Sunday, 22 June 2025
NewsFeed

'โบว์ ณัฏฐา' กังขากระบวนการสอบคุกคามทางเพศ 'ก้าวไกล' ที่เพิ่งจบไป คือ กระบวนการที่เชื่อถือได้แล้วจริงหรือ?

(3 พ.ย. 66) จากกรณีการประชุมร่วมกันของกรรมการบริหารพรรคและ สส.ของพรรคก้าวไกลกรณีสมาชิกพรรคมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ โดยมีมติขับนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี พ้นสมาชิก และคาดโทษ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. เขตจอมทอง-บางขุนเทียน-ท่าข้าม ขณะที่นายวุฒิพงศ์แฉกลับฝ่ายหญิงส่งคลิปเปลื้องผ้า 50 คลิป ยืนยันไม่เคยมีเพศสัมพันธ์

ด้าน น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ พิธีกรรายการวิเคราะห์ข่าว และนักกิจกรรมเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ถึงเรื่องดังกล่าวว่า...

หากเป็นการพิจารณาคดีในศาล จะมีกระบวนการพิจารณาคดี และข้อมูลข้อเท็จจริงในคดีจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ สังคมจะรู้ว่าผู้ถูกตัดสินมีความผิดหรือไม่ด้วยเหตุใด มีรายละเอียดเหตุการณ์เป็นอย่างไร ข้อกฎหมายใดที่ใช้ประกอบการพิจารณา และมีอะไรบ้างที่เป็นองค์ประกอบความผิด

แต่เมื่อสิ่งเหล่านี้ไม่มีหรือไม่ปรากฏต่อสังคมในการดำเนินกระบวนการของพรรคก้าวไกล สังคมจึงต้องมาต่อจิ๊กซอว์เอาเอง ซึ่งไม่มีทางครบ

ปัญหาวิธีคิดและกระบวนการในการทำงานเพื่อนำมาซึ่งความยุติธรรมของพรรค เป็นเรื่องที่สังคมควรให้ความสนใจยิ่งไปกว่าเรื่องคดีความที่สามารถพิสูจน์กันได้ในชั้นศาล

เพราะนั่นคือสิ่งที่สะท้อนทัศนคติและศักยภาพของ 'พรรคการเมือง' ที่อาสามาทำงานนิติบัญญัติและบริหารประเทศ ถ้าไม่รอบคอบ ถ้าเป็นไปตามกระแสหรือตั้งต้นด้วยอคติมากกว่าเป็นไปเพื่ออำนวยความยุติธรรมจริงๆ ก็ยิ่งน่ากังวล

ส่วนหนึ่งของการแถลงวันนี้ที่ปรากฏในข่าวนี้ เป็นส่วนที่ถูกตัดออกไปจากสื่อส่วนใหญ่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่แสดงความบริสุทธิ์ของผู้ถูกร้อง (นั่นคือสิ่งที่ต้องถูกพิสูจน์ในศาล) แต่เป็นสิ่งที่ชวนให้ตั้งคำถามว่า กระบวนการที่เพิ่งจบไป คือกระบวนการที่เชื่อถือได้แล้วจริงหรือไม่?

ขอบคุณนักข่าวที่ตั้งคำถามถึง 'ข้อเท็จจริง'

‘เศรษฐา’ โต้!! ไม่ใช่หุ่นเชิด ‘เพื่อไทย-ชินวัตร’ หลังบางสื่อโจมตี ชี้!! ‘อย่าดูหมิ่นประชาชน’

เมื่อวานนี้ (2 พ.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวชี้แจงกรณีสื่อบางสำนักโจมตีว่า เป็นหุ่นเชิดของพรรคเพื่อไทย หรือตระกูลชินวัตร หรืออะไรก็แล้วแต่

“ผมขอชี้แจงดังนี้

1. พรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายยุบ กอ.รมน.ในการหาเสียงของเรา และการยุบ กอ.รมน.ไม่อยู่ในนโยบายที่ผมแถลงต่อรัฐสภา

2. แต่พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยมีความประสงค์/ความปรารถนาที่จะทำกองทัพให้ทันสมัย สอดคล้องกับความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น”

“ในส่วนของ กอ.รมน.นั้น เราตระหนักดีว่าบทบาทการปราบปรามศัตรูของรัฐในยุคสงครามเย็นได้จบลงแล้ว บัดนี้ในยุคของรัฐบาลพลเรือน โดยผมเป็นนายกฯจะทำให้ กอ.รมน.มีบทบาทในการเป็นส่วนหนึ่งของความมั่นคงทางประชาธิปไตย ปกป้องสิทธิ เสรีภาพของประชาชน และในยามวิกฤตก็พร้อมช่วยเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประชาชนด้วย”

“3. พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลนี้เชื่อในเรื่องการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางความขัดแย้งทางอุดมการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้อมาเกือบ 20 ปี เรายืนยันไม่เลือกหนทางที่จะหักโค่นทำลายกันและกัน แต่จะเลือกวิธีประสานแนวคิด วิธีการทำงานให้เป็นคุณต่อประชาชน เพราะเราตระหนักดีว่าความต่อเนื่องของการเมืองในระบอบการเลือกตั้งคือหัวใจของประชาธิปไตยที่ยั่งยืนและสันติที่สุด”

“4. ผมเป็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย หาเสียงและขอฉันทามติจากเสียงของประชาชนและรัฐสภา ไม่ใช่หุ่นเชิดของใคร โปรดอย่าดูหมิ่นประชาชนครับ” นายเศรษฐากล่าว

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' เฉลย นิยาม '3 F' พรรคส้ม สัจธรรมความเฟล เพราะได้มาแบบฟลุ้กๆ

(3 พ.ย. 66) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'เปลือยตัวตน' ระบุว่า...

วันนี้ความจริงเริ่มพิสูจน์ตัวเอง เปลือยตัวตนให้คนได้เห็นมากขึ้น

คนบางคนสู้บินไปโม้ถึงเมืองนอก ต้อง 3 F

จะช่วยเฉลยให้...

F แรก คือ Fluke

F สอง คือ Fake

F สาม คือ Fail

นั่นคือที่มาของแก๊งกวนเมือง

อย่าไปกดดันให้ สส.ลาออกเลย อยู่ให้เป็นหนามตำใจ คนจะได้ตาสว่าง อะไรคือจริงอะไรคือปลอม

ให้เห็นสัจธรรมว่า ได้มาแบบฟลุ้กๆ ก็ต้องเฟลอย่างนี้

'รทสช.' ยัน!! สนับสนุนโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท แต่ต้องไม่กระทบเศรษฐกิจตามที่ประชาชนและภาคธุรกิจกังวล

(3 พ.ย.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ ถึงท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลกับโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ว่า ในฐานะที่เป็นรัฐบาลให้การสนับสนุนอยู่แล้ว แต่ต้องดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจอย่างที่ประชาชนและภาคธุรกิจเป็นห่วง ซึ่งส่วนตัวมั่นใจว่านายกรัฐมนตรีไม่ต้องการให้เกิดปัญหาอยู่แล้ว

เมื่อถามย้ำว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะสนับสนุนโครงการดังกล่าวใช่หรือไม่  นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่ใช่เรียกว่าสนับสนุนหรือไม่สนับสนุน แต่เป็นนโยบาย เมื่อรับนโยบายนี้แล้วโดยมารยาทก็ต้องปฏิบัติตามเพียงแต่จะทำอย่างไรให้นโยบายนี้ไม่กระทบตามที่ประชาชนและภาคเศรษฐกิจเป็นห่วง ซึ่งหากสามารถดำเนินการไม่ให้เกิดผลกระทบ หรือให้มีผลกระทบน้อยที่สุดแก้ไขให้สิ่งที่ไม่ดีออกไป เหลือแต่ส่วนที่ดีไว้ก็จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งเท่าที่ตนเองทราบขณะนี้ทุกฝ่ายพยายามดำเนินการปรับลด ปรับปรุง ปรับเปลี่ยน และปรับแต่งอยู่

‘ฝรั่ง’ เฉลย!! ทำไมต่างประเทศถึงไม่มีการ ‘เรียกพี่ เรียกน้อง’ เพราะ ‘วัยวุฒิ-อยู่บนโลกมานาน’ ไม่สำคัญเท่า ‘การกระทำ’

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 66 ผู้ใช้งานติ๊กต็อก ชื่อ ‘jpex.official’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอตอบกลับคอมเมนต์ที่เข้ามาถามว่า “ทำไมเพื่อนพ่อ หรือคนที่โตกว่าเรา ถึงเรียกเราว่าเป็นเพื่อนของเขาครับ? ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยว่าที่ต่างประเทศเขาเรียกกันแบบไหนครับ”

เจ้าของช่องจึงได้ตอบกลับคอมเมนต์ดังกล่าว โดยระบุว่า…

ทําไมฝรั่งถึงไม่มีคําว่า ‘พี่น้อง’?

วัฒนธรรม ‘พี่น้อง’ หรือว่าการเรียกผู้อื่นตามวัยวุฒินั้น จริง ๆ แล้วเป็นสิ่งที่เรามักจะพบเห็นได้ในวัฒนธรรมของประเทศแถบเอเชียมากกว่าที่อื่นๆ เช่น ที่สหรัฐอเมริกา ไม่มีคําว่า “มาก่อนเรียก พี่ มาทีหลังเรียก น้อง” เพราะทุกคนเท่ากันหมด

วัฒนธรรมของฝรั่ง เขาจะตั้งคําถามว่า “ทําไมเราจะต้องเคารพใครบางคน เพียงเพราะว่าเขาอยู่บนโลกนี้มานานมากกว่าเรา?”

ซึ่งผมคิดว่ามันก็เป็นวัฒนธรรมที่แฟร์ดีเหมือนกัน เพราะมันคือการวัดคนจากการกระทํา ไม่ได้วัดจากวัยวุฒิ

เพราะฉะนั้น เวลาผมไปอยู่ที่อเมริกา พ่อของเพื่อนผม ก็ถือว่าเป็นเพื่อนผม เด็กที่แคมป์ในอเมริกา ต่อให้เขาจะอายุแค่ 7-8 ขวบ ผมก็ถือว่าเขาเป็นเพื่อนผม หรือแม้แต่คุณลุงคนนึงที่ผมสนิทด้วยที่อเมริกา เขาก็คือเพื่อนผม

ซึ่งบางทีสิ่งเหล่านี้มันก็ชวนให้ผมตั้งคําถามว่า “ถ้าหากสังคมไทยของเรานั้น เลิกคิดถึงแต่เรื่องของวัยวุฒิ และหันมาให้ความสําคัญผู้อื่นโดยวัดจากการกระทํา หรือตัวตนจริง ๆ ของคนคนนั้น สังคมไทยของเรา จะออกมาหน้าตาเป็นแบบไหน?”

‘ผู้เชี่ยวชาญการเงิน’ แตะเบรกดรามาตัดต้นแค่ 5.50 บาท เพราะยอดผ่อนต่อเดือนน้อย แบบนี้ธนาคารพึงประสงค์

ภายหลังจากเมื่อวานนี้ (2 พ.ย. 66) ได้เกิดกระแสฮือฮาขึ้น เมื่อชาวเน็ตสาวรายหนึ่ง ออกมาโพสต์ภาพใบเสร็จการจ่ายค่าบ้าน มูลค่ารวม 10,900 บาท พร้อมแคปชันว่า...

“ชาติไหนหมดเนี่ย หนักเลยวันนี้ ไปตัดต้นกู 5฿ ฝากถึงคนที่จะกู้บ้าน 5555555 ตาย 2 ปีแรกชิว พอปีที่3….. รอรีไฟแนนซ์!!!!”

พร้อมทั้งโพสต์สลิปบิลการจ่ายค่าบ้านหลักหมื่นบาท แต่หักเงินต้นไปแค่ 5.50 บาท ที่เหลือเป็นค่าดอกเบี้ยนั้น

ล่าสุด ดร.กริช เศรษฐนันท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและเศรษฐกิจ ก็ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กอธิบายสาเหตุที่ทำให้สาวคนดังกล่าวถูกหักเงินต้นน้อยแต่ดอกเบี้ยเยอะ ดังนี้…

สาเหตุที่เป็นแบบนี้ คือ เพราะยอดผ่อนต่อเดือนมันน้อยครับ ไม่มีอะไรผิดปกติในเรื่องการคำนวณใด ๆ (ผิดได้กรณีเดียวคือ ธนาคารใช้ดอกเบี้ยไม่ตรงกับสัญญาหรือข้อกำหนดแบงก์ชาติ แต่ถ้าผิดเรื่องนี้ มันจะไม่ใช่แค่เคสเงินต้นเกือบศูนย์แบบนี้ เพราะมันผิดได้หมดทุกวงเงินกู้)

ดูทรงแล้ว ช่วงของการผ่อน ณ ปัจจุบัน ดอกเบี้ยน่าจะโดนประมาณ 6% ต่อปี ยอดเงินกู้เหลือประมาณ 2 ล้าน ณ ตอนนี้ก็ดอกประมาณ 120,xxx ต่อปี หรือ 10,xxx ต่อเดือน แล้วดันผ่อนประมาณ 10,xxx ต่อเดือนเช่นกัน มันแทบไม่ต่างจากดอก แล้วมันจะเหลือเอาเงินผ่อนที่ไหนไปหักเงินต้น แบบนี้คือเลือกผ่อนน้อย ผ่อนนาน

ถ้าสมมติ ผ่อนประมาณ 20,000 ต่อเดือน มันก็หักดอกประมาณ 10,000 เท่านี้แหละ ที่เหลืออีก 10,000 มันก็จะไปหักต้นให้ มันก็จะตัดเงินต้นได้เยอะ จบได้ไวกว่า

ยอดดอกในแต่ละเดือน มันจะลดลงตามเงินต้นที่ถูกตัดไป ถ้าอยากจ่ายดอก ‘โดยรวมทั้งหมด’ สำหรับการกู้ซื้อบ้านหลังใดหลังหนึ่ง ให้มันน้อยหน่อย ก็ต้องผ่อนต่อเดือนเยอะ ๆ ให้มันมีเงินเหลือจากการหักดอก แล้วไปตัดเงินต้นเยอะๆ

คนที่กู้ แล้วจ่ายเงินผ่อนต่อเดือนน้อย ๆ นี่คือ ลูกหนี้ชั้นดีที่พึงประสงค์ของธนาคารเลยแหละ อ่านสัญญา ดูโครงสร้างการผ่อนเงินกู้ให้ดี รู้จักวิธีรีเทนชั่น วิธีรีไฟแนนซ์ ศึกษาเรื่องเงินที่มันเกี่ยวข้องกับชีวิตเราหลาย ๆ ด้าน 

‘ปลัดอุตฯ’ ยัน!! เดินหน้า ‘ศูนย์ทดสอบยานยนต์’ เฟส 2 ต่อเนื่อง ดัน ‘ไทย’ สู่ฮับทดสอบมาตรฐานอันดับ 1 ในอาเซียน-อันดับ 11 ของโลก

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 66 นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นผู้ดำเนินโครงการ โดย นายณัฐพล ยืนยันว่า พร้อมเดินหน้าโครงการในเฟส 2 ต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้เตรียมประกาศรายชื่อบริษัทผู้ชนะการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ โครงการก่อสร้างสนามทดสอบความเร็วและสมรรถนะ และการป้องกันดินสไลด์สู่สนามทดสอบยางล้อ ตามมาตรฐาน UN R117 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารและข้อมูล โดยคาดว่า 1-2 เดือนนี้ จะสามารถประกาศชื่อผู้ชนะได้แน่นอน

ขณะที่มีรายงานว่า บริษัทผู้ชนะการประกวดราคา โครงการก่อสร้างสนามทดสอบความเร็วและสมรรถนะ และการป้องกันดินสไลด์สู่สนามทดสอบยางล้อ ตามมาตรฐาน UN R117 นั้น พบมีข้อมูลอยู่ในระบบอี-บิดดิ้ง ว่า มีผู้แข่งขัน 2 ราย และมีผู้รับการคัดเลือกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งบริษัทผู้รับคัดเลือกมีราคาต่ำสุด อยู่ที่ 844,230,000 บาท

ส่วนงบประมาณที่ได้รับอนุมัติมาในปี 2566 อีก 1,667.69 ล้านบาทนั้น จะใช้สำหรับการก่อสร้าง ได้แก่

1.) สนามทดสอบสมรรถนะและความเร็ว และการป้องกันดินสไลด์สู่สนามทดสอบยางล้อตามมาตรฐาน UN R117
2.) สถานีสำหรับเตรียมสภาพรถ (Work Shop)
3.) ทางวิ่ง (Run-In) ส่วนต่อขยายจากสนามทดสอบยางล้อเพื่อการทดสอบมาตรฐาน UN R117
4.) LAB ทดสอบการชน

ทั้งนี้ หาก สมอ.มีการประกาศรายชื่อบริษัทที่ชนะการประกวดราคาฯ ก็จะสามารถเดินหน้าก่อสร้างโครงการดังกล่าวได้ในทันที เพื่อให้ดำเนินโครงการในแต่ละระยะแล้วเสร็จตามกรอบเวลาของโครงการทั้งหมด เปิดใช้บริการได้ในปี 2569

สำหรับโครงการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ใช้พื้นที่ 1,235 ไร่ บริเวณเขตสวนป่าลาดกระทิง ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยเป็นการลงทุนของภาครัฐทั้งหมด ภายใต้กรอบวงเงิน 3,705.7 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จไปกว่า 55% ใช้งบประมาณไปแล้ว 2,038 ล้านบาท คงเหลือการดำเนินงานอีก 45% ในวงเงินประมาณ 1,667.69 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2569 หากแล้วเสร็จสมบูรณ์ ศูนย์ทดสอบแห่งนี้จะกลายเป็นฮับการทดสอบมาตรฐานอันดับ 1 ในอาเซียน และอันดับที่ 11 ของโลก

การก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมและยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และยางล้อของไทย ไปสู่การเป็นซุปเปอร์คลัสเตอร์ (Super Cluster) อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ และเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของรัฐบาล ที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทย เปลี่ยนผ่านจากการเป็นฐานการผลิตยานยนต์สันดาปภายใน เป็นยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน มีบุคลากรที่มีความรู้และความสามารถในด้านผลิตภัณฑ์ยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และยางล้อ สามารถทดสอบและรับรองได้เองในประเทศ เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการในประเทศ ที่ไม่ต้องส่งผลิตภัณฑ์ไปทดสอบที่ต่างประเทศ

‘แอมเนสตี้ฯ’ อัด ‘อิสราเอล’ ใช้อาวุธ ‘ฟอสฟอรัสขาว' ในกาซา ควรถูกสืบสวนตามข้อกล่าวหา ‘ก่ออาชญากรรมสงคราม’

(3 พ.ย. 66) ‘โดนาเทลลา โรเวรา’ ที่ปรึกษาอาวุโสด้านการรับมือภาวะวิกฤตของ ‘แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล’ (Amnesty International หรือ Amnesty หรือ AI) เปิดเผยว่า ผลการสืบสวน 4 เหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 10-11 และ 16-17 ตุลาคมที่ผ่านมา ทั้งในฉนวนกาซาและเลบานอน พบว่าอิสราเอลใช้ ‘ฟอสฟอรัสขาว’ เป็นอาวุธในพื้นที่ชุมชน

“เหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้ก่อความกังวลอย่างยิ่ง สืบเนื่องจากฟอสฟอรัสขาวเคยถูกใช้โดยกองกำลังอิสราเอลในอดีต ซึ่งก่อผลกระทบเลวร้ายแก่ประชากรที่เป็นพลเรือน” โรเวราระบุ “มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรใช้ในพื้นที่ที่มีพลเรือน มันไม่ใช่อาวุธต้องห้าม มันสามารถใช้ในสมรภูมิและกับกองกำลังต่างๆ สามารถใช้มันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่มันไม่ควรถูกใช้ในที่ที่มีพลเรือน” เธอบอกกับอัลจาซีราห์ “เราพบเห็นมีการใช้มันในกาซาและเลบานอน และมันไม่ควรเกิดขึ้นซ้ำอีก”

ก่อนหน้านี้ แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ ‘องค์การนิรโทษกรรมสากล’ เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (31 ต.ค.) ที่ผ่านมา ว่ามีพลเรือนในทางภาคใต้ของเลบานอน ได้รับบาดเจ็บในช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา หลังกองทัพอิสราเอลใช้กระสุนปืนใหญ่ที่บรรจุฟอสฟอรัส กระสุนอันเป็นที่ถกเถียง ยิงเข้าใส่หมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ตามแนวชายแดน

องค์กรแห่งนี้เปิดเผยว่าด้วยว่า มีการสืบสวนตรวจสอบกรณีตัวอย่างอื่นๆ ของความเป็นไปได้ที่กองทัพอิสราเอลทิ้งระเบิดฟอสฟอรัสขาวใส่พื้นที่ต่างๆ ตามแนวชายแดนเลบานอนในเดือนที่แล้ว แต่นิรโทษกรรมสากลบอกว่า ในกรณีเหล่านั้นไม่พบว่ามันก่ออันตรายแก่พลเรือน

ฟากทนายความด้านสิทธิมนุษยชน บอกว่า การใช้ฟอสฟอรัสขาวเป็นเรื่องผิดกฎหมายภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ หากว่ามีการใช้สารเคมีร้อนสีขาวชนิดนี้ยิงเข้าสู่พื้นที่ชุมนุม มันสามารถทำให้อาคารต่างๆ ไฟลุกไหม้และเผาไหม้ผิวหนังมนุษย์เหลือแต่กระดูก นอกจากนี้ พวกผู้รอดชีวิตก็อาจเสี่ยงติดเชื้อ อวัยวะหรือระบบทางเดินหายใจล้มเหลว แม้ว่าถูกเผาไหม้เพียงแค่จุดเล็กๆ ก็ตาม

ทั้งนี้ หลังจากอิสราเอลโจมตีหมู่บ้านดูไฮรา เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ทำบ้านเรือนและรถเกิดไฟลุกไหม้ มีพลเรือน 9 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ในอาการหายใจติดขัด องค์กรนิรโทษกรรมสากลระบุว่า พวกเขามีภาพถ่ายที่ผ่านการยืนยันความถูกต้องแล้ว เป็นภาพที่กระสุนฟอสฟอรัสถูกวางเรียงอยู่ใกล้กับปืนใหญ่ของอิสราเอล ใกล้แนวชายแดนเลบานอน-อิสราเอล

องค์การนิรโทษกรรมสากลประณามเหตุการณ์นี้ว่าเป็นการ “โจมตีแบบไม่เลือกหน้า” ที่ทำร้ายพลเรือน และควรถูกสืบสวนตามข้อกล่าวหาก่ออาชญากรรมสงคราม

พี่โจ๊ก ควงพี่ปิ่น ตรวจสภาพการจราจรพื้นที่ CBD ดูสภาพความเป็นจริง และให้กำลังใจตำรวจจราจรในพื้นที่

วันนี้ (วันศุกร์ที่ 3 พ.ย.66) เวลาประมาณ 07.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.(มค) รับผิดชอบงานจราจร พร้อมด้วย พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. (อดีต ผบก.จร.) ร่วมกันลงตรวจสภาพการจราจรในพื้นที่ธุรกิจหลัก หรือ CBD ของกรุงเทพมหานคร ในเส้นสาทร วิทยุ เป็นหลัก ร่วมกับ พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า รรท.รอง ผบช.น. ที่รับผิดชอบงานจราจร, พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ บัณฑิต รรท.ผบก.จราจร และ พ.ต.อ.สามารถ พรหมชาติ รรท.ผบก.น.6 เพื่อให้เห็นสภาพความเป็นจริง โดยลงพื้นที่หน้าโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ซึ่งเป็นโรงเรียนหลักบนถนนสาทรใต้ ที่มีผู้ปกครองเดินทางมาส่งบุตรหลานเป็นจำนวนมาก อาจส่งผลต่อสภาพการจราจรบนถนนสาทรใต้ ต่อเนื่องสะพานตากสิน ที่ข้ามมาจากฝั่งธนบุรีได้ แต่ก็พบว่าทาง สน.ยานนาวา ได้ร่วมกับสมาคมผู้ปกครองของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ช่วยกันอำนวยความสะดวกการจราจร ดูแลบุตรหลานและประชาชนบริเวณดังกล่าวได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ไม่มีปัญหารถสะสมบริเวณหน้าโรงเรียนแต่อย่างใด หลังจากนั้นได้ไปตรวจสภาพการจราจรบริเวณแยกสาทร-สุรศักดิ์ และแยกวิทยุ ตรวจเยี่ยมให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่ มอบกาแฟกระป๋อง ไว้เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อเห็นสภาพความเป็นจริงแล้ว ได้เดินทางต่อไปยัง บก.จร. ณ ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) เพื่อดูภาพรวมการจราจรทั้งพื้นที่ รับฟังสรุปปัญหาการจราจรทั้งหมด

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ รอง ผบ.ตร.(มค) เปิดเผยว่า ท่าน ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้รับผิดชอบดูงานจราจรภาพรวมทั้งประเทศ ก่อนหน้านี้ก็ได้รับรายงานถึงปัญหาการจราจรต่าง ๆ มาแล้ว วันนี้จึงตัดสินใจลงมาให้เห็นด้วยสายตาตัวเอง และต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้พี่น้องประชาชน พ่อแม่ ครู ผู้ปกครอง ผู้อำนวยการโรงเรียนต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันปัญหาการจราจรเป็นหนึ่งในปัญหาหลักของประเทศ ที่ตำรวจต้องร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ช่วยกันแก้ไขปัญหา จะทำเพียงหน่วยงานเดียวไม่ได้ โดยคิกออฟด้วยการสั่งให้สำรวจสภาพปัญหาทางกายภาพ ปัญหาภูมิประเทศ ที่ส่งผลต่อการจราจร ทำให้การจราจรติดขัด ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เช่น พื้นผิวการจราจรที่ขรุขระ เป็นหลุม เป็นบ่อ แล้วประสานงานกับหน่วยงานอื่น ๆ ร่วมกันช่วยกันแก้ไขปัญหา โดยตัว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ เอง จะลงมาช่วยเสริมเติมเต็มในการช่วยประสานงานกับหน่วยงานข้างเคียง 

ส่วนในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย มีกฎหมายใหม่ออกมาหลายฉบับ เช่น พ.ร.บ.เปรียบเทียบปรับเป็นพินัย ที่ออกมาเพื่อให้สอดคล้องและคุ้มครองสิทธิของพี่น้องประชาชน บรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งวันนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ก็จะไปเข้าพบปรึกษาหารือกับ ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรโณ ประธานกรรมการว่าด้วยการปรับเป็นพินัย ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อนำข้อหารือ องค์ความรู้ มาทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทั้งประเทศในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ลูกน้องมีความเข้าใจ มีความมั่นใจ เดินหน้าไปในทิศทางเดียวกันว่าการบังคับใช้กฎหมายจะบังคับใช้อย่างไร การบังคับใช้กฎหมายเราต้องทำเพื่อการจัดการจราจร จัดระเบียบสังคม ต้องไม่ทำเพื่อหวังเงินค่าปรับหรือเงินรางวัล และการตั้งด่านจราจรก็ทำเพื่อสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน เรายังต้องตั้งด่านตามปกติ แต่ต้องไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ที่ด่านจราจร เพราะด่านคือตัวแทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องทำให้ประชาชนเชื่อมั่น เห็นด่านต้องวิ่งเข้าด่าน เพราะเขามั่นใจในความปลอดภัย

ในเรื่องสถิติการเกิดอุบัติเหตุจราจรต่าง ๆ ต้องลดลง และต้องลดลงอย่างมีนัยนะสำคัญ ไม่ใช่ลดลงด้วยการทำตัวเลข ต้องเอาเรื่องจริงมาพูดคุยกัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ก็จะมาช่วยเสริมเติมเต็ม ซึ่งที่ผ่านมาในพื้นที่ก็ช่วยกันทำงานดีอยู่แล้ว และในวันนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยท่าน ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ก็ได้เตรียมการ เตรียมแผนในเทศกาลลอยกระทง เทศกาลปีใหม่ไว้เรียบร้อยแล้ว จุดประสงค์เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย มีความเชื่อมั่น มีความมั่นใจ และกลับมาทำงานด้วยความปลอดภัย สิ่งสำคัญคือการสร้างองค์ความรู้ด้านกฎหมาย สร้างวินัยจราจร สิ่งใดที่เป็นควิกวินที่ต้องรีบทำ ต้องเร่งดำเนินการ เช่น การรณรงค์ให้สวมหมวกกันน็อค การรณรงค์เมาไม่ขับ เรื่องฟุตบาท ทางเท้าต่าง ๆ เป็นต้น ทั้งหมดนี้เป็นการสนองตอบต่อนโยบายรัฐบาล ที่ต้องการให้เกิดความปลอดภัยกับพี่น้องประชาชน ประชาชนมีความเชื่อมั่น

สุดท้ายในการตรวจเยี่ยม การลงพื้นที่ ดูการปฏิบัติหน้าที่ของเพื่อนข้าราชการตำรวจ ก็จะได้นำความห่วงใยจากท่าน ผบ.ตร. ลงไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ สร้างขวัญและกำลังใจ ช่วยเสริม เติมเต็มเป็นสำคัญ และในช่วงบ่ายโมงวันนี้ ก็จะเดินทางไปโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อเยี่ยมดูอาการ ส.ต.อ.นฤพล สมจิตต์ ผบ.หมู่ ศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดี/ทางพิเศษ ที่ประสบอุบัติเหตุถูกรถชนบนถนนวิภาวดีรังสิตขณะยืนปฏิบัติหน้าที่ถวายความปลอดภัยในเส้นทางเสด็จฯ เมื่อวันที่ 1 พ.ย.66 โดยได้รับบาดเจ็บข้อมือขวาหัก ฟันหัก 1 ซี่ และมีบาดแผลตามร่างกาย ต่อไป

‘พระพยอม’ จวกยับ!! ‘ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ’ หลังมีคนปั๊มยาบ้าเป็น ‘เศียรพระ’ ลั่น!! 'คนคิดคนทำชีวิตคงไม่สูงส่งอะไร-หากินแบบหาเวรหากรรม'

จากกรณีที่ เพจหลวงพี่มาแล้ว โพสต์ภาพยาบ้าอัดเม็ดในรูปแบบใหม่ เป็นเศียรพระพุทธรูป จนมีคนเข้ามาคอมเมนต์จำนวนมาก

(2 พ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อสอบถาม พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยพระพยอมมองว่า อัปยศที่สุดของความชั่วของความเลว เอายาบ้ามาทำเป็นเศียรพระพุทธรูปโดยไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษอะไรเลย สังคมสมัยนี้ศีลธรรมตกต่ำถึงสุดขีด ถึงกับเอายาบ้ามาปั๊มเป็นเศียรพระพุทธรูปได้ ทั้งๆ ที่เป็นสิ่งที่เคารพบูชาสูงสุด คนส่วนใหญ่กราบไหว้ แต่นี่เอามาทำแบบไร้ค่า ด้อยค่าพระพุทธศาสนา คนคิดคนทำชีวิตคงไม่สูงส่งอะไร

พระพยอมกล่าวว่า การนำยาบ้ามาปั๊มแบบนี้น่าจะเป็นวิธีการจูงใจลูกค้า หรือคนเสพให้หันมาสนใจมากขึ้น ด้วยรูปลักษณะที่แปลกหูแปลกตา กระตุ้นให้คนอยากเสพ เพราะเห็นเป็นรูปลักษณ์ที่ไม่น่าเกลียด ถ้าไปทำรูปน่าเกลียดคนก็คงไม่ซื้อ ไม่สนใจ พอมาทำเป็นเศียรพระพุทธรูปก็เหมือนเพิ่มแรงโน้มน้าว เอาศาสนาไปเป็นเครื่องมือทำมาหากินกัน หากินแบบหาเวรหากรรม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top