที่มาของโพสต์นี้ครับ

ช่วงนี้ที่ตี๋น้อยอยู่ไทยมีเพื่อนคนจีนทักมาหาหลายคนเกี่ยวกับการตามดาราและสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศไทยเยอะมาก ๆ ครับ ทำให้ตี๋น้อยได้เห็นในมุมต่าง ๆ ที่แปลกออกไป เลยอยากจะมาเล่าสู่กันฟังครับผม

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีคนจีนที่เป็นแฟนคลับดาราไทยจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จากรุ่นแรก ๆ เลยคือ คนจีนที่เป็นแฟนคลับพี่บี้สุกฤษฎิ์ พี่ป้อง ณวัฒน์ และรุ่นต่อมาคือ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก มาริโอ้ เมาเร่อ (สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก) ไมค์ พิรัชต์ ออมสุชาร์ (วุ่นนักรักเต็มบ้าน) ภาพยนตร์เรื่องฉลาดเกมส์โกง จนมาถึงรุ่นปัจจุบัน พีพี กฤษณ์ และ บิวกิ้น พุฒิพงษ์ (แปลรักฉันด้วยใจเธอ) ไบรท์ วชิรวิชญ์ และ วิน เมธวิน ฯลฯ คนอื่น ๆ อีกมากมาย

ดาราและภาพยนตร์ ซีรีส์ต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เกิดกระแสการท่องเที่ยวและธุรกิจแบบใหม่ ๆ ที่บางครั้งมันก็เปลี่ยนมุมมองของเราหลาย ๆ อย่างเช่นกัน

ยกตัวอย่างเช่น แฟชั่นชุดนักเรียนไทย อันนี้ยอมรับว่าคาดไม่ถึงจริงครับว่ามันจะเกิดขึ้นและเป็นกระแสในจีน จนตอนนี้มีร้านชุดนักเรียนไทยเปิดเป็นจำนวนมากในหลายแพลตฟอร์มของจีน เช่น 淘宝 (เถาเป่า) 闲鱼 (เสียนอวี๋) 

ตึกแกรมมี่ นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ แล้ว ตึกแกรมมี่กลายเป็นหมุดหมายหลักที่แฟนคลับจีนจะมาหาดาราท่านต่าง ๆ บางคนบินมาจากจีนเพื่อมาที่ตึกแกรมมี่มาหาดาราท่านต่าง ๆ

การไปตามรอยสถานที่ต่าง ๆ ในซีรีย์ หรือ อินสตาแกรมดารา อันนี้มีจริง ๆ นะครับ แฟนคลับดาราไทยหลาย ๆ ท่านทักมาหาตี๋น้อยว่า รู้จักสถานที่นั้น ๆ ที่ซีรีส์เคยไปถ่ายทำ หรือดาราคนนั้นไปเช็กอินในอินสตาแกรมมั้ย เขาอยากไป ตี๋น้อยพาไปหน่อย อันนี้เข้าใจนะครับ เพราะสมัยก่อนคนไทยก็เคยตามรอยซี่รีส์เกาหลี เช่น coffee prince ฯลฯ เช่นกัน

หรือจะเป็นคอนเสิร์ตและแฟนมีตติ้งในจีนและไทยของดาราไทยและจีนท่านต่าง ๆ จะสังเกตได้ว่ามีส่วนดันการท่องเที่ยวของไทยให้โตขึ้นชัดเจน ยกตัวอย่างเช่นคอนเสิร์ต เจย์โจว ที่ผ่านมา คนจีนซื้อบัตรในหลายแอปพลิเคชันของจีนจนหมด พอคอนเสิร์ตจบ หลายคนก็ท่องเที่ยวในไทยต่อ ดันตัวเลขท่องเที่ยวไทยให้โตขึ้น หรือจะเป็นคอนเสิร์ตหรือแฟนมีตติ้งดาราไทยทั้งในจีนและในไทยเองที่คนจีนไปเยอะมาก ๆ เช่นกัน ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ดันเศรษฐกิจให้โตขึ้น

และนี่คือจุดประสงค์ที่ตี๋น้อยเขียนโพสต์นี้ขึ้นมาคือ เอกชนของเราดันตัวนี้มาได้ถูกจุดมากแล้ว เหลือแค่ภาครัฐช่วยส่งเสริมต่อ นอกจากการส่งออกวัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ แล้ว ถ้าเราผลักดันในส่วนที่ผมเขียนมาเสริมเข้าไปอีก จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของไทยให้โตยิ่งขึ้นไปอีกครับ ไม่แน่เราอาจจะทำได้อย่างเกาหลีที่ส่งออกวัฒนธรรมเคป็อบไปทั่วโลกก็ได้ครับ

'BRAVO BKK' โฉมใหม่ SHOW DC ศูนย์รวมความบันเทิงแห่งใหม่กลางกรุง หวังขึ้นแท่นแลนด์มาร์ก 'งานอีเวนต์-คอนเสิร์ต' ที่ครบครันทันสมัย

นับจากเปิดบริการในปี 2560 'โชว์ดีซี' ต้องเผชิญกับวิกฤตต่างๆ มากมาย แม้จะมีการปรับเปลี่ยน เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์หลายรอบ แต่ที่สุดก็ยังไม่สามารถตอบโจทย์นักช้อปทั้งคนไทยและชาวต่างชาติได้ จนกระทั่งล่าสุดได้ประกาศรีแบรนด์อีกครั้ง ภายใต้การบริหารของกลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่จากมาเลเซีย ด้วยการทุ่มงบลงทุน 500 ล้านบาทรีแบรนด์ 'SHOW DC Mall' ให้เป็น 'BRAVO BKK Mall' ภายใต้คอนเซปต์ Fit by Day Fun by Night เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ส่งเสริมสมดุลชีวิตการทำงานและเป็นพื้นที่ผสมผสานความเป็นอยู่ที่ดีผ่านประสบการณ์ที่พอดีและสนุกสนาน

Bravo BKK ภายใต้การบริหารของ นายโกห์ ซู ซิง CEO ของ BRAVO BKK และ CEO ของกลุ่ม BON GROUP ด้วยความเชี่ยวชาญซึ่งเต็มไปด้วยพลังและความสร้างสรรค์ที่ครอบคลุมทั้งด้านการเงิน อสังหาริมทรัพย์ และการบริหารจัดการห้างสรรพสินค้า มีความมุ่งมั่นในการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ดีขึ้น โดยตอกย้ำหลักการสองประการในด้านนวัตกรรมและการเติบโต ที่พร้อมนำพา Bravo BKK ก้าวสู่อนาคตที่สดใส

นายโกห์ ซู ซิง กล่าวว่า Bravo BKK ตั้งอยู่ในสุดยอดทำเลของกรุงเทพฯ ที่เดินทางได้สะดวกแล้ว ยังมีพื้นที่รวมประมาณ 180,000 ตารางเมตร และมีพื้นที่ให้เช่ามากกว่า 70,000 ตารางเมตร ครอบคลุม 6 ชั้น โดยมีความพร้อมด้วยที่จอดรถที่รองรับได้ถึง 1,200 คัน จึงมั่นใจว่าจะสามารถสร้างประสบการณ์สุดพิเศษให้กับลูกค้า ทั้งที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงหรือนักเดินทาง ให้สามารถมาดื่มด่ำไปกับประสบการณ์สุดพิเศษที่รอคอยอยู่ที่นี่ได้อย่างลงตัว โดยรวบรวมร้านค้า ร้านอาหาร และสถานออกกำลังกายไว้ภายในที่เดียวกัน ภารกิจของเรามีความชัดเจนเพื่อตอบสนองความต้องการแบบไดนามิกของผู้คนด้วยแนวคิด ‘Fit by Day, Fun by Night’

“Bravo BKK มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างชุมชนที่ยั่งยืน มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งและความบันเทิงที่ไม่เหมือนใคร พบกับร้านค้าที่มีเอกลักษณ์ และอาหารรสเลิศที่หลากหลาย พร้อมตื่นตาตื่นใจกับไลฟ์สไตล์ที่เน้นการเป็นอยู่อย่างมีคุณภาพ สนุก และมีความสุข” นายโกห์ ซู ซิง กล่าว

คอนเซปต์ ‘Fit by Day, Fun by Night’ เริ่มต้นด้วย Fit by Day สถานที่ที่เพิ่มความสมดุลของชีวิตที่ดีให้คุณ เติมแรงบันดาลใจให้คุณดูดีและรู้สึกดี และส่งเสริมไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่ง ให้ทุกคนได้เริ่มต้นการเดินทางสู่การมีสุขภาพที่ดี พร้อมสรรพด้วยพื้นที่เพื่อสุขภาพ ฟิตเนส ที่ที่ให้คุณดูดีและรู้สึกดีไปพร้อมๆ กัน โดยออกแบบขึ้นมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ เสียงหัวเราะและความสุข ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของความหลากหลายและความเป็นอยู่ที่ดีของลูกค้า พร้อมด้วยอาหารและเครื่องดื่มฮาลาลที่ตอบสนองความต้องการของชุมชนในวงกว้าง เพื่อให้ทุกคนได้ใช้เวลาด้วยกันและได้รับความสะดวกสบายที่สุดที่ Bravo BKK

Fun by Night พร้อมเปลี่ยนค่ำคืนของคุณให้เป็นการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ จุดหมายปลายทางสุดตื่นเต้น ด้วยอาหารรสชาติดี กิจกรรมที่มีไม่รู้จบ และความบันเทิงที่ให้ทุกคนจดจำไม่รู้ลืมกับค่ำคืนที่มีชีวิตชีวาตั้งแต่ย่ำค่ำจนถึงดึก โดยยามค่ำคืนของที่นี่จะส่องสว่างไสวด้วยแสงไฟอันอ่อนโยนที่เชิญชวนคนทุกวัยมาร่วมสนุกพร้อมเสียงหัวเราะ และบทสนทนาที่ผสมผสานกับจังหวะของดนตรี สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและมีชีวิตชีวาสำหรับทุกคน

ไฮไลต์สำคัญของ Bravo BKK: Fit and Fun Mall ที่แตกต่างและไม่เหมือนใคร คือการเป็นศูนย์รวมของ “สถานที่จัดงาน” ที่พร้อมเนรมิตให้ทุกไอเดียกลายเป็นจริงได้ โดยรองรับทั้งการจัดงานสัมมนา งานปาร์ตี้ การประชุม และอื่นๆ อีกมากมาย มุ่งออกแบบมาเพื่อสร้างความทรงจำที่ตื่นตาตื่นใจ เป็นมากกว่าแค่พื้นที่ที่พร้อมรองรับทุกความสร้างสรรค์ สำหรับการแสดงสุดพิเศษ เพื่อสร้างช่วงเวลาพิเศษใดๆ ที่น่าจดจำไม่รู้ลืม ประกอบด้วย

Ultra Arena Hall ที่ชั้น 5 ขนาดพื้นที่ 4,190 ตร.ม. สามารถรองรับผู้เข้าร่วมงานได้ 987 ที่นั่งด้วยความจุที่กว้างขวาง เหมาะสำหรับการพบปะสังสรรค์ที่หลากหลาย รวมถึงงานแฟนมีตติ้ง เปิดตัวผลิตภัณฑ์ คอนเสิร์ต และงานออกบูธที่น่าสนใจ

Atrium Hall ชั้น 1 เหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานแฟนมีตติ้ง เปิดตัวผลิตภัณฑ์ คอนเสิร์ต และงานออกบูธ ที่จะให้งานมีความโดดเด่นในพื้นที่อเนกประสงค์และน่าดึงดูด ตอบโจทย์ทุกความคิดสร้างสรรค์ ด้วยพื้นที่ 527 ตร.ม. รองรับผู้เข้าร่วมงานได้ 1,200 คน (ยืน)

MGI Hall ชั้น 6 สถานที่แห่งนี้มีความจุมากที่สุด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพบปะสังสรรค์ที่หลากหลาย เช่น งานแฟนมีตติ้ง การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ คอนเสิร์ต และงานแสดงบูธแบบมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ด้วยขนาดพื้นที่ถึง 4,165.23 ตร.ม.

และพิเศษสุดให้ทุกคนได้ก้าวเข้าสู่โลกที่ท้องฟ้าเปิดกว้าง และพบกับความเป็นไปได้ไม่รู้จบที่ Bravo BKK ARENA พื้นที่กลางแจ้งที่อยู่เหนือความธรรมดาและจุดประกายช่วงเวลาพิเศษได้ไม่รู้จบ ด้วยขนาดพื้นที่ 21,336 ตร.ม.

และยิ่งไปกว่านั้น Bravo BKK พร้อมจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน ระหว่างวันที่ 9-11 กุมภาพันธ์ 2567 พบกับกิจกรรมสุดพิเศษ พร้อมสาระและความบันเทิงมากมาย ตั้งแต่การเชิดสิงโตและมังกรสุดยิ่งใหญ่, โยคะกลางอากาศ, งานประกวดชุดแต่งกาย Drag Queen CNY, ฟัง “คุยกับซินแส” ว่าด้วยเรื่อง ฮวงจุ้ยปี 2567 พร้อมชมมินิคอนเสิร์ต และดื่มด่ำไปกับเสียงเพลง เสียงดนตรียามค่ำคืน โดยจะมีการจัดพิธีเปิดงานอย่างยิ่งใหญ่ ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ณ Atrium Hall ชั้น 1 พบกับกิจกรรมต่างๆ อาทิ การแสดงบนเวทีลอยฟ้าของ อู๋ ธรรพ์ณธร ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา และงาน “On Lights of Best of Asia Food Street” เป็นต้น

Bravo BKK เป็นส่วนหนึ่งของ BON Group ซึ่งยืนหยัดในฐานะบริษัทที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และมีประวัติที่โดดเด่นมาตลอดสามทศวรรษในการนำเสนอโซลูชั่นที่ครอบคลุม ด้วยการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ เช่น อาบูดาบี เวียดนาม ไทย และมาเลเซีย BON Group ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการตอบสนองต่อความต้องการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่หลากหลาย Bravo BKK ซึ่งเป็นอีกเสาหลักสำคัญของ BON Group ที่จะมีบทบาทสำคัญในการดำเนินงานและมุ่งมั่นดำเนินการตามปณิธานของกลุ่มด้วยการสนับสนุนของ Bravo BKK ซึ่ง BON Group ยังคงแน่วแน่ในการแสวงหาโอกาสในการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ

“Bravo BKK เป็นพื้นที่สำหรับทุกคน พร้อมให้ลูกค้า และพันธมิตรต่างๆ เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ ที่ทุกช่วงเวลาคือโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ ด้วยแนวคิดการค้าปลีกไปจนแนวคิดเชิงนวัตกรรม ให้ทุกคนมาร่วมค้นพบ ดื่มด่ำ และโอบรับชีวิตใจกลางย่านพระราม 9 ร่วมกัน” นายโกห์ ซู ซิง กล่าว

‘มอเตอร์เวย์ M82’ ช่วง ‘บางขุนเทียน-เอกชัย’ คืบหน้า 74.97% คาด!! พร้อมเปิดให้วิ่งฉิว 10.5 กม. ช่วงกลางปี 2567

(24 ม.ค. 67) กรมทางหลวง อัปเดตความคืบหน้า โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางขุนเทียน - บ้านแพ้ว ‘มอเตอร์เวย์บางขุนเทียนบ้านแพ้ว’ หรือ มอเตอร์เวย์ M82 มีรูปแบบเป็นการก่อสร้างเป็นทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) ตามมาตรฐานทางหลวงพิเศษมีการควบคุมการเข้าออกอย่างสมบูรณ์ โดยดำเนินการก่อสร้างแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ

‘มอเตอร์เวย์บางขุนเทียนบ้านแพ้ว’ หรือ มอเตอร์เวย์ M82 ช่วงที่ 1 ช่วงบางขุนเทียน - เอกชัย

‘มอเตอร์เวย์บางขุนเทียนบ้านแพ้ว’ หรือ มอเตอร์เวย์ M82 โดยมีจุดเริ่มต้นบริเวณ กม. 9+731 ในเขตพื้นที่สมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร กม. 20+295 ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร ระยะทาง 10.564 กิโลเมตร เป็นทางยกระดับ 6 ช่องจราจร มีจุดขึ้น - ลง จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ ด่านฯ พันท้ายนรสิงห์ และด่านฯ มหาชัย 1 โดยเก็บค่าผ่านทางแบบคิดตามระยะทาง (ระบบปิด) ปัจจุบัน กรมทางหลวง กำลังดำเนินการก่อสร้างโดยใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน

‘มอเตอร์เวย์บางขุนเทียนบ้านแพ้ว’ หรือ มอเตอร์เวย์ M82 ช่วงที่ 2 ช่วงเอกชัย - บ้านแพ้ว

‘มอเตอร์เวย์บางขุนเทียนบ้านแพ้ว’ หรือ มอเตอร์เวย์ M82 มีจุดเริ่มต้นบริเวณ กม. 20+295 ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร และสิ้นสุดบริเวณ กม. 36+645 ในเขตพื้นที่ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร รวมระยะทางประมาณ 16.350 กิโลเมตร โดยออกแบบเป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร มีจุดขึ้นลงจำนวน 4 แห่ง ได้แก่ ด่านฯ มหาชัย 2 ด่านฯ สมุทรสาคร 1 ด่านฯ สมุทรสาคร 1 และด่านฯ บ้านแพ้ว โดยเก็บค่าผ่านทางแบบคิดตามระยะทาง (ระบบปิด) กรมทางหลวงมีแผนการก่อสร้างโดยใช้แหล่งเงินจากเงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทาง ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินโครงการแล้ว เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2564 วงเงิน 19,700 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างหาตัวผู้รับจ้าง

ความคืบหน้าในการก่อสร้าง ‘มอเตอร์เวย์บางขุนเทียนบ้านแพ้ว’ หรือ มอเตอร์เวย์ M82 มีดังนี้ 

-การออกแบบรายละเอียด (Detail Design) แล้วเสร็จ
-รายผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) แล้ว
-งานโยธาช่วงบางขุนเทียน - เอกชัย อยู่ระหว่างก่อสร้าง มีความก้าวหน้า 74.97% คาดว่าจะแล้วเสร็จ กลางปี 2567 
-งานโยธาช่วงเอกชัย - บ้านแพ้ว อยู่ระหว่างก่อสร้าง มีความก้าวหน้า 5.26% คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2568 
-งานระบบพร้อมบริหารจัดการและงานบำรุงรักษาทาง O&M ทั้งโครงการ โดยล่าสุดมีการเปิดจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชน (Market Sounding) โครงการทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว สำหรับการให้เอกชนร่วมลงทุนในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M)

สำหรับโครงการ ‘มอเตอร์เวย์บางขุนเทียนบ้านแพ้ว’ หรือ มอเตอร์เวย์ M82 เปิดให้เอกชนมีส่วนร่วมลงทุนในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ด้วยรูปแบบ PPP Gross Cost รวมระยะเวลาทั้งสิ้นไม่เกิน 32 ปี ดังนี้

ระยะที่ 1 เอกชนเป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้าง และติดตั้งงานระบบและองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องด้วยระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น หรือระบบ M-Flow ทั้งโครงการ 

ระยะที่ 2 เอกชนจะเป็นผู้ดำเนินงานและบำรุงรักษาโครงการทั้งหมด ครอบคลุมงานโยธาที่รัฐเป็นผู้ลงทุน และงานระบบที่เอกชนเป็นผู้ลงทุน ตลอดจนเป็นผู้รับผิดชอบในการสร้างและนำส่งข้อมูลรายการผ่านทาง (Transaction Generation) ให้แก่ภาครัฐ รวมทั้งดำเนินงานอื่นที่เกี่ยวข้องตามขอบเขตงานและเงื่อนไขที่กำหนด โดยกรมทางหลวงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรายได้ค่าธรรมเนียมผ่านทางและทรัพย์สินที่เอกชนได้ลงทุน ส่วนเอกชนจะได้รับค่าตอบแทนที่รัฐจะจ่ายกลับคืนให้เอกชน (AP) แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1) ค่าลงทุนก่อสร้างงานระบบ และ 2) ค่าจ้างการดำเนินงานและบำรุงรักษาโครงการ (O&M)

โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ‘มอเตอร์เวย์บางขุนเทียนบ้านแพ้ว’ เป็นหนึ่งโครงการภายใต้ แผนแม่บทการพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองระยะ 20 ปี พ.ศ. 2560 - 2579 ซึ่งจัดว่ามีลำดับความสำคัญสูง มีแนวสายทางเชื่อมต่อกับโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก บริเวณด่านบางขุนเทียนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) 

ดังนั้น การก่อสร้างโครงการจะเป็นการเติมเต็มโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง รองรับการเดินทางและขนส่งสินค้าระหว่างกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ลงสู่พื้นที่ภาคใต้ของประเทศ สามารถแบ่งเบาปริมาณจราจรบนทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) อีกทั้ง จะเป็นโครงข่ายเส้นทางสำคัญที่ช่วยผลักดันให้เกิดการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การท่องเที่ยว ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงด้านการคมนาคมขนส่งทางถนนในการเดินทางและขนส่งสินค้าลงสู่พื้นที่ภาคใต้ของประเทศ

'นนทบุรี' สั่งเคอร์ฟิว!! ห้ามเด็กต่ำกว่า 18 ปี ออกจากบ้านหลัง 4 ทุ่ม รับลูก 'ผบ.ตร.' ตามแผนล้างบางแก๊งเยาวชนป่วนเมืองใน 1 เดือน

(24 ม.ค.67) จากกรณีที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุวิมล ผบ.ตร.ได้สั่งการให้มีการระดมกวาดล้างกลุ่มแก๊งเยาวชนกวนเมืองทั่วประเทศให้ลดลงภายใน 1 เดือน โดยได้มอบหมายให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระดมกวาดล้าง จัดทำบันทึกประวัติและพฤติกรรมของกลุ่มแก๊งเยาวชนในพื้นที่ทั้งหมด และให้กวดขันกับเยาวชนอายุ 10-15 ปี ที่ออกนอกบ้านหลัง 4 ทุ่ม โดยไม่มีผู้ปกครองมาด้วย หากพบจะต้องเชิญมาทำประวัติและเชิญผู้ปกครองสอบถาม และได้ให้หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมดำเนินการในพื้นที่อื่นๆ ด้วย เช่น จังหวัดสระแก้ว, เชียงใหม่ นนทบุรีและสมุทรปราการ ที่มีกลุ่มกวนเมือง หรือกลุ่มแก๊งในพื้นที่ที่เกิดเหตุบ่อยครั้ง เนื่องจากกำลังพลเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่อาจไม่เพียงพอ

ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี พล.ต.ต.ปรารถนา แผ่นผา ผบก.ภ.จว.นนทบุรี ได้ประชุมผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรีทั้ง 11 สถานี พร้อมสั่งการให้ทุกสถานีกวดขันในพื้นที่ ตั้งจุดตรวจจุดสกัดในที่สุ่มเสี่ยงว่าจะมีการรวมตัวของเยาวชน นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้กวดขันกลุ่มเยาวชนที่รวมตัวกันขับขี่รถจยย.ที่ก่อความเดือดร้อนรำคาญ 

สืบเนื่องจากในพื้นที่ จ.นนทบุรี เกิดเหตุเยาวชนรวมตัวกันเป็นกลุ่มแก๊ง สร้างความเดือดร้อนและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เช่น กรณีเด็ก 14 ถูกแก๊งทรายทองทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ, เด็กเดินสายเคเบิลถูกแก๊งโจ๋ฟันนิ้วขาดย่านซอยประชาชื่นนนท์ 9 และกลุ่มเด็กนักเรียนไทรน้อยยกพวกบุกปาระเบิดปิงปอง ทุบหน้าต่างบ้านเรือนเสียหาย นอกจากนี้จากการสืบสวนยังพบมีกลุ่มเยาวชนรวมตัวกันในซอยสามัคคี และย่านท่าอิฐ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน 

ทั้งนี้ตามคำสั่งหากเจอเด็กและเยาวชนออกมาจากเคหะสถานหลัง 22:00 น. จะต้องทำการตรวจสอบและสอบถาม รวมถึงนำมาทำประวัติ พร้อมแจ้งพ่อแม่ ผู้ปกครองให้มารับตัว ทำทัณฑ์บน กรณีที่ส่อไปในการกระทำความผิด โดยให้ยึดตามกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก กรณีที่พบเด็กมากระทำความผิดซ้ำ จะต้องสอบสวนให้ถึง ว่าพ่อแม่ ผู้ปกครองมีส่วนยุยงส่งเสริมหรือไม่ ปล่อยปละละเลยหรือไม่ ถ้ามีก็จะดำเนินคดีพ่อแม่และผู้ปกครองเช่นกัน โดยคำสั่งดังกล่าวให้เริ่มปฏิบัติตั้งแต่เวลา 22.00 น.วันที่ 23 ม.ค.67 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งรายงานผลการปฏิบัติการให้ผู้บังคับบัญชาทราบ .012

'นายกฯ' เผยเหตุเร่งดันโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อพาไทยโตก้าวกระโดด กร้าว!! ถ้าไม่เริ่มวันนี้ อีก 10-20 ปีข้างหน้า ไทยจะเสียโอกาส

(24 ม.ค.67) ในงานสัมมนา 'Thailand 2024 The Great Challenge เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส' นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ประเทศ ต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ที่ไทยไม่มีมากว่า 10 ปีแล้ว โดยนำเสนอโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเร่งผลักดันการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด ดังนี้...

>> Landbridge - โอกาสของประเทศไทย ที่จะกลายเป็นศูนย์กลางของการเจริญเติบโต
>> Aviation Hub - สนามบินทั้งหมดต้องอัปเกรด เพื่อให้รองรับ Cargo ได้ทั้ง Ambient & Cold-chain กลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งแบบ Dubai 
>> สร้างงานและอาชีพใหม่ ๆ การบำรุงรักษา การบริหาร Supply Chain ทั้งหมด
>> ระบบราง - ต้องเชื่อมต่อเหนือจรดใต้ ไปยังจีนด้วย เสริมความแข็งแกร่งให้ Landbridge 

นายกฯ กล่าวอีกว่า "หากเราไม่ลงทุนวันนี้ เราจะเกิด 'รู้งี้ Moment' ในอีก 10 ปี 20 ปีข้างหน้าเหมือนที่เรายังเสียดายโอกาสมาหลายโครงการในอดีต การรอคอยทุกอย่างให้นิ่งก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ มีราคาที่จะต้องจ่ายครับ"

"ถ้าไม่เริ่มต้นวันนี้ ไทยก็จะเสียโอกาสไปครับ" นายกฯ ทิ้งท้าย

‘จิรายุ’ แจงดรามา ด้อยค่าไหว้ ‘บิ๊กตู่’ ชี้!! พ่อแม่สอนให้มีสัมมาคารวะ เพราะเป็นมารยาทถ้าเจอผู้ใหญ่ เว้นอย่างเดียวเสาไฟฟ้า ตนไม่ไหว้

(24 ม.ค. 67) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล กล่าวหากองทัพเรือนำบ้านหลวงไปปล่อยเช่าในโครงการนาวีเพลส ว่า ได้สอบถามและตรวจสอบไปยังกองทัพเรือแล้ว ยืนยันว่ามีการปล่อยให้เช่าจริงในโครงการนาวีเพลส ซอยเฉลิมพระเกียรติ 48 กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโครงการของสหกรณ์เคหสถานราชนาวี มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้สมาชิกของสหกรณ์ฯ มีบ้านอยู่อาศัยยามเกษียณ

สำหรับสหกรณ์ฯ ดังกล่าวมีสถานะเป็นนิติบุคคล ตามกฎหมายแยกจากกองทัพเรือ เป็นคอนโดขาย 5 ตึกและทาวน์โฮม 15 หลัง รวมทั้งสิ้น 235 ยูนิต ซึ่งตรวจสอบพบ ในเว็บซื้อขายให้เช่าบ้านที่ดิน มีลงขายให้เช่าจริง ซึ่งอาจทำให้นาย จิรัฏฐ์ มีข้อมูลไม่ครบถ้วนเลยเข้าใจผิดว่าเป็นโครงการอาคารพักอาศัยส่วนกลางของทางราชการและเอาไปปล่อยเช่า แต่ในความเป็นจริงโครงการดังกล่าวเขาเปิดขายขาด ทำบนที่ดินของสหกรณ์ถือกรรมสิทธิ์ไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดินเมื่อเขาซื้อไปแล้วก็เป็นสิทธิ์ของเจ้าของ เขาจะไปลงประกาศขายหรือให้เช่าก็เป็นสิทธิ์ของเขา

นายจิรายุ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในกรณีมีการด้อยค่าที่ตนยกมือไหว้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาองคมนตรี ในงานเลี้ยง ตนขอเรียนว่าพ่อแม่ตนสั่งสอนมา ว่า เมื่อเจอผู้ใหญ่ผู้อาวุโส ต้องยกมือไหว้ ไม่จำเป็นต้องเป็น พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้ใหญ่ท่านไหนตนก็ไหว้ หรือเจอใครก่อนแม้จะอ่อนกว่าก็ไหว้สวัสดี เพราะตนเป็นคนมือไม้อ่อนตั้งแต่เด็ก ที่สำคัญตอน พล.อ.ประยุทธ์เป็น หัวหน้า คสช.ไม่เคยเจอก็เลยไม่เคยไหว้ พอมาเป็นนายกฯ เจอในรัฐสภา กี่ครั้งด้วยมารยาทก็ต้องยกมือไหว้ แถมวันกองทัพบกที่ผ่านมาเจอทั้งท่าน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ท่านนายกรัฐมนตรี ท่านอนุทิน ชาญวีรกุลและผู้ใหญ่ฝ่ายรัฐบาล ตนก็ยกมือไหว้ทุกท่านตามปกติ

“ผมเป็นคนไทยที่ถูกครูบาอาจารย์ พ่อแม่สอนมาให้มีสัมมาคารวะ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามเมื่อผมเจอผู้อาวุโสกว่าก็ควรต้องไหว้ เว้นอย่างเดียวเสาไฟฟ้า ผมไม่ไหว้” นายจิรายุ กล่าว

นายจิรายุ กล่าวต่อว่า เจตนารมย์ของตนยังเหมือนเดิมต่อสู้กับการปฏิวัติรัฐประหารเผด็จการ มาโดยตลอดปฏิวัติปี 57 โดนจับไปขัง 7 วันไม่เคยลืม แต่วันนี้เป็นรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตยมาปีที่ 5 อะไรที่ต้องปรับปรุงต้องแก้ไขปัญหา เป็นหน้าที่ของรัฐบาลและฝ่ายค้านต้องช่วยกัน วันนี้ตนมาเป็นโฆษก กห.ก็ทำหน้าที่ในฝ่ายบริหาร ถ้าฝ่ายค้านอย่างพรรคก้าวไกลตั้งตนเป็นโฆษกผู้นำฝ่ายค้าน ตนก็จะทำหน้าที่ ให้เต็มกำลัง

“การแก้ไขปัญหาประเทศนี้ไม่มีทางจะแก้ไขได้แบบพลิกฝ่ามือได้ เฉกเช่นกรุงโรมไม่สามารถสร้างได้ภายในวันเดียว ผมคิดอย่างเดียวว่าการดำรงชีวิตในโลกยุคใหม่นี้จะเอาแค่มันส์ แค่เกรียน อย่างเดียวไม่ได้ต้องมีสติและปัญญาใช้ความรู้ความสามารถรวมพลังกันเพื่อแก้รากของปัญหาที่สะสมมากว่า 80 ปี และนำประเทศไทยกลับมาผงาดในเวทีโลกอีกครั้ง” นายจิรายุ กล่าว

มทร.รัตนโกสินทร์ จัดโครงการวันสถาปนามหาวิทยาลัยครบรอบ 19 ปี และจัดโครงการรวมใจสืบสานคุณค่ามรดกผ้าไทย

มทร.รัตนโกสินทร์ ร่วมน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ รัชกาลที่ 9 ผู้ทรงสถาปนาและพระราชทานนามมหาวิทยาลัย

ในวันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม 2567 มทร.รัตนโกสินทร์ จัดโครงการวันคล้ายวันสถาปนามหาวิทยาลัยครบรอบ 19 ปี นำโดย รศ.ดร.อุดมวิทย์ ไชยสกุลเกียรติ อธิการบดี พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ และนักศึกษา ร่วมประกอบพิธีสักการะพระศรีศาสดา พระภูมิ เจ้าที่ จากนั้นเริ่มพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทานถวายแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร  มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) พิธีถวายราชสดุดี สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนามหาวิทยาลัย ครบรอบ 19 ปี เพื่อเป็นพระราชกุศลด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ได้ทรงสถาปนาและพระราชทานนาม “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์” จากนั้นเป็นพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์แก่มหาวิทยาลัย และบุคลากรผู้มีผลงานดีเด่น และพิธีมอบทุนการศึกษา จำนวน 118 ทุน ณ มทร.รัตนโกสินทร์ ศาลายา  

และในวันเดียวกัน มทร.รัตนโกสินทร์ นำโดยรศ.ดร.อุดมวิทย์  ไชยสกุลเกียรติ อธิการบดี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เข้าร่วมโครงการ “ราชมงคลรัตนโกสินทร์ รวมใจสืบสานคุณค่ามรดกผ้าไทย” โดยมีนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมเยี่ยมชมบูธแสดงผลงาน มทร.รัตนโกสินทร์ และร่วมกิจกรรมถ่ายทอดมรดกผ้าไทย ผ่าน ภาพถ่าย โดย มทร.รัตนโกสินทร์ วิทยาลัยเพาะช่าง ณ CRYSTAL DESIGN CENTER (CDC)  

‘Pluembangkontee’ ที่พักสไตล์ชนบท จ.สมุทรสงคราม สถานที่เติมพลังกาย เพิ่มพลังใจ ท่ามกลางธรรมชาติสุดสงบ

แม้จะเพิ่งเริ่มปี 2567 มาได้ไม่กี่สัปดาห์ หลังจากได้หยุดยาวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันไป แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนยังคงโหยหาช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนกันอยู่ และอาจมีหลาย ๆ คนที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อน พักใจ ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม สดชื่น เป็นการเติมพลังให้กับชีวิตในช่วงสุดสัปดาห์ ก่อนกลับมาลุยงานกันอีกครั้ง

และเมื่อพูดถึงการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่สดชื่น หลายคนก็คิดว่าจะต้องเดินทางออกต่างจังหวัด ขับรถหลายชั่วโมง เสี่ยงเจอรถติด และอาจจะกลับมาไม่ทันวันทำงานปกติ เงื่อนไขเหล่านี้อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ไม่สามารถตัดสินใจออกไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์หรือในช่วงวันหยุดยาวได้

วันนี้ THE STATES TIMES จึงขอนำเสนอสถานที่พักผ่อนหย่อนใจใกล้กรุงเทพฯ แถมยังห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามนั่นก็คือ Pluembangkontee Thecountrylife จังหวัดสมุทรสงคราม นั่นเอง

Pluembangkontee Thecountrylife เป็นรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีต้นมะพร้าว และไร่สวนล้อมรอบ รองรับผู้เข้าพักได้จำนวนมาก หากจะมาเที่ยวเป็นกลุ่มเป็นแก๊ง ‘Pluembangkontee Thecountrylife’ ก็ตอบโจทย์สุดๆ 

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ การปั่นจักรยานชมสวน ดื่มด่ำบรรยากาศรอบๆ รีสอร์ท แถมยังได้เห็นวิถีชีวิตชนบทที่เรียบง่าย ที่หาดูได้ยากในกรุงเทพฯ อีกด้วย หลังจากปั่นจักรยานจนหนำใจแล้ว ก็สามารถว่ายน้ำที่สระน้ำกลางรีสอร์ท เป็นการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจได้อีกด้วย

🏠รายละเอียดที่พักของ Pluembangkontee Thecountrylife มีดังนี้
📌ห้องพัก 6 ห้อง เข้าพักได้จำนวน 12 ท่าน (หากเพิ่มจำนวนผู้เข้าพักจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม)
📌มีอาหารเช้า
📌สระว่ายน้ำ ขนาด 5x10 เมตร ลึก 1.4 เมตร
📌มีชุดคาราโอเกะ เหมาะแก่การปาร์ตี้ สังสรรค์ กินเลี้ยง
📌ห้องอเนกประสงค์ เหมาะแก่การสันทนาการ ทำกิจกรรมสนุกๆ
📌ห้องครัว (ตู้แช่, เตาแก๊ส, ไมโครเวฟ, อุปกรณ์ทำครัว) สามารถปรุงอาหารเองได้
📌ที่จอดรถ 6-8 คัน
📌free Wifi

นอกจากจะเป็นสถานที่พักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์แล้ว Pluembangkontee Thecountrylife ยังสามารถเป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน จัดมิตติ้งเล็ก ๆ เฉพาะกลุ่ม จัดเลี้ยงสังสรรค์ได้อีกด้วย หรือหากใครกำลังมองหาสถานที่พักผ่อนในโอกาสพิเศษต่าง ๆ ก็เก็บ Pluembangkontee ไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกได้เลย

สำหรับใครที่สนใจมาพักผ่อน พักใจที่ Pluembangkontee Thecountrylife สมุทรสงคราม สามารถสอบถามรายละเอียดและจองที่พักได้ที่เบอร์ 064-930-1169 หรือแฟนเพจ https://www.facebook.com/profile.php?id=61552671213314 

มองหาที่พักสุดสงบ ท่ามกลางธรรมชาติ ใกล้กรุงเทพฯ ต้อง Pluembangkontee Thecountrylife สมุทรสงคราม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top