Sunday, 22 June 2025
NewsFeed

'โฆษกรวมไทยสร้างชาติ' วอน!! ต่อไปหากเลือก สส.ต้องดูภูมิหลังดีๆ อย่าดูที่พรรคอย่างเดียว รับ!! สส.คุกคามทางเพศกระทบภาพรวม

(3 พ.ย.66) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงพฤติกรรมของสส.พรรคก้าวไกล คุกคามทางเพศว่า ตนไม่อยากไปก้าวล่วงถึงการจัดการภายในพรรคก้าวไกล กรณีที่จะดำเนินการกับสส.ที่คุกคามทางเพศอย่างไร เพราะแต่ละพรรคมีวิธีการบริหารจัดการแตกต่างกันไป แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ จะเป็นเครื่องบ่งชี้ในอนาคต เพื่อให้ประชาชนต้องตระหนักถึงการเลือกผู้แทนเข้ามาทำหน้าที่เป็นสส.ในสภาฯ ไม่ใช่เลือกจากพรรคการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูคุณสมบัติ และผลงานของแต่ละบุคคลที่ลงสมัครด้วย

นายอัครเดช กล่าวว่า ในอนาคตตนอยากให้ประชาชนได้พิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่อาสามาเป็นตัวแทนของประชาชนด้วย ว่ามีภูมิหลังอย่างไร ทั้งวุฒิการศึกษา ประวัติในการทำงาน ความรู้ความสามารถ ประวัติการมีคดีและพฤติกรรมส่วนตัวมีความด่างพร้อยหรือไม่ 

นายอัครเดช กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาประชาชน อาจจะเลือกสส.จากพรรคการเมืองที่สังกัด โดยไม่ได้ดูคุณสมบัติส่วนตัวของคนที่แต่ละพรรคเสนอให้เลือก  ดังนั้นเหตุการณ์ในครั้งนี้จะเป็นอุทาหรณ์ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า จะต้องพิจารณา โดยดูหลายองค์ประกอบ มาเป็นส่วนในการตัดสินใจ ไม่ใช่ดูจากพรรคที่สังกัดอย่างเดียว

“พรรคการเมืองต้องให้เกียรติประชาชน ควรส่งคนที่มีคุณสมบัติพร้อมให้ประชาชนเลือกด้วย ไม่ใช่ส่งคนที่ไม่เคยผ่านการทำงานเพื่อส่วนรวมมาเลย หรือมีพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงการทำผิดกฎหมายแล้วมาให้พี่น้องประชาชนเลือก เหมือนที่เคยมีบางพรรคการเมืองกล่าวไว้ ส่งเสาไฟฟ้าลงก็ได้รับเลือกตั้ง เหตุการณ์ สส.คุกคามทางเพศที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อยากให้พี่น้องประชาชนใช้เป็นอุทาหรณ์ในการเลือกสส.ครั้งต่อไป ต้องดูภูมิหลัง และประวัติของคนที่แต่ละพรรคส่งมาให้เลือกด้วย” นายอัครเดชกล่าว

โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวยอมรับว่า เหตุการณ์สส.คุกคามทางเพศในครั้งนี้หลีกเลี่ยงผลกระทบที่มีต่อนักการเมืองโดยรวมไม่ได้ แต่ตนอยากให้ประชาชนได้เข้าใจว่า พฤติกรรมนี้เป็นพฤติกรรมส่วนบุคคล ทุกวงการมีทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่ถ้าใครเป็นคนไม่ดี อยากให้ประชาชนได้จดจำ เพื่อเป็นบทเรียนในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าพรรคไหนส่งคนที่มีประวัติไม่ดีมาก็อย่าไปเลือก แต่ละพรรคต้องกรองมาก่อน ประชาชนก็ต้องกรองอีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้ได้นักการเมืองที่มีคุณภาพมาเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง เพราะสส.มีความสำคัญเข้าไปใช้อำนาจทางนิติบัญญัติและบริหาร ถ้าเลือกคนไม่ดีเข้ามาก็จะได้ผู้แทนราษฎรและรัฐบาลที่ไม่ดีเข้ามาด้วย ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง

มติพรรคขับ ‘2 สส.ก้าวไกล’ 2 มาตรฐาน การเมืองคอนเนกชัน ที่ดูท่าจะมีอยู่จริง

ต้องยอมรับว่าปมร้อนที่กำลังส่งผลกระทบต่อพรรคก้าวไกลอย่างหนัก อย่างรณี การล่วงละเมิดทางเพศ หรือ บ้างจะเรียกว่าคุกคามทางเพศ ดูจะเป็นไฟที่ยากจะมอดลงได้ยาก แม้ที่ประชุมพรรคก้าวไกล จะมีมติลงโทษ สส.ทั้ง 2 คน โดย มติ 120 เสียง ให้ ‘สส.แจ้’ วุฒิพงศ์ สส.ปราจีนบุรี ออกจากพรรคก้าวไกล แต่กลับกัน ‘สส.ปูอัด’ ไชยามพวาน มั่นเพียรจิต สส.กทม. กลับมีสมาชิก 106 เสียงที่มีมติเห็นควรให้ขับออก ซึ่งเท่ากับว่าเสียงไม่ถึง 3 ใน 4 หรือ 116 เสียง จึงทำให้ ไม่สามารถขับ ‘ปูอัด’ ออกจากพรรคได้ 

กระแส 2 มาตรฐานในสังคม รวมถึงภายในพรรคก้าวไกล จึงเกิดเป็นไฟลามทุ่งให้นักวิชาการ รวมถึงประชาชนให้ความสนใจต่อมาตรฐานดังกล่าวนี้

แน่นอนว่า เมื่อวาน ปฏิกิริยาจาก ‘สส.แจ้’ หลังที่ประชุมมีมติขับออกจากพรรค ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับต่อมติขับออกจากพรรค แต่ดูเหมือนจะมีถ้อยคำให้สังคมต้องเก็บไปคิดอย่าง ‘ไม่มีเพื่อนทางการเมือง’ จึงทำให้เสียงหายไปและถูกขับออกจากพรรคในที่สุด โดยระบุว่า...

“ผมเป็น สส.ภูธรทำงานในพื้นที่หนัก และทำงานในเชิงมลพิษ และค้านเรื่องเหมือง มีเพื่อนทางสิ่งแวดล้อมเยอะ ไม่มีเพื่อนในทางการเมือง ทำให้เสียงหายไป และเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง”

ถึงตอนนี้ ก็ดูเหมือนชะตากรรมของ ‘สส.แจ้’ ก็ไม่รู้ว่าจะลงเอยเช่นไรต่อไป เพราะเจ้าตัวก็ยอมรับว่า การไม่มีคอนเนกชันเรื่องพรรคการเมืองเลยนั้น ทำให้ยังคิดไม่ออกว่าจะไปพรรคไหนหรือไปต่อในเส้นทางการเมืองอย่างไรต่อไป

สถานการณ์นี้ต่างกับ ‘สส.ปูอัด’ ที่ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 3 พ.ย.66 เจ้าตัวนอกจากจะยังไม่ถูกขับออกจากพรรคแล้ว ยังออกมาแถลงโต้ถึงหลักฐานที่สะท้อนให้เห็นว่าพฤติการณ์ที่ถูกโจมตี ไม่เข้าข่าย ‘ละเมิด-คุกคาม’ ทางเพศ พร้อมทั้งยังไม่มีการประกาศลาออกจากพรรคแต่อย่างใด ตามกระแสของกลุ่มคนในพรรคก้าวไกลที่แห่กันออกมากดดัน

ว่ากันว่า ‘ปูอัด’ ถูกตั้งคำถามว่า มี ‘แบ็กดี’ โดยเฉพาะกับปูมหลังที่มีการร่วมทำงานด้วยกันมานานในกลุ่ม Resolution รณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน รวมถึงเคยอยู่กลุ่มนิวเดม ตั้งแต่สมัยพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ กับ ‘ไอติม’ พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล ส่งผลให้ผลการลงมติที่ยังทำให้ ‘ปูอัด’ รอดจากการถูกขับออกจากพรรคหรือไม่? ซึ่ง ‘ไอติม’ เองก็ถูกตั้งคำถามด้วยเช่นกันว่า ‘เพราะเป็นพวกพ้องของไอติม จึงรอดพ้นการถูกอัปเปหิออกจากพรรคหรือเปล่า’ 

แน่นอนว่า แม้ ‘ไอติม’ จะออกมาบอกว่า ตนเองไม่ได้ปกป้องปูอัด แถมยังประกาศกร้าวว่าตนเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่โหวตขับ ‘ปูอัด’ ให้พ้นพรรค พร้อมทั้งโพสต์จุดยืนและการทำงานของตน ว่ายืนอยู่บนหลักการที่ถูกต้องและข้อเท็จจริงเท่านั้นในทุกกรณี ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับคนที่รู้จัก หรือเคยร่วมงานกันมามากน้อยแค่ไหนก็ตาม

แต่อย่างไรเสีย จากเหตุการณ์ดังกล่าว ก็อดคิดไม่ได้ที่จะต้องกลับมาทบทวนคำพูดของอดีต สส.ก้าวไกล ที่ลี้ภัยไปก่อนหน้าหลายๆ คน รวมถึงอดีตคนอนาคตใหม่บางคนด้วยว่า … พรรคที่มักชูเรื่องความเทียมทางสังคมพรรคนี้ ท่าจะมี ‘มุ้ง’ หรือ ‘ก๊ก’ จริงๆ เสียแล้ว… 

ผลสำรวจ เผย!! ‘ไทย’ ติดอันดับ 4 ประเทศที่ ‘นอกใจ’ สูงที่สุด นิยม 'ความรักออนไลน์' ผ่านแอปหาคู่ แสวงหาความตื่นเต้นเร้าใจ

จากการจัดอันดับ “อัตราการนอกใจ” ประจำปี 2023/2566 ของ World Population Review ระบุว่า “ประเทศไทย” ติดอันดับ Top10 ประเทศที่มีอัตราการนอกใจสูงที่สุดในโลก!

นอกจากนี้ ในยุคปัจจุบันผู้คนส่วนมากให้ความนิยมในการหารักออนไลน์ผ่านแอพพ์หาคู่เดตหรือเว็บไซต์หาคู่ที่มีกลาดเกลื่อน โดยผลสำรวจจาก iResearch ระบุว่า ในประเทศไทย มีผู้ใช้งานแอปพลิเคชันหาคู่ต่างๆ รวมกันไม่ต่ำกว่าเดือนละ 10,000,000 คน ซึ่งจะมีความเกี่ยวข้องกันกับอัตราการนอกใจและการหย่าในไทยที่สูงขึ้นหรือไม่ บริษัทจัดหาคู่ ระดับไฮเอนด์ Bangkok Matching ได้วิเคราะห์สถานการณ์ไว้ดังนี้

ผลจัดอันดับ 10 อันดับประเทศทั่วโลกที่พบอัตรานอกใจสูงสุด ไทยติดอันดับที่ 4

อันดับประเทศที่มีการนอกใจสูงสุด คือ 1.สหรัฐอเมริกา 71% 2.เยอรมนี 68% 3.สหราชอาณาจักร 66% 4.ไทย 61% 5.บราซิล 57% 6.ฝรั่งเศส 57% 7.รัสเซีย 53%  8.ญี่ปุ่น 49% 9.โรมาเนีย 46% 10.ออสเตรเลีย 44%

โดยในปีนี้ 2566 ไทยครองอันดับที่ 4 มีอัตราสูงถึง 61% พร้อมขยายความไว้ว่า คนไทยมักจะนอกใจไปกับ “คนแปลกหน้า” ซึ่งทางแม่สื่อบริษัทจัดหาคู่ Bangkok Matching ขอให้คำจำกัดความคนแปลกหน้านี้ให้เข้าใจง่ายขึ้น ซึ่งก็คือการนอกใจในรูปแบบความสัมพันธ์ประเภท One Night Stand ที่เน้นถูกใจฉาบฉวยเพียงข้ามคืนโดยไม่ต้องสนใจทำความรู้จักกันก่อนนั่นเอง และสำหรับคู่รักที่แต่งงานกันไปแล้วก็หนีไม่พ้นการนอกใจด้วยเช่นกัน เพราะผลสำรวจยังพบว่าคนไทยส่วนมาก เคยนอกใจอย่างน้อยหนึ่งครั้ง แม้จะอยู่ในฐานะแต่งงานแล้วก็ตาม เชื่อมโยงกับสถิติการหย่าในไทยที่พุ่งสูงขึ้นกว่าเก่าเกือบ 1.4 แสนคู่

สำหรับ 5 สาเหตุ ต้นตออาการนอกใจ ที่มักพบได้เป็นสาเหตุหลักๆ ในคนที่มีคู่ หรือกระทั่งแต่งงานแล้ว ได้แก่

1.ขาดความใกล้ชิดทางอารมณ์ เมื่อคู่รักขาดความลึกซึ้งทางอารมณ์ ทำให้พยายามแสวงหาความลึกซึ้งทางอารมณ์จากที่อื่นมาทดแทนเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง

2.รสนิยมทางเพศไม่ตอบโจทย์ ความรักมาพร้อมกับความแนบชิดทางกาย หรือความพึงพอใจทางเพศ รสนิยมทางเพศที่สอดรับกัน ทำให้บางคนใช้เหตุผลนี้เป็นข้ออ้างในการหาความตื่นเต้น หรือหาคู่นอนที่ตอบรับรสนิยมของตัวเอง

3.ต้องการความแปลกใหม่ ในบางคนไม่มีเหตุผลอะไรซับซ้อนนอกจากนิสัยในการชอบลองอะไรที่ตื่นเต้น แปลกใหม่ ชอบอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง นอกใจคู่รักเพื่อความตื่นเต้นท้าทายส่วนตัว โดยเฉพาะในปัจจุบันมีสิ่งเร้าที่มากกว่ายุคก่อนๆ เพียงแค่เปิดมือถือขึ้นมาก็สามารถสร้างโลกอีกใบของตัวเองขึ้นมาได้ ทำให้คนใฝ่หาสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำ หนึ่งในนั้นก็คือการนอกใจคู่รักผ่านโลกออนไลน์ และบนแอพพ์ และเว็บไซต์หาคู่ต่างๆ

4.ความเบื่อหน่ายและปัญหาซ้ำๆ รอยร้าวในความสัมพันธ์เป็นประเด็นที่อาจนำไปสู่ปัญหาการนอกใจได้เช่นกัน เพราะเมื่อย้อนนึกถึงปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา ก่อให้เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย เหน็ดเหนื่อยกับปัญหาเดิมๆ อยากหาทางออก จึงเลือกการพาตัวเองไปเจอกับคนใหม่ หาความสนุกแบบใหม่ให้กับชีวิต

5.ความไม่มั่นใจในตัวคู่รัก บางคนอาจมีความเคลือบแคลง สงสัย ไม่มั่นใจในตัวคนรัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสร้างอนาคต ด้านการเงิน หรือด้านบุคลิกนิสัย เมื่อเกิดความไม่เชื่อมั่นในความสัมพันธ์ก็ไม่แปลกที่จะมองหาคนที่สามในความสัมพันธ์เพื่อตามหาคนที่คิดว่าใช่มากกว่า หรือมีอะไรที่ทำให้มั่นใจมากกว่าคนรักของตัวเอง

ส่วนการใช้ “แอพพ์หาคู่” เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนนอกใจจริงหรือไม่นั้น บริษัทจัดหาคู่ระดับ Bangkok Matching ยกเอาผลสำรวจจากบริษัทวิจัย Global Web Index ที่เคยทำการสำรวจผู้ใช้งานแอพพ์หาคู่ชื่อดังผ่านผู้ใช้งานทั้งหมด 47,000 ราย และได้พบว่า 42% ที่ใช้งานแอพพ์หาคู่นั้นเป็นคนที่ “ไม่โสด” แถมยังแบ่งเป็นคนที่แต่งงานแล้วถึง 30% และกำลังมีความสัมพันธ์หรือมีคู่แล้ว 12% และต่อมาในปี 2018 นักวิจัยทีมเดิมก็ได้ทำการวิเคราะห์ผลสำรวจรวมถึงปัจจัยประกอบต่างๆ ทำให้ได้ข้อสรุปว่า “แอปพลิเคชันหาคู่ออนไลน์นั้นมีแนวโน้มถูกใช้เป็นหนึ่งในช่องทางสำหรับผู้ที่มีคู่อยู่แล้ว และทำให้เกิดการนอกใจกันขึ้น”

ซึ่งบริษัทจัดหาคู่ Bangkok Matching ขยายปัจจัยย่อยๆ ที่ทำให้แอปหาคู่ หรือเว็บไซต์หาคู่ออนไลน์กลายเป็นช่องทางหนึ่งที่เพิ่มอัตราการนอกใจ โดยวิเคราะห์จากประสบการณ์ในการดูแลและให้คำปรึกษาคู่รักมาอย่างยาวนานของเรา ดังนี้

ส่วนสำคัญหนึ่งที่ทำให้คนที่ตั้งใจหลอกลวงผู้อื่นเลือกใช้แอพหาคู่และเว็บหาคู่ออนไลน์นอกจะเป็นจากความสะดวกสบายในการเข้าใช้งาน ตั้งแต่การสมัครเข้าใช้งาน เพราะแอพหาคู่เดตหรือเว็บไซต์หาคู่ 90% มักใช้การคัดกรองโดยระบบอัตโนมัติ ผ่านการตั้งค่าที่เซ็ตไว้ ไม่ได้มีการตรวจสอบ/เช็กประวัติ หรือสัมภาษณ์ด้วยมนุษย์ ทำให้ใครๆ ก็สมัครได้ ทำให้ขาดการตรวจสอบคุณสมบัติที่แท้จริง

อีกทั้งการตั้งค่าประวัติ bio รวมถึง status ต่างๆ ที่มีให้เลือกนั้นก็มักเอื้อต่อการสร้างความคลุมเครือมากกว่าความชัดเจน นำไปสู่ความสัมพันธ์ลับซ่อนเร้น เพราะระบบมักไม่มีการตรวจสอบว่าสถานะโสดที่ตั้งไว้นั้นเป็นเรื่องจริงหรือหลอกลวง รวมถึงการพูดคุยผ่านแชต ตัวอักษร หรือวิดีโอแชต ไม่สามารถยืนยันความจริงใจของคู่เดทได้ 100% ทำให้เกิดการ “ถูกหลอก” หรือการเข้ามาเพื่อ “หลอกลวง” ผู้อื่น

ยิ่งไปกว่านั้น ปัจจุบัน ด้วยความฉลาดล้ำลึกของ AI ยังสามารถช่วยมิจฉาชีพหรือคนที่ตั้งใจจะสร้างตัวตนขึ้นมาหลอกลวงคนโสดที่หาคู่จริงจังคนอื่นๆ บนโลกออนไลน์อย่างเว็บแอพพ์หาคู่ ด้วยการสร้างคนเสมือนจริงมาวิดีโอคอลกับคุณได้อีกด้วย

ทั้งนี้ อัตราการหย่าในไทยพุ่งสูงขึ้นทุกปี โดยมีสาเหตุจากการ “นอกใจ” โดยจากสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง สถิติการหย่าร้างประจำปี 2565 ชี้ให้เห็นว่า คนไทยมีอัตราการหย่าร้างที่สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านๆ ถึง 1.4 แสนคู่ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่นำโด่งมาเป็นอันดับ 1 (17,635 คู่) ลากยาวมาจนถึงไตรมาสแรกของปี 2566 กรุงเทพฯ ก็ยังติดอันดับ 1 ทำสถิติหย่าร้างไป 2,955 คู่ แล้วในช่วงต้นปี

สาเหตุในการหย่า มักพบว่าจะมี 4 สาเหตุหลักที่ทำให้คู่รักตัดสินใจหย่าร้างกัน คือ 1.ปัญหาการทะเลาะเบาะแว้ง จนลามไปสู่การไม่เข้าใจกัน การใช้ความรุนแรงในครอบครัว เป็นสาเหตุอันดับ 1 ที่ทำให้คู่รักตัดสินใจเลิกราหย่าร้างกัน 2.ปัญหาการนอกใจ เป็นปัญหาใหญ่รองลงมาที่ทำให้คู่รักไปต่อไม่ได้ เพราะการนอกใจเมื่อเกิดขึ้นหนึ่งครั้งแล้ว ก็เป็นเรื่องยากที่จะไม่เกิดครั้งต่อๆ ไป แถมในปัจจุบันนี้การนอกใจยังทำได้ง่ายและหลายช่องทาง เช่น แอพพ์หาคู่ออนไลน์ เว็บหาคู่ไทย/ต่างชาติ กลุ่มหาคู่ ฯลฯ

3.ขาดความรับผิดชอบ เป็นปัญหาที่ทำให้เกิดการเบื่อหน่าย ปัญหาซ้ำซากที่เกิดขึ้นในด้านของบทบาทการรับผิดชอบด้านต่างๆ ในชีวิตคู่ที่ไม่ลงรอยกัน และ 4.ปัญหายาเสพติด การใช้ยาเสพติดในครอบครัวเป็นปัญหาใหญ่และเรื้อรังมานาน และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความรุนแรง ความไม่ปลอดภัยในครอบครัว

สำหรับการป้องกันไม่ให้ “แอปหาคู่ออนไลน์” ทำลายความสัมพันธ์ แม่สื่อมืออาชีพ Bangkok Matching มีข้อแนะนำดีๆ เพื่อรักษาความรักของคุณมาแนะนำ ว่า

1. หมั่นเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นอยู่เสมอ

การหมั่นเติมความหวานและความรู้สึกดีๆ ให้แก่กันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการจัดทริปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศ การมีค่ำคืนโรแมนติกที่แตกต่างจากวันธรรมดา หรือการหาอะไรที่พิเศษมอบให้กันและกันช่วยเติมความรู้สึกดีๆ ให้แก่กันได้ เมื่อรู้สึกเติมเต็มก็จะทำให้คู่รักไม่อยากหันหน้าไปพึ่งคนอื่น การเติมความรู้สึกดีๆ จึงเป็นคีย์สำคัญที่แนะนำให้คู่รักหมั่นเติมให้กันบ่อยๆ เพื่อไม่ให้เกิดความห่างเหินในความสัมพันธ์

2.ทำสัญญาใจ ให้ความมั่นใจต่อกัน

ในการคบหากันแม้จะไม่มีการกำหนดกฎเกณฑ์ตายตัว แต่คู่รักควรจะต้องหันหน้าพูดคุยซึ่งกันและกันเพื่อมอบความเชื่อใจ มั่นใจ ว่าเมื่อมีปัญหาหรือมีความไม่พอใจใดๆ ต่อกันจะต้องพูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจ หาทางออกร่วมกัน ไม่ซุกปัญหาไว้ใต้พรมและหันหน้าไปพึ่งแอพพ์หาคู่เดทออนไลน์เพื่อหาเพื่อนคุย หาที่ระบาย หรืออื่นๆ ใดที่เป็นการกระทำสื่อไปในทางนอกใจ

3.จริงใจ เปิดเผย ไม่มีอะไรซ่อนเร้นปิดบัง

พฤติกรรมที่โปร่งใสไม่ซ่อนเร้น ไม่แอบเล่นแอพพ์หาคู่หรือแอบคุยซ้อนกับคนอื่นขณะที่อยู่ในความสัมพันธ์ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สร้างความเชื่อมั่นและเชื่อใจให้กับคู่รักได้ เพราะการโกหกและถูกจับได้ภายหลังจะสร้างความหมางใจ รอยร้าวฝังลึกในความสัมพันธ์ที่ต่อให้ผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่มีทางลืมได้ลงและอาจกลับกลายมาเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตจนทำให้ความสัมพันธ์ต้องจบลงไปได้

4.พบผู้ช่วยบำบัดความสัมพันธ์เมื่อมีปัญหา

อย่ามองข้ามการจูงมือคู่รักเข้ารับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ หรือนักจิตวิทยาเฉพาะด้าน เพราะการพูดคุยกันเองเมื่อเกิดปัญหาระหว่างกันนั้นมักไม่ได้คำตอบหรือทางออกที่เหมาะสม เพราะต่างคนก็ต่างมองจากมุมของตัวเอง แต่ถ้ามีคนกลางเป็นคนรับฟังและให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพ ก็ช่วยป้องกันไม่ให้ความสัมพันธ์พังทลายลงไปได้

นับได้ว่า “แอพพ์หาคู่” เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทำให้เกิดการนอกใจและเพิ่มเปอร์เซ็นต์หย่าร้างในไทย

‘นครเดลี’ ของอินเดีย ประกาศสั่งปิดโรงเรียนทุกแห่งในเมือง 2 วัน หลังฝุ่นพิษ PM 2.5 พุ่งสูง กระทบชีวิต-สุขภาพ ปชช.กว่า 30 ล้านคน

(3 พ.ย. 66) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ทางการของกรุงเดลี เขตขนาดใหญ่ในกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดีย ได้มีการสั่งปิดโรงเรียนต่างๆ ทั่วเมืองหลวงทั้งหมดเป็นเวลา 2 วัน เนื่องจากหมอกควันพิษที่แผ่ปกคลุมไปทั่วเมืองใหญ่แห่งนี้ ซึ่งกระทบต่อการใช้ชีวิตและสุขภาพของผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ราว 30 ล้านคน

โดยจากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในกรุงนิวเดลี พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) สูงกว่า 35 เท่าจากค่ามาตรฐานปลอดภัยที่องค์การอนามัยโลกกำหนด

‘นายอาร์วินด์ เกจรีวัล’ มุขมนตรีเดลี โพสต์บน X (ทวิตเตอร์) ว่า “จากระดับมลพิษที่สูงขึ้น โรงเรียนรัฐและเอกชนทั้งหมดจะยังคงปิดเรียนต่อไปอีก 2 วัน”

ด้านรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของเดลี ยังได้เรียกประชุมฉุกเฉิน เพื่อทบทวนสถานการณ์หมอกควันพิษที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ กรุงเดลี ซึ่งเป็นหนึ่งในเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในโลกอีกด้วย โดยกลุ่มหมอกควันพิษที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากการเผาพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกร ไอเสียรถยนต์และการปล่อยมลพิษของโรงงานรวมกัน

‘นายก’ มุ่งแก้ปัญหา ‘หนี้นอกระบบ’ เชิงรุก ให้ปชช. ชี้!! ตั้งใจให้เป็น ‘วาระแห่งชาติ’ พร้อมสั่งผู้เกี่ยวข้องเร่งแก้ที่ต้นทาง

(3 พ.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) ระบุว่า...

“ความรับผิดชอบในการจัดการเรื่องหนี้นอกระบบ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ทุกฝ่ายต้องหาแนวทางในการแก้ไข เพราะเป็นปัญหาที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ซึ่งผมตั้งใจให้เป็นวาระแห่งชาติ เพราะในบางครั้งมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยที่สูงเกินกฎหมาย และลูกหนี้ต้องรับภาระหนี้ ที่เกินเงินต้นเป็นจำนวนมากเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น ผมได้สั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องหาแนวทางในการจัดการแก้ไขหนี้สินรายย่อยเชิงรุก เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเรื่องหนี้สินที่ต้นทางให้ประชาชนครับ”

‘ดร.เสรี’ ชี้!! ภาพลักษณ์พรรคก้าวไกลเสียหายหนัก อาจต้องหาทางขับ ‘ปูอัด’ เพื่อทวงแต้มกลับคืนพรรค

(4 พ.ย. 66) ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า…

เจ้าตัวเขาบอกว่าเขาไม่ผิด ไม่ได้คุกคามทางเพศ

กรรมการวินัยของพรรคตัดสินว่าผิดจริง หัวหน้าพรรคแถลงว่า สส.ผิดจริง สส.พรรคเดียวกัน 116 คนโหวตให้ขับออก

เจ้าตัวออกมาแถลงว่า เขาไม่ผิด เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น ฝ่ายหญิงยินยอม แสดงว่าไม่มีสำนึก ไม่คิดจะขอโทษเหยื่อ

แบบนี้แล้วหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค และ สส.ของพรรคที่โหวตขับเขาออกจากพรรคจะว่ายังไง

ยังมีประชาชนในพื้นที่มาให้กำลังใจเขาอยู่นะ แบบนี้แล้วพรรคยังมีเอกภาพอยู่อีกหรือ?

หัวหน้าพรรคทำถูกแล้ว ที่จะเรียกประชุมกรรมการพรรคพิจารณาพฤติกรรมของ สส.รายนี้ใหม่อีกครั้ง

ถ้าสรุปว่าเขาไม่ทำตามมติพรรค อาจจะขับออก

ถ้าทำได้ตามที่หัวหน้าพรรคพูด ภาพลักษณ์ของพรรคก็พอจะตีตื้นกลับมาได้บ้าง ตอนนี้เสียหายไปเยอะแล้วนะ

ขอนแก่น-เข้ม! จัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่

จังหวัดขอนแก่น บูรณาการ เปิดปฏิบัติการ (kick off) ตามนโยบายการจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพลในจังหวัดขอนแก่น โดยให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่ไม่พึงประสงค์ใน 6 เรื่อง ได้แก่ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ การครอบครองและพกพาอาวุธปืน การพนัน การดำเนินการติดตามและเฝ้าระวังผู้มีอิทธิพล และสถานบริการและสถานบันเทิง

เมื่อวันที่ 3 พ.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.อ.สุรพงษ์ ยอดอินทร์ รอง ผอ.รมน.จังหวัดขอนแก่น(ท.) มอบหมายให้ พ.อ.ณัฐพงศ์ กฤติธำรง หน.ฝ่ายนโยบายแผนฯ นำกำลังพล กอ.รมน.จังหวัดขอนแก่น จำนวน 4 นาย ร่วมพิธีเปิดปฏิบัติการ (kick off) ตามนโยบายการจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพล ที่ ศาลหลักเมืองจังหวัดขอนแก่น โดยมี นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานในการเปิดปฏิบัติการ (Kick off) ตามนโยบายการจัดระเบียบสังคมและปรามปรามผู้มีอิทธิพลจังหวัดขอนแก่น โดยมี นายประจวบ รักแพทย์ นอภ.ขอนแก่น รักษาการปลัดจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ รักษาการ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น,พ.ต.อ.ถนอมสิทธิ์ วงษ์วิจารณ์ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น,พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น  หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วม ในการเปิดปฏิบัติการ

นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้มีบัญชาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเพื่อสนองนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่ไม่พึงประสงค์ใน 6 เรื่อง ได้แก่ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ การครอบครองและพกพาอาวุธปืน การพนัน การดำเนินการติดตามและเฝ้าระวังผู้มีอิทธิพล และสถานบริการและสถานบันเทิง โดยให้กรมการปกครองและจังหวัด ร่วมกันเร่งจัดตั้งกลไกในการดำเนินการ การติดตามและรายงานผล เพื่อนำนโยบายของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายไกรสร กล่าวอีกว่าทางจังหวัดขอนแก่นจึงได้ดำเนินการจัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัด และจัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอ 26 อำเภอ เพื่อดำเนินการตั้งจุดตรวจจุดสกัดสิ่งผิดกฎหมาย ตรวจตรา หาข่าวยาเสพติด การค้ามนุษย์ การครอบครองและพกพาอาวุธปืนการพนัน การดำเนินการติดตามและเฝ้าระวังผู้มีอิทธิพล สถานบริการและสถานบันเทิงเพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนในทันที และเพื่อบูรณาการการทำงานแจ้งข้อมูลข่าวสาร จึงได้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการจัดระเบียบสังคมและปราบปราม ผู้มีอิทธิพลจังหวัดขอนแก่น ณ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น

‘เพื่อไทย’ ไม่ยุบ!! ‘กอ.รมน.’ ได้ใจ ‘สูงวัย-ชนชั้นกลาง’ เหตุ!! รำคาญพรรคส้มเต็มที ส่วนพี่ๆ กองทัพอ้าแขนโอบกอด

สถานการณ์เหตุบ้านการเมือง แม้จะดูเหมือนยังวนลูป แต่หากส่องกล้องดีๆ จะเห็นความเปลี่ยนแปลงผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว… กลางสัปดาห์ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ติดภารกิจไม่ได้มาขยับ ช่วงสุดสัปดาห์นี้เลยขอหยิบโน่นนิดนี่หน่อย มาเมาท์มอยเอาใจคอการเมือง

เรื่องแรก - แม้จะยังไม่ค่อยแจ่มชัดเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต แต่สังเกตให้ดีช่วงหลังๆ ภาษากาย ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกฯ สูงยาวถุงเท้าแดงของ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ดูมีความมั่นอกมั่นใจมากขึ้น พูดจาช้าลง มีน้ำหนัก น่าเชื่อถือมากว่าเดิม หนำซ้ำยังได้ใจคนสูงวัยและชนชั้นกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพ กรณีประกาศเปรี้ยง… ไม่ยุบ กอ.รมน. สวนทางพรรคก้าวไกล… ไม่ใช่เพราะ กอ.รมน.ดีเลิศประเสริฐศรีอะไรมาก แต่ชาวบ้านเขาน่าจะรำคาญก้าวไกลที่เอะอะก็จะยุบไปหมด…

มองให้ลึกลงไป… ห้วงเวลานี้ พรรคเพื่อไทยกับกองทัพสมานสมัครรักใคร่กันเป็นพิเศษ… ต่างฝ่ายต่างอยู่เป็น เพื่อไทยเองก็สารภาพบาปผ่าน ‘ฯพณฯ คลังแสง’ แล้วว่า ถ้าเป็นรัฐบาลแล้วจะรู้ว่าอะไรทำได้ หรือทำไม่ได้ เพราะอะไร… ส่วนกองทัพก็มีความอ่อนตัวโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ถ้าไม่ล้มเจ้า ไม่โกงบ้านกินเมืองกันแบบมูมมาม ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใครจะใช้อภิสิทธิ์นอนชั้น 14 ก็นอนไป กองทัพไม่ยุ่งด้วย… แถมตอบสนองนโยบายในฐานะเครื่องมือของรัฐฯ

เรื่องที่สอง - เกี่ยวโยงกับความมั่นคง แม้จะยังไม่เสนอ ครม.ในวันอังคารที่ 7 พ.ย.นี้ แต่ค่อนข้างลงตัวแล้วว่า จะมีการโอนย้าย ‘พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์’ รอง ผบ.ตร. เตรียมทหารรุ่น 24 ข้ามห้วยไปรับตำแหน่งระดับ 11 ก่อนเกษียณ… คือ ตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำให้ท่านรองเลขา สมช. อย่าง ‘ฉัตรชัย บางชวด’ ต้องรอคั่วปลายปีหน้า… ไม่เป็นไร รอได้ เพราะเกษียณปี 2570

ที่น่าจับตามากกว่า เลขา สมช.คนใหม่ คือ หาก พล.ต.อ.รอย ลุกจาก รอง ผบ.ตร.จริง... รอง ผบ.ตร.คนใหม่ ซึ่งต้องมาจากอาวุโสเป็นหลัก ก็หนีไม่พ้น ‘พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข’ ผช.ผบ.ตร. ซึ่งจะเกษียณปี 2568 

สำหรับ ‘บิ๊กจวบ’ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 23 นรต.รุ่น 39 เป็นนายตำรวจที่อ่อนตัว วันที่ นช.ทักษิณ กลับบ้านมานอน รพ.ชั้น 14... ‘บิ๊กจวบ’ คือ ผู้รับผิดชอบ ว่ากันว่าอันที่จริงนายใหญ่ชั้น 14 ก็เล็งๆ ที่จะอุปถัมภ์ค้ำชูอยู่แล้ว… ถ้า ‘บิ๊กจวบ’ ขึ้นรอง ผบ.ตร.ปีหน้า คนที่จะชิง ผบ.ตร.มีถึง 4 คน คือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล, พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร์, พล.ต.อ. ธนา ชูวงษ์ และ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข

ไม่ต้องถามว่าใครอาวุโสกว่าใคร… เพราะจากรอง ผบ.ตร.เป็น ผบ.ตร.ใช้ทั้งอาวุธและความสามารถผสมกัน แต่ที่สำคัญที่สุด เจ้าของพรรคเพื่อไทยอยากได้ใคร!!

เรื่องที่สาม - แถมท้าย อินเทรนด์กับเขาหน่อย เรื่องการขับ สส.คุกคามทางเพศที่เขาบอกว่า ‘คาวไม่เท่ากัน’ งานนี้พรรคก้าวไกลเสียรังวัดเสียหายหลายแสน… มติที่ออกมาขับ ‘สส.แจ้ ปราจีนฯ’ แต่คาดโทษ ‘สส.ปูอัด จอมทอง’ ถูกวิจารณ์แซดว่า ‘คนไม่เท่ากัน-สองมาตรฐาน’ ตอนหลังดูท่า สส.ปูอัด จอมทอง ที่ว่ากันว่าเส้นใหญ่ไม่ยอมขอโทษผู้เสียหายแบบตรงๆ คงจะถูกขับด้วยในที่สุด… 

พูดถึง ‘ก้าวไกล’ ปลายปีนี้ก็ต้องลุ้นกันว่า ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ จะรอดไม่รอด กรณีถือหุ้นสื่อ… ในขณะที่มีกระแสข่าวเล่าลือหนาหูว่า หากพิธาไม่เป็นอะไรไปหรือต้องพ้นจาก สส.ก็เถอะ… โปรดจับตา ดีลการเมืองใหม่ล่าสุด ระหว่าง ‘คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์’ กับ ‘พิธา’ และน่าจะรวมถึง ‘น.ต.ศิธา ทิวารี’ ที่เพิ่งลาออกจากพรรคไทยสร้างไทย เมื่อ 27 ต.ค.นี้ด้วย… 

การพบกันของคุณหญิงและคณะกับพิธาที่สหรัฐฯ เมื่อหลายวันก่อน แม้จะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ก็เป็นความบังเอิญอย่างร้ายกาจ… ขอบอก!! 

'พล.ต.อ. พัชรวาท' สั่งการกรมอุทยานฯ เร่งช่วยเหลือเหตุช้างป่าเขาอ่างฤาไนทำร้ายเจ้าหน้าที่เสียชีวิตพร้อมถอดบทเรียนไม่ให้เกิดซ้ำ

(1 พ.ย. 2566) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่าจากเหตุการณ์นายจงรัก จงศรี เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ปฏิบัติงานประจำ ชุดเคลื่อนที่เร็วเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ที่ถูกช้างป่าทำร้ายจนเสียชีวิต ขณะปฏิบัติหน้าที่ผลักดันช้างป่า เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมานั้น ซึ่งตนได้รายงานให้พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทราบแล้ว

โดยพล.ต.อ.พัชรวาทฯ ภายหลังจากได้รับรายงานการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ก็ได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสียชีวิต และแสดงความห่วงใยต่อเจ้าหน้าที่ชุดผลักดันช้างป่าของกรมอุทยานแห่งชาติฯ ที่เสียสละทั้งแรงกายแรงใจในการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวังและผลักดันช้างป่าออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ทั้งนี้ สำหรับผู้เสียชีวิตได้นำศพไปบำเพ็ญกุศล ณ วัดด่านชัยพัฒนา ตำบลทุ่งมหาเจริญ อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว ซึ่งพล.ต.อ.พัชรวาทฯ ได้มอบหมายให้นายอรรถพลฯ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เดินทางไปเป็นประธานในงานฌาปนกิจเจ้าหน้าที่ผู้เสียชีวิต พร้อมกับนำความห่วงใยไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิต และให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ เร่งดำเนินการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตตามสิทธิและสวัสดิการที่จะได้รับ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองทุนสวัสดิการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กองทุนเพื่อผู้พิทักษ์ป่า มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร มูลนิธิผู้พิทักษ์ป่าและรักษาทะเล สมาคมอุทยานแห่งชาติ และมูลนิธิต่าง ๆ ที่มีวัตถุประสงค์สงเคราะห์ช่วยเหลือผู้พิทักษ์ป่าในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตได้รับการเยียวยาและประโยชน์สูงสุด

นายอรรถพลฯ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นกรมอุทยานแห่งชาติฯ โดยสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) ได้มอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตแล้ว จำนวน 50,000 บาท เครือข่ายอนุรักษ์ในพื้นที่ จำนวน 60,000 บาท ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว จำนวน 20,000 บาท โดยในวันพรุ่งนี้ ( 2 พ.ย. 66) ตนจะเดินทางไปเป็นประธานในพิธีฌาปนกิจเจ้าหน้าที่ผู้เสียชีวิต ตามที่ได้รับมอบหมายจากพล.ต.อ.พัชรวาทฯ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งนำเงินจำนวน 700,000 บาท ซึ่งประกอบด้วยเงินอนุรักษ์สัตว์ป่า จำนวน 500,000 บาท เงินสวัสดิการกรมอุทยานแห่งชาติฯ จำนวน 100,000 บาท และเงินจากกองทุนผู้พิทักษ์ป่าและรักษาทะเล จำนวน 100,000 บาท ไปมอบให้โดยตรง อย่างไรก็ตามต่อกรณีที่เกิดขึ้น ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบไม่ประมาท อีกทั้งได้สั่งการให้มีการถอดบทเรียนสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตของเจ้าหน้าที่ ต่อไปในอนาคต

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง บรรเทาทุกข์ผู้ประสบอัคคีภัย ลงพื้นที่จังหวัดสระบุรี ชัยภูมิ และนครราชสีมา มอบเงินสดพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค รวมมูลค่ากว่า 4 แสนบาท

ระหว่างวันที่ 2-3 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำโดย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย พร้อมด้วย นายชาญณรงค์ เสาวภา ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกบริการ นำทีมลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัย ณ บริเวณอำเภอหนองแค และอำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี บริเวณตลาดเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ และบริเวณตลาดเทศบาลเมืองปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา รวม 3 จังหวัด 136 คน โดย มอบเงินสด คนละ 3,000 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภค รายครอบครัว รวม 27 ชุด รายบุคคล รวม 12 ชุด คิดเป็นมูลค่าการช่วยเหลือทั้ง 3 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 493,500 บาท (สี่แสนเก้าหมื่นสามพันห้าร้อยบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐ ร่วมในพิธี พร้อมด้วยอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งในพื้นที่  รวมถึงหน่วยงาน สมาคม /มูลนิธิประจำจังหวัดแต่ละจังหวัด เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

ตลอดระยะเวลากว่า 113 ปี มูลนิธิฯ ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กร สาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

#มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top