Wednesday, 25 June 2025
NewsFeed

‘กมธ.ตำรวจ’ เตรียมสอบ ‘เศรษฐา’ ปมขอตำแหน่ง ผกก. ชี้!! ส่อผิด รธน.185 ขู่!! หากเป็นจริงเดือดร้อนทั้งเพื่อไทย

(22 พ.ย. 66) ที่รัฐสภา นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย เรื่องการขอแต่งตั้งตำรวจระดับผู้กำกับการ ว่า กมธ.มีมติจะเชิญนายกรัฐมนตรีมาชี้แจงเรื่องนี้ในวันที่ 7 ธ.ค.นี้

นายชัยชนะกล่าวต่อว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 185 (3) กำหนดชัดเจนว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสมาชิก หากมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องกับเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ และสิ่งที่นายกรัฐมนตรีระบุไว้ว่า มีการขอตำแหน่งผู้กำกับการมาเยอะ ซึ่งมีทั้งคนผิดหวังละคนสมหวัง ซึ่งในประเด็นดังกล่าวหากเป็นข้อเท็จจริงตามที่นายกรัฐมนตรีพูด ก็ต้องระบุว่า สส.คนไหนมีส่วนเกี่ยวข้อง หากขัดต่อรัฐธรรมนูญจะนำไปสู่การทำให้หลุดพ้นจากตำแหน่ง สส. 

ทั้งนี้ ส่วนตัวมีความมั่นใจว่า สส.ทั้ง 500 คนในสภาผู้แทนราษฎร ยึดหลักรัฐธรรมนูญ ไม่มีการแทรกแซงแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ขณะเดียวกันไม่สามารถที่จะวิจารณ์ได้ว่าประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องตั๋วตำรวจหรือไม่ แต่จะต้องเชิญนายกรัฐมนตรีมาชี้แจงตอบคำถามว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และมีเจตนาอะไร หากไปถามเรื่องมีการวิ่งเต้น แต่งตั้งโยกย้ายหรือไม่จะเป็นการกล่าวหาต่อองค์กร จึงไม่ขอก้าวล่วง

เมื่อถามว่าเรื่องนี้เป็นธรรมเนียมปกติหรือไม่ นายชัยชนะกล่าวว่า ไม่เป็นปกติ เพราะห้าม สส. แทรกแซง การแต่งตั้งโยกย้าย เราไม่ใช่ผู้บริหารประเทศเราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติห้ามแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายอยู่แล้ว แต่สิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดหากเป็นจริงเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยเดือดร้อนทั้งพรรค เพราะขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 185 (3) ขอย้ำว่าเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านที่จะตรวจสอบฝ่ายบริหารอยู่แล้ว หากมีหลักฐานชัดเจนเชื่อว่าจะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี

‘เพจดัง’ แฉ คนสนิท สส.จันทบุรี ก้าวไกล รับหาเด็กชงเหล้า หวั่นใจ!! เด็กอัปเกรดนอกรอบ เข้าข่ายขายบริการทางเพศ

(22 พ.ย. 66) เฟซบุ๊กเพจ ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ โพสต์ข้อความระบุว่า "#ทุกคนคะ มีชาวบ้านร้องเรียนเข้ามาว่า ผู้ช่วย สส.พี่เล็ก สส. ก้าวไกลจันทบุรี เขต 3 รับงานเอนเตอร์เทนและจัดหาเด็กชงเหล้า ปาร์ตี้ ชาย / หญิง ส่งแถวภาคตะวันออก พี่ต้นเขาสนิทกับ สส.เล็ก มากนะคะ ไม่ทราบพี่เล็กและพรรคก้าวไกลมีความเห็นอย่างไรคะ"

ภายหลัง เฟซบุ๊ก ‘ญาณธิชา บัวเผื่อน - Yanathicha Buapuean’ ของ น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน สส.จันทบุรี พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความระบุว่า "สวัสดีพี่น้องประชาชนทุกท่านค่ะ ขออธิบายประเด็นที่เพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไรนำมาโพสต์ดังนี้ค่ะ จากที่มีข่าวว่า น้องผู้ช่วย สส. ของเล็ก ทำงานเอนเตอร์เทน

1. จากรูปที่เพจเอามาโพสต์ว่าบุคคลดังกล่าวยืนข้างดิฉัน และกล่าวอ้างว่าเป็นผู้ช่วย สส. ข้อเท็จจริง คือ บุคคลดังกล่าว ไม่ได้เป็นผู้ช่วย สส. ไม่ได้รับเงินเดือนจากสภาผู้แทนราษฎร แต่เขาเป็นคนที่ทำงานกับดิฉันในพื้นที่เป็นอาสาสมัครที่เขามาทำงานร่วมกัน น้องรู้จักและสนิทกับเล็กและครอบครัว ให้เกียรติซึ่งกันและกันเสมอมา

2. น้องทำงานเอนเตอร์เทน รับงานชงเหล้าจริง และรับจัดหาเด็กชงเหล้าจริง แต่ไม่ได้รับงานเอนวี หรือ จัดหางานเอนวี (หากกล่าวหากันเกินความจริงไปมาก ดิฉันมีหลักฐานว่าคุณเข้าหาคุณต้น มีการพูดโน้มน้าว หลอกล่อเพื่อให้เป็นไปตามที่คุณต้องการอย่างไร)

สุดท้าย ดิฉันขอให้หยุดพฤติกรรมการพยายามจะเค้นหาเหตุโจมตีพรรคก้าวไกลเช่นนี้ได้แล้ว หากจะตรวจสอบผู้แทนราษฎรเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศนี้จริง ๆ ดิฉันคิดว่าคงจะมีประโยชน์กว่านี้มาก #สสเล็ก #ก้าวไกล #จันทบุรีเขต3"

ภายหลัง เพจ ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ ตอบโต้ว่า "#ทุกคนคะ พี่เล็ก สส. จันทบุรี พรรคก้าวไกลชี้แจงแล้วค่ะ พี่เล็กแจ้งว่า พี่ต้น เป็นแค่ทีมทำงานช่วย สส. แต่ไม่ได้เป็นผู้ช่วย สส. ที่รับเงินจากภาษีประชาชนค่ะ

พี่เล็กแจ้งว่า พี่ต้นทำงาน เอนเตอร์เทนและจัดหาเด็กชงเหล้าจริงค่ะ แต่ไม่ได้รับงานเอนวี (น่าจะหมายถึงเอากัน)

พี่เล็กบอกว่าขอให้หยุดและอย่าพยายามโจมตีพรรคก้าวไกล เพราะมันไม่ได้ประโยชน์ค่ะ

หนูขอตอบว่า ค่า หนูอยากให้พี่เล็กช่วยยืนยันว่า เด็กที่พี่ต้นส่ง ไม่มีใครอัปเกรดนอกรอบ หรือเพิ่มค่าตัวมากกว่าชงเหล้าได้มั๊ยคะ ชาวบ้านจะได้สบายใจค่า"

อนึ่ง คำว่างานเอ็นวี เป็นงานผสมระหว่างงานเอนเตอร์เทน (Entertain) และงานวีไอพี (VIP) ซึ่งหมายถึงงานขายบริการทางเพศ เป็นลักษณะงานให้ความบันเทิงแก่ลูกค้าก่อนขึ้นงาน หรือมีเพศสัมพันธ์กับลูกค้ากระทั่งสำเร็จความใคร่จึงจบงาน แตกต่างจากงานเอ็นตามปกติที่เพียงแค่ดูแลลูกค้า​ ชงเหล้า ดูหนัง​ กินข้าว และพาเที่ยวเพียงอย่างเดียว

เปิดนิยาม 'ร่มไม้ใหญ่' ในความคิด 'สมจิตร จงจอหอ' "เชื่อเถอะสักวันเราจะเติบโต และจะเป็นร่มไม้ใหญ่ให้ผู้อื่นต่อได้"

เมื่อไม่นานมานี้ ‘สมจิตร จงจอหอ’ นักกีฬามวยสากล เจ้าของเหรียญทองหลายเหรียญ โพสต์คลิปในติ๊กต็อก ‘somjit656’ เกี่ยวกับประเด็น ‘ร่มไม้ใหญ่’ โดยระบุในคลิปว่า…

“ตอนนี้ผมกำลังอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ร่มไม้ใหญ่นี้ทำให้ผมร่มเย็น ทำให้ผมสดชื่น ทำให้ผมรู้สึกสงบ ที่สำคัญคือผมได้ออกซิเจนจากร่มไม้ใหญ่ ผมเกิดมา มีพ่อและแม่ที่เป็นร่มไม้ใหญ่ คอยกันทุกสิ่งอย่างให้ผม เช่น กันพายุ กันภัยอันตราย กันแสงแดด กันเรื่องไม่ดี และคอยดูแลลูกจนเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ ผมเติบโตมาได้ก็เพราะร่มไม้ใหญ่ และผมก็ได้ดูแลพ่อแม่ที่เป็นร่มไม้ใหญ่ของผม”

สมจิตร กล่าวต่อว่า “นิยามของผม ร่มไม้ใหญ่ก็คือ พ่อแม่ที่ให้ความอบอุ่นกับลูก แต่ในนิยามของคนอื่นผมก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร แต่เชื่อเถอะครับว่า การที่เราอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ สักวันหนึ่งเราก็จะเติบโต เพราะร่มไม้ใหญ่ให้ร่มเรา ให้อาหารเรา ให้สิ่งดี ๆ กับต้นไม้เล็ก ๆ ที่อยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ สักพักต้นไม้เล็ก ๆ ก็จะเติบโต วิ่งไปหาแสงแดด และอาจจะเติบโตยิ่งใหญ่ และสามารถเป็นร่มไม้ใหญ่ให้กับร่มไม้ได้”

“เพราะฉะนั้นเชื่อเถอะครับว่า อยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ แล้วคุณจะมีความสุข สดชื่น ร่มเย็น ชีวิตสงบอยู่ได้ร่มไม้ใหญ่ดีที่สุดครับ” สมจิตรกล่าวทิ้งท้าย

‘ก้อง ห้วยไร่’ กระอัก!! โซเชียลผุดแบนผลงาน ซัด!! เป็นนักร้องปากไม่ดี แถมเนรคุณแผ่นดิน

(22 พ.ย. 66) เพจ ‘The Critics’ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับนักร้องดัง ‘ก้อง ห้วยไร่’ ที่มีข่าวแว่วว่าถูกเลิกจ้าง โดนแบนผลงานเพลง เพราะเป็นนักร้องปากไม่ดี โดยระบุว่า…

เดือดปรอทแตก!!!
โซเชียล ผุดแบนงานเพลง
เลิกจ้าง ก้อง ห้วยไร่ 
ซัด นักร้องปากไม่ดี เนรคุณแผ่นดิน?

จากกรณีของนักร้องดัง อย่างคุณก้อง ห้วยไร่ ที่กำลังตกเป็นประเด็นให้พูดถึงอยู่ในสังคมขณะนี้ เรียกว่าเจอทัวร์ลงอย่างหนัก ทั้งเกิดกระแสแบนสินค้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ หรือชาวบ้านห้วยไร่ ที่ออกมาเรียกร้องให้หยุดใช้คำว่า ห้วยไร่ ซึ่งถือว่าเดือดมากเลยทีเดียว

ล่าสุดทางด้านของผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่ง ได้ออกมาอัดคลิปฟาดอย่างแรงเลยว่า วันนี้ก็จะมาทําคลิปฝากถึง ก้อง ห้วยไร่ หน่อยนะ เที่ยวออกมาเปรียบเปรยประชดสังคมว่า เด็ก ๆ เคยโดนสอนมาว่า ถ้าไปอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่จะไม่เห็นแสงอะไรประมาณนั้นน่ะ ผมไม่รู้มึ..คิดอะไรหรอก ไม่รู้ว่ามึ..จะหมายถึงใคร ผมไม่อยากพูดหรอก ผมรู้ว่ามึ...หมายถึงใคร แต่ผมไม่อยากพูดถึงนะ ผมรู้ว่ามึ..จะพูดอะไร รู้นะมึ...ไอ้ก้องว่ามึ...จะพูดอะไรนะ ผมว่าคนอีสานเลิกฟังเพลงมันแล้วล่ะ ไอ้ก้องคนเนี้ยเลิกฟังเพลงมันได้แล้ว เสื่อม
ไอ้คนคนนี้ นักร้องคนนี้ พาคนอีสานเสื่อมคุณรู้เปล่า คุณเลิกฟังเพลงไม่ได้แล้วเชื่อผมเถอะอย่าไปฟังเลย แฟนคลับที่เป็นสาวกมันน่ะ เลิกติดตามมันได้แล้ว

คุณจะเสื่อม มันไปเสื่อมไปด้วยตามตัวมันน่ะ สันดา....ไม่ดี ไอ้ก้อง ห้วยไร่ คุณรู้เปล่ามันเป็น...มันมีคนออกมาแฉ อยู่เนี่ย

‘อนุทิน’ เยือน ‘สิงคโปร์’ ร่วมถก รมต.อาเซียน ด้านการพัฒนาชนบท พร้อมชู ‘ลดรายจ่าย-เพิ่มรายได้-ขยายโอกาส-ขจัดความยากจน’

(22 พ.ย. 66) ที่แซนด์ เอ็กซ์โป แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ (Sands Expo & Convention Centre) สาธารณรัฐสิงคโปร์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะผู้บริหาร ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน ด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ 13 (13th AMRDPE) ‘การเสริมสร้างความเข้มแข็งโดยใช้ชุมชนเป็นฐานราก และการคุ้มครองทางสังคม เพื่อการบรรเทาความยากจน’

นายอนุทิน กล่าวถ้อยแถลงในหัวข้อการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ครั้งที่ 13 โดยได้นำเสนอความคืบหน้าของประเทศไทยในการดำเนินนโยบายเพื่อแก้ปัญหาความยากจน ซึ่งนับแต่ปี 2021 ประเทศไทยมีสถิติประชากรในกลุ่มผู้ยากไร้ลดลง และมีพัฒนาการด้านรายได้ การศึกษา การสาธารณสุข และคุณภาพชีวิตโดยรวมดีขึ้นโดยลำดับ เมื่อพิจารณาจากดัชนีชี้วัดความยากจนหลายมิติ (Multidimensional Poverty Index – MPI) สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยได้ฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด และผ่านช่วงเลวร้ายที่สุดมาแล้ว

นายอนุทิน ย้ำว่า อย่างไรก็ดี ไทยยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำเพื่อขจัดความยากจน โดยแนวทางนโยบายของรัฐบาลจะเน้นเรื่องการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ซึ่งในส่วนของการลดภาระด้วยสวัสดิการต่าง ๆ ก็ได้มีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวกับค่าน้ำ ค่าไฟ ลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษา และขยายสิทธิด้านการสาธารณสุข รวมถึงสวัสดิการผู้สูงวัยมาโดยลำดับ

ในส่วนของการเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน นายอนุทินได้ย้ำถึงภาคส่วนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ คือ ‘ภาคเกษตรกรรม’ ซึ่งรัฐบาลมีแผนที่จะเน้นการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี มาสนับสนุนการเพิ่มผลผลิตในแนวทางสมาร์ตฟาร์มมิ่ง นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีโครงการจับคู่การลงทุน เพื่อสนับสนุนให้เกิดกิจการสตาร์ตอัปขึ้น เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจให้กับประชาชนด้วย

สุดท้ายในด้านการขยายโอกาสสำหรับประเทศไทย นายอนุทิน ได้กล่าวต่อที่ประชุมว่า นอกจากโอกาสทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวซึ่งเป็นจุดเด่นตลอดมา ประเทศไทยกำลังอยู่ในกระบวนการของการทำงานเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ด้วยการพิจารณาต้นทุนทางวัฒนธรรมเพื่อนำมาต่อยอด สร้างประสบการณ์ต่อประชาคมโลกผ่านการท่องเที่ยว สินค้า บริการ และความคิดสร้างสรรค์ต่าง ๆ 

รองนายกรัฐมนตรีของไทย ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลต่อที่ประชุมถึงกลไกการดำเนินนโยบาย ผ่านเครือข่ายการปกครองของกระทรวงมหาดไทยที่มีอยู่ทั่วประเทศ และให้ความมั่นใจว่า ไทยยินดีให้ความร่วมมือกับประเทศอาเซียนทั้งในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และต่อยอดความเป็นหุ้นส่วนในด้านต่าง ๆ ต่อไป

ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของการประชุม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังได้ยืนยันถึงความพร้อมของประเทศไทย ในการเป็นเจ้าภาพการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน ด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ 14 ในปี พ.ศ. 2568 อีกด้วย

‘ซูซาน ซาแรนดอน’ นักแสดงดีกรีออสการ์ ถูกฉีกสัญญา เพียงเพราะเธอออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุน ‘ปาเลสไตน์’

‘UTA’ เอเจนซีดาราฮอลลีวูดชื่อดัง ประกาศฉีกสัญญาของ ‘ซูซาน ซาแรนดอน’ ดาราฮอลลีวูดรุ่นใหญ่ชื่อดังมากฝีมือ ดีกรีรางวัลออสการ์เป็นที่เรียบร้อย เพียงเพราะเธอแสดงจุดยืนสนับสนุนกลุ่มปาเลสไตน์ โดยเฉพาะช่วงสัปดาห์ที่มีการใช้กำลังทหารโจมตีฉนวนกาซา จนตอนนี้มียอดผู้เสียชีวิตชาวปาเลสไตน์พุ่งขึ้นถึง 13,000 คน

สื่ออเมริกันรายงานว่า ‘ซูซาน ซาแรนดอน’ แสดงจุดยืนเคียงข้างฝ่ายปาเลสไตน์ และ เข้าร่วมเดินขบวนกับกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ในมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา อย่างน้อย 2 ครั้ง พร้อมได้กล่าวคำปราศรัยต่อหน้าฝูงชนอีกด้วย ซึ่งในส่วนหนึ่งของคำปราศรัย เธอได้กล่าวว่า…

“ในตอนนี้ มีคนจำนวนมากกลัวที่จะเป็นคนยิว และเริ่มรับรู้ถึงรสชาติของการเป็นชาวมุสลิมในประเทศนี้”

นอกจากนี้ ซูซาน ซาแรนดอน ยังให้กำลังใจชาวอเมริกันที่ออกมายืนหยัด และต่อสู้เพื่อชาวปาเลสไตน์ว่า ผู้คนเริ่มตั้งคำถาม และหาข้อมูลเกี่ยวกับปาเลสไตน์มากขึ้น และเริ่มรับรู้ถึงการล้างสมองของรัฐบาลที่เกิดขึ้นตั้งแต่เด็กแล้ว เธอจึงต้องการสนับสนุนให้ผู้ที่เห็นด้วย ออกมาร่วมชุมนุมอย่างเข้มแข็ง อดทน และกล้าที่จะพูดออกมา พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณชาวยิวในสหรัฐฯ ที่ออกมาช่วยเหลือกิจกรรมเพื่อชาวปาเลสไตน์ในครั้งนี้อีกด้วย

การแสดงออกของ ซูซาน ซาแรนดอน ทำให้เธอถูกโจมตีว่า ‘ฝักใฝ่ลัทธิต่อต้านชาวยิว’ ซึ่งเธอปฏิเสธมาตลอดว่า “ไม่ใช่!!”

แต่จุดยืนของเธอคือ ‘ต่อต้านสงคราม ลัทธิเผด็จการ และการกดขี่’ มาโดยตลอด และเป็นที่รู้กันทั่วไปว่า นอกจากการเป็นนักแสดงคุณภาพ เจ้าของรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง ‘Dead Man Walking’ ในปี 1995 และคว้ารางวัลด้านการแสดงอีกนับไม่ถ้วน เธอยังเป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน และการต่อต้านสงครามตัวยง นอกจากนี้ เธอยังเคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ‘ทูตสันถวไมตรี’ อย่างเป็นทางการขององค์กร ‘UNICEF’ มาแล้ว

แต่เมื่อเธอออกมาประกาศจุดยืนสนับสนุนปาเลสไตน์ เพราะไม่ต้องการเห็นการโจมตีพลเรือนในฉนวนกาซา กลับเป็นเหตุให้เธอ ‘ถูกยกเลิกสัญญา’ จากเอเจนซี ที่ดูแลเธอมานานตั้งแต่ปี 2014

และไม่ใช่แค่ ซูซาน ซาแรนดอน เท่านั้น ที่ได้รับผลกระทบจากการออกมาสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ ล่าสุด ‘เมลิสซา บาร์เรลา’ นักแสดงและนักร้องสาวเชื้อสายเม็กซิกัน หนึ่งในนักแสดงนำจาก ‘Scream VI’ ถูก ‘Spyglass’ บริษัทผู้สร้าง ตัดเธอออกจากทีมนักแสดงหนังสยองขวัญภาคต่อ ‘Scream VII’ ด้วยข้อกล่าวหาว่า ‘เธอเป็นพวกฝักใฝ่ลัทธิต่อต้านยิว’ หลังจากที่เธอได้โพสต์ข้อความลงใน Instagram สนับสนุนปาเลสไตน์ และกล่าวหาปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซาว่าเป็น ‘การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’

รวมถึง ‘มาฮา ดาห์ฮิล’ หนึ่งในผู้บริหารระดับสูงของ ‘CAA’ บริษัทเอเจนซียักษ์ใหญ่อีกแห่งของฮอลลีวูด ที่ถูกกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง เพียงเพราะเธอโพสต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสงครามระหว่าง ‘อิสราเอล-ฮามาส’ ผ่าน Instagram ด้วยข้อความสั้นๆ ว่า “คุณเริ่มรู้แล้วหรือยัง? ว่าใครกันแน่ที่สนับสนุนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” แม้ในเวลาต่อมาเธอจะได้ออกมากล่าวขอโทษ และลบโพสต์ของเธอไปในภายหลังแล้วก็ตาม

จึงทำให้รู้ว่า แม้ในประเทศเสรีอย่าง ‘สหรัฐอเมริกา’ ก็ใช่ว่าจะมี ‘เสรีภาพในการพูด’ หรือสามารถแสดงความคิดเห็นได้ดั่งใจในทุกเรื่องอย่างที่หลายคนเข้าใจ แม้จะมีเจตนาในการยุติสงคราม และความรุนแรงก็ตาม เพราะทุกที่มีอำนาจทางการเมืองที่เรามองไม่เห็นแอบแฝงอยู่เสมอ

‘เอ็นอาร์พีที’ ลุยตลาดสุขภาพ เปิดโรงงาน Plant & Bean ผลิตอาหารโปรตีนจากพืช ขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน

เมื่อไม่นานมานี้ ‘เอ็นอาร์พีที’ (NRPT) บริษัทร่วมทุน อินโนบิก-เอ็นอาร์เอฟ ลุยตลาดโภชนาการเพื่อสุขภาพ เปิดโรงงานแพลนท์ แอนด์ บีน (ประเทศไทย) ผลิตอาหารโปรตีนจากพืช (Plant-based food) ด้วยเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงจากประเทศอังกฤษ ขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน กำลังผลิตสูงสุด 2.5 หมื่นตัน พร้อมดันไทยเป็นฐานการผลิตอาหารแห่งอนาคตของโลก

ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด กล่าวว่า จากการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารและโภชนาการเพื่อสุขภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศ ถือเป็นความท้าทายและเป็นโอกาสของประเทศไทยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม รองรับการขยายตัวของตลาดอาหารแห่งอนาคต กลุ่มผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืช ก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของการพัฒนา โดยโรงงาน แพลนท์ แอนด์ บีน (ประเทศไทย) จะเป็นฐานการผลิตให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคตทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยมาตรฐานฮาลาลและมาตรฐานความปลอดภัยอาหารสากลจากสมาคมผู้ค้าปลีกแห่งสหราชอาณาจักร (The British Retail Consortium : BRC) ซึ่งอยู่ระหว่างการรับรอง และโรงงานแห่งนี้ เป็นโรงงานผลิตอาหารโปรตีนจากพืช 100% แห่งแรกในประเทศไทย และมีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน มีกำลังการผลิตสูงสุดที่ 25,000 ตัน โดยจะเริ่มเปิดดำเนินการในระยะแรกที่กำลังการผลิต 3,000 ตันต่อปี 

“โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ กลุ่มอาหารพร้อมปรุง (Ready to cook) เช่น เนื้อสับ มีทบอล และกลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน (Ready to eat) เช่น ไส้กรอก นักเก็ต และเกี๊ยวซ่า ซึ่งนอกจากจุดแข็งด้านประสิทธิภาพการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีระดับโลก ให้ผลิตภัณฑ์มีเนื้อสัมผัส รสชาติ และรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์จริง อร่อย ทานง่ายแล้ว ผลิตภัณฑ์ยังมาจากพืชที่ไม่ได้รับการตัดต่อสารพันธุกรรม (Non-GMO) และมีโปรตีนสูง 

ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนานวัตกรรมอาหารให้เหมาะแก่การดูแลสุขภาพ ทำให้ผู้บริโภคหันมาบริโภคอาหารโปรตีนจากพืชมากขึ้น ขณะเดียวกันโรงงานดังกล่าวใช้พลังงานแสงอาทิตย์มาผลิตเป็นไฟฟ้าใช้ในกระบวนการผลิต ลดต้นทุน และลดการปล่อยก๊าซ CO2 ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม และ NRPT ยังได้มีความร่วมมือกับผู้ผลิตอาหารแห่งอนาคตของไทย ในการพัฒนานวัตกรรมอาหาร อีกทั้งยังมีเป้าหมายในการเป็นตัวสร้างความต้องการให้เกิดปริมาณการผลิตจากต่างประเทศ เพื่อให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ รวมไปถึงการดึงเอาวัตถุดิบในประเทศมาต่อยอดการผลิตในอนาคต เพิ่มศักยภาพการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารอนาคต เพื่อความยั่งยืนทางสุขภาพของคนไทย” ดร. บุรณิน กล่าว

‘ปตท.’ ได้รับยกย่อง ‘หุ้นยั่งยืน’ ระดับสูงสุด AAA พร้อมคว้า 3 รางวัลเกียรติยศจาก ‘SET Awards 2023’

เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 66 นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ปตท. ได้รับรางวัล SET Awards ประจำปี 2023 ที่จัดขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ วารสารการเงินธนาคาร รวม 3 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จด้านความยั่งยืน (Sustainability Awards of Honor) รางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จด้านนวัตกรรม (Innovative Company Awards of Honor) และรางวัลบริษัทจดทะเบียนด้านนักลงทุนสัมพันธ์ดีเด่น (Outstanding Investor Relations Awards) สะท้อนความมุ่งมั่นของ ปตท. ที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานอย่างยั่งยืน ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี ตลอดจนให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม ชุมชนและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายอย่างสมดุล

รางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จด้านความยั่งยืน หรือ Sustainability Awards of Honor นับเป็นปีที่ 3 ที่ ปตท. คว้ารางวัลสุดยิ่งใหญ่นี้ซึ่งเป็นผลจากการรักษาความยอดเยี่ยมจนได้รับ Best Sustainability Awards ติดต่อกันมาอย่างยาวนาน รวมถึงได้รับผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ในระดับสูงสุด AAA แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของ ปตท. ในการก้าวข้ามผ่านความท้าทายต่าง ๆ พร้อมเป็นผู้นำสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero Emissions ในปี 2050 ตามแนวทางการดำเนินงาน 3P (Pursuit of Lower Emissions, Portfolio Transformation และ Partnership with Nature and Society) โดยในปีที่ผ่านมา ปตท. ได้กำหนดทิศทางกลยุทธ์ที่ชัดเจน ทั้งการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้นักลงทุนมาลงทุนใน ปตท. 

สำหรับ รางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จด้านนวัตกรรม หรือ Innovative Company Awards of Honor ที่ ปตท. ได้รับในครั้งนี้ สืบเนื่องจากได้รับ Best Innovative Company Awards ต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน จากผลงานการพัฒนานวัตกรรม ‘ตัวเร่งปฏิกิริยา PTT SCR’ (Selective Catalytic Reduction) ที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการกำจัดก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (Nitrogen oxide, NOX) ในไอเสียจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรม เป็นก๊าซพิษที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง รวมทั้งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดฝนกรดและ PM2.5 ซึ่งนวัตกรรมนี้ได้รับการจดอนุสิทธิบัตรถึง 3 รายการ มีประสิทธิภาพการใช้งานได้นาน 10 ปี สามารถใช้ได้ที่อุณหภูมิต่ำ และความร้อนที่เหลือไปใช้ประโยชน์อื่น ๆ ได้  ช่วยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ เพิ่มโอกาสในการสร้างธุรกิจด้านตัวเร่งปฏิกิริยา ปัจจุบันได้ถูกนำไปใช้งานที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ปตท. มากกว่า 2 ปี และอยู่ระหว่างต่อยอดเชิงพาณิชย์ขยายผลการใช้งานไปยังกลุ่มต่าง ๆ ทั้งในและนอกกลุ่ม ปตท.

นอกจากนี้ ปตท. ได้คว้ารางวัลบริษัทจดทะเบียนด้านนักลงทุนสัมพันธ์ดีเด่น หรือ Outstanding Investor Relations Awards กลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงกว่า 1 แสนล้านบาท ถือเป็นความสำเร็จในฐานะบริษัทจดทะเบียนในตลาดทุนไทยที่ได้รับการยอมรับจากนักวิเคราะห์และนักลงทุนในประเทศอีกด้วย

“ปตท. ขอขอบคุณนักวิเคราะห์ นักลงทุน ผู้ถือหุ้น และผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุรกิจ ส่งผลให้ ปตท. ได้รับรางวัลอันทรงคุณค่าในครั้งนี้ นับเป็นความภาคภูมิใจ ในฐานะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดย ปตท. พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม รุกสู่ธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน สอดรับกับการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานในอนาคต เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมใหม่และพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรมไปด้วยกัน” นายอรรถพล กล่าว

‘น้องภีม’ ควาญช้างวัย 11 ขวบ โชว์ลีลาขี่ ‘พลายปีโป้’ นำแห่หน้าขบวนกลองยาว ในงานทอดกฐินที่เมืองตรัง

(22 พ.ย. 66) ช่วงนี้เป็นเทศกาลงานทอดกฐินสามัคคี วัดต่าง ๆ จึงมีงานทอดกฐินหลังวันออกพรรษาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจเกี่ยวเนื่องหลายกิจการมีรายได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มคนเลี้ยงช้างในจังหวัดตรัง ซึ่งมักจะได้รับการว่าจ้างให้นำช้างแสนรู้ ไปแห่นำหน้าขบวนกลองยาว สร้างสีสันและเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับเจ้าภาพ

โดยล่าสุด ในขบวนแห่ช้างได้พบกับควาญช้างที่วัย 11 ขวบเป็นนักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนบ้านห้วยเร็จ ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง ชื่อว่า เด็กชาย วีระวัฒน์ นุ้ยเร็ต หรือ ‘น้องภีม’ อายุ 11 ขวบ ขี่ช้าง ‘พลายปีโป้’ อายุ 20 ปีมาร่วมขบวนแห่ไปตามถนนสายนาบินหลา-ทุ่งชน ตำบลนาบินหลา อำเภอเมืองตรัง เป็นระยะทางกว่า 3 กิโลเมตรได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่แพ้บรรดาควาญช้างรุ่นใหญ่ โดยมีญาติ ๆ ขี่ช้างเชือกอื่นมาร่วมขบวนด้วย

น้องภีม ได้โชว์ลีลาการบังคับช้าง การขึ้นลงบนหลังช้างแบบสบาย ๆ สร้างความประทับใจให้กับชาวบ้านได้เป็นอย่างมาก และเมื่อสอบถามน้องภีมจึงทราบว่า บ้านคุณลุงและคุณน้าของน้องภีมเลี้ยงช้างมานานหลายปีแล้ว ทำให้น้องภีมเห็นช้างมาตั้งแต่เกิด จึงมีความรักความผูกพันและหัดขี่ช้างมาตั้งแต่อายุ 4-5 ขวบ จนกระทั่งอายุ 10 ขวบ น้องภีม จึงเริ่มขี่ช้างออกงานได้ แต่ยังต้องมีคุณลุงหรือคุณน้าคอยจูงช้างให้

น้องภีม มักจะใช้เวลาว่างในช่วงวันหยุด ตามญาติไปขี่ช้าง รับจ้างเดินป่า ชักลากไม้ยางพารา งานท่องเที่ยว และงานบุญงานทอดกฐินต่างๆ ทำให้มีประสบการณ์มากขึ้น ถือเป็นควาญช้างที่อายุน้อยที่สุดใน จ.ตรัง ซึ่งก็ได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมาก ส่วนรายได้ญาติจะแบ่งปันให้เป็นค่าขนมไปโรงเรียนครั้งละไม่กี่บาท ซึ่งน้องภีมไม่ได้สนใจ แค่ได้ขี่ช้างไปร่วมงานก็พอใจแล้ว  สำหรับช้างที่น้องภีมชอบขี่มี 2 เชือก ชื่อว่าพลายกล้วยกับพลายปีโป้ เนื่องจากเป็นช้างที่โตมาด้วยกัน มีนิสัยดี ไม่ดุร้าย สวยสง่า และไม่ตื่นกลัวคน ซึ่งในอนาคตญาติอยากจะให้น้องภีมเป็นควาญช้างสืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น หลังเห็นแววว่าน้องภีมทำหน้าที่นี้ได้ดีและมีใจรักมาตั้งแต่เด็ก

โดย ด.ช.วีระวัฒน์ นุ้ยเร็ต หรือน้องภีม กล่าวว่า ช้างที่ขี่ได้ชื่อพลายปีโป้กับพลายกล้วย ซึ่งตนขี่แล้วรู้สึกชอบมาก โดยมากับคุณตา ที่บ้านไม่ได้เลี้ยงช้างแต่ตาเลี้ยง ขี่แล้วรู้สึกสนุก ชอบมาก โตขึ้นก็อยากจะเป็นควาญช้างด้วย

นายอนุพงศ์ จันทร์สุข อายุ 33 ปีน้าชายของน้องภีม กล่าวว่า น้องภีมชอบขี่ช้างมาตั้งแต่อายุ 4-5 ขวบแล้ว ซึ่งน้องภีมชอบตามไปชักลากไม้ แม้ที่บ้านของน้องภีมจะไม่ได้เลี้ยงช้าง ส่วนตนเป็นน้าชายมีช้างอยู่ 1 เชือก ชื่อพลายปีโป้ที่น้องภีมชอบขี่ เวลาไปทำงานน้องภีมจะชอบตาม โดยบังคับช้างด้วยการพาขี่ไปไกลได้ถึง 10 กิโล หากโตขึ้นก็อยากให้น้องภีมเป็นควาญช้างต่อไป

‘สำนักจุฬาราชมนตรี’ ประกาศแต่งตั้ง ‘อรุณ บุญชม’ ดำรงตำแหน่ง ‘จุฬาราชมนตรี คนที่ 19’ ของไทย

(22 พ.ย. 66) ที่อาคารหอประชุม ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติกรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย ถนนคลอง 9 แขวงคลองสิบ เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมสรรหาและให้ความเห็นชอบผู้ที่จะดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรีคนใหม่ ด้วยนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรีคนที่ 18 แห่งราชอาณาจักรไทย ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2566 จึงเป็นเหตุให้ตำแหน่งจุฬาราชมนตรีว่างลง

ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้ที่จะดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรี มี 3 คนด้วยกัน ประกอบด้วย หมายเลข 1 นายประสาน ศรีเจริญ ตำแหน่งรองประธานผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี หมายเลข 2 นายอรุณ บุญชม ตำแหน่งประธานกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร หมายเลข 3 นายวิสุทธิ์ บินล่าเต๊ะ ตำแหน่งอิหม่ามประจำมัสยิดบ้านเหนือจังหวัดสงขลา

จากนั้นเวลา 13.10 น. นายชาดาประกาศผลการนับคะแนน ปรากฏว่า นายอรุณ บุญชม ตำแหน่งประธานกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร หมายเลข 2 ได้รับการเลือกตั้งเป็น จุฬาราชมนตรี คนที่ 19 ด้วยคะแนน 427 คะแนน

สำหรับผู้มีสิทธิลงคะแนนในครั้งนี้มี 723 คน

หมายเลข 1 นายประสาน ศรีเจริญ ได้รับคะแนนเสียง 129 คะแนน
หมายเลข 2 นายอรุณ บุญชม ได้รับคะแนนเสียง 471 คะแนน
หมายเลข 3 ดร.วิสุทธิ์ บินล่าเต๊ะ ได้รับคะแนนเสียง 115 คะแนน 

บัตรดี 715 บัตรเสีย 7 ไม่ประสงค์ออกเสียง 1

สำหรับประวัติ นายอรุณ บุญชม เรียนจบปริญญาตรี สาขาอัลฮะดีษและอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยอิสลาม นครมาดีนะห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ปริญญาตรี สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เคยเป็นอาจารย์สอนอิสลามศึกษาและภาษาอาหรับระดับ ‘ซานะวีย์’ โรงเรียนมิฟตาฮุ้ลอุลูมิดดีนียะห์ (บ้านดอน) เป็นวิทยากรบรรยายศาสนธรรมให้แก่สถาบันและองค์กรต่างๆ

นอกจากนั้นยังเป็นอิหม่ามประจำมัสยิดดารุ้ลมุห์ซีนีน (สุเหร่าบ้านดอน) กรุงเทพมหานคร เป็นประธานคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร เป็นรองประธานกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ประธานคณะผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี ประธานคณะกรรมการเมืองไทยชารีอะห์ อุปนายกสมาคมคุรุสัมพันธ์อิสลามแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top