Saturday, 21 June 2025
NewsFeed

'ชัวร์ก่อนแชร์' เผย!! ความจริงเรื่องธนบัตรกับการตั้งองค์กฐิน ควร 'งด-พับ-เจาะ-เย็บ' เลี่ยงเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร

เมื่อไม่นานมานี้ จากกรณีที่มีการแชร์เกี่ยวกับตั้งองค์กฐิน ว่าควรงด พับ เจาะ เย็บ ธนบัตร นั้น

บทสรุป : เป็นข้อมูลจริง !!

อย่างไรก็ตาม ควรแชร์คำแนะนำจากธนาคารแห่งประเทศไทยโดยตรง

ทั้งนี้ ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบพบว่า เนื้อหาตามที่แชร์นี้ ในส่วนที่เป็นคำแนะนำการงดพับธนบัตร หรือการใช้ลวดเย็บกระดาษนั้น สอดคล้องกับแนวทางเกี่ยวกับการจัดการธนบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทย ในเรื่องการใช้งานธนบัตรอย่างถูกวิธี ที่ระบุว่า

"การใช้ธนบัตรอย่างถูกวิธี - แม้ธนบัตรจะผลิตจากกระดาษชนิดพิเศษที่ทนทานต่อการใช้งาน แต่ความเคยชินในการใช้ธนบัตรที่ไม่เหมาะสมของประชาชน เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้ธนบัตรเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้น เพื่อถนอมรักษาและยืดอายุการใช้งานธนบัตรให้ยาวนานขึ้น จึงขอความร่วมมือใช้ธนบัตรกันอย่างถูกวิธี"

ธนาคารแห่งประเทศไทย แนะนำให้หลีกเลี่ยงการนำธนบัตรไปพับประดิษฐ์ต่างๆ การขีดเขียน การพับหรือกรีดเป็นรอย การประทับตรา การขยำธนบัตร และ การเย็บด้วยลวดเย็บกระดาษ

'หวังอี้' เยือนวอชิงตัน ส่งสารผู้นำจีนถึง 'ไบเดน' ตอกย้ำ 3 พันธกิจ 'เคารพ-สันติ-ร่วมมือกัน'

(28 ต.ค.66) สำนักข่าวซินหัว เผย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ได้พบปะกับ หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันศุกร์ (27 ต.ค.)

หวัง ซึ่งเป็นกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ได้ถ่ายทอดคำทักทายของสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ต่อไบเดนเป็นลำดับแรก

หวัง ระบุเพิ่มเติมว่าการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ของเขาในครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายสื่อสารกับฝ่ายสหรัฐฯ เพื่อดำเนินการตามความเข้าใจร่วมกันที่สำคัญซึ่งบรรลุโดยประธานาธิบดีของสองประเทศ อีกทั้งสานต่อการดำเนินการจากการประชุมสุดยอดที่บาหลีระหว่างสีจิ้นผิงและไบเดนสู่การประชุมสุดยอดที่ซานฟรานซิสโก เพื่อป้องกันไม่ให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีเสื่อมถอยอีกต่อไป และนำพาความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ กลับสู่เส้นทางการพัฒนาที่แข็งแกร่งและมั่นคงในเร็ววัน

หวัง กล่าวว่า หลักการจีนเดียวและแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ (China-U.S. joint communiqués) 3 ฉบับ เป็นรากฐานทางการเมืองที่สำคัญที่สุดสำหรับความสัมพันธ์ทวิภาคี ซึ่งต้องยึดมั่นโดยปราศจากการแทรกแซง

หวัง กล่าวว่า จีนใส่ใจกับความหวังของสหรัฐฯ ในการรักษาเสถียรภาพและปรับปรุงความสัมพันธ์กับจีน พร้อมเสริมว่าทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องดำเนินการด้วยความรับผิดชอบต่อโลก ต่อประวัติศาสตร์ และต่อประชาชน และผลักดันการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ที่มั่นคงและแข็งแรง โดยสอดคล้องกับหลักการ 3 ประการที่นำเสนอโดยสีจิ้นผิง ได้แก่ การเคารพซึ่งกันและกัน การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน

หวังชี้ว่าประเด็นดังกล่าวไม่เพียงเป็นผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานของสองประเทศและประชาชนของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น แต่ยังเป็นปณิธานร่วมกันของประชาคมระหว่างประเทศด้วย

ด้าน ไบเดน ได้ส่งมอบคำทักทายไปยังประธานาธิบดีสีจิ้นผิง

ไบเดน กล่าวอย่างชัดเจนว่าเขาให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน พร้อมแสดงความหวังว่าสหรัฐฯ ยินดีรักษาการติดต่อสื่อสารกับจีนเพื่อร่วมกันจัดการกับความท้าทายระดับโลก

อนึ่ง หวังได้หารือกับแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ สองครั้ง และจัดการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์กับเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ระหว่างการเดินทางเยือนวอชิงตัน ดี.ซี.

‘ธนกร’ วอนคนไทย เดินทางกลับบ้านด่วน หลังอิสราเอลเปิดฉากภาคพื้นดิน หวั่นสถานการณ์รุนแรงจนออกมาไม่ได้ ฝากรัฐฯ ช่วยเร่งคลายกังวล ปมปลดหนี้

(29 ต.ค. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การสู้รบในอิสราเอลว่า ขณะนี้กองทัพอิสราเอลได้เปิดปฏิบัติการภาคพื้นดินเข้มข้นขึ้นแล้ว ซึ่งฝ่ายความมั่นคงมีการคาดการณ์ว่า จะทำให้สถานการณ์รุนแรงและขยายวงกว้างมากขึ้น ตนจึงรู้สึกเป็นห่วงพี่น้องแรงงานคนไทยที่อยู่ในอิสราเอล ขอให้เร่งตัดสินใจ แจ้งความประสงค์ขอกลับประเทศไทยโดยเร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยในชีวิต

ซึ่งสถานการณ์ในลำดับต่อไป ไม่มีใครคาดเดาได้เลย ว่าจะขยายวงกว้างไปมากน้อยแค่ไหน หากสถานการณ์เร็วร้ายลง การเดินทางกลับอาจจะทำได้ยาก เกรงว่าเมื่อตัดสินใจในช่วงที่สถานการณ์รุนแรงเลวร้ายอาจจะกลับไม่ได้

เมื่อถามว่า รายงานหลายคนมีความไม่แน่ใจว่าหากเดินทางกลับประเทศไทย และเรื่องหนี้สินและเงินค่าจ้างที่ยังไม่ได้รับจากนายจ้างจะทำอย่างไร นายธนกร กล่าวว่า ขณะนี้นายกฯ และรัฐบาล เตรียมออกมาตรการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ ระยะยาว สามารถยื่นคำขอทำเรื่องที่จะนำไปปลดหนี้ให้กับนายจ้างได้ ซึ่งการเดินทางกลับและเรื่องการใช้หนี้ต้องเร่งดำเนินการแจ้งคำร้องที่สถานทูตเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอลโดยเร็ว เพื่อจะดำเนินการได้ทันท่วงที

“นายกฯ และกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกประกาศเรียกร้องให้แรงงานไทยเร่งตัดสินใจกลับประเทศโดยเร็ว ก่อนที่สถานการณ์จะรุนแรงและขยายวงกว้าง เนื่องจากกองทัพอิสราเอลได้เปิดปฏิบัติการภาคพื้นดินแล้ว และจะเพิ่มความเข้มข้นขึ้น จึงขอเรียกร้องให้ญาติๆ และครอบครัวพี่น้องแรงงานไทยทุกคน ช่วยโน้มน้าวให้รีบตัดสินใจ ขอให้รักษาชีวิตกลับมาบ้านเราก่อน ส่วนเรื่องหนี้สินและการเงินสัญญาจ้าง และเรื่องอื่นๆ เชื่อว่ารัฐบาลจะมีหนทางแก้ปัญหาในเรื่องนี้ให้กับพี่น้องแรงงานไทยทุกคนได้” นายธนกร ย้ำ

‘แมทธิว เพอร์รี่’ ดาราดังจากซีรีส์ ‘เฟรนส์’ เสียชีวิตแล้วในวัย 54 ปี หลังถูกพบร่างในอ่างน้ำที่บ้านพัก ในนครลอสแอนเจลิส สหรัฐฯ

(29 ต.ค. 66) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า แมทธิว เพอร์รี่ หนึ่งในดารานักแสดงจากซีรีส์ชื่อดัง ‘เฟรนส์’ (Friends) ถูกพบเสียชีวิตในบ้านพัก เมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา ขณะมีอายุได้ 54 ปี

โดยแหล่งข่าวด้านกฎหมาย เปิดเผยกับลอสแอนเจลิสไทม์สว่า เพอร์รี่ ถูกพบอยู่ในอ่างน้ำร้อน ภายในบ้านพักที่นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา และผู้ที่พบร่างของเพอร์รี่ ไม่สามารถช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้

ทั้งนี้ แอลเอไทม์ส และทีเอ็มซี เป็นสองสื่อแรกที่รายงานข่าวเรื่องดังกล่าว ซึ่งอ้างจากแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยตัวตนว่าเป็นใคร

ทั้งนี้ เพอร์รี่ เป็นที่รู้จักจากการแสดงในบทบาท ‘แชนด์เลอร์ บิง’ ผู้ชาญฉลาดในซีรีส์ชื่อดัง ‘เฟรนส์’ ของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี ที่ฉายนานถึง 10 ซีซั่น ตั้งแต่ปี ค.ศ.1994-2004

ข่าวระบุว่า เพอร์รี่ ต่อสู้กับภาวะติดยาแก้ปวดและติดแอลกอฮอล์มานานหลายปี โดยต้องเข้าร่วมในคลินิกฟื้นฟูหลายครั้ง

นอกจากนี้ ในการพบกันอีกครั้งของกลุ่มนักแสดง ‘เฟรนส์’ ครั้งล่าสุด เพอร์รี่ได้ยอมรับกับเพื่อนนักแสดงด้วยกันเป็นครั้งแรกว่า ระหว่างการถ่ายทำเฟรนส์นั้น เขามีอาการวิตกรุนแรงทุกคืน

อย่างไรก็ตาม ทีเอ็มซีรายงานว่า ในที่เกิดเหตุที่พบเพอร์รี่เสียชีวิต ไม่พบยาเสพติดอยู่แต่อย่างใด

นอกเหนือจากซีรีส์ ‘เฟรนส์’ แล้ว เพอร์รี่ยังแสดงภาพยนตร์เรื่อง ‘Fools Rush In’ และ ‘The Whole Nine Yards’ อีกด้วย

‘นิด้าโพล’ เผย ปชช.ค่อนข้างพอใจผลงาน 2 เดือน ‘นายกฯ เศรษฐา’ แม้บางส่วนไม่ค่อยได้ติดตามข่าวการเดินทางเยือนต่างประเทศ

(29 ต.ค. 66) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง ‘สนใจเรื่องนายกฯ เศรษฐา เยือนต่างประเทศหรือไม่?’ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 24-25 ตุลาคม 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับประเด็นที่สนใจจากข่าวการเดินทางเยือนต่างประเทศในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน

การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ ‘นิด้าโพล’ สุ่มตัวอย่างแบบ หลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจ เมื่อถามประชาชนถึงประเด็นที่สนใจจากข่าวการเดินทางเยือนต่างประเทศในช่วง 2 เดือนของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 39.01 ระบุว่า ไม่ได้ติดตามข่าว การเยือนต่างประเทศของนายกฯ เลย
รองลงมา ร้อยละ 24.43 ระบุว่า การเข้าพบผู้นำ หรือบุคคลสำคัญในต่างประเทศ ร้อยละ 24.35 ระบุว่า บทบาทและผลการเยือนต่างประเทศของนายกฯ ร้อยละ 21.83 ระบุว่า การแต่งกาย/เสื้อผ้าของนายกฯ ระหว่างเยือนต่างประเทศ ร้อยละ 19.69 ระบุว่า การให้สัมภาษณ์ของนายกฯ ระหว่างเยือนต่างประเทศ
รองลงมา ร้อยละ 19.08 ระบุว่า ลักษณะท่าทาง และ/หรือ ภาษากายของนายกฯ ระหว่างเยือนต่างประเทศ ร้อยละ 10.31 ระบุว่า การจัดการต้อนรับของประเทศเจ้าภาพ และร้อยละ 1.98 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
เมื่อถามผู้ที่ติดตามข่าวการเดินทางเยือนต่างประเทศของนายกฯ (จำนวน 799 หน่วยตัวอย่าง) ถึงความพอใจต่อบทบาทของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เกี่ยวกับการเดินทางเยือนต่างประเทศในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 46.31 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 23.40 ระบุว่า พอใจมาก ร้อยละ 20.27 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 9.39 ระบุว่า ไม่พอใจเลย และร้อยละ 0.63 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความพอใจในบทบาท/ผลงานของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ในช่วง 2 เดือนที่ดำรงตำแหน่ง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 36.87 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 26.87 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 18.40 ระบุว่า พอใจมาก ร้อยละ 13.74 ระบุว่า ไม่พอใจเลย และร้อยละ 4.12 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.55 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 18.55 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง ร้อยละ 18.01 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.44 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 13.74 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ และร้อยละ 7.71 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออก ตัวอย่าง ร้อยละ 48.09 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.91 เป็นเพศหญิง

ตัวอย่าง ร้อยละ 12.90 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 17.79 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 18.93 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 26.64 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 23.74 อายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 96.41 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 2.14 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 1.45 นับถือศาสนาคริสต์และศาสนาอื่น ๆ

ตัวอย่าง ร้อยละ 34.43 สถานภาพโสด ร้อยละ 62.98 สมรส และร้อยละ 2.59 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่าง ร้อยละ 23.89 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 38.02 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 8.01 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 25.42 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 4.66 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า

ตัวอย่าง ร้อยละ 10.23 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 16.11 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 21.75 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจส่วนตัว/อาชีพอิสระ ร้อยละ 11.83 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 13.74 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 20.00 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 6.34 เป็นนักเรียน/นักศึกษา

ตัวอย่าง ร้อยละ 23.28 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 20.61 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 29.09 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 8.32 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 5.19 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 4.35 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 9.16 ไม่ระบุรายได้

‘อนุทิน’ แจง ‘มท.’ ร่อนหนังสือถึงครอบครัวแรงงานคนไทยในอิสราเอล ขอช่วยกันเกลี้ยกล่อมให้กลับบ้าน ยัน!! นายกฯ รับปากรัฐบาลเยียวยาเต็มที่

(29 ต.ค. 66) ที่ท้องสนามหลวง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งไปแต่ละจังหวัดให้ญาติของแรงงานไทยในอิสราเอล เกลี้ยกล่อมแรงงานให้กลับประเทศ ว่า ก็ต้องช่วยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านกรุณาสั่งการด้วยตนเอง เพราะมีความเป็นห่วงพี่น้องแรงงานชาวไทยในอิสราเอล และหลายคนก็เป็นตัวประกันด้วย ท่านคงมีความกังวลว่า ถ้าหากมีการใช้ปฏิบัติการภาคพื้นดินแล้ว จะเพิ่มความเสี่ยงให้กับพี่น้องประชาชน จึงตัดสินใจว่า อย่างไรก็ขอให้พี่น้องคนไทยได้กลับมาสู่มาตุภูมิก่อน

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ทางรัฐบาลจะเร่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้มีการทำเรื่องเสนอในการเยียวยาให้กับพี่น้องแรงงานชาวไทยในอิสราเอล เพียงแต่ขอให้กลับมาสู่ประเทศไทยให้ปลอดภัยก่อน ซึ่งนี่คือความเป็นห่วงของนายกรัฐมนตรี และท่านก็ขอให้เครือข่ายของกระทรวงมหาดไทยได้ทำหนังสือไปยังแต่ละจังหวัด และเราสำรวจแล้วว่าแต่ละจังหวัด แต่ละอำเภอ มีครอบครัวผู้ใช้แรงงานอิสราเอลจำนวนเท่าไหร่ จึงช่วยกันให้ญาติๆ ชวนกันกลับมา เพื่อให้ความมั่นใจว่าเอาชีวิตปลอดภัยไว้ก่อน แล้วรัฐบาลจะเยียวยาช่วยเหลือให้มากที่สุด ย้ำว่านี่คือความประสงค์ของนายกฯ

‘ไบเดน’ กร้าว!! ปฏิบัติการทิ้งบอมบ์ถล่มซีเรีย ‘จำเป็น-สมน้ำสมเนื้อ’ เพื่อตอบโต้หลังกำลังพลสหรัฐฯ ถูกโจมตีด้วยโดรน-จรวดหลายครั้ง

(29 ต.ค. 66) ‘ประธานาธิบดีโจ ไบเดน’ ยืนยันว่า ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ถล่มภาคตะวันออกของซีเรียในสัปดาห์นี้มีความชอบธรรมทางกฎหมาย ระบุปฏิบัติการต่างๆ เหล่านั้นเป็นการตอบโต้ที่เหมาะสมต่อเหตุใช้โดรนและจรวดเล่นงานกำลังพลสหรัฐฯ รอบแล้วรอบเล่าในภูมิภาคแถบนี้

ในหนังสือที่ส่งถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (27 ต.ค.) ที่ผ่านมา ทางทำเนียบขาวระบุว่า ปฏิบัติการทางอากาศเป็นไปตามกรอบอำนาจทำสงครามของประธานาธิบดี และมีขึ้นตามหลังเหตุโจมตีกำลังพลและที่ตั้งทางทหารของสหรัฐฯ ในซีเรียและอิรักซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดเดือนที่ผ่านมา

“ตามคำสั่งของผม ในค่ำคืนวันที่ 26 ตุลาคม 2023 กองกำลังสหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีเป้าหมาย เล่นงานที่ตั้งต่างๆ ทางภาคตะวันออกของซีเรีย” ไบเดนกล่าว พร้อมระบุว่า โกดังทั้งหลายที่ถูกโจมตีนี้ถูกใช้งานโดยกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน และกลุ่มต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

“การโจมตีมีเจตนาเพื่อตั้งมั่นป้องกันตนเองและดำเนินการในแนวทางที่จำกัดความเสี่ยงของสถานการณ์ลุกลามบานปลาย และหลีกเลี่ยงไม่ให้พลเรือนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต” หนังสือระบุ พร้อมบอกว่าปฏิบัติการนี้ “เป็นสิ่งจำเป็นและสมน้ำสมเนื้อ”

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) แถลงปฏิบัติการทางทหารดังกล่าวครั้งแรกเมื่อคืนวันพฤหัสบดี (26 ต.ค.) โดยบอกว่ามันเป็นภารกิจป้องกันตนเองและมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวเพื่อปกป้องและคุ้มกันบุคลากรของสหรัฐฯ ในอิรักและซีเรีย

ทั้งนี้ ทาง ‘พลจัตวา แพท ไรเดอร์’ แห่งกองทัพอากาศ บอกในเวลาต่อมา ว่า เครื่องบินรบของอเมริกาโจมตีโกดังเก็บอาวุธและกระสุน ใกล้เมืองอัล-บูคามาล ตามแนวชายแดน พร้อมอ้างว่าโกดังทั้ง 2 ถูกทำลายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

‘จอห์น เคอร์บี’ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เน้นว่า พวกเจ้าหน้าที่ยังคงอยู่ระหว่างประเมินปฏฺิบัติการ และเตือนว่ากองกำลังอเมริกาจะไม่ลังเลที่จะใช้มาตรการอื่นๆ เพิ่มเติมในการป้องกันตนเอง

ฐานทัพต่างๆ ของสหรัฐฯ ในอิรักและซีเรียถูกโจมตีมาแล้วอย่างน้อย 16 รอบ นับตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคมเป็นต้นมา จากข้อมูลของกองบัญชาการสหรัฐฯ มีทหารหลายนายได้รับบาดเจ็บจากเหตุโจมตีเหล่านั้น นอกจากนี้ ยังมีพนักงานสัญญาจ้างที่เป็นพลเรือนรายหนึ่งเสียชีวิต สืบเนื่องจากภาวะหัวใจล้มเหลว ระหว่างที่ถูกโจมตี

ปัจจุบันมีทหารสหรัฐฯ ราว 1,000 นาย ประจำการอยู่ในซีเรีย ยึดครองบ่อน้ำมันสำคัญๆ และทางข้ามแม่น้ำยูเฟรทีสหลายแห่ง ภายใต้การสนับสนุนของกลุ่มติดอาวุธที่นำโดยพวกเคิร์ด แม้ว่ารัฐบาลในดามัสกัส ส่งเสียงประท้วงซ้ำๆ ว่า การปรากฏตัวของทหารสหรัฐฯ ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

เหตุโจมตีด้วยจรวดและโดรนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่สถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับนักรบปาเลสไตน์เป็นไปอย่างดุเดือด เข่นฆ่าชีวิตในทั้ง 2 ฟากฝั่งแล้วมากกว่า 9,000 ราย

วอชิงตันตอบสนองสถานการณ์ความตึงเครียดที่พุ่งสูง ด้วยการประจำการทหารอย่างมีนัยสำคัญ ในนั้นรวมถึงกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี 2 กอง ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เช่นเดียวกับเรือยกพลขึ้นบกจู่โจม ที่บรรทุกกำลังพล 2,000 นาย ใกล้กับชายฝั่งอิสราเอล

นอกจากนี้ ยังมีทหารสหรัฐฯ อื่นๆ อีก 900 นาย ถูกส่งเข้าไปประจำการในจุดต่างๆ ที่ไม่มีการเปิดเผยในตะวันออกกลาง เจ้าหน้าที่อเมริกาอ้างว่าความเคลื่อนไหวนี้มีเจตนาเสริมการป้องกันกองกำลังของตนเองในภูมิภาค และป้องปรามไม่ให้ตัวละครภายนอกเข้าเกี่ยวพันในสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส

บทกลอนชื่อ ‘นางแบก-น้องด้อม-ลุงสลิ่ม’

เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 66 เพจเฟซบุ๊ก P.khondee (พี่คนดี กวีสมัครเล่น) โพสต์ข้อความว่า ทุกคนที่เลือกเพื่อไทยย่อมไม่ใช่ ‘นางแบก’ ทุกคนที่เลือกก้าวไกลย่อมไม่ใช่ ‘ด้อมส้ม’ แต่ทุกคนที่เชียร์ลุง หรือ รักสถาบัน ต้องเป็น ‘สลิ่ม’ ใช่ไหม?

พร้อมเขียนบทกลอนชื่อ ‘นางแบก-น้องด้อม-ลุงสลิ่ม’ มีเนื้อหาดังนี้

“เป็น ‘นางแบก’ ย่อมมีแอก อยู่บนหลัง
เป็น ‘นางบ่าว’ รับคำสั่ง มานั่งสอน
เป็น ‘นางบิด’ ใส่ความคิด ที่ตัดตอน
รับทุนรอน การจ้างงาน ผ่านเงินเดือน

เป็น ‘น้องด้อม’ ย่อมถูกกล่อม ให้หลงใหล
เป็น ‘น้องเดือด’ เลือดใหม่ ใฝ่เชือดเฉือน
เป็น ‘น้องดื้อ’ ไม่สนใจ ผู้ใหญ่เตือน
มีสหาย เป็นพวกเพื่อน อวตาร

เป็น ‘คนกล้า’ ด่าคนร้าย คนขายชาติ
เป็น ‘คนการ์ด’ ชาติไม่ให้ ใครมาผลาญ
เป็น ‘คนแก่’ ที่มีครบ ประสบการณ์
กลับโดนขาน เรียก ‘ลุงสลิ่ม’ เพื่อทิ่มตำ”

‘สว.วันชัย’ ป้อง!! ‘เศรษฐา-เพื่อไทย’ เข้ามา 2 เดือน โดนด่าเหมือนอยู่เป็นปี งง!! ทำอะไรก็ผิด ถามกลับ!! “ไม่เอาเพื่อไทย แล้วจะเอาใครเป็นรัฐบาล?"

(29 ต.ค. 66) นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ ‘ไม่เอาเพื่อไทย แล้วจะเอาใครเป็นรัฐบาล’ ระบุว่า…

อยากจะถามดังๆ ถ้าไม่เอาเพื่อไทย และนายกฯ เศรษฐาแล้ว คุณจะเอาใครมาเป็นรัฐบาล มาเป็นนายกฯ เห็นกล่าวหาโจมตีกันจัง ไอ้โน่นก็ผิดไอ้นี่ก็ไม่ถูก จะยืนเดินนั่งนอน เสื้อผ้าหน้าผมรองเท้าถุงเท้าเป็นประเด็นกันไปหมด จะบ้าตาย ทั้งๆ ที่เป็นรัฐบาลมาแค่ 2-3 เดือน โจมตีอย่างกับว่าเขาอยู่มาเป็นปี

นายวันชัย ระบุต่อว่า จะเกลียดทักษิณและเพื่อไทยก็เกลียดกันเอาเป็นเอาตาย เกลียดไม่เลิก เกลียดแบบเข้ากระดูกดำ ทั้งๆ ที่ผู้มีอำนาจเขาเลิกเกลียด เขาก้าวข้ามความขัดแย้งกันแล้ว แต่พวกนี้ยังฝังจิตฝังใจกับทักษิณอย่างกับสายสิญจน์มัดตราสัง ไม่ยอมเลิกรา จะบ้าบอกันไปถึงไหน ไม่คิดจะให้บ้านเมืองมันเดินหน้ากันบ้างหรือไร จะเป็นสัปเหร่อเผาผีกันไปอย่างนี้หรือ

นายวันชัย ระบุว่า แค่นายกฯ ไปแสดงความยินดีกับคุณอุ๊งอิ๊งด้วยท่าทีแบบนั้นก็ดิ้นกันเป็นกิ้งกือโดนไฟ ทำไม่ถูกบ้างล่ะ ไม่เหมาะสมบ้างล่ะ คนเป็นนายกฯ ทำอย่างนั้นมันน่าอาย ก็คนอยู่พรรคเดียวกัน พวกเดียวกัน จะเล่นจะหยอกกันบ้างไม่ได้หรือ และคุณอุ๊งอิ๊งที่เป็นหัวหน้าพรรค และจะเป็นนายกฯ คนต่อไปหรือไม่นั้น มันก็อยู่ที่ประชาชน ทั้งวัย และการเมืองในสถานการณ์นี้ที่มีก้าวไกลเป็นคู่แข่ง คุณไม่เอาคนวัยขนาดนี้ จะไปเอาคนแก่ขนาดไหนมาเป็นผู้นำ

นายวันชัย ยังระบุอีกว่า แม้แต่เรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ก็ยังไม่ชัดเจนเลยว่ารัฐบาลจะเอาแบบไหนอย่างไร อยู่ในขั้นตอนที่เขาคงจะพิจารณากันให้รอบคอบ ทำได้ก็คงจะทำ และทำได้แค่ไหนเขาก็คงต้องดูกันให้ดี เป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรีกันก็มีสติปัญญากันทั้งนั้น ทำแล้วบ้านเมืองเสียหาย ทำแล้วติดคุกติดตะรางเขาก็คงจะไม่ทำกันหรอก ผมเชื่ออย่างนั้น เพราะพรรคเพื่อไทยคงจะมีบทเรียนเห็นพรรคพวกติดคุกติดตะราง หนีไปต่างประเทศกันแล้วหลายคน คงจะเป็นบทเรียนได้ดี

“การเป็นรัฐบาลครั้งนี้ ใครก็รู้ว่ากว่าจะมาถึงวันนี้มันมีเบื้องหน้าเบื้องหลังเยอะ เขาคงจะไม่ทำอะไรซ้ำรอยเดิม ทั้งการชุมนุมประท้วง การปฏิวัติรัฐประหาร มันเป็นบทเรียนกันกับคนทุกคน ควรหันหน้าเข้าหากันได้แล้ว เลิกเสียทีเถอะที่เอาแต่ด่าๆๆ แต่ไม่เห็นจะทำอะไรเลย แทนที่จะปรองดองกันกลับเมายาดองกันทุกวัน ว่างๆ ไปไหว้พระที่วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชันกันเสียบ้าง” นายวันชัย ระบุทิ้งท้าย

‘วราวุธ’ สวน!! โซเชียลวิจารณ์นโยบายลดใช้ถุงพลาสติกช่วยหรือซ้ำเติม แนะ!! ดูสถานการณ์โลกบ้าง ฟากชาวเน็ตหนุน!! สิ่งแวดล้อมต้องช่วยกัน

(29 ต.ค. 66) มาตรการลดใช้ถุงพลาสติก งดแจกถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวจากร้านค้าปลีกขนาดใหญ่เพื่อลดการกลายเป็นขยะที่ย่อยสลายไม่ได้ทางชีวภาพ รวมถึงส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน โดยเริ่มลดการใช้ถุงพลาสติกตั้งแต่ 1 มกราคม 2563

อย่างไรก็ตาม นโยบายดังกล่าวก็เกิดการตั้งคำถามมากขึ้น เพราะลดการแจกถุงพลาสติกฟรีแต่ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าชั้นนำหลากหลายพื้นที่กลับหันมาจำหน่ายถุงพลาสสิกสำหรับผู้ประสงค์จะซื้อถุงในราคาเริ่มต้น 15 บาท ว่าเป็นการช่วยเหลือประชาชนจริงหรือไม่

ดังที่มีเพจหนึ่งออกมาตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าวว่า “งงกับนโยบายเลิกใช้ถุงพลาสสิกของวราวุธ ห้างใหญ่สนองนโยบายไม่ให้ถุงแล้ว แต่หันมาขายถุงใบละ 15 บาท ช่วยหรือซ้ำเติม ปชช.กันแน่ วราวุธ”

งานนี้ ไม่ต้องสงสัยนาน เพราะ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ออกมาตอบกลับเอง โดยระบุว่า…

- “ก็ลองรวมหัวกันไม่ซื้อถุง ทำให้ห้างใหญ่ที่ผลิตถุงมาขายเจ๊งไปเลยสิครับ ได้ลองดูสถานการณ์โลกบ้างไหมครับ ว่าเข้าขั้นวิกฤตแค่ไหน”
- “สงสัยในประเด็นใดหรืออยากเปิดโลกทัศน์เพิ่ม ผมยินดีให้ความรู้ครับ”

นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์ถึงประเด็นการงดแจกถุงพลาสติก ว่า…
- “ซื้อถุงก็ไม่จำเป็นต้องขายแพงขนาดนี้ก็ได้ครับ (ซื้อถุงเพราะความจำเป็นไม่ได้อยากซื้อ)”
- “เรื่องสิ่งแวดล้อม ทุกคนต้องช่วยกัน ปัญหาถึงจะเบาบางลง ไม่มีทางแก้ปัญหาได้”
- “เจตนาคิดค่าถุงราคาสูงก็เพื่อให้ลูกค้าคิดว่าแพงจะได้เตรียมถุงมาเองอย่างน้อยก็มีคนคิดว่าแพงแล้วละถูกต้องตามเจตนา!!”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top