Friday, 20 June 2025
NewsFeed

กระบี่-ทกจ.กระบี่ร่วมกับอบจ.กระบี่ เตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพ กีฬานักเรียน ครั้งที่ 43 "กระบี่เกมส์" ต้นปี 67

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2566 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมมรกต ชั้น2 สำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี นายสัจจพร จันทร์ศรีนวล ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ประธานการประชุม พร้อมด้วยนายสุรัตน์ จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ นายโกมาต แป้นเกิด วัฒนธรรมจังหวัดกระบี่ และคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ฝ่ายพิธีการไฟพระฤกษ์ ร่วมประชุมการดำเนินการเกี่ยวกับพิธีไฟพระฤกษ์ในการแข่งขันกีฬานักเรียน นักศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 43 ประจำปี 2567 “กระบี่เกมส์” เพื่อหารือเตรียมความพร้อมการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนนักศึกษาฯ โดยรับทราบและพิจารณาในวาระการประชุม พิธีการรับไฟพระฤกษ์ พิธีเฉลิมฉลองไฟพระฤกษ์ และพิธีการรับเสด็จผู้แทนพระองค์ในพิธีเปิดการแข่งขัน (จุดไฟพระฤกษ์) (วันที่ 22 มกราคม 2567) และร่วมหารือการกำหนดแนวทางในการจัดจ้างเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับพิธีการไฟพระฤกษ์ในโครงการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียน นักศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 43 ประจำปี 2567 ต่อไป

ปลัดกระทรวงเหมืองแร่และพลังงาน ประเทศกัมพูชา พร้อมคณะมาศึกษาดูงานโครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ ๙

เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เวลา ๐๙.๐๐น. ที่ผ่านมา นายวัชระ เติมวรรธนภัทร์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลทรงคนอง นายอุตมะ ปภาภูธนะนันต์ ผู้จัดการพิพิธภัณฑ์ครุฑ โดยธนาคารทหารไทยธนชาต ได้ต้อนรับ คุณวิคเตอร์ โจน่า ปลัดกระทรวงเหมืองแร่และพลังงาน ประเทศกัมพูชา พร้อมคณะ (Mr. VICTOR JONA Under Secretary of State Ministry of Mines and Energy) ที่มาศึกษาดูงานโครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ ๙ และสักการะลานพระบรมรูปทรงงาน ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ณ สวนสุขภาพลัดโพธิ์ บริเวณใต้สะพานภูมิพล 1 สะพานภูมิพล 2 ตำบลทรงคนอง อำเภอพระประแดง  จังหวัดสมุทรปราการ ในเวลา ๑๑.๐๐ น.

โดยมีหมวดตรีไพศาล เติมวรรธนภัทร์ ได้ทำการต้อนรับ พร้อมเล่าเรื่องราวโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ท่านทรงมีพระเมตตาต่อพสกนิกรชาวไทย ทรงห่วงใยในด้านการใช้ชีวิตที่มั่นคงอย่างยั่งยืน ซึ่งสามารถกล่าวสั้นๆ ได้ว่า "อาจจะไม่ใช่กาแฟที่อร่อยที่สุดในโลกแต่เป็นกาแฟที่ดีที่สุดในโลกเพราะเป็นกาแฟที่มีหัวใจความรักของพระองค์ท่านที่มีต่อปวงชนชาวไทย" ณ ร้านกาแฟลูกกำนัน ตำบลทรงคนอง 

และในเวลา ๑๓.๐๐ น. นายอุตมะ ปภาภูธนะนันต์ ผู้จัดการพิพิธภัณฑ์ครุฑฯ ได้พาเยี่ยมชมศึกษาดูงาน สถานที่ที่ได้บอกเล่าเรื่องราว ความเป็นมาของตราพระครุฑพ่าห์ เทพพาหนะของพระนารายณ์ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของพระราชอำนาจแห่งพระมหากษัตริย์ผู้เป็นประมุขของชาติและเป็นองค์อวตารของพระนารายณ์ตามแนวคิดสมมุติเทพ หรือที่เรียกว่า ตราแผ่นดินของไทย 

ทั้งนี้สิ่งที่ปรากฏ อันแสดงถึงความภาคภูมิใจของ ชาวไทยทุกคน คือไม่ว่า คุณวิคเตอร์ โจน่า จะเยี่ยมชมลานพระบรมรูปทรงงาน ณ สวนสุขภาพคลองลัดโพธิ์ และร้านกาแฟลูกกำนัน ต.ทรงคนอง หรือแม้แต่ พิพิธภัณฑ์ครุฑฯ โดยธนาคารทหารไทยธนชาต คุณวิคเตอร์ โจน่า ได้แสดงออกถึงความเคารพอย่างนอบน้อม ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ กษัตริย์แห่งแผ่นดินไทย อย่างซาบซึ้ง แสดงให้เห็นถึงความรักและความเคารพที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย ที่ไม่ใช่เพียงแต่คนไทย ที่รักและเคารพท่าน แต่ยังหมายถึง ผู้คนทั่วทุกมุมโลกไปจนถึงระดับนานาชาติ 

ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีงามระหว่าง ๒ ประเทศไทยและกัมพูชา ที่มีร่วมกันมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันอย่างแน่นแฟ้น ทั้งนี้นับเป็นความสัมพันธ์ไมตรีต่อเนื่องจาก งานพิธีบวงสรวงสมโภช สมเด็จมหาราชทรงครุฑ ภปร. วาระครบรอบ ๔๑ ปี ณ วัดทุ่งสีกัน(พุทธสยาม) เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๖ ที่ผ่านมามีตัวแทนจากประเทศ กัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา ที่ได้เข้าร่วมพิธีอันเป็นมงคลยิ่ง

‘กรมราง’ ตรวจงาน ‘รถไฟฟ้าสายสีชมพู’ ช่วงแคราย-มีนบุรี คืบหน้าแล้วกว่า 98.37% คาด!! พร้อมให้บริการ 18 ธ.ค.นี้

(25 ต.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางราง ลงพื้นที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี ร่วมกับ รฟม. บริษัทที่ปรึกษาโครงการ (PCPK) และบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ผู้ให้บริการเดินรถ เพื่อติดตามความพร้อมก่อนเปิดให้บริการประชาชนในเดือนธันวาคม 66

รถไฟฟ้าสายสีชมพู หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘น้องนมเย็น’ เป็นรถไฟฟ้าโมโนเรลสายที่สองของไทย ถัดจากรถไฟฟ้าสายสีเหลือง มีแนวเส้นทางเริ่มจากศูนย์ราชการนนทบุรี วิ่งผ่านถนนสำคัญหลายเส้น ได้แก่ ถนนรัตนาธิเบศร์ ถนนติวานนท์ ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนรามอินทรา และถนนสีหบุรานุกิจ จนถึงมีนบุรี รวมระยะทาง 34.50 กิโลเมตร 30 สถานี

มีจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่น ได้แก่ สายสีเชียว สายสีแดง สายสีม่วง ปัจจุบันมีความคืบหน้าแล้วกว่า 98.37%

การลงพื้นที่ครั้งนี้ เริ่มต้นจากสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ (PK16) ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับสถานีวัดพระศรีมหาธาตุของรถไฟฟ้าสายสีเขียว จุดเด่นของสถานีนี้ คือ ชานชาลาและทางวิ่งจะถูกแยกเป็น 2 ฝั่ง และมีสะพานรถยนต์ข้ามแยกวงเวียนบางเขนคั่นอยู่ตรงกลาง

โดยจะมี Skywalk ให้ผู้ใช้บริการสามารถเดินทะลุจากชานชาลาของรถไฟฟ้าสายสีชมพูไปที่บริเวณขายตั๋วของรถไฟฟ้าสายสีเขียวได้เลย โดยไม่ต้องแตะบัตรเข้า-ออกอีกครั้ง ทำให้เดินทางสะดวกรวดเร็วมากขึ้น
.
ต่อมาได้ร่วมทดสอบการเดินรถ จากสถานีวัดพระศรีมหาธาตุไปยังสถานีหลักสี่ (PK14) สถานีนี้มี Skywalk เชื่อมต่อไปที่สถานีหลักสี่ของรถไฟชานเมืองสายสีแดง ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และศูนย์การค้าไอทีสแควร์ ซึ่งอยู่คนละฝั่งของถนนวิภาวดีรังสิตได้

นอกจากนี้ รถไฟฟ้าสายสีชมพูยังมีจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01) โดยมี Skywalk แห่งแรกในไทย ที่มีทางเดินเลื่อนอัตโนมัติ (Walkalator) ความยาว 340 เมตร ในอนาคตสถานีนี้จะมีการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลช่วงแคราย - ลำสาลีได้อีกด้วย

สำหรับสถานีแจ้งวัฒนะ 14 (PK 11) - สถานีโทรคมนาคมแห่งชาติ (PK 13) ที่เริ่มการก่อสร้างทางขึ้น - ลงได้ล่าช้า ปัจจุบันก่อสร้างเสาตอม่อและโครงสร้างเหล็กแล้ว อยู่ระหว่างก่อสร้างหลังคา ราวกันตก ติดตั้งและทดสอบการใช้งานบันไดเลื่อนและลิฟต์

ในส่วนของการเชื่อมต่อ สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ จะมี Skywalk เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ปฏิบัติงานในบริเวณศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติกว่าแสนราย รวมถึงทยอยคืนพื้นผิวจราจรตลอดแนวเส้นทาง เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเดินทางได้สะดวกปลอดภัย

ซึ่ง รฟม. ได้เร่งรัดผู้รับจ้างในการเปิดให้บริการเร็วขึ้นจากเดิม เดือนมิถุนายน 2567 เบื้องต้นผู้รับจ้างคาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ ในวันที่ 18 ธันวาคม 2566 โดยให้บริการในช่วง 06.00 - 24.00 น. อย่างไรก็ตาม รฟม. จะต้องตรวจสอบงานและความปลอดภัยให้เป็นไปตามสัญญาก่อนเปิดให้บริการต่อไป

'แรมโบ้' กระเด็น!! 'แม่เลี้ยงติ๊ก' ผงาด สส. ประกาศิตจากบุรุษนิรนาม พิกัดชั้น 14

เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่หนังสือลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ของ ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ 'แรมโบ้อีสาน' น่าสังเกตว่าหนังสือลาออกที่ยื่นต่อ กกต.ดังกล่าว ลงวันที่ 3 ต.ค. แต่เพิ่งนำมาเผยแพร่ ที่น่าสนใจไปกว่านั้นพลันที่ข่าวแรมโบ้กระจายในช่วงสาย ๆ เย็นวันเดียวกัน นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ สส.บัญชีรายชื่อลำดับ 2 ของพรรค รทสช. ก็โชว์หนังสือลาออกจาก สส.

อันว่า 'แรมโบ้' นั้นเป็นผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 15 ของพรรครทสช. ในการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 66 พรรครทสช.ได้สส.บัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ 13 คน ต่อมานายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคลาออกจากปาร์ตี้ลิสต์ลำดับ 1 ทำให้ลำดับ 14 คือ นายอนุชา บูรพชัยศร ได้ขยับเป็น สส. แทน 

ดังนั้นคิวต่อไป...หากนายสุพัฒนพงษ์ หรือ สส.ปาร์ตี้ลิสต์คนใดคนหนึ่งลาออกก็จะถึงคิวของ 'แรมโบ้'

แต่รอแล้วรอเล่า ก็ไม่มีการลาออก...

ถามว่าทำไมจึงไม่ลาออกเพื่อเปิดทางให้แรมโบ้?

สืบค้นเบื้องหลังเบื้องลึกแล้วพบว่า...มีประกาศิตจากบุรุษนิรนามที่สถิตย์อยู่ ณ ชั้น 14 ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งว่า...คนชื่อ 'เสกสกล' หรือ 'แรมโบ้' ต้องไม่ได้เข้าสภาฯ ในสมัยนี้...ไม่มีใครอธิบายเหตุผลได้ชัด ๆ ว่าทำไม...

ทว่าสืบสาวแล้วได้คำตอบประมาณว่า อาจเป็นเพราะแรมโบ้เคยปฏิบัติการปะฉะดะกับระบอบทักษิณ และบดขยี้คนแดนไกลในช่วงก่อนและระหว่างศึกเลือกตั้งอย่างเข้มข้น...นั่นเอง

กระแสข่าวยังเล่าลือว่า นอกเหนือจากคนชื่อ 'แรมโบ้' แล้ว บัญชีรายชื่อลำดับที่ 18 อย่าง 'อ้น ทิพานัน ศิริชนะ' ก็เป็นอีกหนึ่งคน ที่คนแดนไกลดังกล่าวขีดเส้นใต้ชื่อเอาไว้เช่นเดียวกัน...

อันที่จริงเรื่องนี้รับทราบกันมานานแล้ว บางคนยังเถียงคอเป็นเอ็นว่าเป็นไปไม่ได้...แต่ทุกอย่างก็แจ่มแจ้งแดงแจ๋ดังกล่าวแล้ว เมื่อ 'แรมโบ้' ลาออก หมดโอกาสเป็น สส.ปุ๊บ นายสุพัฒนพงษ์ก็ลาออกทันทีปั๊บ และเปิดทางโล่งให้ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู หรือ 'แม่เลี้ยงติ๊ก' ผู้สมัครลำดับที่ 16 ขยับเป็น สส. แทนแรมโบ้ และได้ไปรายงานตัวกล่าวปฏิญาณตนทำหน้าที่ สส. เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 25 ต.ค.66

ทั้งหลายทั้งปวง...ก็ต้องยอมรับว่า 'รังสีอำมหิต' ของบุรุษชั้น 14 ที่ว่า...ยังแผ่ซ่านมีอิทธิฤทธ์ในแวดงวงการเมืองมากกว่าที่นึก...พิลึกกว่าที่คิด...งานนี้เอาเข้าจริง พรรครทสช. ก็คงกระอักเลือดอยู่เหมือนกันที่ยอมจำนน...เฮ่ออ..!!

พูดถึงพรรครทสช. ก็ต้องพูดต่ออีกหน่อย...ไม่เพียงแรมโบ้ที่ลาออกไป บุญยอด สุขถิ่นไทย ที่เดินตามหลัง จุติ ไกรฤกษ์ เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคก็ตัดสินใจลาออกแล้วเช่นกัน แต่ก็เป็นการลาออกด้วยท่าทีที่สร้างสรรค์ เป็นมิตร

แต่ในวันเดียวกับที่มีข่าวแรมโบ้ลาออก ข่าวเชิงบวกของ รทสช. ก็เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน นั่นคือการย่างสามขุมมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคของ 'บิ๊กเนม' อย่างถาวร เสนเนียม อดีตประธานไทยภักดี ในช่วงเลือกเดือน พ.ค.2566

การเข้ามาร่วมสังฆกรรม พรรครทสช.ของถาวร เสนเนียม น่าจะเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า พรรครทสช.จะเดินหน้าต่อไป อย่างน้อยศึกเลือกตั้งสมัยหน้า...ซึ่งยังพอมีช่องว่างให้พรรคระดับกลางอย่างรทสช., พปชร.และ ปชป.แย่งชิงเก้าอี้สส.กันได้จำนวนหนึ่ง...ในขณะที่พรรคภูมิใจไทย ของครูใหญ่ 'เนวิน' ที่มี 71 เสียงในวันนี้ สมัยหน้าไม่น่าที่จะเบ่งกล้ามขยายพื้นที่ได้อีก...

ส่วนพรรคเพื่อไทย...วันที่ 27 ต.ค.นี้จะได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ 'อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร' เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ และ 'บอย' สรวงศ์ เทียนทอง เป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ อาจจะเป็นโมเมนต์ที่ดีอยู่บ้าง แต่ต้องยอมรับว่าวันนี้เพื่อไทยยังอยู่ในขาลง...เดิมพันจะเป็นขาขึ้นได้หรือไม่อยู่ที่ผลงานรัฐบาลเป็นหลัก...แค่ลอกคราบพรรคยังไม่พอ...

ส่วนพรรคก้าวไกล...'เล็ก เลียบด่วน' ขอรอดูการจัดการปัญหาการคุกคามทางเพศของ สส.ในพรรคก่อน แล้วค่อยมาวิพากษ์วิจารณ์นะครับ 555

'เศรษฐา' เตรียมถก 'คลัง' หาช่องช่วยแรงงานไทย หลังกู้เงินไปทำงานอิสราเอล จนไม่กล้ากลับมา

(25 ต.ค. 66) ที่โรงละครอักษรา คิงพาวเวอร์ ถนนรางน้ำ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการปล่อยตัวประกัน 50 คน จากเหตุการณ์ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ในจำนวนนี้มีคนไทยด้วยหรือไม่ ว่ายังไม่ทราบ ยังไม่ได้คุยกับนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และ รมว.การต่างประเทศ แต่เห็นนายปานปรีย์ บอกว่าจะมีข่าวดีเร็ว ๆ นี้ ซึ่งท่านเองก็พยายามอย่างเต็มที่

เมื่อถามว่า ฝ่ายความมั่นคงของเราสามารถเจาะข้อมูลเชิงลึกได้มากน้อยแค่ไหน นายเศรษฐา กล่าวว่า "ได้มาก ยืนยันว่าด้านความมั่นคงเราไม่มีจุดบอด ทางฝ่ายความมั่นคง ผู้บัญชาการทหารสูงสุด สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ทำงานอย่างเต็มที่ และมีรายงานมาโดยตลอด"

เมื่อถามต่อว่า จำเป็นต้องตั้งรองนายกฯ มาดูแลด้านความมั่นคงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ไม่จำเป็นเพราะมีสายตรงถึงตนเองตลอด"

ถามว่า หลังจากที่นายกฯขอความร่วมมือให้แรงงานไทยเดินทางกลับ มีตัวเลขเพิ่มเติมเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า "ดีขึ้น มีแนวทางที่ดีขึ้น เราเองก็พยายาม และเที่ยงวันนี้จะมีการพูดคุยกับ รมช.การคลัง ทั้ง 2 ท่าน และทีมงานกระทรวงการคลังว่าจะมีมาตรการไหนพอช่วยเหลือเขาได้หรือเปล่า เพราะเราเองก็ดูในเชิงลึกเหมือนกันว่าแรงงานไทยหลายคนที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศและอิสราเอลก็ต้องมีการกู้เงินมา ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่บางท่านยังตัดสินใจไม่กลับ และยอมเสี่ยงชีวิต เพราะเป็นเรื่องของเงินกู้ เราก็ต้องกลับมาดูว่าจะช่วยเหลือตรงไหนได้บ้างอย่างไร ยืนยันว่าเราพยายามอย่างเต็มที่ ทั้งกดดันว่าอย่าให้นายจ้างเอาเงินมาล่อทั้งทำในส่วนที่เราทำได้เอง ทำทั้ง 2 ส่วนทำทุกทาง"

'ชาดา' สั่ง 'ลูกเขย' ลาออก 'นายกเทศมนตรี' ไม่ใช่อยู่ต่อ ‘ตั้งรักษาการ’ และอ้างคดียังไม่สิ้นสุด

(25 ต.ค. 66) นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังชี้แจงต่อ กมธ.การปกครอง สภาผู้แทนราษฎร ว่า "ตนพูดไว้ว่าต้องเก็บกวาดบ้านตัวเองไว้ก่อน เรื่องนี้ในฐานะ รมช.มหาดไทย ได้โทร. หาผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีว่า ให้สั่งพักปฎิบัติหน้าที่ นายวีระชาติ รัศมี นายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่ จ.อุทัยธานี ได้หรือไม่ ขอให้ฟังดี ๆ และใช้สมองคิด"

นายชาดา กล่าวว่า เมื่อวานลูกเขยตนได้รับการประกันตัว ได้มีการพูดคุย ซึ่งเขาได้ขอโทษแล้ว ตนบอกว่าไม่ต้องพูดอะไร แต่สิ่งที่คุณต้องทำคือการลาออกจากการเป็นนายกเทศมนตรี เพื่อให้จังหวัดจัดการเลือกตั้ง การรอการพักปฎิบัติหน้าที่ ถือว่าเป็นการเอาเปรียบ ปล่อยทิ้งพี่น้องประชาชนในตำบล ดังนั้นหากลาออกกระบวนการจะต้องมีการจัดเลือกตั้งใหม่ ใครจะลงก็ว่าไปตามระบบ ถือเป็นว่ามาตรฐานของสังคมไทยในทางการเมืองท้องถิ่น โดยนายวีระชาติ ลาออก เมื่อเวลาประมาณ 5 ทุ่มของวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา

"คุณ (ลูกเขย) ต้องลาออก เพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีคนใหม่ ไม่ใช่อยู่ต่อ (ตั้งรักษาการ) และอ้างคดียังไม่สิ้นสุด" รมช.มหาดไทย เสริม

นายชาดา กล่าวอีกว่า "ผมในฐานะพ่อต้องกอดลูกทุกคนด้วยความรักความอบอุ่น และเดินไปด้วยกัน แม้ทางเดินจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ครอบครัวของผม ผมรัก และผมทำหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขอร้องว่า อย่าเอาลูกหลานของผมมาโจมตี แอ็กเคาต์อวตาร ขออย่าเอาลูกหลานของผมมาโจมตี เพราะมันจะเกิดสงครามโซเชียล วันนี้คนไทยต้องรักกัน รักสามัคคีกัน สำนึกในกะลาหัวว่าตอนนี้จะเกิดสงครามโลกอยู่แล้ว ออกข่าวทุกวัน ไม่ใช่มาด่ากันในประเทศนี้ อย่าทำอะไรที่มันไม่สร้างสรรค์" นายชาดา กล่าว

'อิทธิพัทธ์' เชื่อ!! 'พีระพันธุ์' เตรียมนโยบายระยะยาวช่วย ปชช. หลังแก้ปัญหาพลังงานระยะสั้น ลด 'ค่าไฟ-น้ำมัน' ราบรื่น

(25 ต.ค. 66) นายอิทธิพัทธ์ เศรษฐยุกานนท์ หรือ ‘บอย’ อดีตผู้สมัคร สส.กทม พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

อีกผลงานของท่านพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ช่วยลดภาระของประชาชน ผลักดันให้ลดราคาน้ำมันเบนซิน โดยการเสนอผ่านการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2566 สุดท้ายมีมติร่วมกันให้ลดราคาน้ำมันเบนซินโซฮอลล์ 91 ลง 2.50 บาท ต่อลิตร เป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งคาดว่ามีผลบังคับใช้ในช่วงสัปดาห์หน้า

ผมต้องขอขอบคุณท่านพีระพันธ์ุ และคณะรัฐมนตรีทุกท่านที่ช่วยลดภาระของพี่น้องประชาชนคนไทย จากนี้ไปเราคงเห็นนโยบายที่ช่วยลดภาระพี่น้องประชาชนอีกหลายเรื่องครับ

‘อันโตนิอู กุแตเรซ’ ชี้ ชาวปาเลสไตน์บอบช้ำยาวนาน 56 ปี ต้องทนเห็นแผ่นดิน-บ้านเมือง-เศรษฐกิจ พังยับเยิน สูญสิ้นหนทางแก้ปัญหา

อันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ แสดงความคิดเห็นแทนชาวปาเลสไตน์ในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ถึงชะตากรรมของชาวปาเลสไตน์ ตลอด 56 ปี ภายใต้การยึดครอง ที่มองไปทางไหนก็ไม่เห็นทางออก…ความฝันที่จะแก้ปัญหาก็สลายหายไปพร้อมกับสงคราม

'ศาลฯ' ลงดาบ!! หนุ่มคะนองแชร์คลิปตัดต่ออนาจาร 'ศรีริต้า' คุก 12 เดือน ปรับ 6 หมื่น ชดใช้ค่าเสียหายอีก 1 แสน

(25 ต.ค. 66) ศาลอาญาอ่านคำพิพากษา คดีที่ น.ส.ศรีริต้า เจนเซ่น ณรงค์เดช ดาราสาวชื่อดัง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง หนุ่มแชร์คลิปตัดต่ออนาจารในสื่อออนไลน์ เป็นเหตุให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและได้รับความเสียหาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2564

โดยวันนี้ น.ส.ศรีริต้า โจทก์ เดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมด้วยนายกรณ์ ณรงค์เดช สามี และน.ส.ศรันยา หวังสุขเจริญ หรือ ทนายนิด้า

น.ส.ศรันยา หรือ ทนายนิด้า กล่าวว่า ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิด ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(4)(5) ลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 20,000 บาท, ความผิดหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 100,000 บาท และ ทำให้ได้รับความอับอายความ ผิดลหุโทษ มาตรา 397 ลงโทษปรับ 1,000 บาท รวมโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 121,000 บาท

จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 12 เดือน ปรับ 60,500 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี เนื่องจากจำเลยไม่เคยกระทำความผิด และได้วางเงินชดใช้ค่าเสียหายก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา โดยให้รายงานตัวพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้งใน 1 ปี ทำงานบริการสังคม 24 ชั่วโมง และให้จำเลยลบ ทำลาย ข้อความอันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ ให้โฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ 15 วัน และโพสต์คำขออภัยลงในเฟซบุ๊กเป็นเวลา 30 วัน พร้อมกับให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 100,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย

น.ส.ศรันยา หรือทนายนิด้า กล่าวต่อว่า จำเลยส่งต่อข้อมูลลามกอนาจาร ซึ่งไม่ได้เป็นคนตัดต่อคลิปขึ้นมาเอง หากใครติดตามจะทราบว่าคุณศรีริต้าถูกกล่าวหาว่าไปปรากฏอยู่ในคลิปลามกอนาจาร ทั้ง ๆ ที่ปฏิเสธมาตลอดว่าเป็นคลิปตัดต่อไม่ใช่คุณศรีริต้า แต่จำเลยยังส่งต่อคลิปถือว่ามีความผิดเช่นเดียวกัน

"จากการพูดคุย อ้างว่าไม่ได้ตั้งใจ ทำไปด้วยความคึกคะนอง เมื่อได้รับหมายศาลก็สลดกันทุกคน ตนเองอยากให้ คนที่ทำแบบนี้ตระหนักได้แล้ว อย่างคุณริต้าเองวันนี้ที่ต้องมาศาลก็ต้องเสียทั้งเวลาทั้งเงิน แต่ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ"

ด้าน น.ส.ศรีริต้า เจนเซ่น กล่าวว่า ขอบคุณผู้พิพากษา และทนายนิดาที่ทำให้ตนเองได้รับความเป็นธรรม ยอมรับว่าตนเองลำบากใจเพราะไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อน ไม่ได้ทำด้วยความโกรธแค้น แต่ตนเองไม่สามารถเพิกเฉยได้จึงตัดสินใจดำเนินคดี เพื่อปกป้องชื่อเสียงศักดิ์ศรีของตัวเอง ครอบครัว โดยเฉพาะลูก ตนเองไม่อยากให้ใครเข้าใจผิดในสิ่งที่ไม่เป็นความจริงที่เข้ามาบั่นทอนชีวิตของตนเองและชื่อเสียง อยากให้เรื่องนี้เป็นกรณีตัวอย่าง เป็นบทเรียนว่าการกระทำแบบนี้สามารถเข้าไปทำลายชีวิตคนอื่นได้จริง ๆ อยากให้คิดก่อนทำ ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจหรือด้วยความคึกคะนองอะไรก็ตาม อยากให้ฉุกคิดว่ามันจะไปสร้างผลกระทบต่อชีวิตคนอื่น และทำลายชีวิตใครหลาย ๆ คนตามที่เราเห็นข่าวทุกวันนี้จากอาชญากรรมไซเบอร์ อยากให้สังคมรู้ว่าบ้านเมืองมีกฎหมายมีศาล จึงยิ่งทำให้ตนเองไม่สามารถเพิกเฉยกับเรื่องดังกล่าวได้จริง ๆ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าใครเป็นคนตัดต่อ แต่วันนี้รู้ว่าใครเป็นคนแชร์คลิป ทั้งที่ปฏิเสธแล้วว่าไม่ใช่ตนเองแต่ก็ยังแชร์คลิปอยู่

ขณะที่นายกรณ์ ณรงค์เดช สามีดาราสาว กล่าวว่า วันนี้ดีใจกับภรรยาและขอบคุณกระบวนการยุติธรรม เพราะเป็นสิ่งที่ภรรยาทุกข์ใจหนักใจมาโดยตลอด หากหลายคนจำได้ตอนที่เกิดเรื่อง ภรรยากำลังตั้งท้อง กระทบจิตใจอย่างรุนแรง และตลอดระยะเวลาที่อยู่ในวงการวางตัวดีมาตลอดไม่เคยมีข่าวเสื่อมเสียใด ๆ วันนี้จะได้เคลียร์ให้ชัดว่าผู้หญิงที่อยู่ในคลิปเป็นการตัดต่อไม่ใช่ภรรยา และถือว่าได้เคลียร์ชื่อเสียง 100% เปอร์เซ็นต์

'จีน' ส่งเทียบเชิญ 'นักบินอวกาศต่างชาติทั่วโลก' ร่วมภารกิจท่องสถานีอวกาศของจีนในปี 2030

(25 ต.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หลินซีเฉียง รองผู้อำนวยการองค์การอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมแห่งประเทศจีน (CMSA) แถลงข่าวว่าจีนสามารถและพร้อมจะเชิญชวนนักบินอวกาศชาวต่างชาติเข้าร่วมภารกิจการเดินทางสู่สถานีอวกาศของจีน

หลินกล่าวว่ามีการส่งคำเชิญชวนไปทั่วโลก โดยยินดีต้อนรับทุกประเทศและภูมิภาคที่มุ่งมั่นใช้อวกาศอย่างสันติเพื่อร่วมมือกับจีนและเข้าร่วมภารกิจสถานีอวกาศของจีน โดยหลินเสริมว่าในอนาคตจะมีการเชิญชวนนักบินอวกาศชาวต่างชาติเข้าร่วมภารกิจลงจอดบนดวงจันทร์ของจีนด้วย

ทั้งนี้ จีนวางแผนส่งยานอวกาศลงจอดบนดวงจันทร์โดยมีมนุษย์ควบคุมภายในปี 2030 ซึ่งปัจจุบันจีนเดินหน้างานวิจัยและพัฒนาอย่างแข็งขันเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวตามกำหนดการ

หลินเน้นย้ำว่าการดำเนินงานทางวิศวกรรมอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมของจีนมีวัตถุประสงค์เพื่อความสันติโดยเฉพาะ และจีนไม่เคยแสวงหาหรือจะแสวงหาการมีอำนาจนำในอวกาศ โดยจีนยินดีเดินหน้าความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศบนพื้นฐานของการใช้อย่างสันติ ความเท่าเทียม ผลประโยชน์ร่วม และการพัฒนาร่วมกัน

นอกจากนั้นหลินเสริมว่าการทำงานร่วมกันนั้นครอบคลุมการเดินทางสู่อวกาศร่วมกันของนักบินอวกาศ การพัฒนาและการทดลองอุปกรณ์บรรทุก (payload) ในอวกาศ การกำกับดูแลสิ่งแวดล้อมในอวกาศ และการศึกษาวิทยาศาสตร์การบินและอวกาศสำหรับเยาวชน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top