Wednesday, 14 May 2025
NewsFeed

รมว.เกษตรฯ พอใจผลงานขายทุเรียนไปจีนด้วยแพลตฟอร์มใหม่ ผ่านระบบสั่งซื้อล่วงหน้าล็อตแรกสำเร็จ ย้ำนโยบายคุณภาพสำคัญสุด ด้าน ‘อลงกรณ์’ เผยสื่อจีนเด้งรับแพร่ข่าวกระหึ่มแดนมังกร มอบทูตเกษตรขยายผลบุกทุกมณฑลจีน ตั้งเป้าหมายใหม่ ขาย 20 ตัน ใน 1 ชั่วโมง

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เปิดเผยวันนี้ (28 เม.ย.) ว่า เครื่องบินเช่าเหมาลำของสายการบินเซินเจิ้นแอร์ไลน์ที่นำทุเรียนเกรดพรีเมี่ยม 20 ตันจากสหกรณ์เมืองขลุง จังหวัดจันทบุรีเดินทางถึงที่สนามบินเซินเจิ้นแล้วเมื่อเช้ามืดวันนี้ โดยผู้ประกอบการจีนได้จัดส่งแบบ Delivery ถึงลูกค้าซึ่งสั่งซื้อล่วงหน้าทันที

ทั้งนี้ เป็นการส่งออกทุเรียนด้วยการจำหน่ายออนไลน์ระบบสั่งซื้อล่วงหน้า (Pre-Order) ครั้งแรก โดยลูกค้าจ่ายเงินสั่งจองผ่านระบบออนไลน์มาก่อน ซึ่งล็อตแรกจำนวน 20 ตัน ขายหมดภายในไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น หลังจากนี้ จะประสานงานกับทูตเกษตรไทยทั้ง 8 สำนักงานในจีน ช่วยขยายผลรุกตลาดจีนทุกมณฑล

“ได้รายงานผลดำเนินการต่อท่านรัฐมนตรี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้แล้ว ท่านพอใจผลงานขายทุเรียนแบรนด์ไทยไปจีนด้วยแพลตฟอร์มใหม่ระบบสั่งซื้อล่วงหน้าล็อตแรกสำเร็จและสั่งการให้เน้นเรื่องคุณภาพเป็นนโยบายสำคัญที่สุด”

นายอลงกรณ์ เปิดเผยด้วยว่า ทางสำนักงานทูตเกษตรไทยในจีนรายงานว่าสื่อมวลชนในจีนได้ลงข่าวกันอย่างครึกโครม ซึ่งเป็นการช่วยเผยแพร่ทุเรียนแบรนด์ไทยสู่ตลาด 1,400 ล้านคนแบบชั่วข้ามคืน

นอกจากนี้ได้ประสานกับบริษัท โรยัลฟาร์ม กรุ๊ป ซึ่งเป็นเจ้าแรกที่ใช้แพลตฟอร์มระบบสั่งซื้อล่วงหน้าเก็บข้อมูลความพึงพอใจของลูกค้าในจีนและพฤติกรรมการบริโภคทุเรียน เช่น นิยมทุเรียนพันธุ์อะไร ขนาดผลเล็กหรือใหญ่ ชอบรสชาติอย่างไร แต่ละมณฑลนิยมทานหวานมากหรือหวานน้อย เป็นต้น

จากข้อมูลการสั่งซื้อเบื้องต้นพบว่า ลูกค้าในเมืองซึ่งเป็นครอบครัวขนาดเล็กจะสั่งทุเรียนผลเล็กทานเสร็จไม่ต้องเก็บรักษา ส่วนลูกค้าชานเมืองซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่นิยมสั่งผลใหญ่รับประทานได้หลายคนโดยจะนำข้อมูลมาเก็บในบิ๊กดาต้าทำการวิเคราะห์เพื่อนำไปพัฒนาการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ตามนโยบายตลาดนำการผลิตของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

“จากการพูดคุยกับผู้บริหารบริษัทโรยัลฟาร์มกรุ๊ปซึ่งเป็นเจ้าแรกที่เปิดขายระบบสั่งซื้อล่วงหน้าแสดงความมั่นใจว่าในการเปิดจองระบบสั่งซื้อล่วงหน้าในจีนล็อตแรก 20 ตันเกือบ 1 หมื่นลูกจบในเวลาไม่กี่ชั่วโมงและด้วยคุณภาพที่สหกรณ์เมืองขลุงจันทบุรีคัดสรรมาอย่างดีรวมทั้งสื่อจีนขานรับช่วยตีข่าวอย่างกว้างขวางจึงตั้งเป้าว่าล็อตต่อ ๆ ไปจะใช้เวลาขาย 20 ตันในเวลา 1ชั่วโมง”

ก.ก.ร.4 เสนอ 4 ประเด็นหลัก ช่วยรัฐเร่งแก้ปัญหา ทั้งการกระจายวัคซีน การสร้างความเชื่อมั่น การประชาสัมพันธ์ และการสนับสนุนอำนวยความสะดวก และการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม สศช. จับมือ สมช.ประสานช่วยตั้งแต่พรุ่งนี้

วันที่ 28 เมษายน พ.ศ.2564  ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางความร่วมมือการจัดหาวัคซีนระหว่างภาครัฐและเอกชน ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังที่ช่วงเข้า ได้ประชุมร่วมกับคณะกรรมการหอการค้าไทย เพื่อหารือและนำเสนอแนวทางการทำงานของหอการค้าไทยในการขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ 

ภายหลังการประชุม นายดนุชา พิชยนันท์ รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เลขาธิการ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือ  สศช. เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการประชุมร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันหรือ ก.ก.ร. ซึ่งเป็นการหารือเกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการบริหารจัดการด้านวัคซีนซึ่งจะเริ่มมีเข้ามาในเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป โดยภาคเอกชนมีข้อเสนอที่จะเข้ามาช่วยภาครัฐในการกระจายวัคซีนและการจัดสถานที่ต่างๆที่จะทำให้เป้าหมายการฉีดวัคซีนในช่วงสิ้นปีนี้ คือในเดือนธันวาคม 2564 สามารถบรรลุเป้าหมาย 50 ล้านคนได้ ซึ่งวันเดียวกันนี้นายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบข้อเสนอที่ทางภาคเอกชน ที่มาจากการทำงานร่วมกันได้เสนอ 4 เรื่อง ประกอบด้วยเรื่องของการกระจายวัคซีน การสร้างความเชื่อมั่น การประชาสัมพันธ์ และการสนับสนุนอำนวยความสะดวกต่างๆรวมทั้งเรื่องการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม ซึ่งทางรัฐบาลได้รับข้อเสนอดังกล่าวและเร่งประสานงานทั้งหมดให้เกิดผลอย่างรวดเร็ว

นายดนุชา กล่าวว่า ในเรื่องของการกระจายวัคซีน ทางนายกรัฐมนตรีและที่ประชุมเห็นชอบให้แนวทางความร่วมมือระหว่างภาครัฐภาคเอกชนในการใช้กลไกของฝั่งภาคเอกชนเข้ามาช่วยเสริมในการจัดจุดฉีดวัคซีน และการกระจายวัคซีนในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลรวมทั้งจังหวัดต่างๆ ซึ่งในต่างจังหวัดจะผ่านกลไกของ กรอ. จังหวัดและกลุ่มจังหวัด โดยร่วมมือกับทางกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทยในการเร่งรัดดูแลเรื่องการจัดสถานที่รวมทั้งการดูแลเรื่องการกระจายวัคซีนเมื่อมีวัคซีนเข้ามาในพื้นที่ รวมทั้งเปลี่ยนในเรื่องของอุปกรณ์ บุคลากรที่จะเข้ามาช่วยเสริมในการบริหารจัดการตามจุดต่างๆที่มีการฉีดวัคซีน นอกจากนี้ในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ซึ่งภาคเอกชนรับที่จะเข้ามาช่วยภาครัฐในการประชาสัมพันธ์เรื่องของการจัดหาวัคซีนและเรื่องการบริหารจัดการวัคซีนรวมทั้งการฉีดวัคซีนเพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะได้มีความชัดเจนในแง่การรับรู้ของวัคซีน รวมทั้งการสนับสนุนการอำนวยความสะดวกในระบบงานต่างๆซึ่ง ปัจจุบันระบบการลงทะเบียนเราใช้การลงทะเบียนของหมอพร้อม ซึ่งภาคเอกชนพร้อมที่จะเข้ามาสนับสนุนในแง่ของตัวระบบต่างๆทั้งช่วงระหว่างการลงทะเบียนและการฉีดวัคซีนผ่านแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม 

เลขา สศช.กล่าวว่า ข้อสรุปทั้งหมดนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นแม่งานในการประสานงานต่างๆกับภาคเอกชนโดยมีทาง สศช.และตน และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นผู้ดำเนินการประสานกับพระเอกชนในรายละเอียดต่างๆ โดยตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (29 เม.ย.) จะประสานงานในรายละเอียดด้านต่างๆเพื่อดูในแผนการกระจายวัคซีน การกำหนดจุดต่างๆเพื่อให้เกิดความชัดเจนเมื่อวัคซีนเข้ามาจะได้ทำการฉีดวัคซีนและกระจายวัคซีนไปสู่ประชาชนได้ตามเป้าหมาย

“ปธ.หอการค้าไทย” โล่ง ”บิ๊กตู่ - อนุทิน” การันตี แผนจัดหาวัคซีน ลุ้น เปิดประเทศต้นปี 65 ยัน เอกชนพร้อมช่วยสนับสนุนภาครัฐ

เมื่อวันที่28 เมษายน พ.ศ.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย ร่วมแถลงผลการหารือแนวทางความร่วมมือการจัดหาวัคซีนระหว่างภาครัฐและเอกชน ว่า ภาคเอกชน และประชาชนทุกคนคงสบายใจได้ เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้ความสบายใจว่า ภายในปี 2564 ประชาชนคนไทย ผู้ที่มาทำงาน หรือคนต่างชาติ ที่อาศัยในประเทศไทยหรือแรงงานที่มาอยู่ประเทศไทยจะได้รับการฉีดวัคซีนแน่นอน 

ขณะนี้รัฐบาลสามารถจัดหาวัคซีนได้ 100ล้านโดส จะครอบคลุมประชากร ประมาณ 70เปอร์เซ็นต์ เมื่อเป็นลักษณะนี้เราสบายใจได้ว่าจะสามารถเปิดประเทศได้ในต้นปี 2565 ส่วนภาคเอกชน ตั้งใจให้การสนับสนุนการทำงานร่วมกับภาครัฐ และขอบคุณที่ภาครัฐให้ความไว้วางใจที่จะทำงานร่วมกัน ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ซึ่งความร่วมมือเหล่านี้จะทำให้ทุกอย่างและเศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้ หากเป็นไปในลักษณะนี้ แนวทางภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ โมเดล (เปิดประเทศโดยไม่กักตัว) ก็จะเกิดขึ้นได้ในวันที่1เดือนก.ค.นี้ ตามที่รัฐบาลตั้งธงไว้ก็ไม่น่าจะพลาด ทั้งนี้การร่วมมือทำงานครั้งนี้ถือเป็นการตั้งไทยแลนด์ทีมเกิดขึ้นแล้ว

พอยิ้มออก! หลังดัชนีอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นรอบ 29 เดือน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภาคการผลิตอุตสาหกรรมเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัว โยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. 2564 อยู่ที่ระดับ 107.73 เพิ่มขึ้น 4.12%  ขยายตัวสูงสุดในรอบ 29 เดือน สะท้อนให้เห็นแนวโน้มภาคการผลิตของประเทศเติบโตตามเศรษฐกิจของโลกที่ดีขึ้น รวมถึงรัฐบาลไม่ได้ใช้มาตรการล็อกดาวน์ และกลุ่มแพร่ระบาดไม่ได้อยู่ในกลุ่มแรงงานโรงงาน 

“ภาคการผลิตอุตสาหกรรมยังคงประกอบกิจการได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับรัฐบาลยังคงมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการเราชนะ เรารักกัน คนละครึ่งเฟส 3 และประเทศไทยเริ่มทยอยฉีดวัคซีนให้ประชาชนและมีแผนบริหารจัดการวัคซีนให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายในสิ้นปี 2564 ทำให้ความเชื่อมั่นทั้งในภาคการผลิตและการบริโภคดีขึ้น”

ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิต พบว่ามีอัตราเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ ทำให้เกิดความเชื่อมั่นของผู้ผลิตและผู้บริโภค ส่งผลให้การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไม่รวมทองคำและรายการพิเศษเดือนมี.ค. 2564 ขยายตัว 25.77% เป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และเป็นการขยายตัวระดับ 2 หลักในรอบ 31 เดือน ซึ่งจากการกลับมาขยายตัวของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมนี้ ทำให้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวที่ 0.25%

กยศ. เคาะมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สู้ภัยโควิด จ่ายดีลดดอกเบี้ยให้

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีมติเห็นชอบให้ยกเลิกการกำหนดให้มีผู้ค้ำประกันการชำระเงินคืนกองทุนสำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ได้รับอนุมัติให้กู้ยืมเงินและทำสัญญากู้ยืมเงินใหม่ตั้งแต่ปีการศึกษา 2564 เป็นต้นไป 

ขณะเดียวกันยังเห็นชอบมาตรการเพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของผู้กู้ยืมเงินที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0.01% ต่อปีเป็นการเฉพาะกิจ สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืนกองทุนและไม่ได้เป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้หรือเคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้ (ปกติกองทุนคิดดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปีของเงินต้นคงเหลือ) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.– 31 ธ.ค. 2564 

พร้อมทั้ง ขยายระยะเวลามาตรการช่วยเหลือผู้กู้ยืมสู้ภัยโควิด จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2564 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2564 ทั้ง ลดเบี้ยปรับ 100% กรณีชำระหนี้ปิดบัญชี, ลดเบี้ยปรับ 80% สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีที่ชำระหนี้ค้างทั้งหมดให้มีสถานะปกติ, ลดเงินต้น 5% สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืนกองทุนและมิได้เป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้หรือเคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้ โดยชำระหนี้ปิดบัญชีในคราวเดียว และลดอัตราการคิดเบี้ยปรับเหลือ 0.5% ต่อปี สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีและไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด

นอกจากนี้ยังชะลอการฟ้องร้องดำเนินคดี สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ผิดนัดชำระหนี้ประจำปี 2563 และปี 2564 ยกเว้นคดีที่จะขาดอายุความในปี 2564 และงดการขายทอดตลาด ทรัพย์สินของผู้กู้ยืมเงิน และผู้ค้ำประกัน ที่กองทุนได้ขอให้กรมบังคับคดียึดทรัพย์ไว้จนถึงสิ้นปี 2564 โดยกองทุนจะต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้กู้ยืมเงิน และผู้ค้ำประกันที่ถูกยึดทรัพย์ รวมทั้งผู้มีส่วนได้เสีย เช่น ผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วม และผู้รับจำนองที่ยึดไว้ด้วย

ที่ประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าวในสถานการณ์การแพรร่ระบาดของโรคติดเชื้อไรรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) เห็นชอบแต่งตั้งชุดติดตามและตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าว 6 ชุด

เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2564 เวลา ที่ห้องประชุมเทียน อัชกุล ชั้น 10 กรมการจัดหางาน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าวในสถานการณ์การแพรร่ระบาดของโรคติดเชื้อไรรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ครั้งที่ 1/2564 โดยมีนายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พล.ต.ต. นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พร้อมด้วยผู้บริหารกรมการจัดหางาน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวในประเทศไทย และเน้นย้ำให้เฝ้าระวัง ตรวจสอบ คัดกรองโรคโควิด-19 ในทุกสถานประกอบการ เพื่อร่วมกันป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเคร่งครัด 

“สำหรับการประชุมวันนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งชุดติดตามและตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าว จำนวน 6 ชุด  เพื่อตรวจสอบ จับกุม ดำเนินคดี นายจ้าง/สถานประกอบการ และผู้เกี่ยวข้องที่จ้างคนต่างด้าวทำงานโดยผิดกฎหมาย คนต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองและทำงานโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งคนต่างด้าวกลุ่มที่ได้รับการผ่อนผันตามมติครม.วันที่ 29 ธ.ค. 63 ประกอบกับมติครม.วันที่ 26 ม.ค. 64 และมติครม.วันที่ 7 เม.ย. 64 แต่มิได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนด” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ชุดติดตามและตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าวทั้ง 6 ชุด จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งคนต่างด้าวที่ทำงานโดยที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิที่จะทำได้ จะมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท และจะต้องถูกส่งกลับประเทศต้นทาง ส่วนนายจ้าง/สถานประกอบการ จะถูกดำเนินคดีข้อหารับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือให้คนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิที่จะทำได้ มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หากกระทำผิดซ้ำมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 – 200,000 บาทต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หรือทั้งจำทั้งปรับ และห้ามจ้างคนต่างด้าวเป็นเวลา 3 ปี

ทบ.แจ้งเลื่อนรับทหารใหม่ จากเดิม 1-3 พ.ค. เป็น 1 และ 3 กรกฎาคม 64 สอดคล้องสถานการณ์ COVID คำนึงความปลอดภัยทหารใหม่เป็นสำคัญ

พล.ท. สันติพงศ์ ธรรมปิยะ  โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ตามที่ กองทัพบกได้ดำเนินการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้าเป็นทหารกองประจำการประจำปี 2564 ตั้งแต่วันที่ 1-20 เมษายน 2564 ซึ่งการตรวจเลือกเป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อยภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 โดยทางราชการได้มีการนัดหมาย

ให้ผู้ที่ผ่านการตรวจเลือกเข้ารายงานตัวเพื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ผลัด 1/2564 ในห้วงวันที่ 1-3 พฤษภาคม ตามที่ระบุไว้ในหมายนัดเข้ารับราชการทหาร (สด.40)  โดยมีทหารกองประจำการจะต้องเข้ามารับราชการทหาร ผลัดที่ 1/2564  จากทุกเหล่าทัพ จำนวนทั้งสิ้น 45,128 นาย ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม 387 นาย, กองบัญชาการกองทัพไทย 545 นาย, กองทัพบก 35,916 นาย (ทหารกองเกินที่มาจากการตรวจเลือก  32,709 นายและจากการรับสมัครฯ ด้วยระบบออนไลน์ 3,207 นาย), กองทัพเรือ 3,701นาย และกองทัพอากาศ 4,579 นาย 

เนื่องจากตั้งแต่ต้นเดือน เมษายน 2564 จนถึงปัจจุบัน สถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ระลอก 3 กระจายอยู่เกือบทุกจังหวัด และ ศบค.ได้ยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด งดหรือหลีกเลี่ยงกิจกรรมการอยู่ร่วมกันเป็นจำนวนมากและสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา กองทัพบกได้มีการกำหนดมาตรการและเตรียมความพร้อมเพื่อรับทหารกองประจำการเข้าหน่วยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ COVID-19 มาเป็นลำดับ เพราะตระหนักดีว่าการรวมตัวของทหารกองประจำการซึ่งเป็นช่วงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ อีกทั้ง ผู้ที่จะต้องเข้ามาประจำการในหน่วยทหารมาจากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ อาจมีความสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคในหน่วยทหาร แม้จะมีการเตรียมมาตรการรองรับไว้อย่างรอบด้านไว้แล้วก็ตาม ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของผู้ที่จะต้องเข้าประจำการในครั้งนี้ รวมถึงลดการกระจายเชื้อสู่ครอบครัวและประชาชน กองทัพบกจึงได้เสนอข้อพิจารณาตามสายการบังคับบัญชา เพื่อเลื่อนการรับทหารใหม่เข้าประจำการ ใน 1 และ 3 พ.ค.นี้ ออกไปก่อนจนกว่าระดับการแพร่กระจายของ COVID-19 จะลดลง 

ซึ่งเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2564 นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามใน ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 21 ประกาศให้ ทหารกองเกินที่ได้รับหมายนัดเพื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการ รวมถึงผู้ที่ผ่านการคัดเลือกโดยวิธีร้องขอ (กรณีพิเศษ)​ งดการเดินทางเพื่อรายงานตัวเข้ารับราชการทหารกองประจำการในวันที่ 1 และ 3 พฤษภาคม 2564 โดยกำหนดให้มารายงานตัวเพื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการในวันที่ 1 และ วันที่ 3 กรกฎาคม 2564  เป็นการเลื่อนกำหนดการเข้ารับราชการของทหารกองประจำการ ผลัดที่ 1/64 ออกไปอีก 2 เดือน

กองทัพบกจึงขอแจ้งให้ทหารกองเกินที่จะต้องเข้าประจำการผลัดที่ 1/64 ตามหมายนัดเข้ารับราชการทหาร (สด.40) ให้ไปรายงานตัวเพื่อเข้าประจำการ โดยผู้ที่กำหนดให้รายงานตัว 1 พฤษภาคม 64 ก็ให้ไปรายงานตัว 1 กรกฎาคม 64

ส่วนผู้ที่กำหนดให้รายงานตัววันที่ 3 พฤษภาคม 64 ก็ให้ไปรายงานตัววันที่  3 กรกฎาคม 64 หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่เจ้าหน้าที่สัสดีเขต/อำเภอ หรือ กองการสัสดี หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน https://sassadee.rta.mi.th โทร. 0-2223-3659

การเลื่อนกำหนดรายงานตัวเข้าประจำการดังกล่าว เพื่อควบคุมและป้องกันโรคในระดับบุคคล หน่วยทหาร และประชาชนทั่วไป  สอดคล้องกับมาตรการของ ศบค. ส่วนสิทธิของทหารกองประจำการ ที่เกี่ยวข้องกับการรับราชการทหารนั้น ยังคงเป็นไปตามปกติ

ตะโกนก้อง “แรมโบ้” ยัน “บิ๊กตู่” ไม่ควรลาออก “โว” ยังไม่เห็นจะมาแทนได้ ขอฝ่ายค้านย้อนดูตัวเองบ้างเรียกร้องให้คนอื่นลาออก เพราะอยากกลับมาเป็นรัฐบาลตัวสั่น

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงพรรคร่วมฝ่ายค้านออกแถลงการณ์ให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลาออก เพราะแก้โควิด-19 ล้มเหลว ว่า นายกรัฐมนตรีไม่ควรลาออกในเวลานี้ที่บ้านเมืองเกิดสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ผ่านมาได้แก้ไขปัญหาได้ดีอยู่แล้ว แม้จะเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ทั้ง นายกฯ รัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ ไม่เคยย่อท้อทำงานอย่างหนัก และหากนายกรัฐมนตรีลาออกตอนนี้ก็มองไม่เห็นว่าจะมีใครเข้ามาแก้ไขปัญหาได้

ในส่วนของการบริหารจัดการวัคซีนนั้นมั่นใจว่าตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ที่จะเปิดให้ประชาชนได้ลงทะเบียนฉีดวัคซีน กระบวนการต่างๆจะเดินหน้าและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ทั้งนี้จากการหารือแนวทางความร่วมมือการจัดหาวัคซีนร่วมกับภาคเอกชน ได้จัดตั้ง 4 ทีมขึ้นมาบริหารจัดการ เพื่อเร่งจัดหาและกระจายวัคซีนให้เข้าถึงประชาชนกว่า 50 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 70 ของจำนวนประชากรในประเทศ ภายในปี 2564 โดยมีทีมกระจายวัคซีน  ทีมประชาสัมพันธ์ ทีมอำนวยความสะดวก ทีมจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม ขณะที่การให้ความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจฝ่ายค้านก็ต้องยอมรับว่าต่างประเทศก็ประสบปัญหาเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ก็ช่วยเหลือประชาชน โดยมีมาตรการออกมาอย่างต่อเนื่อง

นายเสกสกล กล่าวว่า ยืนยันว่านายกรัฐมนตรี ไม่เคยสนับสนุนพวกพ้อง ทำลายผู้ที่เห็นต่างนั้น ตามที่ฝ่ายค้านกล่าวหาซึ่งหากฝ่ายค้านจะถามหาความเป็นหนึ่งเดียวของคนทั้งประเทศก็ต้องถามหาจากฝ่ายค้านมากกว่า เพราะที่ผ่านมาจ้องที่จะทำลายความรัก ความสามัคคีของคนในประเทศ ไม่เคยให้ความร่วมมือ หรือแม้แต่ให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงาน อย่างไรก็ตาม หากฝ่ายค้านจะยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ไต่สวนก็เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ แน่ไม่อยากให้ฝ่ายค้านเล่นการเมืองมากเกินไปในขณะที่ประเทศกำลังเกิดวิกฤต เชื่อประชาชนไม่เอา ย้อนดูตัวเองด้วยว่าได้ทำอะไรไปบ้างหากเทียบกับนายกรัฐมนตรี

"เป็นฝ่ายค้านนานหลายปี คงอยากกลับมามีอำนาจมากกว่า คงอยากเป็นรัฐบาลเป็นรัฐมนตรีจนตัวสั่น หรือเพราะว่าไปรับธงมาจากคนแดนไกลสั่งการมา คนประเภทนี้ ผมเคยสัมผัสมารู้ทางว่า คิดอะไรอยู่ อีกไม่ถึง 2 ปีคงอดทนไม่ไหว อดอยากปากแห้งหรือเปล่า อดีตตอนเป็นรัฐบาลก็มีแต่ข่าวเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่กลัวประชาชนลุกฮือขึ้นมาไล่อีกรอบ เหมือนตอนอดีตนายกฯ นายทักษิณ นายสมชาย นางสาวยิ่งลักษณ์ จำไม่ได้หรือไง ฝ่ายค้านทุกวันนี้น่าเบื่อหน่าย ชอบทำตามใบสั่ง ไม่สงสารประเทศชาติ  ขอร้องอย่าเอาผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก หัดคิดถึงผลประโยชน์ประชาชนบ้าง

หรือว่า อยากให้คนโกงบ้านโกงเมืองกลับมามีอำนาจอีกครั้ง บ้านเมืองจะได้ฉิบหายเหมือนในอดีต สมองคนเหล่านี้ไม่มีคุณค่าอะไรเลย แก่เกินแกง แก่เพราะอยู่นานจริงๆ ควรหยุดเล่นการเมืองในภาวะวิกฤตความเดือดประชาชนได้แล้ว" นายเสกสกลกล่าว

‘คลัง’ เผย พันธบัตรเพื่อความยั่งยืนของรัฐบาลไทย ได้รับการจดทะเบียนในตลาดหุ้นลักเซมเบิร์ก

วันที่ 29 เมษายน 2564 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลังกล่าวภายหลังพันธบัตรเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) ที่ออกโดยกระทรวงการคลัง ได้รับการจดทะเบียนใน Luxembourg Green Exchange (LGX) ของตลาดหลักทรัพย์ลักเซมเบิร์ก เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2564 โดยมีนางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ร่วมด้วย ว่า พันธบัตรเพื่อความยั่งยืนของรัฐบาลไทยได้รับการจดทะเบียนใน LGX ซึ่งถือเป็นการแสดงออกถึงความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมของผู้ออกพันธบัตร และยังเป็นการส่งเสริมความรับผิดชอบต่อการลงทุนอย่างยั่งยืนผ่านการเปิดเผยข้อมูลตราสารอย่างครอบคลุมและเป็นมาตรฐานทั้งนี้ การจดทะเบียนพันธบัตรรัฐบาลเพื่อความยั่งยืนใน LGX อยู่ในรูปแบบของ LuxSE Security Official List (LuxSE SOL) ซึ่งเป็นการนำเอาตราสารไปขึ้นทะเบียนไว้ในตลาดหลักทรัพย์โดยไม่มีการซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนตราสาร

“ที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อความยั่งยืนซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติและการแก้ไขปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ เป็นจำนวน 100,000 ล้านบาท ในรุ่น ESGLB35DA เพื่อสนับสนุนโครงการขนส่งพลังงานสะอาดในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ฝั่งตะวันออก และโครงการที่ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคมจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19” นายอาคม กล่าว

สำหรับ การขอจดทะเบียนพันธบัตรรัฐบาลเพื่อความยั่งยืนใน LGX ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) และธนาคารผู้จัดจำหน่าย เพื่อช่วยผลักดันการระดมทุนเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของรัฐบาลให้ออกไปสู่สากลและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุนให้มากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดีLGX เป็นตลาดหลักทรัพย์สำหรับตราสารเพื่อความอย่างยั่งยืน (Sustainable Securities) ชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดและมีจำนวนพันธบัตรสีเขียวที่มีการออกในโลกมากกว่า50% ขึ้นทะเบียนอยู่

'สรยุทธ' ได้โพสต์ความในใจผ่านเฟซบุ๊กโดยบอกเล่าความรู้สึกตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรือนจำจนกระทั่งได้รับการพักโทษและมีโอกาสกลับมานั่งอ่านข่าวอีกครั้งว่า...

หลังจากได้ปล่อยทีเซอร์เตรียมคัมแบ็คในเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 อีกครั้งของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ไปก่อนหน้า

ล่าสุด สรยุทธ ได้โพสต์ความในใจผ่านเฟซบุ๊กโดยบอกเล่าความรู้สึกตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรือนจำจนกระทั่งได้รับการพักโทษและมีโอกาสกลับมานั่งอ่านข่าวอีกครั้งว่า...

วันที่ผมถูกจำคุก รับโทษตามคำพิพากษา

ผมนึกถึงประโยค อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้

พูดง่าย แต่ทำยากเหลือเกิน โดยเฉพาะทำใจ

ผมพยายามมองในแง่ดีว่า อย่างน้อยมันก็จบเสียที

วันหนึ่งผมจะได้เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่

ในคุก ผมพยายามใช้เวลาให้เป็นประโยชน์

ทั้งกับเรือนจำ ทั้งกับเพื่อน ๆ ผู้ต้องขัง

แม้กระทั่งกับตัวผมเองเพื่อให้เวลามันผ่านไปได้

ในคุกไม่เคยมีความสุข

ขอแค่ทุกข์พอประมาณก็ดีถมไปแล้ว

ผมได้รับมอบหมายให้ทำ “เรื่องเล่าชาวเรือนจำ”

ให้ความรู้เรื่องโควิด-19 เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกจนนำไปสู่เหตุวุ่นวาย

ผมเสนอทำรายการ “กำลังใจสู่ชาวเรือนจำ”

เพราะผมอยากเห็นเพื่อน ๆ มีกำลังใจ รอวันเวลาออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่และไม่หวนกลับไปทำผิดซ้ำอีก

แน่นอน ผมต้องให้กำลังใจตัวเองด้วยให้อดทน

ก้มหน้ารับโทษตามคำพิพากษา

กระทั่งผมได้รับการพักการลงโทษตามกฎเกณฑ์

ได้ออกมาใช้ชีวิตในโลกภายนอกอีกครั้ง

ผมดีใจที่แฟนข่าวไม่ลืมกัน

โลกเปลี่ยนไปมาก สังคมข่าวสารก็เปลี่ยนไปเยอะ

งานข่าวคืออย่างเดียวที่ผมทำเป็นและการทำงานคือชีวิตของผม

ผมต้องหยุดใช้ชีวิตของผมมานาน ตั้งแต่วันที่ศาลชั้นต้นพิพากษา

ทุกวันตื่นขึ้นมาแล้วไม่ได้ไปใช้ชีวิตอย่างที่เคยเป็น

ทุกข์ที่สุดจริง ๆ ครับ

วันที่ผมได้รับการพักการลงโทษ ผมได้รู้ในสิ่งที่ผมเองคาดไม่ถึงจากช่องทางการสื่อสารในโลกยุคใหม่

ทุกคนแสดงออกได้ บอกความรู้สึกได้

ผมได้รู้ว่ามีแฟนข่าวรอคอยการกลับมา

กลับมาทำหน้าที่หน้าจออีกครั้ง

หลายคนรับผมเป็นคนในครอบครัวจริง ๆ

หลายคนบอกว่าดูผมตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนเรียนจบ ทำงานทำการ มีลูกมีเต้า

คุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายมากมายที่ลูก ๆ หลาน ๆ ออกมาบอกว่าท่านรออยู่นะ

วันแรกที่ผมเดินเข้าคุก ผมไม่ได้ร้องไห้

แต่วันแรกที่ผมได้พักการลงโทษ ผมกลับบ้านไปร้องไห้

ผมได้อ่านข้อความต่าง ๆ เสมือนได้พบครอบครัวใหญ่ของผม

เสมือนญาติ ๆ สนิทของผม พากันมารับผมออกจากเรือนจำ

หลายคนบอกน้ำตาไหล และผมก็น้ำตาไหล

พวกเขาน่าจะอยากให้ผมได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ กลับไปทำหน้าที่พูดคุยกับพวกเขาทุกเช้า

พวกเขาอยากให้ผมกลับไปทำรายการ เป็นคนมานั่งบอกเล่าข่าวให้ฟังทุก ๆ วัน

บางวันฟังแล้วเขาอาจจะชอบใจ บางวันอาจจะไม่ชอบใจ เหมือนที่เคยเป็นมา

เป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้อง เป็นลูกเป็นหลาน เป็นลุงเป็นอา ยามที่เขาทำกิจวัตรตอนเช้า

หรือแม้แต่เป็นนาฬิกาปลุก

ไม่มีใครรู้ว่ารายการที่ผมกลับมาทำจะประสบความสำเร็จหรือไม่?

โลกเปลี่ยนไป สังคมเปลี่ยนไป

แต่ผมเชื่อของผมว่า ครอบครัวข่าวของผม แฟนข่าวของผม ยังอยากพบอยากเจอกัน

ความผูกพันที่เกิดขึ้นจากความจริงใจต่อกันมายาวนาน

วันนี้ ผมอยากจะกลับมาทักทาย พูดคุย เล่าเรื่อง

อยากจะร่วมทุกข์ร่วมสุขอย่างที่เคยเป็นมา

ขอบคุณที่ติดตามเป็นกำลังใจให้เสมอมาครับ


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=3980372595383814&id=1263483477072753


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top